The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาภาษาจีนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
ชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปีที่3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jarwan41, 2021-12-03 02:15:49

แผนจัดการเรียนการสอน

รายวิชาภาษาจีนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
ชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปีที่3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564

ขนั้ สรุป (Warp up)
8. ครซู กั ถามข้อสงสยั ของเน้ือหาตา่ งๆ ว่านักเรียนไมเ่ ขา้ ใจตรงไหน จากน้ันครแู ละนักเรียนร่วมกัน

สรุปการใชค้ ําซาํ้ กริยาอีกครัง้
9. ใหน้ กั เรียนทําแบบฝึกหดั หลงั เรียน
10. แจ้งเน้ือหาที่จะเรียนในชั่วโมงหน้า ใหน้ กั เรยี นกลบั ไปศกึ ษาล่วงหนา้ ได้
ชว่ั โมงท่ี 4

ขนั้ นา (Warm up)
1. ครูพดู คุยกับนักเรยี นว่า เมอ่ื บ้านนกั เรียนมแี ขกไปเยยี่ มบา้ น นกั เรียนจะปฏบิ ตั ติ ่อแขกอย่างไร

และหากเราไปเปน็ แขกบา้ ง นกั เรยี นควรมมี ารยาทอยา่ งไร
ข้ันสอน(Presentation)

2. ครนู ําเสนอ PPT เก่ียวกบั วัฒนธรรมการต้อนรับแขกของคนจนี คือ
จากคาํ กล่าวท่วี า่ “เป็นธรรมเนียมไทยแทแ้ ตโ่ บราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรบั ” แตก่ าร

ต้อนรับแขกของแต่ละชนชาติไมเ่ หมือนกนั ในวนั นขี้ อแนะนําการตอ้ นรับแขกของชาวจนี ชาวจีนชอบตอ้ นรบั
แขก เมื่อมีแขกมาถึงบา้ นแขกจะไดร้ ับการดแู ลและต้อนรบั อยา่ ง อบอ่นุ จากเจา้ ของบา้ น ชาวจีนมคี วาม
เคร่งครดั ในการต้อนรบั แขกอยา่ งมาก หากรูว้ า่ มแี ขกมาเยย่ี มเยียน เจ้าของบา้ นต้องปดั กวาดเช็ดถบู ้านให้
สะอาดล่วงหนา้ โดยดถู งึ วา่ แขกท่ีมาเยย่ี มเป็นผหู้ ญงิ หรือ ผู้ชาย เป็นคนชราหรือเดก็ เปน็ เพอื่ นสนิทกัน หรอื
เพ่อื นรว่ มงานกนั ทั้งนีเ้ จ้าของบา้ นจะได้ตระเตรยี มผลไม้ดี ๆ ของว่าง เคร่ืองดื่ม ชาหรอื บหุ รี่ เป็นตน้ หากแขก
ทีม่ าเย่ียมเปน็ แขกเกยี รตยิ ศ ก่อนที่แขกจะมาถึง ต้องนดั เวลาใหเ้ จ้าของบ้านทราบลว่ งหน้า เพ่ือเจา้ ของบ้านจะ
ได้ออกไปคอยต้อนรับทีป่ ระตูบา้ น เมื่อแขกเขา้ มาในบา้ น สมาชิกทุกคนต้องคอยยนื ต้อนรับพร้อมทกั ทายแขก
ด้วยความยินดีเป็นอยา่ งยงิ่ การตอ้ นรับแขกท่บี ้านตัวเองนั้น ถอื กนั ว่าไมถ่ ูกต้องตามกาลเทศะนัก โดยเจ้าของ
บ้านจะตอ้ งระมดั ระวงั ในการแตง่ กายด้วย ควรแต่งกายในชดุ ทสี่ ุภาพ เมอื่ แขกเขา้ ไปในบ้านแลว้ กอ่ นอื่นตอ้ ง
เชิญใหแ้ ขกน่ัง หลังจากนน้ั ยกน้าํ ชา บหุ รี่ มาให้ การที่ไม่พูดจากับแขก ยนื คยุ กับแขก ไม่เชญิ ใหแ้ ขกนัง่ หรือคยุ
กบั แขกต้งั นานแล้ว จึงจะยกนํ้าชา บุหร่ีมาให้ การกระทาํ ตา่ ง ๆ ข้างตน้ ถือวา่ เป็นการเสียมารยาทอย่างท่สี ุด
นอกจากยกนาํ้ ชา บหุ ร่ีแลว้ ยงั ต้องหาขา้ วปลาอาหารและเหล้ามาเลยี้ งตอ้ นรับดว้ ย ตามความเคยชนิ ของชาว
จีนแลว้ แขกต้องด่มื เหล้าทีย่ กมาให้อยา่ งรวดเรว็ ส่วนอาหารทีย่ กมาจะต้องเป็นจํานวนเลขคู่ ห้ามเปน็ จํานวน
เลขคโี่ ดยเด็ดขาด แมก้ ระทัง่ เวลานงั่ รับประทานอาหาร แขกต้องน่ังในตาํ แหน่งท่ีสาํ คญั ในขณะท่แี ขกมาเย่ียม
มกั เอาของขวัญมาให้ เมื่อเปน็ เช่นนีเ้ จา้ ของบ้านควรตอ้ งแสดงความขอบคุณ หรอื ขอร้องแขกวา่ คราวหนา้ อย่า
เอาของขวญั มาให้อีก หรือเจา้ ของบ้านควรตอบแทนโดยการให้ของขวญั กลับคนื ไปด้วย เปน็ ต้น

3. เมอื่ ครูนาํ เสนอเนื้อหาแล้ว ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั อธิปรายบอกข้อแตกตา่ งระหวา่ งวัฒนธรรมการ
ตอ้ นรับแขกของไทยกับจนี

4. ครใู หน้ กั เรยี นเปิดหนงั สือไปหน้าที่ 123 สอนนักเรียนอา่ นบทสนทนา 1 รอบ จากนัน้ ใหน้ ักเรียน
อ่านเองอีก 1 รอบ

บทสนทนา

nǐhǎojiãkâ huānyíngnǐ

A:你 好 杰 克! 欢 迎 你。

nǐhǎonánnán zhùnǐshēngrìkuàilâ

B:你 好 楠 楠 ! 祝 你 生 日 快 乐

xiâxiâ jiâshàoyíxiàãr zhâxiēshìwǒ d e hǎopãngyou

A: 谢 谢 ! 介 绍 一 下 儿, 这 些 是 我的 好 朋 友。

dàjiāhǎo wǒjiàojiãkâshìàiěrlánrãn

B:大 家 好 !我 叫 杰 克 是 爱尔 兰 人 。

huānyíngnǐjiãkâ

C : 欢 迎 你 杰 克。

nǐ d e jiāzhēndà

B:你的 家 真 大。

wǒdàinǐcānguānyìxiēãrba zhâshìwǒdewîshì

A: 我带你参观一些儿吧。这是我的卧室。

zhâlǐshìwǒdechúfánghãcāntīng zhâshìwǒhãwǒbàbadeshūfáng

这 里 是 我 的 厨 房 和 餐 厅 。 这是我和我爸爸的书房 。

zhâxiēshūduōshìnǐ d e m a

B: 这 些 书 多 是 你的吗?

zuǒbian d e shùshìwǒ d e yîubian d e shūshìwǒbà b a hãmāmā

A: 左 边 的 树 是 我的, 右 边 的 书 是 我爸爸和妈妈

de

的。

zhâxiēshūwǒkěyǐjiâyìxiēkànkan m

B: 这 些 书 我可以 借 一 些 看 看吗?

kěyǐ

A:可以。
5. นักเรยี นและครชู ่วยกนั แปลบทสนทนา ทล่ี ะประโยค
ขนั้ สรปุ (Warp up)
6. ใหน้ ักเรยี นคดั บทสนทนาลงในสมดุ ของตนเองใหเ้ รียบร้อย
7. ในช่วั โมงหนา้ ให้นกั เรียนกลับไปฝึกท่องสนทนา โดยให้จบั คู่กับเพื่อน มาสอบในชว่ั โมงหน้า

ช่วั โมงที่ 5
ขน้ั นา (Warm up)

1. ขอนกั เรียนท่สี มัครใจออกมาสอบอา่ นบทสนทนาในช่ัวโมงท่แี ลว้ ท่คี ุณครูไดใ้ ห้นักเรียนกลบั ไปฝกึ
อา่ นมา สอบเกบ็ คะแนน สอบอ่านไปเรื่อยๆจนกวา่ นักเรียนจะสอบครบทุกคน

บทสนทนา

nǐhǎojiãkâ huānyíngnǐ

A:你 好 杰 克! 欢 迎 你。

nǐhǎonánnán zhùnǐshēngrìkuàilâ

B:你 好 楠 楠 ! 祝 你 生 日 快 乐

xiâxiâ jiâshàoyíxiàãr zhâxiēshìwǒ d e hǎopãngyou

A: 谢 谢 ! 介 绍 一 下 儿, 这 些 是 我的 好 朋 友。

dàjiāhǎo wǒjiàojiãkâshìàiěrlánrãn

B:大 家 好 !我 叫 杰 克 是 爱尔 兰 人 。

huānyíngnǐjiãkâ

C : 欢 迎 你 杰 克。

nǐ d e jiāzhēndà

B:你的 家 真 大。

wǒdàinǐcānguānyìxiēãrba zhâshìwǒdewîshì

A: 我带你参观一些儿吧。这是我的卧室。

zhâlǐshìwǒdechúfánghãcāntīng zhâshìwǒhãwǒbàbadeshūfáng

这 里 是 我 的 厨 房 和 餐 厅 。 这是我和我爸爸的书房 。

zhâxiēshūduōshìnǐ d e m a

B: 这 些 书 多 是 你的吗?

zuǒbian d e shùshìwǒ d e yîubian d e shūshìwǒbà b a hãmāmā

A: 左 边 的 树 是 我的, 右 边 的 书 是 我爸爸和妈妈

de

的。

zhâxiēshūwǒkěyǐjiâyìxiēkànkan m

B: 这 些 书 我可以 借 一 些 看 看吗?

kěyǐ

A:可以。
ขน้ั สอน(Presentation)

2. ครูสอนไวยากรณเ์ รื่อง โครงสร้างการใช้ 在(zài)
ประธาน + 在(zài) +สถานท่ี + กริยา + อื่นๆ

เทคนิคง่ายๆคือ ให้ทุกคนจาํ ไวว้ า่ “อยทู่ ีไ่ หนแล้วทาํ อะไร”คะ่ ตัวอย่าง
我在超市买水果。Wŏ zài chāoshì măi shuǐguŏ.
ฉันซือ้ ผลไมท้ ่ีซเู ปอร์มารเ์ ก็ต
他在泰国出生。Tā zài Tàiguï chūshēng.
เขาเกิดทีเ่ มืองไทย
经理在楼上开会。Jīnglǐ zài lïushang kāihuì.
ผูจ้ ัดการประชมุ อยู่ทช่ี ั้นบน
妹妹在卧室里睡觉了。Mâimei zài wîshì li shuìjiào le.
นอ้ งสาวนอนอยู่ในหอ้ งนอน
我们在商场见面吧。Wŏmen zài shāngchăng jiànmiàn ba.
พวกเราเจอกันท่หี ้างละ่ กัน

3. เมอ่ื คุณครสู อนเสรจ็ ให้นักเรียนลองพดู ยกตวั อยา่ งการใช้ 在 มาคนละ 1 ประโยค ระหว่างน้ี
หากนกั เรยี นแต่งประโยคผิด คุณครูและเพ่ือนนักเรียนช่วยกันแก้ไขให้ถูกต้อง

4. ให้นักเรยี นแตง่ ประโยคการใช้ 在 คนละ 5 ประโยคลงในสมุดของนกั เรียน ระหวา่ งนีค้ ุณครเู ดนิ
ดูนักเรยี นแตป่ ระโยค หากนกั เรยี นไมเ่ ข้าใจอธบิ ายเปน็ รายบุคคล สว่ นเพอื่ นทไี่ ด้ใหช้ ว่ ยเพ่อื นทไ่ี ม่ไดด้ ้วย
ขั้นสรุป (Warp up)

5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ เน้ือหา คาํ ศัพท์ ไวยากรณจ์ ีนอกี คร้งั
6. ทําแบบทดสอบหลงั เรยี น
7. เม่ือนักเรยี นทําแบบทดสอบเสรจ็ ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม จากนนั้ ให้นักเรยี นใช้

อนิ เทอรเ์ น็ตในการค้นหาวิธีการทาํ อาหารจีน เมนูใดก็ได้ที่นกั เรยี นต้องการจะทาํ
8. ครูแจ้งในชัว่ โมงหนา้ ให้นักเรยี นเตรยี มวสั ดุดบิ ในการทําอาหารจีนมา

ช่ัวโมงที่ 6

ข้ันนา (Warm-up)
1. ครนู าํ รูปอาหารจนี เมนตู า่ งๆ ใหน้ กั เรียนดู และสอบถามนักเรียน

วา่ นกั เรียนทําเปน็ หรอื ไป เคยกนิ หรอื ปา่ ว รสชาติเป็นอย่างไร
2. ครเู ล่าเมนูอาหารสาํ หรับรับแขกของคนจีนว่าสว่ นใหญ่จะทําอาหาร

แบบใด ความมีอะไรบา้ งสําหรับตอ้ นรับแขกและมารยาทการร่วมทานอาหารกับคนจีน
3. ใหต้ วั แทนแต่ละกลมุ่ ออกมาพูดว่าทาํ ไมกลุ่มนกั เรยี นถงึ เลอื กเมนูน้ีท่จี ะใชร้ ับแขก พร้อมเหตผุ ล

ความหมายของอาหาร
ข้ันสอน(Presentation)

4. ครูแจกอุปกรณ์ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มลงมือทําอาหารทน่ี กั เรียนเตรยี มมา โดยระหวา่ งนั้นคุณครูจะ
เปิดเพลงจีนสร้างบรรยากาศ และค่อยดูความเรยี บร้อย ความปลอดภัยในการใชอ้ ปุ กรณ์ตา่ งๆในการทาํ อาหาร

5. ในระหว่างทําใหน้ ักเรียนถ่ายรูปวีดิโอ วิธกี ารทําอาหารแตล่ ะขนั้ ตอนไว้ดว้ ย เปน็ จดั ทาํ เป็นวดิ โิ อ
ส่งคุณครแู ละสามารถนําไปเผยแผ่ได้

6. เมื่อนกั เรียนทําอาหารเสรจ็ แล้ว ให้นักเรียนชว่ ยกนั เกบ็ อุปกรณ์ต่างๆ ลา้ งใหส้ ะอาดและเก็บเข้าท่ี

ใหเ้ รียบรอ้ ย

7. ให้แต่ละกลุ่มนําตกั อาหารแบ่งใส่ถว้ ยน้อยมาวางไว้หนา้ หอ้ งเรียน ใหค้ ณุ ครูชิมอาหารของแต่ละ

กลุ่มวา่ มรี สชาติเปน็ อย่างไร และหน้าตาของอาหาร เพ่ือตัดสนิ กลมุ่ ที่จะชนะ

8. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ตัดอาหารไปใหก้ ลมุ่ อื่น เพื่อเป็นการชิม ใหค้ ะแนนกลุ่มอื่นด้วย
ขน้ั สรปุ (Warp up)

9. ใหต้ ัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานําเสนอเมนูอาหารของตนเอง ว่าเมนมู ีชอื่ เรยี กจนี อย่างไร และให้
ตวั แทนกลมุ่ อื่นช่วยอธิปรายรสชาตอิ าหารของเพื่อน

10. ให้นักเรียนกลับไปตดั ต่อวดี ิโอ ใส่ข้อความ เพลง ตามที่นักเรียนต้องการนําเสนอหรือเผยแผ่
จากนนั้ สง่ ใหค้ ุณครูตรวจก่อนจะให้นกั เรยี นโพสตเ์ ผยแผท่ างเฟชบุก๊

9. การวัดและประเมินผล (K-P-A) วิธีการวัดผล เครือ่ งมือวดั เกณฑ์
ส่งิ ท่ตี ้องการวัด การประเมินผล
- สงั เกตจากการ - คาํ ศพั ท์ ประโยค บท
ดา้ นความรู้ (Knowledge) อ่านออกเสียง สนทนา -นักเรียนอ่านออกเสยี ง
1. นกั เรียนมคี วามร้เู ก่ยี วกบั คําศพั ท์ คาํ ศัพท์ ประโยค -แบบฝกึ การพูดการ คาํ ศัพท์ ประโยค บท
ประโยค บทสนทนา ในการสอบถาม -การอา่ นบท เวลา สนทนา ได้ถูกตอ้ ง ไมน่ ้อย
เรื่อง 邀请。(การเชิญชวน)การรู้ สนทนาท่ีคล่องและ กวา่ ร้อยละ 60 ของ
ธรรมเนียมการรบั แขกของคนจนี ถกู ต้อง นกั เรยี นทงั้ หมด
เข้าใจการใช้ไวยากรณ์จนี ในการแต่ง
ประโยคได้ถกู ต้อง

ดา้ นทักษะและกระบวนการ - ตรวจผลงานจาก -แบบฝึกหัดหลงั เรยี น -นักเรียนทาํ แบบฝกึ หัด
- การแสดงบทบาท
(Skill/Process) การเขยี น สมมตุ ิในช้ันเรียน เรื่อง 邀请。(การเชิญ
-ประโยคจีนท่นี ักเรียน
2. สามารถพดู อา่ น เขยี น คาํ ศพั ท์ แบบฝกึ หัด แต่งในสมุด ชวน)。 ได้ถกู ต้องไม่น้อย
-แบบประเมนิ อาหาร กว่ารอ้ ยละ 60 ของ
หรอื ประโยคสน้ั ๆ รวมถงึ การวนั 邀 -การแสดงบทบาท จีน คะแนนทง้ั หมด
请。(การเชิญชวน) การแสดง สมมตุ ิ -แบบประเมนิ ชนิ้ งาน -ความร่วมมือของสมาชิก
บทบาทสมมุติการต้อนรบั แขก เขยี น -แตง่ ประโยค ในกลมุ่
-ทาํ อาหารจนี - แบบบันทกึ การ -การพดู ประโยคเพื่อแสดง
และแตง่ ประโยคจากไวยากรณ์จนี ที่ -ใบงานห้องตา่ งๆ -สงั เกตพฤตกิ รรมทพี่ งึ บทบาทสมมุติการต้อนรับ
กาํ หนดได้อยา่ งถกู ต้อง และการ ประสงค์ แขก
- นักเรยี นมพี ฤติกรรม
ทาํ อาหารจีน ดังกลา่ วผา่ นเกณฑ์
คณุ ภาพระดบั พอใช้ขึ้นไป
ดา้ นเจตคติ (Attitude) - สังเกตพฤติกรรม
3. มคี วามใฝ่ร้ใู ฝเ่ รียน มสี ว่ นร่วม
ในการทาํ กิจกรรม และมีความ
รบั ผิดชอบตอ่ งานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย

