The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาษาไทยท้องถิ่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by natthakannok3, 2021-12-30 02:25:34

ภาษาไทยท้องถิ่น

ภาษาไทยท้องถิ่น

107. ขอ้ ใดควรอยเู่ ป็ นลาดบั ท่ี 1
1. โดยมีวธิ ีการจดั เกบ็ รายไดส้ ่วนหน่ึงจากประชาชนที่มีรายไดส้ มทบเป็นกองทุนกลาง
2. ความหมายของการประกนั สังคมในสมยั ปัจจุบนั คือ
3. นามาใช่จ่ายเป็นคา่ ทดแทนใหแ้ ก่ประชาชนตามเงื่อนไขที่กาหนด
4. โครงการที่จดั ต้งั ข้ึนโดยรัฐบาล มีวตั ถุประสงคท์ ่ีจะสร้างหลกั ประกนั ใหแ้ ก่ประชาชน

108. ขอ้ ใดควรอยเู่ ป็ นลาดบั ท่ี 2
1. การพฒั นาอุปกรณ์การผลิตเพอ่ื การเกษตรและนาไปสู้การพฒั นาอุตสาหกรรมต่อไป
2. การพฒั นาอุปกรณ์การผลิตควรเริ่มจาก
3. และมีการศึกษาระดบั ประถมศึกษาหรือต่ากวา่
4. ประเทศไทยเป็นประเทศกาลงั พฒั นา ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเป็ นเกษตรกร

109. ขอ้ ใดควรอยเู่ ป็ นลาดบั ที่ 3
1. แนวความคิดสากลของการสาธารณสุขมลู ฐาน
2. เกิดความพยายามของรัฐบาลทุกประเทศทว่ั โลกที่จะใหบ้ ริการสาธารณสุขที่จาเป็น
3. การป้ องกนั โรคและการฟ้ื นฟูสภาพผปู้ ่ วยใหค้ รอบคลุมประชาชนทุกระดบั
4. ไดแ้ ก่ การรักษาโรค การส่งเสริมสุขภาพอนามยั

110. ขอ้ ใดควรอยเู่ ป็ นลาดบั ท่ี 3
1. เป็นการแสดงลกั ษณะของวตั ถุท่ีปรากฏในรูปถ่ายทางอากาศ
2. การแปลความหมายภาพในรูปถ่ายทางอากาศ
3. มีผนู้ าวธิ ีการน้ีไปใช่ในกิจการต่าง ๆ อยา่ งกวา่ งขวาง

4. และหาความหมายหรือความสาคญั ของวตั ถุเหล่าน้นั

111. ขอ้ ใดควรอยเู่ ป็ นลาดบั ท่ี 2
1. ซ่ึงยงิ ข้ึนจากบริเวณ ไวตแ์ ซนดส์ปรูฟวงิ กราวนด์ รัฐนิวเมก็ ซิโก
2. เมื่อมีการบรรจุกลอ้ งถ่ายรูปเขา้ ไวใ้ นจรวด วี 2
3. มีการถ่ายรูปในระยะเวลาต่อมาดว้ ยจรวดธรรมดา จรวดแบบยงิ เป็นวถิ ีและยานอวกาศท่ีมีนกั บินอวกาศอยู่
ดว้ ย
4. การรับรู้จากระยะไกลในอวกาศเร่ิมข้ึนระหวา่ ง ค.ศ. 1946 – 1950

112. ขอ้ ใดควรอยเู่ ป็ นลาดบั ที่ 4
1. ท่ีลาดชนั มาก ๆ และที่ดินไม่ดี ควรพิจารณาปลูกไมป้ ่ า
2. หรือไม่ผล บางชนิดท่ีทนทาน เช่น บว๊ ย
3. ส่วนในที่ซ่ึงมีความลาดชนั ปานกลางถึงลาดชนั นอ้ ย
4. กจ็ ะเหมาะสาหรับไมผ้ ลและพืชอายสุ ้ันต่าง ๆ เช่นผกั ไมด้ อก ไมป้ ระดบั พชื ไร่ตลอดจนพชื สมุนไพร

113. ขอ้ ใดควรอยเู่ ป็ นลาดบั ที่ 3
1. โดยการส่งเสริมใหป้ ระชาชนออมทรัพย์
2. ในช่วงท่ีมีรายได้ และจะคืนเป็นค่าทดแทน
3. แก่ผเู้ อาประกนั ในช่วงที่ขาดรายได้
4. การประกนั สังคมเป็นขบวนการเศรษฐกิจอนั หน่ึง

เติมคา

114. พฒั นาการของเด็กตอ้ งเป็นไปตาม..........โดยตอ้ งมีการนอนก่อนการนงั่ และการคลานก่อนการเดิน

ก. ระบบ ข. ข้นั ตอน ค. วธิ ีการ ง. กระบวนการ

115. น้าผ้งึ เป็น...........ของน้าหวานจากดอกไมแ้ ละจากแหล่งน้าหวานอื่นๆ
ก. เสบียง ข. ผลิตผล ค. อาหารเสริม ง. ผลพลอยได้

116. การผลิต...........ของสถาบนั อุดมศึกษาของไทยไดข้ ยายตวั อยา่ งกวา้ งขวางท้งั ใน...........ปริมาณและ
คุณภาพ

ก. กาลงั คน/ ดา้ น ข. นกั ศึกษา/ ส่วน

ค. บณั ฑิต /เชิง ง. ปัญญาชน/แง่

117. มีอุบตั ิเหตุเกิดข้ึนทาให้รถบรรทุก...........การจราจร และทาใหก้ ารเดินรถ...........

ก. ขดั ขวาง/ ติดขดั ข. กีดขวาง/ ขดั ขอ้ ง

ค. ขดั ขวาง /ขดั ขอ้ ง ง. ขวาง /ขดั ขอ้ ง

118. เจา้ หนา้ ท่ีตารวจกาลงั สืบสวนวา่ การตายของเขามีอะไร...........อยกู่ บั การตายของคุณวรุณบา้ ง

ก. เกี่ยวพนั ข. เก่ียวขอ้ ง ค. ผกู พนั ง. เก่ียวโยง

119. การทางานโครงการน้ี...........จะไดร้ ับความร่วมมือประสานงานจากทุกฝ่ ายเป็นอยา่ งดี...........สามารถ
บรรลุถึงเป้ าหมายท่ีต้งั ไวไ้ ด้

ก. ถึง ก็ ข. หาก จึง ค. แม้ แต่ก็ ง. แมว้ า่ แตก่ ็ไม่

120. ...........ภาษาเป็นวฒั นธรรมที่สาคญั อยา่ งหน่ึงของสงั คม...........ใหค้ วามสนใจและใชใ้ หต้ ามหลกั ภาษา
และไวยากรณ์

ก. หาก ฉะน้นั จึงตอ้ ง ข. แมว้ า่ แต่ก็ตอ้ ง

ค. เนื่องจาก จึงควร ง. เพราะวา่ แตต่ อ้ ง

121. ประเทศองั กฤษได.้ .........กฎหมายเกี่ยวกบั ผลประโยชน์เพอื่ ..........สิทธิทางปัญญาของนกั ประดิษฐ์

ก. กาหนด รักษา ข. ตรา คุม้ ครอง

ค. ประกาศ ส่งเสริม ง. พฒั นา ตรวจสอบ

122. ...........หน่วยงานราชการเป็นหน่วยงานใหญ่ จึงจาเป็ นตอ้ งออกกฎหมายมา...........เพ่อื ใหห้ น่วยงาน
เหล่าน้นั ถือปฏิบตั ิ

ก. โดยเฉพาะท่ี กาหนด ข. แมร้ องรับ

ค. เนื่องจาก ควบคุม ง. เพราะวา่ สนบั สนุน

123. การข้ึนอตั ราเงินเดือนของขา้ ราชการใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย...........การน้นั

ก. วา่ ดว้ ย ข. เฉพาะ ค. โดยเฉพาะ ง. สมควร

รวมแนวขอ้ สอบ : การจดั ประเภทแบบเขา้ พวก

124. แกงไก่ ตม้ จืด ผดั เผด็ ..........

ก. มนั เช่ือม ข. ไขล่ ูกเขย ค. ทองหยอด ง. บวั ลอย

125. เหล่า กระแช่ ขา้ วหมาก ..........

ก. เบียร์ ข. โซดา ค. น้าหวาน ง. ชา

126. มงั คุด เงาะ ลาไย ..........

ก. มะระ ข. มะเขือเทศ ค. มะนาว ง. มะละกอ

127. บว้ น ถุย คาย ..........

ก. เค้ียว ข. ถ่ม ค. กิน ง. ด่ืม

128. บา้ น วงั คฤหาสน์..........

ก. กลืน ข. กิน ค. กระท่อม ง. ดื่ม

129. เกาะ แขวน โหน .......... ค. ผลกั ง. ดนั
ก. หอ้ ย ข. ยนื

130. เหน่ือย ออ่ นเพลีย เมื่อยลา้ ..........

ก. อิดโรย ข. ออ่ นแอ ค. ออ่ นใจ ง. ห่อเห่ียว

131. ไขห้ วดั ใหญ่ โรคตาแดง วณั โรค .......... ค. หอบ ง. โรคหวั ใจ
ก. หดั ข. อ่อนแอ

132. ตะกวด ตุก๊ แก จิง้ จก ..........

