The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิชาเทคนิคการนำเสนอ(63)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by basketballs.iit, 2021-03-23 03:44:09

แผนวิชาเทคนิคการนำเสนอ(63)

แผนวิชาเทคนิคการนำเสนอ(63)

แผนการจัดการเรียนรู้

รหสั วิชา 30202-2104 วชิ า เทคนคิ การนาเสนอ
(Presentation)

หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี ชั้นสูง (ปวส.) พทุ ธศักราช 2563

ประเภทพาณิชยกรรม

2

30202-2104 เทคนิคการนาเสนอ 2-2-3
(Presentation Technique)

จุดประสงค์รายวชิ า เพ่อื ให้
1. มีความร้แู ละความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หลักการและเทคนคิ การนาเสนอ
2. มีทักษะในการเลือกวิธกี ารและนาเสนอ
3. มีบคุ ลิกภาพและทักษะการนาเสนอ
4. มคี วามตระหนกั ถึงความสาคัญของเทคนคิ การนาเสนอ

สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับหลกั การและเทคนคิ การนาเสนอ
2. เลือกวิธีการและนาเสนอตามหลักการและสถานการณ์
3. แสดงเจตคติและกิจนสิ ยั ท่ดี ีในการนาเสนอ

คาอธิบายรายวชิ า
ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับหลักการนาเสนอ หลักการส่ือสาร การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย

การเตรียมข้อมูล ประเภทของสื่อและการเลือกใช้สื่อ เคร่ืองมือและอุปกรณ์การนาเสนอ วิธีการ
นาเสนอ การแกป้ ัญหา และการประเมินผลการนาเสนอ

3

โครงการสอน

วิชา เทคนคิ การนาเสนอ รหัส 30202 - 2104

หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้ันสูง (ปวส. ) พุทธศกั ราช 2563

บทที่ สาระการเรยี นรู้ จานวนช่วั โมง
1 แนวความคิดการส่ือสารในการนาเสนอ 3
2 การสื่อสารการตลาดโดยการโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 6
3 การสอ่ื สารการตลาดโดยพนกั งานขายและการสง่ เสริมการขาย 3
4 ประเภทของลกู ค้าในการนาเสนอ 3
5 การเตรียมตวั ก่อนการนาเสนอ 3
6 การเขา้ พบเพื่อนาเสนอ 6
7 หลักการนาเสนอ 3
8 รูปแบบการนาเสนอ 3
9 เทคนคิ การนาเสนอ 3
10 บุคลกิ ภาพผู้นาเสนอ 3
11 การนาเสนอทางสื่อ 6
12 การประเมินผลการนาเสนอ 3
13 จติ วิทยาการนาเสนอ 6
14 การเขียนแผนธรุ กิจ 3
15 องค์ประกอบการนาเสนอ 3
16 สภาพแวดล้อมของการส่ือสารในการนาเสนอ 3
60
รวม

4

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 1

วชิ า เทคนคิ การนาเสนอ (30202-2104) จานวน 3
ชว่ั โมง
ชอ่ื หนว่ ย แนวความคิดการสื่อสารในการนาเสนอ ระดบั ปวส.

สาระสาคัญ
การสือ่ สารเป็นกระบวนการที่มคี วามสาคัญอยา่ งหน่ึง ซ่ึงจะเกิดขน้ึ กต็ ่อเม่อื มบี ุคคลเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง 2

ฝา่ ย ไดแ้ ก่ ฝ่ายแรกคือ ผ้สู ่งสาร ทาหน้าทีส่ ง่ ข้อมูลข่าวสารตา่ ง ๆ ไปยังอกี ฝา่ ยหน่ึง คอื ผรู้ ับสาร
การสอ่ื สารการขายนี้ จงึ มีเป้าหมายเพื่อสอ่ื สารสารสนเทศต่าง ๆ นาไปยงั ลกู คา้ เป้าหมาย เพื่อให้

เกดิ ความต้องการในสินคา้ หรือบรกิ ารนน้ั ๆ และอนั จะนาไปสู่การเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมให้เกิดการซ้ือใน
ทสี่ ดุ

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. สามารถอธิบายวัตถุประสงคใ์ นการติดตอ่ ส่ือสารได้
2. สามารถอธิบายกระบวนการตดิ ต่อส่ือสารได้
3. สามารถบอกขัน้ ตอนการสื่อสารการขายได้
4. สามารถอธบิ ายและจาแนกวิธกี ารสือ่ สารที่มปี ระสทิ ธภิ าพได้

เนอ้ื หาสาระ
1. วัตถุประสงคใ์ นการตดิ ต่อส่ือสาร
2. กระบวนการติดต่อส่ือสาร
3. ข้ันตอนการตดิ ตอ่ สื่อสาร
4. วธิ ีการส่อื สารทีม่ ปี ระสิทธิภาพ

กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. ครูแนะนาการเรียนการสอนรายวิชา เทคนคิ การนาเสนอ รายละเอียดมาตรฐานรายวชิ า
จดุ ประสงค์รายวิชา คาอธิบายรายวชิ า การวดั ผลและประเมินผล
2. อธบิ าย ความหมายของการตดิ ตอ่ สื่อสาร วัตถุประสงค์ในการตดิ ต่อสื่อสาร กระบวนการ
ตดิ ต่อส่ือสาร ขน้ั ตอนการส่อื สารการขาย วิธีการส่ือสารท่ีมปี ระสิทธิภาพ ในขณะครูบรรยาย
จะสอดแทรกความร้ดู ้านคุณธรรม จริยธรรม ให้แกผ่ ู้เรยี นตามโอกาส

5

3. เปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นรว่ มแสดงความคิดเหน็ ตา่ ง ๆ ขณะทาการสอน
4. ผสู้ อนและผูเ้ รยี นรว่ มกนั สรปุ เน้ือหาทงั้ หมด
5. ใหผ้ ้เู รยี นทาแบบประเมินผลท้ายบท ในส่วนปรนัย 10 ข้อ ส่งภายในช่ัวโมงเรยี น
6. แบง่ กลุม่ ผ้เู รยี นออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน รว่ มกนั ออกแบบขา่ วสาร โดยเน้น

วตั ถุประสงคเ์ พื่อเป็นการบอกกลา่ ว การจูงใจหรอื เชิญชวน หรอื เพ่ือเตือนความทรงจา ของ
บริษทั การบนิ ไทย พร้อมบอกเหตุผลประกอบ ทางานส่งภายในชวั่ โมง
7. ให้ทกุ กลุ่มออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี น โดยใหก้ ล่มุ อนื่ ๆ ร่วมแสดงความคิดเห็น และ
ประเมินผลงานกลุ่มทุกกลุ่ม
8. ผู้เรยี นศึกษาคน้ คว้าเพม่ิ เตมิ ด้วยตนเอง จากแหล่งเรียนรูต้ ่าง ๆ เช่น หอ้ งสมุด Internet
หนังสอื พมิ พ์ วารสาร

สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น เทคนคิ การนาเสนอ
2. แผน่ โปร่งใส
3. ภาพทเี่ กย่ี วข้องกบั การสื่อสารการตลาด
4. Internet
5. หนังสือพิมพ์ วารสารท่ีเก่ยี วข้องกบั การตลาด เชน่ มาร์เกต็ เธยี ร์ คแู่ ขง่ ฐานเศรษฐกิจ
6. ใบงานกิจกรรมเสรมิ ความรเู้ ร่ือง วิเคราะห์การออกแบบข่าวสารเพือ่ วตั ถุประสงคใ์ นการ
ตดิ ตอ่ ส่อื สารของบรษิ ัทการบินไทย
7. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผูเ้ รยี นและใบงาน

การวดั และประเมนิ ผล

1. สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผเู้ รยี นในชัน้ เรยี น
2. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่
3. ประเมินพฤติกรรมการเรยี นและพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
4. ประเมินผลการทาแบบประเมนิ ผลท้ายบท 10 ขอ้ ทาถกู ไดข้ ้อละ 1 คะแนน

ทาถกู 9 – 10 ขอ้ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ข้อ = ปานกลาง
ทาถกู 5 – 6 ขอ้ = ผ่าน
ทาถูก 0 – 4 ข้อ = ไมผ่ ่าน
5. ประเมนิ ผลงานตามใบงานโดยมีเกณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมิน

6

แบบประเมนิ ผลพฤตกิ รรมรายบุคคล

ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับเกณฑ์การประเมนิ
43210

ด้านวชิ าชีพ
1 การทางานร่วมกนั ภายในกล่มุ
2 ความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์
3 ความซอื่ สตั ย์สุจริต
4 ความสามัคคปี รองดอง
5 การนาเสนอช้นิ งานหน้าชนั้ เรียน

ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม
1 ความรับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความตัง้ ใจในการทากิจกรรม
4 การปรับปรุงและพฒั นาตนเอง
5 การแต่งกายสุภาพ เรียบรอ้ ยและถูกต้อง

4 = มากทส่ี ุด 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = น้อย
0 = ต้องปรับปรงุ

7

บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้

............................................................................................................................. .............................................
...................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...........................................
........................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................................ ..........................
......................................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................................................. .............
...................................................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................. ................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............…...............

(......................................................)
อาจารย์ผู้สอน

8

แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2

วชิ า เทคนคิ การนาเสนอ (30202-2104) จานวน 6
ชัว่ โมง
ชือ่ หนว่ ย การส่อื สารการตลาดโดยการโฆษณาและ ระดับ ปวส.