10. สื่อและอุปกรณ์การเรียน/แหลง่ การเรยี นรู้
10.1 สื่อและอุปกรณก์ ารเรียน
1. หนังสือภาษาจนี เพ่ือการส่ือสารในชีวติ ประจําวนั
2. คอมพวิ เตอร์และโปรเจคเตอร์

3. 欢迎你。(ยนิ ดีต้อนรับ)

4. แบบฝึกหัดก่อนเรยี นและหลงั เรียน เรื่อง 欢迎你。(ยนิ ดีตอ้ นรับ)

5. รูปอาหารจีน
6. บัตรรูปภาพส่วนประกอบของห้อง
7. ส่ือ PPT ภาพการทายคาํ ศัพทภ์ าษาจีน
10.2 แหลง่ การเรียนรู้
1. หอ้ งสมุดโรงเรยี น

2. เพจเรียนรู้งา่ ยๆจากคาํ คมภาษาจนี by ku meily

3 .โรงอาหาร

แผนการจดั การเรยี นรู้

กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ(เพิ่มเติม) ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3

รายวิชา ภาษาจีนเพื่อในชวี ิตประจาวนั 2 รหัสวิชา จ 23202

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เร่อื ง 天气 (อากาศ) เวลา 6 ชั่วโมง

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 เรอ่ื ง 我感觉很冷。(ฉนั รู้สึกหนาวมาก) เวลา 6 ชวั่ โมง

___________________________________________________________________________

1.สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ผเู้ รยี นจะไดร้ ู้จักฤดกู าลต่างๆในประเทศ คําศัพท์เกี่ยวกับฤดูกาล การแสดง ความรู้สึก การใช้คําศัพท์

เพ่ือการประมาณ เช่น อุณหภูมิประมาณกี่องศาเซลเซียส เมื่อผู้เรียนพบปะกับเพื่อนนักเรียนจีน หรือนักเรียน

ต่างชาติท่ีเรียนภาษาจีน จะได้มีความมั่นใจในการพูดคุยเกี่ยวกับเร่ืองฤดูกาลและเรียนรู้สภาพอากาศของ

ประเทศท่ีฝ่ายหนง่ึ อยไู่ ด้

2.ผลการเรียนรู้/จุดประสงค์การเรยี นรู้

2.1 ผลการเรยี นรู้

4) สนทนา แลกเปลย่ี นและเขยี นโตต้ อบข้อมูลเพือ่ ส่ือสารอย่างต่อเน่อื งเกีย่ วกับตนเอง

กจิ กรรม และสถานการณต์ า่ งๆ ในชีวติ ประจําวนั

10) บรรยายเกย่ี วกบั เทศกาล วนั สาํ คัญ ชีวติ ความเปน็ อยู่ และประเพณีของจนี

11) เข้ารว่ มหรอื จดั กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจนี ตามความสนใจ

13) ค้นคว้า รวบรวม และสรุปขอ้ มลู หรือข้อเท็จจรงิ ท่ีเกยี่ วข้องกับกลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน

จากแหล่งเรียนรู้ และนาํ เสนอด้วยการพดู หรือการเขยี น

2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความร้คู วามเข้าใจ (K)

1) ผู้เรยี นสามารถเขา้ ใจและใช้คําศพั ท์เกี่ยวกับฤดูกาลต่างๆในประเทศจนี ได้

2) ผู้เรียนใช้คําศัพท์บอกถึงการประมาณได้ และแสดงความรสู้ กึ ได้

3) นกั เรยี นเข้าใจวัฒนธรรมการดม่ื ชาของจีนในฤดูกาลต่างๆ

ด้านทักษะการปฏิบัติ (P)

4) ผูเ้ รยี นฟังและออกเสียงอักษรจีน อา่ นคาํ และประโยคตามหลกั การออกเสียงภาษาจีน

5) ผู้เรยี นสนทนาในสถานการณช์ ีวติ ประจาํ วันได้

6) ผเู้ รียนเขียนอักษรจีนตามหลกั การเขียนภาษาจนี และใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในการ

พฒั นาทกั ษะภาษาจีนในชวี ติ ประจําวนั

ดา้ นคณุ ลักษณะนสิ ัย (A)

7) ผเู้ รียนกระตือรือรน้ ในการทํากิจกรรมการเรียนรู้

8) ผ้เู รยี นทํากิจกรรมการเรียนรู้อยา่ งเป็นระบบระเบยี บ

9) ผู้เรียนสง่ ภาระงานตรงตามเวลาทีก่ ําหนด

3.สาระการเรยี นรู้ พินอนิ ความหมาย
3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1) ความรู้ (Knowledge : K) ตอนน้ี
แต่วา่
คาศพั ท์ รสู้ กึ
หนาว
现在 xi4nz4i ไมค่ ่อย
但是 d4nsh$ ฤดกู าล
感觉 g3nju0
บา้ นเกดิ
冷 l-ng หมิ ะตก
不太 b^ t4i องศา
季(节) j$ (ji0) เกือบจะ
家乡 ติดลม
下雪 ji1 xi1ng อยา่
xi4 xu- กังวลใจ
度 เคร่อื งทําความร้อน
差不多 d* ประมาณ
零下 ch4 b* du5

别 l@ng xi4
当心 b0i
暖气
左右 d1ng x!n
nu3n q$
zu7 y8u

中国一年四季 ประเทศจีน 1 ปี มี 4 ฤดู

春季 chūnjì ฤดใู บไม้ผลิ 夏季 xiàjì ฤดรู ้อน

秋季 qiūjì ฤดใู บไม้ร่วง 冬季 dōngjì ฤดูหนาว

泰国一年三季 ประเทศไทย 1 ปี 3 มีฤดู

热季 râjì ฤดรู ้อน 雨季 yǔjì ฤดฝู น 凉季 liángjì ฤดหู นาว

ไวยากรณจ์ ีน

zhǐshì dànshì

-การใช้ 只 是 และ 但 是 เปน็ คําทใี่ ชเ้ ช่อื มประโยคเหมือนกัน แตต่ ่างกันตรงท่ี 只是

dànshì

(เพยี งแต)่ เนน้ ทป่ี ระโยคหน้า ส่วน 但 是 (แต)่ เน้นท่ปี ระโยคหลัง (强调的重点不一样)

chàbúduō

-การใช้ 差 不 多 เกอื บจะ

zuǒyîu

-การใช้ 左 右 ประมาณ
-ประเภทชาจีนและวัฒนธรรมการด่มื ชาจนี

บทสนทนา

xiànzàizhōngguïshì b u shìdōngtiā

A: 现 在 中 国 是 不 是 冬 天 呀。

búshì xiànzàishìqiūtiān

B:不 是 , 现 在 是 秋 天 。

dànshìwǒgǎnjuãhěnlěng

A: 但 是 我 感 觉 很 冷 。

wǒgǎnjuãbútàilěng àiěrlánmãiyǒuqiūtiān m a

B:我 感 觉 不 太 冷 。爱尔 兰 没 有 秋 天 吗?

yǒu àiěrlányěyǒuchūntiān xià qiū dōngsìgâjìjiã dànshì

C : 有 ,爱尔 兰 也 有 春 天 、 夏 、 秋 、 东 四个季 节 。 但 是

qiūtiānbútàilěng

秋 天 不太 冷 。

nǐ d e jiāxiāngdōngtiānxiàxuě m a

B:你的 家 乡 冬 天 下 雪 吗?

xiàxuě dànshìbútàidà zhâlǐ d e dōngtiānduōshǎodù

A: 下 雪 , 但 是 不 太 大。 这 里的 冬 天 多 少 度?

zhâlǐ d e dōngtiānchàbúduōlíngxià

A: 这 里的 冬 天 差 不 多 零 下 二十度左右。

shãn m e nàtàilìng l e

B: 什 么?那 太 令 了。

biãdānxīn dōngtiānfángjiānlǐyǒunuǎnqì

A: 别 担 心 , 冬 天 房 间 里 有 暖 气。

2) ทักษะ/กระบวนการ (Process : P)
2.1ทักษะการฟงั (Listening skill)
- คาํ ศพั ท์ ประโยค
2.2 ทักษะการพดู (Speaking skill)
- คาํ ศพั ท์ ประโยค
2.3 ทกั ษะการอา่ น (Reading skill)
- คาํ ศัพท์ ประโยค
2.4 ทกั ษะการเขยี น (Writing skill)
- คาํ ศพั ท์ ประโยค
2.5 กระบวนการกลุม่
- จบั ค่สู นทนา
- ระดมสมอง
- ฝกึ กิจกรรมกลุ่มตามแผนการจัดการเรยี นรู้

3) เจตคติ (Attitude : A)
1. กล้าแสดงออก
2. มั่นใจในการออกเสียงคาํ ศัพท์ ประโยคภาษาจีน
3. มีความสุข สนกุ สนานกับการเรียนภาษาจีน

3.2 สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่นิ
-

4.สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
- มพี น้ื ฐานความรู้ ความเขา้ ใจ และมีทกั ษะในการส่ือสารภาษาจีน
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ คิดอย่างสรา้ งสรรค์ และคดิ เป็นระบบ
4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
- การนาํ ความรู้ดา้ นทักษะภาษาจีนและหลกั ไวยากรณ์ไปใช้พจิ ารณาหาคาํ ตอบอย่างมเี หตผุ ล
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
- การทํางานกล่มุ ร่วมกนั นาํ กระบวนการตา่ งๆ ไปใช้ในการดําเนินชวี ิตประจาํ วนั
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- การแสวงหาความร้เู พิ่มเตมิ จากสื่ออเิ ล็กทรอนิคส์ เพ่ือพฒั นาตนเองในด้านภาษาจนี

5.ทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 (3R 8C)
- อ่านออก (Reading
- เขียนได้ (Riting)
- ความรว่ มมือ การทํางานเป็นทมี และภาวะผูน้ ํา (Collaboration Teamwork and
Leadership)
- มรี ะเบยี บวินยั (Compassion)

6.คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มีวินยั
- ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บข้อบงั คบั และตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
6.2 ใฝ่เรียนรู้
- เอาใจใส่ ต้ังใจเรียน มีความเพยี รพยายามในการเรียนรู้ และสนใจเข้าร่วมกิจกรรม
6.3 มุ่งม่ันในการทาํ งาน
- ตง้ั ใจ และรับผิดชอบท่ีไดร้ ับมอบหมาย

7.ชิ้นงาน/ภาระงาน
ช้นิ งาน - ใบงานคดั จนี
- แบบฝกึ หดั กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น
- จบั คู่สนทนาและตอบคําถาม
- เปา่ ต้นดอกเหมย
- ฤดูในไทย
ภาระงาน - แบบฝึกหดั ในหนงั สือเรียนหนา้ 136-141
- ป้ายแนะนําชาจนี

- แตง่ ประโยคไวยากรณ์จีน 只是,但是,差不多,左右。

8. กิจกรรมการเรยี นรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้ันนา (Warm up)

1. ครทู ักทายนักเรยี น 早上好!今天天气很好。 (วันนอ้ี ากาศเปน็ อย่างไร)

2. ถามนกั เรยี นว่า ประเทศไทยมีก่ีฤดู มีฤดูอะไรบ้าง ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตอบ และถามวา่ นักเรียนรู้

หรอื ไมป่ ระเทศจนี มีกีฤ่ ดู แตล่ ะภาคอากาศเปน็ อยา่ งไรบา้ ง

3. ครูเอาแผ่นทป่ี ระเทศไทยและประเทศจีนใหน้ กั เรยี นดู วา่ แตล่ ะภาค อากาศเป็นอยา่ งๆไร

4. ทาํ แบบฝึกหัดกอ่ นเรยี น 5 นาที

ข้นั สอน(Presentation)

5. ครสู อนออกเสยี งคาํ ศัพทเ์ กยี่ วกบั ฤดตู ่างๆให้นักเรยี นอ่านตาม และเทียบกับฤดูของไทยกับจนี วา่

มีความแตกตา่ งอย่างไร

中国一年四季 ประเทศจีน 1 ปี มี 4 ฤดู

春季 chūnjì ฤดูใบไม้ผลิ 夏季 xiàjì ฤดูร้อน

秋季 qiūjì ฤดูใบไมร้ ่วง 冬季 dōngjì ฤดูหนาว

泰国一年三季 ประเทศไทย 1 ปี 3 มีฤดู

热季 râjì ฤดรู ้อน 雨季 yǔjì ฤดูฝน 凉季 liángjì ฤดูหนาว

6. เมื่อนกั เรียนอา่ นคําศัพท์คล่องแล้ว ครพู านกั เรียนทํากิจกรรม ใหน้ กั เรยี นแบง่ ออกเปน็ 3 กลมุ่

กลุ่มละเท่ากัน โดยครมู ีแผน่ ปา้ ยรูปฤดูกาลตา่ งๆ ใหต้ อบ โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมา จากนั้นครแู จก

กระดง่ิ ให้ เมือ่ ครูเรม่ิ เปิดแผ่นป้ายท่ลี ะหมายเลข หากนักเรยี นทราบคําตอบแล้ว ใหก้ ดกระดิ่งและออกเสียง

คําศัพท์นั้นๆได้เลย กลุม่ ไหนตอบได้มากทีส่ ดุ กลมุ่ นน้ั ชนะไดค้ ะแนนพิเศษ

7. ครแู จกใบงานแผนทป่ี ระเทศไทย และใหน้ ักเรียนแบง่ ภาคตามอากาศ เชน่ ภาคเหนอื อากาศเยน็

ฤดูหนาว ภาคกลางฤดูร้อน และอธบิ ายฤดขู องไทยเปน็ ภาษาจีน

ตัวอยา่ ง ใบงาน

ขนั้ สรปุ (Warp up)

8. เมือ่ นกั เรยี นทําใบงานเรียบรอ้ ยแลว้ ใหน้ กั เรยี นออกมานําเสนอชน้ิ งานของตนเองเปน็ ภาษาจีน

9. ครแู ละนักเรยี นรวมกนั สรุปเน้ือหาและคําศัพท์อกี ครัง้

10. แจง้ เนอ้ื หาทจี่ ะเรยี นในช่วั โมงหน้า

ชั่วโมงท่ี 2
ขั้นนา (Warm up)

1. ครทู กั ทายนักเรยี น 早上好!今天天气很好。 (วนั นอี้ ากาศเปน็ อย่างไร)
2. ใหน้ กั เรยี นทําแบบฝกึ หัดก่อนเรียน(คาํ ศัพท์ในบทเรียน)
ขน้ั สอน(Presentation)
3. ครูให้นกั เรียนเปิดหนังสือไปหนา้ ที่ 133 ใหน้ กั เรยี นอ่านคําศัพท์ตามคุณครู 2 รอบ จากน้ันครู
อธิบายคําศัพท์ทีล่ ะตวั ยกตวั อยา่ งประโยค และให้นักเรียนลองยกตัวอย่างประโยคของคําศพั ท์เชน่ กนั

ตวั อย่างเช่น 现在 =现在几点?(ตอนนี้กี่โมง)、现在你在哪?(ตอนนคี้ ุณอยู่ท่ีไหน)

คาศพั ท์ พินอิน ความหมาย

现在 xi4nz4i ตอนน้ี
但是 d4nsh$ แตว่ ่า
感觉 g3nju0 รูส้ กึ
หนาว
冷 l-ng ไมค่ ่อย
不太 b^ t4i ฤดกู าล
季(节) j$ (ji0)

家乡 ji1 xi1ng บ้านเกดิ

下雪 xi4 xu- หิมะตก

度 d* องศา

差不多 ch4 b* du5 เกือบจะ

零下 l@ng xi4 ติดลม

别 b0i อย่า

当心 d1ng x!n กังวลใจ

暖气 nu3n q$ เครือ่ งทาํ ความร้อน

左右 zu7 y8u ประมาณ

4. ให้นักเรียนนาํ คาํ ศพั ทไ์ ปแตง่ ประโยค คาํ ศัพทล์ ะ 1 ประโยค ลงในสมุดของตนเอง นกั เรยี น
สามารถใชอ้ นิ เตอรเ์ น็ตในการค้นคว้าเพ่ิมเติมได้

5. ระหว่างทีน่ กั เรยี นกําลังแต่งประโยค คณุ ครูคอยเดินดูนกั เรียนใหค้ ําแนะนําและช่วยแกไ้ ขประโยค

ทีผ่ ดิ หรอื คาํ ศัพท์ไหนท่นี ักเรียนไม่เข้าใจ

ข้นั สรปุ (Warp up)
6. ครูตรวจประโยคทนี่ กั เรียนแต่ง วา่ นักเรียนแต่งประโยคถกู ต้องหรือไม่ หากผิดครแู ก้ไขให้

7. ใหน้ กั เรยี นทาํ แบบฝึกหัดหลังเรียน(คําศัพท์)

8. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ คาํ ศพั ท์และประโยคที่นักเรียนแตง่ มาอีกครั้ง

9. แจ้งเน้ือหาทจี่ ะใชเ้ รียนในช่วั โมงหนา้

ช่ัวโมงที่ 3
ขั้นนา (Warm up)

1. ใหน้ กั เรยี นทบทวนอา่ นออกเสยี งคําศัพทใ์ นหนงั สือหนา้ ที่ 133 พรอ้ มกัน 2 รอบ
2. ใหน้ กั เรียนทาํ แบบฝึกหดั ก่อนเรียน(ไวยากรณ์จนี )
ขั้นสอน(Presentation)
3. ครูอธิบายหลกั การใช้ ไวยากรณ์จนี ของ 只是 และ 但是 บน PPT และใหน้ ักเรยี นจดตาม

-การใช้ 只是 และ 但是 เป็นคาํ ที่ใช้เชอ่ื มประโยคเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงท่ี 只是(เพยี งแต)่

เนน้ ทีป่ ระโยคหน้า ส่วน 但是(แต)่ เน้นทป่ี ระโยคหลงั (强调的重点不一样)

…เนน้ ประโยคหนา้ ….,只是…………………….。 (前面比后面重

要)…………………….,但是….เนน้ ประโยคหลงั ….。 (后面比前面重要)
ตวั อย่างเชน่
这件衣服很好看, 只是有点儿小。เส้อื ผา้ ชุดน้ดี ดู ี เพียงแต่เล็กไปหน่อย

虽然她个子很小,但是她力气很大。 ถงึ แม้วา่ รปู รา่ งของเธอจะดูเล็ก แต่
เธอมีกําลังมาก (力气 กาํ ลงั )

4. ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยคคนละ 3 ประโยค โดยจะต้องใชค้ าํ ว่า 只是 และ 但是

5. ครอู ธิบายการใช้ 差不多 และ 左右

差不多 เปน็ คาํ กรยิ าวเิ ศษณ์ (副词)ใชไ้ ดห้ ลายสถานการณ์

1. 差不多 แปลว่า ประมาณ ราวๆ (แตแ่ ปลวา่ โดยครา่ วๆ โดยสังเขปไม่ได้)

ถ้าในความหมายน้ี 大概 / 差不多 สามารถใชแ้ ทนกนั ได้ เชน่ จะบอกว่า “บรษิ ัทแห่งน้ีมี

พนักงานประมาณ 50 คน” ก็ใชไ้ ดท้ ง้ั ประโยค A และ B

A. 这家公司大概有 50 个职员

B. 这家公司差不多有 50 个职员。

แตถ่ า้ จะบอกว่า “สภาพบรษิ ทั โดยสังเขป” จะใช้ X 公司差不多 ไม่ได้ (เป็นตวั อย่าง
การใช้ภาษาท่ีผิด)

2. 差不多 แปลว่า เกอื บจะ ใกลจ้ ะ ภาษาองั กฤษ ใช้คาํ วา่ (英语对应词是) nearly /
almost

ตัวอย่างประโยค “อาหารใกล้จะทําเสรจ็ แลว้ ” (อีกนิดเดียวก็จะเสรจ็ แลว้ ) ก็ใชว้ ่า

菜差不多做好了。อาหารเกือบจะเสร็จแล้ว อกี แปบ๊ นึง (ใช้ X 菜大概做好了

ไมไ่ ด้ ถ้าใช้อยา่ งนี้ กแ็ ปลว่า “อาหารประมาณทําเสร็จแล้ว” X)

你差不多猜对了。คุณเกือบจะทายถูกแลว้ นะ อีกนิดนงึ ( ใช้ X 你大概猜对

了 ไม่ได้ ถ้าใช้อย่างนี้ ก็แปลว่า “คณุ ประมาณทายถูกแลว้ ” X)
3. 差不多 แปลวา่ พอๆ กัน ใกล้เคียงกนั ไล่เลยี่ กนั คลา้ ยคลึงกัน ไม่ตา่ งกันมาก ตวั อย่าง

ประโยค “สองคนนคี้ วามสามารถใกล้เคยี งกัน” (พอๆ กนั ไม่ตา่ งกนั มาก) กใ็ ช้วา่

这两个人的能力都差不多。(ใช้ X 这两个人的能力都大概
ไม่ได้ ) เปน็ การใชภ้ าษาผิด

4. 差不多 แปลวา่ พอใช้ได้ ใช้ในภาษาจีนท้องถ่ิน เชน่ ภาษาจีนฮากกา ภาษาจนี แตจ้ วิ๋

สว่ นคําวา่ 左右 นั้น ใชเ้ ป็นคาํ เสรมิ ไวห้ ลงั คาํ กริยาหรือคํากริยาวิเศษณ์ ใช้ขยายกรยิ า หมายถงึ “ประมาณ”

“ครา่ วๆ ” “ราวๆ “ ตวั อยา่ งประโยค

有 50 个人左右。มีความหมาย = 大概有 50 个人。= 大约有 50 个人。

สามประโยคนใ้ี ช้แทนกนั ได้ในบรบิ ทท่ีตอ้ งการแสดงจาํ นวนครา่ วๆ แปลว่า มปี ระมาณ 50 คนท้งั สามประโยค

ต่างกนั ตรงที่ 大概 กบั 大约 อยหู่ นา้ กรยิ า สว่ น 左右 จะอยู่หลังคํานาม (人)左右 เปน็ คาํ

ประสม ที่สร้างจากคําวา่ 左 (ซา้ ย) กบั 右 (ขวา)

6. ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยคโดยใช้คาํ วา่ 差不多、左右 ไวยากรณ์ละ 3 ประโยค

ขนั้ สรุป (Warp up)
7. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ หลักการใชไ้ วยากรณ์จนี อีกครั้ง
8. นกั เรียนทาํ แบบฝึกหดั หลงั เรียน

ชว่ั โมงที่ 4

ขั้นนา (Warm up)

1. ครทู ักทายนักเรยี น 早上好!今天天气很好。 (วนั นีอ้ ากาศเป็นอย่างไร) ให้

นกั เรียนตอบเปน็ ภาษาจีน

ข้ันสอน(Presentation)
2. ใหน้ กั เรยี นเปิดหนังสือไปหนา้ ท่ี 132 เกยี่ วกับบทสนทนา จากนนั้ ครูเปิดเสยี งบทสนทนาให้

นกั เรียนฟัง 1 รอบ

บทสนทนา

xiànzàizhōngguïshì b u shìdōngtiā

A: 现 在 中 国 是 不 是 冬 天 呀。

búshì xiànzàishìqiūtiān

B:不 是 , 现 在 是 秋 天 。

dànshìwǒgǎnjuãhěnlěng

A: 但 是 我 感 觉 很 冷 。

wǒgǎnjuãbútàilěng àiěrlánmãiyǒuqiūtiān m a

B:我 感 觉 不 太 冷 。爱尔 兰 没 有 秋 天 吗?

yǒu àiěrlányěyǒuchūntiān xià qiū dōngsìgâjìjiã dànshì

C : 有 ,爱尔 兰 也 有 春 天 、 夏 、 秋 、 东 四个季 节 。 但 是

qiūtiānbútàilěng

秋 天 不太 冷 。

nǐ d e jiāxiāngdōngtiānxiàxuě m a

B:你的 家 乡 冬 天 下 雪 吗?

xiàxuě dànshìbútàidà zhâlǐ d e dōngtiānduōshǎodù

A: 下 雪 , 但 是 不 太 大。 这 里的 冬 天 多 少 度?

zhâlǐ d e dōngtiānchàbúduōlíngxià

A: 这 里的 冬 天 差 不 多 零 下 二十度左右。

shãn m e nàtàilìng l e

B: 什 么?那 太 令 了。

biãdānxīn dōngtiānfángjiānlǐyǒunuǎnqì

A: 别 担 心 , 冬 天 房 间 里 有 暖 气。

3. ให้นกั เรยี นอา่ นพร้อมกันอีกครงั้ 1 รอบ จากน้ันให้นักเรียนช่วยกนั แปลประโยคท่ลี ะบรรทดั
และคดั ประโยคลงในสมดุ

4. ใหน้ กั เรียนจบั คู่ จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นสร้างสถานการณ์ การถาม-ตอบเรื่องอากาศกับเพอ่ื นอย่าง

น้อยคนละ 5 ประโยคตัวอย่างเชน่ 你喜欢冬天吗?คณุ ชอบฤดูหนาวไหม , 我喜欢,你呢?
ฉนั ชอบ คณุ ละ

5. เมื่อนักเรียนฝกึ กับเพ่ือนเรียบรอ้ ยแลว้ ใหน้ ักเรยี นออกมาแสดงบทบาทสมมุติหนา้ ช้นั เรียน ให้
เพือ่ นๆและคุณครูใหร้ ับฟัง
ขนั้ สรปุ (Warp up)

6. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปเน้ือหาของบทเรียนอกี คร้ัง
7. แจง้ เน้อื หาทจี่ ะเรียนในช่วั โมงหนา้ ให้นักเรยี นเตรยี มชา มาคนละ 1 ชนดิ จะเป็นใบชาหรอื ชา
สาํ เร็จรปู ก็ได้

ชว่ั โมงท่ี 5
ขั้นนา (Warm up)

1. ครูทกั ทายนักเรยี น สอบถามนักเรยี นวา่ ได้เตรยี มชามาหรือไม่ ร้หู รือไม่วา่ ทาํ ไมวันนค้ี ุณครถู ึงได้
ให้เตรยี มมา

2. ครูเอารปู ชาชนดิ ต่างๆให้นักเรียนดแู ละสอบถามนักเรยี นวา่ นักเรียนเคยเห็นหรือเคยดม่ื ชาชนดิ นี้
กันหรือไม่
ขัน้ สอน(Presentation)

3. ครูอธบิ ายวัฒนธรรมการดืม่ ชาของจนี วา่ เป็นอย่างไรบ้าง
ชาวจนี ดมื่ ชาโดยมปี ระวัติการดมื่ ชามากว่า 4000 ปีแล้ว ชาเปน็ เครอื่ งด่ืมที่ขาดไม่ได้
ในชวี ิตประจําวนั ของชาวจนี สิง่ ของ 7 อยา่ งในชวี ติ ประจาํ วนั ของคนจีนคอื ไม้ ข้าว นาํ้ มัน เกลอื
ซยี ิว้ นํา้ สม้ และชา เห็นได้ว่าชามีความสําคัญมากสําหรบั ชาวจนี
การเลย้ี งนาํ้ ชาเป็นประเพณีของชาวจนี พอมแี ขกมาเยยี่ มที่บา้ น เจา้ ของบ้านกจ็ ะรีบชงชาทม่ี ี
กล่ินหอมทนั ที ดืม่ ชาไปพลางคุยกนั ไปพลาง ซ่งึ เปน็ บรรยากาศสบาย ๆ
ประเพณดี ม่ื ชาในจีนมปี ระวตั ิยาวนาน เล่ากันว่า ปี 280 ก่อนคริสตศ์ ักราช ทางภาคใต้ของจนี มีกก๊
เล็กช่ือ หวกู ั๋ว กษตั รยิ ข์ องกก๊ น้ีโปรดจัดงานเล้ียงขุนนาง และด่ืมเหล้ากนั จนเมาไปหมด แตม่ ีขุนนางคนหนงึ่ ช่ือ
เหวย่ จาวดื่มเหลา้ ไม่เกง่ กษตั รยิ ์ก็เลยโปรดใหเ้ ขาด่ืมชาแทนเหล้า
หลงั จากนนั้ ปัญญาชนกเ็ ริม่ ใชช้ าเลยี้ งแขก จนถงึ สมัยราชวงศ์ถัง การดืม่ ชาได้กลายเปน็ ความเคยชิน
ของชาวจีน เล่ากนั วา่ ประเพณนี ้ียงั มีส่วนเกยี่ วข้องกับศาสนาพทุ ธ ประมาณปีค.ศ 713 – 741 ในพุทธศาสนา
นิกายเซนของจีน พระสงฆ์และศาสนกิ ในวัดตอ้ งน่ังเขา้ ฌานเป็นเวลานาน บางครงั้ รสู้ กึ ง่วงและอยากกนิ ของ
เล่น เจ้าอาวาสกค็ ดิ วธิ ีใหด้ ่มื ชา ทาํ ใหป้ ระสาทตื่น เป็นต้น

4. จากนน้ั ครูสาธิตวธิ กี ารชงชาของจนี วา่ มีลําดับขัน้ ตอนการชงชาเปน็ อย่างไร โดยครจู ะชงชาแต่
ละชนิดใหน้ กั เรยี นลองชิมวา่ แต่ละชนดิ มกี ลนิ่ และรสชาตติ ่างกันอยา่ งไร

5. จากน้นั ให้ขอตัวแทนนักเรยี นนําชาของตัวเองออกชงชาตามขัน้ ตอนของวัฒนธรรมจีนและให้
เพื่อนๆในชัน้ เรียนได้ลองชมิ และชว่ ยกนั วจิ ารณ์เรื่องรสชาติและกลิ่น

6. ครอู ธิบายชนดิ ของชา วา่ มีกีป่ ระเภท

1) ชาเหมาเฟิง (毛锋绿茶)

2) ชาเขียวหลงจง่ิ (龙井)

3) ชาทิกวนอิมฤดใู บไม้ผลิ (铁观音春天)
4) ชาขมขูต่ ิง (苦丁茶)
5) ชาโสมคนอหู ลง (人参乌龙)
6) ชาแดงทนั เซีย่ งกงฟู (坦详功夫红茶)
7) ชาเขยี วไทผงิ โหวค่ยุ (太平猴魁)
8) ชาดาํ พเู อ่อ (普洱茶 2003) เป็นต้น
ขนั้ สรุป (Warp up)
7. ให้นักเรยี นทาํ บตั รแนะนําชนิดชา สรุปเนอื้ หา(นักเรยี นเลือกมาคนละ 1 ชนดิ ) โดยใช้คอมพิวเตอร์
ในการช่วยออกแบบ
8. ครูให้นกั เรยี นนาํ เสนอชนิ้ งานของตนเองผ่านโปรเจคเตอร์
9. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ เน้ือหาอีกคร้งั

ชว่ั โมงที่ 6
ขัน้ นา (Warm up)

1. ครูเปดิ รูปดอกเหมยใหน้ ักเรยี นดู สอบถามนักเรียนว่าเคยเหน็ หรือไม่

2. คุณครูแจกอุปกรณ์กระดาษ พกู่ ัน จานสีและหลอดใหน้ ักเรียน โดยให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ และนั่ง
รวมกล่มุ กนั
ขน้ั สอน(Presentation)

3. ครอู ธบิ ายความหมายเกยี่ วกับดอกเหมย ใหก้ บั นักเรยี นฟัง
มีความหมายมงคลถึง ความชนื่ บาน ความมีโชค ความยงิ่ ใหญ่ และอายยุ นื ยาวกับความอ่อนเยาวท์ ่ี
ยนื ยง
...ถือเป็นหน่งึ ในสามเกลอแหง่ ฤดูกาลอนั หนาวเยน็ คือ ไผ่ หลิว และเหมยหรอื ดอกบว๊ ยน่ันเองค่ะ
? กวจี ีนเปรยี บความงามของดอกเหมยวา่ มีกลีบดอกขาวประดุจหมิ ะ ก้านเขยี วเหมือนสหี ยก ไดร้ บั
สมญาว่า "ยอดแห่งความหอมของมวลดอกไม้"
โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่ดอกไม้ชนดิ อื่นจะรว่ งโรยและเหี่ยวเฉา มเี พยี งดอกเหมยเท่านน้ั ที่คงความงาม
และความสดชน่ื อยูจ่ นถึงตน้ ฤดใู บไม้ผลิ
ดงั น้ันดอกเหมยจงึ เปน็ สัญลกั ษณ์แหง่ การมาของฤดใู บไมผ้ ลิด้วย รวมถงึ เปน็ สญั ลักษณ์แหง่ ตรษุ จีน
และสัญลักษณ์แหง่ ความสขุ
4. ครนู าํ ตวั อยา่ งชิ้นงานการเปา่ ดอกเหมย ใหน้ ักเรียนดจู ากนั้นครูอธิบายการเปา่ ตน้ ดอกเหมยและ
จิ้มดอกไมต้ ามลําตน้ ให้สวยงาม
5. ให้นกั เรยี นนงั่ เป็นกลุม่ จากน้ันครเู ทหมกึ จนี (สดี าํ )และสโี ปสเตอร์สีแดง จากนั้นใหน้ ักเรียนลงมอื
ปฏิบตั เิ ปา่ ดอกเหมยและตกแตง่ ใหส้ วยงาม

ขนั้ สรุป (Warp up)
6. เมอ่ื นกั เรียนทําช้นิ งานของตวั เองให้เรียบร้อย ใหล้ งช่อื นักเรยี นเปน็ ภาษาจนี จากนน้ั ออกมา

นาํ เสนอหน้าชั้นเรียน
7. สรุปเนอื้ หา คาํ ศัพท์ บทสนทนาของบทเรยี นอีกครัง้ และสอบถามนกั เรียนวา่ มีปญั หา หรอื

เนอื้ หาทนี่ ักเรียนยังไมเ่ ข้าใจตรงไหนอีกหรือไม่

9. การวัดและประเมนิ ผล (K-P-A) วธิ ีการวดั ผล เครือ่ งมือวัด เกณฑ์
สิ่งทต่ี ้องการวดั การประเมินผล
- สังเกตจากการ - คําศพั ท์ ประโยค บท -นกั เรยี นอา่ นออกเสยี ง
ดา้ นความรู้ (Knowledge) อ่านออกเสยี ง สนทนา คาํ ศัพท์ ประโยค บท
1. นกั เรียนมีความรเู้ กย่ี วกบั คําศัพท์ ประโยค -แบบฝึกการพูดการ สนทนา ได้ถูกต้อง ไม่น้อย
คําศัพท์ ประโยค บทสนทนา ในการ -การอา่ นบท เวลา กวา่ ร้อยละ 60 ของ
สอบถามเร่ือง 天气 สนทนาทคี่ ล่องและ -แบบประเมินการชง นกั เรียนทง้ั หมด
2. เขา้ ในหลักการใช้ไวยากรณจ์ ีน ถกู ต้อง ชา -นักเรยี นรอ้ ยละ 70
ในบทเรยี น -การชงชา อธบิ ายลําดบั ข้นั ตอนของ
3. เข้าใจวฒั นธรรมการดืม่ ชาของ ตามลําดับขนั้ ตอน -แบบฝกึ หัดหลังเรียน การชงชาจนี
ชาวจีน จีนท่ถี กู ต้อง - การแสดงบทบาท
- ตรวจผลงานจาก สมมุตใิ นชนั้ เรยี น -นักเรียนทําแบบฝึกหัด
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ การเขยี น -สมุดทีน่ กั เรยี นแต่ง
(Skill/Process) แบบฝกึ หัด ประโยคตามหลัก เรอ่ื ง 天气。 ได้
4. สามารถพดู อ่าน เขียน คําศัพท์ -การแสดงบทบาท ไวยากรณ์จีน ถูกต้องไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ
หรือประโยค สมมุติ -ปา้ ยชาจนี 60 ของคะแนนทง้ั หมด
5. การแสดงบทบาทสมมตุ ิเร่ือง 天 -การแต่งประโยค -ภาพดอกเหมย -ความร่วมมือของสมาชิก
气 -ออกแบบปา้ ย ในกลุม่
6. สามารถนาํ ไวยากรณจ์ นี มาแตง่ แนะนาํ ชาจนี - แบบบนั ทกึ การ -การพูดประโยคเพ่ือแสดง
เปน็ ประโยคใหม่ได้ -การเป่าดอกเหมย -สงั เกตพฤตกิ รรมทพี่ งึ
7. การออกแบบป้ายแนะนําชาจีน ประสงค์ บทบาทสมมุติ 我感觉
- สังเกตพฤติกรรม
ดา้ นเจตคติ (Attitude) 很冷。
8. มคี วามใฝ่รู้ใฝเ่ รียน มสี ว่ นรว่ ม
ในการทํากจิ กรรม และมีความ -นกั เรียนร้อยละ 80 เข้า
รับผิดชอบต่องานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย รว่ มวฒั นธรรมจนี
- นักเรียนมพี ฤติกรรม
ดังกล่าวผา่ นเกณฑ์
คุณภาพระดบั พอใช้ขน้ึ ไป

