The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 ฉบับปรับปรุง 2561

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pattharattineeporn.pon, 2021-06-09 08:24:35

หน่วยการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 ฉบับปรับปรุง 2561

หน่วยการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 ฉบับปรับปรุง 2561

Keywords: วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6

มงที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชี้วดั 17
และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6

สาระท่ี 2 สาระที่ 3

ว 2.2 ว 2.3 ว 3.1 ว 3.2

1 123456781 2123456789



✓✓
✓✓

✓✓

✓✓

ตารางวเิ คราะหแ์ ผนการจดั การเรยี นรู้รายชั่วโมงท
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเ

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ดั สาระที่ 1

ว 1.1 ว 1.2 ว 1.3 ว 2.1 ว
234 1
แผนการจัดการเรยี นรู้ 1 5

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ลม ภัยธรรมชาติ

และปรากฏการณ์

เรอื นกระจก

 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7

เร่ือง ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก : 1

 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 8

เรื่อง ปรากฏการณเ์ รือนกระจก : 2

สรปุ ✓✓✓✓✓ ✓

18

ท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชี้วดั
เทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6

สาระท่ี 2 สาระที่ 3

ว 2.2 ว 2.3 ว 3.1 ว 3.2

1 123456781 2123456789

✓✓

✓✓
✓ ✓✓✓✓✓✓✓✓✓ ✓✓✓✓✓✓✓✓✓✓

โครงสร้างรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 19
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลาเรยี น 80 ชว่ั โมง

ลำดับ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรียน
ท่ี และตวั ชี้วดั (ช่ัวโมง)

1 ร่างกายของเรา ว 1.2 ป.6/1, ป.6/2, • สารอาหารทีอ่ ยใู่ นอาหารมี 12
ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5 6 ประเภท ไดแ้ ก่ คาร์โบไฮเดรต
โปรตนี ไขมัน เกลือแร่ วติ ามิน
และน้ำ
• อาหารแตล่ ะชนดิ ประกอบดว้ ย
สารอาหารที่แตกต่างกัน
อาหารบางอยา่ งประกอบดว้ ย
สารอาหารประเภทเดยี ว
อาหารบางอย่างประกอบด้วย
สารอาหารมากกวา่ หนึ่งประเภท
• สารอาหารแตล่ ะประเภทมี
ประโยชนต์ อ่ ร่างกายแตกตา่ งกนั
โดยคาร์โบไฮเดรต โปรตนี และ
ไขมนั เป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน
แก่ร่างกาย สว่ นเกลอื แร่ วิตามนิ
และน้ำ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้
พลังงานแกร่ ่างกาย
แตช่ ่วยใหร้ ่างกายทำงานได้
เป็นปกติ
• การรบั ประทานอาหาร
เพอื่ ใหร้ า่ งกายเจริญเตบิ โต มีการ
เปล่ยี นแปลงของร่างกายตามเพศ
และวยั และมสี ขุ ภาพดี จำเป็นตอ้ ง
รบั ประทานให้ได้พลงั งานเพยี งพอ
กับความต้องการของรา่ งกาย และ
ให้ได้สารอาหารครบถว้ น ในสัดส่วน
ที่เหมาะสมกับเพศและวยั รวมทัง้
ต้องคำนึงถงึ ชนิดและปริมาณของ
วัตถุเจอื ปนในอาหาร เพื่อความ
ปลอดภยั ต่อสุขภาพ

20

ลำดับ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรียน
ที่ และตัวช้ีวดั (ชั่วโมง)

• ระบบย่อยอาหารประกอบด้วย
อวยั วะต่าง ๆ ได้แก่ ปาก
หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร
ลำไส้เลก็ ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ
และตบั อ่อน ซงึ่ ทำหนา้ ท่รี ่วมกัน
ในการยอ่ ยและดูดซึมสารอาหาร

- ปากมฟี นั ชว่ ยบดเค้ียวอาหาร
ใหม้ ขี นาดเล็กลง และมีล้ินชว่ ย
คลุกเคลา้ อาหารกับน้ำลาย
ในน้ำลายมีเอนไซมย์ ่อยแป้ง
ใหเ้ ป็นน้ำตาล

- หลอดอาหารทำหน้าท่ีลำเลียง
อาหารจากปากไปยงั กระเพาะอาหาร
ภายในกระเพาะอาหาร
มีการย่อยโปรตนี โดยกรดและ
เอนไซมท์ สี่ ร้างจากกระเพาะอาหาร

- ลำไส้เลก็ มีเอนไซม์ทสี่ รา้ งจาก
ผนังลำไส้เล็กเอง และจากตับออ่ นท่ี
ชว่ ยย่อยโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และ
ไขมนั โดยโปรตีน คารโ์ บไฮเดรต
และไขมันท่ผี า่ นการยอ่ ยจนเปน็
สารอาหารขนาดเล็กพอท่จี ะดูดซึม
ได้ รวมถึงน้ำ เกลือแร่ และวติ ามนิ
จะถูกดดู ซึมที่ผนงั ลำไส้เลก็ เข้าสู่
กระแสเลือดเพื่อลำเลียงไปยงั ส่วน
ต่าง ๆ ของร่างกาย ซ่ึงโปรตนี
คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน จะถูก
นำไปใชเ้ ปน็ แหลง่ พลังงานสำหรบั ใช้
ในกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนน้ำ เกลือแร่