ประชาสมั พันธ์

สาระสาคัญ
การโฆษณากับการประชาสมั พนั ธ์ จดั เปน็ เครื่องมือท่ีมคี วามสาคัญต่อการตลาดอยา่ งหนง่ึ ซึง่ จะ

เปน็ ส่อื ทชี่ ว่ ยให้กระบวนการทางการตลาดดาเนนิ ไปด้วยความราบรืน่ และเปน็ สอ่ื ทีส่ ามารถส่งขา่ วสารไปยงั
ผู้บรโิ ภคไดอ้ ย่างทว่ั ถึง และสามารถกระทาได้หลากหลายวิธีด้วยกนั

ในการนาเสนอสนิ ค้ากจ็ ะเปน็ ประโยชน์ยง่ิ ต่อนกั ขาย อนั จะทาให้ผบู้ รโิ ภคได้นึกถึงสนิ ค้าทเ่ี คยเห็น
ทางสอ่ื โฆษณา หรือการประชาสมั พนั ธม์ าก่อน จงึ ทาให้ง่ายต่อการนาเสนออีกด้วย

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. สามารถบอกความหมายของการสื่อสารทางการตลาดได้
2. สามารถบอกองค์ประกอบของกระบวนการส่อื สารในการโฆษณาได้
3. สามารถอธิบายประเภทและส่อื โฆษณาได้
4. สามารถอธิบายความสาคัญของการประชาสัมพนั ธไ์ ด้
5. สามารถอธิบายและจาแนกส่ือเพ่ือการประชาสมั พนั ธ์ได้
6. สามารถอธบิ ายลักษณะทัว่ ไปของการโฆษณาเพื่อการประชาสมั พนั ธไ์ ด้

เน้ือหาสาระ
1. การส่ือสารทางการตลาด
2. องคป์ ระกอบของกระบวนการสอ่ื สารในการโฆษณา
3. ประเภทและสื่อโฆษณา
4. ความสาคัญของการประชาสัมพนั ธ์
5. สอ่ื เพื่อการประชาสัมพนั ธ์
6. ลักษณะทวั่ ไปของการโฆษณาเพ่อื การประชาสัมพันธ์

9

กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1. ผสู้ อนกลา่ วนาถงึ การสื่อสารทางการตลาด ในแง่ของการให้ขา่ วสารผ่านทางส่ือโฆษณาและ
ส่ือการประชาสมั พันธโ์ ดยทั่วไป พรอ้ มทง้ั ใหผ้ ้เู รียนแสดงความคดิ เห็น
2. ผู้สอนบรรยายในหัวข้อ ความหมายของการส่อื สารทางการตลาด องค์ประกอบของ
กระบวนการส่ือสารในการโฆษณา ประเภทและสื่อท่ีใชใ้ นการโฆษณา ความสาคัญของการ
ประชาสัมพันธ์ สอ่ื เพื่อการประชาสมั พนั ธ์ และลักษณะท่วั ไปของการโฆษณาเพอ่ื การ
ประชาสมั พนั ธ์ ในขณะครูบรรยายจะสอดแทรกความรู้ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ให้แก่
ผเู้ รยี นตามโอกาส
3. เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นร่วมแสดงความคดิ เห็นต่าง ๆ ขณะทาการสอน
4. ผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันสรุปเนื้อหาทงั้ หมด
5. ให้ผ้เู รียนทาแบบประเมินผลท้ายบท ในส่วนปรนยั 10 ขอ้ ส่งภายในชั่วโมงเรียน
6. แบง่ กลุม่ ผูเ้ รียนออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 4 – 5 คน เขียนขอ้ ความโฆษณาและประชาสัมพันธ์
สนิ ค้า OTOP และบอกส่ือการโฆษณาประชาสมั พันธท์ ี่ใช้ในการนาเสนอข่าวสาร ทางานสง่
ภายในชวั่ โมง
7. ให้ทกุ กลุ่มออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน โดยให้กล่มุ อน่ื ๆ รว่ มแสดงความคิดเห็น และ
ประเมินผลงานกลุ่มทกุ กลมุ่
8. ผเู้ รียนศกึ ษาค้นควา้ เพิม่ เตมิ ด้วยตนเอง จากแหล่งเรยี นรูต้ ่าง ๆ เชน่ หอ้ งสมดุ Internet
หนังสือพิมพ์ วารสาร

สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียน เทคนิคการนาเสนอ
2. แผน่ โปร่งใส
3. ภาพทเี่ กยี่ วข้องกบั การโฆษณาและการประชาสมั พนั ธผ์ า่ นส่ือต่าง ๆ
4. Internet
5. หนงั สือพมิ พ์ วารสาร และนิตยสารต่าง ๆ ทางการตลาด
6. ใบงานกจิ กรรมเสริมความรู้เรื่อง การเขยี นข้อความโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์สินคา้ OTOP
7. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผู้เรียนและใบงาน

การวัดและประเมนิ ผล

1. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนในชั้นเรยี น
2. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. ประเมนิ พฤติกรรมการเรียนและพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
4. ประเมินผลการทาแบบประเมนิ ผลท้ายบท 10 ข้อ ทาถกู ได้ข้อละ 1 คะแนน

10

ทาถูก 9 – 10 ขอ้ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ขอ้ = ปานกลาง
ทาถกู 5 – 6 ข้อ = ผ่าน
ทาถกู 0 – 4 ข้อ = ไม่ผ่าน
5. ประเมินผลงานตามใบงานโดยมเี กณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมนิ

แบบประเมินผลพฤติกรรมรายบคุ คล

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับเกณฑก์ ารประเมิน
43210

ด้านวชิ าชพี
1 การทางานร่วมกนั ภายในกลุ่ม
2 ความคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรค์
3 ความซื่อสตั ย์สจุ รติ
4 ความสามัคคปี รองดอง
5 การนาเสนอชิ้นงานหน้าชั้นเรียน

ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
1 ความรบั ผิดชอบต่อหน้าท่ี
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความตงั้ ใจในการทากจิ กรรม
4 การปรบั ปรุงและพัฒนาตนเอง
5 การแต่งกายสุภาพ เรยี บรอ้ ยและถูกตอ้ ง

4 = มากที่สุด 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = นอ้ ย
0 = ต้องปรับปรุง

11

บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้

............................................................................................................................. .............................................
...................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...........................................
........................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................................ ..........................
......................................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................................................. .............
...................................................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................. ................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................…............

(......................................................)
อาจารย์ผูส้ อน

12

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ 3

วิชา เทคนิคการนาเสนอ (30202-2104) จานวน 3
ชวั่ โมง
ช่ือหนว่ ย การส่อื สารการตลาดโดยพนกั งานขายและ ระดบั ปวส.

การส่งเสรมิ การขาย

สาระสาคญั

การขายโดยพนักงานขายและการส่งเสรมิ การขาย นบั ได้ว่าเป็นเครื่องมือท่ีมีความสาคัญไมน่ ้อย
ไปกว่าเคร่ืองมืออ่นื ๆ ทางการตลาด เครื่องมือดงั กลา่ วจะเปน็ ส่งิ ทชี่ ่วยใหก้ ารซ้ือและการใชส้ นิ ค้าหรือ
บริการมปี ริมาณท่ีเพิ่มมากขน้ึ ผูบ้ รโิ ภคเกดิ ความสนใจไมว่ ่าจะดว้ ยคาพูด กริ ยิ าท่าทางของพนกั งานขายใน
การนาเสนอสินค้า หรอื แม้แต่รายการทบี่ รษิ ัทไดจ้ ดั กระทาขนึ้ เพ่ือเน้นให้ผู้บริโภคไดม้ ีสว่ นรว่ มกต็ าม เรา
จะเห็นได้วา่ ท้ังสองอย่างน้ี จะมีความเก่ยี วข้องกัน และเปน็ เคร่อื งมือท่จี ะนาความสาเร็จมาส่อู งค์กรได้

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. สามารถบอกลกั ษณะและขอบขา่ ยของงานขายโดยพนักงานขายได้
2. สามารถอธบิ ายกระบวนการสรรหาและคดั เลือกพนักงานขายได้
3. สามารถอธิบายและจาแนกประเภทการสง่ เสริมการขายได้
4. สามารถบอกวตั ถุประสงค์ของการส่งเสริมการขายได้
5. สามารถอธิบายและจาแนกเครอื่ งมือทีใ่ ช้ในการส่งเสรมิ การขายได้

เนอ้ื หาสาระ

1. ลกั ษณะและขอบขา่ ยของงานขายโดยพนักงานขาย
2. กระบวนการสรรหาและคดั เลือกพนกั งานขาย
3. การสง่ เสริมการขายและประเภทของการส่งเสริมการขาย
4. วตั ถปุ ระสงค์ของการสง่ เสรมิ การขาย
5. เครอื่ งมือท่ีใช้ในการสง่ เสรมิ การขาย

13

กิจกรรมการเรียนการสอน
1. ครนู าเข้าสู่บทเรยี น โดยกล่าวถงึ การนาเสนอสินคา้ ที่ผา่ นทางพนักงานขาย และการส่งเสรมิ
การขายของสนิ ค้าท่มี ีอยใู่ นท้องตลาดปจั จบุ ัน และใหผ้ เู้ รยี นยกตัวอยา่ งของสนิ ค้าที่มีการ
นาเสนอผา่ นทางพนกั งานขาย เป็นรายบคุ คล
2. ผูส้ อนบรรยายถงึ ลกั ษณะและขอบข่ายของงานขายโดยพนักงานขาย กระบวนการสรรหา
พนกั งานขาย ประเภทของการส่งเสรมิ การขาย วัตถปุ ระสงคก์ ารส่งเสริมการขาย และ
เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการส่งเสริมการขาย
3. ขณะทาการสอนครูจะหาโอกาสสอดแทรกความรู้ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมแกผ่ ้เู รียน
4. ใหผ้ เู้ รียนรว่ มแสดงความคิดเห็นตามหวั ข้อต่าง ๆ ขณะบรรยาย ครตู ัง้ คาถามเพอ่ื ใหผ้ เู้ รียน
ตอบ
5. ครแู ละผ้เู รียนรว่ มกันสรปุ เน้ือหาทั้งหมด
6. ให้ผเู้ รยี นทาแบบประเมินผลท้ายบทท่ี 3 ในสว่ นปรนัย 10 ข้อ สง่ ภายในช่ัวโมงเรียน
7. แบง่ กลุ่มผู้เรยี นออกเป็นกล่มุ ๆ ละ 4 – 5 คน ศึกษาผลิตภณั ฑท์ ่มี ีอยู่ในทอ้ งตลาดมากลมุ่ ละ
1 ชนิด เพ่ือแสดงบทบาทสมมติของการเปน็ พนักงานขาย พร้อมบอกเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการ
ส่งเสริมการขาย ทางานส่งภายในชว่ั โมง
8. ใหผ้ ู้เรยี นนาเสนอผลงานตามใบงานหนา้ ชน้ั เรยี น ในช่วั โมงต่อไป
9. ใหผ้ เู้ รียนกลุม่ อ่นื ๆ รว่ มกันแสดงความคดิ เห็นและรว่ มกันประเมินผลงานกลุ่มทุกกลมุ่
10. ใหผ้ เู้ รยี นกลับไปทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติม จากหนงั สอื เทคนคิ การนาเสนอ ของศูนย์ส่งเสรมิ
วิชาการ
11. ให้ผเู้ รยี นศึกษาคน้ ควา้ เพม่ิ เติมด้วยตนเอง จากสื่อต่าง ๆ

สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน วชิ า เทคนคิ การนาเสนอ ของสานักพิมพ์ศนู ยส์ ่งเสรมิ วิชาการ
2. แผ่นโปร่งใส
3. ภาพทีเ่ กี่ยวข้องกับการนาเสนอโดยพนักงานขาย และเคร่ืองมือในการส่งเสริมการขาย
4. สือ่ ตวั อยา่ งของจริง
5. Internet
6. หนังสือพมิ พ์ วารสาร
7. ใบงานกจิ กรรมเสริมความรู้เรื่อง การวิเคราะหเ์ คร่ืองมือทใ่ี ช้ในการสง่ เสรมิ การขาย
8. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผู้เรยี นและใบงาน

14

การวัดและประเมินผล

1. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรขู้ องผู้เรียนในช้นั เรียน
2. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียนและพฤตกิ รรมการทางานกลุม่

4. ประเมินผลการทาแบบประเมินผลท้ายบท 10 ขอ้ ทาถกู ได้ข้อละ 1 คะแนน
ทาถูก 9 – 10 ขอ้ = ดี
ทาถูก 7 – 8 ข้อ = ปานกลาง
ทาถูก 5 – 6 ข้อ = ผ่าน
ทาถกู 0 – 4 ข้อ = ไม่ผ่าน

5. ประเมนิ ผลงานตามใบงานโดยมเี กณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมิน

แบบประเมินผลพฤตกิ รรมรายบคุ คล

ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดับเกณฑ์การประเมนิ
43210

ดา้ นวชิ าชีพ
1 การทางานร่วมกันภายในกลมุ่
2 ความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์
3 ความซอื่ สัตย์สุจรติ
4 ความสามัคคีปรองดอง
5 การนาเสนอช้ินงานหน้าช้ันเรียน

ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม
1 ความรบั ผดิ ชอบต่อหน้าท่ี
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความตง้ั ใจในการทากจิ กรรม
4 การปรับปรุงและพัฒนาตนเอง
5 การแตง่ กายสุภาพ เรียบรอ้ ยและถูกตอ้ ง

4 = มากทสี่ ุด 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = นอ้ ย
0 = ต้องปรับปรุง

15

บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้

............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................... ...........................................
........................................................................................ ..................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................. .............................
..................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................. ............................
....................................................................................................... .......................................................

(......................................................)
อาจารยผ์ ู้สอน

แผนการจดั การเรยี นรู้ 16

วิชา เทคนิคการนาเสนอ (30202-2104) หน่วยท่ี 4
จานวน 3
ชอ่ื หนว่ ย ประเภทของลูกค้าในการนาเสนอ ชัว่ โมง
ระดับ ปวส.

สาระสาคัญ
การนาเสนอสินค้าหรอื บรกิ ารใด ๆ ก็ตาม นักขายย่อมจะต้องตระหนกั ถึงความสาคัญของผทู้ ่จี ะ

เปน็ ลกู ค้าในอนาคตของเราให้ไดว้ า่ เขาคอื ใคร มาจากไหน ทางานอะไร ชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด มวี ธิ ีการ
ตดั สนิ ใจซอ้ื อย่างไร ถ้านักขายไมส่ ามารถหาข้อมลู ดังกล่าวนี้ได้ นัน่ กห็ มายความว่าการนาเสนอจะไมป่ ระสบ
ความสาเร็จ ในขณะเดยี วกัน ถา้ นักขายรจู้ ักลกู ค้ามุ่งหวงั ดี การนาเสนอกจ็ ะเกิดความง่าย สะดวก
รวดเรว็ ทาให้ลกู ค้ามงุ่ หวังสามารถเข้าใจได้งา่ ย และมีความรสู้ กึ ทด่ี ตี ่อนักขาย

ดังน้นั นักขายควรจะให้ความสาคญั ถึงลูกค้าในแตล่ ะประเภทให้ดีทส่ี ดุ เพ่ือจะได้นาเสนอสนิ ค้า
ให้ตรงกบั ความต้องการของลูกคา้ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ และทาใหล้ ูกคา้ เกดิ ความพงึ พอใจหรอื ประทับใจ
และอาจเป็นลูกค้าประจาได้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. สามารถอธบิ ายความหมายของลกู ค้ามงุ่ หวังได้
2. สามารถอธิบายและจาแนกวธิ กี ารแสวงหารายช่ือลูกค้ามงุ่ หวงั ได้
3. สามารถอธบิ ายและจาแนกประเภทลูกค้ามุ่งหวังได้

เนื้อหาสาระ
1. ความหมายของลูกคา้ มุง่ หวัง
2. วิธกี ารแสวงหารายชื่อลกู ค้าม่งุ หวงั
3. ประเภทของลูกค้ามุ่งหวงั

กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1. ครูนาเขา้ สูบ่ ทเรียน โดยการกลา่ วถงึ การแสวงหารายชอ่ื ลูกค้ามงุ่ หวัง โดยวธิ ตี ่าง ๆ ทีน่ ัก
ขายนิยมปฏบิ ัติกนั โดยท่วั ไป พร้อมทั้งใหผ้ ูเ้ รียนแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งกวา้ งขวาง
2. ผสู้ อนบรรยายความหมายของลูกคา้ มุ่งหวัง วิธกี ารแสวงหารายชือ่ ลูกคา้ มุ่งหวัง โดย
วิธกี ารต่าง ๆ และประเภทลูกค้ามุ่งหวัง
3. ขณะทาการสอนครจู ะหาโอกาสสอดแทรกความรดู้ ้านคุณธรรม จริยธรรมแก่ผู้เรยี น

17

4. ให้ผู้เรียนรว่ มแสดงความคดิ เหน็ ตามหัวขอ้ ตา่ ง ๆ ขณะบรรยาย ครตู งั้ คาถามเพื่อให้
ผู้เรยี นตอบ

5. ครแู ละผูเ้ รยี นร่วมกันสรปุ เน้ือหาท้งั หมด
6. ให้ผู้เรยี นทาแบบประเมินผลท้ายบทท่ี 4 ในสว่ นปรนัย 10 ขอ้ สง่ ภายในชัว่ โมงเรียน
7. แบง่ กลมุ่ ผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน วิเคราะห์ประเภทของลูกค้ามุ่งหวังแตล่ ะ

ประเภทว่ามีลกั ษณะเปน็ อย่างไร พร้อมบอกกลยุทธท์ ใ่ี ช้ในการนาเสนอเพ่ือใหเ้ หมะกับ
ลูกค้าในแตล่ ะประเภทดงั กล่าว ทางานส่งภายในชวั่ โมง
8. ใหผ้ ู้เรียนนาเสนอผลงานตามใบงานหนา้ ชั้นเรียน ในช่ัวโมงต่อไป
9. ใหผ้ เู้ รยี นกลุม่ อื่น ๆ ร่วมกันแสดงความคดิ เห็นและรว่ มกันประเมนิ ผลงานกลุ่มทกุ กลุ่ม
10. ใหผ้ ู้เรยี นกลบั ไปทบทวนเน้อื หาเพ่ิมเติม จากหนังสือ เทคนิคการนาเสนอ ของศูนย์
ส่งเสริมวิชาการ
11. ให้ผู้เรยี นศกึ ษาค้นควา้ เพ่มิ เตมิ ด้วยตนเอง จากสื่อต่าง ๆ

ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี น วชิ า เทคนคิ การนาเสนอ ของสานักพิมพ์ศูนยส์ ่งเสรมิ วชิ าการ
2. แผน่ โปรง่ ใส
3. ภาพท่ีเกยี่ วข้องกับประเภทของลกู ค้าแต่ละประเภท
4. ส่อื ตวั อยา่ งของจริง
5. Internet
6. หนงั สอื พมิ พ์ วารสาร
7. ใบงานกิจกรรมเสริมความรเู้ รอ่ื ง การวิเคราะห์ประเภทของลูกค้าและกลยุทธ์ในการนาเสนอ
8. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผู้เรยี นและใบงาน

การวดั และประเมินผล

1. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรขู้ องผู้เรยี นในชัน้ เรียน
2. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
3. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเรยี นและพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
4. ประเมินผลการทาแบบประเมนิ ผลท้ายบท 10 ข้อ ทาถูกได้ข้อละ 1 คะแนน

ทาถกู 9 – 10 ข้อ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ข้อ = ปานกลาง
ทาถูก 5 – 6 ข้อ = ผ่าน
ทาถูก 0 – 4 ข้อ = ไมผ่ า่ น
5. ประเมินผลงานตามใบงานโดยมเี กณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมนิ

18

แบบประเมินผลพฤติกรรมรายบุคคล

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั เกณฑ์การประเมิน
43210

ดา้ นวิชาชีพ
1 การทางานร่วมกันภายในกลุ่ม
2 ความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์
3 ความซือ่ สัตยส์ จุ รติ
4 ความสามคั คีปรองดอง
5 การนาเสนอช้นิ งานหน้าชนั้ เรียน

ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
1 ความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความต้ังใจในการทากิจกรรม
4 การปรับปรงุ และพฒั นาตนเอง
5 การแต่งกายสภุ าพ เรียบรอ้ ยและถูกตอ้ ง

4 = มากทีส่ ุด 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = น้อย
0 = ต้องปรบั ปรุง

19

บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้

............................................................................................................................. .............................................
...................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...........................................
........................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .............................................
...................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...............................
................................................................................................... .......................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................ ..............................
..................................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .............................................
......................................................................................................................................................... .................
.................................................................................................................. ........................................................
............................................................................................................................. ..................…..........

(......................................................)
อาจารยผ์ ู้สอน

แผนการจัดการเรยี นรู้ 20

วิชา เทคนิคการนาเสนอ (30202-2104) หน่วยที่ 5
จานวน 3
ชื่อหนว่ ย การเตรยี มตวั ก่อนการนาเสนอ ชว่ั โมง
ระดบั ปวส.