10. สื่อและอุปกรณ์การเรยี น/แหล่งการเรยี นรู้
10.1 สื่อและอุปกรณก์ ารเรียน
1. หนงั สอื ภาษาจนี เพ่ือการส่ือสารในชวี ิตประจาํ วัน
2. คอมพิวเตอรแ์ ละโปรเจคเตอร์
3. ภาพดอกเหมย ชา ฤดูกาลต่างๆ

4. แบบฝึกหัดในบทเรยี นเรื่อง 我感觉很冷。

5. แบบฝกึ หดั กอ่ นเรยี นและหลังเรยี น เร่อื ง 我感觉很冷。
6. พกู่ นั จนี หมึกจนี
10.2 แหล่งการเรยี นรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรียน

2. เพจเรยี นร้งู า่ ยๆจากคําคมภาษาจีน by ku meily

3. หอ้ งเรยี นภาษา

แผนการจัดการเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ(เพ่ิมเตมิ ) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3

รายวิชา ภาษาจีนเพือ่ ในชวี ติ ประจาวัน 2 รหสั วิชา จ 23202

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่ือง 颜色 (ส)ี เวลา 5 ชั่วโมง

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่อื ง 什么颜色的好?(สอี ะไรดี) เวลา 5 ชว่ั โมง

___________________________________________________________________________

1.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

ผู้เรียนจะได้ทําเรียนรู้ เรียนรู้คําศัพท์เกี่ยวกับสีต่างๆในภาษาจีน สีหลักและความหมายของสีใน

วัฒนธรรมจนี ทง้ั ยงั ไดเ้ รียนรกู้ ารใช้คําถามเพื่อสอบถามความคิดเห็นจากผู้อื่น การใช้คําว่า “หรือ” ในบริบทที่

ต่างกัน รวมถึงการเรียนรู้สุภาษิตจีน กลอนจีน หลักคําสอนหรือแม้กระท้ังนิทานสอนใจและสามารถนํามา

ประยกุ ต์ใช้ในการดาํ เนินชีวิตในปจั จบุ นั

2.ผลการเรียนรู้/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

2.1 ผลการเรยี นรู้

1) อ่านออกเสยี งประโยคข้อความ บทสนทนา นทิ านงา่ ยๆ ตามหลักการอ่านในระบบเสียง

ภาษาจีนกลาง

3) จบั ใจความสําคัญ สรปุ และตอบคําถามงา่ ยๆ จากเรื่องท่ีฟังหรืออ่านจากส่ือประเภท

ตา่ งๆ

12) บอกความเหมือนหรือความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสยี งประโยคชนิดต่างๆ การใช้

เคร่อื งหมายวรรคตอน และการลําดับคําตามโครงสร้างประโยคของภาษาจนี และภาษาไทย

16) เผยแพร่หรอื ประชาสัมพันธข์ ้อมูล ข่าวสารของโรงเรียนเปน็ ภาษาจีน

2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)

1) ผู้เรยี นสามารถใชค้ าํ ศัพทเ์ กยี่ วกับสตี า่ งๆในภาษาจีนเพ่ือสนทนาได้

2) ผูเ้ รียนอธิบายความหมายของแตล่ ะสใี นวฒั นธรรมจนี

3) ผู้เรียนเขา้ ใจใชป้ ระโยคคาํ ถามเพื่อสอบถามความคดิ เห็นได้

4) ผู้เรยี นสามารถเลือกใช้คําวา่ “หรอื ” ในภาษาจนี ในประโยคคาํ ถามและประโยคบอกเลา่

ได้

ดา้ นทกั ษะการปฏบิ ตั ิ (P)

5) ผเู้ รยี นฟงั และออกเสียงอักษรจีน อ่านคาํ และประโยคตามหลกั การออกเสยี งภาษาจีน

6) ผเู้ รยี นสนทนาในสถานการณ์ชวี ิตประจาํ วนั ได้

7) ผู้เรยี นเขยี นอักษรจนี ตามหลกั การเขยี นภาษาจนี และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการ

พฒั นาทักษะภาษาจนี ในชีวิตประจาํ วนั

ด้านคณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A)

8) ผู้เรยี นกระตือรือร้นในการทาํ กิจกรรมการเรียนรู้

9) ผู้เรยี นทํากิจกรรมการเรยี นร้อู ยา่ งเป็นระบบระเบียบ

10) ผเู้ รียนสง่ ภาระงานตรงตามเวลาท่ีกําหนด

3.สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

1) ความรู้ (Knowledge : K)

คาศพั ท์ พนิ อิน ความหมาย

想 xi3ng อยาก
买 m3i ซอ้ื
辆 li4ng คนั (ลักษณนาม)
自行车 z$ x@ng ch9 จกั รยาน
看 k4n ดู
颜色 y2n สี
白色 b2i s= สีขาว
怎么样 z-n me le อย่างไรบ้าง
黑色 h9i s= สีดาํ
深 sh9n เขม้
浅 qi3n ออ่ น
不错 b^ cu8 ไมเ่ ลว
选 xu3n เลือก
就 ji* ก็
คาศพั ทเ์ พ่ิมเตมิ

-ไวยากรณจ์ นี 还是、或者 ท้ัง 2 คําน้แี ปลวา่ หรือ

การใช้ คําว่า หรือ ของภาษาจนี มี 2 แบบ คือ 还是 และ 或者 ใช้ต่างกนั ยังไงนะ ลองดจู ากประโยค
ตัวอยา่ ง เพราะบางทกี ารอย่างจากตวั อย่างประโยคหรือการทเี่ ราเข้าใจประโยคน่าจะทําใหเ้ ข้าใจภาษามากกว่า
โครงสร้าง
การใช้ คําว่า หรอื ของภาษาจีน มี 2 แบบ คือ 还是 และ 或者

1. คาํ วา่ 还是 háishì แปลวา่ หรอื ส่วนใหญ่เปน็ การถามเชงิ เนน้ วา่ จะเอาส่งิ ไหน จะทําสงิ่
ใด แลว้ จะใชใ้ นประโยคคําถามด้วย เวลาเขยี นกอ็ ย่าลืมเคร่ืองหมาย ? ด้วยนะครบั

ตัวอยา่ งประโยคการใช้ คาํ วา่ 还是 háishì แปลวา่ หรอื ?
ประโยคที่ 1 คาํ วา่ 还是
ตัวจีน 你是泰国人还是中国人?
พนิ อนิ Nǐ shì tàiguï rãn háishì zhōngguï rãn?
แปลว่า คณุ เป็นคนไทยหรอื คนจนี ?
ประโยคที่ 2 คําวา่ 还是
ตัวจีน 你爱我还是爱她?
พนิ อนิ Nǐ ài wǒ háishì ài tā?
แปลวา่ เธอรกั ฉนั หรอื เธอรักเขา ? ( เขาผู้หญงิ )
ประโยคที่ 3 คําว่า 还是
ตัวจนี 你想喝水还是啤酒?
พินอิน Nǐ xiǎng hē shuǐ háishì píjiǔ?
แปลว่า คุณอยากดื่มนํา้ หรืออยากดมื เบียร์ ?
ประโยคที่ 4 คาํ วา่ 还是
ตวั จนี 你喜欢喝咖啡还是喜欢喝茶?
พนิ อิน Nǐ xǐhuān hē kāfēi háishì xǐhuān hē chá ?
แปลวา่ คุณชอบดมื่ กาแฟหรอื ชา ?
สรปุ ง่ายๆ คาํ วา่ 还是 háishì แปลว่า หรอื ใช้กับประโยคคําถาม

2. คาํ ว่า 或者 huîzhě แปลว่า หรอื หรือแปลประมาณว่า หรือไม่ก็ สว่ นใหญ่เปน็ การถามเชงิ อยา่ งใด
อยา่ งนงึ อะไรก็ได้ แล้วจะใช้ในประโยคบอกเล่าด้วย เวลาเขียนก็ไม่ตอ้ งใสเ่ คร่ืองหมาย ?
ตวั อย่างประโยคการใช้ คําว่า 或者 huîzhě แปลว่า หรือ

ประโยคที่ 1 คาํ วา่ 或者
ตัวจนี 我想喝咖啡或者喝茶。
พินอนิ Wǒ xiǎng hē kāfēi huîzhě hē chá.
แปลวา่ ฉันอยากดื่มกาแฟหรือไม่ก็ชา.

ประโยคท่ี 2 คําวา่ 或者

ตวั จนี 你明天来或者后天来都可以。

พินอิน Nǐ míngtiān lái huîzhě hîutiān lái dōu kěyǐ.
แปลว่า คณุ จะมาวนั พรุ่งนีห้ รือมาวนั มะรนื นี้ก็ได้.
ประโยคท่ี 3 คาํ ว่า 或者

ตัวจีน 每天他们都去打排球或者跑步。

พนิ อนิ Měitiān tāmen dōu qù dǎ páiqiú huîzhě pǎobù.
แปลวา่ ทุกวันพวกเขาไปเลน่ วอลเลยบ์ อลหรอื ไม่ก็ไปว่งิ .
ประโยคท่ี 4 คาํ วา่ 或者

ตัวจนี 我想喝水或者啤酒。

พนิ อิน Wǒ xiǎng hē shuǐ huîzhě píjiǔ.
แปลว่า ฉันอยากด่ืมนํ้าหรือไม่กเ็ บยี ร์ก็ได้.
สรปุ งา่ ยๆ คาํ วา่ 或者 huîzhě แปลว่า หรือ หรอื แปลประมาณวา่ หรอื ไม่ก็ ใช้กับประโยคบอกเล่า
แล้วท่ีสาํ คญั เวลาเขียนในประโยคไม่ต้องใส่ ?

-ความเชื่อเรอื่ งสีของคนจนี
-สุภาษติ จีน
-กลอนจนี
-นิทานจนี

บทสนทนา

wǒxiǎngmǎiyīliàngzìxíngchē nǐkànnǎgâyánsâhǎo

A:我 想 买 一 辆 自 行 车 。你 看 哪个 颜 色 好 ?

báisâ d e zěn m e yàng

B: 白 色的 怎 么 样 ?

wǒbútàixǐhuanbáisâ d e

A: 我不 太 喜 欢 白 色的。

nàhēisâ d e n e

B:那 黑 色的呢?

hēisâ d e wǒyěbútàixǐhuan

C : 黑 色的我也不 太 喜 欢 。

nǐxǐhuanshēnyánsâ d e háishìqiǎn y

B:你喜 欢 深 颜 色的 还 是 浅 颜色的?

wǒxǐhuānqiǎnyánsâ d e

A:我喜 欢 浅 颜 色的。

xuǎnzhâliǎnglánsâ d e hǎo m a

A: 选 这 俩 蓝 色的 好 吗?

búcuî nàwǒjiùxuǎnzhâliàngyánsâ d e b a

B:不 错 ,那我 就 选 这 辆 颜 色的吧。

.

2) ทักษะ/กระบวนการ (Process : P)
2.1ทกั ษะการฟงั (Listening skill)
- คาํ ศัพท์ ประโยค
2.2 ทกั ษะการพูด (Speaking skill)
- คาํ ศพั ท์ ประโยค
2.3 ทกั ษะการอ่าน (Reading skill)
- คาํ ศัพท์ ประโยค
2.4 ทกั ษะการเขียน (Writing skill)
- คําศพั ท์ ประโยค
2.5 กระบวนการกลุ่ม
- จบั คูส่ นทนา
- ระดมสมอง
- ฝกึ กจิ กรรมกลุ่มตามแผนการจัดการเรียนรู้

3) เจตคติ (Attitude : A)
1. กลา้ แสดงออก
2. มั่นใจในการออกเสียงคําศัพท์ ประโยคภาษาจีน
3. มคี วามสุข สนุกสนานกบั การเรยี นภาษาจีน

3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน
-

4.สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
- มพี ื้นฐานความรู้ ความเขา้ ใจ และมีทกั ษะในการสอื่ สารภาษาจนี
4.2 ความสามารถในการคิด
- ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ คิดอยา่ งสร้างสรรค์ และคดิ เปน็ ระบบ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การนาํ ความรดู้ า้ นทักษะภาษาจนี และหลกั ไวยากรณ์ไปใช้พจิ ารณาหาคาํ ตอบอยา่ งมเี หตผุ ล
4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
- การทาํ งานกลมุ่ รว่ มกนั นํากระบวนการตา่ งๆ ไปใชใ้ นการดําเนินชีวิตประจาํ วนั
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- การแสวงหาความรู้เพ่ิมเตมิ จากสอื่ อเิ ล็กทรอนิคส์ เพ่ือพัฒนาตนเองในดา้ นภาษาจีน

5.ทกั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 (3R 8C)
- อ่านออก (Reading
- เขยี นได้ (Riting)
- ความร่วมมือ การทาํ งานเป็นทีม และภาวะผนู้ ํา (Collaboration Teamwork and
Leadership)
- มีระเบยี บวนิ ยั (Compassion)

6.คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มีวินัย
- ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บข้อบังคับ และตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรม
6.2 ใฝ่เรียนรู้
- เอาใจใส่ ตง้ั ใจเรยี น มีความเพยี รพยายามในการเรยี นรู้ และสนใจเข้าร่วมกจิ กรรม
6.3 ม่งุ มั่นในการทาํ งาน
- ตัง้ ใจ และรบั ผิดชอบที่ไดร้ บั มอบหมาย

7.ชิ้นงาน/ภาระงาน
ชิ้นงาน - ใบงานคดั จีน
- แบบฝกึ หัดกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น
- จับคูส่ นทนาและตอบคําถาม
- PPT นําเสนอความเชือ่ เรอื่ งสีของชาวจีน
ภาระงาน - แบบฝึกหดั ในหนงั สอื เรียนหนา้ 147-151
- วาด-ระบายสีบทกลอนจนี หรือสุภาษติ จนี
- แตง่ ประโยคไวยากรณ์จีน 但是、或者
-

8. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ 1

ขนั้ นา (Warm up)
1. ครูผู้สอนทักทายนักเรยี นโดยใช้คาํ ถามกระตุ้นความสนใจใหผ้ ู้เรียน โดยสรา้ งบรรยากาศทีด่ ี ซึ่งจะ

เปน็ ประโยชน์ตอ่ การเรยี นรู้
2. ทบทวนเน้อื หาอย่างสนั้ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนนําความรู้และทักษะเดิมมาสัมพันธ์กับบทเรียนใหม่
3. ครผู สู้ อนเกรน่ิ เนอื้ หาทจ่ี ะเรียน ซกั ถามเกย่ี วกบั ประสบการณข์ องนักเรียนแล้วโยงไปสู่เร่อื งที่ครูจะ

สอน
ขั้นสอน(Presentation)

4. ครูผสู้ อนสอบถามนักเรยี นว่าดว้ ยเรอื่ งของสี โดยพดู ถงึ เรื่องแม่สี
5. โดยวาดโครงสร้างบนกระดาน แม่สมี ที ้งั หมด 3 สี และเขยี นพนิ อิน ตัวอักษรจีน
6. ใช้การทักษะการผสมสีระหว่างแมส่ ที ง้ั สามสีโดยค่อยๆเพ่ิมคําศัพทเ์ กย่ี วกับสี

7. จากน้นั บอกสีอืน่ ๆทผี่ ู้เรียนตอ้ งการรู้เพ่มิ เติมและทบทวนสีตา่ งๆโดยเร่มิ จากแมส่ ีและสีทเี่ กดิ จาก
การผสมกันอยา่ งกระชับ

8. ใหผ้ ู้เรยี นอา่ นตามครูผู้สอนและแก้ไขการออกเสียงใหช้ ดั เจนและถูกต้อง จากนน้ั เขยี นโครงสรา้ ง
ประโยคสนทนาบนกระดาน

A : 你喜欢什么颜色?
B : 我喜欢 ___________________.
9. ให้ผ้เู รยี นถามเพ่ือนท่นี ่ังโต๊ะข้างกันหรอื ให้ผูส้ อนสมุ่ ใหค้ รถู ามคําถามแล้วจงึ ให้นักเรยี นตอบเพื่อวัด
ความเขา้ ใจของนักเรียนแต่ละคน
10. ครผู สู้ อนแบ่งกลมุ่ นักเรยี นตามแถวในช้นั เรียนเป็น 3-4 กล่มุ โดยบอกกติกาการเล่นเกมทายแผ่นสี
และใหน้ ักเรียนตงั้ ชือ่ กลุ่มของตนเอง
11. ครผู ้สู อนทดสอบความเข้าใจของนักเรยี น1-2 ข้อ จากนน้ั ครผู ้สู อนชแู ผ่นป้ายสแี ละเมื่อผู้เรยี นตอบ
ถกู ต้องและชดั เจนจะไดร้ บั 1 คะแนน เม่ือผเู้ รียนตอบถูกต้องแต่การออกเสียงยงั ไม่ชัดเจนครผู ้สู อนแก้ไขโดย
ใหน้ ักเรยี นอ่านตามครูและแก้ไขเสยี งให้ถกู ต้อง ครูออกเสยี ง 1 ครง้ั ใหน้ ักเรียนออกเสยี งตาม และให้นักเรยี น
ออกเสียงเอง 2 ครัง้ จนครบทกุ สี
12. จากนนั้ เขียนโครงสร้างประโยคสนทนาบนกระดาน
A : 你喜欢什么颜色?
B : 我喜欢 ___________________.
13. ให้ผเู้ รยี นถามเพือ่ นท่นี ่ังโต๊ะขา้ งกันหรอื ให้ผสู้ อนสมุ่ ให้ครถู ามคาํ ถามแลว้ จงึ ใหน้ ักเรียนตอบเพื่อวดั
ความเขา้ ใจของนักเรยี นแตล่ ะคน
ขน้ั สรุป (Warp up)
14. ครูทบทวนเนื้อหาทั้งหมด โดยใหค้ รูผูส้ อนเป็นผู้สรปุ ผเู้ รยี นสามารถอา่ นออกเสยี งคําศพั ท์ได้
อย่างถูกต้องและชดั เจน
15. แจง้ เนอ้ื หาที่จะเรียนในชั่วโมงหน้า

ชัว่ โมงท่ี 2
ข้ันนา (Warm up)

1. ครทู กั ทายนักเรียน ทบทวนคําศพั ท์เร่ืองสี โดยครชู ูแผ่นป้ายสีและใหน้ ักเรยี นทงั้ ห้องช่วยกันตอบ
สลับระหวา่ งสีกับตัวอักษรจีน เพื่อให้นักเรยี นได้จดจําอักษรจีนไดด้ ว้ ย

