The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนระดับปฐมวัยที่จบการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สพป.เลย 2, 2023-07-12 03:35:46

รวมเล่มรายงาน

รายงานผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนระดับปฐมวัยที่จบการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560

รายงานผลการประเมินมิพัฒ พั นาการ นักนัเรียรีนระดับปฐมวัยวัที่จบการศึกษา ตามหลักสูต สู รการศึกษาปฐมวัยวัพ.ศ. 2560 ปีการศึกษา 2565 กลุ่มลุ่นิเนิทศ ติดตามและประเมินมิผลการจัดจัการศึกษา สำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 สำ นักนังานคณะกรรมการศึกษาขั้นขั้พื้นพื้ฐาน กระทรวงศึกษาธิกธิาร


คำนำ รายงานผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนระดับปฐมวัยที่จบการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ปีการศึกษา 2565 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 เป็นการนำเอาผลการ ประเมินพัฒนาการตามหลักสูตร และใช้เครื่องมือเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่ง ประกอบด้วย การประเมินผลภาวการณ์การเจริญเติบโตประกอบด้วยน้ำหนักและส่วนสูง โดยเทียบเกณฑ์ อ้างอิงการเจริญเติบโต ของเด็กไทย พ.ศ. 2542 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และการประเมินพัฒนาการ ทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านประกอบด้วยตัวชี้วัดย่อยดังนี้ ด้านร่างกายประกอบด้วย 12 ตัวชี้วัด ด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย 11 ตัวชี้วัด ด้านสังคมประกอบด้วย 17 ตัวชี้วัด และด้านสติปัญญาประกอบด้วย 18 ตัวชี้วัด รวมทั้งสิ้น 58 ตัวชี้วัด ในระดับการประเมินเป็น 3 ระดับคือ ดี พอใ และปรับปรุง รายงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นข้อมูลสารสนเทศในการประกอบการตัดสินใจให้การส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับประถมวัยในระดับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 ต่อไป สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลยเขต 2


สารบัญ หน้า คำนำ บทที่1 บทนำ 1.ความเป็นมาและความสำคัญ 1 2. วัตถุประสงค์ 1 3. ความสำคัญของการประเมิน 1 4. ขอบเขตการประเมิน 2 5. นิยามศัพท์เฉพาะ 2 6. ประโยชน์ที่ได้รับ 4 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 1. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 5 2. การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย 14 บทที่ 3 การดำเนินการประเมิน 1. ศึกษาวิธีการประเมินจากคู่มือการประเมิน วิธีการประเมิน และเกณฑ์การ ประเมิน 22 2. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินและประชุมชี้แจงการประเมิน 22 3. ดำเนินการประเมินตามปฏิทินที่กำหนด 22 4. เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล 28 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1.ผลการประเมินภาวะการเจริญเติบโต 29 2.ผลการประเมินพัฒนาการ 29 2.1 ผลการประเมินพัฒนาการภาพรวม 29 2.2 ผลการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย 31 2.3 ผลการประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ 33 2.4 ผลการประเมินพัฒนาการด้านสังคม 35 2.5 ผลการประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา 37 บทที่ 5 สรุปผลการประเมินและการนำผลการประเมินไปใช้ สรุปผลการประเมินพัฒนาการ 39 ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้ 40 บรรณานุกรม 42 ภาคผนวก 43 คณะทำงาน 43 คำสั่งคณะกรรมการประเมินพัฒนาการ 44


1 บทที่ 1 บทนำ 1.ความเป็นมาและความสำคัญ การศึกษาปฐมวัย เป็นการจัดการศึกษาเพื่อวางรากฐานชีวิตของเด็กไทยให้เจริญเติบโตและมี พัฒนาการสมวัยอย่างสมดุล กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กทุกสังกัด นำไปใช้ให้เหมาะสมกับธรรมชาติและพัฒนาการของเด็ก และ บริบทท้องถิ่น โดยกำหนดปรัชญาการศึกษาปฐมวัยไว้ว่า “การศึกษาปฐมวัย เป็นการพัฒนาเด็กตั้งแต่ แรก เกิดถึง 6 ปีบริบูรณ์อย่างเป็นองค์รวม บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่ สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพภายใต้บริบทสังคมและ วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพื่อ สร้างรากฐาน คุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เกิดคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและ ประเทศชาติ” (กระทรวงศึกษาธิการ. 2560 : 2) หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช2560 จัดประสบการณ์โดยเน้นการจัดในรูปของกิจกรรม บูรณาการผ่านการเล่น เพื่อให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เกิดความรู้ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม รวมทั้ง เกิดการพัฒนา ทั้ง 4 ด้าน ตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์จำนวน 12 ข้อตัวบ่งชี้และสภาพที่พึง ประสงค์ของเด็กอายุ3-6 ปีอันเป็นเป้าหมายในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ที่ผู้สอนต้องนำไปจัด ประสบการณ์ในชั้นเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมินพัฒนาการ เป็นการสะท้อนคุณภาพของเด็กปฐมวัย ที่แสดงให้เห็นพฤติกรรมและความสามารถของเด็ก ด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา ซึ่ง ข้อมูลที่ได้จากการประเมินพัฒนาการนำมาใช้ในการปรับปรุง วิธีการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับความสนใจ และความต้องการของเด็กเป็นรายบุคคล นำมาใช้ในการแก้ไขข้อบกพร่อง นำเสนอผลการพัฒนาให้ ผู้ปกครองทราบความก้าวหน้า พร้อมทั้งให้ความรู้แนวทางการพัฒนาเด็ก เพื่อให้เด็ก มีพัฒนาการสูงสุดตาม ศักยภาพต่อไป (กระทรวงศึกษาธิการ. 2560 : 41 - 43) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 ได้ตระหนักในหน้าที่ที่สำคัญคือการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยเพื่อให้มีคุณภาพ และได้ดำเนินการประเมินพัฒนาการมาอย่าง ต่อเนื่องโดยใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานและมีการอบรมครูผู้ประเมินให้ใช้เครื่องมือได้อย่างถูกต้อง ประเมิน นักเรียนระดับชั้นอนุบาล 3 ทุกคน ทั้งนี้เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่จะนำไปใช้ในการส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพการศึกษาระดับการศึกษาปฐมวัย ต่อไป 2. วัตถุประสงค์ เพื่อรายงานผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปี การศึกษา 2565 3. ความสำคัญของการประเมิน การประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 เป็นการประเมินเพื่อติดตาม ตรวจสอบคุณภาพของนักเรียนตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่กำหนด ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และนำผลการประเมินพัฒนาการมาเป็นข้อมูลสารสนเทศ


2 สำหรับวางแผนพัฒนาการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง สำหรับ ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาปฐมวัยต่อไป 4. ขอบเขตการประเมิน 4.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา การประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 ในครั้งนี้ได้กำหนดกรอบเนื้อหาในการประเมิน ประกอบด้วยพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัยได้แก่ พัฒนาการ ด้านร่างกาย พัฒนาการด้านอารมณ์จิตใจ พัฒนาการด้านสังคม และ พัฒนาการด้านสติปัญญา ตามมาตรฐานคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 4.2 ขอบเขตด้านประชากร ได้แก่ นักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปี การศึกษา 2565 ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 จำนวน 1,971 คน 5. นิยามศัพท์เฉพาะ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย หมายถึง หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ของกระทรวง ศึกษาธิการ ซึ่งเป็นเอกสารที่ประกาศใช้ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ. 1223/2560 เรื่อง ให้ใช้ หลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ลงวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560 นักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 หมายถึง นักเรียน ชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 ปี การศึกษา 2565 ผลการประเมินพัฒนาการนักเรียน หมายถึงผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนตามมาตรฐาน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 แบ่งเป็นพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา ดังนี้ ด้านที่ 1. พัฒนาการด้านร่างกาย หมายถึง นักเรียนมีร่างกายเจริญเติบโตตามวัย มีสุขนิสัยที่ดี กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสานสัมพันธ์กัน โดยพิจารณาจาก 1.1 น้ำหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ ได้แก่ น้ำหนักส่วนสูงของนักเรียนเปรียบเทียบกับเกณฑ์ อ้างอิง การเจริญเติบโตของเด็กไทย ปีพ.ศ. 2542 ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 1.2 มีสุขภาพอนามัย สุขนิสัยที่ดี ประกอบด้วย 1 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้หลาย ชนิด และดื่มน้ำสะอาดได้ด้วยตนเอง 2 ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังจากใช้ห้องน้ำห้องส้วมด้วย ตนเอง 3 นอนพักผ่อนเป็นเวลา 1.3 รักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ได้แก่ เล่น ทำกิจกรรม และปฏิบัติต่อผู้อื่น อย่างปลอดภัย 1.4 เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่ว ประสานสัมพันธ์ และทรงตัวได้ ได้แก่เดินต่อเท้า ถอยหลัง เป็นเส้นตรงได้โดยไม่ต้องกางแขน กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เสียการทรงตัว วิ่งหลบหลีก สิ่งกีดขวางได้อย่างคล่องแคล่ว และรับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ 1.5 ใช้มือ - ตา ประสานสัมพันธ์กัน ได้แก่ใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้นโค้งได้และ เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้อย่างมีมุมชัดเจน


3 ด้านที่ 2. พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ หมายถึง นักเรียนมีสุขภาพจิตดีและมีความสุข ชื่นชมและ แสดงออก ทางศิลปะ ดนตรีและการเคลื่อนไหว มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม โดยพิจารณาจาก 2.1 แสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม ได้แก่ แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้สอดคล้องกับ สถานการณ์อย่างเหมาะสม 2.2 มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น ได้แก่กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสมตาม สถานการณ์และแสดงความพอใจในผลงานและความสามารถของตนเองและผู้อื่น 2.3 สนใจ มีความสุขและแสดงออกผ่านงานศิลปะ ดนตรีและการเคลื่อนไหวได้แก่สนใจ มีความสุข และแสดงออกผ่านงานศิลปะ สนใจ มีความสุข และแสดงออกผ่านเสียงเพลง ดนตรีและสนใจ มี ความสุข และ แสดงท่าทาง/เคลื่อนไหวประกอบเพลง จังหวะ และดนตรี 2.4 ซื่อสัตย์สุจริต ได้แก่ขออนุญาตหรือรอคอย เมื่อต้องการสิ่งของของผู้อื่นด้วยตนเอง 2.5 มีความเมตตากรุณา มีน้ำใจ และช่วยเหลือแบ่งปัน ได้แก่ช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นได้ ด้วยตนเอง 2.6 มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ได้แก่แสดงสีหน้าและท่าทางรับรู้ความรู้สึกผู้อื่นอย่าง สอดคล้องกับ สถานการณ์ 2.7 มีความรับผิดชอบ ได้แก่ ทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จด้วยตนเอง ด้านที่3. พัฒนาการด้านสังคม หมายถึง นักเรียนมีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง รักธรรมชาติสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และ ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย พิจารณาจาก 3.1 ช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจำวัน ได้แก่ รับประทานอาหารด้วยตนเองอย่างถูกวิธีใช้ และทำความสะอาดหลังใช้ห้องน้ำห้องส้วมด้วยตนเอง 3.2 มีวินัยในตนเองได้แก่ เก็บของเล่นของใช้เข้าที่อย่างเรียบร้อยด้วยตนเองและเข้าแถว ตามลำดับ ก่อนหลังได้ด้วยตนเอง 3.3 ประหยัดและพอเพียง ได้แก่ ใช้สิ่งของเครื่องใช้อย่างประหยัดและพอเพียงด้วยตนเอง 3.4 ดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ทิ้งขยะได้ถูกที่ 3.5 มีมารยาทตามวัฒนธรรมไทยและรักความเป็นไทย ได้แก่ปฏิบัติตนตามมารยาทไทยได้ ตามกาลเทศะ และกล่าวคำขอบคุณและขอโทษด้วยตนเอง 3.6 ยอมรับความเหมือนและความแตกต่างระหว่างบุคคล ได้แก่ เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับ เด็ก ที่แตกต่างไปจากตน 3.7 มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ได้แก่ เล่นหรือทำงานร่วมมือกับเพื่อนอย่างมีเป้าหมาย 3.8 ปฏิบัติตนเบื้องต้นในการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ได้แก่ ปฏิบัติตนเป็นผู้นำและผู้ตามได้ เหมาะสมกับสถานการณ์


4 ด้านที่ 4. พัฒนาการด้านสติปัญญา หมายถึง นักเรียนใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย มี ความสามารถ ในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ มีเจตคติที่ดีต่อการ เรียนรู้และ มีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัย โดยพิจารณาจาก 4.1 สนทนาโต้ตอบและเล่าเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจ ได้แก่ ฟังผู้อื่นพูดจนจบ และสนทนาโต้ตอบ อย่าง ต่อเนื่องเชื่อมโยงกับเรื่องที่ฟัง และเล่าเป็นเรื่องราวต่อเนื่องได้ 4.2 อ่าน เขียนภาพ และสัญลักษณ์ได้ ได้แก่ อ่านภาพ สัญลักษณ์คำ ด้วยการชี้หรือกวาดตา มอง จุดเริ่มต้นและจุดจบของข้อความ และเขียนชื่อของตนเองตามแบบ 4.3 มีความสามารถในการคิดรวบยอด ได้แก่ บอกลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลง หรือ ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆจากการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสจับคู่และเปรียบเทียบความแตกต่างและ ความเหมือน ของสิ่งต่างๆ โดยใช้ลักษณะที่สังเกตพบ 2 ลักษณะขึ้นไป จำแนกและจัดกลุ่มสิ่งต่างๆ โดยใช้ ตั้งแต่ 2 ลักษณะขึ้นไป เป็นเกณฑ์และเรียงลำดับสิ่งของและเหตุการณ์อย่างน้อย 5 ลำดับ 4.4 มีความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลได้แก่อธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่เกิดขึ้นใน เหตุการณ์หรือการกระทำด้วยตนเองและคาดคะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และมีส่วนร่วมในการลงความเห็นจาก ข้อมูลอย่างมีเหตุผล 4.5 มีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและตัดสินใจ ได้แก่ ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ และ ยอมรับผล ที่เกิดขึ้น และระบุปัญหาสร้างทางเลือกและเลือกวิธีแก้ปัญหา 4.6 ทำงานศิลปะตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ สร้างผลงานศิลปะเพื่อ สื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยมีการดัดแปลงแปลกใหม่จากเดิมและมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น 4.7 แสดงท่าทาง/เคลื่อนไหวตามจินตนาการอย่างสร้างสรรค์ ได้แก่ เคลื่อนไหวท่าทางเพื่อ สื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของตนเองอย่างหลากหลาย และแปลกใหม่ 4.8 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ได้แก่กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ 4.9 มีความสามารถในการแสวงหาความรู้ ได้แก่ ค้นหาคำตอบของข้อสงสัยต่างๆ โดยใช้ วิธีการ ที่หลากหลายด้วยตนเอง 6. ประโยชน์ที่ได้รับ ผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปี การศึกษา 2565 เป็นสารสนเทศในการวางแผนพัฒนาการศึกษาปฐมวัยของสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และ เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง สำหรับใช้ในการดำเนินการ เกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาปฐมวัย ต่อไป