สาระสาคญั
ผปู้ ระกอบอาชีพหลาย ๆ อาชพี ประสบความสาเรจ็ ไดก้ เ็ พราะรู้จักมกี ารวางแผน การเตรียมตัว

เปน็ อย่างดี ดังนัน้ การเป็นพนกั งานขายจะต้องเตรยี มความพร้อมท้ังดา้ นรา่ งกาย จติ ใจอารมณ์ การสรา้ ง
ศรทั ธาในตนเอง และพนักงานขายจะต้องมีความรูเ้ กย่ี วกับกจิ การ ตวั สินค้า มขี ้อมูลทเ่ี กี่ยวข้องกับลูกคา้
และคแู่ ขง่ ขัน ควรจะเตรยี มใหพ้ รอ้ มอย่างเตม็ ที่ มีความพรอ้ มมากเท่าไหร่ ความสาเรจ็ ในการนาเสนอ
กจ็ ะเปน็ ทน่ี ่าพอใจ ส่งผลตอบแทนค้มุ ค่า ในการประกอบอาชพี มีหนา้ ท่ี อย่างมั่นคง มคี วามกา้ วหนา้
ย่ิงขึ้นไป

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. สามารถอธบิ ายการเตรียมตัวของพนักงานขายได้
2. สามารถอธบิ ายการสรา้ งความเชอื่ ถือในตนเองและกจิ การได้
3. สามารถอธิบายการเตรียมความรู้เก่ียวกับกจิ การได้
4. สามารถอธบิ ายการเตรียมความรเู้ กี่ยวกับตวั สนิ ค้าได้
5. สามารถอธิบายการเตรยี มความรู้เก่ียวกับลกู คา้ ได้

เน้อื หาสาระ
1. การเตรยี มตัวของพนักงานขาย
2. การสร้างความเชอ่ื ถือ ในตนเองและกจิ การ
3. การเตรียมความรเู้ กีย่ วกับกิจการ
4. การเตรียมความรู้เกี่ยวกับตวั สินค้า
5. การเตรยี มความรู้เกย่ี วกบั ลกู ค้า

21

กิจกรรมการเรยี นการสอน
1. ครนู าเขา้ สบู่ ทเรียน โดยการกลา่ วถงึ การเตรยี มความพร้อมก่อนการนาเสนอสินคา้ ใหแ้ ก่
ลูกค้า พร้อมทัง้ ใหผ้ ้เู รียนแสดงความคดิ เห็นอยา่ งกว้างขวาง
2. ผู้สอนบรรยาย การเตรยี มตัวของพนกั งานขายทง้ั ทางดา้ นร่างกายและอารมณ์ การสร้างความ
เชอื่ ถอื ในตนเองและกิจการ การเตรยี มความรเู้ กยี่ วกับกิจการ การเตรียมความรเู้ กย่ี วกบั ตัว
สนิ ค้า การเตรยี มความรเู้ กย่ี วกบั ลกู คา้
3. ขณะทาการสอนครูจะหาโอกาสสอดแทรกความร้ดู ้านคุณธรรม จริยธรรมแก่ผู้เรยี น
4. ใหผ้ เู้ รียนร่วมแสดงความคิดเหน็ ตามหวั ขอ้ ตา่ ง ๆ ขณะบรรยาย ครตู ้ังคาถามเพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี น
ตอบ
5. ครแู ละผู้เรยี นร่วมกนั สรุปเนื้อหาท้ังหมด
6. ให้ผู้เรียนทาแบบประเมนิ ผลท้ายบทท่ี 3 ในส่วนปรนยั 10 ข้อ สง่ ภายในชั่วโมงเรียน
7. แบ่งกลุ่มผูเ้ รยี นออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน แสดงบทบาทสมมตโิ ดยให้ 3 คนเป็นลูกคา้
และอีก 2 คนเป็นพนักงานขาย พร้อมท้ังให้ผู้ทแี่ สดงเป็นลูกค้าทาการวเิ คราะห์ถงึ การเตรยี ม
ตัวของนักขายในด้านต่าง ๆ ทางานสง่ ภายในช่ัวโมง
8. ใหผ้ ู้เรยี นนาเสนอผลงานตามใบงานหน้าชัน้ เรียน ในชวั่ โมงต่อไป
9. ให้ผเู้ รียนกล่มุ อน่ื ๆ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและรว่ มกนั ประเมินผลงานกลุ่มทุกกลุ่มวา่ แต่
ละกลุ่มมีกลุ่มไหนทีแ่ สดงบทบาทสมมติไดด้ ที ่สี ดุ
10. ให้ผูเ้ รียนกลับไปทบทวนเนือ้ หาเพิม่ เติม จากหนังสือ เทคนิคการนาเสนอ ของศนู ย์สง่ เสริม
วิชาการ
11. ให้ผเู้ รยี นศึกษาค้นคว้าเพม่ิ เตมิ ด้วยตนเอง จากส่ือต่าง ๆ

ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรยี น วชิ า เทคนคิ การนาเสนอ ของสานักพิมพ์ศูนยส์ ่งเสรมิ วชิ าการ
2. แผ่นโปร่งใส
3. ภาพที่เกยี่ วข้องกับการเตรียมตวั ก่อนการนาเสนอทางดา้ นต่าง ๆ
4. สอ่ื ตวั อย่างของจรงิ
5. Internet
6. หนังสือพิมพ์ วารสาร
7. ใบงานกิจกรรมเสริมความรเู้ ร่ือง การวิเคราะห์การเตรยี มตัวของพนักงานขายในดา้ นต่าง ๆ
8. แบบประเมินผลพฤติกรรมผูเ้ รียนและใบงาน

22

การวดั และประเมินผล

1. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรขู้ องผูเ้ รียนในช้นั เรยี น
2. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเรยี นและพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
4. ประเมินผลการทาแบบประเมนิ ผลท้ายบท 10 ข้อ ทาถูกไดข้ ้อละ 1 คะแนน

ทาถูก 9 – 10 ข้อ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ขอ้ = ปานกลาง
ทาถกู 5 – 6 ข้อ = ผา่ น
ทาถกู 0 – 4 ขอ้ = ไม่ผ่าน
5. ประเมินผลงานตามใบงานโดยมเี กณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมิน

แบบประเมินผลพฤตกิ รรมรายบุคคล

ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับเกณฑก์ ารประเมิน
43210

ดา้ นวิชาชีพ
1 การทางานร่วมกนั ภายในกล่มุ
2 ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3 ความซอ่ื สัตยส์ จุ ริต
4 ความสามัคคีปรองดอง
5 การนาเสนอชิ้นงานหน้าช้นั เรียน

ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม
1 ความรับผดิ ชอบต่อหน้าที่
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความตงั้ ใจในการทากจิ กรรม
4 การปรบั ปรงุ และพฒั นาตนเอง
5 การแต่งกายสภุ าพ เรียบร้อยและถูกตอ้ ง

4 = มากทส่ี ดุ 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = นอ้ ย
0 = ตอ้ งปรบั ปรงุ

23

บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้

............................................................................................................................. .............................................
...................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...........................................
........................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................................ ..........................
......................................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................................................. .............
...................................................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................. ................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................

(......................................................)
อาจารย์ผูส้ อน

แผนการจดั การเรียนรู้ 24

วิชา เทคนิคการนาเสนอ (30202-2104) หน่วยท่ี 6
จานวน 6
ชอื่ หน่วย การเข้าพบเพื่อนาเสนอ ชั่วโมง
ระดบั ปวส.

สาระสาคญั
การเข้าพบผู้มุ่งหวงั เป็นขั้นตอนของกระบวนการขายอย่างหนง่ึ ที่มีความสาคัญมากตอ่ การนาเสนอ

ซง่ึ จะต้องอาศัยการสรา้ งสมั พันธไมตรกี บั ลกู ค้า ให้ความเปน็ กันเองกับลูกค้า เตรียมตวั เองให้พรอ้ มเพ่ือ
เสนอขายสนิ คา้ และในการเข้าพบกับผู้มุ่งหวังน้ี ทาให้นักขายสามารถที่จะเกบ็ รวบรวมข้อมูลเกีย่ วกับ ผู้
มงุ่ หวงั เพ่มิ เติมและคน้ หาผลประโยชน์หรือคณุ ค่าของสินค้าทล่ี กู ค้าต้องการ รวมท้งั การสร้างความสนใจใน
ตัวสนิ คา้ และข้อเสนอพิเศษจากนกั ขาย ทาให้ลกู ค้าไดร้ บั ความพอใจ เกดิ ความเชือ่ มั่นในตวั นกั ขายและ
ยินดีทีจ่ ะรับฟังการนาเสนอจากนกั ขายด้วยความเต็มใจ

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. สามารถอธิบายความสาคญั ของการเข้าพบได้
2. สามารถบอกส่ิงทต่ี ้องคานึงถึงในการเขา้ พบผ้มู งุ่ หวังได้
3. สามารถอธบิ ายวธิ กี ารเข้าพบเพ่ือนาเสนอต่อผ้มู งุ่ หวงั ได้
4. สามารถอธิบายและยกตัวอย่างวิธีการเขา้ พบเพื่อนาเสนอท่ีดีได้

เนื้อหาสาระ
1. ความสาคัญของการเขา้ พบ
2. สิ่งทตี่ อ้ งคานึงถงึ ในการเขา้ พบผ้มู ุ่งหวงั
3. วธิ ีการเข้าพบเพื่อนาเสนอต่อผ้มู ุ่งหวงั
4. วิธีการเขา้ พบเพื่อเสนอขายท่ดี ี

กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. ครูนาเขา้ สบู่ ทเรียน โดยกลา่ วถึงลกั ษณะโดยทว่ั ๆ ไป ในการเขา้ พบกบั คนอื่น ๆ เชน่
ญาติ เพอื่ น หวั หนา้ รวมทง้ั การเข้าพบของพนักงานขาย และให้ผ้เู รยี นแสดงความคิดเห็น
อยา่ งกว้างขวาง
2. ผู้สอนบรรยายถงึ ความสาคัญของการเข้าพบ สิ่งทีต่ ้องคานึงถงึ ในการเข้าพบผู้มุ่งหวงั

25

วธิ ีการเขา้ พบเพ่ือนาเสนอ หลักการเข้าพบที่ดี

3. ขณะทาการสอนครูจะหาโอกาสสอดแทรกความร้ดู า้ นคุณธรรม จริยธรรมแกผ่ ้เู รียน
4. ใหผ้ ูเ้ รียนรว่ มแสดงความคิดเห็นตามหวั ข้อต่าง ๆ ขณะบรรยาย ครูตง้ั คาถามเพ่ือใหผ้ เู้ รยี นตอบ
5. ครูและผเู้ รียนร่วมกนั สรปุ เน้อื หาท้ังหมด
6. ให้ผู้เรยี นทาแบบประเมินผลทา้ ยบทที่ 3 ในส่วนปรนัย 10 ขอ้ สง่ ภายในชวั่ โมงเรยี น
7. แบง่ กล่มุ ผ้เู รยี นออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน สมมตบิ ทบาท ในการเข้าพบผ้มู งุ่ หวัง