ขน้ั สอน(Presentation)
2. ครูใหน้ ักเรียนเปิดหนงั สือไปหน้าที่ 143 จากนัน้ สอนนักเรียนอา่ นคาํ ศัพท์ 2 รอบ และให้นกั เรียน

ฝึกอ่านเองอีก 2 รอบ

คาศพั ท์ พนิ อิน ความหมาย

想 xi3ng อยาก

买 m3i ซอ้ื

辆 li4ng คัน(ลักษณนาม)

自行车 z$ x@ng ch9 จักรยาน

看 k4n ดู

颜色 y2n สี

白色 b2i s= สขี าว

怎么样 z-n me le อยา่ งไรบ้าง

黑色 h9i s= สดี าํ

深 sh9n เขม้

浅 qi3n ออ่ น

不错 b^ cu8 ไมเ่ ลว

选 xu3n เลือก

就 ji* ก็

3. ครูยกตวั อยา่ งการแตง่ ประโยคคาํ ศัพท์ในบทเรยี น เชน่

想=我想吃面条。ฉนั อยากทานบะหมี่

买= 你要买什么?คณุ ต้องการซ้ืออะไร เปน็ ตน้

4. ให้นักเรียนแต่ประโยค โดยนําคําศัพทท์ ่ีคณุ ครูกาํ หนดให้ไปแต่งเปน็ ประโยคทสี่ มบรู ณ์ ระหว่างนี้
คณุ ครจู ะค่อยเดินดูนักเรียนแตง่ ประโยคเปน็ รายบุคคล เพื่อใหค้ วามชว่ ยเหลอื และอธิบายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมาก

ขึน้

5. ครอู ธิบายความเชื่อเร่ืองสีของคนจีน ว่าแตล่ ะสมี คี วามหมายอย่างไรและมีความสาํ คัญมากนอ้ ย
เพยี งใด

6. จากนั้นให้นักเรียนหาขอ้ มูลเก่ียวกบั ความเชอ่ื เร่ืองสขี องชาวจีน หรือสีทใ่ี ช้เปน็ สญั ลักษณ์หรือ
เครอ่ื งหมายของวัฒนธรรมจนี โดยเฉพาะสที ่เี ปน็ ธาตหุ ลักของหยนิ -หยาง และจัดทําเป็น PPT นาํ เสนอ

ในชั้นเรียน

ข้ันสรุป (Warp up)
7. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปคาํ ศพั ท์และความเชือ่ เรื่องสีของชาวจีนทีม่ ีความสาํ คญั มากโดยเฉพาะ

วฒั นธรรมจนี

8. แจง้ เนื้อหาทีจ่ ะเรยี นในชว่ั โมงหน้าเกย่ี วกบั ไวยากรณ์จนี ให้นกั เรียนไปศึกษามาล่วงหน้า

ชัว่ โมงที่ 3
ขนั้ นา (Warm up)

1. ครทู บททวนคําศัพทเ์ กีย่ วกับสี และใหน้ ักเรยี นชวนกนั อธิบายความหมายของแต่ละสีมีความ
สําคัญอย่างไรกับชาวจีน

2. ให้นกั เรียนทําแบบฝกึ หัดก่อนเรยี น
ขัน้ สอน(Presentation)

3. ครูอธบิ ายการใชไ้ วยากรณ์จีนเรอ่ื ง 还是、或者 ท้ัง 2 คําน้แี ปลวา่ หรือ

การใช้ คาํ ว่า หรือ ของภาษาจีน มี 2 แบบ คือ 还是 และ 或者 ใชต้ ่างกนั ยังไงนะ ลองดจู ากประโยค
ตัวอย่าง เพราะบางทกี ารอย่างจากตัวอยา่ งประโยคหรือการทเี่ ราเขา้ ใจประโยคนา่ จะทาํ ให้เขา้ ใจภาษามากกวา่
โครงสร้าง

การใช้ คาํ วา่ หรือ ของภาษาจนี มี 2 แบบ คือ 还是 และ 或者

1. คําว่า 还是 háishì แปลวา่ หรือ ส่วนใหญเ่ ปน็ การถามเชงิ เนน้ ว่าจะเอาสงิ่ ไหน จะทําสงิ่
ใด แล้วจะใช้ในประโยคคําถามด้วย เวลาเขียนกอ็ ยา่ ลมื เครื่องหมาย ? ด้วยนะครับ

ตวั อย่างประโยคการใช้ คําวา่ 还是 háishì แปลว่า หรือ ?

ประโยคท่ี 1 คําว่า 还是

ตัวจีน 你是泰国人还是中国人?

พนิ อนิ Nǐ shì tàiguï rãn háishì zhōngguï rãn?
แปลวา่ คณุ เปน็ คนไทยหรือคนจนี ?

ประโยคท่ี 2 คาํ วา่ 还是

จนี 你爱我还是爱她?

พินอนิ Nǐ ài wǒ háishì ài tā?
แปลวา่ เธอรักฉันหรือเธอรกั เขา ? ( เขาผู้หญงิ )
ประโยคท่ี 3 คาํ วา่ 还是

ตวั จนี 你想喝水还是啤酒?

พนิ อิน Nǐ xiǎng hē shuǐ háishì píjiǔ?
แปลว่า คณุ อยากดื่มน้าํ หรืออยากดืมเบยี ร์ ?

ประโยคท่ี 4 คาํ วา่ 还是

ตวั จนี 你喜欢喝咖啡还是喜欢喝茶?

พนิ อนิ Nǐ xǐhuān hē kāfēi háishì xǐhuān hē chá ?
แปลว่า คณุ ชอบดมื่ กาแฟหรอื ชา ?
สรปุ งา่ ยๆ คาํ วา่ 还是 háishì แปลวา่ หรอื ใช้กับประโยคคาํ ถาม
4. ระหวา่ งท่คี ุณครูสอนให้นกั เรียนหัดแตง่ ประโยคดว้ ยปากเปล่า(ยงั ไม่ต้องเขียน) เป็นการเชก็ ความ
เข้าใจของนักเรียนวา่ เข้าใจมากน้อยเพียงใด
5. ครูยกตวั อยา่ งประโยค และของตวั แทนนักเรียนออกมาเติมคํา 还是 ควรนาํ ไปวางใน
ตาํ แหนง่ ใดของประโยค (5 ข้อ)เช่น

你喜欢我他。= 你喜欢我还是他。 คุณชอบฉนั หรอื เขา

6. ให้นกั เรียนทกุ คนแต่งประโยคคนละ 3 ประโยค ลงในสมดุ ของตนเองให้ถูกต้องตามโครงสร้าง
7. ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั การใชไ้ วยากรณ์จีนคําว่า 或者

2. คาํ ว่า 或者 huîzhě แปลวา่ หรือ หรือแปลประมาณว่า หรือไม่ก็ สว่ นใหญ่เป็นการถามเชิง อยา่ งใด
อย่างนึงอะไรก็ได้ แล้วจะใช้ในประโยคบอกเล่าดว้ ย เวลาเขยี นกไ็ ม่ตอ้ งใสเ่ คร่ืองหมาย ?
ตวั อยา่ งประโยคการใช้ คาํ วา่ 或者 huîzhě แปลวา่ หรือ

ประโยคท่ี 1 คําวา่ 或者

ตัวจนี 我想喝咖啡或者喝茶。

พนิ อิน Wǒ xiǎng hē kāfēi huîzhě hē chá.
แปลวา่ ฉันอยากด่ืมกาแฟหรือไม่ก็ชา.
ประโยคที่ 2 คาํ วา่ 或者

ตัวจีน 你明天来或者后天来都可以。

พินอิน Nǐ míngtiān lái huîzhě hîutiān lái dōu kěyǐ.
แปลวา่ คณุ จะมาวนั พรุง่ นหี้ รือมาวันมะรืนนกี้ ็ได้.
ประโยคที่ 3 คําวา่ 或者

ตวั จนี 每天他们都去打排球或者跑步。
พนิ อนิ Měitiān tāmen dōu qù dǎ páiqiú huîzhě pǎobù.
แปลวา่ ทุกวนั พวกเขาไปเล่นวอลเลย์บอลหรอื ไมก่ ็ไปว่งิ .
ประโยคที่ 4 คําวา่ 或者

ตัวจีน 我想喝水或者啤酒。

พินอนิ Wǒ xiǎng hē shuǐ huîzhě píjiǔ.
แปลวา่ ฉนั อยากดื่มนํ้าหรอื ไม่ก็เบียรก์ ็ได้.
สรปุ งา่ ยๆ คาํ วา่ 或者 huîzhě แปลวา่ หรอื หรือแปลประมาณว่า หรือไม่ก็ ใช้กับประโยคบอกเลา่
แลว้ ทสี่ ําคัญเวลาเขียนในประโยคไม่ต้องใส่ ?
8. ระหว่างทค่ี ุณครูสอนให้นักเรียนหดั แตง่ ประโยคด้วยปากเปล่า(ยังไม่ต้องเขียน) เป็นการเช็กความ
เข้าใจของนักเรยี นว่าเข้าใจมากนอ้ ยเพยี งใด
9. ครูยกตัวอยา่ งประโยค และของตวั แทนนักเรยี นออกมาเตมิ คาํ 或者 ควรนําไปวางใน
ตาํ แหน่งใดของประโยค (5 ข้อ)เชน่
我喜欢蓝色红色。=我喜欢蓝色或者红色 ฉนั ชอบสนี ํา้ เงินหรือไม่กส็ แี ดง
10. ใหน้ ักเรียนทุกคนแต่งประโยคคนละ 3 ประโยค ลงในสมุดของตนเองใหถ้ ูกต้องตามโครงสร้าง
ตามหลกั ไวยากรณ์
ขั้นสรุป (Warp up)
11. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปเนื้อหาอีกครงั้ เปน็ การถาม –ตอบการใช้ 还是,或者
12. ทาํ แบบฝึกหดั หลงั เรยี น
13. แจ้งเนอ้ื หาทจ่ี ะเรยี นในชั่วโมงหนา้ ให้นักเรยี นกลบั ไปเปิดหนงั สือเรียนในหนา้ ที่ 143 และดหู ัด
อา่ นบทสนทนามาลว่ งหน้า

ช่ัวโมงที่ 4

ขน้ั นา (Warm up)

1. ทบทวนเนอ้ื หา คําศัพท์ ไวยากรณจ์ นี ทนี่ ักเรยี นไดเ้ รยี นผ่านมาในช่วั โมงก่อนๆ จากนัน้ ใหเ้ ปดิ

หนงั สือไปหน้าที่ 144 อา่ นคาํ ศัพท์ ในบทเรียน 2 รอบ

คาศัพท์ พนิ อนิ ความหมาย

想 xi3ng อยาก

买 m3i ซอ้ื

辆 li4ng คัน(ลักษณนาม)

自行车 z$ x@ng ch9 จักรยาน

看 k4n ดู

颜色 y2n สี

白色 b2i s= สขี าว

怎么样 z-n me le อยา่ งไรบ้าง

黑色 h9i s= สดี ํา

深 sh9n เข้ม

浅 qi3n อ่อน

不错 b^ cu8 ไม่เลว

选 xu3n เลอื ก

就 ji* ก็

ขั้นสอน(Presentation)

2. ครเู ปิดเสียงคลิปวดี ิโอการสนทนา ระหวา่ ง 杰克 และ 新航 ให้นักเรียนฟัง 2 รอบ จากนน้ั

สอบถามนักเรยี นว่านักเรียนพอเดาไดห้ รอื ไม่ ว่าทงั้ สองพดู คุยกันเก่ียวกับอะไร มีประโยคไหนที่นักเรยี นฟังออก
บ้าง

3. จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นเปิดหนังสือเรียนไปหนา้ ที่ 143 ครูสอนนักเรยี นอ่านประโยคตามทีล่ ะบรรทัด
บทสนทนา

wǒxiǎngmǎiyīliàngzìxíngchē nǐkànnǎgâyánsâhǎo

A:我 想 买 一 辆 自 行 车 。你 看 哪个 颜 色 好 ?

báisâ d e zěn m e yàng

B: 白 色的 怎 么 样 ?

wǒbútàixǐhuanbáisâ d e

A: 我不 太 喜 欢 白 色的。

nàhēisâ d e n e

B:那 黑 色的呢?

hēisâ d e wǒyěbútàixǐhuan

C : 黑 色的我也不 太 喜 欢 。

nǐxǐhuanshēnyánsâ d e háishìqiǎn y

B:你喜 欢 深 颜 色的 还 是 浅 颜色的?

wǒxǐhuānqiǎnyánsâ d e

A:我喜 欢 浅 颜 色的。

xuǎnzhâliǎnglánsâ d e hǎo m a

A: 选 这 俩 蓝 色的 好 吗?

búcuî nàwǒjiùxuǎnzhâliàngyánsâ d e b a

B:不 错 ,那我 就 选 这 辆 颜 色的吧。

4. จากนน้ั ครูและนักเรยี นรวมกันแปลประโยคเป็นภาษาไทย ว่าแตล่ ะประโยคแปลวา่ อะไร และ
คดั ลอกลงในสมุดของนักเรยี น

5. ใหน้ กั เรียนจับค่สู นทนากนั โดยนักเรยี นสามารถจะเลือกประโยคจากบทเรยี นหรอื นักเรยี นจะแตง่
ขน้ึ มาใหม่ก็ได้ และให้คณุ ครูช่วยดูความถูกต้องได้

6. เมอ่ื นกั เรียนฝกึ ซ้อมกนั เรยี บร้อยแล้ว คจู่ ับหมายเลข จับได้หมายเลขใดคูน่ ้ันออกมาแสดงบทบาท
สมมุตหิ น้าช้ันเรยี น
ขั้นสรปุ (Warp up)

7. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อา่ นบทสนทนาอีกคร้ัง และสรุปผลการเรยี นรูใ้ นบทเรียนน้ี
8. ให้นกั เรยี นทาํ แบบแบบฝกึ หดั ในบทเรียนหนา้ ท่ี 151-152
9. แจ้งนกั เรียนในชั่วโมงหน้าให้นาํ อุปกรณ์(กรรไกร สี กระดาษร้อยปอนด์ ปากกาหมึกซมึ สีดํา)

ชว่ั โมงที่ 5
ขั้นนา (Warm up)

1. ครูสอบถามนกั เรียนว่าไดเ้ ตรียมอุปกรณท์ ี่ครูได้สัง่ ให้นักเรยี นนํามาในชัว่ โมงทแี่ ลว้ หรือไม่
2. ครูเปดิ รูปภาพ ขงจ้ือ ใหน้ กั เรียนดูและสอบถามวา่ นกั เรียนรู้จกั บคุ คลนี้หรือไม่ มีความสาํ คัญ
อยา่ งไรกับชาวจีน
ขั้นสอน(Presentation)
3. ครูอธิบายเร่อื งราวของนกั กวจี ีนที่เป็นบุคคลสาํ คัญของชาวจีน โดยเฉพาะในสมยั ราชวงศ์ดงั นี้

1. หลไี่ ป๋ “เซยี นแห่งกวี
หลไ่ี ปเ๋ ป็นกวมี ชี ่ือเสียงโดง่ ดังสมัยราชวงศถ์ งั ของจนี มีอุปนิสัยอวดดีลําพองตัว

ความเชื่อม่ันในตัวเองสงู ใจนักเลงและเปิดเผย มีความคิดอิสระ ทง้ั นส้ี ะท้อนถึงคณุ ลักษณะ
แห่งยุคสมยั และสภาพจติ ใจของปัญญาชนในช่วงเวลาที่เจริญรงุ่ เรืองทส่ี ดุ ของราชวงศ์ถัง
2.ชีหยวน

ชีหยวนเป็นกวีทีป่ ระชาชนจนี เลือ่ มใสศรัทธาและรักทีส่ ดุ คนหน่งึ ในช่วงหลายพันปที ี่

ผ่านมา เขาใชช้ วี ิตในสมัยจา้ นกว๋อ (กอ่ นค.ศ.475-ก่อนค.ศ.221 )สมัยจา้ นกวอ๋ ของจีน

เป็นชว่ งเวลาทีม่ ีกก๊ หรอื แควน้ ตา่ งๆจํานวนมาก และเกิดสงครามระหวา่ งกนั อย่างต่อเนือ่ ง ใน
บรรดากก๊ ต่างๆ ก๊กฉนิ กบั กก๊ ฉ่เู ป็นประเทศที่มีกําลงั เข้มแข็งเกรยี งไกรท่สี ุดในเวลาน้นั
3. เถายวนหมิง

เถายวนหมงิ เถาเยวนหมิงมีอกี ช่ือหน่ีงวา่ เถาเฉียน เขาเป็นคนในสมัย“ตงจิน้ ”หรอื จิ้น

ตะวนั ออกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 4 เปน็ ผรู้ เิ ร่มิ บทกวีสาํ นกั ลูกทุ่ง ตลอดชวี ติ ของเถายวนหมิง เขา
เป็นคนใชช้ ีวติ เรียบงา่ ย นับถือและชน่ื ชมธรรมชาติ มีคุณธรรมสูง จติ ใจงดงาม ซื่อสัตย์

4. ครูยกตวั อยา่ งบทกลอน

无题 唐 李商隐

相见时难别亦难,东风无力百花残。

春蚕到死丝方尽,蜡炬成灰泪始干。

晓镜但愁云鬓改,夜吟应觉月光寒。

蓬山此去无多路,青鸟殷勤为探看。

ยามประสบพบยากจากแสนยาก ลมโปรยโชยอ่อนบปุ ผาโรย

ตัวไหมส้นิ ใจจึ่งส้นิ สดุ สายใย เปลวเทยี นดับมอดนํ้าตาจึ่งแหง้ เหอื ด

โฉมนางงามระทมกาลแปรผนั ครวญคร่ํายามดึกจนั ทรร์ ิบหร่ี

จากนคี้ ดิ ไปไร้ซ่ึงหนทาง วอนวิหคสง่ ข่าวแทนข้าที

5. ให้นกั เรียนยกตวั อย่างบทกลอนและสุภาษติ จนี ของกวที ี่นักเรยี นชนื่ ชอบมา 1 บทกลอนและอา่ น

ให้เพ่ือนๆในชัน้ เรยี นฟัง

6. ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกล่มุ ออกเป็น 4 กลมุ่ จากนั้นใหต้ ัวแทนสมาชิกออกมาจบั ฉลากเลอื กบทกลอน

เม่ือไดไ้ ปแลว้ ให้นกั เรียนชว่ ยกันแปลความหมายของบทกลอนน้นั ๆ และนาํ เสนอหนา้ ชน้ั เรียน ระบนุ ักกวีด้วย

7. ครูให้นกั เรียนนาํ กระดาษร้อยปอนด์ ออกมาว่ารูปและเขยี นบทกลอนหรือสุภาษิตตามที่นักเรยี น

