ปรากฏการณ์ต่างๆ เหลา่ นีค้ อื ภาพทชี่ ายหนุ่ม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภารกิจอันมีความ
ท้ังสามได้เห็นด้วย “ตา” และได้สัมผัสด้วย “ใจ” ซึ่ง สำ�คัญย่ิงนี้เกิดจากแนวความคิดของบุคคลเพียงสาม
ทำ�ให้สามสหายรู้สึกกังวลถึง “ความจริง” ท่ีเกิดข้ึน คน ในขณะที่การดำ�เนินงานต่างๆ นั้นจำ�เป็นต้อง
ในขณะน้ันอยู่ไม่น้อย และด้วยเหตุผลดังกล่าว สาม อาศยั ความรว่ มมอื รว่ มใจจากหลายๆ คนและหลายๆ
สหายจึงเห็นพ้องต้องกันถึงความจำ�เป็นในการจัดต้ัง ฝ่ายด้วยความมงุ่ ม่ันทมุ่ เทและเสยี สละอยา่ งย่ิง
ศนู ยก์ ลางการพบปะและเผยแผธ่ รรมะส�ำ หรบั เยาวชน ความใฝ่ฝันที่จะเห็นสมาคมฯ เพื่อเผยแผ่
ข้ึนในประเทศไทยบ้าง โดยมุ่งเน้นท่ีจะชักจูงสหายใน สง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนาส�ำ หรบั คนหนมุ่ สาววยั เดยี วกนั
วัยเดียวกันให้หันมาสนใจในพระพุทธศาสนา ปรับ จึงถูกเก็บบ่มเอาไว้ในหัวใจชายหนุ่มทั้งสาม รอคอย
เปลยี่ นทศั นคตทิ ว่ี า่ ศาสนาเปน็ เรอ่ื งของคนสงู อายุ มา เหตุปัจจัยอันเหมาะสมด้วยความหวังและกำ�ลังใจ
สคู่ วามเขา้ ใจใหม่ นน่ั คอื “ศาสนาเปน็ เรอื่ งของคนทกุ ทเ่ี ตม็ เปย่ี ม
เพศทกุ วยั ”
50 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
จาก Y.B.A. ถึง “ยุวพุทธิกะ”
หลงั จากการประชมุ สมาชกิ ในครง้ั แรกผา่ นไป ปณธิ านของคณะคนหนมุ่ สาวกลมุ่ เลก็ ๆ กเ็ รม่ิ เปน็ รปู เปน็ รา่ งขน้ึ
การรวมกลุ่มในระยะแรกมลี กั ษณะเป็นคณะคลา้ ยชมรม โดยมสี มาชิกประมาณ ๑๐ กวา่ คน และหลงั จาก
พบปะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายครั้ง ในที่สุด คณะสมาชิกต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะ
ต้องมีการจัดตง้ั สมาคมพระพุทธศาสนาสำ�หรับเยาวชนข้ึนในประเทศไทยเสยี ที
แนน่ อนว่าเปน็ งานใหญ่สำ�หรับคนหนุ่มสาวกลุ่มเล็กๆ ที่ขณะนนั้ ยังไม่มีแม้แตช่ ือ่ กลุ่มท่ีเปน็ ทางการ...
ทงั้ น้ี ในเบอื้ งตน้ มกี ารตง้ั ชอื่ และเรยี กกนั ในกลมุ่ คอื “กลมุ่ Y.B.A.” (Young Buddhists Association) ซง่ึ เปน็ การ
กำ�หนดช่ือแบบไม่เฉพาะเจาะจงเพศ เนื่องจากเป็นชมรมท่ีเปิดรับเยาวชนผู้สนใจทั้งหญิงและชายนั่นเอง อย่างไร
กต็ าม ทา่ นเจา้ คณุ พระพรหมมนุ ี และหลวงเทพดรณุ านศุ ษิ ฏ์ พระผใู้ หญซ่ ง่ึ ไดใ้ หก้ ารอปุ ถมั ภช์ าวชมรมดว้ ยดเี สมอมา
ได้เมตตาแนะน�ำ ชือ่ ที่เหมาะสมใหใ้ นเวลาตอ่ มา
กลุ่มเยาวชนคนหนุ่มสาวผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา ท่ีมุ่งหวังอยากเห็นธรรมะในพระพุทธศาสนามีความงอกงาม
ในหวั ใจคนวยั เดยี วกนั และเปน็ ปกึ แผน่ มน่ั คงในดนิ แดนไทยสบื ตอ่ ไปในอนาคต จงึ มชี อ่ื อนั อดุ มมงคลและเหมาะสม
ยิง่ ในนาม “คณะยวุ พทุ ธิกะ” ซ่งึ แปลว่า “เยาวชนผนู้ บั ถอื พระพทุ ธเจ้า” และมกั ถูกเรยี กสน้ั ๆ ในเวลาตอ่ มาว่า
“คณะยุวพทุ ธฯ”
ท้งั นี้ ได้ถือเอาวันท่ี ๑๕ มกราคม ซึง่ เป็นวันประชมุ พบปะกันเป็นครงั้ แรกของคณะสมาชิกนน้ั เอง เปน็
“วันก่อกำ�เนิดคณะยวุ พทุ ธกิ ะ”
๗๒ ปี ยวุ พุทธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ 51
อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ผู้มีพระคุณต่อ
สมาคมฯ ต้ังแต่เร่ิมก่อต้ังและยังครองสมณเพศ
ต่ อ ม า เ ม ต ต า เ ป็ น ที่ ป รึ ก ษ า ข อ ง ส ม า ค ม ฯ
ท่านเป็นนักวิชาการที่ได้รับการยอมรับท้ังจาก
พทุ ธศาสนกิ ชนและคณะสงฆไ์ ทยอยา่ งกวา้ งขวาง
ในฐานะท่ีสมบูรณ์ด้วยวิชาความรู้ทางพระพุทธ- วันท่ี ๒๖ ตุลาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓ พธิ ีเปดิ ป้ายสมาคมฯ โดยสมเด็จ
ศาสนาอย่างเยย่ี มยอด พระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นองค์ประธานในการเปิดปา้ ย
นอกจากน้ี คณะยวุ พทุ ธกิ ะไดข้ ออนญุ าตทา่ น “สชุ โี วภิกขุ” (สชุ ีพ ปุญญานภุ าพ) เจา้ อาวาสวดั กนั มาตยุ าราม
ย่านเยาวราช ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสหนุ่มท่ีมีความรู้และมีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น ขอใช้สถานที่ในวัดกันมาตุยาราม
เป็นสถานทตี่ ง้ั เนือ่ งจากเปน็ วดั ท่ีอยใู่ จกลางเมอื ง มคี วามสะดวกในการเดินทาง ซง่ึ ท่านเจา้ อาวาสก็ยินดอี นุญาต
นบั แตน่ น้ั เปน็ ตน้ มา จงึ ปรากฏภาพหนมุ่ สาวกลมุ่ หนง่ึ นง่ั ประชมุ สนทนาธรรม แลกเปลย่ี นความรคู้ วามคดิ กนั
ทบ่ี รเิ วณหนา้ พระประธานในอโุ บสถวดั กนั มาตยุ ารามเปน็ ประจ�ำ ทกุ ๆ บา่ ยวนั อาทติ ย์ เสยี งสวดมนตไ์ หวพ้ ระทด่ี งั ขน้ึ
อย่างพร้อมเพรียงเป็นประจำ� เป็นเสมือนสัญญาณว่า...การประชุมของคณะเยาวชนผ้นู ับถือพระพุทธเจ้า
ได้เริ่มต้นข้ึนแลว้ ...
