The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การอนุรักษ์นาฏศิลป์ไทยเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ควรตระหนักถึงคุณค่าของงานนาฏศิลป์ที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ให้คนรุ่นต่อ ๆ มา และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เช่น นาฏศิลป์พื้นเมือง ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทยภาคนั้น ๆ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mananyamana, 2021-12-23 09:12:49

การอนุรักษ์สือทอดนาฏศิลป์ไทย (ภาคเหนือ)) n -

การอนุรักษ์นาฏศิลป์ไทยเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ควรตระหนักถึงคุณค่าของงานนาฏศิลป์ที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ให้คนรุ่นต่อ ๆ มา และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เช่น นาฏศิลป์พื้นเมือง ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทยภาคนั้น ๆ

น(กาภฏาารศคิสอลืเอนหปุท์รนไัืกทออษดย)์

ครูผู้สอน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
นางสาวมนัญญา เมฆฉาย

การอนุรักษ(์ภสืบาคทเอหดนืนอา)ฏศิลป์ไทย

ภาคเหนือ ภูมิประเทศของภาคเหนือเป็นภูขาสูงสลับกับแอ่ง
หุบเขา ทาให้ใน ฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัดด ในฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิ
ค่อนข้างสูง เพราะอยู่ห่างไกลจากทะเล มีป่าไม้มากจึงถือเป็นแหล่งกา
เนิดของแม่นา ที่สาคัญหลายสาย ได้แก่ แม่นาปิง แม่นาวัง แม่นายม
และแม่นาน่าน มีพืนที่รวมทังหมด 93,690. ตารางกิโลเมตร และเมื่อ
เทียบขนาดภาคเหนือจะมีพืนที่ใกล้เคียงกับประเทศฮังการีมากที่สุด
แต่จะมีขนาดเล็กกว่าประเทศเกาหลีใต้เล็กน้อย

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

วัฒนธรรมทางภาษถิ่น
ชาวไทยทางภาคเหนือมีภาษาล้านนาที่นุ่มนวลไพเราะ ซึ่ง
มีภาษาพูดและภาษาเขียนที่เรียกว่า "คาเมือง" ของ ภาค
เหนือเอง โดยการพูดจะมีสาเนียงที่แตกต่างกันไปตามพืนที่
ปัจจุบันยังคงใช้พูดติดต่อสื่อสารกัน

วัฒนธรรมการแต่งกาย

การแต่งกายพืนเมืองของภาคเหนือมีลักษณะแตกต่างกันไปตาม
เชือชาติของกลุ่มชนคนเมือง เนื่องจากผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัย
อยู่ในพืนท่ีซึ่งบ่งบอกเอกลักษณ์ของแต่ละพืนถิ่น

- หญิงชาวเหนือจะนุ่งผ้าซิ่น หรือผ้าถุง มีความยาวเกือบถึงตาตุ่ม
ซึ่งนิยมนุ่งทังสาวและคนแก่ ผ้าถุงจะมีความประณีต งดงาม ตีนซิ่นจะมี
ลวดลายงดงาม ส่วนเสือจะเป็นเสือคอกลม มีสีสัน ลวดลายสวยงาม อาจ
ห่มสไบทับ และเกล้าผม

- ผู้ชายนิยมนุ่งนุ่งกางเกงขายาวลักษณะแบบกางเกงขายาวแบบ
3 ส่วน เรียกติดปากว่า "เตี่ยว" "เตี่ยวสะดอ" หรือ "เตี่ยวกี" ทาจากผ้า
ฝ้าย ย้อมสีนาเงินหรือสีดา และสวมเสือผ้าฝ้ายคอกลมแขนสัน แบบผ่า
อกกระดุม 5 เม็ด สีนาเงินหรือสีดา ที่เรียกว่า เสือม่อฮ่อม ชุดนีใส่เวลาทา
งาน หรือคอจีนแขนยาว อาจมีผ้าคาดเอว ผ้าพาดบ่า และมีผ้าโพกศีรษะ

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

วัฒนธรรมการกิน

ชาวเหนือมีวัฒนธรรมการกินคล้ายกับคนอีสาน คือ
กินข้าวเหนียวและปลาร้า ซึ่งภาษาเหนือเรียกว่า "ข้าวนิ่ง" และ
"ฮ้า" ส่วนกรรมวิธีการปรุงอาหารของภาคเหนือจะนิยมการ
ต้ม ปิ้ ง แกง หมก ไม่นิยมใช้น้ำมัน ส่วนอาหารขึ้นชื่อเรียกว่า
ถ้าได้ไปเที่ยวต้องไปลิ้มลอง ได้แก่ น้ำพริกหนุ่ม, น้ำพริกอ่อง,
น้ำพริกน้ำปู, ไส้อั่ว, แกงโฮะ, แกงฮังเล, แคบหมู, ผักกาดจอ