จะเลือกและตกแตง่ ให้สวยงาม

ข้ันสรุป (Warp up)

8. เมือ่ นักเรียนวาดภาพระบายสเี รยี บร้อยแลว้ นกั เรียนออกมานําเสนอช้ินงานของตนเอง อ่านบท

รอ้ ยกรองหรอื วา่ สุภาษติ เปน็ ภาษาจนี

9. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ อีกคร้ังก็เลิกคาบเรียนในชั่วโมงน้ี

9. การวัดและประเมนิ ผล (K-P-A) วธิ กี ารวัดผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์
ส่งิ ท่ตี ้องการวดั การประเมนิ ผล
- สงั เกตจากการ - คาํ ศัพท์ ประโยค บท
ด้านความรู้ (Knowledge) อ่านออกเสยี ง สนทนา -นักเรียนอา่ นออกเสยี ง
4. นักเรยี นมคี วามรเู้ กย่ี วกับ คาํ ศัพท์ ประโยค -แบบฝกึ หัดไวยากรณ์ คาํ ศัพท์ ประโยค บท
คําศัพท์ ประโยค บทสนทนา ในการ -การอ่านบท จนี 10 ขอ้ สนทนา ได้ถูกต้อง ไมน่ ้อย
สอบถามเรื่อง 颜色 สนทนาทีค่ ล่องและ -แบบประเมนิ การอ่าน กวา่ ร้อยละ 60 ของ
5. เข้าในหลกั การใชไ้ วยากรณ์จีน ถูกต้อง ออกเสียงสัทอักษรจนี นกั เรียนทัง้ หมด
ในบทเรยี น -เขา้ ใจหลักการใช้ -นกั เรียนร้อยละ 60 ทาํ
6. เขา้ ใจความเชื่อเรื่องสขี องคนจนี ไวยากรณจ์ ีน แบบฝึกหัดไวยากรณ์จีนได้
รวมถงึ นักกวีจีนไมว่ า่ จะเป็น สุภาษติ -การอ่านออกเสียง 6 คะแนนขึ้นไป
จีน กลอนจนี หรือนทิ านจนี กลอนจีน สุภาษิต -นกั เรยี นร้อยละ 60 อา่ น
นิทานจีน ออกเสยี งบทกลอนจนี
สุภาษิต นิทานจีนตาม
หลกั การอา่ นภาษาจนี

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ - ตรวจผลงานจาก -แบบฝึกหัดหลงั เรียน -นักเรียนทาํ แบบฝึกหัด
(Skill/Process) การเขยี น - การแสดงบทบาท เรอ่ื ง 颜色。 ได้
4. สามารถพดู อ่าน เขียน คําศัพท์ แบบฝึกหดั สมมตุ ใิ นช้นั เรียน ถูกต้องไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ
หรอื ประโยค -การแสดงบทบาท -สมุดที่นักเรียนแต่ง 60 ของคะแนนทง้ั หมด
สมมุติ ประโยคตามหลกั -ความร่วมมือของสมาชกิ
5. การแสดงบทบาทสมมตุ เิ รื่อง 颜 -การแตง่ ประโยค ไวยากรณจ์ นี ในกลุ่ม
คาํ ศัพทใ์ นบทเรียน -ภาพวาด-ระบายสีบท -การพูดประโยคเพื่อแสดง
色 และไวยากรณ์จีน กลอนจีนหรอื สภุ าษติ บทบาทสมมตุ ิ 颜色。
-การวาดภาพของ จนี -นักเรยี นร้อยละ 80 วาด
6. สามารถนาํ ไวยากรณจ์ นี มาแตง่ กลอนจนี หรือ ภาพ-ระบายสไี ด้ระดับ 7
เป็นประโยคใหม่ได้ สภุ าษิตจีนและการ - แบบบันทกึ การ คะแนนข้นึ ไป
7. ผูเ้ รียนสามารถการวาดภาพ- นําเสนอหนา้ ช้ัน -สังเกตพฤติกรรมที่พงึ
ระบายสบี ทกลอนจนี หรอื สุภาษิตจนี เรียน ประสงค์ - นักเรียนมีพฤติกรรม
และมที ักษะการอ่านกลอนจนี ท่ี ดงั กลา่ วผ่านเกณฑ์
ถกู ต้อง - สงั เกตพฤติกรรม คณุ ภาพระดับพอใช้ขน้ึ ไป

ดา้ นเจตคติ (Attitude)
8. มีความใฝ่ร้ใู ฝ่เรยี น มสี ว่ นรว่ ม
ในการทํากิจกรรม และมีความ
รับผิดชอบต่องานท่ีได้รับมอบหมาย

10. ส่อื และอุปกรณ์การเรียน/แหล่งการเรยี นรู้
10.1 สื่อและอุปกรณ์การเรียน
1. หนงั สอื ภาษาจีนเพ่ือการส่ือสารในชีวิตประจําวนั
2. คอมพวิ เตอรแ์ ละโปรเจคเตอร์
3. ภาพนักกวีของจนี

4. แบบฝกึ หัดในบทเรียนเร่ือง 什么颜色的好?

5. แบบฝกึ หดั กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น เรือ่ ง 什么颜色的好?

6. บตั รภาพสี
10.2 แหลง่ การเรียนรู้

1. ห้องสมดุ โรงเรยี น

2. เพจเรียนร้งู ่ายๆจากคําคมภาษาจนี by ku meily

3. ห้องเรยี นภาษา
4. หอ้ งคอมพวิ เตอร์

แผนการจดั การเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาตา่ งประเทศ(เพิ่มเติม) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3

รายวชิ า ภาษาจีนเพอ่ื ในชีวิตประจาวัน 2 รหสั วชิ า จ 23202

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 เรอ่ื ง 健康 (สุขภาพ) เวลา 5 ชั่วโมง

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง 我有点不舒服?(ฉนั ไมส่ บายนดิ หน่อย) เวลา 5 ชั่วโมง

___________________________________________________________________________

1.สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

เร่ืองความเจ็บป่วยเล็กน้อยเป็นเร่ืองท่ีสามารถพบได้ในชีวิตประจําวัน ในเนื้อหาน้ีผู้เรียนจะได้เรียนรู้

คําศัพท์ท่ีใช้เมื่อมีอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น เช่น ท้องเสีย ปวดหัว มีไข้ ไอ เป็นต้น และได้ฝึกสนทนาในกรณีที่มี

ความเจ็บป่วยเล็กน้อยได้ รวมถึงมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับแพทย์แผนจีน การนําความรู้ท่ีได้รับมาใช้ใน

ชีวิตประจําวนั

2.ผลการเรียนรู้/จดุ ประสงค์การเรียนรู้

2.1 ผลการเรยี นรู้

2) ระบปุ ระโยคและขอ้ ความ หรอื ตอบคําถามใหส้ มั พนั ธ์กับสือ่ ที่ไมใ่ ชค่ วามเรยี งที่อา่ น

4) สนทนา แลกเปลี่ยนและเขียนโตต้ อบข้อมลู เพอื่ สื่อสารอยา่ งต่อเนือ่ งเก่ยี วกบั ตนเอง

กจิ กรรม และสถานการณต์ า่ งๆ ในชีวิตประจาํ วนั

5) ใชค้ าํ ขอร้อง คาํ แนะนาํ คําชแี้ จง และคําอธบิ ายตามสถานการณ์

12) บอกความเหมอื นหรือความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสยี งประโยคชนิดตา่ งๆ การใช้

เครอ่ื งหมายวรรคตอน และการลาํ ดบั คาํ ตามโครงสร้างประโยคของภาษาจนี และภาษาไทย

2.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ดา้ นความรู้ความเข้าใจ (K)

1) ผูเ้ รียนสามารถใชค้ ําศัพทเ์ กีย่ วกับความเจ็บป่วยไม่สบายเลก็ นอ้ ยได้อย่างถูกต้อง

2) ผู้เรียนสามารถเลา่ หรืออธิบายถงึ เหตกุ ารณใ์ นอดีตได้

3) ผู้เรียนสามารถใชค้ าํ วา่ นดิ หน่อย/เล็กน้อยในภาษาจีนได้

ด้านทกั ษะการปฏบิ ตั ิ (P)

4) ผ้เู รยี นฟังและออกเสียงอักษรจีน อ่านคาํ และประโยคตามหลกั การออกเสยี งภาษาจนี

5) ผู้เรียนสนทนาในสถานการณช์ ีวติ ประจาํ วนั ได้

6) ผเู้ รยี นเขยี นอักษรจนี ตามหลกั การเขยี นภาษาจีนและใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในการ

พัฒนาทักษะภาษาจนี ในชีวิตประจาํ วัน

ดา้ นคณุ ลักษณะนสิ ยั (A)

7) ผเู้ รียนกระตือรือรน้ ในการทาํ กจิ กรรมการเรียนรู้

8) ผเู้ รยี นทาํ กิจกรรมการเรยี นรูอ้ ยา่ งเปน็ ระบบระเบียบ

9) ผู้เรียนส่งภาระงานตรงตามเวลาทีก่ าํ หนด

3.สาระการเรียนรู้ พินอนิ ความหมาย
3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
1) ความรู้ (Knowledge : K)

คาศัพท์

喂 w=i ฮลั โหล

能 n0ng สามารถ

帮 b1ng ชว่ ย

跟 g9n กบั

请假 q@ng ji4 ลา

没问题 m0i w=n t# ไมม่ ีปัญหา

舒服 sh% fu สบาย

昨天 Zu6 ti1n เมอ่ื วาน

晚上 w3n sh4ng ตอนเยน็

拉(肚子) l1 (d*zi) ขบั ถา่ ยออกหมด/ท้องเสีย

药 Y4o ยา

牛肉 ni^ r8u เนือ้ วัว

碗 w3n ชาม

汤 t1ng นา้ํ ซปุ

医院 y! yu1n โรงพยาบาล

医生 y! sh9ng หมอ

休息 xi% xi พกั ผ่อน

一点儿 Y$ di3nr นดิ หน่อย

- คาํ ศัพท์เพ่ิมเติมเกี่ยวกับโรคต่างๆ เชน่ 感冒、痰、发烧 เป็นตน้

- คาํ ศัพท์และประโยค เก่ียวกับสถานการณโ์ ควดิ 19 COVID-19 เป็นภาษาจนี
- แพทย์แผนจนี คืออะไร
แพทย์แผนจนี คือ การรักษาตามแบบฉบบั ของแพทยแ์ ผนจนี ทย่ี ดึ หลักทฤษฎแี บบองคร์ วม โดยถือวา่
รา่ งกายของมนุษยเ์ ราเปน็ องค์รวมท่มี ีระบบต่างๆ เชื่อมโยงกนั หมด โดยปกติแล้ว หมอจนี จะตรวจวินิจฉยั โรค
แบบองค์รวม หรอื ถา้ เอาเข้าใจกันงา่ ยๆ ก็คอื การตรวจแบบ “มองฟงั -ถาม-จบั ” เพื่อใหท้ ราบถงึ อาการและ
สาเหตุของโรคอยา่ งชัดเจน และกาํ หนดวิธกี ารรักษา ซ่ึงสามารถรักษาไดห้ ลายวิธี ไม่วา่ จะเป็นการใช้สมนุ ไพร
จีน การฝงั เขม็ การนวดทุยหนา่ หรือการรมยา
วธิ ีที่นิยมใช้ คือ การฝงั เข็ม การกวั ซา การครอบแก้ว การนวดทยุ หน่า การใชโ้ กศจฬุ าลัมพา และการ
เปิดตํารับยาจีน เป็นต้น

-ไวยากรณจ์ ีน 了 และ 有点

การใช้ 了 เมอื่ เหตุการณม์ กี ารเปล่ียนแปลงไปจากเดมิ (Change of state)

1. ใช้บอกวา่ มีเหตุการณ์ใหม่เกิดข้ึน หรอื มสี ถานการณ์เปลย่ี นแปลงไปจากเดิม
รปู ประโยค

เหตุการณ์ หรอื ผลลัพธใ์ หม่ + 了(ปดิ ทา้ ยประโยค)

我会说中文了。[wǒ huì shuō Zhōngwãn le] = ฉันพดู ภาษาจีนไดแ้ ลว้
(แตก่ ่อนพูดไม่ได้)

我明白了 。 [wǒ míngbai le] = ฉันเข้าใจแลว้ (เพิง่ จะเข้าใจเม่ือตะกี้เอง)

我不喝酒了。[wǒ bù hē jiǔ le] = ฉันไมด่ มื่ เหลา้ แล้วละ่

2. ใชเ้ พื่อแสดงวา่ "ทาํ เสรจ็ ไปแล้ว"
จะวา่ ไปก็คลา้ ยข้อ1 นะคะ เพยี งแต่ขอ้ น้เี นน้ วา่ เหตุการณ์หรือกรยิ าท่ีพดู ถึงน้ัน เสรจ็ หรอื จบไป
เรียบรอ้ ยแล้ว มกั ใช้ตอนตอบคาํ ถาม

รปู ประโยค

กริยาวลี + 了(ปิดท้ายประโยค)

A: 你的书呢? [nǐ de shū ne?] = หนงั สือเธอล่ะ?

B: 放包里了。[fàng bāo lǐ le] = เก็บไว้ในกระเป๋าแล้วอ่ะ (เอาไปเกบ็ ใน

กระเป๋าแล้ว ทาํ เสร็จแล้ว)
3. ใชบ้ อกลําดับเหตุการณ์ก็ยงั ได้นะ

โดยเหตุการณ์ที่กริยามี 了 ต่อท้ายจะเกิดขึน้ และจบลงก่อน อกี เหตกุ ารณน์ ึงจงึ เกิดตามมา (วธิ ใี ช้รูป
ประโยคแบบนใ้ี ช้กับเหตุการณท์ เ่ี ป็นอดีตหรืออนาคตก็ไดค้ ่ะ) เชน่

明天我吃了晚饭以后去看电影 。[Míngtiān wǒ chīle wǎnfàn

yǐhîu qù kàn diànyǐng.] =พรงุ่ นี้หลงั จากกนิ ข้าวเย็นแล้ว ฉนั จะไปดูหนงั นะ (อนาคต)

4. ใช้เน้นว่าการกระทําน้นั สิ้นสุดลงแล้ว
ขณะท่ีพดู นั้น กรยิ าในประโยคเกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว แถมเรายงั สามารถใส่จาํ นวนหรอื ความถีห่ ลัง

了 ได้อกี ดว้ ย รปู ประโยค

ประธาน + กรยิ า + 了 + (จํานวนหรอื ความถ่ี) + กรรม

我吃了两个苹果 。[wǒ chī le liǎng gâ píngguǒ] = ฉันกนิ แอป

เปลิ้ ไปสองลกู แลว้
5. ใชบ้ อกวา่ กริยาหรือเหตุกาณ์นัน้ ดาํ เนินมานานเท่าไหร่แลว้ (ในอดตี และจบแลว้ )จะคล้ายกับอนั บน

คะ่ เพียงแต่เปลย่ี นจากความถี่มาเปน็ ระยะเวลา
รูปประโยค

ประธาน + กรยิ า + 了 + ชว่ งเวลา + กรรม

我看了两个小时电影 。[wǒ kàn le liǎng gâ xiǎoshí diànyǐng] =

ฉนั ดูหนงั ไปสองชวั่ โมง (ดูจบแลว้

-การใชไ้ วยากรณ์ 有点
ลองมาเปรยี บเทียบการใช้ “一点儿” กบั “有点儿” กนั ดู
1.“一点儿” ประกอบด้วย จํานวน หรอื เลข (数词) “一” + ลกั ษณนาม (量词)
“点儿” อยใู่ นรปู โครงสร้าง “一” + “ 点儿” หมายถงึ “จาํ นวนทไ่ี ม่แน่นอน
(จาํ นวนหนึง่ )” (หรือ “(จาํ นวน) นิดหนอ่ ย”, “เลก็ นอ้ ย” กไ็ ด)้ ใชข้ ยายคน หรอื สิ่งของ
หรอื เป็น 定语 นนั่ เอง เช่น

学一点儿汉语。 (เรียนภาษาจีนกลางนิดหนอ่ ย)
做一点儿吃的。 (ทําอะไรกินเล็กน้อย)
ส่วน “有点儿”เป็นกริยาวเิ ศษณ์ (副词) หมายถึง “เลก็ นอ้ ย” (稍微) ใช้ขยายคน
หรือสิ่งของไมไ่ ด้ แต่ใช้ขยายคําคุณศัพท์ หรือคํากริยา ท่ีเรียกว่า 状语 นนั่ เอง เช่น
有点儿高兴。 (ดีใจนดิ หนอ่ ย)
有点儿生气。 (โกรธเลก็ นอ้ ย)
2.“一点儿” มักวางหลังคาํ คุณศัพท์ จะอยใู่ นรูป หรอื โครงสรา้ ง “形容词 +(一)
点儿” เชน่
你来得早了(一)点儿。

这件衣服贵了(一)点儿。

ส่วน “有点儿” วางไวห้ น้าคาํ คุณศัพท์ ในรปู หรือโครงสร้าง “有点儿 + 形容词”
เชน่

你来得有点儿早了。

这件衣服有点儿贵。

3.ในประโยคเปรยี บเทียบ (“比”子句) จะใช้ไดแ้ ต่ “一点儿” เท่าน้นั เช่น
我比你胖一点儿。

这间屋子比那间大一点儿。

4.“有点儿” มกั ใชใ้ นการเลอื ก (หรอื เปรียบเทียบ) ระหว่างคณุ สมบตั ิของสิ่งของ หรือกริยา (การ
กระทํา) ในความหมายไม่พึงพอใจ, ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ (不如意的事情) ดังนั้น คาํ คณุ ศพั ท์ (
形容词) หรือคาํ กริยา (动词) มักเปน็ คําทมี่ ีความหมายในเชิงลบ (消极意义或贬义)
แต่ “一点儿” ไม่มีขอ้ จาํ กัดนี้ หมายถงึ จะใชก้ บั คาํ คณุ ศพั ท์ (形容词) หรือคาํ กรยิ า (动词)
ท่มี คี วามหมายในเชงิ ลบ หรอื เชิงบวกก็ได้ เช่น

有点儿笨。 (โง่นดิ หน่อย — คุณศัพทด์ ้านลบ)
有点儿难。 (ยากเล็กน้อย — คุณศํพท์ดา้ นลบ)
5.เมอ่ื ใช้ในรูป หรอื โครงสรา้ ง “有点儿 + 不 + 形容词/动词” คาํ คณุ ศัพท์ (形
容词) หรอื คาํ กริยา (动词) จะเป็นคําที่มคี วามหมายในเชิงบวก (积极意义或褒义) เช่น

有点儿不舒服。

有点儿不高兴。

6.“一点儿” และ “有点儿” สามารถใช้เป็นกริยาวิเศษณ์ (副词) ได้ทง้ั คู่ แต่

ความหมายต่างกนั กลา่ วคือ “一点儿” จะใช้ในรปู ปฏเิ สธ หรือใชก้ บั คําปฏเิ สธ เช่น “不”、

“没(有)” เป็นต้น เท่านน้ั หมายถงึ “ปฏเิ สธโดยสิน้ เชิง, ปฏิเสธท้ังหมด” และมักใช้

ร่วมกับกรยิ าวิเศษณ์ “也”、“都”

สว่ น “有点儿” จะใชใ้ นรูป (ความหมาย) ปฏเิ สธ หรือรูปบอกเล่าธรรมดาก็ได้ มคี วามหมายวา่

“เล็กน้อย” เช่น

一点儿也不紧张。

他一点儿也不知道这件事。

บทสนทนา

wâi nánnán nãngbāngwǒgēnlǎoshīqǐnggâjiǎ m a
A: 喂 ! 楠 楠 , 能 帮 我 跟 老 师 请 个 假 吗?

mãiwântí nǐzěn m e l e

B: 没 问 题,你 怎 么了?

bùshū f u zuïtiānwǎnshanglādù z i

A: 不 舒 服, 昨 天 晚 上 拉肚子。

chīyào l e m a

B: 吃 药 了吗?

chī l e

C : 吃 了。

nǐzuïtiānchīshãn m e l e

B:你 昨 天 吃 什 么了?

jiùchī l e yígâniúrîuhànbǎo hē l e yìwǎntāng

A: 就 吃 了一个 牛 肉 汉 堡 ,喝了一 碗 汤 。

nǐqùyīyuàn l e m a

A:你去医 院 了吗?

yīshēngràngwǒchīdiǎnyào duōxiū x i

B:医 生 让 我 吃 点 药 , 多 休 息。

hǎo b a nǐhǎohǎoxiūxī

A: 好 吧,你 好 好 休 息。

xiâxiâ

B: 谢 谢 !