5 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง การประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 2. การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย 1. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 จัดทำขึ้นโดยยึดปรัชญาการศึกษาปฐมวัย วิสัยทัศน์ หลักการบนพื้นฐานแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาปฐมวัยสากลและความเป็นไทยครอบคลุมการอบรมเลี้ยงดู และ การพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม และการประเมินพัฒนาการเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เต็มตามศักยภาพ เอกสารนี้จึงขอเสนอสาระสำคัญของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 สำหรับเด็กอายุ3 - 6 ปีซึ่ง มีสาระโดยสังเขป ดังนี้(กระทรวงศึกษาธิการ. 2560 : 26 - 48) 1.1 หลักการ หลักการของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 มีสาระสำคัญคือ 1) ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกคน 2) ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคลและวิถีชีวิตของเด็ก ตามบริบทของชุมชน สังคม และวัฒนธรรมไทย 3) ยึดพัฒนาการและการพัฒนาเด็กโดยองค์รวม ผ่านการเล่นอย่างมีความหมายและมี กิจกรรม ที่หลากหลาย ได้ลงมือกระทำในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้เหมาะสมกับวัย และมีการพักผ่อน เพียงพอ 4) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีทักษะชีวิต และสามารถปฏิบัติตนตามหลักปรัชญา ของ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดีมีวินัย และมีความสุข 5) สร้างความรู้ความเข้าใจ และประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็กระหว่างสถานศึกษา กับพ่อแม่ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย 1.2 จุดหมาย หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย สำหรับเด็กอายุ3 - 6 ปีมุ่งให้เด็กมีพัฒนาการตามวัยเต็มตาม ศักยภาพ และมีความพร้อมในการเรียนรู้ต่อไป จึงกำหนดจุดหมายเพื่อให้เกิดกับเด็กเมื่อจบการศึกษาระดับ ปฐมวัย ดังนี้ 1) ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย แข็งแรง และมีสุขนิสัยที่ดี 2) สุขภาพจิตดีมีสุนทรียภาพ มีคุณธรรม จริยธรรม และจิตใจที่ดีงาม 3) มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีวินัยและอยู่ร่วมกับ ผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 4) มีทักษะการคิด การใช้ภาษาสื่อสาร และการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัย 1.3 มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย สำหรับเด็กอายุ 3 - 6 ปีกำหนด มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์จำนวน 12 มาตรฐาน ประกอบด้วย


6 1) พัฒนาการด้านร่างกาย ประกอบด้วย 2 มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ 1 ร่างกายเจริญเติบโต ตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดีมาตรฐานที่ 2 กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและ ประสานสัมพันธ์กัน 2) พัฒนาการด้านอารมณ์จิตใจ ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ 3 มีสุขภาพจิต ดีและมีความสุข มาตรฐานที่ 4 ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรีและการเคลื่อนไหว มาตรฐานที่ 5 มี คุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม 3) พัฒนาการด้านสังคม ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ 6 มีทักษะชีวิตและ ปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาตรฐานที่ 7 รักธรรมชาติสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความ เป็นไทย มาตรฐานที่ 8 อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 4) พัฒนาการด้านสติปัญญา ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ 9 ใช้ภาษาสื่อสารได้ เหมาะสมกับวัย มาตรฐานที่ 10 มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้มาตรฐานที่ 11 มี จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์มาตรฐานที่ 12 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในกา แสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัย 1.4 สภาพที่พึงประสงค์สภาพที่พึงประสงค์ เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาดหวังให้เด็ก เกิด บนพื้นฐาน พัฒนาการตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เพื่อนำไปใช้ในการ กำหนดสาระการเรียนรู้ในการจัดประสบการณ์และประเมินพัฒนาการเด็ก ซึ่งในเอกสารนี้จะกล่าวถึงเฉพาะ สภาพที่พึงประสงค์ในช่วงอายุ5 - 6 ปีเพื่อให้สอดคล้องกับการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 โดยมีรายละเอียดของมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตัวบ่งชี้และ สภาพที่พึงประสงค์ดังนี้ มาตรฐานที่ 1 ร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดี ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 1.1 น้ำหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ 1.1.1 น้ำหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ของกรมอนามัย 1.2 มีสุขภาพอนามัย สุขนิสัยที่ดี 1.2.1 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้หลายชนิดและดื่มน้ำสะอาด ได้ด้วยตนเอง 1.2.2 ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังจากใช้ห้องน้ำห้องส้วม ด้วยตนเอง 1.2.3 นอนพักผ่อนเป็นเวลา 1.2.4 ออกกำลังกายเป็นเวลา 1.3 รักษาความปลอดภัยของ ตนเอง และผู้อื่น 1.3.1 เล่น ทำกิจกรรม และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างปลอดภัย


7 มาตรฐานที่ 2 กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสานสัมพันธ์กัน ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 2.1 เคลื่อนไหวร่างกายอย่าง คล่องแคล่ว ประสานสัมพันธ์และ ทรงตัวได้ 2.1.1 เดินต่อเท้าถอยหลังเป็นเส้นตรงได้โดยไม่ต้องกางแขน 2.1.2 กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เสียการทรง ตัว 2.1.3 วิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างคล่องแคล่ว 2.1.4 รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ 2.2 ใช้มือ - ตา ประสานสัมพันธ์ กัน 2.2.1 ใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้นโค้งได้ 2.2.2 เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้อย่างมีมุมชัดเจน 2.2.3 ร้อยวัสดุที่มีรูขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.25 เซนติเมตรได มาตรฐานที่ 3 มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 3.1 แสดงออกทางอารมณ์ได้อย่าง เหมาะสม 3.1.1แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่าง เหมาะสม 3.2 มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและ ผู้อื่น 3.2.1 กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์3 .2.2 แสดงความพอใจในผลงานและความสามารถของตนเองและผู้อื่น มาตรฐานที่ 4 ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 4.1 สนใจ มีความสุข และ แสดงออก ผ่านงานศิลปะ ดนตรี และ การเคลื่อนไหว 4.1.1 สนใจ มีความสุข และแสดงออกผ่านงานศิลปะ 4.1.2 สนใจ มีความสุข และแสดงออกผ่านเสียงเพลง ดนตรี 4.1.3 สนใจ มีความสุข และแสดงท่าทาง/เคลื่อนไหวประกอบเพลง จังหวะและดนตรี มาตรฐานที่ 5 มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 5.1 ซื่อสัตย์สุจริต 5.1.1 ขออนุญาตหรือรอคอย เมื่อต้องการสิ่งของของผู้อื่นด้วยตนเอง 5.2 มีความเมตตากรุณา มีน้ำใจ และช่วยเหลือแบ่งปัน 5.2.1 แสดงความรักเพื่อนและมีเมตตาสัตว์เลี้ยง 5.2.2 ช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นได้ด้วยตนเอง 5.3 มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น 5.3.1 แสดงสีหน้าและท่าทางรับรู้ความรู้สึกผู้อื่นอย่างสอดคล้องกับ สถานการณ์ 5.4 มีความรับผิดชอบ 5.4.1 ทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จด้วยตนเอง


8 มาตรฐานที่ 6 มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 6.1 ช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติ กิจวัตรประจำวัน 6.1.1 แต่งตัวด้วยตนเองได้อย่างคล่องแคล่ว 6.1.2 รับประทานอาหารด้วยตนเองอย่างถูกวิธี 6.1.3 ใช้และทำความสะอาดหลังใช้ห้องน้ำห้องส้วมด้วยตนเอง 6.2 มีวินัยในตนเอง 6.2.1 เก็บของเล่นของใช้เข้าที่อย่างเรียบร้อยด้วยตนเอง 6.2.2 เข้าแถวตามลำดับก่อนหลังได้ด้วยตนเอง 6.3 ประหยัดและพอเพียง 6.3.1 ใช้สิ่งของเครื่องใช้อย่างประหยัดและพอเพียงด้วยตนเอง มาตรฐานที่ 7 รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความเป็นไทย ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 7.1 ดูแลรักษาธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม 7.1.1 ดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง 7.1.2 ทิ้งขยะ ได้ถูกที่ 7.2 มีมารยาทตามวัฒนธรรมไทย และรักความเป็นไทย 7.2.1 ปฏิบัติตนตามมารยาทไทยได้ตามกาลเทศะ 7.2.2 กล่าวคำขอบคุณและขอโทษด้วยตนเอง 7.2.3 ยืนตรงและร่วมร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี มาตรฐานที่ 8 อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 8.1 ยอมรับความเหมือนและ ความแตกต่างระหว่างบุคคล 8.1.1 เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับเด็กที่แตกต่างไปจากตน 8.2 มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น 8.2.1 เล่นหรือทำงานร่วมมือกับเพื่อนอย่างมีเป้าหมาย 8.2.2 ยิ้ม ทักทาย หรือพูดคุยกับผู้ใหญ่และบุคคลที่คุ้นเคยได้ เหมาะสม กับสถานการณ 8.3 ปฏิบัติตนเบื้องต้นในการเป็น สมาชิกที่ดีของสังคม 8.3.1 มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและปฏิบัติตามข้อตกลงด้วยตนเอง 8.3.2 ปฏิบัติตนเป็นผู้นำและผู้ตามได้เหมาะสมกับสถานการณ์ 8.3.3 ประนีประนอมแก้ไขปัญหาโดยปราศจากการใช้ความรุนแรง ด้วยตนเอง


9 มาตรฐานที่ 9 ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 9.1 สนทนาโต้ตอบและเล่าเรื่อง ให้ ผู้อื่นเข้าใจ 9.1.1 ฟังผู้อื่นพูดจนจบและสนทนาโต้ตอบอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงกับ เรื่องที่ฟัง 9.1.2 เล่าเป็นเรื่องราวต่อเนื่องได้ 9.2 อ่าน เขียนภาพ และสัญลักษณ์ ได้ 9.2.1 อ่านภาพ สัญลักษณ์คำด้วยการชี้หรือกวาดตามองจุดเริ่มต้น และจุดจบของข้อความ 9.2.2 เขียนชื่อของตนเองตามแบบ เขียน ข้อความด้วยวิธีที่คิดขึ้นเอง มาตรฐานที่ 10 มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนร ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 10.1 มีความสามารถในการ คิด รวบยอด 10.1.1 บอกลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลง หรือ ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ จากการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัส 10.1.2 จับคู่และเปรียบเทียบความแตกต่างและความเหมือนของ สิ่ง ต่างๆ โดยใช้ลักษณะที่สังเกตพบ 2 ลักษณะขึ้นไป 10.1.3จำแนกและจัดกลุ่มสิ่งต่างโดยใช้ตั้งแต่2ลักษณะขึ้นไปเป็น เกณฑ์10.1.4 เรียงลำดับสิ่งของและเหตุการณ์อย่างน้อย 5 ลำดับ 10.2 มีความสามารถในการ คิดเชิง เหตุผล 10.2.1 อธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือ การ กระทำด้วยตนเอง 10.2.2 คาดคะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และมีส่วนร่วมในการลง ความเห็น จากข้อมูลอย่างมีเหตุผล 10.3 มีความสามารถในการ คิด แก้ปัญหา 10.3.1 ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ และยอมรับผลที่เกิดขึ้น 10.3.2 ระบุปัญหา สร้างทางเลือกและเลือกวิธีแก้ปัญหา มาตรฐานที่ 11 มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 11.1 ทำงานศิลปะตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ 11.1.1 สร้างผลงานศิลปะเพื่อสื่อสารความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยมีการดัดแปลงแปลกใหม่จากเดิม และมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น 11.2 แสดงท่าทาง/เคลื่อนไหวตาม จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ 11.2.1 เคลื่อนไหวท่าทางเพื่อสื่อสารความคิด ความรู้สึกของตนเอง อย่างหลากหลายและแปลกใหม่


10 มาตรฐานที่ 12 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัย ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ( อายุ 5-6 ปี ) 12.1 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ 12.1.1 สนใจหยิบหนังสือมาอ่านและเขียนสื่อความคิดด้วยตนเอง เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 12.1.2 กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ 12.2 มีความสามารถในการ แสวงหา ความรู้ 12.2.1 ค้นหาคำตอบของข้อสงสัยต่างๆ โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย ด้วยตนเอง 12.2.2 ใช้ประโยคคำถามว่า “เมื่อไร” “อย่างไร” ในการค้นหา คำตอบ 1.5 การจัดประสบการณ์การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กอายุ 3 - 6 ปีเป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะ การบูรณาการ ผ่านการเล่น ด้วยการให้เด็กลงมือปฏิบัติจริง โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเพื่อให้เด็กได้รับ ประสบการณ์ตรง อย่างหลากหลาย เกิดความรู้ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้งด้าน ร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา การจัดประสบการณ์จะต้องไม่จัดเป็นรายวิชา และครอบคลุม ประสบการณ์สำคัญและสาระที่ควรเรียนรู้ทั้งนี้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560 : 41) กำหนดแนวทางการจัด ประสบการณ์และการจัดกิจกรรมประจำวัน ไว้ดังนี้ 1.5.1 แนวทางการจัดประสบการณ์ 1) จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการทำงานของสมอง ที่ เหมาะกับอายุวุฒิภาวะ และระดับพัฒนาการ เพื่อให้เด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ 2) จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็กเด็กได้ลงมือกระทำ เรียนรู้ผ่าน ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้เคลื่อนไหว สำรวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง 3) จัดประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยบูรณาการทั้งกิจกรรม ทักษะและสาระการ เรียนรู้ 4) จัดประสบการณ์ให้เด็กได้คิดริเริ่ม วางแผน ตัดสินใจลงมือกระทำและนำเสนอ ความคิด โดยผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์เป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก 5) จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ เอื้อต่อ การเรียนรู้ในบรรยากาศที่อบอุ่น มีความสุข และเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่างๆ กัน 6) จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและ อยู่ใน วิถีชีวิตของเด็ก สอดคล้องกับบริบท สังคม และวัฒนธรรมที่แวดล้อมเด็ก 7) จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน ตาม แนวทาง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และการมีวินัย ให้เป็น ส่วนหนึ่งของ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง 8) จัดประสบการณ์ทั้งในลักษณะที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนที่เกิดขึ้นใน สภาพจริง โดยไม่ได้คาดการณ์ไว้


11 9) จัดทำสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก เป็นรายบุคคล นำมาไตร่ตรองและใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน 10) จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วม ทั้งการวางแผน การสนับสนุนสื่อ แหล่งเรียนรู้การเข้าร่วมกิจกรรม และการประเมินพัฒนาการ 1.5.2 การจัดกิจกรรมประจำวัน การจัดกิจกรรมประจำวันสำหรับเด็กอายุ 3 - 6 ปีสามารถ นำมาจัดได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำไปใช้กิจกรรมประจำวันเป็นการช่วยให้ผู้สอนทราบ ว่า ในแต่ละวันจะทำกิจกรรม อะไรเมื่อใดและอย่างไรสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือควรจัดกิจกรรมให้ครอบคลุม พัฒนาการทุกด้าน การจัดกิจกรรม ประจำวันมีหลักการและขอบข่ายของกิจกรรม ดังนี้ 1) หลักการจัดกิจกรรมประจำวัน การจัดกิจกรรมประจำวันจะต้องคำนึงถึง อายุ และความสนใจของเด็กแต่ละช่วงวัย ดังนี้ (1) กำหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัย ของเด็ก ในแต่ละวัน แต่ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการและความสนใจของเด็ก เช่น เด็กวัย 5 - 6 ปีมีความสนใจ ประมาณ 15 - 20 นาที (2) กิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลา ต่อเนื่อง นานเกินกว่า 20 นาที (3) กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือกเล่นอย่างเสรีเพื่อช่วยให้เด็กรู้จักการเลือก ตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา และคิดสร้างสรรค์อาจใช้เวลาประมาณ 40 - 60 นาทีเช่น กิจกรรมการเล่นตามมุม กิจกรรมการเล่น กลางแจ้ง กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ (4) กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่เด็ก เป็นผู้ริเริ่มและ ผู้สอนเป็นผู้ริเริ่ม กิจกรรมที่ใช้กำลังและไม่ใช้กำลัง จัดให้ครบทุกประเภท ทั้งนี้กิจกรรมที่ต้อง ออกกำลังกายควรจัด สลับกับกิจกรรมที่ไม่ต้องออกกำลังมากนัก เพื่อเด็กจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป 2) ขอบข่ายของกิจกรรมประจำวัน การเลือกกิจกรรมที่จะนำมาจัดในแต่ละวัน สามารถจัดได้หลายรูปแบบ สิ่งที่สำคัญคือ ต้องคำนึงถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน ดังต่อไปนี้ (1) การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง การทรงตัว การ ยืดหยุ่น ความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างๆ การประสานสัมพันธ์และจังหวะการเคลื่อนไหวในการใช้ กล้ามเนื้อใหญ่ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นอิสระกลางแจ้ง เล่นเครื่องเล่นสนาม ปีนป่ายเล่นอย่างอิสระ และ เคลื่อนไหวร่างกาย ตามจังหวะดนตรี (2) การพัฒนากล้ามเนื้อเล็กเป็นการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเล็ก กล้ามเนื้อ มือ- นิ้วมือและการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาได้อย่างคล่องแคล่วโดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้ เล่นเครื่องเล่นสัมผัส ฝึกช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย หยิบจับช้อนส้อม และใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น สีเทียน กรรไกร พู่กัน ดินเหนียว (3) การพัฒนาอารมณ์จิตใจ และปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เป็นการ ปลูกฝังให้เด็ก มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความเชื่อมั่น กล้าแสดงออก มีวินัย รับผิดชอบ ซื่อสัตย์