ก. กิ้งกือ ข. จระเข้ ค. เต่า ง. ผเี ส้ือ

รวมแนวขอ้ สอบ : การจดั ประเภทแบบไมเ่ ขา้ พวก

133. ก. โจโฉ ข. ขนุ แผน ค. พระราม ง. พระสงั ข์

134. ก. เอ้ืออารี ข. อุปถมั ภ์ ค. ค้าจุน ง. ยกยอ่ ง

135. ก. วง่ิ ราว ข. วง่ิ แข่ง ค. วง่ิ เร็ว ง. วงิ่ ชา้

136. ก. บีบ ข. รัด ค. มดั ง. ดึง

137. ก. กระติก ข. กระจาด ค. กระบุง ง. กระดง้

138. ก. กด ข. ทบั ค. ดึง ง. อดั

139. ก. วหิ ค ข. สกุณา ค. ปักษิณ ง. จตุบาท

140. ก. น่ารัก ข. น่าชม ค. น่าเกลียด ง. น่าเอ็นดู

141. ก. ร่น ข. หด ค. ดึง ง. รุก

142. ก. คมขา ข. งามเก๋ ค. นวยนาด ง. หล่อเหลา

143. ก. น่าหวั ข. บ้ึงตึง ค. มึนชา ง. หนา้ งอ

144. ก. จว่ั ข. คาน ค. รอด ง. ตะปู

145. ก. อริ ข. สตรี ค. ศตั รู ง. ไพรี

146. ก. ฉ่ิง ข. ฆอ้ ง ค. กลอง ง. ขลุ่ย

147. ก. ชาระ ข. พอกพนู ค. หมกั หมม ง. ทบั ถม

148. ก. ทึม ข. ทึบ ค. มวั ง. อา้ ว

149. ก. ขม ข. ฉุน ค. มนั ง. ฝาด

150. ก. สรุป ข. ขยาย ค. เสริม ง. ต่อเติม

151. ก. ตุลาการ ข. ยตุ ิธรรม ค. กฎหมาย ง. รัฐสภา

152. ก. โง่ ข. ทึบ ค. ฉลาด ง. เรียน

153. ก. เชื่องชา้ ข. งุ่มง่าม ค. อุย้ อา้ ย ง. เซ่อซ่า

154. ก. หล่น ข. โยน ค. ปา ง. ทอย

155. ก. ชโลธร ข. สาคร ค. สิงขร ง. วาริน
156. ก. สาว ข. ชกั ค. ดนั ง. ดึง

157. ก. จีวร ข. ยา่ ม ค. บาตร ง. ธูปเทียน

158. ก. มุนี ข. ฤาษี ค. ดาบส ง. นางชี

159. ก. แยม้ ข. ผลิ ค. บาน ง. โรย

160. ก. รัดกมุ ข. แน่นอน ค. กระจา่ ง ง. คลุมเครือ

161. ก. เสียดสี ข. ค่อนแคะ ค. ส่อเสียด ง. เบียดเสียด

162. ก. บงั คบั ข. ขเู่ ขญ็ ค. บีบค้นั ง. กวดขนั

163. มน่ั คง ข. อ่อนแอ ค. แน่นแฟ้ น ง. อ่อนนอ้ ม
ก. ถาวร

164. ละเลย ข. ทอดทิ้ง ค. ปล่อยปละ ง. เอาใจใส่
ก. เพกิ เฉย

165. สมาร์ท ข. คมคาย ค. สวยเก่ง ง. เพริศพริ้ง
ก. ข้ีเหร่

166. แจ่มใส ค. อบอา้ ว ง. พยบั ฝน
ก. ทึม ๆ ข. มืดมวั

167. ฟ่ ุมเฟื อย ข. ร่ารวย ค. หรูหรา ง. ตระหนี่
ก. ใจบุญ

168. น่ารัก ข. น่าชม ค. น่าอิจฉา ง. น่าเกลียด
ก. น่าชงั

169. ถอย ข. ร่น ค. ยดึ ง. รุก
ก. หด

170. นกั แสดง ข. ผซู้ ้ือ ค. ศิลปิ น ง. นกั เขียน
ก. ผดู้ ู

171. ทาลายเอกราช ข. เสีย ค. สละ ง. ดารง
ก. ทิ้ง

172. สะสาง

ก. ชาระ ข. หมกั หมม ค. กวาดลา้ ง ง. ทาใหเ้ สร็จ
173. ระบุ ข. เกบ็ ค. ปลดบงั ง. ซอ้ นเร้น

ก. บาง

174. กึกกอ้ ง ข. เซ่งแซ่ ค. อึกทึก ง. เงียบเชียบ
ก. สงบ

175. ผลิ ข. แยม้ ค. แตก ง. ร่วง
ก. ออก

176. ดูด ข. อดั ค. สูบ ง. ระบาย
ก. พน้

รวมแนวขอ้ สอบ : การสะกดคา

177. คาใดท่ีใชท้ ณั ฑฆาต ผดิ

ก. สมณสาส์น ข. สถานสงเคราะห์

ค. ดึกดาบรรพ์ ง. ปรากฏการณ์

178. คาใดเขียนผดิ ข. ทะแยง
ก. ระแนง ง. ละเมิด
ค. สะอาด

179. คาใดใช่ “ไ” ผดิ ข. จุดไต้
ก. ร้องไห้ ง. ดา้ ยไจ
ค. ไส่ความ

180. คาในขอ้ ใดเขียนผดิ ข. จานง เลือกสรร
ก. สาอาง ผาสุก ง. สิงห์โต ปราณี
ค. ราพนั ไขม้ ุก

181. ขอ้ ใดเขียนผิด ข. อินธนู ผรุสวาส
ก. จกั รวาล หยกั ศก ง. โอกาส เจตนารมณ์
ค. ชมพู่ ศีรษะ

182. ขอ้ ใดเขียนผดิ ข. ดอกจนั บนั เทิง
ก. กงั วล ตน้ โพ ง. อินทนิล กญั ชา
ค. ละโมภ อุทธาหรณ์

183. ขอ้ ใดเขียนผดิ ข. ผาสุก เหตุการณ์
ก. แกงบวด รสชาติ ง. อเนจอนาจ ตาเถน
ค. ประสพการณ์อาหลย่ั
ข. ชนั โรง ปาฏิหาริย์
184. ขอ้ ใดเขียนผิด ง. เงินทดลอง บุคคลากร
ก. กากบาท มาตรฐาน
ค. เคร่ืองราง รังสี

185. ขอ้ ใดเขียนผิด ข. ตานขโมย จงั ไร
ก. โครงการ ชมพู่ ง. จาระไนย ประณีต
ค. โจษจนั วนั ศุกร์

186. ขอ้ ใดเขียนผดิ ข. บิณฑบาต
ก. ดอกไมจ้ นั ทร์ ง. อวสาน
ค. ห่างเหิน

187. ขอ้ ใดเขียนผิด ข. อามหิต
ก. อมั พาต ง. โจษจนั
ค. หงษ์

188. ขอ้ ใดเขียนผดิ ข. ดาดฟ้ า
ก. เกสร ง. นพศูล
ค. กอปรดว้ ย

189. ขอ้ ใดเขียนผดิ ข. ยอ่ มเยา
ก. สอาด ง. แกงบวด
ค. ขโมย

คาช้ีแจง ต้งั แตข่ อ้ 190–199 การสะกดคาใหต้ อบโดยเลือกคาตอบที่เขียนผดิ เพยี งคาเดียว

190. ก. ทะนุบารุง ข. พะรุงพะรัง ค. ขะมกั เขมน้ ง. ละเอียดละออ

191. ก. ตฤณมยั ข. อธั ยาศยั ค. ปรมาภิธยั ง. สาธารณภยั

192. ก. สระแหน่ ข. สับปะรด ค. โหระพา ง. กะเพรา

193. ก. พรรณา ข. สารพดั ค. หยากไย่ ง. พลดั พราก

194. ก. แถลงการณ์ ข. บรู ณาการ ค. นิทรรศการ ง. ประสพการณ์

195. ก. เส้ือเชิ้ต ข. สมุดโนต้ ค. ไมก่ อ๊ ก ง. ขนมเคก็

196. ก. แผนการ ข. สถานการ ค. เหตุการณ์ ง. อุดมการณ์

197. ก. พิสมยั ข. พิศวาส ค. พิสดาร ง. พศิ วง

198. ก. หยากใย่ ข. สะใภ้ ค. ใคร่ครวญ ง. ใกลก้ นั

199. ก. กระแส ข. กระทนั หนั ค. กระตือรือร้น ง. กระเยอ่ กระแหยง่

200. สุนทรียภาพ หมายความวา่ อยา่ งไร ง. ความสุข
ก. ความมีระเบียบ ข. ความงาม ค. ความสงบ

201. “ทดรอง” หมายความวา่ อยา่ งไร ข. ทดสอบ
ก. ลองทา ง. สารวจดูวา่ ใชไ้ ดห้ รือไม่
ค. ออกเงินแทนไปก่อน

202. “วเิ คราะห์” หมายถึงขอ้ ใด ค. พจิ ารณา ง. ใคร_ครวญ
ก. ถาม ข. ศึกษา

203. คาใดมีความหมายต่างจากคาอ่ืน ค. ยดื เย้อื ง. เยน่ิ เยอ่
ก. อืดอาด ข. ยดื ยาด

204. คาใดมีความหมายตา่ งจากคาอื่น ง. กะลอ้ มกะแลม้
ก. อุบอิบ ข. ออ้ มแอม้ ค. กล่อมแกลม้

205. คาใดบง่ บอกถึงลกั ษณะ “วงั เวง” ง. เสียงแวว่
ก. กงั วาน ข. เงียบเชียบ ค. เปล่ียวใจ

206. คาใดมีความหมายตา่ งจากคาอื่น ค. ยว่ั ยวน ง. ยยี วน
ก. ยวั่ เยา้ ข. เยา้ ยวน

207. “ขวานผา่ ซาก” หมายถึงขอ้ ใด ค. มารยาท ง. ธรรมชาติ
ก. คาพดู ข. ของใช้

208. “วา่ วขาดลมลอย” หมายถึงขอ้ ใด ข. จากไปไมก่ ลบั
ก. ไม่มีใครใหพ้ ่งึ พา ง. หลงผดิ
ค. ไปตามลาพงั

209. “หนงั หุม้ กระดูก” หมายถึงขอ้ ใด ค. ผอมเกร็ง ง. อดอยาก
ก. ตระหนี่ถ่ีเหนียว ข. แขง็ แกร่ง

210. “เห็นชา้ งเทา่ หนู” สมั พนั ธ์กบั ขอ้ ใด ง. โกรธ
ก. หิว ข. หลง ค. กลวั

211. ขอ้ ใดมีความหมายต่างจากขอ้ อ่ืน ง. สรรเสริญ
ก. ยกยอ ข. ชมเชย ค. ยกยอ่ ง

212. “มะนาวไมม่ ีน้า” เป็นลกั ษณะของขอ้ ใด ง. อารมณ์
ก. จิตใจ ข. น้าเสียง ค. ท่าทาง ง. ไมเ่ อาจริงเอาจงั

213. “ชา้ งเล่นชา้ งหวั ” เป็นลกั ษณะของคนประเภทใด
ก. ไมถ่ ือตวั ข. เหลาะแหละ ค. อารมณ์ขนั