2) ทักษะ/กระบวนการ (Process : P)
2.1ทกั ษะการฟัง (Listening skill)
- คําศพั ท์ ประโยค
2.2 ทักษะการพดู (Speaking skill)
- คาํ ศพั ท์ ประโยค
2.3 ทกั ษะการอา่ น (Reading skill)
- คําศพั ท์ ประโยค
2.4 ทกั ษะการเขียน (Writing skill)

- คาํ ศัพท์ ประโยค
2.5 กระบวนการกลมุ่

- จับคู่สนทนา
- ระดมสมอง
- ฝกึ กจิ กรรมกลุ่มตามแผนการจัดการเรยี นรู้
3) เจตคติ (Attitude : A)
1. กลา้ แสดงออก
2. ม่นั ใจในการออกเสียงคาํ ศัพท์ ประโยคภาษาจีน
3. มคี วามสขุ สนกุ สนานกบั การเรยี นภาษาจนี

3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ
-

4.สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
- มีพืน้ ฐานความรู้ ความเขา้ ใจ และมีทกั ษะในการสอ่ื สารภาษาจีน
4.2 ความสามารถในการคิด
- ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ คดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ และคดิ เป็นระบบ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การนาํ ความรดู้ า้ นทักษะภาษาจีนและหลกั ไวยากรณ์ไปใช้พจิ ารณาหาคาํ ตอบอยา่ งมเี หตผุ ล
4.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
- การทํางานกลมุ่ รว่ มกนั นาํ กระบวนการต่างๆ ไปใชใ้ นการดาํ เนนิ ชีวติ ประจําวนั
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- การแสวงหาความรู้เพิ่มเตมิ จากสอ่ื อิเล็กทรอนิคส์ เพื่อพัฒนาตนเองในดา้ นภาษาจีน

5.ทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 (3R 8C)
- อ่านออก (Reading
- เขยี นได้ (Riting)
- ความรว่ มมอื การทํางานเป็นทมี และภาวะผู้นํา (Collaboration Teamwork and
Leadership)
- มรี ะเบียบวินยั (Compassion)

6.คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี นิ ยั
- ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบงั คบั และตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรม
6.2 ใฝ่เรียนรู้
- เอาใจใส่ ตั้งใจเรียน มีความเพียรพยายามในการเรยี นรู้ และสนใจเข้ารว่ มกิจกรรม
6.3 มงุ่ มน่ั ในการทํางาน
- ต้ังใจ และรบั ผิดชอบท่ีไดร้ ับมอบหมาย

7.ชนิ้ งาน/ภาระงาน

ชนิ้ งาน - ใบงานคัดจีน
- แบบฝกึ หัดกอ่ นเรียนและหลังเรยี น
- จบั คสู่ นทนาและตอบคําถาม

- นาํ เสนอรายงาน
ภาระงาน - แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรียนหน้า 157-161

- แผ่นผับประชาสมั พนั ธโ์ รคโควดิ 19

- แตง่ ประโยคไวยากรณ์จีน 了、一点

-
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ขัน้ นา (Warm up)

1.นักเรยี นทกุ คนกลา่ วคาํ ทกั ทายกับคุณครเู ปน็ ภาษาจนี 老师好! 同学好!

2.คณุ ครูเชค็ ชอื่ นักเรียนให้นักเรียนขานรับวา่ 到 (มา)

3. ครสู อบถามนักเรยี นว่าสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 เปน็ อยา่ งไร มีนักเรยี นคนใดเคยติดเชื้อมา
หรือไม่ และอาทิตยท์ ี่ผา่ นมานกั เรียนมอี าการเจ็บปว่ ยอะไรมา

ขน้ั สอน(Presentation)
4. ครสู อนคาํ ศัพท์ในบทเรยี นและคําศพั ท์ท่ีเกีย่ วข้องกบั โรคต่างๆ ให้นกั เรียนเปิดหนังสือไปหนา้ ท่ี

154 นกั เรยี นอา่ นตามคุณครู 1 รอบจากน้ันใหน้ ักเรยี นอา่ นเองอีก 1 รอบ

คาศัพท์ พนิ อิน ความหมาย

喂 w=i ฮลั โหล
能 n0ng สามารถ
帮 b1ng
跟 g9n ชว่ ย
请假 q@ng ji4 กับ
没问题 m0i w=n t# ลา
舒服 sh% fu ไม่มปี ญั หา
昨天 Zu6 ti1n สบาย
晚上 w3n sh4ng เมือ่ วาน
拉(肚子) l1 (d*zi) ตอนเย็น
药 ขบั ถา่ ยออกหมด/ทอ้ งเสีย
牛肉 Y4o
碗 ni^ r8u ยา
汤 เนอ้ื วัว
医院 w3n ชาม
t1ng นา้ํ ซปุ
y! yu1n โรงพยาบาล

医生 y! sh9ng หมอ

休息 xi% xi พักผอ่ น

一点儿 Y$ di3nr นิดหน่อย

5. ครยู กตัวอย่างประโยคของคาํ ศัพท์ในบทเรยี น เช่น

医院=爸爸我在医院工作。 พ่อของฉันทํางานอยูโ่ รงพยาบาล

昨天= 昨天你去我的家吗 ? เม่ือวานคณุ ไปบ้านของฉนั ใช่ไหม

6. ใหน้ ักเรียนเลือกคาํ ศัพท์ในบทเรียนมา 10 คาํ จากนัน้ นักเรียนฝึกแตง่ ประโยคโดยใช้คาํ ศัพทท์ ี่
นักเรยี นเลือกมา ระหวา่ งน้ีคุณครูจะคอ่ ยเดนิ ดู และชว่ ยเหลอื นกั เรยี นในการแตง่ ประโยคจีน

ขัน้ สรุป (Warp up)

7. ให้นักเรยี นทําแบบฝึกหดั หลังเรียน เปน็ การเตมิ คํา จับคู่คําศัพท์ในบทเรยี นเพ่ือให้นักเรียนได้
จดจาํ คําศัพท์ไดม้ ากขึ้น

8. แจ้งเนื้อหาที่จะเรียนในชัว่ โมงหน้า

ชวั่ โมงที่ 2

ขน้ั นา (Warm up)
1. ครกู ลา่ วทกั ทายนกั เรียน พูดคุยสุขภาพปญั หา
2. พูดคยุ กับนักเรียนวา่ นักเรยี นมีวธิ กี ารป้องกันอยา่ งไรกับโรคระบาดโควิด 19 และรหู้ รอื ไมว่ า่

ภาษาจีนพูดว่าอย่างไร

3. ใหน้ ักเรียนทําแบบฝึกหัดก่อนเรียน
ขน้ั สอน(Presentation)

4. ครสู อนอ่านคาํ ศัพท์เกี่ยวกบั โรคตา่ งๆ และให้นักเรยี นอ่านตามครู 2 รอบ จากนน้ั ครเู ล่นทาย
คําศัพท์ ขอตัวแทนนักเรยี นออกมาแสดงอาการปว่ ย และให้เพ่ือนในช้นั เรียนช่วยกนั ทายคาํ ศัพทน์ ั้นว่าเปน็ โรค

อะไร อ่านออกเสยี งภาษาจีนใหถ้ กู ต้อง

คาศพั ท์เก่ียวกบั รูป

膀胱炎 wâi qì shì กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

性病 xìngbìng กามโรค

关节炎 guānjiãyán ขอ้ ต่ออักเสบ

分娩 fēn miǎn คลอดบุตร

低血压 dīxuâyā ความดันตํา่

高血压 gāoxueyā ความดันโลหติ สูง

肝炎 gān yán ตบั อักเสบ

肝硬变 gān yìng biàn ตับแขง็

盲目 máng mù ตาบอด

便秘 biàn mì ท้องผกู

拉肚子 lādùzǐ ทอ้ งรว่ ง

皮疹 pí zhěn ผ่นื

过敏 guîmǐn ภมู แิ พ้

癌 ái มะเรง็

痔疮 zhìchuāng ริคสีดวงทวาร

肠炎 chángyán ลาํ ไสอ้ กั เสบ

肺病 fâi bìng วัณโรค

糖尿病 tángniàobìng เบาหวาน

艾滋病 àizībìng เอดส์

疡 yáng แผล

脊髓灰质炎 jĭsuĭ huī zhì yán โปลโิ อ

胃病 wâibìng โรคกระเพาะ

狂犬病 kuáng quăn bìng โรคพษิ สุนขั บา้

心脏病 xīnzàngbìng โรคหวั ใจ

流感 liú gǎn โรคไขห้ วดั ใหญ่

贫血 pín xuâ โลหิตจาง

偏头痛 piān tïu tîng ไมเกรน

5. เมอ่ื นกั เรยี นเล่นกจิ กรรมเรียบรอ้ ยแลว้ ครูใหน้ กั เรียนคน้ หาขอ้ มูลเก่ียวกับคาํ ศัพทโ์ รคระบาดโค

วิด 19 ร่วมถงึ มาตรการการป้องกันโรค จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นทําแผ่นผบั ใหข้ ้อมลู เกย่ี วกับโรคระบาดโควดิ 19

6. ครูสอนการทาํ แผ่นผับผ่าน โปรเจคเตอร์ โดยใชห้ อ้ งเรียนภาษาในการจัดการเรียนรใู้ นครั้งน้ี ครู

คอ่ ยให้คําแนะนํา และชว่ ยเหลอื นักเรยี นที่ไมเ่ ขา้ ใจ ใหเ้ พอ่ื นนกั เรยี นช่วยสอนเพ่ือนด้วยเชน่ กนั

7. เมอ่ื นักเรยี นทาํ แผน่ ผบั เรียบร้อยแลว้ คุณครูใหน้ ักเรยี นสง่ ไฟล์เพ่ือทาํ การปรนิ้ แผ่นผับ เพ่ือนําไป

วางในส่วนงานประชาสมั พนั ธ์ของโรงเรยี น เพ่ือเปน็ การเผยแผข่ อ้ มูลให้กับคนภายในและภายนอก

ขนั้ สรุป (Warp up)

8. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปเน้ือหาอีกครัง้ และทบทวนคาํ ศัพท์

9. แจ้งเน้อื หาทจ่ี ะเรียนในชว่ั โมงหนา้ ให้นักเรียนไปดูไวยากรณ์จีนมาลว่ งหน้า 了 กบั 一点

ชวั่ โมงท่ี 3

ขัน้ นา (Warm up)

1. ครูทักทายนกั เรยี น 早上好! 今天你们好吗?วนั นี้พวกคุณสบายดีไหม 有

哪里不舒服吗? มีตรงไหนไมส่ บายไหม

2. ใหน้ กั เรยี นทาํ แบบฝกึ หัดก่อนเรียน เกย่ี วกบั ไวยากรณจ์ ีน
ข้ันสอน(Presentation)

3. ครใู ห้นักเรยี นดู PPT เนอื้ หาเกีย่ วกับการใช้ 了 ครูอธิบายพร้อมยกตวั อยา่ งประโยคที่ใช้กับคาํ วา่

了 วา่ ใชอ้ ย่างไร มกี ฎหา้ มอะไรหรือไม่

1. ใช้บอกว่ามเี หตุการณ์ใหมเ่ กิดขึน้ หรอื มีสถานการณ์เปลย่ี นแปลงไปจากเดิม
รูปประโยค เหตุการณ์ หรอื ผลลพั ธ์ใหม่ + 了(ปดิ ท้ายประโยค)

我会说中文了。[wǒ huì shuō Zhōngwãn le] = ฉนั พดู ภาษาจนี ได้แล้ว

我有女朋友了。[wǒ yǒu nǚpãngyou le] = ฉนั มีแฟนแล้ว

我明白了 。 [wǒ míngbai le] = ฉันเข้าใจแล้ว (เพง่ิ จะเข้าใจเม่ือตะก้ีเอง)
2. ใชเ้ พอ่ื แสดงว่า "ทาเสรจ็ ไปแลว้ "
จะวา่ ไปก็คลา้ ยข้อ1 นะคะ เพยี งแต่ข้อน้เี น้นว่าเหตุการณ์หรอื กรยิ าท่ีพดู ถึงน้ัน เสรจ็ หรือจบไป
เรียบร้อยแล้ว มกั ใชต้ อนตอบคําถาม
รูปประโยค กริยาวลี + 了(ปิดท้ายประโยค)

A: 你的书呢? [nǐ de shū ne?] = หนังสอื เธอล่ะ?

B: 放包里了。[fàng bāo lǐ le] = เกบ็ ไว้ในกระเป๋าแลว้ อะ่
3.ใชบ้ อกลาดบั เหตกุ ารณ์กย็ ังไดน้ ะ
โดยเหตุการณ์ที่กริยามี 了 ตอ่ ทา้ ยจะเกิดขนึ้ และจบลงก่อน อีกเหตกุ ารณ์นึงจึงเกิดตามมา (วิธใี ช้รูป
ประโยคแบบนใ้ี ชก้ ับเหตกุ ารณ์ทีเ่ ป็นอดตี หรืออนาคตก็ได้ค่ะ) เชน่
明天我吃了晚饭以后去看电影 。[Míngtiān wǒ chīle wǎnfàn

yǐhîu qù kàn diànyǐng.] =พรุ่งน้ีหลงั จากกินข้าวเย็นแลว้ ฉนั จะไปดูหนงั นะ (อนาคต)

昨天我吃了早饭就去学校。[Zuïtiān wǒ chīle zǎofàn

jiù qù xuãxiào] =เมอื่ วานนี้ฉันกนิ ขา้ วเชา้ เสร็จแล้ว คอ่ ยไปโรงเรียน (อดตี )
4. ใช้เนน้ ว่าการกระทานน้ั ส้นิ สุดลงแลว้
ขณะทีพ่ ูดน้ัน กรยิ าในประโยคเกิดขึ้นและจบลงไปแลว้ แถมเรายังสามารถใสจ่ ํานวนหรอื ความถห่ี ลงั

了 ไดอ้ กี ด้วย

รปู ประโยค ประธาน + กรยิ า + 了 + (จาํ นวนหรอื ความถี่) + กรรม

我吃了两个苹果 。[wǒ chī le liǎng gâ píngguǒ] = ฉันกนิ แอป
เปิล้ ไปสองลูกแลว้

我看了一本书 。[wǒ kàn le yī běn shū] = ฉันอ่านหนงั สือจบไปแล้ว
เลม่ นงึ

5. ใช้บอกว่ากริยาหรอื เหตุกาณน์ น้ั ดาเนนิ มานานเทา่ ไหร่แลว้ (ในอดีต และจบแลว้ )จะคลา้ ยกับอนั
บนค่ะ เพยี งแตเ่ ปล่ียนจากความถ่ีมาเปน็ ระยะเวลา
รปู ประโยค ประธาน + กริยา + 了 + ช่วงเวลา + กรรม

我看了两个小时电影 。[wǒ kàn le liǎng gâ xiǎoshí diànyǐng] =

ฉันดหู นังไปสองชัว่ โมง (ดูจบแลว้ )

我开了一天会 。[wǒ kāi le yī tiān huì] = ฉนั ประชมุ มาท้ังวันเลย
4. ให้นกั เรียนฝกึ แต่งประโยค 5 ประโยค โดยดูตัวอยา่ งจาก 5 ขอ้ ท่ีคุณครูได้อธิบายไปแลว้ หาก

นักเรียนไมเ่ ขา้ ใจ ใหเ้ พือ่ นชว่ ยเพ่อื น ด้วยจับกลุ่มกนั เพื่อให้เพ่ือทีร่ ู้ชว่ ยอธบิ ายเพื่ออีกคร้งั หนงึ่

5. ครูอธิบายการใช้คาํ วา่ 一点 พรอ้ มยกตวั อยา่ งประโยค

-การใช้ไวยากรณ์ 有点
ลองมาเปรียบเทียบการใช้ “一点儿” กับ “有点儿” กนั ดู
1.“一点儿” ประกอบดว้ ย จาํ นวน หรือเลข (数词) “一” + ลักษณนาม (量词)
“点儿” อยใู่ นรูปโครงสร้าง “一” + “ 点儿” หมายถงึ “จํานวนท่ีไมแ่ นน่ อน
(จาํ นวนหนงึ่ )” (หรือ “(จาํ นวน) นิดหน่อย”, “เล็กน้อย” กไ็ ด)้ ใชข้ ยายคน หรือส่งิ ของ
หรือเป็น 定语 น่ันเอง เช่น