12 ประหยัด เมตตา กรุณา เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน มีมารยาท และปฏิบัติตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาที่นับถือ โดยจัด กิจกรรมต่างๆ ผ่านการเล่น ให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกได้รับการตอบสนองตามความต้องการได้ฝึกปฏิบัติ โดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม อย่างต่อเนื่อง (4) การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดีแสดงออก อย่าง เหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวัน มีนิสัยรัก การทำงาน รักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น รวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า ให้เด็กได้ ปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน อย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหาร พักผ่อนนอนหลับ ขับถ่าย ทำความสะอาดร่างกาย เล่นและทำงานร่วมกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎกติกา ข้อตกลงของส่วนรวม เก็บของเข้าที่เมื่อเล่นหรือทำงานเสร็จ (5) การพัฒนาการคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิด แก้ปัญหา คิดรวบยอดและคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้สังเกต จำแนกเปรียบเทียบ สืบเสาะหาความรู้สนทนา อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เชิญวิทยากรมาพูดคุยกับเด็ก ศึกษานอกสถานที่ เล่นเกมการศึกษา ฝึกแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ฝึกออกแบบและสร้างชิ้นงาน และทำ กิจกรรมเป็นรายบุคคล กลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่ (6) การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาในการสื่อสารถ่ายทอด ความรู้สึก นึกคิด ความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่เด็กมีประสบการณ์ โดยสามารถตั้งคำถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้จัด กิจกรรมทางภาษา ให้มีความหลากหลายในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มุ่งปลูกฝังให้เด็กได้กล้า แสดงออกในการฟัง พูด อ่าน เขียน มีนิสัยรักการอ่าน และบุคคลแวดล้อมต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษา ทั้งนี้ต้องคำนึงถึง หลักการจัดกิจกรรมทางภาษาที่เหมาะสมกับเด็กเป็นสำคัญ (7) การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เป็นการส่งเสริมให้เด็กมี ความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์ได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและเห็นความสวยงามของสิ่งต่างๆ โดยจัดกิจกรรม ศิลปะสร้างสรรค์ดนตรีการเคลื่อนไหวและจังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่างอิสระ เล่นบทบาท สมมติเล่นน้ำเล่นทราย เล่นบล็อก และเล่นก่อสร้าง 3) การจัดตารางประจำวัน การจัดตารางประจำวันนั้นควรจัดให้เหมาะสมกับบริบท ของแต่ละสถานศึกษา กิจกรรม ที่จัดให้เด็กในแต่ละวันอาจมีชื่อเรียกกิจกรรมแตกต่างกันไปในแต่ละหน่วยงาน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ (สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2561 : 67 - 81) (1) กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้ เคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างอิสระตามจังหวะ โดยใช้เสียงเพลง คำคล้องจอง เครื่องเคาะจังหวะ และอุปกรณ์อื่นๆ มาประกอบ การเคลื่อนไหว เพื่อส่งเสริมให้เด็กพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ (2) กิจกรรมเสริมประสบการณ์/กิจกรรมในวงกลม เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้น ให้เด็ก ได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้มีทักษะการฟังการพูดการสังเกตการคิดแก้ปัญหา การใช้เหตุผลโดยการฝึก ปฏิบัติร่วมกัน และการทำงานเป็นกลุ่ม ทั้งกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ เพื่อให้เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องที่ ได้เรียนรู้


13 (3) กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนากระบวนการคิดสร้างสรรค์ การรับรู้เกี่ยวกับความงาม และส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กแสดงออกทางอารมณ์ตามความรู้สึก ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์และจินตนาการ โดยใช้กิจกรรมศิลปะ เช่น การวาดภาพ ระบายสีการปั้น การพิมพ์ภาพ (4) กิจกรรมการเล่นตามมุม เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กเล่นกับสื่อและ เครื่องเล่น อย่างอิสระตามมุมเล่นหรือมุมประสบการณ์ ซึ่งพื้นที่หรือมุมต่างๆ เหล่านี้ เด็กมีโอกาสเลือกเล่นได้ อย่างเสรีตามความสนใจและความต้องการของเด็ก หรือเด็กอาจจะเลือกทำกิจกรรมที่ครูจัดเสริมขึ้น เช่น เกม การศึกษา เครื่องเล่นสัมผัส (5) กิจกรรมการเล่นกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้ออกไปนอก ห้องเรียน เพื่อเคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลัง และแสดงออกอย่างอิสระ โดยยึดความสนใจและความสามารถ ของเด็กแต่ละคน เป็นหลัก เช่น เกมการละเล่นของไทย เกมการละเล่นของท้องถิ่น (6) เกมการศึกษา เป็นเกมการเล่นที่ช่วยพัฒนาสติปัญญา ช่วยส่งเสริมให้ เด็ก เกิดการเรียนรู้เป็นพื้นฐานการศึกษา มีกฎเกณฑ์กติกาง่ายๆ เด็กสามารถเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่มได้ ช่วยให้เด็กรู้จักสังเกต คิดหาเหตุผลและเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสีรูปร่าง จำนวน ประเภท และ ความสัมพันธ์เกี่ยวกับพื้นที่ ระยะ 1.6 การประเมินพัฒนาการ การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ3-6 ปีเป็นการประเมินพัฒนาการทางด้าน ร่างกายอารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเด็ก โดยถือเป็นกระบวนการต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของ กิจกรรมปกติที่จัดให้เด็ก ในแต่ละวัน ผลที่ได้จากการสังเกตพัฒนาการเด็ก ต้องนำมาจัดทำสารนิทัศน์หรือ จัดทำข้อมูลหลักฐานหรือเอกสาร อย่างเป็นระบบ ด้วยการรวบรวมผลงานสำหรับเด็กเป็นรายบุคคลที่สามารถ บอกเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่เด็กได้รับ ว่าเด็กเกิดการเรียนรู้และมีความก้าวหน้าเพียงใด ทั้งนี้ให้นำข้อมูล ผลการประเมินพัฒนาการเด็กมาพิจารณาปรับปรุง วางแผนการจัดกิจกรรม และส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนได้รับ การพัฒนาตามจุดหมายของหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง การประเมินพัฒนาการควรยึดหลัก ดังนี้ 1.6.1 วางแผนการประเมินพัฒนาการอย่างเป็นระบบ 1.6.2 ประเมินพัฒนาการเด็กครบทุกด้าน 1.6.3 ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคลอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องตลอดปี 1.6.4 ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจำวัน ด้วยเครื่องมือและวิธีการ ที่ หลากหลายไม่ควรใช้แบบทดสอบ 1.6.5 สรุปผลการประเมิน จัดทำข้อมูลและนำผลการประเมินไปใช้พัฒนาเด็ก สำหรับวิธีการ ประเมินที่เหมาะสมและควรใช้กับเด็กอายุ3-6 ปีได้แก่การสังเกตการบันทึกพฤติกรรม การสนทนากับเด็ก การ สัมภาษณ์การวิเคราะห์ข้อมูลจากผลงานเด็กที่เก็บอย่างมีระบบ สรุปได้ว่า หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เป็นกรอบแนวทางหรือทิศทางของการ จัดการ ศึกษาปฐมวัย เป็นการจัดการศึกษาในลักษณะของการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา เด็กจะได้รับการ พัฒนาการ ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา หลักสูตรการศึกษา ปฐมวัยได้กำหนด จุดหมายและมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดกับเด็กเมื่อจบการศึกษา ระดับปฐมวัย เพื่อให้สถานศึกษาใช้เป็นจุดหมายในการพัฒนาและการประเมินเด็กให้บรรลุคุณภาพ


14 2. การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย 2.1 ความหมายของการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย McAfee, Leong & Bodrova (2004, as cited in McAfee & Leong, 2007 : 2) ได้ให้ความหมายไว้ว่า การประเมิน (Assessment) หมายถึง กระบวนการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กจากหลักฐาน การประเมินที่หลากหลายแล้วจึงจัดการเรียบเรียง และตีความข้อมูลนั้น นภเนตร ธรรมบวร (2549:3)กล่าวว่า การประเมินผลพัฒนาการเด็ก หมายถึงความรู้ความเข้าใจ ของ ผู้สอนที่มีต่อพัฒนาการการเรียนรู้ความสนใจ ความต้องการของเด็กแต่ละคน สิริมา ภิญโญ อนันตพงษ์ (2553:2) กล่าวว่า การประเมิน หมายถึงกระบวนการวัดและประเมินผล ตัวเด็กเน้นการใช้วิธีการและ เครื่องมือที่หลากหลายในการวัดที่มีระบบและจุดมุ่งหมายในการมองความก้าวหน้าและ ผลสัมฤทธิ์เด็ก การประเมินเป็นการรวบรวมข้อมูล ทั้งที่เป็นตัวเลขปริมาณ (Quantitative) และค่าทางคุณลักษณะ (Qualitative) เพื่อใช้สารสนเทศที่ได้จากการประเมินเป็นข้อมูลย้อนกลับไปยังเด็กเกี่ยวกับความก้าวหน้า จุดเด่น และจุดด้อยของเด็ก ดังนั้น สรุปได้ว่า การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ ใช้ในการศึกษาและ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการทุกด้านและการเรียนรู้ของเด็ก โดยใช้วิธีการที่ เหมาะสม และเป็นส่วนหนึ่ง ของกิจกรรมปกติในแต่ละวัน และนำผลการประเมินไปใช้พัฒนาเด็กได้อย่าง เต็มศักยภาพ 2.2 จุดมุ่งหมายของการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย นลินีณ นคร (2557 : 19 - 21) ได้กล่าวถึง จุดมุ่งหมายของการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย มีรายละเอียดดังนี้ 2.2.1 การประเมินพัฒนาการเพื่อศึกษาความก้าวหน้าของพัฒนาการเด็กปฐมวัย สามารถ ดำเนินการได้2 แนวทาง คือ 1) การประเมินความก้าวหน้าของพัฒนาการโดยใช้วุฒิภาวะ คุณลักษณะตามวัยเป็น ตัวเทียบเคียง เป็นการประเมินการเปลี่ยนแปลงของคุณลักษณะทางร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และ สติปัญญา โดยนำผลที่ได้จากการวัดคือพฤติกรรมต่างๆ ของเด็กปฐมวัยไปเทียบเคียงกับวุฒิภาวะ คุณลักษณะตามวัย ตามที่กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้แล้วพิจารณาว่าเด็กมีพัฒนาการ เป็นไปตามวัยช้ากว่าปกติเร็วกว่า หรือสูงกว่าปกติมากน้อยเพียงใด 2) การประเมินความก้าวหน้าของพัฒนาการโดยเทียบเคียงกับสิ่งที่มีมาก่อน เป็น การ ประเมินที่บอกความแตกต่างของสิ่งที่วัดได้ในครั้งหลังกับสิ่งที่วัดได้ในครั้งก่อนว่า คงที่ เพิ่มขึ้น หรือ ถดถอยไปจากเดิม สิ่งที่วัดได้ในที่นี้หมายถึง พฤติกรรมที่เป็นคุณลักษณะทางร่างกายอารมณ์จิตใจสังคม และสติปัญญา โดยนำผลที่ได้จากการเก็บรวบรวมมาเปรียบเทียบกัน แล้วประเมินว่าพฤติกรรมนั้น เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไร ทิศทางใด หรือมากน้อยเพียงใด 2.2.2 การประเมินพัฒนาการเพื่อวินิจฉัยเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการแสดงออก หรือ การกระทำของเด็กปฐมวัยที่ครอบคลุมพัฒนาการด้านร่างกายอารมณ์จิตใจสังคม และสติปัญญา ทั้งที่ เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ ทั้งข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เพื่อหาจุดเด่น จุดบกพร่องและ ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยเป็นรายบุคคล เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาและ ปรับปรุงพัฒนาการให้เป็นไปตามวัย โดยมีระยะการประเมินดังนี้การประเมินเมื่อเด็กเริ่มเข้ามาในสถาน พัฒนาเด็กหรือสถานศึกษาเพื่อค้นหาความพร้อม การเจริญเติบโต ความสามารถในการเรียนรู้ว่าเป็นไปตาม


15 วัยมากน้อยเพียงใด มีพัฒนาการเป็นไปตามวัยหรือไม่ซึ่งข้อมูลจะเป็นประโยชน์ในการนำมาเป็นแนวทาง ในการอบรมเลี้ยงดูและการจัดประสบการณ์ให้สอดคล้องเหมาะสม กับพัฒนาการของเด็กแต่ละคน การ ประเมินขณะอบรมเลี้ยงดูและจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก เป็นการประเมิน เพื่อให้เห็นความก้าวหน้าของ พัฒนาการว่าเป็นไปในทิศทางใด หากไม่เป็นไปตามวัย ผู้สอนต้องทำการวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุ หาทาง แก้ไข ออกแบบวิธีการจัดประสบการณ์และการอบรมเลี้ยงดูเพื่อบำบัด ฟื้นฟูหรือส่งเสริมให้เด็กมี พฤติกรรมหรือพัฒนาการเป็นไปตามวัย 2.2.3 การประเมินเพื่อการเรียนรู้(assessment for learning) เป็นกระบวนการที่ผู้สอนใช้ ในระหว่างการเรียนการสอน เพื่อให้ได้ข้อมูลป้อนกลับสำหรับปรับปรุงเด็กให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการ เรียนการสอน โดยผู้ดูแลอบรมเลี้ยงดูและผู้สอนจะทำการประเมินพฤติกรรมพัฒนาการและการเรียนรู้ของ เด็กในแต่ละด้าน ไปพร้อมๆ กับการอบรมเลี้ยงดูหรือการจัดประสบการณ์ ทำให้เห็นความก้าวหน้าของ พัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก และสามารถช่วยปรับพฤติกรรมได้ในทันทีทันใด การนำการประเมินเพื่อการ เรียนรู้ไปใช้ในการอบรมเลี้ยงดูหรือ จัดประสบการณ์ในชั้นเรียนของเด็กปฐมวัยได้อย่างมีคุณภาพ และ ประสบความสำเร็จได้นั้นขึ้นอยู่กับกุญแจสำคัญ 5 ประการ ประกอบด้วย 1) วัตถุประสงค์ในการจัดประสบการณ์ชัดเจน (clear purpose) 2) เป้าหมายการเรียนรู้ชัดเจน (clear targets) 3) ออกแบบการประเมินที่ดี(sound assessment design) 4) การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (effective communication) 5) ให้เด็กมีส่วนร่วม (student involvement) McAfee และ Leong (2007 : 34) ได้สรุปถึงวัตถุประสงค์ของการประเมินพัฒนาการเด็ก ระดับ อนุบาลไว้ดังนี้ 1) เพื่อสังเกตพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก 2) เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนในการตัดสินใจและการจัดการเรียนรู้ 3) เพื่อแยกแยะเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ 4) เพื่อรายงานและสื่อสารกับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก ดังนั้น สรุปได้ว่า จุดม่งหมายของการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยควรเป็นไปเพื่อการศึกษา ความก้าวหน้าของพัฒนาการเด็กปฐมวัยเพื่อวินิจฉัยและเพื่อการเรียนรู้เป็นแนวทางในการวางแผนการ จัดการเรียนรู้ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรและการสอน และใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการรายงาน และสื่อสารกับบุคคลอื่น ที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก 2.3 หลักการของการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย กระทรวงศึกษาธิการ (2560 : 44) ได้ เสนอหลักการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย ดังนี้ 1) วางแผนการประเมินพัฒนาการอย่างเป็นระบบ 2) ประเมินพัฒนาการเด็กครบทุกด้าน 3) ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคลอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องตลอดปี 4) ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจำวัน ด้วยเครื่องมือ และวิธีที่หลากหลาย ไม่ควรใช้แบบทดสอบ