214. “ตะขิดตะขวง” หมายถึงขอ้ ใด ค. ลาบากใจ ง. กระดากใจ
ก. ไมถ่ ูกใจ ข. ไมพ่ อใจ

215. “คอตก” เป็นลกั ษณะของขอ้ ใด ค. ผดิ หวงั ง. เสียใจ
ก. โศกเศร้า ข. นอ้ ยใจ

216. “ใจป้ า” หมายถึงขอ้ ใด ข. มีน้าใจเด็ดเด่ียว
ก. มีความเอ้ือเฟ้ื อเผอื่ แผ่ ง.กลา้ ไดก้ ลา้ เสีย
ค. กลา้ พดู กลา้ ทา

รวมแนวขอ้ สอบ : การอ่านคา ข. ผะ-หลิด-ตะ-พนั
217. “ผลิตภณั ฑ์” ง. ผลิด-พนั

ก. ผะ-หลิ-ตะ-พนั
ค. ผลิด-ตะ-พนั

218. บา้ นเลขท่ี “27/443” อา่ นอยา่ งไรถูกตอ้ ง ข. สองเจด็ ทบั สี่ร้อยส่ีสิบสาม
ก. ยส่ี ิบเจด็ ทบั ส่ีร้อยสี่สิบสาม ง. สองเจด็ ทบั ส่ีส่ีสาม
ค. ยสี่ ิบเจด็ ทบั สี่สี่สาม

219. 8.30 น. อ่านอยา่ งไรถูกตอ้ งท่ีสุด ข. แปดจุดสามศนู ยน์ อ
ก. แปดโมงคร่ึง ง. แปดนาฬิกาสามสิบนาที
ค. แปดจุดสามศนู ยน์ าฬิกา

220. คาวา่ “รัฐมนตรีวา่ การ” ใชต้ วั ยอ่ อยา่ งไร
ก. รมว ข. ร.ม.ว. ค. รมว. ง. รม.ว.

221. ตวั ยอ่ กศน. อา่ นคาเตม็ ที่ถูกตอ้ งวา่ อยา่ งไร

ก. กรมการศึกษาในชนบท ข. กรมการศึกษาเพื่อพฒั นาชนบท

ค. กรมการศึกษาในโรงเรียน ง. กรมการศึกษานอกโรงเรียน

222. ตวั ยอ่ “ศธ” อา่ นคาเตม็ ที่ถูกตอ้ งวา่ อยา่ งไร

ก. สึก-สา-ทา ข. สึก-สา-ทิ-กาน

ค. สาด-สะ-นะ-ทา ง. สา-ทา-ระ-นะ-สุก

223. “จรดพระนงั คลั ”

ก. จะ-รด-พระ-นงั -คนั ข. จด-พระ-นงั -คนั

ค. จะ-หรด-พระ-นงั -คนั ง. จรด-พระ-นงั -คนั

224. “ฉตั รมงคล” อ่านอยา่ งไรถูกตอ้ งที่สุด

ก. ฉดั -ตะ-ระ-มง-คน ข. ฉดั -ตะ-มง-คน

ค. ฉดั -ตระ-มง-คน ง. ฉดั -มง-คน

225. พนั -ทะ-กะ-ระ-นี ข. พนั ธะกรณี
ก. พนั ธกรณีย์ ง. พนั ธ์กรณี
ค. พนั ธกรณี

226. มน-ละ-พิด ข. มละพษิ
ก. มลพิษ ง. มนละพิษ
ค. มนลพิษ

227. “ตู้ ปณ 1-3”

ก. ตปู้ อนอ หน่ึงขีดสาม ข. ตปู้ อนอ หน่ึงลบสาม

ค. ตปู้ อนอ หน่ึงและสาม ง. ตไู้ ปรษณีย์ หน่ึงถึงสาม

รวมแนวขอ้ สอบ : ความหมายของคาหรือกลุ่มคา ง. ความรักษา
228. ขอ้ ใดไม่ใช่ความหมายของคาวา่ “อนุรักษ”์

ก. ระวงั ข. ป้ องกนั ค. ดูแลรักษา

229. “กินเปล่า” ข. กินโดยไมต่ อ้ งจ่ายเงิน
ก. ไดป้ ระโยชน์โดยไม่ตอ้ งตอบแทน ง. เอาเปรียบ
ค. ฉวยโอกาส

230. “เวไนยสตั ว”์ ง. ผทู้ ่ีฝึกสอนได้
ก. สตั วน์ รก ข. สตั วใ์ หญ่ ค. ผทู้ ่ีเยาวว์ ยั

231. เม่ือเด็ก ๆ เขาแสนพยศ ค. เกกมะเหรก ง. ด้ือ
ก. ข้ีโมโห ข. หนีโรงเรียน

232. เขาเป็นคน “ข้ีตืด” อยา่ งมาก ง. ตระหนี่เหนียวแน่น
ก. เห็นแก่ตวั ข. เห็นแก่ได้ ค. ละโมบ

233. “เส้ียมเขาควายใหช้ นกนั ” เขา้ ลกั ษณะใด

ก. ศรศิลป์ ไม่กินกนั ข. ยใุ หร้ าตาใหร้ ่ัว

ค. ถึงพริกถึงขิง ง. คดในขอ้ งอในกระดูก

234. “ดาบน้ีอยทู่ ี่ใจ” ตรงกบั สานวนไทยวา่ อยา่ งไร

ก. คมในฝัก ข. ดาบสองคม

ค. น้าน่ิงไหลลึก ง. ยมื หอกศตั รูสนองคืนผใู้ ช้

235. “นอนหลบั ทบั สิทธ์ิ” มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด

ก. ไมม่ ีสิทธ์ิ ข. ไม่แสดงหนา้ ที่ของตน

ค. ไมเ่ อาใจใส่ใชส้ ิทธ์ิที่ตนมี ง. ไม่รู้วา่ ตนมีสิทธ์ิ

236. คาใดที่มีความหมายแตกตา่ งไปจากคาอ่ืน ง. ชมเชย
ก. กรุณา ข. เมตตา ค. สงสาร

คาช้ีแจง : จงหาคาอธิบายศพั ทท์ ี่ใชต้ วั ขีดเส้นใต้ ง. หมอบราบคาบ
237. “ฉนั แปลกใจทาไมเธอทาใหเ้ ขา อยหู่ มดั ไดน้ ะ”

ก. กลวั ลาน ข. เกรงใจ ค. พา่ ยแพ้

238. “เวลาท่ีครูอธิบาย เธอแกลง้ ทา ไขหู อยตู่ ลอดเวลา”

ก. แกลง้ ทาเป็นรู้เร่ือง ข. ทาเป็นคนดี

ค. ทาเป็นไมไ่ ดย้ นิ ง. สอดรู้สอดเห็น

239. “พวกกระผมมนั ไกลปื นเท่ียง จะไปฟังอยา่ งไรรู้เร่ือง”

ก. อยไู่ กลจากปื นท่ียงิ ไมต่ รงเป้ า ข. อยไู่ กลจากปื นที่ยงิ แม่นยา

ค. อยไู่ กลความเจริญ ง. อยไู่ กลจากปื นท่ียงิ ตอนเที่ยง

240. “นกั ศึกษา หมกมุ่น อยกู่ บั ตารามากเกินไปก็ไม่รู้” ง. รวมหวั กนั
ก. สนใจ ข. เอาใจใส่ ค. ต้งั ใจ

สานวนในขอ้ 241–242 ตรงกบั ขอ้ ใด

241. “เห็นเขาข้ึนคานหาม เอามือประสานรัดกนั ”

ก. อยา่ ทาตามพวก ข. ไมย่ งุ่ เรื่องของคนอ่ืน

ค. กาเขา้ ฝงู หงส์ ง. ทะเยอทะยานใฝ่ สูงเหมือนเขา

242. “เรือลม้ เมื่อจอด” ข. ใจเร็วด่วนได้
ก. ทางานไมร่ อบคอบ ง. งานลม้ เหลวเม่ือใกลเ้ สร็จ
ค. มีความพยายามไมม่ ากพอ

243. “คา” ในทางหลกั ภาษาหมายถึงอะไร
ก. เสียงที่พดู ออกมาและมีความหมายพอเขา้ ใจ

ข. เสียงที่เปล่งออกมาจะมีความหมายหรือไมม่ ีก็ได้
ค. เสียงท่ีเปล่งออกมาก่ีคร้ังก็ได้ จะมีความหมายหรือไมม่ ีกไ็ ด้
ง. เสียงท่ีเปล่งออกมาก่ีคร้ังก็ได้ และมีความหมาย

แนวขอ้ สอบราชาศพั ท์
244. ขอ้ ใดกล่าวถึงความหมายของคาราชาศพั ทถ์ ูกตอ้ ง

ก. คาศพั ทท์ ่ีใชเ้ ฉพาะพระมหากษตั ริยเ์ ท่าน้นั
ข. คาสุภาพท่ีสามารถใชไ้ ดก้ บั บุคคลทุกระดบั
ค.คาที่ใชใ้ นการกราบทลู พระเจา้ แผน่ ดินหรือพระบรมวงศานุวงศ์
ง. คาท่ีใชเ้ ฉพาะพระเจา้ แผน่ ดิน เจา้ นาย ภิกษุขา้ ราชการ และสุภาพชน
245. คาสรรพนามบุรุษที่ ๒ คาใดที่สามญั ชนใชแ้ ก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
ก. ฝ่ าพระบาท
ข. ใตฝ้ ่ าพระบาท
ค. ใตฝ้ ่ าละอองพระบาท
ง. ใตฝ้ ่ าละอองธุลีพระบาท
246. คาใดใช้ ไมถ่ ูกตอ้ ง
ก. ทรงเรือ
ข. ทรงโปรดปราน
ค. ทรงพระอกั ษร

ง. ทรงตรัส
247. คาใด ไม่ใช่คากริยาราชาศพั ท์

ก. พระดารัสปฏิสนั ถาร
ข. ทรงพระนิพนธ์
ค. ทอดพระเนตร
ง. โดยเสดจ็
248. เวลา ๑๔.๑๐ น. สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯพระบรมราชินีนาถ...................โดยเฮลิคอปเตอร์พระท่ีนงั่ จา
กลานเฮลิคอปเตอร์ภูพงิ คราชนิเวศน.์ .............สถานีเกษตรหลวงปาดะ ตาบลสะเมิงใต้ อาเภอสะเมิง และ
ศนู ยร์ วมพนั ธุ์กหุ ลาบโครงการหลวงตาบลบา้ นปงอาเภอหางดง จงั หวดั เชียงใหม่
ขอ้ ใดคือคาตอบที่ถูกตอ้ ง
ก. พระราชดาเนิน - ทรงไปเยีย่ ม
ข. เสดจ็ พระราชดาเนิน - ไปทรงเยยี่ ม
ค. พระราชดาเนิน - ไปทรงเยี่ยม
ง. เสด็จพระราชดาเนิน - ทรงไปเยย่ี ม

