3.ระบบคอมพิวเตอร์และการใช้งานข้อมูลสารสนเทศ ระบบ (System) หมายถึง ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่มีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลออกมาตามที่ต้องการ ขั้นตอนการปฏิบัติงานจะต้องปรากฎให้ทราบโดยทั่วกันไม่ว่าจะอยู่ในรูป ของเอกสารหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือโดยวิธีการอื่น ๆ องค์ประกอบของระบบ ประกอบด้วย ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลผลิต และข้อมูลป้อนกลับ ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) หมายถึง ขั้นตอนการปฏิบัติงานของคอมพิวเตอร์ที่มี การกำหนดอย่างชัดเจนว่าต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลออกมาตามที่ต้องการ ขั้นตอนการปฏิบัติงานจะ ประกอบด้วย ข้อมูลนำเข้า การประมวลผล ผลลัพธ์ และข้อมูลป้อนกลับ ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ประเภทของคอมพิวเตอร์ตามความสามารถของระบบ จำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด โดยพิจารณาจาก ความสามารถในการเก็บข้อมูล และ ความเร็วในการประมวลผล เป็นหลัก ดังนี้ 1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์(super computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดมี ขนาดใหญ่และราคาแพงกว่าคอมพิวเตอร์ชนิดอี่นออกแบบมาเพื่อใช้แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์และทาง วิศวกรรมศาสตร์ เช่น การพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหลายวัน เป็นต้น
2.เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (mainframe computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะการทำงานสูง เมนเฟรมคอมพิวเตอร์สามารถให้บริการผู้ใช้ได้หลายร้อยคน คอมพิวเตอร์ชนิดนี้มักใช้ในองค์กรใหญ่ๆ เช่น ธนาคาร เป็นต้น 3. มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer) เป็นเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เหมาะกับองค์กรขนาด กลางที่ใช้บริการแก่เครื่องลูกข่าย เช่น โรงแรม เป็นต้น
4. ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) มีประสิทธิภาพสูงราคาไม่แพงมีความนิยมสูงเหมาะ สำหรับใช้ส่วนตัวที่บ้าน และยังได้รับความนิยมสูงสุดด้วย 5.คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก (handheld computer) สามารถจัดการกับข้อมูลประจำวันได้ สร้าง ปฏิทิน บันทึกเตือนความจำ เล่นเกม ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง และรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ได้ เป็น คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก เช่น พีอีเอ ไอโฟน เป็นต้น
อุปกรณ์ต่อพ่วง อุปกรณ์ต่อพ่วง หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆที่สามารถต่อเข้ากับอุปกรณ์ของหน่วยประมวลผลกลางและ ประกอบเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานได้ อุปกรณ์ต่อพ่วงแต่ละชนิดมีคุณลักษณะที่สำคัญ ดังนี้ 1.แผงพิมพ์อักขระ เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลจากการกดแป้นจากนั้นก็เปลี่ยนรหัสแล้วส่งไป ยัง ประมวลผลกลาง แป้นพิมพ์โดยทั่วไปมี 50 แป้นขึ้นไปแบ่งเป็นแป้นตัวเลขและแป้นอักขระ 2.เมาส์ เป็นอุปกรณ์ประเภทตัวชี้ที่ได้รับข้อมูลจากการกดปุ่มข้างบนเมาส์ ทำหน้าที่คลิกปุ่มคำสั่งที่ ต้องการ แบ่งเป็น 2 ประเภท 2.1 เมาส์ทางกล 2.2 เมาส์แบบใช้แสง 3.