16 5) สรุปผลการประเมิน จัดทำข้อมูลและนำผลการเมินไปใช้พัฒนาเด็ก นลินีณ นคร (2557 : 22 - 23) ได้อธิบายว่าการประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวัยยึดหลักการสำคัญ ตาม รายละเอียดดังนี้ 1) ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และ สติปัญญา ไม่ควรแยก ประเมินเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง เนื่องจากพัฒนาการทุกด้านมีความสัมพันธ์ เกี่ยวเนื่องประกอบกันขึ้นเป็นความพร้อม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาในขั้นต่อไป 2) เป็นรายบุคคล การประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวัยต้องประเมินเป็น รายบุคคล เพื่อให้ได้ข้อมูล พื้นฐานสำหรับการพัฒนาคุณลักษณะของเด็กให้เป็นไปตามวัย ซึ่งเด็กแต่ ละคนจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน 3) วิธีการหลากหลาย การประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวัยต้องประเมิน หลายๆ ครั้ง หลายๆ วิธีเพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนที่จะทำการสรุปผล 4) ดำเนินการอย่างเป็นระบบ การประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวัยต้องทำ อย่างเป็นระบบ มีการกำหนดเป้าหมายของการประเมิน มีการวางแผนการดำเนินการเลือกใช้วิธีการ เก็บรวบรวมข้อมูลและเครื่องมือ อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะถูกต้องตรงตามมาตรฐานตัวบ่งชี้และ สอดคล้องกับแนวการจัดการศึกษาปฐมวัยที่สำคัญ ต้องมีการจดบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้ เห็นร่องรอยของพัฒนาการอย่างเป็นระบบ ทุกระยะของการพัฒนา เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเห็นร่องรอย ของพฤติกรรมอย่างรอบด้าน และสามารถนำไปใช้เพื่อการพัฒนาเด็กในด้านต่างๆ ให้เกิด ประสิทธิภาพและประสิทธิผลดังนั้น ผู้ดูแลเด็กและครูควรตระหนักถึงความสำคัญของการออกแบบ เก็บรวบรวม ข้อมูล และการนำข้อมูลไปใช้อย่างเป็นระบบ 5) ความต่อเนื่อง การประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวัยเป็นกระบวนการ ต่อเนื่อง และต้องดำเนินการ ให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่จัดประสบการณ์ให้แก่เด็กในแต่ละวัน ผู้สอนต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน และ ดำเนินการประเมินเป็นระยะๆ ตลอดปี นภเนตร ธรรมบวร (2549 : 29 - 30) กล่าวถึง หลักการประเมินผลพัฒนาการเด็กปฐมวัยไว้ ดังนี้ 1) การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยต้องประเมินทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ไม่ควรแยกประเมินเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง 2) การประเมินผลถือเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของการจัด กิจกรรมสำหรับ เด็กปฐมวัยผู้สอนจำเป็นต้องทำการประเมินอย่างต่อเนื่องเพื่อทราบถึงพัฒนาการ ความก้าวหน้าของเด็ก นอกจากนั้น ผู้สอนยังสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการประเมินผลมาใช้ในการ ปรับปรุงการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับความสนใจ และความต้องการของเด็กได้ตลอดเวลา 3) ผลการประเมินเด็กแต่ละคน ควรเก็บเป็นความลับ ไม่ควรนำไปเปิดเผยแก่ผู้ไม่ เกี่ยวข้อง 4) การเลือกวิธีการประเมินผล ต้องเลือกให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของเรื่องที่จะ ประเมิน


17 5) ในการเปรียบเทียบระดับพัฒนาการเด็กกับเกณฑ์ต้องใช้เกณฑ์มาตรฐานซึ่งใช้กับ เด็กวัยเดียวกัน หรือใช้เครื่องมือที่มีความยาก - ง่าย ระดับเดียวกันกับเด็กวัยเดียวกัน 6) ในการประเมินพฤติกรรม ผู้สอนควรประเมินหลายๆ ครั้ง ก่อนที่จะสรุปผล 7) การเลือกพฤติกรรมที่จะประเมิน ควรพิจารณาวัตถุประสงค์ของการประเมินให้ สอดคล้องกัน เช่น เมื่อสังเกตเห็นว่าเด็กมีปัญหาเกิดขึ้น คือ การติดผ้าห่ม การเฝ้าติดตามพฤติกรรม ดังกล่าวไปสักระยะหนึ่ง โดยเน้นพฤติกรรมที่โดดเด่น ซึ่งสังเกตเห็นได้เพียงวิกฤตเดียว สรุปได้ว่า หลักการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยเป็นการประเมินพัฒนาการของเด็กให้ครอบคลุม ทุกด้าน ประเมินเป็นรายบุคคลอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องตลอดปีใช้วิธีการหลากหลายและดำเนินการอย่างเป็น ระบบ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมปกติในแต่ละวันของเด็ก เพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนที่จะทำ การสรุปผลและนำผล มาพัฒนาเด็ก มีกระบวนการในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลการ พัฒนาระหว่างผู้สอน เด็กและผู้ปกครอง 2.4 วิธีการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย การศึกษาปฐมวัยเป็นการจัดการศึกษาในลักษณะ ของการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา เพื่อพัฒนาทั้งร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคมและสติปัญญา ตาม วัยและความสามารถของเด็กแต่ละคน การประเมิน พัฒนาการของเด็กปฐมวัยต้องดำเนินการให้ ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน โดยแบ่งประเภทเป็นการประเมิน อย่างไม่เป็นทางการ และการประเมิน อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีรายละเอียดวิธีการประเมินดังนี้วิธีการที่ใช้ในการประเมินอย่างไม่เป็นทางการ วิธีการสำคัญในการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา อย่างไม่เป็น ทางการ มีหลายวิธีที่สามารถนำไปใช้ในการประเมินพฤติกรรมของเด็กปฐมวัย (นลินีณ นคร. 2557 : 29 - 33) 1) การสังเกต เป็นการเฝ้าดูพัฒนาการด้านต่างๆ ที่เด็กแสดงออกอย่างมีเป้าหมาย ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสต่างๆการสังเกตเป็นวิธีหนึ่งที่นำมาใช้การประเมินในสภาพจริงซึ่งเป็นวิธี พื้นฐานของการได้มาซึ่งข้อมูล สำหรับการประเมิน การสังเกตต้องดำเนินการควบคู่ไปกับวิธีการเก็บ ข้อมูลและเครื่องมือชนิดอื่นๆ ประกอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความตรง ความเชื่อถือได้เช่น การสังเกต ใช้ควบคู่ไปกับการบันทึกข้อมูลโดยใช้แบบบันทึก แบบสำรวจ รายการ มาตรประมาณค่า เป็นต้น เมื่อ พิจารณาถึงวิธีการเข้าถึงข้อมูล การสังเกตสามารถดำเนินการได้หลายแนวทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ของการใช้เช่น ถ้าอิงรูปแบบของการสังเกตก็สามารถใช้แนวทางการสังเกตแบบมี โครงสร้างกับแบบไม่มีโครงสร้าง ถ้าอิงการมีส่วนร่วมก็เลือกการสังเกตแบบมีส่วนร่วมกับการสังเกต แบบไม่มีส่วนร่วม เทคนิควิธีการสังเกตแต่ละวิธีแตกต่างกัน มีข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกัน ทั้งนี้การ เลือกใช้ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ต้องคำนึงถึงความเป็นกันเอง พัฒนาการของเด็ก บริบทของ สิ่งที่ต้องการสังเกต 2) การบันทึก เป็นวิธีการหนึ่งของการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งใช้ เก็บข้อมูล ในสภาพจริง สามารถใช้เก็บข้อมูลได้ทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล เมื่อกล่าวถึงการบันทึก ข้อมูลเพื่อใช้ในการประเมิน สามารถทำได้หลายวิธีเช่น การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงและการบันทึก โดยการจดหรือเขียน การบันทึกจะช่วยเก็บ ร่องรอยข้อมูล ที่ได้จากการสังเกต การสัมภาษณ์ พูดคุย


18 ข้อควรระวังสำหรับการใช้วิธีการบันทึก ผู้สอน ต้องจดบันทึกตามสภาพข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยไม่ใส่ ความรู้สึกหรือความคิดเห็นลงไป บันทึกทั้งข้อมูลที่เป็นทางบวก และทางลบ บันทึกทันทีและสิ่งที่ บันทึกบางครั้งไม่สามารถรายงานทั่วไปได้ 3) การสัมภาษณ์ เป็นวิธีพูดคุยกับเด็กเป็นรายบุคคล ผู้สอนควรใช้ภาษาที่เหมาะสม และภาษานั้น ต้องง่ายต่อการเข้าใจ การสัมภาษณ์เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการที่ สามารถเก็บได้ในสถานการณ์จริง ขณะจัดประสบการณ์และเป็นวิธีที่เกิดขึ้นได้โดยธรรมชาติซึ่งผู้สอน สามารถทำได้อย่างอัตโนมัติขณะจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก สิ่งสำคัญที่ผู้สอนควรพึงระวังในการ สัมภาษณ์หรือพูดคุยคือต้องเป็นไปอย่างมีจุดหมาย 4) การสอบถาม เป็นวิธีการที่ให้เด็กแสดงความคิดเห็นและความรู้สึก ข้อคำถามที่ใช้ เป็นได้ทั้ง ข้อคำถามปลายเปิดและปลายปิด การสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กสามารถถามได้ทั้งตัว เด็กและผู้ปกครอง ซึ่งมีลักษณะ คล้ายๆกับการสัมภาษณ์ต่างกันตรงที่แบบสอบถาม ผู้ตอบเขียนลงไป ในแบบที่สอบถาม สำหรับการสัมภาษณ์ผู้ตอบ ตอบผ่านคำพูด ผู้ถามเป็นผู้บันทึก กรณีเด็กปฐมวัย หรือผู้ปกครองที่มีข้อจำกัดในการอ่านและเขียน ผู้สอนใช้วิธีอ่าน ให้ฟังและบันทึกคำตอบให้ 5) การทำสังคมมิติเป็นวิธีการศึกษาคุณลักษณะทางจิตของกลุ่มคน ที่สามารถ นำมาใช้ในการประเมิน พัฒนาการทางอารมณ์ จิตใจ และสังคมของเด็กปฐมวัย วิธีนี้จะทำให้ผู้สอน ทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร เมื่ออยู่กับเพื่อน เพื่อนยอมรับหรือไม่ยอมรับ เพื่อนชอบหรือไม่ชอบ เมื่อนำวิธีนี้มาใช้กับเด็กปฐมวัย ผู้สอน ต้องอาศัยการสัมภาษณ์พูดคุย แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวาดผัง เส้นทางแสดงความสัมพันธ์ของเด็กและเพื่อนในกลุ่ม การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีนี้ผู้ดูแลเด็กและ ผู้สอนควรระมัดระวังในการใช้และการแปลผลเนื่องจากอารมณ์ของเด็กปฐมวัย เปลี่ยนแปลงง่าย ความไม่คงที่ของอารมณ์และการยึดเหตุผลตนเอง อาจทำให้การแปลผลทางอารมณ์จิตใจ และ สังคม คลาดเคลื่อนได้ 6) การปฏิบัติการประเมินจากการปฏิบัติ(performance - based assessment) เป็นการ เก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งที่ต้องการประเมินด้วยวิธีการให้ลงมือทำงาน ทำให้เด็กเกิดการ เรียนรู้ด้วยตนเอง พัฒนาและปรับปรุงตัวเองภายใต้ประสบการณ์ที่ผู้สอนจัดให้การประเมินจากการ ปฏิบัติในระดับปฐมวัย ผู้สอน ต้องประเมินแบบองค์รวม (holistic assessment) และใช้วิธีการต่างๆ มาช่วยในการเก็บข้อมูลเพื่อให้การประเมิน เป็นไปอย่างรอบคอบ ข้อควรระวังในการใช้วิธีการปฏิบัติ คือสิ่งที่ให้เด็กปฏิบัติต้องไม่ยากเกินวัย ท้าทายความสามารถ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องผ่านการ วิเคราะห์แล้วว่างานนั้นเป็นตัวแทนที่สำคัญของสิ่งที่ต้องการวัดและมีความตรง 7) การเล่น การประเมินจากการเล่น (play - based assessment) เป็นวิธีการหนึ่ง ที่ทำให้เห็น พัฒนาการของเด็กในทุกด้าน ทั้งการเจริญเติบโตทางร่างกาย พัฒนาการในด้านพฤติกรรม และการเรียนรู้ขณะเดียวกันการเล่นก็สามารถสะท้อนผลของการอบรมเลี้ยงดูและการจัด ประสบการณ์ให้กับเด็ก เช่น ผู้สอน ได้เห็นทักษะการสื่อสารความคล่องแคล่วทางกายการตัดสินทาง สังคม ความร่วมมือเป็นต้น การเล่นอย่างเป็นระบบ จะสัมพันธ์กับการพัฒนาและการเรียนรู้การเล่นมี อิทธิพลต่อการใช้ภาษา ความเข้าใจ อารมณ์จิตใจ สังคม และ ทักษะทางกาย ดังนั้น ขณะที่เด็กเล่น ผู้สอนสามารถทำการประเมินพฤติกรรม พัฒนาการ ศักยภาพ ตลอดจน ความสามารถในการเรียนรู้