249. พระวกั กะ หมายถึง อวยั วะส่วนใด
ก. ไต ข. ตบั ค. ลาไส้ใหญ่ ง. กระเพาะอาหาร

250. คาใดเป็นคาราชาศพั ทข์ องคาวา่ “รูปถ่าย”
ก. พระรูป
ข. พระบรมสาทิสลกั ษณ์
ค. พระบรมฉายาลกั ษณ์

ง. พระบรมฉายาทิสลกั ษณ์
251. คาวา่ “จดหมาย” ที่ใชแ้ ก่สมเด็จพระสงั ฆราช คือคาใด

ก. พระราชลิขิต
ข. พระบรมลิขิต
ค. พระลิขิต
ง. ลิขิต
252. ขอ้ ใดเป็ นคาสรรพนามบุรุษท่ี ๒
ท่ีใชแ้ ก่พระราชาคณะทุกช้นั
ก. ทา่ น
ข. พระคุณเจา้
ค. พระคุณท่าน
ง. พระเดชพระคุณทา่ น
253. คาสุภาพคาใดท่ีหมายความถึง “ลิ้น”
ก. พระชิวหา
ข. พระมงั สา
ค. พระนาสิก
ง. มจั ฉะ
254.ขอ้ ใดใชค้ าราชาศพั ทผ์ ดิ
ก. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ฯ เสด็จพระราชดาเนินโดยพระท่ีนงั่
ข. สมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถทรงวางพวงมาลา แลว้ จุดธูปเทียนถวายสกั การะ
ค. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ ารเสด็จพระราชดาเนินเยอื นประเทศอินเดีย
ง. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระบญั ชาเหนือเกลา้ เหนือกระหมอ่ ม

255.ขอ้ ใดเป็นคาราชาศพั ทท์ ี่ใชก้ บั พระราชวงศใ์ นฐานนั ดรศกั ด์ิที่ต่ากวา่ ขอ้ อ่ืน

ก. พระราชบญั ชา ข. พระราชบณั ฑูร

ค. พระราชเสาวนีย์ ง. พระราชโองการ

256.คาวา่ ”ป่ ู ตา ” ควรเรียกคาราชาศพั ทอ์ ยา่ งไร?

ก. พระปิ ตุลา ข. พระอยั กา

ค. พระนดั ดา ง. พระอยั ยกิ า

257.เวลาขานรับพระมหากษตั ริยค์ วรใชค้ าใด ?

ก. พระพุทธเจา้ ขา้ ขอรับ , พระพทุ ธเจา้ ขา้

ข. พระพทุ ธเจา้ ขา้ ขอรับใส่เกลา้ ใส่กระหม่อม

ค. ครับ/คะ่

ง. เพค่ะกระหมอ่ ม

258.ขอ้ ใดใชค้ าราชาศพั ทไ์ ม่ถูกตอ้ ง

ก. หม่อมเจา้ ธานีทรงมา้ ยามเชา้

ข. สมเด็จพระพน่ี างเธอเจา้ ฟ้ าฯ ทรงประทบั รถมา้

ค. พระนางเจา้ ฯ พระราชเทวที รงโสมนสั

ง. พระมหากษตั ริยไ์ ทยทุกพระองคท์ รงผนวช

259. ขอ้ ใดไม่มีคาราชาศพั ทป์ ระเภทคาสรรพนามขานรับ

ก. ขา้ พระพทุ ธเจา้ เป็นผดู้ าเนินการเอง พระพุทธเจา้ ขา้

ข. ใตฝ้ ่ าพระบาทจะเสดจ็ ตลาดนดั ยามเชา้ วนั ไหนกระหม่อม

ค. ขอเดชะ ขา้ พระพระพทุ ธเจา้ ขอเบิกตวั ผทู้ ลู เกลา้ ฯ ถวายเงินดงั น้ี

ง. พระอาญาไมพ่ น้ เกลา้ ฯ ขา้ พระพทุ ธเจา้ จาตอ้ งกราบทูลในส่ิงที่ไม่บงั ควร พระพทุ ธเจา้ ขา้

260. "พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ เสด็จแปรพระราชฐาน พระตาหนกั ภพู านราชนิเวศน์" คาท่ีขีดเส้นใต้
หมายความวา่ อยา่ งไร

ก. ไปพกั ผอ่ น ข. ทอ่ งเที่ยว

ค. ยา้ ยไปชว่ั คราว ง. เปล่ียนภูมิลาเนา

261.ขอ้ ใดจดั วา่ เป็นลาดบั สูงสุดของพระสงฆ?์

ก. พระเปรียญ ข. พระราชาคณะ

ค. พระครู ง. พระสงั ฆราช

262.ขอ้ ใดเป็นพระราชอิสริยศกั ด์ิท่ีมีลาดบั นอ้ ยที่สุด ?

ก. สมเดจ็ เจา้ ฟ้ า ข. พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้

ค. หม่อมเจา้ ง. สมเด็จพระสยามบรมราชกุมารี

263."พระภิกษุสงฆบ์ อกพระเจา้ แผน่ ดิน" ควรใชค้ าวา่ อยา่ งไร

ก. ทลู รายงาน ข. ถวายพระพร

ค. กราบทลู ง. สนองรับสงั่

เฉลย ภาษาไทย

1. ตอบ ง ช่ือเร่ืองดงั กล่าวคลอบคลุมสิ่งท่ีผเู้ ขียนตอ้ งการสื่อกบั ผอู้ ่านมากท่ีสุด เพราะเน้ือเรื่องเนน้ การ
นาเสนอวา่ การแก่ปัญหาท่ีหน่ึงแต่โยนปัญหาไปท่ีอ่ืนไม่ใช่ทางออกท่ีดี วธิ ีท่ีดีท่ีสุด คือ การแก่ปัญหาร่วมกนั
ดงั สรุปในตอนทา้ ยวา่ คนไทยดว้ ยกนั ควรจะร่วมสุขร่วมทุกขด์ ว้ ยกนั ดีกวา่

2.ตอบ ง. สาระสาคญั อยทู่ ่ีการใช่พ้นื ท่ีนอกกรุงเทพเป็ นเขตรองรับน้าทว่ มของกรุงเทพ

3.ตอบ ข. พจิ ารณาจากท่ีผเู้ ขียนใหค้ วามหมายของนาล่มไวใ้ นยอ่ หนา้ ที่ 2

4.ตอบ ง พลเมืองช้นั สองคือคนเท่ากนั ที่ไดร้ ับปฏิบตั ิไมเ่ ทา่ เทียมกนั

5.ตอบ ค ผเู้ ขียนตอ้ งการคดั คา้ นแนวคิดของรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย

6.ตอบ ง ผเู้ ขียนตอ้ งการคดั คา้ นแนวคิดการป้ องกนั ปัญหาน้าทว่ มกรุงเทพฯ ของรัฐมนตรีวา่ การ
กระทรวงมหาดไทย โดยแสดงเหตุผลไวอ้ ยา่ งชดั เจน วา่ ทาไมจึงไมเ่ ห็นดว้ ยท้งั ยงั ยกตวั อยา่ งประกอบดว้ ย
เช่นกรณีน้าท่วมเมืองนิวส์ออลีน ในสหรัฐ

7.ตอบ ง ตีความไดว้ า่ ในปัจจุบนั ยงั ไมม่ ียาสาหรับรักษาโรคไขห้ วดั หมู โดยสังเกตจากประโยค “พยายามหา
วธิ ีการตอ่ สู้”

8.ตอบ ค เป็ นการสรุปนอกประเด็นจากขอ้ ความท่ีกาหนด เพราะแมใ้ นทางการแพทยโ์ รคซาร์ส

สามารถติดต่อทางลมหายใจไดจ้ ริง แตใ่ นเมื่อขอ้ ความน้ีไมไ่ ดก้ ล่าวถึงไว้ ดงั น้นั จึงไม่อาจอนุมานหรือสรุป
เช่นน้นั ได้

9.ตอบ ง เน้ือหาส่วนใหญ่กล่าวถึงปัญหาของผจู้ บการศึกษาท่ีคนทวั่ ไปเรียกวา่ “บณั ฑิต” ซ่ึงการตีความตาม
ขอ้ ง ครอบคลุมเน้ือหามากท่ีสุด

10.ตอบ ง ตีความไดว้ า่ การศึกษาแบบแยกส่วนไมต่ อบสนองต่อความตอ้ งการของสงั คม

11.ตอบ ก ความเชื่อเก่าๆ ที่วา่ หญิงดอ้ ยกวา่ ชายกาลงั ถูกต้งั คาถาม ถกเถียงกนั มากในปัจจุบนั สงั เกตจากสาม
บรรทดั สุดทา้ ยของขอ้ ความน้ี

12.ตอบ ค ผเู้ ขียนตอ้ งการส่ือวา่ มหาวทิ ยาลยั เนน้ การแสวงหากาไรมากกวา่ คุณภาพของบณั ฑิต

13.ตอบ ก มีความหมายอยา่ งเดียว คือ หมายถึงผหู้ ญิงท้งั เด็กและแก่ ท้งั ท่ีแตง่ งานแลว้ หรือยงั ไมแ่ ตง่ งาน ดู
ไดจ้ ากขอ้ ความในยอ่ หนา้ แรก

14.ตอบ ก มีความหมายถึงหญิงทวั่ ไป (ท้งั ท่ีแต่งงานแลว้ หรือยงั ไม่ไดแ้ ต่งงาน) โดยสังเกตจากขอ้ ความในยอ่
หนา้ แรกซ่ึงกล่าวถึงท่ีมาของการใชค้ าวา่ “นาง” ไวอ้ ยา่ งชดั เจน ดงั น้นั ไมว่ า่ จะใชค้ าวา่ นาง นาหนา้ สีดา
บุษบา ศกนุ ตลา ซ่ึงเป็นนางในวรรณคดีไทย หรือชื่ออะไรก็ตามยอ่ มหมายถึงผหู้ ญิงทว่ั ไป