และเสยี งสวดมนตอ์ นั ไพเราะของชาว “ยวุ พทุ ธฯ” ทป่ี ระสานเสยี งขน้ึ กอ่ นการประชมุ ทกุ ๆ ครง้ั กย็ งั คงกระหม่ึ
อยเู่ ชน่ น้นั เรอ่ื ยมาตราบถึงปัจจบุ ัน
52 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
ก�ำ เนดิ ยวุ พุทธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทย
นับจากการประชุมคร้ังแรก เมื่อเดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๒...งานของ “คณะยุวพุทธิกะ” ดำ�เนิน
การอยา่ งเอาจรงิ เอาจงั ดว้ ยก�ำ ลงั ของคนหนมุ่ สาวไดร้ ดุ หนา้ ไปอยา่ งรวดเรว็ กจิ กรรมอนั มเี ปา้ หมายเพอ่ื เผยแผแ่ ละ
ส่งเสรมิ พระพุทธศาสนาถกู จดั ขน้ึ อยา่ งตอ่ เน่อื งตามวัตถปุ ระสงค์ ๔ ประการทวี่ างไวเ้ ป็นเบอื้ งตน้ กลา่ วคอื
๑. เพอ่ื การศกึ ษาและแลกเปลี่ยนความรู้ธรรมะในพระพุทธศาสนา
๒. เพือ่ ปฏิบัติกจิ ทางพระพุทธศาสนา
๓. เพ่อื เผยแผ่และสง่ เสริมหลักธรรมของพระพุทธศาสนา
๔. ชักจูงกนั และกันใหต้ ้ังอยู่ในศลี ธรรมและขยายวงกว้างไปถงึ มิตรสหายภายนอก
เมื่อการรวมกลุ่มเป็นไปอย่างเข้มแข็งมั่นคง เพื่อที่จะดำ�เนินกิจการต่างๆ ได้อย่างเต็มท่ีและเป็น
ความหวังของชาวยุวพุทธฯ ท่ีอยากเห็นคณะชมรม รูปธรรมมากขึ้นท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากชาว
ได้เข้าสู่รูปแบบของสมาคมฯ จึงเพ่ิมมากข้ึน โดย สมาชิกและผู้สนใจทั่วไปที่ต่างเห็นชอบกับความคิดนี้
คุณบุญยงซ่ึงได้สละเวลาปลีกตัวจากหน้าท่ีการงาน อยา่ งเต็มที่
ในธุรกิจของตนเพื่อมาดำ�เนินงานของคณะด้วยความ เม่ือทุกฝ่ายเห็นดีด้วยดังนี้ การดำ�เนินงาน
ทุ่มเทตลอดมา ได้เรียกร้องให้คณะยุวพุทธิกะเร่ง เพ่ือขออนุญาตจัดต้ังสมาคมฯ จึงเร่ิมขึ้น มีการแต่งตั้ง
จดั ตง้ั ใหอ้ ยใู่ นรปู แบบ “สมาคม” อยา่ งเปน็ ทางการโดยเร็ว “คณะกรรมการผู้ก่อต้ังสมาคมฯ” ข้ึนเป็นชุดแรก เพื่อ
๗๒ ปี ยวุ พุทธกิ สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ 53
คณะกรรมการบรหิ ารสมาคมฯ ชดุ แรก (ถา่ ยเมอ่ื วนั ท่ี ๓๑ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓)
แถวนง่ั คณุ ดเี ลศิ โปตระนนั ท์ คณุ บญุ ยง วอ่ งวานชิ คณุ ศลิ ป์ วจิ ติ ศลิ ป์ คณุ กนษิ ฐา สามเสน คณุ มณฑา ภมู ริ ตั น์
แถวยนื คณุ จดั ขนั ธวเิ ชยี ร ร.ต.ทองค�ำ ศรโี ยธนิ คณุ ประสาร ทองภกั ดี คณุ สนุ ทร สขุ นี ยั คณุ เสถยี ร โพธนิ นั ทะ
ทำ�เร่ืองต่อทางราชการในการขออนุญาตจัดต้ังเป็น และมคี วามเสียสละเพื่องานส่วนรวมอย่างนา่ ชื่นชมยิ่ง
สมาคมฯ ทถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมายตอ่ ไป สว่ นหนา้ ทส่ี �ำ คญั โดยรายชอ่ื คณะกรรมการสมาคมฯ ชดุ แรกจ�ำ นวน ๑๑ คน
ด้านงานบรหิ าร คอื ตำ�แหน่งประธานสมาคมฯ นั้น ประกอบดว้ ย
ที่ประชุมกลุ่มมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ คุณบุญยง ๑. นายบุญยง ว่องวานชิ นายกสมาคม
วอ่ งวานชิ ซงึ่ มคี วามพรอ้ มทงั้ คณุ วฒุ ิ วยั วฒุ ิ และความ ๒. น.ส.เพ็ญสุข ศวิ ดติ ถ์ อปุ นายก
สามารถ ท้ังยังทุ่มเทแรงกายแรงใจเพ่ือความก้าวหน้า ๓. น.ส.กนษิ ฐา สามเสน ปฏคิ ม
ของคณะด้วยความเสียสละเสมอมา เข้ารับตำ�แหน่ง ๔. น.ส.ดีเลศิ โปตระนนั ท์ กรรมการโฆษณา
ประธานคณะกรรมการผู้ริเร่ิมก่อต้ังสมาคมฯ เป็น และเผยแผ่
สมัยแรกขณะท่ีคุณเสถียรผู้ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ๕. น.ส.มณฑา ภูมริ ตั น์ เหรญั ญกิ
มาโดยตลอดเช่นกันอ้างเหตุผลว่า “ไม่สันทัดทางโลก” ๖. นายทองคำ� ศรีโยธนิ พทุ ธศาสน์
จงึ ไมข่ อรบั ต�ำ แหนง่ ดา้ นการบรหิ าร โดยขอรบั เปน็ เพยี ง ๗. นายประสาร ทองภกั ดี บรรเทาทกุ ข์
ท่ปี รึกษาเทา่ นน้ั ๘. นายสอาด ตันศุภผล บรรณารกั ษ์
นอกจากคณุ เสถยี ร โพธนิ นั ทะ คณุ บญุ ยง วอ่ งวานชิ ๙. นายสุนทร สขุ นี ัย นายทะเบยี น
และคุณสุพจน์ แสงสมบูรณ์ สามสหายผเู้ ปน็ เสาหลกั ๑๐. ร.ท.จรูญ กาญจนโยธนิ กฬี าและร่นื เรงิ
ในการก่อต้งั สมาคมฯ แล้ว ยังมีคณะกรรมการของ ๑๑. นายจัด ขนั ธวเิ ชยี ร เลขาธกิ าร
สมาคมฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำ�เนินงานอีกหลาย
ท่าน ซ่ึงล้วนแต่เป็นเยาวชนผู้มีความรู้ความสามารถ
54 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
“...ถา้ หากคณะยุวพทุ ธกิ ะ หรอื คณะกรรมการของคณะยุวพทุ ธกิ ะ
สามารถทำ�ให้เกิดอ�ำ นาจแหง่ การแนะนำ�ขน้ึ ได้ในหมคู่ นหนมุ่ สาว
คอื ท�ำ ใหเ้ ห็นวา่ การมาไหวพ้ ระและเขา้ วดั เปน็ ของโกแ้ ละทันสมยั ได้แล้ว
กจ็ ะทำ�ให้เปน็ ประโยชนม์ าก การท�ำ ใหค้ นคล้อยตาม ข้าพเจ้าวา่
ไมเ่ หลือความสามารถและสมควรจะลองท�ำ ดูตอ่ ไป...”
....................
ปาฐกถาเรอื่ ง “คณะยวุ พุทธกิ ะ”
โดย บญุ ยง ว่องวานิช อดตี ประธานกรรมการคณะยุวพทุ ธิกะ
๗๒ ปี ยุวพุทธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ 55
เกียรตปิ ระวตั อิ ันเนอื่ งมาจากพระมหากรุณาธคิ ุณ
พ.ศ. ๒๕๐๓ ปที ่ี ๑๐ แห่งการก่อตง้ั ยวุ พุทธิกสมาคมฯ...
ด้วยอานิสงส์แห่งคุณงามความดี และอานุภาพแห่งเมตตาธรรมอันยิ่งใหญ่ ส่งผลต่อความมานะพยายาม
ของชาวยวุ พทุ ธฯ ...ยวุ พทุ ธกิ สมาคมฯ ไดร้ ับหนังสือจากสำ�นักพระราชวัง ลงวนั ที่ ๑๗ มนี าคม ๒๕๐๓ เนอ้ื ความ
ส�ำ คัญในหนังสือ ความว่า
“...ตามทไ่ี ดก้ ราบบงั คมทลู ขอพระราชทานพระมหากรณุ า ใหย้ วุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทย
อยใู่ นพระบรมราชปู ถมั ภ์ ความละเอยี ดแจง้ อยแู่ ลว้ นน้ั ความทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาทแลว้
โปรดเกลา้ ฯ รบั ยวุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทยไวใ้ นพระบรมราชปู ถมั ภต์ ามทข่ี อพระมหากรณุ า...”