19 อย่างรอบด้านและได้ตรงตามสภาพจริงมากที่สุด วิธีการที่ใช้ในการประเมินอย่างเป็นทางการ วิธีการที่ใช้ในการประเมินแบบเป็นทางการ สามารถดำเนินการได้2 วิธีคือ 1) การใช้เครื่องมือมาตรฐานเฉพาะทาง เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้ได้ข้อมูลเพื่อใช้ใน การประเมิน พัฒนาการเด็กเครื่องมือมาตรฐานเฉพาะทางนี้เป็นเครื่องมือทางกายภาพที่มีมาตรฐานใช้ สำหรับวัดความเจริญเติบโต และพัฒนาการทางร่างกาย เช่น เครื่องชั่งน้ำหนัก ที่วัดส่วนสูง สายวัด เครื่องมือวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เครื่องมือวัดสายตา เป็นต้น 2) การทดสอบ เป็นวิธีการทางจิตวิทยาที่ใช้สำหรับวัดพัฒนาการ พฤติกรรม และ การเรียนรู้ของเด็ก เครื่องมือประเมินประเภทนี้ไม่สามารถวัดสิ่งที่ต้องการวัดทางตรงได้ต้องวัดผ่าน เครื่องมือซึ่งในที่นี้คือ แบบทดสอบ (test) แบบวัด (scale) หรือแบบสำรวจ (inventory) การทดสอบ ด้วยแบบทดสอบ แบบวัด หรือแบบสำรวจกับ เด็กปฐมวัยนั้นมีข้อพึงระมัดระวังในการใช้คือ ถ้าผู้สอน ขาดทักษะหรือไม่เข้าใจกระบวนการวัดหรือแม้กระทั่ง ไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็กปฐมวัย อาจทำให้ผล การวัดคลาดเคลื่อนได้จึงไม่ควรใช้แบบทดสอบในเด็กปฐมวัย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2561:119-124) กล่าวถึงการประเมิน พัฒนาการ เด็กปฐมวัยว่า ควรใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย ซึ่งวิธีการที่นิยมใช้มีดังนี้ 1) การสังเกตและการบันทึก แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก ่ การสังเกตแบบเป็น ทางการ คือ การสังเกตอย่างมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนตามแผนที่วางไว้และการสังเกตแบบไม่เป็น ทางการคือ การสังเกตในขณะที่ เด็กทำกิจกรรมประจำวันและเกิดพฤติกรรมที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ผู้สอนต้องจดบันทึกสิ่งที่รวบรวมได้จากการ สังเกตอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ผู้สอนต้องทำอย่างชัดเจนและ สม่ำเสมอเนื่องจากเด็กเจริญเติบโตและมีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว การสังเกตและบันทึก พัฒนาการเด็กปฐมวัยสามารถใช้แบบง่ายๆ ดังนี้ (1) แบบบันทึกพฤติกรรมแบบเป็นทางการโดยกำหนดประเด็นหรือ พัฒนาการที่ต้องการสังเกต ระบุชื่อ นามสกุลเด็กวัน เดือน ปีเกิดไว้ล่วงหน้า รวมทั้งชื่อผู้ทำการสังเกต ดำเนินการสังเกตโดยบรรยายพฤติกรรม เด็กที่สังเกตได้ตามประเด็น ผู้สังเกตต้องบันทึกวัน เดือน ปีที่ ทำการสังเกตแต่ละครั้ง ข้อมูลการสังเกตที่บันทึกลงใน แบบบันทึกพฤติกรรมนี้จะช่วยให้ผู้สอนเข้าใจ พฤติกรรมเด็กได้ดีขึ้น และทราบว่าเด็กแต่ละคนมีจุดเด่น มีความต้องการ มีความสนใจ หรือต้องการ ความช่วยเหลือในเรื่องใดบ้าง (2) แบบบันทึกพฤติกรรมแบบไม่เป็นทางการเป็นการบันทึกพฤติกรรม เหตุการณ์หรือจากการจัด ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนทุกวัน โดยระบุชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปี เกิดเด็ก ผู้สังเกต วัน เดือน ปีที่บันทึก อาจบันทึกโดยใช้การบรรยาย ใคร ทำอะไร ที่ไหน ทำอย่างไร ซึ่งจะเน้นเฉพาะเด็กรายกรณีที่ต้องการศึกษา ควรมีรายละเอียดและข้อมูลที่ชัดเจน ผู้สังเกตควร บรรยายสิ่งที่เด็กทำได้มากกว่าสิ่งที่เด็กทำไม่ได้และวิเคราะห์ประเด็น การประเมินตามสภาพที่พึง ประสงค์อย่างเป็นระบบ ข้อมูลในการบันทึกต้องตรงตามความเป็นจริง ซึ่งข้อดีของการ บันทึกรายวัน คือ การสังเกตนี้จะชี้ให้เห็นความสามารถเฉพาะอย่างของเด็ก จะช่วยให้พิจารณาปัญหาของเด็กเป็น รายบุคคลรวมทั้งช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญมีข้อมูลสำหรับวินิจฉัยเด็กได้ชัดเจนขึ้นว่าสมควรจะได้รับ คำปรึกษาเพื่อลดปัญหา หรือส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างถูกต้องและเป็นข้อมูลในการพิจารณา


20 ปรับปรุงแก้ไขหรือพัฒนาการจัดกิจกรรม และประสบการณ์ให้ดียิ่งขึ้น (3) แบบสำรวจรายการโดยกำหนดประเด็นหรือพัฒนาการที่ต้องการสำรวจ ระบุชื่อ นามสกุลเด็ก วัน เดือน ปีเกิด ไว้ล่วงหน้า มีการกำหนดรายการพฤติกรรมที่ต้องการสำรวจ ละเอียดขึ้น และกำหนดเกณฑ์ในการ สำรวจพฤติกรรม เช่น ปฏิบัติ- ไม่ปฏิบัติทำได้- ทำไม่ได้เป็นต้น ช่วยให้ผู้สอนสามารถบันทึกได้สะดวกขึ้น ควรมีการสำรวจพฤติกรรมในเรื่องเดียวกันอย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อยืนยันว่าเด็กทำได้จริง 2) การบันทึกการสนทนา เป็นการบันทึกการสนทนาทั้งแบบเป็นกลุ่มหรือรายบุคคล เพื่อประเมิน ความสามารถในการแสดงความคิดเห็นและพัฒนาการด้านการใช้ภาษาของเด็ก ความสามารถในการคิดรวบยอด การแก้ปัญหา รวมถึงพัฒนาการด้านสังคม อารมณ์จิตใจ และบันทึก ผลการสนทนาลงในแบบบันทึกพฤติกรรมหรือ บันทึกรายวัน โดยระบุชื่อ นามสกุล อายุเด็ก ภาคเรียน ที่และกิจกรรมที่ใช้สนทนา 3) การสัมภาษณ์เป็นวิธีการพูดคุยกับเด็กเป็นรายบุคคลและควรจัดในสภาวะ แวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดและวิตกกังวลควรใช้คำถามที่เหมาะสมเปิดโอกาสให้ เด็กได้คิดและตอบอย่างอิสระจะทำให้สามารถประเมินความสามารถทางสติปัญญาของเด็กและ ค้นพบศักยภาพในตัวเด็กได้ 4) การจัดทำสารนิทัศน์ (Documentation) เป็นการจัดทำข้อมูลที่เป็นหลักฐาน หรือแสดงให้เห็น ร่องรอยของการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทำ กิจกรรมทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม สารนิทัศน์เป็นการประมวลผลที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการจัด ประสบการณ์ของผู้สอนและร่องรอยผลงานของเด็ก จากการทำกิจกรรมที่สะท้อนถึงพัฒนาการใน ด้านต่างๆ การจัดทำสารนิทัศน์มีหลายรูปแบบ ได้แก่ (1) พอร์ตโฟลิโอสำหรับเด็กเป็นรายบุคคลเช่น การเก็บชิ้นงานหรือภาพถ่าย เด็กขณะทำกิจกรรม มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการบันทึกเสียง บันทึกภาพที่แสดงให้เห็นถึง ความก้าวหน้าในงานที่เด็กทำ เป็นต้น (2) การบรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่เด็กได้รับ เช่น การ สอนแบบโครงการ (Project Approach) สามารถให้สารนิทัศน์เกี่ยวกับพัฒนาการเด็กทุกด้าน ทั้ง ประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กและ การสะท้อนตนเองของผู้สอน รูปแบบการบรรยายเรื่องราวจึงมี หลายรูปแบบ อาจได้จากการบันทึกการสนทนาระหว่าง เด็กกับผู้สอน เด็กกับเด็ก การบันทึกของผู้ สอน การบรรยายของพ่อแม่ผู้ปกครองในรูปแบบหนังสือหรือจดหมาย แม้กระทั่งการจัดแสดงบรรยาย สรุปให้เห็นภาพการเรียนรู้ทั้งหมด (3) การสังเกตและบันทึกพัฒนาการเด็ก เช่น ใช้แบบสังเกตพัฒนาการ การ บันทึกสั้น (4) การสะท้อนตนเองของเด็ก เป็นคำพูดหรือข้อความที่สะท้อนความรู้ ความเข้าใจความรู้สึก จากการสนทนา การอภิปรายแสดงความคิดเห็นของเด็กขณะทำกิจกรรม ซึ่ง อาจบันทึกด้วยเทคโนโลยีบันทึกเสียง หรือบันทึกภาพ


21 (5) ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม ที่แสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ ความสามารถ ทักษะจิตนิสัย ของเด็ก 5) การประเมินการเจริญเติบโตของเด็ก เป็นการประเมินการเจริญเติบโตด้าน ร่างกายของเด็ก ซึ่งการพิจารณาการเจริญเติบโตในเด็กที่ใช้ทั่วๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ น้ำหนัก ส่วนสูง เส้นรอบศีรษะ ฟัน และ การเจริญเติบโตของกระดูก แนวทางประเมินการเจริญเติบโต มีดังนี้ (1) การประเมินการเจริญเติบโตโดยการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงเด็กแล้ว นำไปเปรียบเทียบ กับเกณฑ์ปกติในกราฟแสดงน้ำหนักตามเกณฑ์อายุของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งใช้ สำหรับติดตามการเจริญเติบโต โดยรวม (2) การตรวจสุขภาพอนามัย เป็นการตรวจสอบที่แสดงคุณภาพชีวิตของ เด็ก โดยพิจารณา ความสะอาด สิ่งผิดปกติของร่างกายที่จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและการ เจริญเติบโตของเด็ก สรุปได้ว่า การประเมินพัฒนาการและการเรียนรู้ที่ดีต้องเป็นส่วนหนึ่งกับการจัด กิจกรรมประจำวัน การประเมินช่วยให้ผู้สอนทราบพัฒนาการของเด็กเข้าใจเด็กและรู้ว่าควรทำอย่างไร จึงจะสามารถส่งเสริมพัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างเต็มที่ ผู้สอนจึงควรศึกษาวิธีการ เครื่องมือ และเกณฑ์การประเมินที่เหมาะสมกับ พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยวาง แผนการประเมินให้เหมาะสม ใช้ผลการประเมินในการส่งเสริมพัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็ก การ ประเมินจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือที่ช่วยทำให้ผู้สอนสามารถจัดประสบการณ์อย่างมีคุณภาพ


22 บทที่ 3 การดำเนินการประเมิน การประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 มีวิธีดำเนินการประเมินพัฒนาการตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ศึกษาวิธีการประเมินจากคู่มือการประเมิน วิธีการประเมิน และเกณฑ์การประเมิน 2. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินและประชุมชี้แจงการประเมิน 3. ดำเนินการประเมินตามปฏิทินที่กำหนด 4. เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล 1. ศึกษาวิธีการประเมินจากคู่มือการประเมิน วิธีการประเมิน และเกณฑ์การประเมิน ได้ศึกษาเอกสารที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้ นำมาใช้เป็นแนวทางในการประเมิน ดังนี้ เล่มที่ 1 คู่มือดำเนินการประเมินพัฒนาการ เล่มที่ 2 ชุดกิจกรรมการจัดประสบการณ์นี้ใช้เพื่อประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับการจัดกิจกรรมประจำวันและ กิจวัตรประจำวันของนักเรียนปฐมวัย ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ประกอบด้วยกิจกรรม 7 กิจกรรม ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมตามตารางกิจกรรมประจำวัน วิธีการวัด เวลาที่ใช้ในแต่ละ กิจกรรม เล่มที่ 3 แบบบันทึกข้อมูล การประเมินพัฒนาการนักเรียน ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 เอกสารฉบับนี้ประกอบด้วย แบบบันทึกผลจำนวน 7 ชุด ใช้ในการ บันทึกผลการประเมิน พัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยควบคู่กับชุดกิจกรรม 2. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินและประชุมชี้แจงการประเมิน 2.1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินทุกโรงเรียนๆ ละ 3 คนต่อ 1 คณะประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน/รองผู้อำนวยการโรงเรียน/ครูที่ได้รับมอบหมายเป็น ประธานกรรมการ ครูผู้สอนระดับปฐมวัย เป็นกรรมการและครูผู้สอนประจำชั้นเป็นกรรมการและเลขานุการ จำนวนชุดของกรรมการให้เท่ากับจำนวน ห้องของนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ( ห้องละ 1 ชุด ) 2.2 ประชุมชี้แจง วิธีการ ขั้นตอนการประเมิน การบันทึกข้อมูล และการสรุปรายงานให้กับ คณะกรรมการ 2.3 คณะกรรมการเตรียมสื่อ และ เครื่องมือการประเมิน 3. ดำเนินการประเมินตามปฏิทินที่กำหนด ให้คณะกรรมการประเมินทุกคณะดำเนินการประเมินให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 25 มีนาคม 2566 และ ส่งผลการประเมินมายังคณะกรรมการประจำกลุ่มพัฒนาคุณภาพเพื่อสรุปผลส่งมายังเขตพื้นที่การศึกษา และ ให้โรงเรียนทุกแห่งเขียนรายงานสรุปผลการประเมินพัฒนาการ ส่งสำนักงานเขต ก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2566


23 โดยกำหนดให้โรงเรียนทุกแห่งวิเคราะห์ข้อมูล ลงในตาราง 7 ตาราง พร้อมกับคำอธิบาย ใต้ตาราง ดังนี้ ตารางที่ 1 ตารางที่ 1 น้ำหนัก ( N = …….. ) น้อยกว่าเกณฑ์ ค่อนข้างน้อย ตามเกณฑ์ ค่อนข้างมาก น้ำหนักเกินเกณฑ์ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ ตารางที่ 2 ส่วนสูง ( N = ……. ) เตี้ย ค่อนข้างเตี้ย ตามเกณฑ์ ค่อนข้างสูง สูง จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ ตารางที่ 3 แสดงผลการประเมินพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ของนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 (อนุบาล 3 ) ปีการศึกษา 2565 โรงเรียน................................ ที่ พัฒนาการ ระดับคุณภาพการประเมิน ( N = 1971 ) ดี พอใช้ ปรับปรุง จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1 ด้านร่างกาย 2 ด้านอารมณ์ - จิตใจ 3 ด้านสังคม 4 ด้านสติปัญญา


24 ตารางที่ 4 ผลการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกายนักเรียนระดับปฐมวัยที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 โรงเรียน.................................................... ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. รับประทำน อาหารที่มีประโยชน์ได้ หลายชนิดและดื่มน้ำสะอาดได้ด้วย ตนเอง 2. ล้างมือก่อนรับประทำน อาหาร และหลังจากใช้ห้องน้ำ ห้องส้วมด้วย ตนเอง 3. นอนพักผ่อน เป็นเวลา 4. ใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้น โค้งได้ 5. เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบ ได้อย่างมีมุมชัดเจน 6. ร้อยวัสดุที่มีรูเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 0.25 เซนติเมตรได้ 7. ออกกำลังกายเป็นเวลา 8. เล่น ทำกิจกรรมและปฏิบัติต่อ ผู้อื่น อย่างปลอดภัย 9 เดินต่อ เท้าถอยหลัง เป็นเส้นตรงได้ โดยไม่ต้องกางแขน 10. กระโดดขาเดียวไป ข้างหน้าได้อย่าง ต่อเนื่อง โดยไม่เสียการทรงตัว 11 วิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่าง คล่องแคล่ว 12 รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ รวมเฉลี่ย เฉลี่ยร้อยละ


25 ตารางที่ 5 ผลการประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ นักเรียนระดับปฐมวัยที่จบหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 โรงเรียน....................................... ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. ขออนุญาตหรือรอคอย เมื่อ ต้องการสิ่งของของผู้อื่นด้วย ตนเอง 2. แสดงความรักเพื่อน และมี เมตตาสัตว์เลี้ยง 3. แสดงสีหน้าและท่าทาง รับรู้ ความรู้สึกผู้อื่นอย่าง สอดคล้องกับสถานการณ 4. แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้ สอดคล้องกับสถานการณ อย่างเหมาะสม 5 สนใจ มีความสุข และ แสดงออกผ่านเสียงเพลง ดนตรี 6 แสดงความพอใจในผลงาน และความสามารถของตนเอง และผู้อื่น 7 สนใจ มีความสุข และแสดง ท่าทาง/เคลื่อนไหวประกอบ เพลง จังหวะ และดนตรี 8 สนใจ มีความสุขและ แสดงออกผ่านงานศิลปะ 9 กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่าง เหมาะสมตามสถานการณ์ 10 ทำงานที่ได้รับ มอบหมายจน สำเร็จด้วยตนเอง 11 ช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นได้ ด้วยตนเอง รวมเฉลี่ย เฉลี่ยร้อยละ


26 ตารางที่ 6 ผลการประเมินพัฒนาการด้านสังคมนักเรียนระดับปฐมวัยที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 โรงเรียน........................................................................... ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. แต่งตัวด้วย ตนเองได้อย่าง คล่องแคล่ว 2. รับประทาน อาหารด้วยตนเอง อย่าง ถูกวิธี 3. ใช้และทำความสะอาดหลังใช้ห้องน้ำ ห้องส้วมด้วย ตนเอง 4. เข้าแถว ตามลำดับก่อนหลังได้ด้วย ตนเอง 5. ใช้สิ่งของเครื่องใช้อย่างประหยัดและ พอเพียง ด้วยตนเอง 6 ดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยตนเอง 7 ทิ้งขยะได้ถูกที่ 8 ปฏิบัติตนตาม มารยาทไทยได้ตา กาลเทศะ 9 กล่าวคำขอบคุณ และขอโทษด้วยตนเอง 10 ยืนตรงและร่วม ร้องเพลงชาติไทย 11 ยิ้มทักทายและพูดคุยกับผู้ใหญ่และ บุคคลที่คุ้นเคยได้เหมาะกับ สถานการณ์ 12 ประนีประนอมแก้ไขปัญหา โดย ปราศจากการใช้ความรุนแรง 13 ปฏิบัติตนเป็นผู้นำและผู้ตามได้ เหมาะสมกับสถานการณ์ 14 เล่นหรือทำงานร่วมมือกับเพื่อน อย่าง มีเป้าหมาย 15 เก็บของเล่นของใช้เข้าที่อย่าง เรียบร้อยด้วยตนเอง 16 เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับ เด็กที่ แตกต่างไปจากตน 17 มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ ปฏิบัติ ตามข้อตกลงด้วยตนเอง รวมเฉลี่ย เฉลี่ยร้อยละ