15.ตอบ ง ทาใหท้ ราบวา่ ผนู้ ้นั เป็นหญิง (ไมว่ า่ จะอยใู่ นสถานใดกต็ าม)

16.ตอบ ง ผเู้ ขียนตอ้ งการให้ใชค้ าวา่ “นาง” นาหนา้ หญิงทุกประเภท สังเกตจากขอ้ ความในยอ่ หนา้ ท่ีสอง

17.ตอบ ก ผเู้ ขียนเห็นวา่ ผชู้ ายใช่คานาหนา้ ชื่อวา่ “นาย” โดยไมเ่ ปลี่ยนแปลงท้งั ก่อนแต่งและหลงั แต่งงาน
เพอื่ จะเปรียบเทียบวา่ ทาไมผหู้ ญิงจึงไมใ่ ชค้ าวา่ “นาง” ในลกั ษณะเหมือนผชู้ ายบา้ ง

18.ตอบ ข การที่ผชู้ ายใช่คาวา่ “นาย” ท้งั ก่อนแต่งและหลงั แตง่ งาน แต่ผหู้ ญิงตอ้ งเปลี่ยนจาก “นางสาว” เป็น
“นาง” หลงั การแตง่ งานทาให้เกิดการเปรียบเทียบใหเ้ ห็นถึงการเป็นโสดหรือไม่โสด

19.ตอบ ค ผเู้ ขียนกล่าวเนน้ เร่ืองสงั คมท่ีพฒั นาอยา่ งแทจ้ ริง จุดเนน้ ดงั กล่าวอยใู่ นสามบรรทดั ทา้ ยของ
ขอ้ ความดงั กล่าว

20.ตอบ ง ผเู้ ขียนไม่เห็นดว้ ยกบั การพฒั นาสงั คมที่ขาดคุณธรรม

21.ตอบ ง การที่ศีลธรรมเสื่อมทรามเป็นอุปสรรคสาคญั ที่สุด ท่ีทาใหก้ ารพฒั นาสังคมเป็นไปไดย้ าก สังเกต
“ถา้ คนมีการศึกษาดี มีสุขภาพดี มีท่ีทากินไม่อดยาก แต่เอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนกนั มากข้ึน ฉกชิง
ผลประโยชนเ์ พื่อตนเองมากข้ึน ศีลธรรมเส่ือม ไมส่ นใจไยดีกนั สังคมแบบน้ีถึงเปล่ียนไปก็เรียกไม่ไดว้ า่ เป็น
สังคมที่พฒั นา”

22.ตอบ ง เป็ นสรุปใจความท่ีครอบคลุมเน้ือหาไดอ้ ยา่ งครอบถว้ นและรอบดา้ น

23.ตอบ ก ใจความโดยยอ่ เป็ นเร่ืองที่ รมว. ศึกษาธิการตอบขอ้ ซกั ถามผสู้ ื่อขา้ วเร่ืองการกวดขนั จรรยาของครู
ส่วนที่เหลือเป็ นส่วนขยายวา่ วตั ถุประสงคห์ รือรูปแบบท่ีจะใช่ในการกวดขนั จรรยาบรรณของครู

24.ตอบ ง ควรใช่ชื่อเร่ืองวา่ “การกวดขนั จรรยาของครู” เพราะเป็นชื่อที่ไดค้ วามหมายและครอบคลุมเน้ือหา
ในการใหส้ มั ภาษณ์ของ รมว. ศึกษาธิการท้งั หมด

25.เฉลยขอ้ ก. การทาความดี

26.เฉลยขอ้ ง. คนทาความดีไดม้ ากกวา่ สตั ว์

27.เฉลยขอ้ 3. คา่ ของคนอยทู่ ่ีผลของงาน

28.เฉลยขอ้ 4. ความดี

29.เฉลยขอ้ 2. ความรู้ - คุณธรรม
30.เฉลยขอ้ 3. เปรียบเทียบ
31.เฉลยขอ้ 2. กระบวนการเกิดความรู้
32.เฉลยขอ้ 4. สนบั สนุนกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
33.ตอบ ข “เปลี่ยน” เพราะเป็ นการทาใหไ้ ดค้ าชนิดใหมจ่ ากคากริยา/วเิ ศษณ์คานาม
34.ตอบ ง “ภาคเอกชน” สงั เกตจากคาวา่ การบริการท่ีเนน้ เรื่องกาไรหรือขาดทุน
35.ตอบ ง “เพอ่ื ท่ี” เป็นคาเชื่อมท่ีแสดงถึงจุดมุ่งหมายชดั เจนกวา่ ขอ้ อื่น
36.ตอบ ง “ทาให”้ เป็นคาเช่ือมท่ีเหมาะสมกบั บริบทน้ีท่ีสุด
37.ตอบ ข “ประชาสงั คม” เป็ นการเนน้ โดยช้าคา
38.ตอบ ค “เสรีภาพ” หมายถึง ความมีอิสระที่จะทาหรือดาเนินการสิ่งใด
39.ตอบ ข “ยทุ ธศาสตร์” หมายถึง เป้ าหมาย แผนงาน โครงการ สาคญั ท่ีกาหนดข้ึน
40.ตอบ ข “4 ดา้ น” ไดแ้ ก่ 1. การปรับปรุงการใหบ้ ริการแก่ประชาชนใหด้ ีข้ึน

2. การปรับบทบาทภารกิจและโครงสร้างใหม้ ีความเหมาะสม
3. การเพิ่มขีดสมรรถนะของระบบราชการและตวั ขา้ ราชการใหม้ ีมาตรฐานสูงเทียบเทา่ สากล
4. เป็นระบบราชการสู้กระบวนการความเป็นประชาธิปไตย
41.ตอบ ค “ข้นั ตอน” คือเป็นไปตามลาดบั จากข้นั ตอนหน่ึงไปสู้อีกข้นั ตอนหน่ึง
42.ตอบ ง “หกลม้ ” เหมาะสมกบั การเติมในช่องวา่ งเพราะเปรียบเทียบการเดินกบั การทางาน
ความผดิ พลาดกบั การเดินหกลม้ ของเดก็ เลก็ ก่อนที่จะเดินไดอ้ ยา่ งมนั่ คง
43.ตอบ ข “ถอนหงอก” หมายถึง การพดู วา่ ใหเ้ สียผใู้ หญ่
44.ตอบ ก “เกล่ือนกลาด” หมายถึง ของที่มองเห็นอยทู่ วั่ ไป ส่วนกระจดั กระจาย หมายถึงของท่ีตกจาก
ตะกร้าหรือท่ีสูงซ่ึงเนน้ ถึงของเล็กๆ นอ้ ยๆ ดงั น้นั เกลื่อนกลาดจึงเหมาะสมที่สุดกบั บริบทน้ี ส่วนช่องวา่ ง
หลงั จะใช่คาวา่ กาจดั หรือขจดั กไ็ ดเ้ พราะมีความหมายเหมือนกนั

45.ตอบ ค “มาตรฐาน” หมายถึง ส่ิงที่ถือเป็นหลกั สาหรับเทียบหรือกาหนดอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ส่วนบรรทดั
ฐาน หมายถึง แบบแผนสาหรับยดึ ถือเป็ นแนวปฏิบตั ิ

46.ตอบ ง “พฤติการณ์” หมายถึง เหตุที่เป็นไปตามปกติ ความประพฤติหรือสิ่งท่ีคนหน่ึงๆ ทาไป ส่วน
พฤติกรรม หมายถึงกริยาอาการที่แสดงออกทางกลา้ มเน้ือ ความคิดและความรู้สึก ดงั น้นั ช่องวา่ งแรกควรใช่
คาวา่ พฤติการณ์ส่วนช่องวา่ งท่ีสองควรใช่คาวา่ นิตินยั หมายถึง ในทางระเบียบกฎหมาย

47.ตอบ ข ประโยคขา้ งตน้ เป็ นประโยคที่แสดงความขดั แยง้ สงั เกตไดจ้ ากคาวา่ “แต่” ดงั น้นั คาที่จะนามาเติม
ตอ้ งเป็ นคาที่แสดงความขดั แยง้ และทาใหเ้ ห็นภาพความแตกตา่ งอยา่ งชดั เจน ซ่ึงกค็ ือ คาวา่ ยอมรับและนิยม
คือแสดงใหเ้ ห็นวา่ อีกฝ่ ายหน่ึงคิดวา่ สมุนไพรใช่ไม่ได้ แต่ฝ่ ายหน่ึงกลบั นิยมใช่

48.ตอบ ข “นโยบาย” หมายถึง หลกั และวธิ ีปฏิบตั ิซ่ึงถือเป็นแนวทางดาเนินการ ส่วน “อนามยั ” หมายถึง
ความไม่มีโรค ถูกสุขลกั ษณะ กล่าวคือ กระทรวงสาธารณสุขไดว้ างหลกั การหรือแนวทางใหร้ ้านคา้ ปฏิบตั ิ
ตนใหถ้ ูกสุขลกั ษณะ เพ่ือความสะอาดไม่มีโรค สาหรับคาวา่ “มาตรการ” หมายถึง วธิ ีต้งั กฎ ขอ้ ระเบียบ
ส่วนมากใชก้ บั กฎหมาย เช่นมาตรการในการปราบโจรผรู้ ้าย

49.ตอบ 2 ควรเปลี่ยนคาเช่ือมจาก “โดยที่” เป็น “และ” จึงจะไดค้ วามหมายและถูกตอ้ งรัดกมุ ตามหลกั ภาษา

50.ตอบ 2 ควรตดั ประโยค “ท่ีกาลงั ทรุดโทรมอยา่ งมาก” ออกเพราะเพียงคาวา่ “ชารุด” กไ็ ดค้ วามหมาย
ชดั เจนอยแู่ ลว้ ไม่จาเป็ นตอ้ งมี “ท่ีกาลงั ทรุดโทรมอยา่ งมาก” ใหฟ้ ่ ุมเฟื อยอีก

51.ตอบ 3 ควรตดั คา “การ” ออกโดยเขียนใหมเ่ ป็น “นโยบายปรับโครงสร้าง” เพ่ือใหเ้ กิดความกระชบั รัดกมุ
มากข้ึน