ในวาระที่ก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ ๑๐ แห่งการก่อต้ังสมาคม เม่ือ ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ นั้นเอง... “ยุวพุทธิกสมาคม
แห่งประเทศไทย” จึงมีนามอันเป็นเกียรติประวัติและอุดมมงคลย่ิง ว่า “ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์” นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
มหาราชและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงพระราชทานแก่ยุวพุทธิกสมาคมฯ มาโดยตลอดยังความ
ปลาบปล้ืมปิติและโสมนัสแก่ชาวยุวพุทธฯ อย่างหาที่สุดมิได้ เสมือนน้ำ�ทิพย์อันชุ่มฉ่ำ�ที่ซึมซาบสู่ดวงใจ
ทุกดวงของชาวยุวพุทธฯ เติมเต็มกำ�ลังกายและกำ�ลังใจให้มุ่งม่ันสานต่ออุดมการณ์อันทรงคุณค่า เพ่ือจรรโลง
สง่ เสริมพระพุทธศาสนาและสร้างสรรคป์ ระโยชน์แกเ่ พือ่ นมนุษยต์ ราบจนถึงปจั จุบนั
56 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
วันท่ี ๒๖ กมุ ภาพนั ธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๖ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช โปรดเกลา้ ฯ
ให้คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เขา้ เฝา้
วนั ท่ี ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๑๒ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจา้ ลูกยาเธอทง้ั ๔ พระองค์ ทรงรับถวายเขม็ เครื่องหมายยุวพุทธกิ สมาคมฯ
เป็นสมาชิกกติ ติมศกั ด์ิของสมาคมฯ โดยมนี ายปรก อัมระนนั ท์ นายกสมาคมฯ เข้าเฝ้าถวายเข็ม
๗๒ ปี ยุวพุทธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ 57
58 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๒.
กอ่ รา่ งและเตบิ โต
๗๒ ปี ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมั ภ์ 59
ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำ�นักงานใหญ่
สำ�นักงานใหญ่
ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๘ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรม
ราชนิ นี าถ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานทด่ี นิ ในซอยเพชรเกษม ๕๔
กรุงเทพมหานคร จำ�นวน ๕ ไร่ ซึ่งนายขวัญ เอี่ยมอ่อง (ต.ม.) ผมู้ ศี รทั ธา
ต้งั ม่นั ในพระพุทธศาสนา ได้บริจาคทานบำ�รุงพระพุทธศาสนาและสงเคราะห์
เพอ่ื นมนษุ ยม์ าตลอดชวี ติ ของทา่ น ไดท้ ลู เกลา้ ฯ ถวายทด่ี นิ ๕ ไร่ แดส่ มเดจ็ พระนาง
เจา้ พระบรมราชนิ นี าถ ซง่ึ ไดพ้ ระราชทานใหแ้ กย่ วุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทยฯ
เปน็ บญุ นธิ หิ าคา่ ประมาณมไิ ด้ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ส�ำ นกั งานใหญข่ องสมาคมฯ มาจนถงึ
ปจั จบุ นั น้ี ประกอบดว้ ยอาคารหลัก ๓ หลัง คือ
พุทธศกั ราช ๒๕๑๘ สมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรณุ า
โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานท่ดี นิ ๕ ไร่ ท่ถี นนเพชรเกษม จังหวัดกรุงเทพมหานคร
ให้ยุวพุทธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ซึง่ คณุ ลงุ ขวัญ
เอี่ยมอ่อง เปน็ ผ้ทู ูลเกล้าฯ ถวาย
60 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
อาคารบญุ ยง ว่องวานิช
อาคารหลงั แรกของสมาคมฯ คอื “อาคารวอ่ งวานชิ ” กอ่ สรา้ งแลว้ เสรจ็ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ เพอ่ื ใชป้ ระโยชน์
ในการเรยี นการสอนระดบั อนบุ าลของโรงเรยี นยวุ พทุ ธพทิ ยา และเปน็ ส�ำ นกั งานของสมาคมฯ หลงั จากนน้ั ภารกจิ เพอ่ื
เผยแผธ่ รรมะและงานดา้ นการสงั คมสงเคราะหท์ จ่ี ดั ขน้ึ โดยยวุ พทุ ธกิ สมาคมฯ นบั วนั จะเพม่ิ มากขน้ึ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่
จากนโยบายทมี่ งุ่ เนน้ ดา้ นการสง่ เสรมิ ปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐาน เพอ่ื ใหเ้ ยาวชนและสาธชุ นผสู้ นใจได้ “พฒั นาจติ ”
ดว้ ยการ “ปฏบิ ตั ”ิ โดยตรง มใิ ชเ่ พยี งฟงั การปจุ ฉา-วสิ ชั นาธรรม หรอื การบรรยายธรรมะอยา่ งเดยี วเหมอื นในตอนแรก
ตง้ั สมาคมฯ
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ สมาคมฯ จงึ ไดเ้ ลกิ กจิ การโรงเรยี นยวุ พทุ ธพทิ ยาและรอ้ื อาคารวอ่ งวานชิ แลว้ จงึ ไดก้ อ่ สรา้ ง
อาคารหลังใหมข่ ึ้นแทนในบริเวณอาคารเดมิ โดยเปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหล็ก ๔ ชั้น แล้วเสร็จในปี พทุ ธศกั ราช
๒๕๕๑ ใหช้ อ่ื วา่ “อาคารบญุ ยง วอ่ งวานชิ ” เพอื่ เปน็ เกยี รตแิ ก่ ดร.บญุ ยง วอ่ งวานชิ อดตี ผกู้ อ่ ตง้ั และนายกสมาคม
ทด่ี ำ�รงต�ำ แหน่งยาวนานที่สุด (พ.ศ.๒๔๙๓ – ๒๔๙๗ และ พ.ศ.๒๕๑๑ – ๒๕๓๑)
อาคารบุญยง ว่องวานิช ประกอบดว้ ย
ช้นั ล่าง ชอ่ื ลมุ พินวี นั ประกอบด้วย โถงต้อนรบั ซงึ่ มเี สาอโศกจำ�ลอง
รา้ นจับจา่ ยได้บญุ “ลมุ พนิ วี ัน” และสว่ นส�ำ นกั งาน
ชน้ั ๒ ชอ่ื พุทธคยา ประกอบดว้ ย หอนทิ รรศการ หอ้ งสมดุ นาลันทา
และสาวัตถีธรรมเธยี เตอร์
ชัน้ ๓ ช่ือ สารนาถ ประกอบด้วย ห้องเรยี นอภธิ รรม ส่วนส�ำ นักงาน
และห้องประชุมขนาด ๑๐ และ ๑๕ ทน่ี ัง่
ชนั้ ๔ ชื่อ กุสินครา ประกอบดว้ ยหอประดษิ ฐานพระบรมสารรี กิ ธาตุ
หอ้ งปฏบิ ัติธรรมกุสินครา ห้องอาหารและห้องพักเด่ยี วสำ�หรบั จดั ปฏิบตั ิธรรมกลมุ่ ยอ่ ย
อาคารบญุ ยง วอ่ งวานชิ น้ี มแี นวคดิ การออกแบบเปน็ ดวงตาประตสู ธู่ รรมแลว้ ภายในอาคารยงั ไดร้ บั
การตกแตง่ สถานทด่ี ว้ ยภาพจติ รกรรมพระพทุ ธศาสนาทง่ี ดงามและทรงคณุ คา่ ถา่ ยทอดเรอ่ื งราวสงั เวชนยี -
สถานทง้ั ๔ จากสถานทป่ี ระสตู ิ ตรสั รู้ แสดงปฐมเทศนา และปรนิ พิ พาน รวมถงึ ภาพเรอ่ื งราวทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั
พระพทุ ธเจา้ ฝมี อื การวาดโดยอาจารยช์ ศู กั ด์ิ วษิ ณคุ �ำ รณ ศลิ ปนิ กลมุ่ พดดว้ ง
๗๒ ปี ยวุ พุทธกิ สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ 61
อาคาร “วอ่ งวานิช” โรงเรยี นยุวพทุ ธพทิ ยาในอดีต
ซ่งึ เปิดสอนในระดับอนบุ าล
62 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 63
64 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
ภาพจติ รกรรมพระพุทธศาสนาท่งี ดงามและทรงคุณคา่ ถ่ายทอดเร่อื งราวสังเวชนีย-