27 ตารางที่ 7 ผลการประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญานักเรียนระดับปฐมวัยที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 โรงเรียน..................................................................................... ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. เคลื่อนไหวท่าทางเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของตนเองอย่าง หลากหลาย และแปลกใหม่ 2. ฟังผู้อื่นพูดจนจบ และสนทนา โต้ตอบอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงกับ เรื่องที่ฟัง 3. บอกลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลงหรือความสัมพันธ์ ของสิ่งต่างๆ จากการสังเกตโดยใช้ ประสาทสัมผัส 4. จับคู่และเปรียบเทียบความแตกต่าง และความเหมือนของสิ่งต่างๆ โดยใช้ ลักษณะที่สังเกตพบ 2 ลักษณะขึ้น ไป 5. อธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่ เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทำ ด้วยตนเอง 6 คาดคะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นและ มีส่วนร่วมในการลงความเห็นจาก ข้อมูลอย่างมีเหตุผล 7 ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ และยอมรับ ผลที่เกิดขึ้น 8 ระบุปัญหาสร้างทางเลือกและเลือก วิธีแก้ปัญหา 9 กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม ตั้งแต่ต้นจนจบ 10 ค้นหาคำตอบของข้อสงสัย ต่างๆ โดยใช้วิธีการที่หลากหลายด้วย ตนเอง 11 ใช้ประโยคค าถามว่า “เมื่อไร” “อย่างไร” ในการค้นหา คำตอบ


28 ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 12 เขียนชื่อของตนเองตามแบบ 13 สร้างผลงานศิลปะเพื่อสื่อสารความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยมีการดัดแปลง แปลกใหม่จากเดิมและมีรายละเอียด เพิ่มขึ้น 14 เล่าเป็นเรื่องราวต่อเนื่องได้ 15 อ่านภาพ สัญลักษณ์ คำ ด้วยการชี้หรือ กวาดตามองจุดเริ่มต้นและจุดจบของ ข้อความ 16 สนใจหยิบหนังสือมาอ่าน และเขียนสื่อ ความคิดด้วยตนเอง เป็นประจำอย่าง ต่อเนื่อง 17 จำแนกและจัดกลุ่มสิ่งต่างๆ โดยใช้ตั้งแต่ 2 ลักษณะขึ้นไปเป็นเกณฑ์ 18 เรียงลำดับสิ่งของและเหตุการณ์อย่างน้อย 5 ลำดับ รวมเฉลี่ย เฉลี่ยนร้อยละ 4. เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล 4.1 รวบรวมข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 จากโรงเรียนในสังกัดทุกแห่ง 4.2 ตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 4.3 วิเคราะห์ข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 ตามประเด็นการประเมินโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป วิเคราะห์การหาค่าร้อยละ (Percentage)


29 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1.ผลการประเมินภาวะการเจริญเติบโต ( ใช้ตาราง แสดงเกณฑ์อ้างอิงการเจริญเติบโต ของเด็กไทย พ.ศ. 2542 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ) ผลการประเมินพัฒนาการ ( เฉพาะนักเรียนปกติ ชั้นอนุบาล 3 ) ผลการประเมินภาวะการเจริญเติบโต และสุขนิสัยที่ดี( ใช้ตาราง แสดงเกณฑ์อ้างอิงการเจริญเติบโต ของเด็กไทย พ.ศ. 2542 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ) ตารางที่ 1 จำนวนและร้อยละนักเรียนชั้นอนุบาล 3 จำแนกตามน้ำหนักน้ำหนัก ( N = 1971 ) น้อยกว่าเกณฑ์ ค่อนข้างน้อย ตามเกณฑ์ ค่อนข้างมาก น้ำหนักเกินเกณฑ์ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 27 1.37 104 5.28 1717 87.11 97 4.92 26 1.31 จากตารางที่ 1 แสดงให้เห็นว่า นักเรียนมีน้ำหนักตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ร้อยละ 87.11 น้ำหนักน้อย และค่อนข้างน้อย ร้อยละ 6.65 และมีน้ำหนักค่อนข้างมากและเกินเกณฑ์ ร้อยละ 6.23 นับรวมกันได้ร้อยละ 12.88 ของเด็กที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในด้านโภชนาการที่เหมาะสม รวมทั้งการออกกำลังกายและ สุขภาพอนามัยด้านอื่นๆ ตารางที่ 2 จำนวนและร้อยละนักเรียนชั้นอนุบาล 3 จำแนกตามส่วนสูง ( N = 1971 ) เตี้ย ค่อนข้างเตี้ย ตามเกณฑ์ ค่อนข้างสูง สูง จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 10 0.51 63 3.20 1776 90.11 139 5.53 13 0.66 จากตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่า นักเรียนมีส่วนสูงตามเกณฑ์ ร้อยละ 90.11 เตี้ยและค่อนข้างเตี้ย ร้อยละ 3.71 สูงและค่อนข้างสูง ร้อยละ 6.19 นับรวมกันได้ร้อยละ 9.90 ของเด็กที่ต้องได้รับการดูแลเป็น พิเศษในด้านโภชนาการที่เหมาะสม รวมทั้งการออกกำลังกายและสุขภาพอนามัยด้านอื่นๆ


30 2.ผลการประเมินพัฒนาการ 2.1 ผลการประเมินพัฒนาการโดยรวม ตารางที่ 3 แสดงจำนวนและร้อยละผลการประเมินพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ของนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 (อนุบาล 3 ) ปีการศึกษา 2565 ที่ พัฒนาการ ระดับคุณภาพการประเมิน ( N = 1971 ) ดี พอใช้ ปรับปรุง จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1 ด้านร่างกาย 1889 95.84 81 4.11 12 0.61 2 ด้านอารมณ์ - จิตใจ 1891 95.94 76 3.86 4 0.20 3 ด้านสังคม 1902 96.50 63 3.20 6 0.30 4 ด้านสติปัญญา 1828 92.77 126 6.39 13 0.66 จากตารางที่ 3 แสดงให้เห็นว่า นักเรียนที่มีผลการประเมินพัฒนาการในระดับดีทั้ง 4 ด้าน ร้อยละ 92.77 – 96.50 ซึ่งเป็นผลการประเมินในภาพรวมที่อยู่ในระดับเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการประเมิน ตามนโยบายเร่งด่วนของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตัวชี้วัดที่ 6a ระดับความสำเร็จของ การจัดการการศึกษาปฐมวัยอย่างมีคุณภาพคือ นักเรียนต้องมีผลการประเมินในระดับ 3 ขึ้นไปไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90


31 2.2 ผลการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย ตารางที่ 4 แสดงจำนวนและร้อยละผลการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกายนักเรียนระดับปฐมวัย ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ปีการศึกษา 2565 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเลย เขต 2 ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. รับประทำน อาหารที่มีประโยชน์ได้ หลายชนิดและดื่มน้ำสะอาดได้ด้วย ตนเอง 1888 95.79 83 4.21 0 0 2. ล้างมือก่อนรับประทำน อาหาร และหลังจากใช้ห้องน้ำ ห้องส้วมด้วย ตนเอง 1882 95.48 89 4.52 0 0 3. นอนพักผ่อน เป็นเวลา 1880 95.38 91 4.42 0 0 4. ใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้น โค้งได้ 1880 95.38 87 4.61 1 0.05 5. เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบ ได้อย่างมีมุมชัดเจน 1883 95.54 81 4.11 1 0.05 6. ร้อยวัสดุที่มีรูเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 0.25 เซนติเมตรได้ 1889 95.84 21 1.07 1 0.0 7. ออกกำลังกายเป็นเวลา 1950 98.93 96 4.87 0 0 8. เล่น ทำกิจกรรมและปฏิบัติต่อ ผู้อื่น อย่างปลอดภัย 1875 95.13 84 4.26 0 0


32 ตารางที่ 4 แสดงจำนวนและร้อยละผลการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกายของนักเรียนระดับปฐมวัย ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ปีการศึกษา 2565 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเลย เขต 2 ( ต่อ) ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 9 เดินต่อ เท้าถอยหลัง เป็นเส้นตรงได้ โดยไม่ต้องกางแขน 1887 95.74 79 4.01 3 0.15 10. กระโดดขาเดียวไป ข้างหน้าได้อย่าง ต่อเนื่อง โดยไม่เสียการทรงตัว 1889 95.84 88 4.46 3 0.15 11 วิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่าง คล่องแคล่ว 1880 95.38 89 4.52 1 0.050 12 รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ 1885 95.64 84 4.26 2 0.10 รวมเฉลี่ย 1889 81 12 เฉลี่ยร้อยละ 95.84 4.11 0.61 จากตารางที่ 4 แสดงให้เห็นว่าพัฒนาการทางด้านร่างกายของนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับที่น่า พอใจ เพราะมีระดับพัฒนาการในระดับดี ถึงร้อยละ 95.84 และแต่ละด้านก็มีค่าคะแนนใกล้เคียงกัน แต่ถ้า พิจารณาโดยละเอียดจะพบว่า การเล่น ทำกิจกรรมและปฏิบัติต่อ ผู้อื่นอย่างปลอดภัย ยังมีค่าคะแนนน้อยกว่า ตัวชี้วัดอื่นๆ ซึ่งต้องตระหนักและ ส่งเสริให้เด็กมีความระมัดระวังมากขึ้นในการเล่นและการทำกิจกรรม


33 2.3 ผลการประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ ตารางที่ 5 แสดงจำนวนและร้อยละ ผลการประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ของนักเรียนระดับปฐมวัย ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเลย เขต 2 ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. ขออนุญาตหรือรอคอย เมื่อ ต้องการสิ่งของของผู้อื่นด้วย ตนเอง 1892 95.99 76 3.86 3 0.15 2. แสดงความรักเพื่อน และมี เมตตาสัตว์เลี้ยง 1904 95.60 65 3.30 2 0.10 3. แสดงสีหน้าและท่าทาง รับรู้ ความรู้สึกผู้อื่นอย่าง สอดคล้อง กับสถานการณ 1886 95.69 82 4.16 3 0.15 4. แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้ สอดคล้องกับสถานการณอย่าง เหมาะสม 1891 95.94 75 3.81 5 0.25 5 สนใจ มีความสุข และ แสดงออกผ่านเสียงเพลง ดนตรี 1904 96.60 64 3.25 3 0.15 6 แสดงความพอใจในผลงานและ ความสามารถของตนเองและ ผู้อื่น 1906 96.70 62 3.15 3 0.15 7 สนใจ มีความสุข และแสดง ท่าทาง/เคลื่อนไหวประกอบ เพลง จังหวะ และดนตรี 1875 95.13 92 4.67 4 0.20


34 ตารางที่ 5 แสดงจำนวนและร้อยละ ผลการประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจของ นักเรียนระดับปฐมวัย ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเลย เขต 2 (ต่อ) ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 8 สนใจ มีความสุขและแสดงออก ผ่านงานศิลปะ 1900 96.40 67 3.40 4 0.20 9 กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่าง เหมาะสมตามสถานการณ์ 1877 95.23 86 4.36 8 0.40 10 ทำงานที่ได้รับ มอบหมายจน สำเร็จด้วยตนเอง 1882 95.48 80 4.06 9 0.45 11 ช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นได้ ด้วยตนเอง 1884 95.59 83 4.21 4 0.20 รวมเฉลี่ย 1891 76 4 เฉลี่ยร้อยละ 95.94 3.86 0.20 จากตารางที่ 5 แสดงให้เห็นว่าพัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ ของนักเรียนในภาพรวมอยู่ในระดับดี ร้อยละ 95.94 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่น่าพอใจ แต่เมื่อพิจารณาลงในรายละเอียดพบว่า ค่าคะแนนตัวชี้วัด การกล้าพูด กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ยังมีคะแนนต่ำกว่าทุกตัวชี้วัด จึงสมควรที่จะให้ความสนใจและ พัฒนานักเรียนผ่านกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กได้มีโอกาสพูดและแสดงออกในทงที่เหมาะสมมากขึ้น


35 2.4 ผลการประเมินพัฒนาการด้านสังคม ตารางที่ 6 แสดงจำนวนและร้อยละ ผลการประเมินพัฒนาการด้านสังคม นักเรียนระดับปฐมวัย ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเลย เขต 2 ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. แต่งตัวด้วย ตนเองได้อย่าง คล่องแคล่ว 1911 96.96 56 2.84 4 0.2 2. รับประทาน อาหารด้วยตนเอง อย่างถูกวิธี 1901 96.45 60 3.04 10 0.5 3. ใช้และทำความสะอาดหลังใช้ ห้องน้ำห้องส้วมด้วย ตนเอง 1911 96.96 45 2.28 15 0.76 4. เข้าแถว ตามลำดับก่อนหลังได้ด้วย ตนเอง 1912 97.01 50 2.54 9 0.46 5. ใช้สิ่งของเครื่องใช้อย่างประหยัด และพอเพียง ด้วยตนเอง 1889 95.84 73 3.7 9 0.45 6 ดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยตนเอง 1906 96.7 65 3.3 5 0.25 7 ทิ้งขยะได้ถูกที่ 1922 97.51 45 2.28 4 0.2 8 ปฏิบัติตนตาม มารยาทไทยได้ตา กาลเทศะ 1891 95.94 69 3.5 11 0.56 9 กล่าวคำขอบคุณ และขอโทษด้วย ตนเอง 1877 95.23 88 4.46 6 0.3 10 ยืนตรงและร่วม ร้องเพลงชาติไทย 1924 97.62 47 2.38 0 0 11 ยิ้มทักทายและพูดคุยกับผู้ใหญ่และ บุคคลที่คุ้นเคยได้เหมาะกับ สถานการณ์ 1900 96.4 68 3.45 3 0.15 12 ประนีประนอมแก้ไขปัญหา โดย ปราศจากการใช้ความรุนแรง 1891 95.94 76 3.86 4 0.2 13 ปฏิบัติตนเป็นผู้นำและผู้ตามได้ เหมาะสมกับสถานการณ์ 1886 95.69 80 4.06 5 0.25


36 ตารางที่ 6 แสดงจำนวนและร้อยละ ผลการประเมินพัฒนาการด้านสังคม นักเรียนระดับปฐมวัย ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเลย เขต 2 (ต่อ) ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 14 เล่นหรือทำงานร่วมมือกับเพื่อน อย่างมีเป้าหมาย 1889 95.84 77 3.91 5 0.25 15 เก็บของเล่นของใช้เข้าที่อย่าง เรียบร้อยด้วยตนเอง 1892 95.99 70 3.55 9 0.46 16 เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับ เด็กที่ แตกต่างไปจากตน 1934 98.12 35 1.78 2 0.1 17 มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ ปฏิบัติ ตามข้อตกลงด้วยตนเอง 1898 96.3 68 3.45 5 0.25 รวมเฉลี่ย 1902 63 6 เฉลี่ยร้อยละ 96.50 3.20 0.30 จากตารางที่ 6 แสดงให้เห็นว่าผลประเมินพัฒนาการด้านสังคมนักเรียนอยู่ในระดับดีที่น่าพึงพอใจ คือ ร้อยละ 95.69 และเมื่อพิจารณารายตัวชี้วัดพบว่า มีค่าคะแนนสูงเกินร้อยละ 95 ทุกตัวชี้วัด โดยเฉพาะตัวชี้วัด เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับ เด็กที่แตกต่างไปจากตน ได้คะแนนสูงถึงร้อยละ 98.12และตัวชี้วัด ยืนตรงและร่วม ร้องเพลงชาติไทย และ การทิ้งขยะให้ถูกที่ มีค่ะแคคเกินร้อยละ 97 เป็นค่าคะแนนที่สูงแสดงให้เห็นว่านักเรียน เป็นผู้มีวินัย เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเคารพความแตกต่าง จึงควรส่งเสริมสนับสนุนให้พฤติกรรมนี้คงอยู่และพัฒนา ยิ่งๆขึ้นไป เพราะความมีวินัยเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนและการอยู่ในสังคมในวัยที่สูงขึ้นไป


