The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิวัฒนาการละครไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 46253, 2022-11-26 11:14:28

วิวัฒนาการละครไทย

วิวัฒนาการละครไทย

วิวัฒนาการละครไทย

จัดทำโดย
นางสาวปนััดดดา จบศักดิ์สาย

ม.6/1 เลขที่ 31

วิวัฒนาการของการละครไทย

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

สมัยน่านเจ้า


ไทยมีนิยายเรื่องหนึ่ง คือ เรื่อง ”มโนห์รา” ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ในประเทศจีน
ตอนใต้ในอาณาจักรน่านเจ้าเดิมนั่นเอง นิยายเรื่องนั้น คือ "นามาโนห์รา"
เรื่องนามาโนห์รานี้จะนำมาเล่นเป็นละครหรือไม่นั้นยังไม่มีหลักฐานปรากฎเด่นชัด
ส่วนการละเล่นของไทยน่านเจ้านั้นมีพวกระบำอยู่แล้ว คือ ระบำหมวก และระบำนกยูง

สมัยสุโขทัย • กล่าวถึงการละเล่นเทศกาลกฐินไว้ มีการร้องรำหรือร่ายรำแบบการละเล่นพื้นเมือง
• สมัยนี้ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการละครไทยนัก เป็นสมัยที่เริ่มมีความสัมพันธ์กับชาติ
ที่นิยมอารยธรรมของอินเดีย เช่น พม่า มอญ ขอม
• ศิลปะแห่งการละเล่นพื้นเมืองของไทย คือ รำ และระบำ ก็ได้วิวัฒนาการขึ้น
มีการกำหนดแบบแผนแห่งศิลปะการแสดงทั้ง 3 ชนิดไว้เป็นที่แน่นอน
และบัญญัติคำเรียกศิลปะแห่งการแสดงดังกล่าวแล้วขั้นต้นว่า ”โขน ละคร ฟ้อนรำ”

สมัยกรุงศรีอยุธยา

• ละครไทยเริ่มจัดระเบียบแบบแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้น มีการตั้งชื่อละครที่เคยเล่นกันอยู่
ให้เป็นไปตามหลักวิชานาฏศิลปขึ้น
• กำเนิดละครชาตรีที่ปักษ์ใต้ เป็นต้นกำเนิดละครรำ ส่วนระบำหรือฟ้อนนั้น
เป็นศิลปะโดยอุปนิสัยของคนไทยสืบมา
• ละครรำของไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น มี 3 ประเภท คือละครชาตรี ละครนอก และละครใน
• บทละครที่ใช้แสดงกันในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีอยู่ 22 เรื่อง เช่น อิเหนา ไกรทอง สังข์ทอง เป็นต้น

สมัยกรุงธนบุรี

• สมัยนี้เป็นช่วงต่อเนื่องหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า
เหล่าศิลปินได้กระจัดกระจายไปในที่ต่างๆ เพราะผลจากสงคราม
• พระเจ้ากรุงธนบุรีได้ปราบดาภิเษกในปีชวด พ.ศ. 2311 แล้ว ทรงส่งเสริมฟื้นฟูการละครขึ้นใหม่
และรวบรวมศิลปินตลอดทั้งบทละครเก่าๆที่กระจัดกระจายไปให้เข้ามาอยู่รวมกัน
• พระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ขึ้นอีก 5 ตอน คือ ตอนหนุมานเกี้ยวนางวานริน
ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกลด (เผารูปเทวดา) ตอนพระลักษณ์ถูกหอก
กบิลพัท ตอนปล่อยม้าอุปการ มีคณะละครหลวง และเอกชนเกิดขึ้นหลายโรง เช่น ละครหลวงวิชิตณรงค์
ละครไทยหมื่นเสนาะภูบาล หมื่นโวหารภิรมย์ นอกจากละครไทยแล้วยังมีละครเขมรของหลวงพิพิธวาทีอีกด้วย

สมัยรัตนโกสินทร์

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1)

• ได้ฟื้นฟูและรวบรวมตำราการฟ้อนรำ
• มีการพัฒนาโขนเป็นรูปแบบละครใน
• มีการปรับปรุงระบำสี่บท ซึ่งเป็นระบำมาตรฐานตั้งแต่สุโขทัย
• ในสมัยนี้ได้เกิดนาฏศิลป์ขึ้นมาหลายชุด เช่น ระบำเมขลา-รามสูร ในราชนิพนธ์ รามเกียรต