สถานทง้ั ๔ จากสถานทป่ี ระสตู ิ ตรสั รู้ แสดงปฐมเทศนา และปรนิ พิ พาน ฝมี อื การวาด
โดยอาจารยช์ ศู กั ด์ิ วษิ ณคุ �ำ รณ ศลิ ปนิ กลมุ่ พดดว้ ง
๗๒ ปี ยุวพทุ ธกิ สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมั ภ์ 65
อาคารสิริ กรินชัย
ตั้งแตป่ ี พ.ศ. ๒๕๒๗ เปน็ ต้นมา สมาคมฯ ไดด้ �ำ เนนิ การถมทดี่ นิ ในส่วนท่ีเหลืออยู่อีก ๒ ไร่ เพอ่ื เตรยี มไว้
สำ�หรับก่อสร้างอาคารหลังใหม่ต่อไป การก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมหลังแรกของยุวพุทธิกสมาคมฯ โดยการดำ�ริ
รเิ รม่ิ ของคณุ บญุ ยง วอ่ งวานชิ ไดเ้ รมิ่ ตน้ ขน้ึ ในชว่ งปี พ.ศ.๒๕๓๔ (ขณะนนั้ คณุ อนรุ ธุ วอ่ งวานชิ ด�ำ รงต�ำ แหนง่ นายก
สมาคมฯ) ด้วยความพร้อมใจของกรรมการยวุ พทุ ธกิ สมาคมฯ และความรว่ มแรงรว่ มใจของศษิ ยห์ รอื “ลกู โยค”ี ของ
คุณแม่ ดร.สริ ิ กรินชยั จนกระท่ังแล้วเสรจ็ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยตง้ั ช่ืออาคารหลงั ใหม่นีว้ า่ “อาคารสิริ กรนิ ชัย”
เพ่ือเป็นการแสดงกตเวทิตาคุณ และเป็นอนุสรณ์แก่คุณแม่ ดร. สิริ กรินชัย วิปัสสนาจารย์ผู้เสียสละและอุทิศตน
ให้กับงานสอนวปิ สั สนากรรมฐานมาเปน็ เวลายาวนานแทบจะตลอดชวี ติ ของทา่ น
หลงั จากจดั การฝกึ อบรมปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐาน หลกั สตู รคณุ แมส่ ริ ิ กรนิ ชยั ภายใตค้ วามเมตตาของหลวงพอ่
จรัญ ฐิตธัมโม ท่ีให้ใช้สถานที่ของวัดอัมพวันเป็นที่อบรมอย่างต่อเนื่องมาตลอด ๗ ปี (พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๓๕)
เม่ืออาคารสิริ กรินชัย ก่อสร้างแล้วเสร็จและทำ�พิธีเปิดอาคาร เม่ือวันท่ี ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ อาคารสิริ
กรินชัย ได้เร่ิมเปิดใช้ก่อนอย่างไม่เป็นทางการเป็นครั้งแรก ในการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน หลักสูตรคุณแม่สิริ
กรนิ ชยั ระหวา่ งวันที่ ๒๘ พฤศจกิ ายน - ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซ่ึงครั้งนน้ั มีผู้เข้ารว่ มปฏิบตั ปิ ระมาณ ๒๕๐ คน
อาคารสริ ิ กรนิ ชยั นบั ไดเ้ ปน็ กา้ วแรกในการวางรากฐานงานเทคโนโลยโี สตทศั นปู กรณต์ า่ งๆ ของยวุ พทุ ธกิ -
สมาคมฯ เพือ่ อ�ำ นวยประโยชนให้งานส่งเสริมและเผยแผพ่ ุทธธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพมากขึ้น
โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เห็นควรปรับปรุงอาคารสิริ กรินชัย และภูมิทัศน์
โดยรอบ มกี ารตดิ ตงั้ ระบบปรบั อากาศใหมแ่ ละลฟิ ตโ์ ดยสาร ปรบั ปรงุ หอ้ งปฏบิ ตั ธิ รรม หอ้ งครวั หอ้ งพกั และหอ้ งสขุ า
รวมถึงปรบั ปรุงลานจอดรถบรเิ วณดา้ นหน้าอาคารให้มคี วามทนั สมัย และสัปปายะเกื้อกูลแกก่ ารปฏิบัตธิ รรม
66 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 67
68 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
อาคารธรรมนเิ วศ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ โปรดกระหม่อม เสด็จ
พระราชด�ำ เนนิ ทรงเปดิ อาคารปฏบิ ตั ธิ รรม ของยวุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทยฯ เมอ่ื วนั จนั ทร์ ท่ี ๒๘ กนั ยายน
พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๐๐ น. และพระราชทานนามใหอ้ าคารปฏบิ ตั ธิ รรมดงั กลา่ ววา่ “อาคารธรรมนเิ วศ
หมายถงึ อาคารซง่ึ เปน็ ทอ่ี ยขู่ องผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรม” ถอื เปน็ พระมหากรณุ าธคิ ณุ อยา่ งยง่ิ ตอ่ ยวุ พทุ ธกิ สมาคมฯ
อาคารหลงั นเ้ี ปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ สงู ๔ ชน้ั สรา้ งขน้ึ เพอ่ื ถวายเปน็ พทุ ธบชู าและถวายเปน็ พระราช
กศุ ลแดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช เนอ่ื งในโอกาสฉลองพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา โดย
ใชเ้ วลากอ่ สรา้ ง ๒ ปี ๗ เดอื น งบประมาณการกอ่ สรา้ งและตกแตง่ ประมาณ ๒๕๐ ลา้ นบาท ทง้ั น้ี ความส�ำ เรจ็ ของ
การกอ่ สรา้ งเกดิ จากแรงศรทั ธาของพทุ ธศาสนกิ ชน ทม่ี ตี อ่ งานปฏบิ ตั ธิ รรมและเผยแผธ่ รรมของสมาคมฯ ประกอบดว้ ย
หอ้ งปฏบิ ตั ธิ รรม ขนาด ๑,๒๕๐ ตารางเมตร สามารถรองรบั ผเู้ ขา้ อบรมไดค้ รง้ั ละ ๕๐๐ คน
ชน้ั ลา่ ง เปน็ ทจ่ี อดรถใตอ้ าคารจ�ำ นวน ๑๕๐ คนั และโถงลฟิ ต์
ชน้ั ๒ หอ้ งอาหารทส่ี ามารถรองรบั ผใู้ ชบ้ รกิ ารไดค้ รง้ั ละ ๕๐๐ คน
และยงั มที พ่ี กั เปน็ หอ้ งแบบเตยี ง ๒ ชน้ั หอ้ งละ ๕๐ คน จ�ำ นวน ๔ หอ้ ง
และหอ้ งละ ๗๐ คน จ�ำ นวน ๒ หอ้ ง รองรบั ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมได้ ๓๔๐ คน
ชน้ั ๓ หอ้ งพกั ขนาด ๔ เตยี ง จ�ำ นวน ๓๕ หอ้ งและหอ้ งพกั เดย่ี ว ๑๕ หอ้ ง
รองรบั ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมได้ ๑๓๕ คน และยงั มที พ่ี กั พระสงฆท์ แ่ี ยกออกจากอาคารปฏบิ ตั ธิ รรม
เพอ่ื ใหเ้ ออ้ื ตอ่ การปฏบิ ตั ติ ามพระธรรมวนิ ยั
ชน้ั ๔ หอ้ งปฏบิ ตั ธิ รรมและบนเวทใี นหอ้ งประชมุ ใหญเ่ ปน็ ทป่ี ระดษิ ฐาน
“พระพทุ ธวสิ ทุ ธเิ ทพ” ซง่ึ เปน็ พระประธานประจ�ำ ยวุ พทุ ธฯ ขนาดหนา้ ตกั ๗๙ นว้ิ สงู ๓.๒๕ เมตร รอบๆ
รายลอ้ มดว้ ยพระอสตี มิ หาสาวก จ�ำ นวน ๘๐ รปู สว่ นภายนอกหอ้ งปฏบิ ตั ธิ รรมรายลอ้ มดว้ ยพระพทุ ธพจนเ์ พอ่ื เปน็ คติ
ในการด�ำ เนนิ ชวี ติ
๗๒ ปี ยวุ พุทธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 69
ภ า ย ใ น ห้ อ ง สำ � ห รั บ ป ฏิ บั ติ ธ ร ร ม มี เ ค รื่ อ ง ฉ า ย
วีดิทัศน์ขนาดใหญ่ จอภาพใหญ่ และกล้องถ่ายวีดิทัศน์
ท่ีทันสมัย เพ่ือบันทึกธรรมบรรยายและกิจกรรมบุญ
เพื่อถา่ ยทอดสดผา่ นระบบอนิ เตอรเ์ น็ต นอกจากน้ี ยงั ใช้
ในการจัดธรรมะบรรยาย ซ่ึงรองรับผู้เข้าฟังได้สูงสุดถึง
๑,๕๐๐ คน ทางสมาคมฯ ไดอ้ าราธนาพระวิปัสสนาจารย์
ท่ีมีชื่อเสียงด้านการสอนปฏิบัติธรรมจากทั่วประเทศ
มาแสดงธรรมบรรยาย และยังใช้เป็นท่ีจัดกิจกรรม
ทางพระพุทธศาสนา โครงการงานเทศน์สำ�คัญ เพื่อ
เผยแผ่ธรรมะในรูปแบบท่ีแตกต่างหลากหลาย อาทิ
งานเทศน์มหาชาติ งานเทศน์มิลินทปัญหา งานเทศน์
มฆมาณพ งานเทศน์พระมาลัย งานเทศน์ทศชาติ งาน
สาธยายพระไตรปิฎก งานทำ�บุญวันเกิดแบบชาวพุทธ
งานเทศน์จิตใส ใจสบาย และงานเสริมมงคลชีวิต
ประสิทธิพรปีใหม่ ซ่ึงในแต่ละกิจกรรมที่ผ่านมา
มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำ�นวนมาก
70 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 71
72 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 73
ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐานยวุ พทุ ธฯ เฉลมิ พระเกยี รติศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ
จงั หวดั ปทมุ ธานี (ศนู ย์ ๒)จังหวัดปทุมธานี (ศูนย์ ๒)
ศนู ยว์ ปิ สั สนายวุ พทุ ธฯ เฉลมิ พระเกยี รติ จงั หวดั ปทมุ ธานี เรม่ิ กอ่ สรา้ ง
อาคารปฏบิ ตั ธิ รรมและอาคารบรกิ ารอนื่ ๆ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื จดั โครงการ
อบรมปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในหลักสูตรที่เข้มข้นมากข้ึน ภายใต้การดูแล
ของพระวปิ สั สนาจารย์ และวิปัสสนาจารย์ มกี ารจดั หลักสตู รในรปู แบบหลาก
หลาย เพ่อื ใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการของผู้ปฏิบตั ธิ รรม โดยแบง่ ออกเปน็
๓ สว่ นใหญๆ่ คอื อาคารปฏบิ ตั ธิ รรมส�ำ หรบั ผเู้ ขา้ รบั การอบรมในระยะเรม่ิ ตน้
อาคารปฏบิ ตั ิธรรมแบบแยกห้องเดี่ยวส�ำ หรบั ผู้ทเี่ คยปฏบิ ตั ิธรรมมาก่อน และ
ต้องการความวิเวกมากข้ึน และกุฏิปฏิบัติธรรมข้ันอุกฤษฏ์สำ�หรับผู้ประสงค์
จะปฏบิ ตั ธิ รรมเพอ่ื ให้เขา้ ถึงธรรมขน้ั สงู สดุ
ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐานยวุ พทุ ธฯ เฉลมิ พระเกยี รติ ปทมุ ธานี เปน็ สถานที่
ปฏบิ ัตธิ รรมแห่งที่ ๒ ไดถ้ ือก�ำ เนิดจากกศุ ลจิตของคหบดผี ู้ใจบุญ คอื คุณผลิต
– คณุ ปราณี สระวาสี และครอบครัว ที่ไดท้ ลู เกล้าฯ ถวายทีด่ ินจำ�นวน ๑๐ ไร่
ณ ตำ�บลคลองสาม อ�ำ เภอคลองหลวง จงั หวัดปทุมธานี แดส่ มเด็จพระญาณ
สงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ในพธิ เี ปดิ อาคารสริ ิ กรนิ ชยั
ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐานแหง่ แรกของยวุ พทุ ธกิ สมาคมฯ (เมอ่ื วนั ที่ ๓ กรกฎาคม
พุทธศักราช ๒๕๓๗) ซ่ึงพระองค์ทรงมีพระเมตตาประทานที่ดินดังกล่าวแก่
ยวุ พุทธิกสมาคมฯ เพอ่ื ใช้ประโยชน์ในกิจการพระพุทธศาสนา
74 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
วนั ท่ี ๓ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๗ คณุ ผลติ - คณุ ปราณี สระวาสี และครอบครวั ไดท้ ลู เกลา้ ฯถวายทด่ี นิ จ�ำ นวน ๑๐ ไร่ ณ ต�ำ บล
คลองสาม อ�ำ เภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธานี แดส่ มเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ในพธิ เี ปดิ อาคาร
สริ ิ กรนิ ชยั และทรงมพี ระเมตตาประทานทด่ี นิ ดงั กลา่ วใหแ้ กย่ วุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทยฯ เพอ่ื ใชใ้ นกจิ การพระพทุ ธศาสนา
อนุสาวรีย์รูปป้นั คุณผลิต สระวาสี คหบดีผ้ใู จบุญมีจิตเป็นกุศล บริจาคท่ดี ินจำ�นวน ๑๐ ไร่ เพ่อื กิจการพระพุทธศาสนา เป็นท่มี า 75
ของการก�ำ เนดิ ศนู ยว์ ปิ สั สนายวุ พทุ ธฯ เฉลมิ พระเกยี รติ จงั หวดั ปทมุ ธานี ศนู ยส์ าขาแหง่ ท่ี ๒ ของยวุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทยฯ
ในปจั จบุ นั
๗๒ ปี ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมั ภ์
อาคารเฉลมิ พระเกยี รติ ๗๒ พรรษา (อาคารปฏบิ ตั ธิ รรม ๗๒ หอ้ งพกั )
ในปี พุทธศักราช ๒๕๓๙ เป็นปีมหามงคล ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี เพ่ือถวายความจงรักภักดีและแสดงออกถึงความสำ�นึกใน
พระมหากรุณาธิคุณท่ีทรงครองแผ่นดินด้วยพระเมตตาธรรมมาอย่างต่อเน่ืองยาวนาน การสร้างศูนย์วิปัสสนา
กรรมฐานแหง่ ท่ี ๒ ของยวุ พุทธกิ สมาคมฯ ในครั้งน้ี จึงเปน็ ไปเพือ่ การเฉลมิ พระเกียรตแิ ละถวายเป็นพระราชกศุ ล
โดยได้ตง้ั ชอ่ื วา่ “ศนู ยว์ ปิ ัสสนากรรมฐานยุวพทุ ธฯ เฉลมิ พระเกียรต”ิ ซง่ึ ไดป้ ระกอบพธิ ีวางศลิ าฤกษ์ เมอ่ื วันที่
๒ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙ และได้รบั พระเมตตาจากสมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหา
สังฆปริณายก เสด็จวางศิลาฤกษ์ ท้ังยังได้ทอดพระเนตรรูปจำ�ลองโครงการท้ังหมดด้วยความสนพระทัย
ยงั ความปลาบปล้ืมแกค่ ณะกรรมการสมาคมฯ
ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐานยวุ พทุ ธฯเฉลมิ พระเกยี รตินบั เปน็ มติ ใิ หมข่ องการสรา้ งสถานปฏบิ ตั ธิ รรมทส่ี ามารถ
เออ้ื อ�ำ นวยแกก่ ารปฏบิ ตั ธิ รรมตง้ั แตข่ นั้ เรมิ่ ตน้ จนถงึ ขน้ั สงู สดุ ไดใ้ นปรมิ ณฑลเดยี วกนั โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ทต่ี งั้ ของศนู ยแ์ หง่ น้ี
อยหู่ ่างจากใจกลางกรุงเทพฯ เพียง ๕๐ กโิ ลเมตรเท่าน้ัน มคี วามสัปปายะ สามารถอนเุ คราะหผ์ ้สู นใจปฏบิ ตั ิธรรม
ตามแนวสติปฏั ฐาน ๔ ตง้ั แตข่ น้ั เร่ิมต้นไปจนถงึ ขนั้ สงู สดุ ทเ่ี รยี กวา่ ขัน้ “อุกฤษฏ์” รวมทงั้ เปน็ สถานท่ีผลติ บุคลากร
ทมี่ ีความรูค้ วามสามารถ มีคุณธรรม และพรอ้ มจะเสยี สละตนเพ่ือเผยแผ่ความรดู้ า้ นการปฏิบตั ิธรรมอยา่ งถูกตอ้ ง
และเต็มกำ�ลงั ความสามารถ
การอบรมปฏิบัติธรรมภายในศูนย์วิปัสสนากรรมฐานยุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ จัดข้ึนเป็นคร้ังแรกในปี
พุทธศักราช ๒๕๔๐ ในหลักสูตรต่างๆ อาทิ หลักสูตรวิปัสสนาพระสงฆ์ หลักสูตรวิปัสสนาพระสงฆ์จำ�พรรษา
หลักสตู รวปิ ัสสนา โดย พระภาวนาเขมคุณ (เจา้ อาวาสวดั มเหยงคณ์ จ.พระนครศรอี ยธุ ยา) เป็นต้น
76 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 77
ศาลาอาจรยิ บชู า ทองค�ำ ศรโี ยธนิ (ศาลาอเนกประสงค์ ๒ ชน้ั )
ในปี พทุ ธศักราช ๒๕๔๕ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เหน็ สมควรพัฒนาอาคารสถานทเี่ พอื่ รองรับ
การขยายตัวของงานวิปัสสนากรรมฐาน และเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิก รวมถึงสาธุชนท่ีสนใจ
การปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานใหม้ ากขนึ้ คณะกรรมการสมาคมฯ จงึ มมี ตใิ หเ้ รมิ่ โครงการกอ่ สรา้ ง “ศาลาอาจรยิ บชู า
ทองค�ำ ศรีโยธนิ ” และใชเ้ ปน็ สถานทปี่ ฏบิ ตั ิวิปสั สนากรรมฐานหลกั สตู ร ๓ วนั หลกั สตู ร ๗ วนั ซง่ึ มผี เู้ ข้ารับการ
อบรมทั้งพระสงฆ์และฆราวาส รวมทั้งกลุ่มเยาวชนและสาธุชนท่ัวไป
อาคารจริ กติ ิ