อุปกรณ์ชี้ตำแหน่งสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่สามารถติดกับตัวโน๊ตบุ๊ค สะดวกในการพกพา ซึ่งมี 3 ประเภท คือ 3.1 ลูกกลมควบคุม 3.2 แท่งชี้ควบคุม 3.3 แผ่นรองสัมผัส 4.ก้านควบคุม เป็นอุปกรณ์ควบคุมการเคลื่อนที่ของตัวชี้บนหน้าจอ มีลักษณะเป็นก้านโผล่ออกมาจาก กล่อง 5.จอสัมผัส เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลจากการสัมผัสโดยเมื่อมีการเลือกตำแหน่งที่ ถูกเลือกจะแปลงเป็น สัญญาณไฟฟ้าส่งไปยังซอฟต์แวร์ที่แปลคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ ทำงาน 6.อุปกรณ์รับเข้าแบบกราดตรวจ ที่นิยมใช้มีอยู่ 3 ประเภท คือ 6.1 เครื่องอ่านรหัสแท่ง อุปกรณ์รับเข้าที่ทำงานโดยหลักการของการสะท้อนแสง เครื่องจะส่องลำ เสียงไปยังรหัสบนสินค้าจากนั้นจะเปลี่ยนรหัสเป็นสัญญาณไฟฟ้า ผ่านสายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
6.2 เครื่องกราดตรวจหรือสแกนเนอร์ เป็น อุปกรณ์รับเข้าประเภทรูปภาพและข้อความที่อยู่บน สิ่งพิมพ์โดยใช้หลักสะท้อน แสง ข้อมูลจะถูกแปลงในแบบที่คอมพิวเตอร์เข้าใจและเก็บไว้ในหน่วยความจำ 6.2 กล้องดิจิทัล ทำงานเหมือนกล้องถ่ายรูปทั่วไปแต่ไม่ต้องมีฟิล์มและมีคอมแพ็กแฟลช 7.เว็บแคม เป็นอุปกรณ์รับเข้าประเภทกล้องวีดีโอที่สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวผ่านเว็บไซค์แล้ว ปรากฎบนหน้าจอได้ 8.จอภาพ มี 2 ชนิด คือ 8.1 จอภาพแบบซีอาร์ที มีลักษณะเหมือนจอโทรทัศน์ ทำงานโดยเทคโนโลยีหลอดรังสี อิเล็กตรอน โดยยิงอิเล็กตรอนไปยังผิวด้านในจอเมื่อลำแสงวิ่งมาชนจะเกิดแสงสว่างขึ้น 8.2 จอภาพแบบแอลซีดี ทำงานโดยอาศัยการเบี่ยงเบนแสงตามการควบคุมทิศทางของโพราไล เซชั่นของวัตถุที่ กั้นระหว่างแหล่งกำเนิดแสงและแผ่นเคลือบสารเรืองแสง ป้องแรงดันเข้าไปยังแผ่นเพลตเมื่อ ได้รับแรงดันไฟฟ้า มีผลให้แสดงจากแหล่งกำเนิดสามารถผ่านทะลุกระทบกับสารเรืองแสงจนเกิดแสงสีที่ ต้องการ 9. ลำโพง เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลเป็นเสียงโดยใช้งานคู่กับการด์เสียงซึ่งเป็น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำ หน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลให้เป็นอะนาล็อกแล้วส่งไป ยังลำโพง 10.หูฟัง เป็นอุปกรณ์ส่งออกใช้ฟังเพลงจากคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณจากไฟฟ้าเป็น เสียง มีทั้งชนิดไร้สายและมีสาย บางรุ่นก็จะมีไมโครโฟนสำหรับสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ตอีกด้วย 11. เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่แสดงผลงานพิมพ์ลงบนกระดาษ แบบเครื่องพิมพ์ 11.1เครื่องพิมพ์แบบจุด 11.2เครื่องพิมพ์เลเซอร์ 11.3เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก 11.4พล็อตเคอร์ 12. โมเด็ม เป็นการแปลงสัญญาณเพื่อให้ติดต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้โดยเชื่อมต่อ คอมเข้ากับ คู่สายของโทรศัพท์ แล้วโมเด็มก็จะแปลงจากสัญญาณดิจิทัลให้เป็นสัญญาณอะนาล็อก หลักการเลือกคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน 1. วิเคราะห์วัตถุประสงค์ของการใช้งาน • การใช้งานสำนักงานและงานนำเสนอทั่วไป (Home & Office) เป็นกลุ่มที่มีการใช้งานใน ระดับพื้นฐาน เช่น พนักงานพิมพ์เอกสาร หรือเพื่อการศึกษาของนักเรียน นักศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประกอบการศึกษาค้นคว้า ทำรายงาน