52.ตอบ 1 ทุกขอ้ ใชไ้ ดถ้ ูกตอ้ งรัดกมุ ตามหลกั ภาษา

53.ตอบ 4 คาขีดเส้นใตใ้ นขอ้ ก เป็นสานวนต่างประเทศ ควรเขียนใหม่เป็น “เกิดจากการรวมตวั ของสมาชิก
ประชาคมยโุ รป 12 ประเทศ”

54.ตอบ 1 คาท่ีขีดเส้นใต_้ ท้งั สามกลุ่มใชไ้ ดถ้ ูกตอ้ งและรัดกุมตามหลกั ภาษา

55.ตอบ 1 คาที่ขีดเส้นใตท้ ้งั สามกลุ่มใชไ้ ดถ้ ูกตอ้ งและรัดกมุ ตามหลกั ภาษา

56.ตอบ 1 ใชค้ าไมร่ ัดกุมควรเปลี่ยนเป็น “รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงพาณิชยเ์ ปิ ดเผยวา่ ”

57.ตอบ 4 ใชค้ าไม่รัดกุมควรเปลี่ยนคาเช่ือมจาก “พร้อมกบั ” เป็น “กบั ” มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์

58.ตอบ 1 ใชค้ าไมร่ ัดกุมควรเปลี่ยนเป็น “บา้ นเมืองไทยเราดารงมน่ั คงมาชา้ นาน”

59.ตอบ 2 ใชค้ าไม่รัดกุม โดยใชภ้ าษาพดู ควรเปล่ียนเป็น “ไดก้ ลายเป็นชนวนระเบิดที่ทาใหเ้ กิดเหตุยงุ่ เหยงิ
ยดื เย้อื ”
60.ตอบ 1 ใชค้ าไมร่ ัดกุมควรเปลี่ยนเป็น “ในกรณีที่จงั หวดั ใดเลือกต้งั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรไดส้ ี่คน”
61.ตอบ 4 ใชค้ าไมร่ ัดกมุ โดยใชภ้ าษาพดู ควรเปล่ียนเป็น “ถา้ ไม่มีคนซ้ือจะมีคนขายไดอ้ ยา่ งไร”
62.ตอบ 3 ใชค้ าฟ่ ุมเฟื อยไม่รัดกมุ ควรตดั “อาศยั ” ออกเป็ นดงั น้ี “...ตอ้ งรู้จกั การให้อภยั กนั ”
63.ตอบ 3 ใชค้ าไม่รัดกมุ ควรเปล่ียนเป็น “...ดว้ ยความรวดเร็วและปลอดภยั ตามสมควร”
64.ตอบ 2 ใชค้ าไมร่ ัดกมุ เปลี่ยนเป็น “ใชเ้ ป็นเครื่องบอกเวลา”
65.ตอบ 2 ใชค้ าผดิ หลกั ภาษาเพราะดนตรีไมใ่ ช่มนุษยท์ ่ีจะมีศกั ด์ิ หรือช้นั ยศไดค้ วรเปลี่ยนเป็น “ที่ถือกนั วา่
เป็นของสูงอยา่ งหน่ึง”
66.ตอบ 3 ใชค้ าไม่รัดกุมเปลี่ยนเป็น “เพือ่ ผลงานท่ีมีประสิทธิภาพสูงสุด”
67.ตอบ 3 ใชค้ าไมร่ ัดกมุ เปลี่ยนเป็น “แทนท่ีจะอาศยั ”
68.ตอบ 3 โดยเรียงขอ้ ความไดด้ งั น้ี 3 2 1 4
69.ตอบ 2 โดยเรียงขอ้ ความไดด้ งั น้ี 4 2 1 3
70.ตอบ 2 โดยเรียงขอ้ ความไดด้ งั น้ี 1 3 2 4
71.ตอบ 3 โดยเรียงขอ้ ความไดด้ งั น้ี 1 3 2 4
72.ตอบ 1 โดยเรียงประโยคไดด้ งั น้ี 4 2 3 1
73.ตอบ 2 โดยเรียงขอ้ ความไดด้ งั น้ี 4 3 2 1
74.ตอบ 3 เพราะสามานยนามแปลวา่ นามทว่ั ไป แต่ อยธุ ยา เป็นชื่อเฉพาะควรใชค้ าวา่ วสิ ามานยนาม
75.ตอบ 3 ควรใชค้ าวา่ “เช่น” เพราะถา้ ใชไ้ ดแ้ ก่ มีคา่ เท่ากบั “คือ” ตอ้ งระบุสิ่งน้นั มาให้หมด
76.ตอบ 4 ควรใชค้ าวา่ “พ้ืนที่” ซ่ึงมีความหมายครอบคลุมท้งั บก และ ทะเล
77.ตอบ 4 ใหม้ ีความเป็นปึ กแผน่ ตลอดจนสร้างชุมชนให้มีความเขม้ แขง็ เป็ นการใช่ภาษาไมร่ ัดกมุ เพราะใช้
อาการนามเกินจาเป็ น

78.ตอบ 3 “...ซ่ึงถูกเพาะเล้ียงโดยกรรมวธิ ีทางวทิ ยาศาสตร์” เป็นสานวนภาษาต่างประเทศเพราะใชค้ าวา่ ถูก
ในความหมายดี

79.ตอบ 3 ถ่ายเท หมายถึง ใหร้ ะบายเขา้ ออกได้ การที่ยา้ ยแก๊สจากถงั หน่ึงไปอีกถึงหน่ึง ควรใชค้ าวา่ “ถ่าย”

80.ตอบ 4 สนั ธานท่ีเหมาะสม คือ คาวา่ “มิฉะน้นั ” ซ่ึงเป็ นสนั ธานเลือกเอาอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง

81.ตอบ 4 เพราะวา่ จะทาใหเ้ กิดการอกั เสบของขอ้ ข้ึนอีก เป็นสานวนภาษาตา่ งประเทศเพราะใชอ้ าการนาม
โดยไมจ่ าเป็ น

82.ตอบ 1 เรียงลาดบั คาไม่ดี ควรแก่เป็ น ศาสนาอิสลามเป็ นศาสนาสาคญั ศาสนาหน่ึงของโลก

83.ตอบ 4 ใชค้ าผดิ ความหมาย “เจือปน” แปลวา่ เอาส่วนนอ้ ยไปผสมส่วนมากเพือ่ ใหเ้ ป็ นสิ่งเดียวกนั ควรใช้
คาวา่ “ปน” คาเดียว

84.ตอบ 1 วกิ ตรรถกริยาในการนิยามความหมายศพั ทท์ ่ีถูกตอ้ ง คือ คาวา่ “คือ” ไม่ใช่ “เป็น”

85.ตอบ 3 ใหม้ ีเจา้ หนา้ ท่ีทาการตรวจสอบทรัพยส์ ิน ใชอ้ าการนามเกินจาเป็น

86.ตอบ 4 ไดไ้ ม่เกินสิบสองคน ใชล้ กั ษณะนามผดิ ควรใช่คาวา่ “รูป”

87.ตอบ 3 ควรใชค้ าวา่ “สูด” ซ่ึงหมายถึง หายใจเขา้ ไป แทนคาวา่ “ดูด”

88.ตอบ 4 ควรเรียงลาดบั คาหรือกลุ่มคาตามลาดบั เวลาเป็น “...และหมายถึง อาหารที่ผลิต บรรจุ หรือ เกบ็
รักษาไวไ้ ม่ถูกสุขลกั ษณะ”

89.ตอบ 4 โดยคานึงถึงสภาพท่ีคลา้ ยคลึงกนั ของปัจจยั หลกั เป็นการลาดบั คาที่ไมถ่ ูกตอ้ ง ควรใช้ โดย
คานึงถึงสภาพปัจจยั หลกั ที่คลา้ ยคลึงกนั

90.ตอบ 4 แลว้ พฒั นา ใหม้ ีความหลากหลายออกไปท้งั รูปแบบและวสั ดุที่ใช้ เป็นสานวนภาษาตา่ งประเทศ
เพราะคาวา่ หลากหลายเป็นวเิ ศษขยายรูปแบบและวสั ดุแต่อยขู่ า้ งหนา้ คาน้นั ถา้ จะใหถ้ ูก ควรใชว้ า่ “แลว้
พฒั นารูปแบบและวสั ดุท่ีใชใ้ หห้ ลากหลาย”

91.ตอบ 2 ถา้ จะใช่คาใหเ้ หมาะสมควรใชค้ าวา่ “ทรงนิมนต”์

92.ตอบ 3 ต่อมาพระพทุ ธวจนะไดร้ ับการรวบรวมเป็ นหมวดหมู่ น่าจะปรับใหมโ่ ดยเอากรรมไปไวต้ ่อทา้ ย
กริยาเป็น “ตอ่ มามีการรวบรวมพระพุทธวจนะใหเ้ ป็นหมวดหมู่”

93.ตอบ 2 ใชค้ าผดิ ความหมาย ควรใชค้ าวา่ “สญั ญาณ” แทนคาวา่ “สัญลกั ษณ์”

94.ตอบ 1 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 2 1 4 3 เพราะขอ้ 3 มีคาวา่ “ที่” เชื่อมอยู่ “มีความเป็นอิสระและมีความ
คล่องตวั สูง” เป็นส่วนขยายคานาม “องคก์ รใหม่” ขอ้ 4
95.ตอบ 3 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 4 1 3 2 เพราะขอ้ 1 มีคาวา่ “หรือ” ระหวา่ ง “การปลูกถ่ายเซลลต์ น้
กาเนิดเมด็ เลือด” กบั “การปลูกถ่ายไขกระดูก” ซ่ึงเป็นคาท่ีมีความหมายเดียวกนั ส่วนขอ้ 2 “ซ่ึงมีลกั ษณะ
.......” เป็นประพนั ธสรรพนามขยายเซลลต์ น้ กาเนิดเมด็ เลือด
96.ตอบ 2 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 3 2 1 4 เพราะขอ้ 1 กบั ขอ้ 2 ข้ึนตน้ ประโยคดว้ ยกริยา “ทา” เหมือนกนั เม่ือ
พจิ ารณาขอ้ 2 เป็นเหตุใหเ้ กิดขอ้ 1 และเวลาขอ้ 1 ปี 2005 ยอ่ มเกิดก่อนขอ้ 4 ปี 2006
97.ตอบ 3 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 1 3 2 4 เพราะเป็ นการเรียงประโยคดว้ ยหลกั “เหตุ” ไปสู่ “ผล”
ขอ้ 4 คาวา่ “จึง” เป็นคาเช่ือมบอกผล ส่ิงท่ีน่าสงั เกตคือ ประโยคขอ้ 3 “...ตอนปลายแมน้ ้าเจา้ พระยา...”
ขยายประโยคขอ้ 1 “...บนพ้ืนท่ีราบลุ่ม...”
98.ตอบ 4 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 2 4 1 3 เพราะประโยคขอ้ 4 “ท่ีสะสมตวั ปะปนกบั .......”
ขยายประโยค ขอ้ 2 “...สารประกอบอินทรียท์ ้งั ของพืชและของสตั ว.์ ..”
99.ตอบ 2 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 3 2 1 4
100.ตอบ 1 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 4 2 1 3
101.ตอบ 4 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 1 4 2 3
102.ตอบ 3 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 3 4 2 1
103.ตอบ 4 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 2 1 3 4
104.ตอบ 1 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 2 3 1 4
105.ตอบ 4 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 1 2 3 4
106.ตอบ 3 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 1 3 2 4
107.ตอบ 2 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 2 4 1 3
108.ตอบ 3 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 4 3 2 1
109.ตอบ 4 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 1 2 4 3