37 2.5 ผลการประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา ตารางที่ 7 แสดงจำนวนและร้อยละ ผลการประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญาของนักเรียนระดับปฐมวัย ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเลย เขต 2 ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. เคลื่อนไหวท่าทางเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของตนเองอย่าง หลากหลาย และแปลกใหม่ 1855 94.11 109 5.53 7 0.35 2. ฟังผู้อื่นพูดจนจบ และสนทนา โต้ตอบอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงกับ เรื่องที่ฟัง 1824 92.54 134 6.8 13 0.66 3. บอกลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลงหรือความสัมพันธ์ ของสิ่งต่างๆ จากการสังเกตโดยใช้ ประสาทสัมผัส 1837 93.2 119 6.04 15 0.76 4. จับคู่และเปรียบเทียบความแตกต่าง และความเหมือนของสิ่งต่างๆ โดยใช้ ลักษณะที่สังเกตพบ 2 ลักษณะขึ้น ไป 1832 92.95 123 6.24 16 0.81 5. อธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่ เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทำ ด้วยตนเอง 1822 92.44 138 7 11 0.56 6 คาดคะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นและ มีส่วนร่วมในการลงความเห็นจาก ข้อมูลอย่างมีเหตุผล 1844 93.56 112 5.68 15 0.76 7 ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ และยอมรับ ผลที่เกิดขึ้น 1851 93.91 106 5.38 14 0.71 8 ระบุปัญหาสร้างทางเลือกและเลือก วิธีแก้ปัญหา 1837 93.2 123 6.24 11 0.55 9 กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม ตั้งแต่ต้นจนจบ 1827 92.69 134 6.8 10 0.5


38 ตารางที่ 7 แสดงจำนวนและร้อยละ ผลการประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญาของนักเรียนระดับปฐมวัย ที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560ปีการศึกษา 2565 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเลย เขต 2 ( ต่อ ) ที่ ตัวชี้วัดที่ประเมิน ระดับคุณภาพการประเมิน 3 2 1 จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 10 ค้นหาคำตอบของข้อสงสัย ต่างๆ โดยใช้วิธีการที่หลากหลายด้วย ตนเอง 1718 90.36 170 8.63 20 1.01 11 ใช้ประโยคคำถามว่า “เมื่อไร” “อย่างไร” ในการค้นหา คำตอบ 1832 92.95 132 6.7 7 0.35 12 เขียนชื่อของตนเองตามแบบ 1841 93.56 118 5.99 12 0.61 13 สร้างผลงานศิลปะเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยมี การดัดแปลงแปลกใหม่จากเดิมและ มีรายละเอียดเพิ่มขึ้น 1837 93.4 119 6.04 11 14 เล่าเป็นเรื่องราวต่อเนื่องได้ 1822 92.44 132 6.7 17 0.76 15 อ่านภาพ สัญลักษณ์ คำ ด้วยการชี้ หรือกวาดตามองจุดเริ่มต้นและจุด จบของข้อความ 1824 92.54 136 6.9 11 0.86 16 สนใจหยิบหนังสือมาอ่าน และเขียน สื่อความคิดด้วยตนเอง เป็นประจำ อย่างต่อเนื่อง 1814 92.03 139 7.05 18 0.59 17 จำแนกและจัดกลุ่มสิ่งต่างๆ โดยใช้ ตั้งแต่2 ลักษณะขึ้นไปเป็นเกณฑ์ 1812 91.93 146 7.41 13 0.66 18 เรียงลำดับสิ่งของและเหตุการณ์ อย่างน้อย 5 ลำดับ 1821 92.39 132 6.7 18 0.91 รวมเฉลี่ย 1828 126 13 เฉลี่ยนร้อยละ 92.77 6.39 0.66 จากตารางที่ 7 แสดงให้เห็นว่าผลประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญานักเรียนอยู่ในระดับดีที่น่าพึงพอใจ คือร้อยละ 92.95 และเมื่อพิจารณารายตัวชี้วัดพบว่า มีค่าคะแนนสูงเกินร้อยละ 90 ทุกตัวชี้วัดและมีคะแนน ทุกตัวชี้วัดใกล้เคียงกันคือระหว่าร้อยละ 91 – 92 เมื่อพิจารณารายตัวชี้วัดพบว่าตัวชี้วัด การค้นหาคำตอบของ ข้อสงสัย ต่างๆ โดยใช้วิธีการที่หลากหลายด้วยตนเอง ได้คะแนนต่ำที่สุดคือร้อยละ 90.36 จึงควรจัด ประสบการณ์ให้นักเรียนได้เรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน


39 บทที่ 5 สรุปผลการประเมินและการนำผลการประเมินไปใช้ รายงานผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปี การศึกษา 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานผลการประเมินพัฒนาการของนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 ดำเนินการ รวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างนักเรียน จำนวน 1,971 คน จำนวน 148 โรงเรียน สำหรับ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย คู่มือดำเนินงานประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตร การศึกษาปฐมวัย ชุดกิจกรรมการจัดประสบการณ์สำหรับการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยและคู่มือบันทึกข้อมูลการประเมินพัฒนาการ นักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ในปีการศึกษา 2565 จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย ด้าน อารมณ์จิตใจ ด้านสังคม และ ด้านสติปัญญา ของนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 มีข้อสรุป ผลการประเมินพัฒนาการ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ดังนี้ สรุปผลการประเมินพัฒนาการ 1.นักเรียนมีน้ำหนักตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ร้อยละ 87.11 น้ำหนักน้อยและค่อนข้างน้อย ร้อย ละ 6.65 และมีน้ำหนักค่อนข้างมากและเกินเกณฑ์ ร้อยละ 6.23 นับรวมกันได้ร้อยละ 12.88 ของเด็กที่ต้อง ได้รับการดูแลเป็นพิเศษในด้านโภชนาการที่เหมาะสม รวมทั้งการออกกำลังกายและสุขภาพอนามัยด้านอื่นๆ 2.นักเรียนมีส่วนสูงตามเกณฑ์ ร้อยละ 90.11 เตี้ยและค่อนข้างเตี้ย ร้อยละ 3.71 สูงและ ค่อนข้างสูง ร้อยละ 6.19 นับรวมกันได้ร้อยละ 9.90 ของเด็กที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในด้าน โภชนาการที่เหมาะสม รวมทั้งการออกกำลังกายและสุขภาพอนามัยด้านอื่นๆ 3. ผลการประเมินพัฒนาการ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ผลการประเมินพัฒนาการในภาพรวม ทุกด้าน นักเรียนที่มีผลการประเมินพัฒนาการในระดับดีทั้ง 4 ด้าน ร้อยละ 92.77 – 96.50 ซึ่งเป็นผลการ ประเมินในภาพรวมที่อยู่ในระดับเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการประเมินตามนโยบายเร่งด่วนของ สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตัวชี้วัดที่ 6a ระดับความสำเร็จของการจัดการการศึกษาปฐมวัยอย่างมี คุณภาพคือ นักเรียนต้องมีผลการประเมินในระดับ 3 ขึ้นไปไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90 4. พัฒนาการทางด้านร่างกายของนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะมีระดับ พัฒนาการในระดับดี ถึงร้อยละ 95.84 และแต่ละด้านก็มีค่าคะแนนใกล้เคียงกัน แต่ถ้าพิจารณาโดยละเอียดจะ พบว่า การเล่น ทำกิจกรรมและปฏิบัติต่อ ผู้อื่นอย่างปลอดภัย ยังมีค่าคะแนนน้อยกว่าตัวชี้วัดอื่นๆ ซึ่งต้อง ตระหนักและ ส่งเสริให้เด็กมีความระมัดระวังมากขึ้นในการเล่นและการทำกิจกรรม 5.พัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ ของนักเรียนในภาพรวมอยู่ในระดับดี ร้อยละ 95.94 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่น่าพอใจ แต่เมื่อพิจารณาลงในรายละเอียดพบว่า ค่าคะแนนตัวชี้วัด การกล้าพูด กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ยังมีคะแนนต่ำกว่าทุกตัวชี้วัด จึงสมควรที่จะให้ความสนใจและ พัฒนานักเรียนผ่านกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กได้มีโอกาสพูดและแสดงออกในทงที่เหมาะสมมากขึ้น 6.ผลประเมินพัฒนาการด้านสังคมนักเรียนอยู่ในระดับดีที่น่าพึงพอใจ คือร้อยละ 95.69 และ เมื่อพิจารณารายตัวชี้วัดพบว่า มีค่าคะแนนสูงเกินร้อยละ 95 ทุกตัวชี้วัด โดยเฉพาะตัวชี้วัดเล่นและทำกิจกรรม ร่วมกับ เด็กที่แตกต่างไปจากตน ได้คะแนนสูงถึงร้อยละ 98.12และตัวชี้วัด ยืนตรงและร่วม ร้องเพลงชาติไทย และ การทิ้งขยะให้ถูกที่ มีค่ะแคคเกินร้อยละ 97 เป็นค่าคะแนนที่สูงแสดงให้เห็นว่านักเรียนเป็นผู้มีวินัย เห็น อกเห็นใจผู้อื่นเคารพความแตกต่าง จึงควรส่งเสริมสนับสนุนให้พฤติกรรมนี้คงอยู่และพัฒนายิ่งๆขึ้นไป เพราะ


40 ความมีวินัยเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนและการอยู่ในสังคมในวัยที่สูงขึ้นไป 7.ผลประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญานักเรียนอยู่ในระดับดีที่น่าพึงพอใจ คือร้อยละ 92.95 และเมื่อพิจารณารายตัวชี้วัดพบว่า มีค่าคะแนนสูงเกินร้อยละ 90 ทุกตัวชี้วัดและมีคะแนนทุกตัวชี้วัดใกล้เคียง กันคือระหว่าร้อยละ 91 – 92 เมื่อพิจารณารายตัวชี้วัดพบว่าตัวชี้วัด การค้นหาคำตอบของข้อสงสัย ต่างๆ โดย ใช้วิธีการที่หลากหลายด้วยตนเอง ได้คะแนนต่ำที่สุดคือร้อยละ 90.36 จึงควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียนได้ เรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้ ข้อมูลการประเมินพัฒนาการประเมินพัฒนาการของนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2565 ใช้เป็นข้อมูลสารสนเทศในการวางแผนปฏิบัติงานการพัฒนาเด็กปฐมวัย ทั้งในระดับ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และโรงเรียน ดังนี้ ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 1. ควรสร้างความตระหนักและความรู้ความเข้าใจให้ตรงกันในการดำเนินงานและภารกิจใน การจัดการ ศึกษาปฐมวัยให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา/โรงเรียน ในเรื่องต่อไปนี้ 1.1 การจัดประสบการณ์พัฒนาเด็กปฐมวัยแบบองค์รวมอย่างเต็มศักยภาพ 1.2 การส่งเสริมการเจริญเติบโต สุขอนามัย และการพัฒนาการทางร่างกายของเด็ก ปฐมวัย 1.3 การส่งเสริมการใช้ภาษาสื่อสารให้เหมาะสมตามวัย ตลอดจนการส่งเสริมให้เด็ก ปฐมวัย มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ 1.4 ส่งเสริมให้ผู้บริหารโรงเรียนและผู้สอนได้มีความรู้และเห็นความสำคัญของการ จัดการศึกษา ปฐมวัย โดยให้ความสนใจและเอาใจใส่อย่างจริงจัง 1.5 ส่งเสริมให้สถานศึกษานำนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการศึกษาปฐมวัย มาใช้โดยคำนึง ถึงหลักการจัดการศึกษาปฐมวัย และความเหมาะสมกับบริบทของสังคมที่แวดล้อมเด็ก 2. ส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานการจัดการศึกษาปฐมวัยของทุกสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา ประถมศึกษาในด้านงบประมาณและสื่อการเรียนการสอน โดยเฉพาะในโรงเรียนทั่วไปที่จัด การศึกษาปฐมวัย 3. ส่งเสริม สนับสนุนจัดให้มีผู้สอนปฐมวัยในทุกโรงเรียนที่มีการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย 4. ส่งเสริมให้ผู้บริหารโรงเรียนได้เรียนรู้การจัดการศึกษาปฐมวัยที่ถูกต้องตามหลักการ 5. กำกับ ติดตาม การดำเนินงานการจัดการศึกษาปฐมวัยอย่างต่อเนื่อง ระดับโรงเรียน ควรสร้างความตระหนักและความรู้ความเข้าใจให้แก่ครูปฐมวัย ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องใน เรื่องต่อไปนี้ 5.1 การจัดประสบการณ์พัฒนาเด็กปฐมวัยแบบองค์รวมอย่างเต็มศักยภาพโดยเน้น การบูรณาการการเรียนรู้ 5.2 การส่งเสริมสุขอนามัยของเด็ก ได้แก่การรักษาความสะอาดมือและเล็บมือ เท้า และเล็บเท้า ปาก ลิ้น ฟัน การล้างมือหลังจากการใช้ห้องน้ำ ห้องส้วม เป็นต้น 5.3 ส่งเสริมการฝึกทักษะการสื่อสาร การคิดและการแสวงหาความรู้การพัฒนา ความคิดรวบยอด คิดเชิงเหตุผลสังเกตจำแนกเปรียบเทียบ จัดหมวดหมู่ เรียงลำดับเหตุการณ์แก้ปัญหา และ มิติสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง


41 5.4 การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ควรให้เด็กได้พัฒนาความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์ได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและเห็นความสวยงามของสิ่งต่างๆรอบตัวโดยใช้กิจกรรม สร้างสรรค์และดนตรีเป็นสื่อ ใช้การเคลื่อนไหวและจังหวะตามจินตนาการ ให้ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่างอิสระตาม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็ก ระดับห้องเรียน 1. การให้โอกาสเด็กได้เล่น ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม โดยเน้นให้มีการวางแผน เลือก ตัดสินใจ และลงมือปฏิบัติ 2. การประเมินพัฒนาการเด็ก ควรดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตลอดจนนำผล การประเมิน มาใช้ในการจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์พัฒนาเด็กให้เต็มตามศักยภาพของแต่ละคน 3. ส่งเสริมให้พ่อแม่ ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการส่งเสริมพัฒนาการในทุกด้าน


บรรณานุกรม กรมอนามัย, กระทรวงสาธารณสุข. รายงานการศึกษา ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2560. กลุ่มสนับสนุนวิชาการและการวิจัย สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย, 2561. กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตร แห่งประเทศไทย จำกัด, 2560. นภเนตรธรรมบวร. การประเมินผลพัฒนาการเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย 2549. นลินีณ นคร .“แนวคิดในการประเมินพฤติกรรมเด็กปฐมวัย” ในเอกสารการสอนชุดวิชาการประเมินและ สร้างเสริมพฤติกรรมเด็กปฐมวัย หน่วยที่ 1 หน้า 1 - 36 นนทบุรี. หาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชาศึกษาศาสตร์, 2557. สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์. การวัดและประเมินเด็กแนวใหม่ : เด็กปฐมวัย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ดอกหญ้า วิชาการ, 2553. McAfee, O. & Leong, D.L. Assessing and Guiding Young Children’s Development and Learning (4th ed.). United States : Pearson Education, 2007.