21

ลำดับ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรยี น
ที่ และตวั ช้ีวัด (ชวั่ โมง)

และวติ ามนิ จะช่วยให้รา่ งกาย
ทำงานได้เป็นปกติ

- ตับสรา้ งนำ้ ดีแล้วสง่ มายงั
ลำไสเ้ ลก็ ช่วยใหไ้ ขมันแตกตวั

- ลำไส้ใหญ่ทำหนา้ ทีด่ ดู น้ำ
และเกลือแร่ เปน็ บริเวณท่ีมอี าหาร
ที่ยอ่ ยไม่ได้หรือย่อยไม่หมดเป็น
กากอาหาร ซงึ่ จะถกู กำจัดออกทาง
ทวารหนัก
 อวยั วะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหาร
มีความสำคญั จึงควรปฏบิ ตั ิตน
ดแู ลรกั ษาอวยั วะใหท้ ำงานเป็นปกติ

22

ลำดบั ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรยี น
ท่ี และตวั ชี้วดั (ช่วั โมง)

2 การแยกสารผสม ว 2.1 ป.6/1  สารผสมประกอบดว้ ยสารต้งั แต่ 12
2 ชนดิ ข้ึนไปผสมกัน เชน่ น้ำมัน
ผสมนำ้ ข้าวสารปนกรวดทราย
วิธีการที่เหมาะสมในการแยกสารผสม
ขึ้นอย่กู ับลักษณะและสมบัติ
ของสารทผี่ สมกัน ถา้ องคป์ ระกอบ
ของสารผสมเป็นของแข็งกับ
ของแข็งท่ีมขี นาดแตกต่างกันอยา่ ง
ชดั เจน อาจใช้วิธีการหยิบออกหรอื
การร่อนผา่ นวัสดุทมี่ ีรู ถ้ามีสารใด
สารหน่ึงเป็นสารแม่เหล็กอาจใช้
วธิ ีการใช้แมเ่ หล็กดึงดดู
ถ้าองคป์ ระกอบเป็นของแขง็ ท่ี
ไมล่ ะลายในของเหลว อาจใช้วธิ ี
การรนิ ออก การกรอง หรือ
การตกตะกอน ซ่งึ วิธีการแยกสาร
สามารถนำไปใช้ประโยชน์
ในชวี ติ ประจำวนั ได้

23

ลำดบั ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรียน
ท่ี และตัวชี้วดั (ชั่วโมง)

3 ไฟฟา้ ว 2.2 ป.6/1  วัตถุ 2 ชนิดทผ่ี ่านการขัดถแู ล้ว 16
ว 2.3 ป.6/1 เมอ่ื นำเขา้ ใกล้กันอาจดึงดดู หรอื
ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ผลกั กนั แรงท่เี กดิ ขึ้นนเ้ี ปน็
ป.6/6 แรงไฟฟ้า ซง่ึ เป็นแรงไม่สัมผัส
เกดิ ขึ้นระหวา่ งวตั ถทุ ่ีมี
ประจุไฟฟ้าบวกและประจุไฟฟ้าลบ
วตั ถุท่มี ีประจุไฟฟา้ ชนดิ เดยี วกัน
ผลกั กัน ชนิดตรงขา้ มกันดึงดูดกนั
 วงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ยประกอบดว้ ย
แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า สายไฟฟ้า
และเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ หรืออปุ กรณ์
ไฟฟา้ แหล่งกำเนิดไฟฟ้า เช่น
ถ่านไฟฉาย หรือแบตเตอรี่
ทำหนา้ ท่ใี ห้พลงั งานไฟฟา้
สายไฟฟา้ เปน็ ตัวนำไฟฟ้า ทำหนา้ ที่
เช่ือมต่อระหว่างแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า
และเครื่องใชไ้ ฟฟา้ เขา้ ดว้ ยกัน
เครือ่ งใช้ไฟฟ้ามีหน้าท่ีเปลีย่ น
พลังงานไฟฟา้ เป็นพลังงานอื่น
 เม่ือนำเซลล์ไฟฟา้ หลายเซลล์
มาต่อเรียงกันโดยให้ขวั้ บวกของ
เซลล์ไฟฟ้าเซลล์หนงึ่ ต่อกบั ข้ัวลบ
ของอกี เซลลห์ น่ึงเปน็ การต่อแบบ
อนกุ รม ทำใหม้ ีพลังงานไฟฟ้า
เหมาะสมกบั เครื่องใชไ้ ฟฟ้า ซ่ึงการ
ตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรมสามารถ
นำไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวนั
เช่น การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าในไฟฉาย

24

ลำดับ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรยี น
ที่ และตัวชี้วัด (ช่วั โมง)

 การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รม
เม่อื ถอดหลอดไฟฟา้ ดวงใดดวงหน่ึงออก
ทำใหห้ ลอดไฟฟา้ ท่เี หลือดับท้ังหมด
สว่ นการตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบขนาน
เมอ่ื ถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหน่ึงออก
หลอดไฟฟา้ ท่เี หลอื กย็ ังสว่างได้
การต่อหลอดไฟฟา้ แตล่ ะแบบสามารถ
นำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ เชน่
การต่อหลอดไฟฟ้าหลายดวงในบา้ น
จึงต้องต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน
เพ่อื เลือกใชห้ ลอดไฟฟ้าดวงใด
ดวงหนึ่งได้ตามต้องการ

25

ลำดบั ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรียน
ท่ี และตวั ช้ีวัด (ชว่ั โมง)

4 ปรากฏการณ์ของโลก ว 2.3 ป.6/7, ป.6/8  เม่ือนำวตั ถุทบึ แสงมาก้นั แสง 8
ว 3.1 ป.6/1 จะเกดิ เงาบนฉากรบั แสงท่ีอยู่
ด้านหลังวตั ถุ โดยเงามรี ปู ร่างคลา้ ย
วัตถุทที่ ำให้เกิดเงา เงามัวเปน็
บรเิ วณท่ีมีแสงบางสว่ นตกลง
บนฉาก สว่ นเงามืดเปน็ บริเวณที่
ไม่มีแสงตกลงบนฉากเลย
 เม่ือโลกและดวงจนั ทร์ โคจรมาอยู่
ในแนวเส้นตรงเดียวกันกับดวงอาทิตย์
ในระยะทางท่ีเหมาะสม
ทำให้ดวงจนั ทรบ์ ังดวงอาทิตย์ เงาของ
ดวงจนั ทร์ทอดมายงั โลก ผ้สู งั เกตที่อยู่
บริเวณเงาจะมองเห็นดวงอาทิตย์
มืดไป เกิดปรากฏการณส์ รุ ิยปุ ราคา
ซง่ึ มีทั้งสุริยุปราคาเต็มดวง
สุริยุปราคาบางส่วน
และสรุ ยิ ุปราคาวงแหวน
 หากดวงจันทร์และโลกโคจรมาอยู่
ในแนวเส้นตรงเดยี วกันกับ
ดวงอาทติ ย์ แลว้ ดวงจันทร์เคลื่อนท่ี
ผา่ นเงาของโลก จะมองเหน็
ดวงจันทรม์ ืดไป เกิดปรากฏการณ์
จนั ทรปุ ราคา ซ่ึงมีท้ังจนั ทรปุ ราคา
เต็มดวง และจันทรุปราคาบางสว่ น

26

ลำดบั ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เวลาเรยี น
ท่ี และตัวช้ีวัด (ช่วั โมง)

5 เทคโนโลยอี วกาศ ว 3.1 ป.6/2  เทคโนโลยอี วกาศเร่มิ จาก 10
ความต้องการของมนษุ ยใ์ นการ
สำรวจวตั ถุทอ้ งฟ้าโดยใช้ตาเปลา่
กลอ้ งโทรทรรศน์ และไดพ้ ฒั นาไปสู่
การขนสง่ เพือ่ สำรวจอวกาศด้วย
จรวดและยานขนสง่ อวกาศและ
ยงั คงพัฒนาอย่างต่อเน่ือง
ปจั จุบนั มีการนำเทคโนโลยอี วกาศ
บางประเภทมาประยุกตใ์ ชใ้ น
ชีวิตประจำวนั เชน่
การใชด้ าวเทียมเพ่ือการสื่อสาร
การพยากรณ์อากาศ
หรอื การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ
การใช้อุปกรณว์ ัดชีพจร
และการเต้นของหัวใจ
หมวกนิรภัย ชุดกฬี า

27

ลำดับ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เวลาเรียน
ท่ี และตวั ชี้วดั (ชั่วโมง)

6 หินในทอ้ งถ่นิ ว 3.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3  หินเปน็ วัสดุแขง็ เกดิ ขึน้ เองตาม 14
ธรรมชาตปิ ระกอบด้วย แร่ตั้งแต่
หนงึ่ ชนิดข้นึ ไป สามารถจำแนกหนิ
ตามกระบวนการเกิดไดเ้ ป็น 3
ประเภท ได้แก่ หนิ อัคนี หินตะกอน
และหนิ แปร

 หนิ อคั นีเกดิ จากการเย็นตัวของแมกมา
เนือ้ หินมีลักษณะเปน็ ผลึก ทั้งผลกึ ขนาด
ใหญ่และขนาดเลก็ บางชนดิ อาจเปน็ เน้ือ
แก้วหรือ
มีรูพรุน