ลาบหมู, ลาบเนื้อ, จิ้นส้ม (แหนม), ข้าวซอย และขนมจีนน้ำ
เงี้ยว เป็นต้น



สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา-ความเชื่อ
ชาวล้านนามีความผูกพันอยู่กับการนับถือผีซึ่งเชื่อว่ามี
สิ่งเร้าลับให้ความคุ้มครองรักษาอยู่ ซึ่งสามารถพบเห็นได้จาก
การดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อเวลาที่ต้องเข้าป่าหรือต้อง
ค้างพักแรมอยู่ในป่า จะนิยมบอกกล่าวและขออนุญาตเจ้าที่-
เจ้าทางอยู่เสมอ และเมื่อเวลาที่กินข้าวในป่าจะแบ่งอาหารบาง
ส่วนให้เจ้าที่อีกด้วย เช่นกัน ซึ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าวิถีชีวิตที่
ยังคงผูกผันอยู่กับการนับถือผีสาง

ประเพณีภาคเหนือ
เกิดจากการผสมผสานวิถีการดำเนินชีวิต และความเชื่อ
ทางพุทธศาสนา การนับถือผี ส่งผลทำให้ประเพณีภาคเหนือ
นั้นเป็นประเพณีที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไปตาม
ฤดูกาล โดยภาคหนือนั้นจะมีงานประเพณีในทุก ๆ เดือน โดย
ประเพณีภาคเหนือส่วนใหญ่มีดังนี้ ประเพณีกรวยสลาก หรือ
ตานก๋วยสลาก ประเพณีลอยกระทงสาย




สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

เครื่องดนตรีพื้นบ้าน
- สะล้อ หรือทะล้อ เครื่องดนตรีพื้นบ้าน เป็นเครื่องสาย
บรรเลง ใช้คันชักสี ตัวสะล้อเป็นแหล่งกำเนิดเสียงทำด้วย
กะลามะพร้าว




- ซึง เครื่องดนตรีพื้นบ้าน เป็นเครื่องสายชนิดหนึ่ง ใช้
บรรเลงด้วยการดี วัสดุทำจากไม้สัก หรือไม้เนื้อแข็ง

- ขลุ่ยเครื่องดนตรีพื้นบ้านลักษณะเดียวกันกับขลุ่ยของ
ภาคกลาง




สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

- ปี่ แน เครื่องดนตรีพื้นบ้านมีลักษณะคล้ายปี่ ไฉน หรือปี่
ชวา แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า เป็นปี่ ประเภท ปี่ ลิ้นคู่ทำด้วยไม้ พิณ
เปี๊ ยะ หรือพิณเพียะ




- กลองสะบัดชัยโบราณ เครื่องดนตรีพื้นบ้าน ใช้ตีเมื่อ
ยามออกศึกสงคราม เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล และเป็น
ขวัญกำลังใจให้กับทหารในการต่อสู้ ปัจจุบันจะเห็นในขบวน
แห่ หรืองานแสดงศิลปะพื้นบ้าน ลีลาการตีกลองจะมีลักษณะ
เร้าใจโลดโผน ใช้อวัยวะต่าง ๆในร่างกาย เช่น ศอก, เข่า,
ศีรษะ ใช้ประกอบในการตีกลองสะบัดชัยโบราณ




สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือ
สามารถพบเห็นได้ในงานพระราชพิธี หรือวันสำคัญ
ทางศาสนาของภาคเหนือ, งานมงคล และงานรื่นเริง
ทั่วไป ซึ่งจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมตาม
สถานการณ์ เช่น ฟ้อนภูไท ฟ้อนเทียน, ฟ้อนดาบ, ฟ้อน
เงี้ยว, ฟ้อนเล็บ หรือฟ้อนเมือง, ฟ้อนลาวแพน, ฟ้อนดวง
เดือน, ฟ้อนรัก, ฟ้อนมาลัย, ฟ้อนดวงดอกไม้, ฟ้อนโยคี
ถวายไฟ, ฟ้อนไต, รำกลองสะบัดชัย, รำลาวกระทบไม้ และ
ระบำชาวเขา ภาคเหนือในประเทศไทยนั้นประกอบไปด้วย
ผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ มีภาษาท้องถิ่นที่แตกต่างกัน
และประเพณีที่คล้ายคลึงกัน โดยจะสอดคล้องไปกับวิถี
ชีวิตตามฤดูกาล




สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

ฟ้อนเล็บ

ฟ้อนเล็บ เป็นการฟ้อนชนิดหนึ่งของชาวไทยในภาค
เหนือ ผู้ฟ้อนจะสวมเล็บยาว ลีลาท่ารำของฟ้อนเล็บคล้าย
กับฟ้อนเทียน ต่างกันที่ฟ้อนเทียนมือทั้งสองถือเทียน
ตามแบบฉบับของการฟ้อน นางลมุล ยมะคุปต์ ผู้
เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย ได้นำลีลาท่าฟ้อนอันเป็น
แบบแผนมาจากคุ้มเจ้าหลวงมาฝึกสอน จัดเป็นชุดการ
แสดงที่น่าชมอีกชุดหนึ่ง แต่เดิมเรียก "ฟ้อนเล็บ" ด้วย
เห็นว่าเป็นการฟ้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของ "คนเมือง" ซึ่ง
หมายถึงคนในถิ่นล้านนาที่มีเชื้อสายไทยวน และเนื่องจาก
การเป็นการแสดงที่มักปรากฏ ในขบวนแห่ครัวทาน
ของวัดจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ฟ้อนแห่ครัวทาน" ต่อ
มามีการสวมเล็บที่ทำด้วยทองเหลืองทั้ง 8 นิ้ว (ยกเว้นนิ้ว
หัวแม่มือ) จึงได้ชื่อว่า "ฟ้อนเล็บ" ใช้แสดงในวันสำคัญ
เช่น ต้อนรับแขกเมืองต่างชาติ หรือในงานประเพณี

สำหรับบนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

ฟ้อนเทียน

ฟ้อนเทียนเป็นการฟ้อนที่มีลักษณะศิลปะที่อ่อนช้อย
งดงาม ลักษณะการแสดงไม่ต่างจากการแสดงฟ้อนเล็บ
ถ้าเป็นการแสดงฟ้อนเทียน นิยมแสดงในเวลากลางคืน
เพื่อเน้นความสวยงามของแสงเทียนระยิบระยับสว่างไสว
จุดเด่นของการแสดงชนิดนี้ จึงอยู่ที่แสงเทียนที่ผู้แสดง
ถือในมือข้างละ ๑ เล่ม เข้าใจว่าการฟ้อนเทียนนี้แต่เดิม
คงจะใช้เป็นการแสดงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นการสักกา
ระเทพเจ้าที่เคารพนับถือในงานพระราชพิธีหลวง ตาม
แบบฉบับล้านนาของทางภาคเหนือของไทย ผู้ฟ้อนมักใช้
เจ้านายเชื้อพระวงศ์ฝ่ายในทั้งสิ้น ในสมัยปัจจุบันการ
แสดงชุดนี้จึงไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักจะสังเกตเห็นว่าความ
สวยงามของการฟ้อนอยู่ที่การ
โอกาสที่แสดงในงานพระราชพิธี หรือวันสำคัญทาง
ศาสนา ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองชาวต่างชาติ และใน
งานประเพณีสำคัญตามแบบฉบับของชาวล้านนา




สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

ฟ้อนที



คำว่า “ที” หมายถึง “ร่ม” เป็นคำภาษา “ไต” ใช้เรียกใน
จังหวัดแม่ฮ่องสอน “ที” ทางภาคเหนือมีลักษณะและรูปทรง
แตกต่างกันไปแต่ละจังหวัด “ที” ที่ชาวแม่ฮ่องสอนนิยมใช้มี
รูปทรงสวยนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบการรำได้ฟ้อนที
เป็นผลงานประดิษฐ์สร้างสรรค์ของวิทยาลัยนาฏศิลป์
เชียงใหม่ จัดแสดงในงานนิทรรศการและการแสดงศิลป
วัฒนธรรมของสถานศึกษาในสังกัดกองศิลปศึกษา กรม
ศิลปากร เพื่อเทิดพระเกียรติเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม
ราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา
ณ โรงละครแห่งชาติ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๕ การ
แสดงชุดนี้นำร่มมาใช้ประกอบลีลานาฏศิลป์โดยมีท่าฟ้อน
เหนือของเชียงใหม่ผสมกับท่ารำไตของแม่ฮ่องสอน มีการ
แปแถว และลีลาการใช้ร่มในลักษณะต่าง ๆ ที่งดงาม เช่น
การถือร่ม การกางร่ม การหุบร่ม




สำหรบนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

ฟ้อนเงี้ยว



ฟ้อนเงี้ยว เป็นการแสดงพื้นเมืองของชาวเขาเผ่าหนึ่ง
ซึ่งเรียกว่า “เงี้ยว” มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือของประเทศไทย
นางลมุล ยมคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ วิทยาลัย
นาฏศิลป์กรมศิลปากรได้มีโอกาสไปสอนละครที่คุ้มเจ้าหลวง
เจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่ และได้เห็นการฟ้อน
เงี้ยวเรียกตามภาษาพื้นเมืองว่า เงี้ยวปนเมือง ของคุ้มเจ้า
หลวง ซึ่งมีนางหลง บุญจูหลงเป็นผู้ฝึกสอน ในความ
ควบคุมของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ในรัชการที่ 5 ต่อมา
นางลมุล ยมคุปต์ ได้รับราชการเป็นครูสอนนาฏศิลป์ ที่
วิทยาลัยนาฏศิลป์ (ในขณะนั้นเรียกว่า “โรงเรียนนาฎ
ดุริยางค์ศาสตร์”) และได้นำลีลาท่ารำฟ้อนเงี้ยวมาปรับปรุง
ขึ้นใหม่ให้งดงามตามแบบฉบับนาฏศิลป์ไทย บรรจุไว้ใน
หลักสูตรวิชานาฏศิลป์ เมื่อ พ.ศ. 2478 บทร้องของฟ้อน
เงี้ยวมีลักษณะเป็นบทอวยพร คือ อาราธนาพระพุทธ พระ
ธรรม พระสงฆ์ เทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาปกป้อง
คุ้มครองอวยชัยให้พรเป็นสวัสดิ์มงคลต่อไป




สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓-ุ


Click to View FlipBook Version