คณะทำงาน ที่ปรึกษา 1. นายสวัสดิ์ แสนขัน ผู้อำนวนการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 2. นายอุทัย ปลีกล่ำ รองผู้อำนวนการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 ผู้รับผิดชอบโครงการ 1. นางนันทนา สาระกิจจานนท์ ศึกษานิเทศก์ 2. นางจุฑาพร โคตรสีเมือง ศึกษานิเทศก์ ผู้ประมวลข้อมูลทางสถิติและเขียนรายงาน นางนันทนา สาระกิจจานนท์ ศึกษานิเทศก์ ผู้ตรวจทานต้นฉบับ นายมหิทธา พรหมลิ ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ ผู้ออกแบบปกและรูปเล่ม นางจุฑาพร โคตรสีเมือง ศึกษานิเทศก์


คำสั่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต ๒ ที่ 91 / ๒๕6๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ปีการศึกษา 256๕ .......................................................... ในปีการศึกษา 256๖ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ดำเนินการประเมินพัฒนาการ นักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เป็นการประเมินครอบคลุมพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ที่สอดคล้องกับมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 โดยดำเนินการประเมินพัฒนาการนักเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน เพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กปฐมวัยในภาพรวมระดับประเทศ เขตตรวจราชการ จังหวัด และเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สำหรับนำผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ปฐมวัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อไป ดังนั้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินพัฒนาการ นักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนกลุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด และ โรงเรียนในสังกัดทุกโรงเรียน เพื่อให้ได้สารสนเทศที่สะท้อนผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวัย ดังนี้ 1.คณะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วย 1.1 นายสวัสดิ์ แสงขัน ผอ.สพป.ลย.2 ประธานกรรมการ 1.2 นายวัลลภ วิบูลย์กูล รอง.ผอ.สพป.ลย.2 รองประธานกรรมการ 1.3 นายอุทัย ปลีกล่ำ รอง.ผอ.สพป.ลย.2 รองประธานกรรมการ 1.4 นางบูลยาวี ถิรคุณธนเศรษฐ์ รอง.ผอ.สพป.ลย.2 รองประธานกรรมการ 1.5 นายพานิชย์ ทันตาหะ ศึกษานิเทศก์ กรรมการ 1.6 นางสาวทัศนีย์ ฤทธิมนตรี ศึกษานิเทศก์ กรรมการ 1.7 นางสาวศรีสุนันท์ พุ่มไพจิตร ศึกษานิเทศก์ กรรมการ 1.8 นางนพลักษณ์ นานวน ศึกษานิเทศก์ กรรมการ 1.9 นายมหิทธา พรหมลิ ผอ.กลุ่มนิเทศฯ กรรมการและเลขานุการ 1.10 นางนันทนา สาระกิจจานนท์ ศึกษานิเทศก์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ 1.11 นางจุฑาพร โคตรสีเมือง ศึกษานิเทศก์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มีหน้าที่ อำนวยการ ส่งเสริมสนับสนุนกำกับติดตามให้คำปรึกษาการดำเนินการของทุกฝ่ายให้ สามารถดำเนินการได้ตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ๒. คณะกรรมการประเมินพัฒนาการระดับโรงเรียน ประกอบด้วย ๒.๑ ผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ 2.2 รองผู้อำนวยการ/หัวหน้าฝ่ายวิชาการ รองประธานกรรมการ 2.3 ครูผู้สอนระดับชั้นอนุบาล 3 กรรมการ 2.4 หัวหน้าสายชั้นอนุบาล กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ ประเมินพัฒนาการเด็กทุกคน จัดทำรายงานผลการประเมินพัฒนาการระดับโรงเรียน และส่งไฟล์ข้อมูลดิบให้กับคณะกรรมการประมวลผลและรายงานระดับอำเภอ ภายในวันที่ 20 มีนาคม 2566


-๒- ๓. คณะกรรมการประมวลผลและจัดทำรายงานระดับเขตพื้นที่การศึกษา ประกอบด้วย 3.1 นางนันทนา สาระกิจจานนท์ ศึกษานิเทศก์ ประธานกรรมการ ๓.๒ นางคำสอน สายคำภา ครูโรงเรียนบ้านเอราวัณ รองประธานกรรมการ 3.3 นางวิลาวัลย์ ทะเพชร ครูโรงเรียนบ้านนาโก กรรมการ 3.4 นางทองพูน เปานาเรียง ครูโรงเรียนบ้านนาตาดสมสะอาด กรรมการ 3.5 นายอัศวิน จันวัน ครูโรงเรียนบ้านตาดข่า กรรมการ ๓.๖ นางสมเกียรติ ทองคำแสน ครูโรงเรียนบ้านแก่งศรีภูมิ กรรมการ ๓.๗ นางนงนาฏ เพชรล้ำ ครูโรงเรียนบ้านนาแก กรรมการ ๓.๘ นางสาวจุฑารักษ์ บุ้งทอง ครูโรงเรียนบ้านวังกกเดื่อ กรรมการ ๓.๙ นางจุฑาพร โคตรสีเมือง ศึกษานิเทศก์ กรรมการและเลขานุการ ๓.๙ นางสาวสุพรรณี สารมะโน ครูโรงเรียนบ้านวังแท่น กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๓.๑๐ นางสาวเพ็ญวิภา นามวงษา ครูโรงเรียนบ้านเหว่อฟากห้วยกุดตอเรือ กรรมการและ ผู้ช่วยเลขานุการ มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากคณะกรรมการประเมิน สรุปผลส่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน 256๖ ๔. คณะกรรมการประมวลผลและสรุปรายงาน ประกอบด้วย ๔.๑ อำเภอวังสะพุง 4.1.1.นางราณี บุตรราช ครูโรงเรียนบ้านหนองปาดฟาน ประธานกรรมการ 4.1.2.นางสาวจุฑารักษ์ บุ้งทอง ครูโรงเรียนบ้านวังกกเดื่อ กรรมการ 4.1.3.นางสาวศรัณย์รัชต์ คะลีล้วน ครูโรงเรียนบ้านขอนแก่นโนนสวรรค์ กรรมการ 4.1.4.นางสาวเมธาวี ชัยงาม ครูโรงเรียนบ้านห้วยผุก กรรมการ 4.1.5.นางนงนาฏ เพชรล้ำ ครูโรงเรียนบ้านนาแก กรรมการ 4.1.6.นางสาวมนทราลัย มูลคำ ครูโรงเรียนบ้านห้วยรายคำ กรรมการ 4.1.7.นางสาวพิพิทยา มีมะจำ ครูโรงเรียนบ้านนาวัวโพนงาม กรรมการ 4.1.8.นางสาวเพ็ญวิภา นามวงษา ครูโรงเรียนบ้านเหว่อฟากห้วยกุดตอเรือ กรรมการ 4.1.9.นางสาวรัตนา วันหากิจ ครูโรงเรียนชุมชนวังสะพุง กรรมการ 4.1.10.นางสาวสุทธินี แก้วจอหอ ครูโรงเรียนโคกขมิ้น กรรมการ 4.1.11.นางสาวแสงเดือน พิมเขตร ครูโรงเรียนบ้านลาด กรรมการ 4.1.12.นางเดือนเพ็ญ นิพวงลา ครูโรงเรียนบ้านกุดแกศรีสงคราม กรรมการ 4.1.13.นางสาวสุพรรณี สารมะโน ครูโรงเรียนบ้านวังแท่น กรรมการและเลขานุการ 4.2 อำเภอผาขาว 4.2.1.นางทองพูล เปานาเรียง ครูโรงเรียนบ้านนาตาดสมสะอาด ประธานกรรมการ 4.2.2.นางทัศพร เติมทองชัย ครูโรงเรียนบ้านโนนปอแดง กรรมการ 4.2.3.นางสาวพรพรรณ ศรีเสมอ ครูโรงเรียนบ้านนาตาดสมสะอาด กรรมการ 4.2.4.นางสาวณัฐกานต์ มุกดาราช ครูโรงเรียนบ้านโนนกกข่า กรรมการ 4.2.5.นางสาววิไลวัลย์ จันทร์จุรี ครูโรงเรียนบ้านเพิ่ม กรรมการ 4.2.6.นางสุดาทิพย์ มีหมู่ ครูโรงเรียนเจียรวนนท์อุทิศ3 กรรมการและเลขานุการ


-๓- 4.3 อำเภอหนองหิน 4.3.1. นางสาวนิชานันท์ แสนเยีย ครูโรงเรียนบ้านห้วยเดื่อโคกสว่าง ประธานกรรมการ 4.3.2. นางสาวพิมพ์นภา นามประเสริฐ ครูโรงเรียนชุมชนหนองหิน กรรมการ 4.3.3. นางทิพยวัลย์ บุญรักษา ครูโรงเรียนบ้านไร่ศรีอุบล กรรมการ 4.3.4. นางสาวกิตติยากร เอ็นดู ครูโรงเรียนบ้านไร่พวยมิตรภาพที่ 18 กรรมการ 4.3.5. นางสาววิชศรา ธรรมมียะ ครูโรงเรียนบ้านปวนพุ กรรมการ 4.3.6. น.ส.ธัญญพร เรืองเดช ครูโรงเรียนบ้านห้วยเดื่อโคกสว่าง กรรมการ 4.3.7. นางสาวกนกรดา เหล่าธรรม ครูโรงเรียนบ้านผาหวาย กรรมการและเลขานุการ 4.4 อำเภอเอราวัณ 4.4.1.นางคำสอน สายคำภา ครูโรงเรียนบ้านเอราวัณ ประธานกรรมการ 4.4.2.นางสาวพรรณิภา ร่วมสุภาพ ครูโรงเรียนบ้านเอราวัณ กรรมการ 4.4.3.นางสาวนัฐนันท์ ปิ่นทอง ครูโรงเรียนบ้านเอราวัณ กรรมการ 4.4.4.นางสาวเพ็ญพร ภูหัวเพ็ก ครูโรงเรียนบ้านโคกสง่า กรรมการ 4.4.5.นางสาวภัทรญา จิรโพธิธาดา ครูโรงเรียนบ้านโนนสวรรค์ กรรมการ 4.4.6.นางสาวทิตยา ภูฉายา ครูโรงเรียนบ้านห้วยป่าน กรรมการ 4.4.7.นางสาวขนิษฐา จำปา ครูโรงเรียนบ้านนาอ่างคำ กรรมการและเลขานุการ 4.5 อำเภอภูหลวง 4.5.1.นางสมเกียรติ ทองคำแสน ครูโรงเรียนบ้านแก่งศรีภูมิ ประธานกรรมการ 4.5.2.นางสาวจุฑารัตน์ โยเรือง ครูโรงเรียนบ้านแก่งศรีภูมิ กรรมการ 4.5.3.นางสาวดวงจันทร์ หวางอุ้น ครูโรงเรียนบ้านนาดินดำ กรรมการ 4.5.4.นางสาวชมภูนุช บาลี ครูโรงเรียนชุมชนบ้านหนองคัน กรรมการ 4.5.5.นางนงรักษ์ เจริญ ครูโรงเรียนบ้านเลยวังไสย์ กรรมการ 4.5.6.นางสาวจินตนา หอมหล่ม ครูโรงเรียนบ้านไร่สุขสันต์ กรรมการ 4.5.7.นางสาวจริยา หมื่นแก้ว ครูโรงเรียนบ้านหนองอีเก้ง กรรมการ 4.5.8.นางสาวพรพิชา ป้องกัน ครูโรงเรียนเลยตาดโนนพัฒนา กรรมการและเลขานุการ 4.6 อำเภอภูกระดึง 4.6.1.นางสาวจุฑารัตน์ ขันทะชา ครูโรงเรียนอนุบาลชุมชนภูกระดึง ประธานกรรมการ 4.6.2.นางสาวภัณนภัทร บางประอินทร์ ครูโรงเรียนอนุบาลชุมชนภูกระดึง กรรมการ 4.6.3. นางสาวปิยนุช อาจสุวรรณ ครูโรงเรียนชุมชนบ้านผานกเค้า กรรมการ 4.6.4. นางสาวจุฑารัตน์ สุ่มมาตย์ ครูโรงเรียนชุมชนบ้านผานกเค้า กรรมการ 4.6.5.นางสาววรุณรุ่ง จันทนาม ครูโรงเรียนบ้านนาแปน กรรมการ 4.6.6.นางวิลาวัลย์ ทะเพชร ครูโรงเรียนบ้านนาโก กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ รวบรวมผลการประเมินพัฒนาการจากโรงเรียนทุกโรงเรียนในอำเภอ มาวิเคราะห์ ประเมินผล และเขียนรายงาน ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ มีนาคม 2566


-๔- ๕.คณะกรรมการประเมินโรงเรียนกลุ่มตัวอย่างตามที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด 5.1 โรงเรียนอนุบาลชุมชนภูกระดึง 5.1.1 นางวิลาวัลย์ ทะเพชร ครูโรงเรียนบ้านนาโก ประธานกรรมการ ๕.๑.๒ นางสาววรุณรุ่ง จันทนาม ครูโรงเรียนบ้านนาแปน กรรมการ ๕.๑.๓ นางสาวจุฑารัตน์ สุ่มมาตย์ ครูโรงเรียนชุมชนบ้านผานกเค้า กรรมการ ๕.๒ โรงเรียนบ้านเอราวัณ ๕.๒.๑ นางสาวภัทรญา จิรโพธิธาดา ครูโรงเรียนบ้านโนนสวรรค์ ประธานกรรมการ ๕.๒.๒ นางสาวเพ็ญพร ภูหัวเพ็ก ครูโรงเรียนบ้านโคกสง่า กรรมการ ๕.๒.๓ นางสาวขนิษฐา จำปา ครูโรงเรียนบ้านนาอ่างคำ กรรมการ 5.3 โรงเรียนบ้านท่าช้างคล้องฯ 5.3.1 นางทองพูล เปานาเรียง ครูโรงเรียนบ้านนาตาดสมสะอาด ประธานกรรมการ 5.3.2 นางทัศพร เติมทองชัย ครูโรงเรียนบ้านโนนปอแดง กรรมการ 5.3.3 นางสาวพรพรรณ ศรีเสมอ ครูโรงเรียนบ้านนาตาดสมสะอาด กรรมการ 5.4 โรงเรียนบ้านวังสะพุง ๕.๔.1 นางนงนาฏ เพชรล้ำ ครูโรงเรียนบ้านนาแก ประธานกรรมการ ๕.๔.๒ นางสาวมนทราลัย มูลคำ ครูโรงเรียนบ้านห้วยรายคำ กรรมการ ๕.๔.๓ นางสาวพิพิทยา มีมะจำ ครูโรงเรียนบ้านนาวัวโพนงาม กรรมการ ๕.๕ โรงเรียนชุมชนหนองหิน ๕.๕.๑ นางสาวนิชานันท์ แสนเยีย ครูโรงเรียนบ้านห้วยเดื่อโคกสว่าง ประธานกรรมการ ๕.๕.๒ นางทิพยวัลย์ บุญรักษา ครูโรงเรียนบ้านไร่ศรีอุบล กรรมการ 5.5.3 นางสาวกิตติยากร เอ็นดู ครูโรงเรียนบ้านไร่พวยมิตรภาพที่ 18 กรรมการ ๕.๖ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองคัน 5.๖.๑ นางนงรักษ์ เจริญ ครูโรงเรียนบ้านเลยวังไสย์ ประธานกรรมการ 5.6.๒ นางสาวจินตนา หอมหล่ม ครูโรงเรียนบ้านไร่สุขสันต์ กรรมการ 5.๖.๓ นางสาวจริยา หมื่นแก้ว ครูโรงเรียนบ้านหนองอีเก้ง กรรมการ 5.7 โรงเรียนบ้านโนน 5.7.1 นางสาวจุฑารักษ์ บุ้งทอง ครูโรงเรียนบ้านวังกกเดื่อ ประธานกรรมการ 5.7.2 นางเดือนเพ็ญ นิพวงลา ครูโรงเรียนบ้านกุดแกศรีสงคราม กรรมการ 5.7.3 นางสาวสุพรรณ๊ สารมะโน ครูโรงเรียนบ้านวังแท่น กรรมการ 5.8 โรงเรียนบ้านห้วยเดื่อโคกสว่าง ๕.๘.๑ นางสาวพิมพ์นภา นามประเสริฐ ครูโรงเรียนชุมชนหนองหิน ประธานกรรมการ 5.8.2 นางสาววิชศรา ธรรมมียะ ครูโรงเรียนบ้านปวนพุ กรรมการ 5.8.3 นางสาวกนกรดา เหล่าธรรม ครูโรงเรียนบ้านผาหวาย กรรมการ


Click to View FlipBook Version