 หินตะกอน เกดิ จากการทบั ถม
ของตะกอนเมื่อถูกแรงกดทบั และ
มีสารเชอื่ มประสานจึงเกดิ เป็นหนิ
เน้ือหนิ กลมุ่ นส้ี ว่ นใหญ่มลี ักษณะ
เป็นเม็ดตะกอนมีทงั้ เน้ือหยาบ
และเน้ือละเอยี ด บางชนดิ เปน็ เนือ้ ผลึก
ท่ียดึ เกาะกนั เกดิ จากการตกผลึก
หรือตกตะกอนจากน้ำโดยเฉพาะ
น้ำทะเล บางชนิดมลี ักษณะ
เป็นช้นั ๆ จงึ เรยี กอกี ช่ือว่า หนิ ชนั้
 หนิ แปร เกดิ จากการแปรสภาพ
ของหนิ เดิม ซง่ึ อาจเป็นหนิ อัคนี
หินตะกอน หรือหนิ แปร โดยการ
กระทำของความร้อน ความดัน
และปฏกิ ิรยิ าเคมี เน้อื หินของ
หนิ แปรบางชนิดผลึกของแรเ่ รียงตวั
ขนานกันเปน็ แถบ บางชนิดแซะ
ออกเป็นแผน่ ได้ บางชนิดเปน็
เนื้อผลึกที่มีความแข็งมาก

28

ลำดบั ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรยี น
ที่ และตวั ชี้วดั (ชวั่ โมง)
 ซากดกึ ดำบรรพ์สามารถใชเ้ ป็น
หลกั ฐานหนง่ึ ที่ช่วยอธบิ าย
สภาพแวดล้อมของพ้นื ที่ในอดีต
ขณะเกดิ สง่ิ มชี ีวติ นน้ั เช่น หากพบ
ซากดึกดำบรรพ์ของหอยนำ้ จืด
สภาพแวดลอ้ มบริเวณนั้นอาจเคย
เปน็ แหลง่ นำ้ จืดมากอ่ น และ
หากพบซากดึกดำบรรพ์ของพืช
สภาพแวดลอ้ มบรเิ วณนั้นอาจเคย
เปน็ ป่ามาก่อน นอกจากนี้
ซากดึกดำบรรพย์ งั สามารถใช้ระบุ
อายุของหนิ และเป็นข้อมูลใน
การศึกษาวิวฒั นาการของสงิ่ มีชีวิต

29

ลำดับ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลาเรียน
ท่ี และตัวช้ีวดั (ชว่ั โมง)

7 ลม ภัยธรรมชาติ และ ว 3.2 ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6,  ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกิด 8
ปรากฏการณเ์ รือนกระจก ป.6/7, ป.6/8, ป.6/9 จากพืน้ ดนิ และพน้ื นำ้ รอ้ นและเยน็
ไมเ่ ทา่ กนั ทำใหอ้ ุณหภมู ิอากาศ
เหนอื พื้นดินและพืน้ นำ้ แตกต่างกนั
จึงเกดิ การเคลอ่ื นทขี่ องอากาศ
จากบริเวณท่มี ีอุณหภมู ติ ่ำไปยัง
บริเวณทม่ี อี ุณหภมู ิสงู
 ลมบกและลมทะเลเปน็ ลม
ประจำถิ่นที่พบบริเวณชายฝ่ัง
โดยลมบกเกดิ ในเวลากลางคนื
ทำให้มลี มพัดจากชายฝั่งไปสู่ทะเล
สว่ นลมทะเลเกิดในเวลากลางวนั
ทำใหม้ ีลมพัดจากทะเลเขา้ สชู่ ายฝง่ั
 มรสมุ เป็นลมประจำฤดเู กิด
บรเิ วณเขตรอ้ นของโลก ซง่ึ เป็น
บริเวณกว้างระดบั ภูมภิ าค
ประเทศไทยไดร้ ับผลจากมรสุม-
ตะวันออกเฉยี งเหนือในช่วง
ประมาณกลางเดือนตลุ าคมจนถงึ
เดอื นกุมภาพนั ธท์ ำให้เกดิ ฤดูหนาว
และไดร้ ับผลจากมรสมุ ตะวนั ตก-
เฉียงใตใ้ นช่วงประมาณกลางเดือน
พฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลาคม
ทำให้เกิดฤดฝู น ส่วนชว่ งประมาณ
กลางเดอื นกมุ ภาพนั ธจ์ นถึง
กลางเดอื นพฤษภาคมเป็นชว่ ง
เปลยี่ นมรสมุ และประเทศไทยอยู่
ใกล้เส้นศนู ย์สูตร แสงอาทติ ยเ์ กอื บ
ตัง้ ตรงและต้ังตรงประเทศไทยใน
เวลาเที่ยงวนั ทำใหไ้ ด้รบั ความร้อน
จากดวงอาทิตย์อย่างเต็มท่ี อากาศ
จึงร้อนอบอา้ วทำให้เกดิ ฤดูร้อน

30

ลำดบั ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลาเรียน
ที่ และตัวชี้วัด (ชั่วโมง)