พุทธศักราช ๒๕๔๙ ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานยุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ ได้ดำ�เนินการก่อสร้างอาคาร
อีกหลังหน่ึง สำ�หรับเป็นท่ีพักผู้ปฏิบัติธรรมและกุฏิพระวิปัสสนาจารย์ โดยประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ไปเมื่อวันที่
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ โดย พ.อ. (พิเศษ) ทองคำ� ศรีโยธิน เมตตาเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ พร้อมด้วย
คณุ อนรุ ธุ วอ่ งวานชิ คณะกรรมการบรหิ าร ตลอดจนกรรมการศนู ยฯ์ และเจา้ ภาพผใู้ หก้ ารสนบั สนนุ รว่ มเปน็ เกยี รติ
ในพิธีดังกล่าว ท้ังนี้การก่อสร้างได้แล้วเสร็จในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน และจัดพิธีเปิดอาคารปฏิบัติธรรมขึ้น เม่ือ
วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยต้ังชื่ออาคารหลังใหม่นี้ว่า “อาคารจิรกิติ” เพื่อเป็นเกียรติแก่
ผู้บรจิ าคสร้างอาคาร โดยไดร้ บั ความเมตตาจากพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ และเจา้ อาวาสวัดพิชยญาติการาม
วรวหิ าร เปน็ ประธานในพิธี
ในปี พุทธศักราช ๒๕๕๙ สมาคมฯ ได้ซ้ือท่ีดินเพ่ิมจำ�นวน ๑๘ ไร่ ๑ งาน ๖๑.๖ ตารางวา เพ่ือสร้าง
สิ่งแวดล้อมให้สัปปายะและรองรับการจำ�นวนผู้ปฏิบัติธรรมที่จะเพ่ิมมากข้ึน นับเน่ืองมาจนถึงปัจจุบันมีโครงการ
กอ่ สรา้ งและงานพฒั นาตา่ งๆ ทยี่ งั คงด�ำ เนนิ การไปอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพอื่ ใหส้ ามารถรองรบั งานวปิ สั สนากรรมฐานของ
สมาคมฯ ทง่ี อกงามและมจี �ำ นวนเพม่ิ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ดงั นน้ั สมาคมฯ จงึ จดั ใหม้ กี จิ กรรมตา่ งๆ อาทิ พธิ ที อดกฐนิ
ถวายพระสงฆ์ปฏิบัติธรรมจำ�พรรษา เพื่อนำ�รายได้มาร่วมสมทบทุนสร้างอาคารอเนกประสงค์เพื่อกิจสงฆ์
สร้างหลังคาปีกนกอาคารจิรกิติ รวมทั้งสร้างทางเชื่อมระหว่างอาคารจิรกิติกับศาลาอาจริยบูชา ทองคำ� ศรีโยธิน
สรา้ งหลงั คาลานจอดรถ ลานเอนกประสงค์ รวมถงึ พฒั นาปรบั ปรงุ บรเิ วณลานโพธท์ิ องโพธธ์ิ รรม* ใหส้ ามารถรองรบั
การปฏบิ ัตธิ รรมและการจดั กจิ กรรมได้อย่างเหมาะสมลงตวั
78 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 79
80 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
*ในปี พุทธศักราช ๒๕๓๗ พระกิตติโสภณวิเทศ (เศรษฐกิจ สมาหิโต) เจ้าอาวาสวัดนาคปรก (สมณศักด์ิ 81
ขณะนั้นเป็นพระครูธรรมธร) ท่านได้นำ�หน่อโพธิ์จากต้นโพธิ์ตรัสรู้หน่อที่ ๔ ที่ปลูกราว พุทธศักราช ๒๔๓๔
ขนาดสูง ๓๐ เซนติเมตร มาจากประเทศอินเดีย และมอบให้ปลูก ณ สำ�นักงานใหญ่ของยุวพุทธฯ
ซอยเพชรเกษม ๕๔ ซ่ึงเป็นบริเวณที่ต้ังอาคารธรรมนิเวศในปัจจุบัน และในปี พุทธศักราช ๒๕๔๒
ได้ขุดย้ายและอญั เชญิ ต้นโพธนิ์ ม้ี าปลูก ณ ศนู ยว์ ปิ สั สนา๗ย๒วุ พปทุ ี ยธุวฯพเุทฉธลกิ มิ สพมราะคเมกแยี หร่งตปิ จระงั หเทวศดั ไปททยมุ ในธาพนรีะ(บศนรู มยร์ า๒ช)ปู ถัมภ์
ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐานยวุ พทุ ธฯ สวนประไพธรรมศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ สวนประไพธรรม
จงั หวดั ชมุ พร (ศนู ย์ ๓)จังหวัดชุมพร (ศูนย์ ๓)
ในปี พุทธศักราช ๒๕๔๕ ยุวพุทธิกสมาคมฯ ได้รับบริจาคที่ดินจาก
ผมู้ จี ติ ศรทั ธา คอื คณุ ประไพ ไพฑรู ย์ เปน็ จ�ำ นวนทด่ี นิ ๒๕ ไร่ ซง่ึ ตง้ั อยู่ ณ เลขที่
๗๗ หมู่ ๑๐ ต.นากระตาม อ.ทา่ แซะ จ.ชุมพร จากทด่ี ินผืนดังกล่าว สมาคมฯ
ได้ดำ�เนินการสร้างศูนย์วิปัสสนากรรมฐานข้ึนอีกแห่งหนึ่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕
เพอ่ื ใหพ้ ทุ ธศาสนกิ ชนในภาคใตแ้ ละพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี งไดม้ โี อกาสเขา้ รบั การปฏบิ ตั ิ
วปิ ัสสนากรรมฐานไดอ้ ยา่ งสะดวกมากขึน้
หลงั จากกอ่ สรา้ งแลว้ เสรจ็ ไดม้ พี ธิ เี ปดิ ปา้ ยศนู ยฯ์ เมอื่ วนั ท่ี ๑๘ มนี าคม
พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๕ ใชช้ อ่ื วา่ “ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐานยวุ พทุ ธฯ สวนประไพธรรม
จงั หวดั ชมุ พร” โดยจดั อบรมวปิ สั สนากรรมฐานครง้ั แรกเมอื่ วนั ท่ี ๑๙ มนี าคม
พุทธศักราช ๒๕๔๖ และได้ดำ�เนินการจัดโครงการปฏิบัติธรรมต่อเนื่อง
มาจนถงึ ปจั จุบัน
ในปี พุทธศักราช ๒๕๔๗ ยุวพุทธิกสมาคมฯ ได้ทำ�การจัดสร้าง
อาคารปฏิบัติธรรมขึ้นเพื่อเป็นสถานท่ีอบรมปฏิบัติธรรม และถวายเป็น
พระราชกศุ ลแด่สมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ในวโรกาสทรงเจรญิ
พระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต
จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ใช้ชื่ออาคารว่า “อาคาร
เฉลมิ พระเกยี รติ ๗๒ พรรษาบรมราชินีนาถ”
82 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
ในปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ ไดก้ อ่ สรา้ งศาลาอเนกประสงค์ ชอื่ อาคารโชคชยั ณรงค์ จ�ำ นวน ๑ หลงั หอ้ งน�ำ้ ๑ หลงั
แยกชาย - หญิง ได้เสร็จส้ินสมบูรณ์แล้วพร้อมใช้ อาคารน้ีสร้างเพ่ือใช้ประโยชน์กิจกรรมวิปัสสนากรรมฐาน
อ�ำ นวยความสะดวกแกพ่ ระภิกษสุ งฆแ์ ละสาธชุ นทั่วไปท่ีเขา้ ปฏิบัตธิ รรมและรว่ มกจิ กรรมงานบุญตา่ งๆ
ในปี พุทธศักราช ๒๕๖๓ คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้มีดำ�ริจัดหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานเข้มข้น
๗ เดือน “ของจรงิ เกิดกบั คนจริง” โดย อาจารย์ธรรมธรี ะ ธรรมะพสิ ทุ ธ์ิ ซ่งึ ได้รบั ความสนใจของผ้เู ข้าร่วมหลักสูตร
เป็นจำ�นวนมาก คณะกรรมการได้ถือโอกาสนี้บูรณะซ่อมแชมพัฒนางานอาคารสถานที่และระบบสาธารณูปโภค
รวมถึงสร้างกุฏิเพิ่มเพื่อรองรับจ�ำ นวนผู้ปฏิบัติธรรม ถือว่าเป็นช่วงจังหวะอันดีท่ีได้พัฒนารูปโฉมและภูมิทัศน์ของ
ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานยุวพุทธฯ สวนประไพธรรม จังหวัดชุมพร (ศูนย์ ๓) ให้เกิดความพร้อม ความสัปปายะ
อยา่ งมน่ั คงและยง่ั ยนื
๗๒ ปี ยุวพุทธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมั ภ์ 83
84 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 85
ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานยุวพุทธฯ เขมรังสีศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เขมรังสี
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ศูนย์ ๔)จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ศูนย์ ๔)
ในปี พุทธศักราช ๒๕๔๖ ยุวพุทธิกสมาคมฯ ได้รับบริจาคที่ดิน
จำ�นวน ๒๖ ไร่เศษ จากพระครูเกษมธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์
จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา และผ้มู ีจิตศรทั ธาได้รว่ มซ้ือที่ดินเพมิ่ เติม เพอื่ สร้าง
เปน็ ศูนย์ปฏบิ ตั ธิ รรมแหง่ ที่ ๔ ของยวุ พทุ ธกิ สมาคมฯ ทดี่ นิ ผืนดังกลา่ ว ตัง้ อยู่
ณ ต.บ้านชุ้ง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี คุณอนุรุธ ว่องวานิช
นายกสมาคมฯ เป็นผู้รับมอบพร้อมด้วยคณะกรรมการบริหาร เม่ือวันที่ ๑๗
กุมภาพนั ธ์ พทุ ธศักราช ๒๕๔๖ ซงึ่ นับเปน็ โอกาสอนั ดีที่สมาคมฯ จะไดข้ ยาย
งานทางดา้ นวิปสั สนากรรมฐานให้เผยแพรแ่ กส่ าธชุ นทัว่ ไปได้อยา่ งกว้างขวาง
มากข้นึ
ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐานแหง่ ท่ี ๔ น้ี ใชช้ อ่ี วา่ “ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐาน
ยวุ พทุ ธฯ เขมรังสี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ซ่ึงต้ังขึ้นเพ่ือให้สอดคล้อง
กับฉายา “เขมรํสีภิกขุ” (มีความหมายว่า ประทีปธรรมนำ�ความสงบและ
หลดุ พน้ ) อนั เปน็ ฉายาของพระภาวนาเขมคณุ (สรุ ศกั ด์ิ เขมรสํ )ี ผมู้ เี จตนารมณ์
อนั บริสทุ ธิ์ในการบริจาคท่ีดนิ เพ่อื ให้เป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติธรรมนั่นเอง
86 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๔๖ ยวุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทยฯ ไดร้ บั
บรจิ าคทด่ี นิ จ�ำ นวน ๒๖ ไรเ่ ศษ จากพระครเู กษมธรรมทตั เจา้ อาวาส
วดั มเหยงคณ์ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาเปน็ ศนู ยส์ าขาแหง่ ท่ี ๔
๗๒ ปี ยวุ พุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 87
พทุ ธศักราช ๒๕๔๙ พระครเู กษมธรรมทตั ได้เมตตามอบพระพุทธรูปหนิ แกะสลัก (หินทรายสีเขยี ว) เพื่อ
ประดษิ ฐานไว้ ณ ศนู ย์วปิ สั สนากรรมฐานยุวพทุ ธฯ เขมรังสี จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ในปี พทุ ธศักราช ๒๕๕๓
อันเป็นปที ่ีครบรอบ ๖๐ ปขี องสมาคมฯ
พุทธศักราช ๒๕๖๓ ครอบครัวโชคชัยณรงค์ ได้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์ในการก่อสร้างวิหารธรรม
โชคชัยณรงค์ เพื่อใช้ประดิษฐานหลวงพ่อพระขาวและใช้เป็นสถานที่ในการปฏิบัติธรรมและอาคารขนาดใหญ่เพ่ือ
ใช้ในกิจกรรมงานบญุ ต่างๆ ของศนู ย์
88 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 89
พุทธศักราช ๒๕๖๔ คณกรรมการบริหารได้อนุมัติงานก่อสร้างอาคาร ๗๐ ปี เขมรังสีนุสรณ์ เน่ืองใน
โอกาสทพ่ี ระเดชพระคุณพระภาวนาเขมคุณ (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรํงสี) มีอายคุ รบรอบ ๗๐ ปี ในวันท่ี ๓ ธนั วาคม
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔ เพอ่ื เปน็ ทพ่ี �ำ นกั ส�ำ หรบั พระภกิ ษสุ งฆท์ บ่ี รรพชาอปุ สมบทและปฏบิ ตั ธิ รรมเพอื่ สบื ตอ่ พระพทุ ธ
ศาสนาให้มั่นคงถึง ๕,๐๐๐ ปี คาดว่าอาคาร ๗๐ ปี เขมรังสีนุสรณ์ นี้จะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานในปี ๒๕๖๖
รวมทั้งได้มีการก่อสร้างลานจอดรถ พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์รอบวิหารธรรมโชคชัยณรงค์ และงานปรับปรุง
สถูปเจดีย์ คณุ แม่มณี เพง็ อาทติ ย์
90 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 91
ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐานยวุ พทุ ธฯ เกยี รตภิ กั ดกี ลุศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เกียรติภักดีกุล
จงั หวดั ระยอง (ศนู ย์ ๕)จังหวัดระยอง (ศูนย์ ๕)
ปี พุทธศักราช ๒๕๔๗ ยุวพุทธิกสมาคมฯ ได้รับบริจาคท่ีดินจำ�นวน
๒๖ ไร่ ๑ งาน ๑๓ ตารางวา ต้ังอยู่ที่ ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง ซ่ึง
คุณพิสิทธิ์ - คุณนนทิยา เกียรติภักดีกุล ศรัทธานำ�มาบริจาคเพื่อสร้างเป็น
สถานท่ีปฏิบัติธรรม ศูนย์ฯ ดังกล่าวจึงได้มีช่ือเพื่อเป็นเกียรติแก่ครอบครัว
ของผู้บริจาคที่ดิน โดยใช้ชื่อว่า “ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานยุวพุทธฯ
เกียรติภักดกี ลุ จงั หวดั ระยอง”
นับจากนั้น ยุวพุทธิกสมาคมฯ ได้ดำ�เนินการปรับปรุงและพัฒนา
ในสว่ นตา่ งๆ ของศนู ยฯ์ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ทปี่ ฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานส�ำ หรบั เยาวชน
ตามเจตน์จำ�นงของผู้บริจาคที่ดิน โดยขั้นแรก สมาคมฯ ได้จัดกิจกรรมทอด
ผ้าป่าเพื่อรวบรวมปัจจัยสำ�หรับดำ�เนินการก่อสร้าง ตามแผนพัฒนาระยะ
ที่ ๑ มาตงั้ แตป่ ี พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๙ จนถงึ ปจั จบุ นั การพฒั นาพน้ื ทแี่ ละสงิ่ ปลกู
สรา้ งทเี่ หน็ เปน็ รปู ธรรม ไดแ้ ก่ กอ่ สรา้ งลานธรรมพรอ้ มประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู
ปรับพื้นท่ีภายในศูนย์ ปลูกต้นไม้ สร้างถนน ตกแต่งภมู ิทศั น์โดยรอบ ก่อสรา้ ง
ลานกิจกรรมกลางแจ้ง ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น เพื่อให้รองรับ
กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะสำ�หรับกลุ่มเยาวชนและ
ครอบครวั ที่มีความสนใจปฏบิ ัตธิ รรม
92 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
ในปี พุทธศักราช ๒๕๖๓ ยุวพุทธิกสมาคมฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมผ้าป่าสามัคคีปลูกต้นไม้เพ่ือรมณีย-
สถาน จำ�นวน ๑,๕๐๐ ต้น โดยมีพระอาจารย์มานพ อุปสโม ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา
ราชนครนิ ทร์ (เขาดนิ หนองแสง) จงั หวดั ระยอง รบั เปน็ ประธานในการทอดผา้ ปา่ และรบั อาราธนาดแู ลความรมณยี ใ์ หก้ บั
ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานยวุ พทุ ธฯ เกยี รติภกั ดกี ุล จงั หวัดระยอง (ศนู ย์ ๕) เพ่ือเตรยี มความพร้อมในการใชง้ านของ
ศูนย์ส�ำ หรบั การจัดหลักสูตรในอนาคต
