UN เตอื น โลกจะเผชิญภยั พบิ ัตจิ ากโลกรอ้ น หากไมเ่ รง่ ลดมลพษิ ในตอนน้ี
โครงการสิง่ แวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เตอื นวา่ โลกอาจหนีไมพ่ น้ ภัยพิบัตทิ างธรรมชาตอิ ันเกิดจาก
สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หากไม่เร่งลดปริมาณการปล่อยมลพษิ จากเช้ือเพลิงฟอสซลิ
ในรายงานประเมนิ สถานการณ์ก๊าซเรือนกระจกประจาปีของ UNEP ระบวุ ่า ทวั่ โลกควรลดการปลอ่ ยคาร์บอน
ลงอยา่ งน้อย 7.6% ตอ่ ปี จนถึงปี 2030 เพื่อควบคุมอณุ หภมู เิ ฉล่ยี ทวั่ โลกไมใ่ ห้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทยี บ
กับยคุ กอ่ นปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม
รายงานระบวุ ่าทั่วโลกมีการปลอ่ ยก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ หรอื กา๊ ซตวั การสาคัญอน่ื ๆ ของภาวะเรอื นกระจก
เพิม่ ขึ้นเฉลย่ี 1.5% ตอ่ ปีตลอดช่วง 10 ปีท่ีผ่านมา จนแตะระดับสถติ ทิ ี่ 5.53 หมืน่ ล้านตันในปี 2018
ถึงแม้ 195 ประเทศท่วั โลกไดล้ งนามในความตกลงปารีสเพื่อลดโลกรอ้ นเมอ่ื 3 ปีก่อน แตห่ ลายประเทศกย็ งั ไม่
ลงมือแก้ปัญหาหรือออกมาตรการรับมอื อยา่ งจรงิ จัง ขณะท่ีนกั วิทยาศาสตร์ UN เตอื นว่า ถงึ แมช้ าติสมาชกิ จะ
ปฏบิ ตั ติ ามความตกลงปารีส แต่ทัว่ โลกก็ยังเสย่ี งเผชิญกับสภาพอากาศทร่ี ้อนขึน้ เฉลี่ย 3.2% ซึ่งเปน็ อันตรายตอ่
สิ่งมชี ีวติ รวมถงึ มนุษย์
แต่กระนนั้ UN ระบวุ ่าเป้าหมายอุณหภูมิไมเ่ กิน 1.5 องศาฯ ยงั เป็นส่งิ ทสี่ ามารถทาสาเรจ็ ได้ ทว่าทว่ั โลกตอ้ ง
ยกระดับความร่วมมือในการลดการปลอ่ ยมลพษิ ในแบบทไ่ี ม่เคยมีมากอ่ น ซ่ึงเปน็ สง่ิ ทีท่ า้ ทายอย่างมาก เนื่องจากทุก
ประเทศยงั พึ่งพานา้ มันและกา๊ ซธรรมชาตใิ นการขับเคลื่อนการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ
อิงเกอร์ แอนเดอรเ์ ซน ผ้อู านวยการ UNEP กล่าวว่า “เรากาลงั ประสบความลม้ เหลวในการควบคุมการปลอ่ ย
กา๊ ซเรอื นกระจก หากเราไมเ่ รง่ ดาเนินการตง้ั แตต่ อนนเี้ พื่อลดการปลอ่ ยมลพษิ อย่างมนี ยั สาคัญ เรากจ็ ะพลาด
เปา้ หมายอณุ หภมู ิ 1.5 องศาฯ”
ปจั จบุ นั มีปัญหาสิง่ แวดล้อมถงึ 3 เรื่องใหญท่ เี่ กินขีดความสามารถของโลกจะรับไดอ้ ย่างปลอดภัยแล้ว ได้แก่ การสญู เสีย
ความหลากหลายทางชวี ภาพ ปัญหาจากไนโตรเจน และวกิ ฤติภมู อิ ากาศ ทัง้ นีห้ ากปญั หาเหล่านไี้ ม่ไดร้ บั การแกไ้ ขโดยเร็ว โลก
อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางแย่ลงจนกู่ไม่กลับอกี