รวม  นำ้ ท่วม การกดั เซาะชายฝั่ง
ดนิ ถลม่ แผ่นดินไหว และสนึ ามิ
มผี ลกระทบต่อชวี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม
แตกต่างกนั
 มนุษยค์ วรเรยี นรวู้ ธิ ปี ฏิบัติตน
ใหป้ ลอดภัย เช่น ติดตามขา่ วสาร
อย่างสม่ำเสมอ เตรยี มถุงยงั ชีพ
ให้พรอ้ มใชต้ ลอดเวลา และ
ปฏิบตั ติ ามคำสงั่ ของผูป้ กครอง
และเจ้าหน้าที่อย่างเครง่ ครัด
เมื่อเกดิ ภัยธรรมชาตแิ ละ
ธรณีพบิ ตั ภิ ัย
 ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกดิ จาก
แก๊สเรอื นกระจกในชั้นบรรยากาศ
ของโลกกกั เก็บความร้อนแล้ว
คายความร้อนบางส่วนกลบั สู่ผิวโลก
ทำใหอ้ ากาศบนโลกมีอุณหภูมิ
เหมาะสมต่อการดำรงชวี ิต
 หากปรากฏการณ์เรอื นกระจก
รนุ แรงมากข้นึ จะมีผลต่อการ
เปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก
มนุษย์จึงควรร่วมกนั ลดกิจกรรมท่ี
กอ่ ให้เกดิ แก๊สเรือนกระจก

80

31

โครงสรา้ งการจัดเวลาเรียน
กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลาเรียน 40 ช่วั โมง

หน่วยการเรยี นรู้/แผนการจัดการเรียนรู้ เวลาเรยี น
(ชว่ั โมง)
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ร่างกายของเรา
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง อาหารที่ฉนั รับประทานในแต่ละม้ือ : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง อาหารท่ฉี นั รับประทานในแต่ละมื้อ : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง ประโยชนข์ องสารอาหาร 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง พลงั งานจากอาหาร : 1 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 เรือ่ ง พลงั งานจากอาหาร : 2 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 เรื่อง อาหารที่ฉันรับประทานในแตล่ ะวัน : 1 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 7 เรอื่ ง อาหารที่ฉนั รับประทานในแตล่ ะวัน : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 เรอ่ื ง ธงโภชนาการ และข้อปฏบิ ัติในการรบั ประทานอาหาร
1
ตามโภชนบญั ญัติ 9 ประการ 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 เรื่อง การย่อยอาหารดว้ ยการเคี้ยว : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10 เรื่อง การย่อยอาหารด้วยการเคีย้ ว : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 เร่ือง แบบจำลองระบบย่อยอาหาร : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 12 เรือ่ ง แบบจำลองระบบย่อยอาหาร : 2
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การแยกสารผสม 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง ความหมายของสารผสม 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง รจู้ กั สารผสม : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง รูจ้ ักสารผสม : 2 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 เรื่อง วิธกี ารแยกสารผสม 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง การแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน
1
และการใชแ้ ม่เหล็กดงึ ดูด : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 เรอ่ื ง การแยกสารผสมโดยการหยบิ ออก การร่อน 1

และการใชแ้ ม่เหลก็ ดงึ ดูด : 2
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 เรื่อง การแยกสารผสมโดยการรินออกและการกรอง : 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง การแยกสารผสมโดยการรินออกและการกรอง : 2

32

โครงสร้างการจัดเวลาเรียน
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 เวลาเรยี น 40 ชั่วโมง

หนว่ ยการเรียนรู้/แผนการจดั การเรียนรู้ เวลาเรียน
(ชวั่ โมง)
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การแยกสารผสม (ต่อ)
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 9 เรื่อง การกรอง : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง การกรอง : 2 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11 เร่ือง การแยกสารผสมโดยการตกตะกอน : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 12 เรอื่ ง การแยกสารผสมโดยการตกตะกอน : 2 1
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 ไฟฟา้
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง บทบาทสมมตุ ิการถ่ายโอนประจุไฟฟ้าลบ : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง บทบาทสมมตุ ิการถ่ายโอนประจุไฟฟ้าลบ : 2 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง แรงดึงดูดและแรงผลกั ทางไฟฟา้ : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง แรงดงึ ดูดและแรงผลักทางไฟฟา้ : 2 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง สญั ลักษณ์ของสว่ นประกอบของวงจรไฟฟา้ : 1 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6 เรอ่ื ง สญั ลักษณ์ของส่วนประกอบของวงจรไฟฟา้ : 2 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 เร่ือง การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ย : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8 เรื่อง การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ย : 2 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง ตัวนำไฟฟา้ และฉนวนไฟฟ้า : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10 เรอ่ื ง ตัวนำไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 เรื่อง เซลล์ไฟฟา้ เคมี : 1 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 12 เรื่อง เซลลไ์ ฟฟา้ เคมี : 2 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13 เรื่อง การต่อเซลล์ไฟฟ้า : 1 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 เร่อื ง การต่อเซลลไ์ ฟฟ้า : 2 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 เรือ่ ง การต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 เรื่อง การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน : 2 1
40
รวมเวลาเรียน

33

โครงสรา้ งการจดั เวลาเรียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลาเรียน 40 ชวั่ โมง