๗๒ ปี ยวุ พุทธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ 93
ศูนย์วปิ สั สนากรรมฐานยวุ พทุ ธฯ บ้านจันรมศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ บ้านจันรม
จงั หวัดสุรินทร์ (ศูนย์ ๖)จังหวัดสุรินทร์ (ศูนย์ ๖)
ศนู ยว์ ปิ สั สนายวุ พทุ ธฯ บา้ นจนั รม เดมิ มชี อ่ื วา่ ศนู ยว์ ปิ สั สนากรรมฐาน
คุณแม่ ดร. สริ ิ กรนิ ชัย จงั หวัดสรุ ินทร์ หรือนิยมเรียกวา่ “ศนู ยจ์ นั รม” มพี ้นื ท่ี
ขนาด ๒๐ ไร่ ลักษณะเหมือนผนื ธง ดา้ นหน้ามีตน้ โพธิ์ คู่กบั ต้นไทร เปรยี บ
ประหนงึ่ วา่ เปน็ ชอ่ งเปดิ ประตสู วรรคส์ แู่ ดนธรรมอนั ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ บรจิ าคโดย นาย
สมาน-นางพรรณรัตน์ ธนารัตนป์ ทั มา และครอบครัว มอบแก่ คณุ แม่ ดร. สิริ
กรนิ ชยั ผา่ นทาง อาจารยก์ าบแกว้ (กรนิ ชยั ) ไชยะบรุ นิ ทร์ ซง่ึ เปน็ บตุ รสาวและ
เป็นผสู้ บื สานงานธรรมของคุณแม่ เมอ่ื ต้นปี พทุ ธศักราช ๒๕๔๗
ศนู ยจ์ นั รมตงั้ อยเู่ ลขท่ี ๕๕/๔๕ หมู่ ๔ บา้ นจนั รม ต�ำ บลตาออ็ ง อ�ำ เภอ
เมือง จังหวัดสุรินทร์ เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช
๒๕๔๙ ด้วยเงินบริจาคจากประชาชนผู้ใจบุญและผู้มีจิตศรัทธา ใช้เวลาสร้าง
๑๑ เดอื น ๑ วนั และท�ำ พิธเี ปดิ อยา่ งเปน็ ทางการ เมอื่ วันท่ี ๒๕ พฤศจกิ ายน
พุทธศักราช ๒๕๕๐ เป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานที่มีความหลากหลาย
เพอ่ื พฒั นาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมดว้ ยธรรมะขององคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้
โดยการจัดอบรมวิปัสสนากรรมฐานโดยพระวิปัสสนาจารย์ท่ีมีช่ือเสียงระดับ
ประเทศ หรอื วทิ ยากรทมี่ คี วามเชยี่ วชาญ และใหก้ ารอบรมคณุ ธรรม-จรยิ ธรรม
94 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
ตามวัตถุประสงค์ แผนงาน/โครงการของ สถาบนั การศกึ ษา หรอื องค์กร / หนว่ ยงาน ท่ีต้องการจดั กิจกรรมหรอื
โครงการเปน็ การเฉพาะของตนเอง รวมไปถงึ การใหบ้ รกิ ารสถานทเี่ พอ่ื กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมใหน้ กั เรยี น
นกั ศกึ ษา และประชาชนทวั่ ไป ไดเ้ รยี นรกู้ ารวปิ สั สนากรรมฐาน ท�ำ ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรมไดร้ บั การเสรมิ สรา้ งศลี ธรรม
คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม
พระพทุ ธรปู ศักดิส์ ทิ ธ์ิประจ�ำ ศนู ย์ คือ พระแกว้ มรกต (จำ�ลอง) พระประธานภายในอาคารเฉลมิ พระเกียรติ
บรจิ าคเงนิ สรา้ งโดย คณุ แม่ ดร.สริ ิ กรินชยั และลกู หลาน หลวงพ่อทันใจ พระพทุ ธรูปปนู ป้ันศิลปะจากภาคเหนือ
สร้างเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ ด้วยเงินบริจาคจากประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธา ประดิษฐานอยู่
ด้านหน้า ซึ่งทมี่ าของช่ือ “หลวงพ่อทันใจ” น้ี คือจะตอ้ งสรา้ งให้เสร็จทนั ใจภายใน ๒๔ ชวั่ โมง หรือถ้าอธิษฐานจติ
ขอพรใด ๆ มกั จะไดผ้ ลทันใจ
อาคารสถานท่แี ละระบบสาธารณูปโภค ซง่ึ ประกอบดว้ ย
๑. อาคารปฏิบัติธรรมหลัก มีลักษณะเปน็ หอ้ งโถงใหญ่ สามารถรองรบั ผู้ปฏบิ ัตธิ รรมได้ ๓๐๐-๔๐๐ ทา่ น
๒. กฏุ กิ รรมฐาน ๒ ชัน้ จำ�นวน ๒ หลัง มีห้องพักหลังละ ๔ หอ้ ง รองรบั ผเู้ ข้าพกั ได้หลังละ ๘ ทา่ น
๓. กฏุ กิ รรมฐานชนั้ เดียว จ�ำ นวน ๔ หลงั รองรับผูเ้ ขา้ พักไดห้ ลังละ ๒ ท่าน
๔. กฏุ ิรบั รองพระวิปสั สนาจารย์ ส�ำ หรบั รับรองพระวปิ ัสสนาจารยห์ รอื วิทยากร ๑ ท่าน
๕. หอ้ งพกั ด้านหลังอาคารปฏิบตั ิธรรม จำ�นวน ๖ หอ้ ง พกั ได้ห้องละ ๔ ทา่ น
๖. เรอื นพักวทิ ยากร ๑ หลงั มี ๓ ห้องนอน พักไดห้ ้องละ ๒ ทา่ น
๗. ห้องพกั รวมชั้น ๒ เป็นห้องโถงใหญ่ พกั ได้ ๔๐ ทา่ น
๘. อาคารโรงอาหาร สามารถรองรับคนได้ ๓๐๐-๓๕๐ ท่าน
๙. ห้องน�้ำ รวม และหอ้ งอาบน�ำ้ จ�ำ นวน ๖๐ ห้อง
ต่อมา เมื่อวันอาทิตย์ท่ี ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์วิปัสสนากรรมฐาน
จังหวัดสุรินทร์ ได้มอบศูนย์จันรมให้อยู่ความดูแลของยุวพุทธิกสมาคมฯ โดยมี นายมณเธียร ธนานาถ
นายกสมาคมฯ นายอนุรุธ วอ่ งวานิช นายกสมาคมกติ ตมิ ศกั ดิ์ และนายล้วนชาย ว่องวานชิ อุปนายกสมาคมฯ
เป็นผู้แทนสมาคมฯ รับมอบไว้ในการบริหารดูแลหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานต่อไป นับเป็นศูนย์สาขาแห่งท่ี ๖
ของยวุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ประเทศไทยฯ และสมาคมฯ ไดท้ �ำ การพฒั นาอาคารสถานทใ่ี หอ้ ยใู่ นสภาพพรอ้ มใชง้ าน
เพือ่ รองรับหลกั สูตรตา่ งๆ ทเ่ี คยจดั อยา่ งต่อเนื่อง และหลกั สูตรใหมๆ่ อาทิ หลกั สตู รเข้ม “ของจรงิ เกดิ กับคนจริง
๑ เดอื น” โดย อาจารยยธ์ รรมธีระ ธรรมะพสิ ุทธิ์
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 95
วันที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ คณะกรรมการบริหารยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รับมอบ
ศูนย์วิปัสสนากรรมฐาน คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย จังหวัดสุรินทร์ ให้อยู่ในความดูแลเป็นศูนย์สาขาแห่งท่ี ๖ ในชื่อ “ศูนย์วิปัสสนา
ยุวพทุ ธฯ บา้ นจันรม จงั หวดั สรุ นิ ทร์”
96 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
๗๒ ปี ยุวพทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 97
98 บา้ นแหง่ ธรรม รว่ มสรา้ ง “ยวุ ” สู่ “พทุ ธะ”
“...หากถามว่า ณ วันน้ีเป้าหมายของยวุ พุทธฯ คืออะไร คำ�ตอบก็คอื
เรายังคงมุง่ มัน่ ที่จะชวนคนมาปฏบิ ัตธิ รรม เพราะเราเชื่อวา่ การปฏบิ ตั ิธรรม
จะทำ�ให้คนเหน็ ธรรม แตก่ ารปฏิบตั ิในปัจจุบนั น้ีไม่ได้จำ�กัดอยใู่ นห้องสเี่ หลยี่ ม
หรือนุ่งขาวห่มขาว การปฏิบัตสิ ามารถทำ�ไดท้ กุ ที่ทุกเวลา
ตามแต่วา่ ใครจะเลอื กและชอบแบบไหน ดงั น้นั เราจึงต้องคดิ รูปแบบใหม่ๆ
ในการชวนคนมาปฏบิ ัตธิ รรมอยู่เสมอ เพอื่ ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาสามารถเดินหน้า
ไปพร้อมกระแสโลกาภวิ ัตนไ์ ด้อย่างย่งั ยนื ...”
....................
อนรุ ธุ ว่องวานชิ
นายกสมาคมกิตติมศักด์ิ
ยวุ พุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์
๗๒ ปี ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 99