กล่มุ นักวทิ ยาศาสตรด์ า้ นสง่ิ แวดล้อมได้เคยเสนอแนวคิดเก่ยี วกับเรอื่ ง ขีดจากดั ด้านส่งิ แวดล้อมของโลก (Planetary
Boundaries) เอาไว้ โดยเปน็ การแสดงให้เหน็ วา่ ประเด็นดา้ นสิง่ แวดลอ้ มต่างๆ ท่ีโลกกาลงั เผชญิ อยนู่ ้ัน แตล่ ะเรือ่ งมคี วาม
รนุ แรงแค่ไหน และแตล่ ะปญั หาน้ันเกินขีดความสามารถของโลกที่จะรบั ได้หรอื ยัง
ขอ้ มลู แสดงใหเ้ ห็นวา่ ปจั จุบนั มปี ญั หาสิ่งแวดลอ้ มอยู่ 3 ประเด็นด้วยกันทีร่ ุนแรงเกนิ ระดบั ทโ่ี ลกสามารถรองรับได้อยา่ ง
ปลอดภัยแลว้ ไดแ้ ก่ การสูญเสียความหลากลายทางชีวภาพทเ่ี กิดจากการสญู พนั ธข์ุ องพชื และสัตวท์ ว่ั โลก สองคือปัญหาจาก
ไนโตรเจน ซึ่งส่วนใหญ่เกดิ จากปุ๋ยทางการเกษตรทป่ี นเปื้อนดินและน้า และปัญหาทสี่ ามคือวิกฤตภิ ูมิอากาศหรอื ภาวะโลกร้อน
น่นั เอง
ทงั้ นี้ เหลา่ นักวทิ ยาศาสตร์ไดแ้ นะนาวา่ หากปัญหาเหล่านยี้ ังไมไ่ ด้รับการแก้ไขโดยเรว็ และปล่อยใหอ้ ยใู่ นภาวะที่เกนิ ขดี
ความสามารถของโลกทีจ่ ะรบั ได้เป็นเวลานาน อาจสง่ ผลใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงต่อโลกอยา่ งถาวรไมห่ วนกลับ และโลกอาจจะ
กลายเปน็ สถานท่ที นี่ ่าอยนู่ ้อยลง (less habitable place)
สาหรับประเด็นอ่นื ๆ ท่แี ม้ว่าจะเป็นปญั หา แต่ยงั อยใู่ นระดับท่ีโลกยงั รับได้ ได้แก่ ปญั หาจากฟอสฟอรสั (หลักๆ เกดิ จาก
ปุ๋ยเคมีเช่นเดยี วกบั ปัญหาจากไนโตรเจน) ภาวะมหาสมุทรเป็นกรด อนั เกดิ จากการท่ีมหาสมทุ รดูดซับคาร์บอนไดออกไซดเ์ อาไว้
ปัญหาตดั ไมท้ าลายป่าและการใช้ทด่ี นิ ปญั หาการขาดแคลนน้าจืด และการสญู เสยี ช้นั โอโซน โดยประเดน็ เหล่านีแ้ ม้จะเปน็
ปัญหา แต่ก็ยังอยใู่ นระดับทีโ่ ลกยงั คงรองรบั ได้
ส่วนสองปญั หาสดุ ทา้ ย คือมลพิษทางเคมี และปญั หามลพิษในชนั้ บรรยากาศนน้ั ยงั ไมม่ กี ารเกบ็ ขอ้ มลู ทดี่ ีและมากพอทีจ่ ะ
บอกไดว้ า่ ความรุนแรงของปญั หาอย่ใู นระดับใด
โลกร้อนยงั กระหนา่ แรง มีนาคมปนี ี้ ร้อนสดุ เปน็ อนั ดบั สองในประวัตศิ าสตร์
NOAA เผย มีนาคมทผ่ี ่านมารอ้ นสุดอนั ดับสองในรอบ 141 ปี ทาอรุ หภูมิโลกสงู กวา่
อณุ หภมู เิ ฉล่ยี ในศตวรรษท่ี 20 ถงึ 1.16 องศาเซลเซยี ส คืบเข้าใกล้เสน่ ตายข้อตกลงปารีสที่ 1.5
องศาเซลเซยี ส ผ้เู ช่ียวชาญช้ี แนวปะการังใหญท่ ีส่ ดุ ในโลกเสย่ี งฟอกขาวอีกครง้ั เตอื นไทยเฝ้า
ระวังด้วย
วันท่ี 13 เมษายน พ.ศ.2563 National Centers for Environmental Information
(NOAA) ศนู ยว์ จิ ัยด้านสมทุ รศาสตร์ ภมู อิ ากาศและภูมิศาสตร์สหรัฐฯ เผย เดือนมนี าคมทีผ่ า่ น
มานับเป็นเดอื นมีนาคมทอี่ ุณหภมู โิ ลกสงู สดุ เป็นอันดบั สองตั้งแต่มกี ารเกบ็ ข้อมูลมา 141 ปี