หนว่ ยการเรียนรู้/แผนการจัดการเรียนรู้ เวลาเรียน
(ชัว่ โมง)
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 ปรากฏการณ์ของโลก
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง เงามดื และเงามัว 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง การเกดิ เงาจากตวั หนุ่ : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง การเกิดเงาจากตัวห่นุ : 2 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง จันทรปุ ราคาและสุริยปุ ราคา 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การท่ีวัตถขุ นาดเล็กบงั วตั ถขุ นาดใหญ่ : 1 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่ือง การทวี่ ัตถขุ นาดเล็กบังวตั ถุขนาดใหญ่ : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 เรอ่ื ง แบบจำลองจันทรุปราคาและสรุ ิยุปราคา : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรอ่ื ง แบบจำลองจันทรปุ ราคาและสุริยปุ ราคา : 2 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เทคโนโลยอี วกาศ
 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เรือ่ ง ประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หกั เหแสงอย่างง่าย : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ชนดิ หกั เหแสงอย่างง่าย : 2 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง บงั คับทิศทางการเคล่ือนที่ของจรวด : 1 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง บังคบั ทิศทางการเคล่ือนท่ีของจรวด : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 เรือ่ ง ศึกษาความกา้ วหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ : 1 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 เร่อื ง ศึกษาความกา้ วหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 เรื่อง ออกแบบชดุ อวกาศ : 1 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 เร่ือง ออกแบบชุดอวกาศ : 2 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 9 เรอื่ ง การพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เร่ือง การพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ : 2 1

34

โครงสร้างการจัดเวลาเรียน
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 เวลาเรยี น 40 ชัว่ โมง

หน่วยการเรยี นรู้/แผนการจดั การเรยี นรู้ เวลาเรียน
(ชว่ั โมง)
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 หนิ ในท้องถนิ่
 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง ลกั ษณะสำคญั ของหินและประเภทของหิน : 1 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง ลกั ษณะสำคญั ของหินและประเภทของหนิ : 2 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัฏจักรของหนิ : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง วัฏจกั รของหิน : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 เรือ่ ง วัฏจกั รของหิน : 3 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 เรอ่ื ง การใชป้ ระโยชนข์ องหินและแร่ในท้องถิ่น : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 เรือ่ ง การใชป้ ระโยชน์ของหนิ และแรใ่ นท้องถ่นิ : 2 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง นักลา่ ของที่ทำดว้ ยหนิ และแร่ 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 9 เรอ่ื ง การศึกษาซากดึกดำบรรพ์ : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10 เร่ือง การศึกษาซากดึกดำบรรพ์ : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 เร่อื ง การเกิดซากดกึ ดำบรรพ์ : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 เร่ือง การเกดิ ซากดกึ ดำบรรพ์ : 2 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13 เรอ่ื ง ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ : 1 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 เรอ่ื ง ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ : 2 1

35

โครงสรา้ งการจัดเวลาเรยี น
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรียนที่ 2 เวลาเรยี น 40 ช่วั โมง

หน่วยการเรยี นรู้/แผนการจดั การเรียนรู้ เวลาเรียน
(ชั่วโมง)
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 ลม ภยั ธรรมชาติ และปรากฏการณ์เรือนกระจก
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง ลมบก ลมทะเล : 1 1
 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ลมบก ลมทะเล : 2 1
 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง มรสมุ : 1 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง มรสุม : 2 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง ภยั ธรรมชาติ (น้ำทว่ ม การกดั เซาะชายฝง่ั ดนิ ถลม่
1
แผ่นดินไหว และสนึ าม)ิ : 1
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรือ่ ง ภยั ธรรมชาติ (นำ้ ท่วม การกดั เซาะชายฝ่ัง ดนิ ถลม่ 1
1
แผ่นดินไหว และสนึ ามิ) : 2 1
 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 เรื่อง ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก : 1 40
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง ปรากฏการณ์เรอื นกระจก : 2

รวมเวลาเรียน

36

การออกแบบหนว่ ยการเรยี นรูอ้ งิ มาตรฐานตามแนวทาง Backward Design

หน่วยการเรียนรู้ท่ี กล่มุ สาระการเรียนรู้
รหัส-ชื่อรายวชิ า
ช้ัน ภาคเรียนที่ เวลาเรียน ชั่วโมง

ผ้สู อน โรงเรียน

ขั้นที่ 1 กำหนดเป้าหมายหลักของการเรยี นรู้

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั

มาตรฐานการเรียนรู้

ตัวชี้วัด

มาตรฐานการเรียนรู้

ตวั ชี้วดั

37

ความรูฝ้ งั แน่น ความเข้าใจที่คงทน (Enduring Understanding)

นักเรียนเขา้ ใจวา่

สาระการเรยี นรู้

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
คำถามสำคญั

38

ขัน้ ท่ี 2 กำหนดหลักฐานหรือรอ่ งรอยของการเรียนรู้
ภาระงาน : ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรยี น

การประเมินการเรยี นรู้ (K)

1. ประเมนิ ความรู้ เรอ่ื ง (P)
ด้วยแบบทดสอบ (A)

2. ประเมนิ การปฏบิ ตั ิการทำกจิ กรรมการทดลอง การสบื สอบขอ้ มลู (P) ด้วยแบบประเมิน
3. ประเมินช้ินงาน เรื่อง