โดยใหเ้ พือ่ น ๆ ในกลุ่ม 4 คน แสดงเปน็ ผู้มงุ่ หวงั ซึ่งมอี าชีพท่ีแตกต่างกนั ไป
พรอ้ มทาการวเิ คราะหถ์ ึงวิธกี ารเข้าพบผูม้ ุ่งหวังดังกล่าววา่ มีข้อดีและข้อเสียอยา่ งไร
8. ใหผ้ ู้เรยี นนาเสนอผลงานตามใบงานหนา้ ชน้ั เรียน ในช่ัวโมงต่อไป
2. ให้ผู้เรยี นกล่มุ อ่ืน ๆ รว่ มกันแสดงความคิดเหน็ และรว่ มกันประเมนิ ผลงานกลุ่มทุกกล่มุ
3. ให้ผ้เู รียนกลับไปทบทวนเนอื้ หาเพ่ิมเติม จากหนงั สือ เทคนคิ การนาเสนอ ของศูนย์ส่งเสรมิ
วชิ าการ
11. ใหผ้ ูเ้ รียนศกึ ษาค้นควา้ เพมิ่ เตมิ ดว้ ยตนเอง จากสื่อต่าง ๆ

สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน วชิ า เทคนิคการนาเสนอ ของสานักพิมพศ์ นู ย์สง่ เสรมิ วิชาการ
2. แผน่ โปรง่ ใส
3. ภาพท่เี ก่ยี วข้องกับการเขา้ พบลูกคา้ มุง่ หวังในอาชพี ต่าง ๆ
4. สอ่ื ตวั อยา่ งของจรงิ
5. Internet
6. หนงั สอื พมิ พ์ วารสาร
7. ใบงานกจิ กรรมเสรมิ ความรูเ้ รื่อง การวเิ คราะหข์ ้อดแี ละข้อเสียของการเขา้ พบดว้ ยวธิ ตี า่ ง ๆ
8. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผเู้ รยี นและใบงาน

การวัดและประเมินผล

1. สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ของผูเ้ รยี นในชน้ั เรียน
2. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. ประเมินพฤตกิ รรมการเรียนและพฤตกิ รรมการทางานกลุม่
4. ประเมนิ ผลการทาแบบประเมนิ ผลท้ายบท 10 ขอ้ ทาถกู ไดข้ ้อละ 1 คะแนน

ทาถูก 9 – 10 ขอ้ = ดี
ทาถูก 7 – 8 ขอ้ = ปานกลาง
ทาถูก 5 – 6 ข้อ = ผา่ น
ทาถกู 0 – 4 ขอ้ = ไมผ่ ่าน
5. ประเมนิ ผลงานตามใบงานโดยมีเกณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมนิ

26

แบบประเมินผลพฤติกรรมรายบุคคล

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั เกณฑ์การประเมิน
43210

ดา้ นวิชาชีพ
1 การทางานร่วมกันภายในกลุ่ม
2 ความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์
3 ความซือ่ สัตยส์ จุ รติ
4 ความสามคั คีปรองดอง
5 การนาเสนอช้นิ งานหน้าชนั้ เรียน

ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
1 ความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความต้ังใจในการทากิจกรรม
4 การปรับปรงุ และพฒั นาตนเอง
5 การแต่งกายสภุ าพ เรียบรอ้ ยและถูกตอ้ ง

4 = มากทีส่ ุด 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = น้อย
0 = ต้องปรบั ปรุง

27

บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้

............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................... ...........................................
........................................................................................ ..................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................. .............................
..................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................. ............................
....................................................................................................... .......................................................

(......................................................)
อาจารยผ์ ู้สอน

แผนการจัดการเรียนรู้ 28

วิชา เทคนิคการนาเสนอ (30202-2104) หน่วยท่ี 7
จานวน 3
ชอื่ หนว่ ย งบประมาณการขาย ชั่วโมง
ระดับ ปวส.

สาระสาคญั

ในการดาเนนิ งานของหนว่ ยงานธุรกิจ จดุ แรกในการวางแผนคือ แผนรายได้ของกิจการ ซ่งึ จะต้อง
ดาเนินการลงมอื ปฏบิ ัติทั้งในส่วนของแผนระยะยาวและระยะส้ัน ในธุรกิจที่มีการซ้ือมาเพ่อื จดั จาหนา่ ยต่อ หรือ
ทาการผลิตสินค้าเพอ่ื จาหนา่ ย แผนงบประมาณประการแรกท่ีจะตอ้ งจัดทากค็ อื แผนงบประมาณการขาย ใน
ส่วนของการขายสินคา้ และแผนงบประมาณรายได้จากการใหบ้ ริการ ในธุรกจิ ประเภทบริการ ทง้ั นก้ี ็
เพื่อที่จะให้ได้ใชเ้ ป็นจดุ แรกในการประมาณการเกยี่ วกับค่าใชจ้ า่ ยในสว่ นของวตั ถุประสงค์ตามท่กี าหนดไว้
ในแผนงบประมาณการขาย

การจดั ทางบประมาณการขายน้นั จะมคี ่าใช้จ่ายบางประเภทท่ีมผี ลตอ่ ยอดขายโดยตรง เชน่
คา่ ใช้จา่ ยในการส่งเสริมการขาย คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั จาหน่าย เปน็ ต้น ดว้ ยเหตุนี้ จงึ ไดม้ ีการจัดทาแผน
งบประมาณค่าใช้จ่ายดงั กล่าวไปพร้อม ๆ กนั

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. สามารถบอกความหมายของงบประมาณการขายได้
2. สามารถอธบิ ายและจาแนกประเภทของงบประมาณการขายได้
3. สามารถอธิบายประโยชน์ของงบประมาณการขายได้
4. สามารถอธิบายวตั ถุประสงค์และลักษณะของโควตาการขายได้

เนอื้ หาสาระ
1. ความหมายของงบประมาณการขาย
2. ประเภทของงบประมาณการขาย
3. ประโยชน์ของงบประมาณการขาย
4. โควตาการขาย

กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1. ครูนาเขา้ สบู่ ทเรียน โดยกล่าวถึง คา่ ใช้จา่ ยทจี่ าเป็นตอ้ งใช้ในการจัดกิจกรรมทางการตลาด
ต่าง ๆ เชน่ การจดั บทู๊ การจดั แสดงสินค้า การออกโรดโชว์ การจัดอีเวน้ ท์ และอ่ืน ๆ
พร้อมท้ังใหผ้ ู้เรยี นแสดงความคิดเห็นอยา่ งกวา้ งขวาง
2. ผู้สอนบรรยายถงึ ความหมายงบประมาณการขาย ประเภทของงบประมาณการขาย
ประโยชนใ์ นการจัดทางบประมาณการขาย การกาหนดโควตาการขาย

29

3. ขณะทาการสอนครูจะหาโอกาสสอดแทรกความรู้ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมแก่ผเู้ รยี น
4. ใหผ้ ้เู รยี นร่วมแสดงความคิดเหน็ ตามหวั ข้อต่าง ๆ ขณะบรรยายครตู งั้ คาถามเพ่ือใหผ้ เู้ รยี นตอบ
5. ครแู ละผู้เรียนรว่ มกันสรปุ เนื้อหาท้ังหมด
6. ให้ผูเ้ รยี นทาแบบประเมนิ ผลทา้ ยบทที่ 3 ในสว่ นปรนยั 10 ขอ้ สง่ ภายในชว่ั โมงเรียน
7. แบง่ กล่มุ ผเู้ รียนออกเปน็ กล่มุ ๆ ละ 4 – 5 คน ใหจ้ ัดทางบประมาณการขาย ในการจัด
แสดง

สินคา้ ณ ไบเทคบางนา ทางานส่งภายในชว่ั โมง
8. ใหผ้ ู้เรยี นนาเสนอผลงานตามใบงานหนา้ ชั้นเรียน ในช่ัวโมงต่อไป
9. ให้ผเู้ รยี นกลมุ่ อืน่ ๆ ร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ และร่วมกนั ประเมนิ ผลงานกล่มุ ทกุ กลมุ่
10. ใหผ้ ู้เรยี นกลับไปทบทวนเน้อื หาเพ่ิมเตมิ จากหนังสอื เทคนคิ การนาเสนอ ของศนู ย์สง่ เสรมิ

วิชาการ
11. ใหผ้ เู้ รยี นศึกษาค้นควา้ เพ่ิมเติมด้วยตนเอง จากสือ่ ต่าง ๆ

ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน วชิ า เทคนิคการนาเสนอ ของสานักพิมพ์ศนู ย์ส่งเสริมวิชาการ
2. แผ่นโปร่งใส
3. สื่อตวั อยา่ งของจริง
4. Internet
5. หนงั สอื พิมพ์ วารสาร
6. ใบงานกจิ กรรมเสริมความรเู้ รื่อง การจดั ทางบประมาณการขาย ในการจดั แสดงสินคา้
ณ ไบเทคบางนา
7. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผเู้ รียนและใบงาน

การวัดและประเมินผล

1. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นร้ขู องผู้เรียนในชัน้ เรียน
2. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
3. ประเมินพฤติกรรมการเรียนและพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
4. ประเมินผลการทาแบบประเมนิ ผลท้ายบท 10 ข้อ ทาถูกได้ข้อละ 1 คะแนน

ทาถูก 9 – 10 ข้อ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ข้อ = ปานกลาง
ทาถูก 5 – 6 ขอ้ = ผา่ น
ทาถูก 0 – 4 ขอ้ = ไมผ่ า่ น
5. ประเมนิ ผลงานตามใบงานโดยมีเกณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมิน

30

แบบประเมินผลพฤติกรรมรายบุคคล

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั เกณฑ์การประเมิน
43210

ดา้ นวิชาชีพ
1 การทางานร่วมกันภายในกลุ่ม
2 ความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์
3 ความซือ่ สัตยส์ จุ รติ
4 ความสามคั คีปรองดอง
5 การนาเสนอช้นิ งานหน้าชนั้ เรียน

ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
1 ความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความต้ังใจในการทากิจกรรม
4 การปรับปรงุ และพฒั นาตนเอง
5 การแต่งกายสภุ าพ เรียบรอ้ ยและถูกตอ้ ง

4 = มากทีส่ ุด 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = น้อย
0 = ต้องปรบั ปรุง

31

บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้

............................................................................................................................. .............................................
...................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...........................................
........................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................................ ..........................
......................................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................................................. .............
...................................................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................. ................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

(......................................................)
อาจารย์ผู้สอน

32

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยท่ี 8

วิชา เทคนิคการนาเสนอ (30202-2104) จานวน 3
ชวั่ โมง
ชื่อหนว่ ย รปู แบบการนาเสนอ ระดบั ปวส.