110.ตอบ 4 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 2 1 4 3
111.ตอบ 2 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 4 2 1 3
112.ตอบ 4 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 1 2 3 4
113.ตอบ 2 โดยเรียงลาดบั ไดด้ งั น้ี 4 1 2 3
114.ตอบ ข. แนวคิด ข้นั ตอน เป็นการพฒั นาทีละข้นั ตอน
115.ตอบ ข. แนวคิด ผลิตผล เกิดจากการไดผ้ ลิตผลจากธรรมชาติ
116.ตอบ ค. แนวคิด สถาบนั อุดมศึกษาไดผ้ ลิตบณั ฑิต เพราะไดเ้ รียนจบแลว้ และใชค้ าวา่ เชิงปริมาณและ
คุณภาพ
117.ตอบ ข. แนวคิด กีดขวาง หมายถึง ขวางก้นั ไว้ หรือขวางแกะกะ
118.ตอบ ก. แนวคิด เกี่ยวพนั หมายถึง ติดเน่ืองกนั พวั พนั กนั
119.ตอบ ง. แนวคิด เป็นประโยคท่ีมีความขดั แยง้
120.ตอบ ค. แนวคิด เป็นประโยคที่สอดคลอ้ งกนั
121.ตอบ ข. แนวคิด ใชค้ าเฉพาะ ตรากฎหมาย คุม้ ครอง สิทธิทางปัญญา
122.ตอบ ค. แนวคิด ประโยคที่สอดคลอ้ งเป็ นเหตุเป็นผล
123.ตอบ ก. แนวคิด ใชค้ าเฉพาะ

124.ตอบ ข.
125.ตอบ ก.
126.ตอบ ง.
127.ตอบ ข.
128.ตอบ ค.
129.ตอบ ก.

130.ตอบ ก.
131.ตอบ ก.
132.ตอบ ข.
133.ตอบ ก.
134.ตอบ ง.
135.ตอบ ก.
136.ตอบ ก.
137.ตอบ ก.
138.ตอบ ค.
139.ตอบ ง.
140.ตอบ ก.
141.ตอบ ง.
142.ตอบ ค.
143.ตอบ ก.
144.ตอบ ง.
145.ตอบ ข.
146.ตอบ ค.
147.ตอบ ก.
148.ตอบ ง.
149.ตอบ ข.
150.ตอบ ก.
151.ตอบ ง.

152.ตอบ ง.
153.ตอบ ง.
154.ตอบ ก.
155.ตอบ ค.
156.ตอบ ค.
157.ตอบ ง.
158.ตอบ ง.
159.ตอบ ง.
160.ตอบ ค.
161.ตอบ ง.
162.ตอบ ง.
163.ตอบ ข.
164.ตอบ ง.
165.ตอบ ก.
166.ตอบ ก.
167.ตอบ ง.
168.ตอบ ง.
169.ตอบ ง.
170.ตอบ ก.
171.ตอบ ง.
172.ตอบ ข.
173.ตอบ ค.

174.ตอบ ง.
175.ตอบ ง.
176.ตอบ

177.ตอบ ก. เพราะที่ถูกตอ้ งเขียนสมณสาสนใ์ ส่การันตท์ ี่ตวั น อ่านวา่ สะ-มะ-นะ-สาด แปลวา่ จดหมายของ
สมเดจ็ พระสังฆราช
178.ตอบ ข. เพราะคาวา่ ทแยง แปลวา่ เฉียง เฉลียง เช่นทแยงมุม แปลวา่ เฉียงจากมุมหน่ึงไปมุมหน่ึง ที่
ถูกตอ้ งเขียนวา่ “ทแยง” ไมต่ อ้ งประวสิ รรชนียท์ ี่ตวั ท
179.ตอบ ค. เพราะ “ไส่ความ” ตอ้ งเขียน ไส่จาก“ไ” เป็น“ใ”(ก.) แปลวา่ สวม บรรจุ บรรทุก ใส่ความ (ก.)พดู
หมายเหตุร้าย กล่าวหาเร่ืองร้ายใหผ้ อู้ ่ืนไดร้ ับความเสียหาย
180.ตอบ ง. เพราะคาวา่ สิงโต เป็นสตั วส์ ี่เท่าที่ดุร้ายตวั ผมู้ ีสร้อยท่ีคอนิยมวา่ เป็นใหญ่ในหมสู่ ัตวท์ ้งั หลาย
เขียนผดิ ท่ีถูกเขียนไม่มี ห์ และคาวา่ ปราณี เป็นคานาม หมายถึง ผมู้ ีชีวติ ส่วนปรานี (ก.) เอน็ ดูและสงสาร
เขียนสะกดดว้ ยตวั น
181.ตอบ ข. เพราะคาวา่ อินธนู (อิน-ทะ-นู) แปลวา่ สายรุ้ง เคร่ืองประดบั บา่ อยา่ งหน่ึง ซ่ึงลายขอบท่ีเป็น
กระหนกคาถูกตอ้ งเขียนวา่ อินทรธนู ไม่ใช่ อินธนู และคาวา่ ผรุสวาท (ผะ-รุด-สะ-วาด) คาหยาบ (ป.)

182.ตอบ ค. เพราะคาวา่ “ละโมบ” ท่ีแปลวา่ มกั ได้ มกั กิน ตอ้ งใช่ บ สะกด ไม่ใช่ตวั ภ สะกด และคาวา่
“อุทาหรณ์” แปลวา่ ตวั อยา่ งท่ีผดิ ท่ียกข้ึนมาอา้ ง หรือเร่ืองท่ีผดิ นามาเทียบเคียงเป็นตวั อยา่ งท่ีตอ้ งเขียนวา่
“อุทาหรณ์” ไมใ่ ช่ “อุทธาหรณ์”

183.ตอบ ค. เพราะคาวา่ ประสพการณ์ตอ้ งเขียนวา่ “ประสบการณ์” โดยใช่ตวั บ สะกด คาวา่ ประสบ (ก.)
แปลวา่ พบ พบปะ คาวา่ อาหลยั่ เขียนผดิ ท่ีถูกตอ้ งเขียนวา่ “อะไหล่” โดยใช่ “ไ” อะไหล่ (น.) เครื่องสารอง
แห่งส่ิงของ

184.ตอบ ง. เพราะคาวา่ เงินทดรอง แปลวา่ ออกเงินแทนไปก่อน ท่ีถูกตอ้ งเขียนวา่ “เงินทดรอง” และคาวา่
บุคลากรมี ค ตวั เดียว อ่านวา่ (บุก-คะ-ลา-กอน) แปลวา่ ตาแหน่งเจา้ หนา้ ที่ผปู้ ฏิบตั ิงานท่ีเก่ียวกบั การ
บริหารงานบุคคล เช่นในการบรรจุแตง่ ต้งั เลื่อนข้นั เงินเดือน เป็นตน้ หรือผปู้ ฏิบตั ิหนา้ ที่แตล่ ะหน่วยงาน

185.ตอบ ง. เพราะคาวา่ จาระไน แปลวา่ ช้ีแจงอยา่ งละเอียดลออหรือถ่ีถว้ น จึงตอ้ งเขียนวา่ “จาระไน” ไมใ่ ช่
จาระไนย ปราณีต เขียนผดิ ท่ีถูกเขียนวา่ “ประณีต” (ว.) ละเอียดลออ เรียบร้อยงดงาม เช่นฝีมือประณีตทา
อยา่ งประณีต ท่ีปรุงอยา่ งสุดฝีมือดว้ ยของดี ๆ เช่นปรุงอาหารประณีต

186.ตอบ ก. เพราะคาวา่ “ดอกไมจ้ นั ทน์” เน้ือไมจ่ นั ทน์ เป็ นตน้ ที่ไสเป็นแถบบางนามาประดิษฐเ์ ป็ นช่อ
ขนาดเลก็ ใชใ้ นการเผาศพ ที่ถูกตอ้ งเขียนวา่ “ดอกไมจ้ นั ทน์” ไม่ใช่ “ดอกไมจ้ นั ทร์”

187.ตอบ ค. เพราะคาวา่ “หงส์” (หง) นกในนิยายเป็นนกตระกลู สูงมีเสียงไพเราะ เพราะพาหนะของพระ
พรหมในวรรณคดีอา้ งการเดินท่ีงดงาม อ่อนชอ้ ยเทียบดว้ ยหงส์ ช่ือนกตวั หน่ึงตวั โตและคอยาวกวา่ ห่าน ท่ี
ถูกตอ้ งเขียนวา่ “หงส์” ไมใ่ ช่ “หงษ”์

188.ตอบ ค. เพราะคาวา่ “กอบดว้ ย” มกั จะใช่ในคาท่ีกล่าวถึงลกั ษณ์เพิ่มเติม เช่นนาย ก. เป็นผมู้ ีอานาจและ
กอบดว้ ยเมตตา ส่วนคาวา่ กอปร (กอบ) เป็นคาโบราณ แปลวา่ ประกอบ

189.ตอบ ก. เพราะคาวา่ สะอาด แปลวา่ หมดจด ผอ่ งใส ที่ถูกตอ้ งมีประวสิ รรชนียท์ ี่ตวั ส

190.ตอบ ง. ผิดเพราะคาตอบที่ถูกสะกด “ละเอียดลออ” โดยไมป่ ระวสิ รรชนียท์ ี่คาวา่ “ลออ” ละเอียด (ว.) ไม่
หยาบ, เลก็ , เป็นผง, เป็นจุล, ถี่ถว้ น, ประณีต คาวา่ ละเอียดลออ (ว.) ถี่ถว้ น