ด้วยแบบประเมิน
4. ประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ น

ด้วยแบบประเมนิ

39

แบบประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics)

แบบประเมินการปฏิบตั กิ ารทำกจิ กรรมการทดลอง

รายการการประเมิน 4 ระดับคุณภาพ 1
32

1. การทำกิจกรรม ทำกจิ กรรมการทดลอง ทำกจิ กรรมการทดลอง ทำกจิ กรรมการทดลอง ทำกจิ กรรมการทดลอง

การทดลอง ตามวิธกี ารและขั้นตอน ตามวธิ ีการและขั้นตอน ตามวธิ กี ารและข้ันตอน ไมถ่ กู ต้องตามวธิ ีการ

ตามแผนทก่ี ำหนด ทก่ี ำหนดไวอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ทีก่ ำหนดไว้ดว้ ยตนเอง ทก่ี ำหนดไว้ โดยมีครูหรอื และขั้นตอนทีก่ ำหนดไว้

ด้วยตนเอง มกี ารปรับปรงุ มีการปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง ผ้อู ืน่ เป็นผแู้ นะนำ ไมม่ ีการปรบั ปรงุ แก้ไข

แกไ้ ขเปน็ ระยะ

2. การใชอ้ ุปกรณ์ ใชอ้ ุปกรณแ์ ละ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื

และ/หรอื เครอื่ งมือ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เครื่องมอื ในการทำ เคร่อื งมือในการทำ

กจิ กรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง

ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง โดยมคี รู ไม่ถูกต้อง และไมม่ ี

ตามหลกั การปฏิบตั ิ ตามหลักการปฏบิ ตั ิ หรือผ้อู ่ืนเปน็ ผูแ้ นะนำ ความคลอ่ งแคล่ว

และคลอ่ งแคล่ว แต่ไมค่ ล่องแคล่ว ในการใช้

3. การบนั ทกึ ผล บันทกึ ผลเปน็ ระยะ บนั ทกึ ผลเป็นระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไมค่ รบ

การทำกจิ กรรม อยา่ งถูกตอ้ ง มีระเบียบ อย่างถกู ตอ้ ง มรี ะเบยี บ แตไ่ มเ่ ป็นระเบยี บ ไมม่ กี ารระบหุ น่วย

การทดลอง มีการระบหุ นว่ ย มีการ มีการระบุหน่วย มีการ ไมม่ กี ารระบหุ นว่ ย และไม่เปน็ ไปตาม

อธิบายขอ้ มลู ใหเ้ ห็น อธิบายข้อมลู ให้เห็น และไมม่ กี ารอธบิ ายขอ้ มลู การทำกจิ กรรม

ความเชื่อมโยง ถงึ ความสมั พนั ธ์ ให้เห็นถึงความสมั พันธ์ การทดลอง

เปน็ ภาพรวม เปน็ เหตุ เป็นไปตามการทำ ของการทำกจิ กรรม

เปน็ ผล และเปน็ ไปตาม กจิ กรรมการทดลอง การทดลอง

การทำกจิ กรรมการทดลอง

4. การจดั กระทำข้อมลู จดั กระทำขอ้ มลู จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมลู อย่าง

และการนำเสนอ อยา่ งเป็นระบบ อย่างเป็นระบบ มกี าร อยา่ งเปน็ ระบบ ไมเ่ ป็นระบบ และมีการ

มกี ารเชื่อมโยงใหเ้ ห็น จำแนกข้อมูลใหเ้ หน็ มีการยกตัวอยา่ งเพม่ิ เตมิ นำเสนอไมส่ ่ือความหมาย

เปน็ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพันธ์ นำเสนอ ให้เขา้ ใจง่าย และนำเสนอ และไม่ชัดเจน

ด้วยแบบต่าง ๆ อยา่ งชัดเจน ดว้ ยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ

ถกู ตอ้ ง แตย่ ังไม่ชดั เจน แตย่ ังไม่ชัดเจน

และไมถ่ ูกตอ้ ง

40

รายการการประเมนิ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม 32 สรุปผลการทำกิจกรรม
การทดลอง สรุปผลการทำกิจกรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรม การทดลองตามความรู้
การทำกิจกรรม ได้อยา่ งถูกตอ้ ง กระชับ การทดลองได้อย่างถูกต้อง การทดลองได้ โดยมคี รู ท่พี อมอี ยู่ โดยไมใ่ ชข้ ้อมลู
การทดลอง ชดั เจน และครอบคลมุ แต่ยงั ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู หรอื ผอู้ น่ื แนะนำบ้าง จากการทำกจิ กรรม
ขอ้ มลู จากการวเิ คราะห์ จากการวเิ คราะห์ทง้ั หมด จงึ สามารถสรปุ ได้ การทดลอง
6. การดูแลและการเกบ็ ทง้ั หมด
อปุ กรณ์และ/หรือ ดแู ลอปุ กรณ์และ/หรือ อย่างถูกต้อง ไมด่ ูแลอุปกรณแ์ ละ/
เครื่องมือ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่ืองมอื ในการทำ
กจิ กรรมการทดลอง ดแู ลอปุ กรณ์และ/หรอื ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรอื กจิ กรรมการทดลอง
และมีการทำความสะอาด และไม่สนใจทำความ
และเก็บอยา่ งถกู ตอ้ ง เครื่องมอื ในการทำ เครอ่ื งมือในการทำ สะอาด รวมท้ังเก็บ
ตามหลกั การ และแนะนำ ไมถ่ กู ตอ้ ง
ให้ผ้อู ื่นดูแลและ กจิ กรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง
เก็บรักษาได้ถูกตอ้ ง
และมกี ารทำความสะอาด มกี ารทำความสะอาด