สาระสาคัญ
รปู แบบการนาเสนอ คือ สิง่ เร้าใหผ้ มู้ ุ่งหวังเกดิ ความปรารถนาที่จะได้สนิ ค้าหรือบริการทน่ี าเสนอ

หลังจากผู้ม่งุ หวงั เร่ิมตอ้ งการ จนถงึ เทคนิคการนาเสนอทีเ่ หมาะสมให้ดีข้ึน โดยสามารถสนองความตอ้ งการหรอื
การแก้ปัญหาได้

ดังนน้ั วัตถุประสงค์ของรปู แบบการนาเสนอกค็ ือ ทาให้ผ้มู ่งุ หวังตระหนักในปัญหาความต้องการ
ของตนและแสดงวา่ ให้เขาเห็นวา่ สนิ ค้าของนักขายน้นั สามารถแกป้ ญั หาหรือสนองความต้องการของเขาได้
อย่างไร

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกความหมายของรูปแบบการนาเสนอได้
2. อธิบายความสาคัญของรูปแบบการนาเสนอได้
3. อธบิ ายการสาธิตทีท่ าใหเ้ กิดความกระจา่ งชดั ได้
4. อธบิ ายศลิ ปะการแสดงแบบละครได้
5. อธบิ ายการแสดงสนิ ค้าได้
6. อธิบายการตรวจสอบความเข้าใจได้
7. อธบิ ายภาพลักษณใ์ นการนาเสนอได้
8. อธิบายการใช้คาพูดและภาษาได้

เนือ้ หาสาระ
1. ความสาคญั ของรูปแบบการนาเสนอ
2. ความหมายของรปู แบบการนาเสนอ
3. การสาธติ ที่ทาใหเ้ กดิ ความกระจ่างชดั
4. ศลิ ปะการแสดงแบบละคร
5. การแสดงสนิ ค้า
6. การตรวจสอบความเขา้ ใจของผู้มุ่งหวังบ่อย ๆ

33

7. ภาพลกั ษณ์ในการนาเสนอ
8. การใช้คาพูดและภาษา
กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. ครนู าเขา้ ส่บู ทเรียน ด้วยการเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นรว่ มแสดงความคิดเห็น
2. อธบิ ายความหมาย ความสาคญั รูปแบบการสาธิต ศลิ ปะการแสดงแบบละคร การ

แสดงสนิ คา้ การตรวจสอบความเขา้ ใจ ภาพลักษณ์ในการนาเสนอ การใช้คาพดู และ
ภาษา
3. ในขณะครบู รรยายจะสอดแทรกความรดู้ า้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ให้แก่ผู้เรยี นตามโอกาส
4. เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นรว่ มแสดงความคดิ เหน็ ตา่ ง ๆ ขณะทาการสอน
5. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกันสรุปเนอ้ื หาท้งั หมด
6. ให้ผู้เรียนทาแบบประเมนิ ผลท้ายบท ในส่วนปรนยั 10 ขอ้ สง่ ภายในชั่วโมงเรยี น
7. แบง่ กลมุ่ ผเู้ รียนออกเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน พร้อมวิเคราะห์ รปู แบบการนาเสนอทม่ี ี
ประสิทธิภาพ ดงั กลา่ ว พร้อมบอกเหตผุ ลประกอบ ทางานส่งภายในช่ัวโมงเรยี น
8. ใหท้ ุกกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรียน โดยให้กลมุ่ อนื่ ๆ ร่วมแสดงความคิดเหน็
และประเมนิ ผลงานกลมุ่ ทกุ กลุม่
9. ผู้เรยี นศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเติมด้วยตนเอง จากแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ เช่น หอ้ งสมดุ Internet
หนังสอื พิมพ์ วารสาร

สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี น เทคนิคการนาเสนอ
2. แผ่นโปร่งใส
3. ภาพท่ีเกี่ยวข้องกับเทคนิคการนาเสนอ
4. ใบงานกิจกรรมเสริมความรู้ เร่ืองการวเิ คราะห์ รูปแบบการนาเสนอท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ
5. แบบประเมินผลพฤติกรรมผู้เรยี นและใบงาน

การวัดและประเมินผล

1. สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรขู้ องผเู้ รียนในชน้ั เรียน
2. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่
3. ประเมินพฤติกรรมการเรียนและพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
4. ประเมนิ ผลการทาแบบประเมินผลท้ายบท 10 ขอ้ ทาถกู ได้ข้อละ 1 คะแนน

ทาถกู 9 – 10 ขอ้ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ขอ้ = ปานกลาง

34

ทาถูก 5 – 6 ขอ้ = ผา่ น
ทาถกู 0 – 4 ข้อ = ไม่ผา่ น
5. ประเมินผลงานตามใบงานโดยมีเกณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมนิ

แบบประเมินผลพฤติกรรมรายบคุ คล

ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดับเกณฑ์การประเมิน
43210

ด้านวิชาชีพ
1 การทางานร่วมกันภายในกลมุ่
2 ความคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรค์
3 ความซือ่ สัตยส์ จุ รติ
4 ความสามคั คีปรองดอง
5 การนาเสนอชิ้นงานหนา้ ชนั้ เรียน

ด้านคุณธรรม จริยธรรม
1 ความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความตง้ั ใจในการทากจิ กรรม
4 การปรับปรุงและพัฒนาตนเอง
5 การแต่งกายสุภาพ เรียบรอ้ ยและถูกต้อง

4 = มากที่สดุ 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = น้อย
0 = ต้องปรับปรุง

35

บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้

............................................................................................................................. .............................................
...................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...........................................
........................................................................................ ...................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................... ...........................
........................................................................................................ ..................................................................
...................................................................................................................... ........................................
............................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

(......................................................)
อาจารยผ์ สู้ อน

แผนการจัดการเรยี นรู้ 36

วชิ า เทคนิคการนาเสนอ (30202-2104) หนว่ ยที่ 9
จานวน 3
ชื่อหนว่ ย เทคนิคการนาเสนอ ชัว่ โมง
ระดับ ปวส.

สาระสาคญั
เทคนิคการนาเสนอถือเปน็ ขัน้ ตอนที่สาคัญขน้ั ตอนหนง่ึ ของกระบวนการขาย ซงึ่ เริม่ ต้ังแต่การหาผู้

มงุ่ หวังไปถึงการปดิ การขาย
ข้นั ตอนการนาเสนออยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ประกอบด้วยหลัก 4 ประการ 1. กาหนดวธิ กี ารนาเสนอ

2. การทาความเข้าใจถึงความต้องการหรอื ปัญหาขน้ั พื้นฐานของลูกคา้ 3. การทาความเขา้ ใจถงึ ความต้องการ
ที่แท้จรงิ ของลูกคา้ 4. การตอบสนองความต้องการหรือการเสนอแนวทางแก้ปัญหา

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สามารถอธิบายลักษณะของการนาเสนออยา่ งมีประสิทธิภาพได้
2. สามารถอธิบายการเตรยี มการนาเสนอได้
3. สามารถอธบิ ายขนั้ ตอนการการนาเสนออย่างมปี ระสิทธภิ าพได้
4. สามารถอธบิ ายประเภทของข้อโต้แย้งทเี่ กดิ จากการนาเสนอได้
5. สามารถอธิบายเทคนคิ การปดิ การนาเสนอได้
6. สามารถอธบิ ายการใหบ้ รกิ ารลูกค้าได้

เน้ือหาสาระ
1. ความสาคัญของเทคนิคการนาเสนอ
2. ลักษณะของการนาเสนออยา่ งมีประสิทธภิ าพ
3. การเตรยี มการนาเสนอ
4. ขัน้ ตอนการการนาเสนออย่างมีประสิทธภิ าพ
5. ประเภทของข้อโต้แย้งที่เกดิ จากการนาเสนอ
6. เทคนคิ การปดิ การนาเสนอ
7. การให้บริการลูกค้า

37

กิจกรรมการเรียนการสอน
1. ครนู าเข้าสูบ่ ทเรยี น ดว้ ยการเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นรว่ มแสดงความคดิ เหน็
2. บรรยาย อธิบายความสาคัญของเทคนิคการนาเสนอลักษณะของการนาเสนออย่างมี
ประสิทธิภาพ การเตรียมนาเสนอ ขน้ั ตอนการการนาเสนออย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของข้อโต้แย้งท่ีเกดิ จากการนาเสนอ เทคนิคการปิดการนาเสนอ การให้
บริการลกู ค้า
3. ขณะทาการสอนครจู ะหาโอกาสสอดแทรกความรดู้ ้านคณุ ธรรม จริยธรรมแก่ผเู้ รยี น
4. เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนรว่ มแสดงความคิดเห็น สอบถามปัญหาในประเดน็ ท่ียังไม่ชดั เจน
ของเน้ือหาสาระ ระหว่างเรียน
5. ครูและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาท้งั หมด
6. ใหผ้ เู้ รียนทาแบบประเมินผลท้ายบทท่ี 9 ในส่วนปรนยั 10 ข้อ สง่ ภายในชวั่ โมงเรียน
7. แบง่ กลุม่ ผเู้ รยี นออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 4 – 5 ใหแ้ ต่ละกล่มุ นาสนิ ค้าเกีย่ วกับการโฆษณาทางสอ่ื
สงิ่ พมิ พ์ กล่มุ ละ 2 ชิ้น เพื่ออธิบายสินค้า พร้อมนาเทคนิคการนาเสนอ เร่มิ ตงั้ แต่การหาผู้
ม่งุ หวงั ไปถึงการปดิ การขาย ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ดงั กล่าว ทางานสง่ ภายในชัว่ โมงเรียน
8. นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียนเปน็ รายกลุ่มทุกกลุ่ม พร้อมทัง้ เปดิ โอกาสให้ผูเ้ รยี นทกุ คนรว่ ม
วเิ คราะหง์ านกลุ่มของทุกกลุ่ม
9. ใหผ้ เู้ รยี นกลบั ไปทบทวนบทเรียน
10. ให้ผู้เรียนศกึ ษาคน้ คว้าเพม่ิ เติมดว้ ยตนเอง จากแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ ท้งั ด้านตวั บุคคล และสื่อ
ที่เกี่ยวข้อง เช่น หอ้ งสมุด Internet หนังสอื พิมพ์ วารสาร

สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน วิชา เทคนคิ การนาเสนอ
2. แผน่ โปร่งใส
3. ภาพที่เก่ียวข้องกับเทคนิคการนาเสนอ
4. Internet
5. หนังสอื พิมพ์ วารสาร
6. ใบงานกิจกรรมเสรมิ ความรู้เรื่อง เทคนิคการนาเสนอ
7. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผู้เรียนและใบงาน

38

การวัดและประเมินผล

1. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรูข้ องผู้เรยี นในชั้นเรยี น
2. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. ประเมนิ พฤติกรรมการเรยี นและพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
4. ประเมินผลการทาแบบประเมินผลทา้ ยบท 10 ขอ้ ทาถูกไดข้ ้อละ 1 คะแนน

ทาถูก 9 – 10 ขอ้ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ขอ้ = ปานกลาง
ทาถกู 5 – 6 ขอ้ = ผา่ น
ทาถูก 0 – 4 ขอ้ = ไม่ผา่ น
5. ประเมินผลงานตามใบงานโดยมเี กณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมนิ

แบบประเมินผลพฤติกรรมรายบคุ คล

ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับเกณฑ์การประเมนิ
43210

ด้านวิชาชีพ
1 การทางานรว่ มกันภายในกลุ่ม
2 ความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์
3 ความซอื่ สตั ย์สุจริต
4 ความสามคั คีปรองดอง
5 การนาเสนอช้นิ งานหน้าชน้ั เรียน

ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม
1 ความรับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความตงั้ ใจในการทากิจกรรม
4 การปรบั ปรงุ และพัฒนาตนเอง
5 การแต่งกายสภุ าพ เรียบรอ้ ยและถูกต้อง

4 = มากทสี่ ุด 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = นอ้ ย
0 = ตอ้ งปรับปรงุ

39

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้

............................................................................................................................. ...............................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
...........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ...................................................................................
............................................................................................................................. .................................
........................................................................................................................................... ...............................
.................................................................................................... ......................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................. .................
................................................................................................................. .........................................................
............................................................................................................................. .............................................
.......................................................................................................................................................... ................
................................................................................................................... ..............................................