191.ตอบ ค. เพราะเป็นคาท่ีผิด คาตอบที่ถูกตอ้ งสะกดวา่ “ปรมาภิไธย” (ปะระ-) ชื่อใชเ้ ฉพาะพระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยหู่ วั อาทิ ในพระปรมาธิไธย

192.ตอบ ก. ผดิ ที่ถูกสะกด “สะระแหน่” คาวา่ สะระแหน่ น. ช่ือผกั ชนิดหน่ึงใบมีกล่ินฉุนใชป้ รุงแต่งกลิ่น
อาหารและใบกลน่ั เป็นน้าหอมระเหยได้

193.ตอบ ก. ผดิ ท่ีถูกสะกด “พรรณนา” ใชต้ วั น ไมใ่ ช่ ณ คาวา่ พรรณนา (พนั -นะ-นา) ก. กล่าวเป็นเร่ืองราว
อยา่ งละเอียดใหผ้ ฟู้ ังนึกเห็นเป็นภา

194.ตอบ ง. ผดิ ที่ถูกสะกด “ประสบการณ์” คาวา่ ประสพใช้ พ ผดิ ตอ้ งใชต้ วั บ คาวา่ ประสบ (ก.) พบ
พบปะ พบเห็น คาวา่ ประสบการณ์(น.) ความชดั เจนที่เกิดจากการกระทาหรือไดพ้ บเห็นมา

195.ตอบ ข. ผิด ท่ีถูกสะกดวา่ สมุดโน็ต น เป็นอกั ษรต่า ผนั ดว้ ยไมโ้ ทจะออกเสียงตรี

196.ตอบ ข. ผิด “สถานการ” เป็นคาท่ีเขียนผดิ คาตอบท่ีสะกดถูก “สถานการณ์” มี ณ์ คาวา่ สถานการณ์ น.
เหตุการณ์ที่กาลงั เป็นไป

197.ตอบ ข. ผิด ท่ีถูกสะกด “พศิ วาส” (พิด-สะ-หวาด) (ว.) รักใคร่ เสน่หา

198.ตอบ ก. ผดิ หยากใย่ ตอ้ งใชไ้ มม่ ลาย “หยากไย”่ (น.) ใยแมงมุมที่ติดค่างในที่ต่างๆ

199.ตอบ ข. ผิด กะทนั หนั ไม่ตอ้ งมี ร ควบกล้า คาน้ีเขียนผดิ กนั มาก กะทนั หนั เขียนผดิ ท่ีถูกเขียนวา่
“กะทนั หนั ”

200.ตอบ ข. เพราะสุนทรียภาพ แปลวา่ ความงามในธรรมชาติและศิลปะ ความรู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งที่งาม
201.ตอบ ค. ถูก “ทดรอง”หมายความวา่ ออกเงินแทนไปก่อน เช่นทดรองจา่ ยเงินไปราชการของราชการ, ท่ี
ยมื เงินทดรองจ่าย

202.ตอบ ง. วเิ คราะห์ แปลวา่ ใคร่ครวญ แยกออกเป็นส่วน ๆ

203.ตอบ ค. ยดื เย้อื แปลวา่ ยาวนานอีก 3 คาท่ีเหลือมีความหมายใกลเ้ คียงกบั คาวา่ ยดื ยาด

204.ตอบ ก. อุบอิบ คือ พดู เบาๆ ไมช่ ดั เจน เพราะเกรงกลวั อานาจ ส่วนอีก 3 คาหมายถึงพดู ไมช่ ดั เจนไม่
จาเป็นตอ้ งพดู เบา ๆ

205.ตอบ ข. ความเงียบเชียบทาใหเ้ กิดความวงั เวง

206.ตอบ ก. ยวั่ เยา้ คือ คาพดู หยอกลอ้ แกลง้ ใหโ้ กรธ ส่วนอีก 3 คามุง่ หมายใหเ้ กิดความใคร่
207.ตอบ ก. ขวานผา่ ซาก คือ พดู โผงผางไม่เกรงใจใคร

208.ตอบ ข. วา่ วขาดลมลอย หรือใชว้ า่ วา่ วขาดลอย เป็นสานวนที่ปรากฏในวรรณคดี หมายความวา่ จากไป
ไมก่ ลบั เช่น“จากเจา้ เหมือนดงั่ วา่ วขาดลมลอย อยา่ หมายคอยเลยวา่ เมียจะเป็นตวั ” (ขนุ ชา้ งขนุ แผน)
209.ตอบ ง. หนงั หุม้ กระดูก คือ คนอดอยาก , คนผอมมาก

210.ตอบ ง. เห็นชา้ งเท่าหนู คือ เห็นคนท่ีน่ากลวั วา่ ไมน่ ่าเกิดจากความโกรธจดั
211.ตอบ ก. ยกยอ แมจ้ ะมีความหมายใกลเ้ คียงกบั อีกท้งั 3 คา แตม่ กั ใช่ในกรณีที่ยกยอ่ งเกินจริง เพื่อหวงั ผล
บางอยา่ ง
212.ตอบ ข. มะนาวไม่มีน้า หมายถึง พดู หว้ น ๆ
213.ตอบ ค. ชา้ งเล่นชา้ งหวั เป็นลกั ษณะของคนมีอารมณ์ขนั
214.ตอบ ง. ตะขิดตะขวง อาการที่ทาโดยไม่สนิทใจหรือไม่สะดวกใจเพราะกระดากอาย
215.ตอบ ค. คอตก แปลวา่ อาการที่หวั หงุบลงมาแสดงอาการผดิ หวงั
216.ตอบ ง. ใจป้ า แปลวา่ กลา้ ไดก้ ลา้ เสีย
217.ตอบ ข. ผลิตภณั ฑ์ อา่ นวา่ ผะ-หลิด-ตะ-พนั
218.ตอบ ค. หลกั การอ่านบา้ นเลขท่ี คือ หนา้ ทบั อ่านตามคา่ ประจาหลกั เลข หลงั ทบั อ่านเรียงตวั เลข
219.ตอบ ง. การอา่ นเวลาอ่านตวั เลขหนา้ จุดเป็นนาฬิกา เลขหลงั จุดเป็นนาที จุดในเลขบอกเวลาไมใ่ ช่จุด
ทศนิยม ขอ้ ข, ค, จึงผดิ ส่วนขอ้ ก เป็นการอ่านแบบภาษาพดู จึงไมถ่ ูก
220.ตอบ ค. รมว. รัฐมนตรีวา่ การ ร = รัฐ ม = มนตรี ว = วา่ การ
221.ตอบ ง. กศน. กรมการศึกษานอกโรงเรียน
222.ตอบ ข. ศธ = กระทรวงศึกษาธิการ อ่านวา่ สึก-สา-ทิ-กาน
223.ตอบ ค. จรดพระนงั คลั อา่ นวา่ จะ-หรด-พระ-นงั -คนั
224.ตอบ ค. ฉตั รมงคล อ่านวา่ ฉดั -ตระ-มง-คน
225.ตอบ ค. พนั ธกรณี อา่ นวา่ พนั -ทะ-กะ-ระ-นี
226.ตอบ ก. มลพษิ อ่านวา่ มน-ละ-พิด
227.ตอบ ง. อา่ นวา่ ตูไ้ ปรษณีย์ หน่ึงถึงสาม
228.ตอบ ง. อนุรักษ์ แปลวา่ รักษาใหค้ งเดิม เป็ นกิริยา ขอ้ ก, ข, ค เป็นกิริยาท่ีพอจะเขา้ กบั ความหมายของคา
วา่ อนุรักษ์ ได้ แตข่ อ้ ง เป็ นคานาม
229.ตอบ ก. กินเปล่า แปลวา่ ไดป้ ระโยชน์เปล่า ๆ โดยไม่ตอ้ งตอบแทน

230.ตอบ ง. เวไนย แปลวา่ ผคู้ วรแนะนาสั่งสอน ผพู้ งึ ดดั ไดส้ อนได้
231.ตอบ ง. คาที่มีความหมายเหมือนคาวา่ “พยศ” คือ “ด้ือ”
232.ตอบ ง. คาท่ีมีความหมายข้ีตืดอยา่ งมาก ตรงกบั คนตระหน่ีเหนียวแน่น
233.ตอบ ข. คาวา่ เส้ียมเขาควายใหช้ นกนั เป็นคาพงั เพย ความหมายเขา้ ลกั ษณะ ยใุ หร้ าตาใหร้ ่ัว
234.ตอบ ก. “ดาบน้ีอยทู่ ี่ใจ” ตรงกบั สานวนไทยวา่ “คมในฝัก”
235.ตอบ ค. “นอนหลบั ทบั สิทธ์ิ” มีความหมายตรงกบั ไม่เอาใจใส่ใช่สิทธ์ิท่ีตนมี
236.ตอบ ง. คาวา่ ชมเชย มีความหมายแตกต่างไปจาคาอ่ืน เพราะ กรุณา เมตตา สงสาร อยใู่ นกลุ่มเดียวกนั
237.ตอบ ง. อยหู่ มดั หมายความวา่ หมอบราบคาบ
238.ตอบ ค. ไขหู หมายความวา่ ทาเป็นไมไ่ ดย้ นิ
239.ตอบ ค. ไกลปื นเท่ียง หมายความวา่ อยไู่ กลความเจริญ
240.ตอบ ข. หมกมุ่น หมายความวา่ เอาใจใส่
241.ตอบ ง. เห็นเขาข้ึนคานหาม เอามือประสานรัดกนั ตรงกบั สานวนท่ีวา่ ทะเยอทะยานใฝ่ สูงเหมือนเขา
242.ตอบ ง. เรือลม้ เม่ือจอด ตรงกบั สานวนท่ีวา่ งานลม้ เหลวเมื่อใกลเ้ สร็จ
243.ตอบ ง. “คา” หมายถึง เสียงท่ีเปล่งออกมาก่ีคร้ังกไ็ ด้ และมีความหมาย
244. ง 245. ค 246. ง 247. ก 248. ข 249. ก 250. ค 251. ค 252. ข 253. ก
254. ง 255. ก 256. ข 257. ข 258. ข 259. ค 260. ก 261. ง 262. ค 263. ข


Click to View FlipBook Version