อย่างถูกตอ้ ง แต่เก็บ แต่เกบ็ ไม่ถูกตอ้ ง

ไมถ่ ูกต้อง ตอ้ งให้ครหู รือผอู้ ื่น

แนะนำ

41

แบบประเมินการสบื สอบขอ้ มูล

รายการการประเมนิ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32

1. การวางแผนค้นควา้ วางแผนทจ่ี ะค้นควา้ ขอ้ มูล วางแผนท่ีจะค้นควา้ ขอ้ มูล วางแผนท่จี ะค้นคว้าข้อมูล ไม่มกี ารวางแผนทจ่ี ะ

ข้อมูลจาก จากแหลง่ การเรียนรู้ จากแหลง่ การเรียนรู้ จากแหลง่ การเรยี นรู้ คน้ ควา้ ขอ้ มูลจาก

แหลง่ การเรยี นรู้ ทีห่ ลากหลายเชอ่ื ถือได้ ท่หี ลากหลายและเหมาะสม โดยมีครูหรือผอู้ นื่ แหล่งการเรียนรู้

และมกี ารเชื่อมโยงใหเ้ หน็ แตไ่ มม่ ีการเชือ่ มโยง แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ

เป็นภาพรวม แสดงใหเ้ ห็น ใหเ้ ห็นเปน็ ภาพรวม

ถงึ ความสมั พันธ์

ของวธิ ีการทั้งหมด

2. การเก็บรวบรวม เก็บรวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมข้อมูล

ข้อมูล ตามแผนทก่ี ำหนด โดยคดั เลือกและ/หรือ โดยไมม่ ีการคัดเลอื ก เป็นระยะ ขาดการ

ทกุ ประการ ประเมินขอ้ มูล และ/หรือประเมินข้อมลู ประเมนิ เพือ่ คัดเลอื ก

3. การจัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำขอ้ มลู จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำขอ้ มลู อย่าง

และการนำเสนอ อย่างเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ มีการ อยา่ งเปน็ ระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และนำเสนอ

มกี ารเชอื่ มโยงใหเ้ หน็ จำแนกขอ้ มูลให้เหน็ มีการยกตวั อยา่ งเพม่ิ เตมิ ไม่ส่อื ความหมาย

เปน็ ภาพรวม และนำเสนอ ความสมั พันธ์ นำเสนอ ใหเ้ ข้าใจง่ายและนำเสนอ และไมช่ ัดเจน

ด้วยแบบตา่ ง ๆ อย่างชัดเจน ดว้ ยแบบต่าง ๆ ด้วยแบบต่าง ๆ

ถูกตอ้ ง ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง แตย่ งั ไมถ่ ูกตอ้ ง

4. การสรุปผล สรปุ ผลไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สรุปผลไดอ้ ยา่ งกระชับ สรุปผลไดก้ ระชบั สรุปผลโดยไมใ่ ช้

กระชบั ชัดเจนและ แต่ยังไม่ชัดเจนและ กะทัดรัด แต่ไม่ชดั เจน ขอ้ มลู และไมถ่ ูกต้อง

ครอบคลมุ มีเหตผุ ล ไม่ครอบคลุมขอ้ มลู

ทอ่ี ้างอิงจากการสบื สอบ จากการวเิ คราะห์

ได้ ท้ังหมด

5. การเขียนรายงาน เขียนรายงาน เขยี นรายงาน เขียนรายงาน เขยี นรายงานได้

ตรงตามจุดประสงค์ ตรงตามจดุ ประสงค์ โดยส่ือความหมายได้ ตามตวั อยา่ ง แต่ใชภ้ าษา

ถกู ตอ้ งและชดั เจน อยา่ งถูกต้องและชัดเจน โดยมคี รูหรือผอู้ ืน่ ไมถ่ ูกตอ้ งและไมช่ ดั เจน

และมีการเช่อื มโยง แต่ขาดการเรียบเรียง แนะนำ

ใหเ้ หน็ เปน็ ภาพรวม

แบบประเมนิ ช้นิ งาน เร่ือง 42
1
รายการการประเมิน 4 ระดบั คณุ ภาพ
32

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดเี ยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไมผ่ า่ น (0)

43

ขั้นท่ี 3 การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือประสบการณก์ ารเรียนรู้
การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งการเรยี นรู้

44


Click to View FlipBook Version