อณุ หภมู ิเฉลยี ในทวปี และมหาสมทุ ร มีนาคม พ.ศ.2563 // ขอบคณุ ภาพจาก: NOAA
อณุ หภมู พิ ้นื ผิวท้ังในแผน่ ดินและมหาสมทุ รเฉลี่ยสูงขนึ้ 1.16 องศาเซลเซียส เทยี บกบั อุณหภมู ิเฉลย่ี ชว่ งศตวรรษท่ียสี่ บิ กรม
อตุ ุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้รายงานขอ้ มูลที่ใกล้เคยี งกัน พบว่าอุณหภมู ิโลกเพมิ่ ข้ึน 1.04 องศาเซลเซยี ส แมว้ ่าเดอื นมนี าคมปีนจ้ี ะไม่ได้
เกดิ ปรากฏการณ์ เอลนญิ โญ (El Niño) เหมือนกบั ปีพ.ศ. 2559 ท่ีครองตาแหน่งเดอื นมีนาคมซงึ่ รอ้ นท่สี ุด อย่างไรกต็ าม มีนาคมปี
นกี้ ลบั ร้อนน้อยกวา่ ปที เี่ จอเอลนิญโญรนุ แรงเพยี ง 0.15 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสงู ขึ้นอย่างชดั เจนในทวีปเอเชีย หลายพื้นที่อุณหภูมเิ พม่ิ ขึ้นอยา่ งตา่ 2.5 องศาเซลเซยี ส ขณะท่รี ฐั ฟลอรดิ า ทาง
ตะวนั ออกของสหรัฐและประเทศแถบอเมรกิ าใต้ประสบกับเดือนมีนาคมที่รอ้ นทสี่ ดุ ตั้งแตม่ ีการเกบ็ ข้อมลู นอกจากนัน้ ทะเล
น้าแขง็ ในอาร์กติก (Arctic sea ice extent) ช่วงเดือนดังกล่าวมีขนาดเล็กลง 650,087 ตารางกโิ ลเมตร หรอื ประมาณ 4.2 %
จากคา่ เฉลยี่ ปีพ.ศ.2524 – 2553 กล่าวได้ว่า มีขนาดเลก็ ท่ีสุดเปน็ อันดบั ท่ี 11 ในรอบ 42 ปี ศตวรรษที่ 21 นไี้ ด้เปดิ ศักราช
อณุ หภูมโิ ลกสงู ทุบสถิติ พบว่า เดอื นมนี าคม 10 เดอื นทร่ี ้อนทส่ี ุดเท่าท่ีมกี ารบันทกึ ในประวัติศาสตรเ์ กิดขน้ึ ชว่ งสามสิบปที ่ผี า่ นมา
แมอ้ ุณหภูมิโลกจะเพมิ่ ขึน้ เพียงเลก็ น้อย หากส่งผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มมหาศาล กรมอตุ ุนิยมวทิ ยาออสเตรเลีย เผยน้าทะเล
อณุ หภมู สิ ูงขึ้นที่ฝงั่ ตะวันออกของรฐั ควีนสแ์ ลนด์ช่วงกมุ ภาพนั ธแ์ ละมีนาคมเปน็ สาเหตุให้ แนวปะการงั ทีใ่ หญท่ ี่สดุ ในโลก “Great
Barrier Reef” กาลงั เผชญิ สถานการณ์ฟอกขาวหมูข่ ั้นรุนแรง นบั ว่าเปน็ ปรากฏการณฟ์ อกขาวครง้ั ที่ 3 ในรอบ 5 ปี สง่ ผลต่อ
ปะการัง กวา่ 2,300 กโิ ลเมตร ซึง่ เป็นแหลง่ อาหารและทีพ่ กั พิงให้สตั วน์ ้า อนั เปน็ อู่อาหารของผู้คนหลายล้าน
อุณหภมู มิ หาสมุทรที่เพ่มิ ข้ึน ทาใหป้ ะการงั อยู่ในภาวะเครียด และขบั สาหร่ายท่ีเปน็ แหล่งพลังงานและตัวสรา้ งสีสนั ออก การ
ฟอกขาวไมไ่ ด้ทาใหป้ ะการงั ตายทนั ที ทว่าหากอณุ หภูมนิ ้าทะเลยังคงสงู อย่างต่อเนอ่ื งและเกดิ ถ่ียงิ่ ขึ้น โอกาสฟน้ื ฟจู ึงมนี ้อยลง
ด้านประเทศไทย NOAA ไดเ้ ตอื นให้เฝ้าระวงั ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาว ชว่ งเดอื นเมษายน – กรกฎาคม เน่ืองจาก