(......................................................)
อาจารยผ์ ู้สอน

แผนการจดั การเรียนรู้ 40

วชิ า เทคนิคการนาเสนอ (30202-2104) หน่วยที่ 10
จานวน 3
ชอ่ื หน่วย บคุ ลิกภาพผูน้ าเสนอ ชัว่ โมง
ระดับ ปวส.

สาระสาคญั
บคุ ลิกภาพ หมายรวมถึง ลักษณะทีส่ าคัญต่อการปรบั ตัวของบคุ คลได้แก่รปู ร่าง หนา้ ตา ทา่ ทาง

ความสามารถ แรงจูงใจ และการแสดงออกทางอารมณแ์ ละผลทีเ่ กิดจากประสบการณ์

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. สามารถอธิบายความหมายของบุคลกิ ภาพได้
2. สามารถอธิบายคุณลกั ษณะของบคุ ลิกภาพผูน้ าเสนอท่ีดีได้
3. สามารถนาหลักการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพมาประยุกต์ใช้ได้

เนอื้ หาสาระ
1. ความสาคัญของบุคลิกภาพผนู้ าเสนอ
2. ความหมายของบคุ ลกิ ภาพ
3. ทฤษฎีบุคลกิ ภาพของจงุ และทฤษฎคี ุณลักษณะ
4. คณุ ลักษณะของบุคลกิ ภาพผนู้ าเสนอที่ดี
5. บุคลิกภาพของนักขายท่นี ายจา้ งต้องการ
6. การพฒั นาบคุ ลิกภาพเพื่อความสาเร็จในการนาเสนอ
7. การปรบั ปรงุ พฒั นาบคุ ลิกภาพ

กิจกรรมการเรียนการสอน
1. ครูนาเขา้ สบู่ ทเรยี น โดยกล่าวถึงความสาคัญของบุคลิกภาพผนู้ าเสนอและใหผ้ เู้ รยี นร่วมแสดง
ความคดิ เหน็
2. บรรยายถงึ ความหมายของบุคลกิ ภาพ ทฤษฎีบุคลิกภาพของจุง และทฤษฎีคณุ ลักษณะ
คณุ ลักษณะของบุคลิกภาพผู้นาเสนอทด่ี ี บคุ ลกิ ภาพของนักขายท่ีนายจ้างต้องการ การ
พัฒนาบคุ ลกิ ภาพเพอื่ ความสาเร็จในการนาเสนอการปรบั ปรงุ พัฒนาบุคลกิ ภาพ
3. ขณะทาการสอนครูจะหาโอกาสสอดแทรกความรดู้ า้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมแก่ผู้เรียน

41

4. ให้ผู้เรยี นร่วมแสดงความคิดเห็นตามหวั ขอ้ ตา่ ง ๆ ขณะบรรยาย ครูต้ังคาถามเพ่ือใหผ้ ูเ้ รียน
ตอบ

5. ครแู ละผเู้ รียนร่วมกันสรปุ เนื้อหาทั้งหมด
6. ให้ผู้เรยี นทาแบบประเมินผลท้ายบทที่ 10 ในส่วนปรนยั 10 ขอ้ ส่งภายในชว่ั โมงเรยี น
7. แบ่งกลุ่มผเู้ รยี นออกเป็นกล่มุ ๆ ละ 4 – 5 ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ นาสินค้าเกี่ยวกบั การโฆษณาทาง

สอ่ื สงิ่ พมิ พ์ กล่มุ ละ 2 ช้ิน เพอ่ื อธบิ ายสินคา้ พร้อมวิเคราะห์คณุ สมบัติเดน่ ของแตล่ ะบุคคลใน
เร่ืองบุคลิกภาพ ดังกล่าว พรอ้ มบอกเหตุผลประกอบ ทางานสง่ ภายในชว่ั โมงเรียน
8. ให้ผู้เรยี นนาเสนอผลงานตามใบงานหน้าช้นั เรียน ในชัว่ โมงต่อไป
9. ให้ผเู้ รียนกลุ่มอืน่ ๆ รว่ มกันแสดงความคิดเห็นและร่วมกันประเมินผลงานกลุ่มทุกกลุ่ม
10. ให้ผเู้ รียนกลบั ไปทบทวนบทเรียน
11. ใหผ้ ู้เรียนศกึ ษาคน้ คว้าเพิม่ เติมด้วยตนเอง จากส่ือต่าง ๆ

สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรียน วชิ า เทคนคิ การนาเสนอ
2. แผน่ โปร่งใส
3. ภาพทเี่ ก่ียวข้องกบั เทคนคิ การนาเสนอ
4. ส่อื ตัวอยา่ งของจริง
5. Internet
6. หนงั สอื พมิ พ์ วารสาร
7. ใบงานกจิ กรรมเสรมิ ความรเู้ รื่อง บคุ ลิกภาพผูน้ าเสนอ
8. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผ้เู รยี นและใบงาน

การวัดและประเมนิ ผล

1. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ของผเู้ รียนในชนั้ เรยี น
2. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียนและพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
4. ประเมนิ ผลการทาแบบประเมินผลท้ายบท 10 ขอ้ ทาถกู ไดข้ ้อละ 1 คะแนน

ทาถกู 9 – 10 ขอ้ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ขอ้ = ปานกลาง
ทาถูก 5 – 6 ขอ้ = ผา่ น
ทาถูก 0 – 4 ข้อ = ไมผ่ ่าน
5. ประเมนิ ผลงานตามใบงานโดยมเี กณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมนิ

42

แบบประเมนิ ผลพฤตกิ รรมรายบุคคล

ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับเกณฑก์ ารประเมิน
43210

ดา้ นวชิ าชพี
1 การทางานรว่ มกนั ภายในกลุม่
2 ความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์
3 ความซือ่ สตั ยส์ ุจรติ
4 ความสามัคคีปรองดอง
5 การนาเสนอช้ินงานหน้าชนั้ เรียน

ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม
1 ความรับผิดชอบต่อหนา้ ที่
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความตง้ั ใจในการทากจิ กรรม
4 การปรบั ปรงุ และพัฒนาตนเอง
5 การแต่งกายสุภาพ เรียบรอ้ ยและถูกต้อง

4 = มากที่สดุ 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = นอ้ ย
0 = ต้องปรบั ปรุง

43

บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้

............................................................................................................................. ...............................
.................................................................................................... ......................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................. .............................
...................................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................................... ...........
........................................................................................................................ ..................................................
............................................................................................................................. .................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

(......................................................)
อาจารยผ์ ู้สอน

แผนการจดั การเรียนรู้ 44

วิชา เทคนคิ การนาเสนอ (30202-2104) หน่วยท่ี 11
จานวน 6
ช่ือหนว่ ย การนาเสนอทางสื่อ ช่ัวโมง
ระดับ ปวส.

สาระสาคัญ

สือ่ เปน็ องค์ประกอบในการส่ือสารทกุ รูปแบบและทกุ ประเภท อาทิ ส่อื ส่ิงพมิ พ์ ส่อื อิเล็กทรอนิกส์ ส่ือ
บคุ คล สอ่ื ภาษา สือ่ ทา่ ทาง สื่อผสม อาทิ ส่ือมวลชน สื่อการสอน ส่ือข้อมลู สอ่ื โสตทศั น์ เปน็ ต้น

ประเภทของสื่อที่ใช้ในการประชาสมั พนั ธ์สามารถแบง่ ได้เป็น 2 ประเภท คือสื่อประชาสัมพันธ์
ทค่ี วบคมุ ได้ ได้แก่ ส่อื ส่งิ พิมพ์ ส่ือบคุ คล สอ่ื โสตทัศน์ สือ่ กจิ กรรมต่าง ๆ และส่ือประชาสมั พนั ธท์ ่ี
ควบคมุ ไม่ได้ ไดแ้ ก่ ส่ือมวลชน

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1 อธบิ ายความหมายของส่ือได้
2. อธิบายประเภทของส่อื ใช้ในการประชาสมั พันธไ์ ด้
3. อธิบายลักษณะของส่ือประชาสัมพนั ธแ์ ตล่ ะประเภทได้
4. อธบิ ายหลกั การพจิ ารณาเลอื กใชเ้ พ่ือการนาเสนอได้

เนื้อหาสาระ

1. ความสาคญั ของการนาเสนอทางส่ือ
2. ความหมายของสือ่
3. ประเภทของสื่อใชใ้ นการประชาสมั พนั ธ์
4. ลกั ษณะของสื่อประชาสมั พนั ธ์แต่ละประเภท
5. หลักการพจิ ารณาเลือกใช้เพ่อื การนาเสนอ

กิจกรรมการเรยี นการสอน

1. นาเข้าส่บู ทเรยี น โดยอธบิ ายความสาคัญของการนาเสนอทางส่ือ ใหผ้ ู้เรียนรว่ มแสดงความ
คดิ เหน็ อยา่ งกวา้ งขวาง

2. ครูบรรยาย และอธบิ าย ประเภทของสื่อใชใ้ นการประชาสัมพันธ์ ลกั ษณะของส่ือ
ประชาสัมพันธ์แตล่ ะประเภท หลกั การพจิ ารณาเลือกใช้เพื่อการนาเสนอ