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2)

• เป็นยุคของนาฏศิลป์ไทย เนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงโปรดละครรำ
• ทรงเปลี่ยนแปลงการแต่งกายให้เป็นการแต่งยืนเครื่องแบบในละครใน
• ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา
• ยูเนสโกได้ถวายพระเกียรติคุณแด่พระองค์ให้ในฐานะบุคคลสำคัญ
ที่มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)

• ทรงยกเลิกละครหลวง พระบรมวงศานุวงศ์จึงพากันฝึกหัดโขนละคร
• ทำให้นาฏศิลป์ไทยเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่ประชาชน และเกิดการแสดงของเอกชนขึ้นหลายคณะ

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)

• ได้ฟื้นฟูละครหลวงขึ้นใหม่
• โปรดให้มีละครรำผู้หญิงในราชสำนักตามเดิมและใน เอกชนมีการแสดงละครผู้หญิงและผู้ชาย
• อนุญาตให้ราษฎรฝึกละครในได้

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)

• ในสมัยนี้มีทั้งอนุรักษ์และพัฒนานาฏศิลป์ไทยเพื่อให้ทันสมัย
• กำเนิดละครดึกดำบรรพ์ และละครพัน
• ทรงส่งเสริมให้เอกชนตั้งคณะละครอย่างแพร่หลาย
• ละครคณะใดที่มีชื่อเสียงแสดงได้ดี มีการโปรดเกล้าฯ ให้แสดงในพระราชฐาน
เพื่อเป็นการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอีกด้วย

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)

• ศิปะด้านนาฏศิลป์เจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์โปรดให้ตั้งกรมมหรสพขึ้น
มีการทำนุบำรุงศิลปะทางโขน ละคร และดนตรีปี่พาทย์
• ทรงเป็นราชาแห่งศิลปิน แม้ว่าจะมีประสมการณ์ด้านละครพูดแบบตะวันตก
แต่ทรงมีพระราชปณิธานที่จะทรงไว้ซึ่ง “ความเป็นไทย"
• ทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้แก่ศิลปินโขนที่มีฝีมือให้เป็นขุนนาง

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7)
• โปรดให้มีการจัดตั้งกรมศิลปากรขึ้นแทนกรมมหรสพที่ถูกยุบไป์
• มีละครแนวใหม่เกิดขึ้น ที่เรียกว่า ละครเพลง หรือที่รู้จักกันว่า ละครจันทโรภาส

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8)

• หลวงวิจิตรวาทการอธิบดีของกรมศิลปาการได้ ก่อตั้งโรงเรียนนาฏดุริยางคศาสตร์ขึ้นมา
• ได้เกิดละครวิจิตร ซึ่งเป็นละครปลุกใจให้รักชาติและเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนไทยหันมาสนใจนาฏศิลป์ไทย
• ได้มีการตั้งโรงเรียนนาฏศิลป์แทนโรงเรียนนาฏดุริยางคศาสตร์ซึ่งถูกทำลายตอนสงครามโลกครั้งที่ 2
เพื่อเป็นสถานศึกษานาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ของทางราชการและเป็นการทุบำรุง เผยแพร่นาฏศิลป์ไทย
ให้เป็นที่ยกย่องนานาอารยประเทศ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9)

• นาฏศิลป์ละคร ฟ้อน รำ ได้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาล
• มีการส่งเสริมให้ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทยคิดประดิษฐ์ท่ารำ ระบำชุดใหม่ ได้แก่ ระบำ พม่าไทยอธิษฐาน
• ทรงให้จัดพิธีไหว้ครู ปลูกฝังจิตสำนึกในการร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน และพัฒนาศิลปะการแสดงของชาติ
ผ่านการเรียนการสอนในระดับการศึกษาทุกระดับ
• มีสถาบันที่เปิดสอนวิชาการละครเพิ่มมากขึ้นทั้งของรัฐและเอกชน
• มีรูปแบบในการแสดงละครไทยที่หลากหลายให้เลือกชม

อ้างอิง



https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth-thi3-lakhr-thiy/k
https://sites.google.com/a/kw.ac.th/art_m6/hnwy-thi-1-wiwathnakar-lakhr-thiy

/4-smay-ratnkosinthr


Click to View FlipBook Version