อุณหภูมิเฉลีย่ ทะเลรายเดอื นมแี นวโน้มเพม่ิ ขนึ้ ใกลเ้ คยี งกบั ปี พ.ศ. 2538 ซ่งึ เกดิ ปะการงั ฟอกขาวระดบั ปานกลางในเดอื นเมษายน
สถาบนั วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั จะทาการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่าง
ใกลช้ ิดตอ่ ไป
ความมุง่ มนั ของไทยตอ่ การพฒั นาสงิ แวดล้อมอยา่ งยังยืน
ไทยจึงได้กาหนดแนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยัง่ ยืน” หรือทีใ่ ช้ภาษาอังกฤษวา่ “Advancing Partnership for Sustainability”
เพือ่ ส่งเสรมิ ความยงั่ ยืนในทกุ มติ ิ หรือ “Sustainability of Things (SOT)”
ในการทาใหเ้ กิดความยัง่ ยืนทกุ มติ ิ ไทยให้ความสาคัญกับความยง่ั ยืนของสิง่ แวดลอ้ มซงึ่ เปน็ มิตทิ สี่ าธารณชนรับร้แู ละสนใจมากท่ีสุด อีก
ทัง้ ยงั เปน็ สว่ นสาคญั ของเปา้ หมายการพฒั นาที่ยง่ั ยนื ของสหประชาชาติ ปี 2573 (United Nations 2030 Agenda for Sustainable
Development หรอื SDGs) ซงึ่ มีเป้าหมาย 17 ข้อ ทแ่ี บง่ ได้เป็น 5 กลุ่ม หรอื 5Ps คือ การอนรุ ักษโ์ ลก (Planet) การสรา้ งสนั ติภาพ
(Peace) การสร้างความเจริญกา้ วหน้า (Prosperity) การยกระดับความเป็นหุน้ ส่วนเพ่ือความร่วมมือ (Partnership) และการส่งเสริม
คุณภาพชวี ติ ประชาชน (People)
เม่อื กล่าวถงึ การอนุรกั ษ์โลก อากาศบรสิ ทุ ธิ์และน้าสะอาดเปน็ ปัจจัยพ้นื ฐานที่สาคญั ของคนและทกุ ส่ิงมชี วี ติ บนโลกน้ี แต่นา่ เสียดายวา่
มนษุ ยก์ ลับเปน็ ผทู้ ค่ี ุกคามทารา้ ยโลกใบนี้มากกว่าใครมาโดยตลอด การทเี่ ป้าหมายการพัฒนาท่ียัง่ ยนื ของสหประชาชาตใิ หค้ วามสาคญั กับ
การฟนื้ ฟแู ละอนุรักษโ์ ลกแสดงถึงความหว่ งกงั วลตอ่ ส่ิงแวดล้อมท่เี พิ่มขน้ึ จนมีเสยี งเรยี กรอ้ งใหใ้ ชแ้ นวทางการพัฒนาท่ีสมดุล ซึ่งรวมถึง
แนวคิดเศรษฐกิจหมนุ เวยี น (circular economy) ท่กี าลังไดร้ บั ความนิยมมากขึ้นในปจั จบุ นั
ประเทศไทยตระหนักถึงความเกี่ยวโยงระหว่างความยั่งยนื ด้านสง่ิ แวดล้อมกับการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ตลอดจนความสาคัญต่อ
ผลสาเรจ็ ของการพฒั นาที่ยัง่ ยนื โดยรวม ประเทศไทยจงึ ได้มมี าตรการทีจ่ ะอนรุ ักษ์ ฟน้ื ฟู และบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดล้อมโดยคานึงถงึ ความยงั่ ยนื ใหม้ ากข้ึน และไดร้ วมไว้ในยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579)
ในการน้ี ประเทศไทยได้ริเริ่มแผนการลดกา๊ ซเรือนกระจกระดับชาติ พ.ศ.2564-2573 (Nationally Determined Contribution