3. ขณะทาการสอนครูจะหาโอกาสสอดแทรกความรูด้ า้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมแก่ผเู้ รียน

45

4. ใหผ้ เู้ รียนร่วมแสดงความคดิ เหน็ ในขณะท่คี รบู รรยาย สอบถามข้อสงสยั และอธิบายจน
เขา้ ใจได้อย่างชดั เจนมากขึ้น

5. ครแู ละผู้เรียนรว่ มกันสรปุ เน้ือหาทงั้ หมด
6. ให้ผเู้ รยี นทาแบบประเมินผลท้ายบทท่ี 11 ในสว่ นปรนยั 10 ขอ้ สง่ ภายในชว่ั โมงเรยี น
7. แบ่งกล่มุ ผ้เู รียนออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 4 – 5 คน ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ นาสนิ ค้าเกีย่ วกบั การโฆษณา

ทางสอื่ สิ่งพิมพ์ กลุ่มละ 2 ชิ้น เพอ่ื อธบิ ายสินคา้ พร้อมวิเคราะห์คุณสมบตั เิ ด่นของประเภท
ของส่ือทีใ่ ช้ในการประชาสัมพันธ์แต่ละส่ือกจิ กรรมตา่ งๆ ดังกลา่ ว พร้อมบอกเหตผุ ลประกอบ
ทางานส่งภายในชว่ั โมงเรยี น
8. ใหผ้ เู้ รียนนาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี นในช่วั โมงตอ่ ไป
9. ให้ผเู้ รยี นกลมุ่ อ่นื รว่ มกันวิพากษ์วิจารณ์ และรว่ มประเมินผลงานกลุ่มทุกกลุ่ม
10. ให้ผเู้ รียนกลบั ไปทบทวนบทเรียน
11. ให้ผู้เรียนศึกษาคน้ คว้าเพมิ่ เติมด้วยตนเอง จากส่ือทีเ่ กีย่ วข้อง เช่น หอ้ งสมดุ Internet
หนงั สอื พมิ พ์ วารสาร

ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น วิชา เทคนิคการนาเสนอ
2. แผน่ โปร่งใส
3. ภาพทเ่ี กยี่ วข้องกบั เทคนิคการนาเสนอ
4. Internet
5. หนงั สือพมิ พ์ วารสาร
6. ใบงานกจิ กรรมเสรมิ ความรเู้ ร่ือง ประเภทของสื่อ
7. แบบประเมนิ ผลพฤติกรรมผเู้ รียนและใบงาน

การวดั และประเมนิ ผล

1. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นร้ขู องผเู้ รียนในชัน้ เรียน
2. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเรยี นและพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
4. ประเมินผลการทาแบบประเมนิ ผลทา้ ยบท 10 ข้อ ทาถกู ไดข้ ้อละ 1 คะแนน

ทาถกู 9 – 10 ขอ้ = ดี
ทาถกู 7 – 8 ข้อ = ปานกลาง
ทาถูก 5 – 6 ข้อ = ผา่ น
ทาถูก 0 – 4 ขอ้ = ไมผ่ า่ น
5. ประเมนิ ผลงานตามใบงานโดยมีเกณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมนิ

46

แบบประเมนิ ผลพฤตกิ รรมรายบุคคล

ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับเกณฑก์ ารประเมิน
43210

ดา้ นวชิ าชพี
1 การทางานรว่ มกนั ภายในกลุม่
2 ความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์
3 ความซือ่ สตั ยส์ ุจรติ
4 ความสามัคคีปรองดอง
5 การนาเสนอช้ินงานหน้าชนั้ เรียน

ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม
1 ความรับผิดชอบต่อหนา้ ที่
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความตง้ั ใจในการทากจิ กรรม
4 การปรบั ปรงุ และพัฒนาตนเอง
5 การแต่งกายสุภาพ เรียบรอ้ ยและถูกต้อง

4 = มากที่สดุ 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = นอ้ ย
0 = ต้องปรบั ปรุง

47

บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้

............................................................................................................................. ...............................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
...........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ...................................................................................
............................................................................................................................. ................................
............................................................................................................................................ ..............................
..................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .............................................
.............................................................................................................................................. ...............
................................................................................................................... .......................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... .........................................

(......................................................)
อาจารย์ผสู้ อน

แผนการจดั การเรียนรู้ 48

วชิ า เทคนคิ การนาเสนอ (30202-2104) หนว่ ยท่ี 12
จานวน 3
ช่อื หนว่ ย การประเมนิ ผลการนาเสนอ ช่วั โมง
ระดบั ปวส.

สาระสาคัญ

กระบวนการประเมนิ ผลงาน คอื การกาหนดนโยบายขัน้ พนื้ ฐานมหี ลักเกณฑ์ ได้แก่ ใครเปน็
ผ้ปู ระเมินผลงาน ความถ่ีของการประเมนิ ผลงาน ข้อมูลที่ใช้ในการประเมนิ ผล

เมื่อกาหนดนโยบายขน้ั พื้นฐาน จึงเป็นขน้ั ตอนกระบวนการประเมินผลงานซงึ่ ประกอบด้วย การ
วเิ คราะห์งาน การเลือกหลกั เกณฑ์หรอื มาตรฐานทใ่ี ช้ในการประเมินผลงาน การวัดผลการปฏบิ ตั ิงานจรงิ
การเปรยี บเทยี บผลงานจริงกับมาตรฐาน และการดาเนินการแก้ไขปรบั ปรุง

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกความหมายของการประเมินผลการนาเสนอได้
2. อธิบายการประเมินผลการนาเสนอได้
3. อธบิ ายลกั ษณะของการประเมนิ การนาเสนออย่างมปี ระสิทธภิ าพได้
4. อธบิ ายปัญหาของการประเมินผลงานได้
5. อธิบายประโยชนข์ องการประเมนิ ผลงานได้

เนื้อหาสาระ
1. ความสาคัญของการประเมินผลการนาเสนอ
2. ความหมายของการประเมินผลการนาเสนอ
3. การประเมนิ ผลการนาเสนอ
4. ลักษณะของการประเมินการนาเสนออยา่ งมีประสิทธภิ าพ
5. ปญั หาของการประเมนิ ผลงาน
6. ประโยชนข์ องการประเมนิ ผลงาน

49

กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1. นาเขา้ สบู่ ทเรยี น โดยกล่าวถึงความสาคัญของการประเมนิ ผลการนาเสนอ พรอ้ มทั้งให้
ผ้เู รียนร่วมแสดงความคิดเห็นอยา่ งกว้างขวาง
2. บรรยายเรอ่ื ง ความหมายของการประเมนิ ผลการนาเสนอการประเมนิ ผลการนาเสนอ
ลกั ษณะของการประเมินการนาเสนออย่างมปี ระสทิ ธิภาพปัญหาของการประเมินผลงาน
ประโยชน์ของการประเมนิ ผลงาน
3. ขณะทาการสอนครูจะหาโอกาสสอดแทรกความรู้ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมแกผ่ เู้ รียน
4. ใหผ้ ู้เรียนรว่ มแสดงความคิดเห็นในขณะทีค่ รูบรรยาย สอบถามข้อสงสยั ครอู ธิบายจน
ผ้เู รยี นเขา้ ใจชดั เจนยง่ิ ขน้ึ
5. ครูและผู้เรยี นร่วมกันสรุปเนื้อหาทั้งหมด
6. ให้ผเู้ รียนทาแบบประเมนิ ผลท้ายบทที่ 12 ในส่วนปรนยั 10 ข้อ สง่ ภายในช่ัวโมงเรยี น
7. แบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 4 – 5 คน พร้อมวิเคราะหแ์ ละนามาแก้ไขอปุ สรรค
ตา่ ง ๆ ของการนาเสนอ ดงั กลา่ ว พร้อมบอกเหตุผลประกอบ ทางานส่งภายในชัว่ โมงเรียน
8. ใหผ้ ูเ้ รยี นนาเสนอผลงานตามใบงานหน้าช้ันเรียน ในช่ัวโมงต่อไป
9. ใหผ้ เู้ รียนกลุ่มอื่นรว่ มกนั วพิ ากษ์วจิ ารณ์ และรว่ มประเมนิ ผลงานกลุ่มทุกกลมุ่
10. ให้ผู้เรยี นกลับไปทบทวนบทเรยี น
11. ให้ผูเ้ รียนศึกษาคน้ คว้าเพ่ิมเติมดว้ ยตนเอง จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทง้ั ด้านตัวบคุ คล และ
ส่ือท่ีเกี่ยวข้อง เช่น ห้องสมุด Internet หนงั สอื พิมพ์ วารสาร

ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน วิชา เทคนคิ การเสนอ
2. แผ่นโปร่งใส
3. รปู ภาพท่ีเกีย่ วกบั เทคนิคการนาเสนอ
4. Internet
5. หนังสอื พมิ พ์ วารสาร
6. ใบงานกิจกรรมเสริมความรู้เรื่อง การประเมนิ ผลงาน
7. แบบประเมินผลพฤติกรรมผู้เรียนและใบงาน

การวัดและประเมินผล

1. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรูข้ องผู้เรียนในชัน้ เรยี น
2. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
3. ประเมินพฤติกรรมการเรียนและพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
4. ประเมนิ ผลการทาแบบประเมนิ ผลทา้ ยบท 10 ข้อ ทาถกู ได้ข้อละ 1 คะแนน

ทาถกู 9 – 10 ข้อ = ดี

50

ทาถกู 7 – 8 ขอ้ = ปานกลาง
ทาถกู 5 – 6 ขอ้ = ผ่าน
ทาถกู 0 – 4 ข้อ = ไมผ่ ่าน
5. ประเมนิ ผลงานตามใบงานโดยมีเกณฑ์การให้คะแนนตามแบบประเมิน

แบบประเมินผลพฤตกิ รรมรายบคุ คล

ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับเกณฑก์ ารประเมนิ
43210

ด้านวิชาชีพ
1 การทางานร่วมกนั ภายในกล่มุ
2 ความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์
3 ความซ่อื สตั ยส์ จุ ริต
4 ความสามคั คีปรองดอง
5 การนาเสนอช้ินงานหนา้ ชั้นเรียน

ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม
1 ความรับผิดชอบต่อหนา้ ท่ี
2 ความตรงต่อเวลา
3 ความต้ังใจในการทากิจกรรม
4 การปรับปรุงและพัฒนาตนเอง
5 การแตง่ กายสุภาพ เรียบรอ้ ยและถูกต้อง

4 = มากที่สุด 3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = น้อย
0 = ต้องปรบั ปรุง


Click to View FlipBook Version