• การใช้งานประมวลผล (Computing) เป้นกลุ่มผู้ใช้ที่มีอาชีพ มีธรรมชาติของการนำเข้าข้อมูล ข้อความตัวอักษรและตัวเลขเป็นหลัก แต่การคำนวณข้อมูลที่นำเข้านั้นมีการประมวลผลเพื่อแสดงผลที่ซับซ้อน เช่น งานคำนวณด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ • การใช้งานสื่อประสม (Multimedia) เป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่มีการนำเข้าข้อมูลมากกว่าข้อความและ ตัวเลขผ่านทางแผงเป็นอักขระ แต่มีการนำข้อมูลจากอุปกรณ์เชื่อมต่อภายนอกเพิ่มเติมโดนเฉพาะ เช่น สแกนเนอร์ นำเข้าข้อมูลภาพจากเครื่องกราดตรวจ กล้องดิจิทัล 2. เลือกคอมพิวเตอร์ตามลักษณะของการใช้งาน • งานนอกสถานที่ เป็นการใช้งานนอกสถานที่ ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ติดตามผู้ใช้ มีการเลื่อนที่หรือ เคลื่อนย้าย คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานเคลื่อนย้ายนอกสถานที่หลากหลาย • งานในสถานที่ เป็นลักษณะการใช้งานในสำนักงาน แหล่งผลิตชิ้นงานหรือแสดงผลที่ไม่มีการ เคลื่อนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมีองค์ประกอบที่ต้องพิจารณาประกอบการใช้งาน ดังนี้ • เครื่องชุด เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นชุดเดียวกันทั้งหมด คุณลักษณะของเครื่องชุดนี้ มีข้อดีคือมี ราคาที่แน่นอน การออกแบบ การติดตั้งอุปกรณ์เป็นชุดเดียวกัน อุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ ได้รับการตรวจสอบ จากผู้เชี่ยวชาญของบริษัทผู้ผลิต หรือ จำหน่าย • เครื่องประกอบ เป็นการจัดซื้ออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อภายใน เชื่อมต่อภายนอก ที่มีคุณลักษณะตรงกับ การใช้งานได้อย่างลงตัว โดยการจัดทำเครื่องประกอบนี้สามารถทำได้ในรูปแบบจัดซื้อสินค้าตามคุณลักษณะที ละชิ้น แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญในร้านประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ หรืออาจจะซื้อสินค้ามาประกอบด้วย ตนเองก็ได้
3. เลือกฮาร์ดแวร์ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน ในการเลือกคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ ให้เหมาะสมกับงานนั้น เมื่อได้วิเคราะห์วัตถุประสงค์และ ลักษณะของงานการใช้งานแล้ว ผู้ใช้สามารถตัดสินใจเลือกคุณลักษณะของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น ในการกำหนดคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์นั้น การเลือกคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ตามวัตถุประสงค์การใช้ งานมีรายละเอียดดังนี้ • การใช้งานสำนักงานและงานนำเสนอทั่วไป - มีหน่วยปะมวลผลกลาง (CPU) - มีส่วนควบคุมการแสดงผลที่มีหน่วยความจำไม่น้อยกว่า 128 เมกะไบต์ - มีหน่วยความจำหลัก (RAM) ชนิดดีดีอาร์ทรี (DDR3) - มีหน่วยจัดเก็บข้อมูล (Hard Disk) ชนิดเอสเอทีเอ (SATA) - มีเครื่องอ่านและเครื่องเขียนดีวีดี (DVD-RW) - มีช่องเชื่อมต่อระบบเครือข่าย - มีจอภาพแบบแอลซีดี (LCD) มี Contrast Ratio • การใช้งานประมวล - มีหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ไม่น้อยกว่า 2 แกนหลัก - มีหน่วยประมวลผลเพื่อแสดงภาพแยกจากแผงวงจรหลัก ที่มีหน่วยความจำขนาดไม่น้อย กว่า 512 เมกะไบต์ (GB) - มีหน่วยความจำหลัก (RAM) ชนิดดีดีอาร์ทรี (DDR3) หรือดีกว่า - มีหน่วยจัดเก็บข้อมูล (Hard Disk) ชนิดเอสเอทีเอ (SATA)หรือดีกว่า ขนาดความจุไม่น้อย กว่า 500 กิกะไบต์ (GB) จำนวน 1 หน่วย - มีเครื่องอ่านและเครื่องเขียนดีวีดี (DVD-RW) หรือดีกว่า จำนวน 1หน่วย - มีช่องเชื่อมต่อระบบเครือข่าย - มีจอภาพแบบแอลซีดี (LCD) มี Contrast Ratio - การใช้งานสื่อประสม (Multimedia) - มีหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ไม่น้อยกว่า 4 แกนหลัก - มีหน่วยประมวลผลเพื่อแสดงภาพแยกจากแผงวงจรหลัก ที่มีหน่วยความจำขนาดไม่น้อย กว่า 1 กิกะไบต์ (GB) - มีหน่วยความจำหลัก (RAM) ชนิดดีดีอาร์ทรี (DDR3) หรือดีกว่า - มีหน่วยจัดเก็บข้อมูล (Hard Disk) ชนิดเอสเอทีเอ (SATA)หรือดีกว่า ขนาดความจุไม่น้อย กว่า 1 เทระไบต์ (TB) จำนวน 1 หน่วย - มีเครื่องอ่านและเครื่องเขียนดีวีดี (DVD-RW) หรือดีกว่า จำนวน 1หน่วย - มีช่องเชื่อมต่อระบบเครือข่าย - มีจอภาพแบบแอลซีดี (LCD) มี Contrast Ratio
เนื่องจากเทคโนโลยีทางด่านคอมพิวเตอร์เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้อย่างรวดเร็วมาก จึงมีหลักเกณฑ์ที่เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี 4. สำรวจแหล่งขาย แหล่งขายเป็นปัจจัยหนึ่งของการเลือกฮาร์ดแวร์ เพื่อให้เหมาะสมกับงาน มีข้อพิจารณาเกี่ยวกับ แหล่งขาย • มีความน่าเชื่อถือ ควรเป็นร้านที่มีสถานที่ตั้งแน่นอน • มีการแข่งขันสูง ทำให้สามารถต่อรองราคา เงื่อนไขของบริการสินค้า • มีประสบการณ์เป็นข้อพิจารณาที่สำคัญของการซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ • มีช่องทางการติดต่อ เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาในด้านการเปลี่ยนแปลงสินค้า • เงื่อนไขรับประกัน เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือของร้านและอุปกรณ์ หลักการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับงาน ซอฟต์แวร์ประเภทซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) ในกลุ่มซอฟต์แวร์สำเร็จรูป เป็น เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์ เพราะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยมีหลักการเลือกดังนี้ 1. ความสามารถในการทำงาน ผู้ที่ใช้ซอฟต์แวร์จะต้องเลือกดูในความสามารถของซอฟต์แวร์นั้นๆ เพื่อให้ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง สามารถตอบสนองต่อการทำงาน ช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด 2. การติดต่อกับผู้ใช้
ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในปัจจุบันจะติดต่อกับผู้ใช้ในโหมดกราฟิก เนื่องจากระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่ สนับสนุนการทำงานในโหมดนี้ ซึ่งทำให้สะดวกต่อการใช้งาน สามารถเข้าใจได้ง่าย 3. ความเข้ากันได้ ความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์สำเร็จรูป เป็นหลักการที่ต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ อย่าง เหมาะสม เพราะ อาจจะส่งผลต่อการทำงานโดยรวมของคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อคำนึง 2 ส่วน ดังนี้ 3.1. ความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ 3.2. ความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ 4. การติดตั้งและการดูแลรักษา การติดตั้งซอฟต์แวร์สำเร็จรูปโดยทั่วไปจะต้องติดตั้งได้ง่าย มีการตรวจสอบการติดตั้ง ระบบ ช่วยเหลือ 5. กลุ่มผู้ใช้งาน ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากหรือได้รับความนิยมมาก จะเป็นการรับรองคุณภาพของ ประสิทธิภาพในการใช้งาน