Roadmap on Mitigation 2021 – 2030) เพือ่ ให้ไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไดร้ อ้ ยละ 20 ถงึ 25 ภายในปี 2573 ตามเปา้ หมาย
ซงึ่ มกี ารดาเนินการอย่างตอ่ เนือ่ งจนเม่ือปที ่ีแลว้ สามารถลด การปลอ่ ยกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์กวา่ 45.72 ล้านตัน หรือนับเปน็ รอ้ ยละ 12
ของเปา้ หมายตามแผนซงึ่ วางไว้ท่ีรอ้ ยละ 7 ถงึ 20 ภายในปี 2563 นอกจากนี้ ไทยยังสามารถฟ้ืนฟแู นวปะการงั 150 ไร่ และฟ้นื ฟูพน้ื ทปี่ ่า
ชายเลนกว่า 5,500 ไร่ตลอดจนลดการใช้ถุงพลาสตกิ ไดก้ ว่า 435 ลา้ นถุงตัง้ แต่ปี 2560 เป็นต้นมา
ประเทศไทยยดั าเนินการตามพันธกรณีความตกลงปารสี (Paris Agreement) ในการแกไ้ ขปัญหาการเปลย่ี นแปลงของสภาพภูมอิ ากาศ
การพัฒนาอยา่ งยงั่ ยนื เปน็ วาระระดบั โลก ซ่งึ ตอ้ งการความร่วมมือร่วมใจของประเทศต่างๆ และไทยอยูใ่ นสถานะที่จะขบั เคลื่อนเรอื่ งนไี้ ดเ้ ปน็ พเิ ศษในปนี ้ี เพราะ
นอกจากจะเปน็ ประธานอาเซยี นแลว้ ไทยยงั เป็นประเทศผ้ปู ระสานงานอาเซยี นในเรือ่ งความรว่ มมอื ดา้ นการพัฒนาทยี่ ่ังยืน (ASEAN Coordinator on Sustainable
Development Cooperation) ซึ่งมีภารกจิ ในการยกระดบั ความร่วมมอื และการหาความเชอื่ มโยงทจ่ี ะเสริมซง่ึ กนั และกนั ระหว่างอาเซยี นและสหประชาชาติ
ท้ังน้ี ผลงานสาคัญที่ไทยมีบทบาทนาในการจดั ทา คือ รายงานเรอื่ ง “Complementarities between the ASEAN Community Vision 2025 and the
United Nations 2030 Agenda for Sustainable Development: A Framework for Action” ซึง่ มีวตั ถปุ ระสงคท์ จ่ี ะหาแนวทางเสริมสร้างศกั ยภาพของ
อาเซยี นกับสหประชาชาติ และเพ่มิ ความแขง็ แกร่งของกระบวนการสร้างประชาคมอาเซยี นเพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายการพัฒนาทย่ี ง่ั ยืนของสหประชาชาตไิ ปพรอ้ มกนั
ในช่วงทีไ่ ทยดารงตาแหนง่ ประธานอาเซียน อีกหนง่ึ วาระการพัฒนาทย่ี ั่งยนื ทไ่ี ทยจะผลกั ดนั คอื สง่ิ แวดล้อมทางทะเล (marine environment) ซง่ึ เปน็ เรอื่ งท่ี
ไทยหว่ งกังวลอยา่ งยง่ิ โดยเฉพาะผลกระทบจากขยะทะเล (marine debris) เพราะนักวจิ ยั ไดค้ น้ พบแพขยะทะเล (garbage patch) ขนาดใหญก่ ลางมหาสมุทร
แปซิฟกิ มีพืน้ ท่ใี หญก่ วา่ กรุงเทพฯ ซงึ่ เป็นความเสยี่ งสาหรบั มนษุ ย์ท่ีอาจไดร้ บั อันตรายจากการบรโิ ภคปลาทกี่ นิ ขยะดงั กล่าวเขา้ ไป ท้ังยังเป็นอนั ตรายตอ่ สัตวท์ ะเล
อาทิ เตา่ และวาฬ ซึง่ ตายปลี ะนับแสนตวั เพราะกนิ ขยะทะเลท่ไี มย่ ่อย นอกจากนี้ขยะทะเลยังสง่ ผลเสียหายตอ่ การส่งเสริมการทอ่ งเท่ยี วทางทะเล ซงึ่ เปน็ แหล่งรายได้
สาคัญเพื่อการพฒั นาประเทศ
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มไดศ้ กึ ษาและคน้ พบว่า ขยะทถี่ ูกทง้ิ ลงสทู่ ะเลน้นั สามารถเคล่ือนทไี่ ปไดท้ ั่วโลก ดงั นัน้ จงึ มีความจาเป็นอย่างย่งิ ท่ี
ประเทศตา่ ง ๆ จะมีเวทหี ารอื และร่วมมอื เพ่อื แก้ไขปญั หาดงั กล่าวในกรอบอาเซยี น ไดม้ ีการประชมุ คณะทางานเมอ่ื เดือนพฤศจิกายน 2560 และไทยไดเ้ ปน็ เจ้าภาพ
การประชมุ รฐั มนตรอี าเซยี นสมยั พเิ ศษดา้ นขยะทะเล เม่ือวนั ท่ี 5 มีนาคม 2562 และการประชุมระดบั สูงเอเชยี -ยโุ รป ว่าดว้ ยความยงั่ ยืนทางทะเล ระหวา่ งวนั ท่ี 7 –
8 มนี าคม 2562 เพ่อื เป็นไปตามความมงุ่ มน่ั ของไทยท่จี ะขยายความเป็นหนุ้ ส่วนเพื่อความย่งั ยืนโดยเรม่ิ ตน้ จากความยั่งยืนดา้ นสิ่งแวดล้อม ก่อนทจ่ี ะขยายผลสูม่ ติ อิ ่นื
ๆ ตอ่ ไปตลอดปีนี้
ไทยเชื่อวา่ แตล่ ะประเทศควรมแี นวทางการพฒั นาทยี่ งั่ ยืนของตนเอง ในกรณขี องไทย ไดใ้ ช้หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (Sufficiency Economy
Philosophy หรอื SEP) ซึ่งได้รบั พระราชทานจากพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั รชั กาลที่ 9 เป็นแนวทางการพฒั นา โดยหลักปรชั ญาดงั กล่าวใหค้ วามสาคญั กับ
กระบวนการคดิ ซึง่ ประกอบดว้ ย การวิเคราะหห์ าสาเหตขุ องปญั หา การหาหนทางแกไ้ ขปญั หาทป่ี ฏิบตั ไิ ดจ้ รงิ และการนาหนทางดงั กล่าวมาปฏิบตั ิ
หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสว่ นสาคญั ในนโยบายภายในประเทศและนโยบายตา่ งประเทศของไทย โดยได้เป็นหลักการพื้นฐานของแผนพฒั นา
เศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาตขิ องไทยตง้ั แตป่ ี 2545 ไทยไดแ้ บง่ ปนั หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งใหป้ ระเทศตา่ ง ๆ ใช้เป็นทางเลอื กเพือ่ บรรลุ SDGs ผ่านการ
จดั ทาหลกั สูตรอบรมและการกอ่ ตั้งโครงการความรว่ มมอื ทางวิชาการกบั ประเทศตา่ ง ๆ ในเอเชียและแอฟรกิ า
ความมงุ่ มนั่ ของไทยตอ่ การพัฒนาอย่างยัง่ ยนื ไดร้ ับการพสิ จู นจ์ ากความสาเรจ็ ทผ่ี ่านมาและการมสี ่วนร่วมในปัจจุบนั ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ซึ่งไทย
พรอ้ มท่ีจะขยายผลต่อไปให้มากขน้ึ การพฒั นาที่ย่ังยืนจะเปน็ ประเดน็ สาคญั ในชว่ งทไี่ ทยเปน็ ประธานอาเซียน และไทยจะร่วมมือกบั ประเทศสมาชิกและประเทศ
หุ้นส่วนอน่ื ๆ ทว่ั โลกเพ่อื สร้างเครอื ขา่ ยการพฒั นาอยา่ งยัง่ ยืนตามทกี่ าหนดไว้ใน SDGs เป้าหมายท่ี 17