学一点儿汉语。 (เรยี นภาษาจีนกลางนิดหนอ่ ย)
做一点儿吃的。 (ทาํ อะไรกนิ เล็กน้อย)
ส่วน “有点儿”เปน็ กริยาวิเศษณ์ (副词) หมายถงึ “เลก็ นอ้ ย” (稍微) ใช้ขยายคน
หรอื สงิ่ ของไม่ได้ แต่ใช้ขยายคําคณุ ศัพท์ หรือคํากรยิ า ทีเ่ รียกว่า 状语 น่นั เอง เชน่
有点儿高兴。 (ดใี จนดิ หน่อย)
有点儿生气。 (โกรธเลก็ นอ้ ย)
2.“一点儿” มกั วางหลังคําคณุ ศัพท์ จะอย่ใู นรูป หรอื โครงสรา้ ง “形容词 +(一)
点儿” เชน่
你来得早了(一)点儿。

这件衣服贵了(一)点儿。

ส่วน “有点儿” วางไวห้ นา้ คําคุณศัพท์ ในรปู หรือโครงสรา้ ง “有点儿 + 形容词”
เชน่

你来得有点儿早了。

这件衣服有点儿贵。

3.ในประโยคเปรยี บเทียบ (“比”子句) จะใชไ้ ดแ้ ต่ “一点儿” เท่านั้น เช่น
我比你胖一点儿。

这间屋子比那间大一点儿。

4.“有点儿” มกั ใช้ในการเลือก (หรอื เปรยี บเทียบ) ระหวา่ งคุณสมบตั ิของสิง่ ของ หรอื กรยิ า (การ
กระทาํ ) ในความหมายไม่พึงพอใจ, ไม่เปน็ ไปตามทีต่ อ้ งการ (不如意的事情) ดงั นน้ั คาํ คณุ ศัพท์ (
形容词) หรอื คาํ กริยา (动词) มกั เป็นคําทีม่ ีความหมายในเชงิ ลบ (消极意义或贬义)
แต่ “一点儿” ไมม่ ีขอ้ จํากัดน้ี หมายถึงจะใชก้ บั คาํ คุณศัพท์ (形容词) หรือคาํ กริยา (动词)
ทมี่ คี วามหมายในเชิงลบ หรือเชิงบวกกไ็ ด้ เชน่

有点儿笨。 (โง่นิดหน่อย — คณุ ศัพทด์ า้ นลบ)
有点儿难。 (ยากเล็กน้อย — คุณศํพทด์ ้านลบ)
5.เมอ่ื ใช้ในรูป หรือโครงสร้าง “有点儿 + 不 + 形容词/动词” คาํ คุณศพั ท์ (形
容词) หรือคาํ กริยา (动词) จะเปน็ คําที่มีความหมายในเชิงบวก (积极意义或褒义) เช่น

有点儿不舒服。

有点儿不高兴。

6.“一点儿” และ “有点儿” สามารถใชเ้ ปน็ กริยาวิเศษณ์ (副词) ไดท้ ง้ั คู่ แต่
ความหมายต่างกนั กลา่ วคือ “一点儿” จะใชใ้ นรปู ปฏิเสธ หรือใชก้ บั คําปฏิเสธ เช่น “不”、
“没(有)” เปน็ ต้น เทา่ น้ัน หมายถงึ “ปฏิเสธโดยส้ินเชิง, ปฏิเสธท้งั หมด” และมักใช้
ร่วมกับกรยิ าวเิ ศษณ์ “也”、“都”
สว่ น “有点儿” จะใชใ้ นรปู (ความหมาย) ปฏเิ สธ หรือรปู บอกเล่าธรรมดาก็ได้ มคี วามหมายวา่
“เลก็ น้อย” เช่น

一点儿也不紧张。

他一点儿也不知道这件事

ขัน้ สรุป (Warp up)
6. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปเน้ือหา ประโยค การใช้งานของไวยากรณ์ตามหลกั ภาษาอีกคร้ัง ร่วม

ถึงพูดถึงความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งไวยากรณจ์ ีนกับไวยากรณไ์ ทย

7. นักเรยี นทําแบบฝึกหัดหลงั เรียนเรื่องไวยากรณจ์ นี 了、一点

ช่ัวโมงท่ี 4

ขั้นนา (Warm up)

1. ครูทกั ทายนกั เรยี น 早上好! 今天你们好吗?วันน้ีพวกคุณสบายดีไหม 有

哪里不舒服吗? มีตรงไหนไมส่ บายไหม

2. ครเู ปิดคลปิ บทสนทนาให้นักเรยี นฟัง 1 รอบและสอบถามนักเรียนว่า นกั เรียนพอจะฟงั ออก
หรือไม่ บทสนทนานี้เกย่ี วข้องกบั อะไร
ขั้นสอน(Presentation)

3. ครใู หน้ ักเรียนเปดิ หนังสือไปหนา้ ที่ 153 จากนั้นครเู ปิดเสยี งบทสนทนาอีก 1 รอบ โดยให้
นกั เรียนอา่ นตามทลี ะประโยค อา่ นตามครู 1 รอบและใหน้ ักเรียนอ่านพร้อมกนั อีก 1 รอบ

บทสนทนา

wâi nánnán nãngbāngwǒgēnlǎoshīqǐnggâjiǎ m a
A: 喂 ! 楠 楠 , 能 帮 我 跟 老 师 请 个 假 吗?

mãiwântí nǐzěn m e l e

B: 没 问 题,你 怎 么了?

bùshū f u zuïtiānwǎnshanglādù z i

A: 不 舒 服, 昨 天 晚 上 拉肚子。

chīyào l e m a

B: 吃 药 了吗?

chī l e

C : 吃 了。

nǐzuïtiānchīshãn m e l e

B:你 昨 天 吃 什 么了?

jiùchī l e yígâniúrîuhànbǎo hē l e yìwǎntāng

A: 就 吃 了一个 牛 肉 汉 堡 ,喝了一 碗 汤 。

nǐqùyīyuàn l e m a

A:你去医 院 了吗?

yīshēngràngwǒchīdiǎnyào duōxiū x i

B:医 生 让 我 吃 点 药 , 多 休 息。

hǎo b a nǐhǎohǎoxiūxī

A: 好 吧,你 好 好 休 息。

xiâxiâ

B: 谢 谢 !
4. ให้นกั เรียนจดบทสนทนาลงในสมดุ โดยจะต้องเขียนแปลไทยทลี่ ะประโยค โดยนักเรียนและ

คณุ ครจู ะช่วยกนั แปลประโยค
5. เม่อื นกั เรยี นแปลเรยี บร้อยแลว้ ครูใหน้ ักเรยี นจบั คู่และแตง่ บทสนทนาที่เกย่ี วข้องกับการสอบถาม

เรอ่ื งสขุ ภาพ การดูแลตวั เองยามปว่ ย
6. สุ่มรายชอ่ื นักเรยี น สมุ่ โดนช่ือใคร คู่น้นั ออกมาแสดงบทบาทสมมตุ ิการถาม-ตอบเรื่องสุขภาพ

ขน้ั สรุป (Warp up)
7. ให้นกั เรยี นทาํ แบบฝกึ หัดเพ่มิ เตมิ ในบทเรยี นหนา้ ที่ 157 และ 161
8. สรุปเนอ้ื หา บทเรยี นอีกคร้งั
9. ครูบอกแนวขอ้ สอบปลายภาค ภาคเรยี นที่ 2 วา่ ครอู อกเรื่องอะไรบ้าง เทคนคิ การทาํ ข้อสอบ

ภาษาจีน และแนวทางการอ่านหนังสอื เรียน

ช่วั โมงที่ 5
ขน้ั นา (Warm up)

1. คณุ ครนู ํารปู ภาพการแพทยจ์ ีนตา่ งๆใหน้ ักเรยี นดูและสอบถามนักเรยี นว่านักเรยี นเคยไปรบั การ
รกั ษาแบบนห้ี รือไม่ หรอื มีท่ีไหนทน่ี กั เรียนเคยพบเห็น

2. พูดคุยกบั นกั เรียนเร่ืองการการแพทย์แผนจนี และการแพทย์ของไทยมีความแตกตา่ งกนั อย่างไร
ข้นั สอน(Presentation)

3. ครูอธบิ ายข้อมูลผา่ น PPT เกีย่ วกับ แพทยแ์ ผนจีน และวธิ ีการรกั ษาในสมัยตา่ งๆ
แพทยแ์ ผนจีน คือ การรักษาตามแบบฉบบั ของแพทยแ์ ผนจีนที่ยึดหลักทฤษฎีแบบองคร์ วม โดย

ถอื ว่ารา่ งกายของมนุษย์เราเป็นองคร์ วมที่มรี ะบบตา่ งๆ เช่ือมโยงกันหมด โดยปกติแลว้ หมอจนี จะตรวจ
วนิ จิ ฉัยโรคแบบองค์รวม หรือถ้าเอาเขา้ ใจกนั งา่ ยๆ ก็คือ การตรวจแบบ “มองฟงั -ถาม-จับ” เพ่อื ใหท้ ราบ
ถงึ อาการและสาเหตุของโรคอยา่ งชดั เจน และกาํ หนดวิธกี ารรกั ษา ซ่ึงสามารถรักษาไดห้ ลายวธิ ี ไม่วา่ จะเป็น
การใช้สมนุ ไพรจีน การฝังเข็ม การนวดทุยหนา่ หรือการรมยา

วิธีท่นี ยิ มใช้ คอื การฝงั เข็ม การกัวซา การครอบแก้ว การนวดทุยหน่า การใช้โกศจุฬาลัมพา และการเปดิ ตํารับ
ยาจนี เป็นต้น

การฝังเข็ม คอื ศาสตรห์ น่งึ ในแพทย์แผนจนี ซ่งึ ชาวจนี ใชก้ ันมานานกวา่ 4,000 ปี
โดยมหี ลกั การคือ การใชเ้ ข็มขนาดเลก็ มาก ฝังตามจดุ ฝังเข็มบนรา่ งกาย ซงึ่ เปน็ จุด
ที่มพี ลงั งานมากกวา่ จดุ อ่ืนๆ เพอื่ ทาํ ใหพ้ ลงั งาน และอวัยวะต่างๆของรา่ งกายทเ่ี สยี สมดลุ ไป
กลับมาอยู่ในภาวะสมดลุ

กวั ซา (Gua Sha) เป็นเทคนคิ การรกั ษาแบบแพทยแ์ ผนจีนโบราณ ใชว้ ธิ ี
รักษาแบบธรรมชาตดิ ้วยการนาํ อุปกรณก์ ดและขูดบนผิวหนงั เฉพาะ โดยสว่ นใหญ่
อปุ กรณ์การขูดเปน็ ลกั ษณะของไม้ทีม่ รี ูปทรงแตกตา่ งกันไปตามการใชง้ าน เชื่อกนั ว่า
กวั ซาสามารถรักษาโรคเร้ือรงั หลายชนดิ และลา้ งพิษออกไปจากร่างกายได้

การครอบแก้วเปน็ การรักษาอีกวธิ ีหนึง่ ของแพทย์แผนจนี โดยในสมัยโบราณจะใช้เขาสัตว์
หรือกระบอกไม้ไผ่ แตป่ จั จบุ ันวัสดุทีใ่ ช้จะเป็นแกว้ ใสทรงกลม จุดไฟแลว้ นําเปลวไฟเข้า
ไปในแกว้ ทรงกลมเพ่ือใหเ้ กิดสูญญากาศภายในแกว้ แลว้ จึงนํามาวางครอบบริเวณต่างๆ
บนรา่ งกาย

การเปดิ ตาํ รับยาจีน เปน็ การรักษาโรคโดยใชย้ าจากตํารับยาจีน โดยแพทย์
จะถามอาการของผปู้ ่วยอยา่ งละเอียด จากนั้นจึงเลอื กตวั ยาที่มีคุณสมบตั ใิ นการ
รกั ษาอาการดังกล่าว ซ่ึงอาจมีการใช้ยาหลายๆ ตวั ที่มีสรรพคณุ คล้ายกัน เพ่ือเสริม
ฤทธิ์ยาใหม้ ปี ระสิทธภิ าพมากขน้ึ โดยส่วนใหญย่ าทีน่ าํ มาเข้าตาํ รบั จะออกมาใน
รูปแบบของยาต้ม ยาแคปซลู ยาผง และยาเมด็ ลูกกลอนคะ่

4. ครใู หน้ กั เรยี นจับกล่มุ 3 คน จากน้ันส่งตัวแทนออกมาจบั ฉลากวิธีการรกั ษาโดยใช้แพทย์แผนจนี
นักเรียนไดห้ วั ข้อไหน ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันคน้ คว้าข้อมูลเพ่ิมเติมและจัดทําเปน็ รูปเลม่ รายงาน

5. โดยนกั เรยี นสามารถใชโ้ ปรแกรมอะไรก็ไดใ้ นการจัดทาํ เปน็ รูปเลม่ เพื่อนาํ เสนอรายงานผา่ น
โปรเจคเตอร์ โปรแกรมที่สามารถทําเป็นรายงานได้ ตวั อยา่ งเชน่ โปรแกรม word ,canva, Google Drive
เปน็ ตน้

6. ให้นกั เรียนนาํ เสนอรายงานของตนเอง โดยบอกรายละเอียดวธิ ีการรักษา ขัน้ ตอนรกั ษา รวมถึง
ข้อดีและข้อเสียตามหัวข้อแพทยแ์ ผนจีน
ขน้ั สรุป (Warp up)

7. ครแู ละนักเรยี นรวมกนั สรปุ เน้ือหาอีกครงั้ พูดคยุ เน้ือหาทีน่ ักเรียนเคยเรียนมา เพื่อเป็นการ
ทบทวนให้กับนักเรียนก่อนสอบปลายภาค

8. บอกคะแนนเก็บตลอดภาคเรียนให้นกั เรียนทราบ เพอื่ นักเรียนบ้างสว่ นจะได้ดาํ เนินการแก้ไข สง่
งานเพ่มิ เติม กอ่ นหมดชว่ั โมงน้ี

9. เลกิ ชน้ั เรยี น ให้นกั เรยี นรบี ดาํ เนินการเคลยี งานท่ีตนเองคา้ งไว้ สง่ กอ่ นสอบปลายภาค

9. การวดั และประเมนิ ผล (K-P-A)

สงิ่ ท่ตี ้องการวัด วิธกี ารวัดผล เครอื่ งมือวัด เกณฑ์

การประเมนิ ผล

ด้านความรู้ (Knowledge) - สังเกตจากการอ่าน - คําศัพท์ ประโยค -นกั เรยี นอ่านออกเสยี ง

7. นักเรยี นมคี วามรเู้ ก่ยี วกบั ออกเสียงคาํ ศัพท์ บทสนทนา คําศัพท์ ประโยค บท

คาํ ศัพท์ ประโยค บทสนทนา ใน ประโยค -แบบฝึกหดั สนทนา ได้ถูกตอ้ ง ไมน่ ้อย

การสอบถามเร่อื ง 健康 -การอา่ นบทสนทนาท่ี ไวยากรณจ์ นี 10 ขอ้ กว่ารอ้ ยละ 60 ของ
คล่องและถูกต้อง -แบบประเมินการ นักเรยี นท้ังหมด
8. เขา้ ในหลกั การใชไ้ วยากรณ์ -เข้าใจหลกั การใช้ อา่ นออกเสยี งสัท -นักเรียนรอ้ ยละ 60 ทํา
จนี ในบทเรยี น ไวยากรณจ์ ีน อักษรจีน แบบฝึกหดั ไวยากรณจ์ นี ได้
9. เขา้ ใจการใช้หลกั ไวยากรณ์ -การนาํ เสนอรายงาน -เล่มรายงานแพทย์ 6 คะแนนข้นึ ไป
จนี แผนจีน -นกั เรียนรอ้ ยละ 60 มี
10. ผู้เรยี นมคี วามรูเ้ ร่อื งแพทย์ ความรู้เรอ่ื งแพทยแ์ ผน
แผนจีนเบื้องต้น จีนเบือ้ งต้น

ด้านทักษะและกระบวนการ - ตรวจผลงานจาก -แบบฝึกหัดหลงั เรียน -นกั เรียนทําแบบฝึกหัด

(Skill/Process) การเขียนแบบฝึกหัด - การแสดงบทบาท เรอ่ื ง 我有点不舒
5. สามารถพดู อ่าน เขียน -การแสดงบทบาทสมมตุ ิ สมมตุ ิในชั้นเรยี น
คําศัพทห์ รือประโยค -การแตง่ ประโยคคาํ ศพั ท์ -สมุดท่ีนกั เรยี นแต่ง 服? ได้ถกู ต้องไมน่ อ้ ย
5. การแสดงบทบาทสมมตุ เิ ร่ือง ในบทเรียนและ ประโยคตามหลกั กวา่ รอ้ ยละ 60 ของ
ไวยากรณจ์ นี ไวยากรณ์จนี คะแนนทง้ั หมด
我有点不舒服? -การออกแบบแผน่ ผับให้ -แผ่นผับให้ความรู้ -ความรว่ มมือของสมาชิก
ความรู้และแนวทางการ และแนวทางการ ในกลุ่ม
6. สามารถนาํ ไวยากรณจ์ ีนมา ป้องกันโรคระบาดโควิด ปอ้ งกนั โรคระบาดโค -การพดู ประโยคเพ่ือแสดง
แตง่ เป็นประโยคใหมไ่ ด้ 19 วดิ 19
7. ผ้เู รยี นสามารถทาํ แผน่ ผับให้ บทบาทสมมุติ 我有点
ความรแู้ ละแนวทางการป้องกัน
โรคระบาดโควดิ 19 不舒服?。

-นกั เรียนรอ้ ยละ 70 ทาํ

แผ่นผบั ใหค้ วามร้แู ละแนว

ทางการป้องกนั โรคระบาด

โควิด 19ได้อย่างถูกต้อง

ด้านเจตคติ (Attitude) - สงั เกตพฤติกรรม - แบบบันทกึ การ - นักเรียนมพี ฤติกรรม

8. มีความใฝ่รู้ใฝเ่ รยี น มสี ว่ นรว่ ม -สังเกตพฤตกิ รรมท่ี ดงั กล่าวผา่ นเกณฑ์คุณภาพ

ในการทํากิจกรรม และมีความ พงึ ประสงค์ ระดบั พอใชข้ ้ึนไป

รบั ผดิ ชอบต่องานทีไ่ ด้รับ

มอบหมาย

10. สือ่ และอุปกรณ์การเรยี น/แหล่งการเรียนรู้
10.1 สื่อและอุปกรณ์การเรยี น
1. หนงั สอื ภาษาจีนเพ่ือการส่ือสารในชีวิตประจาํ วนั
2. คอมพิวเตอรแ์ ละโปรเจคเตอร์
3. ภาพแพทย์แผนจีน

4. แบบฝกึ หัดในบทเรยี นเร่ือง 我有点不舒服?。

5. แบบฝึกหดั ก่อนเรียนและหลังเรยี น เรือ่ ง 我有点不舒服?。

6. บตั รภาพ
10.2 แหล่งการเรยี นรู้

1. หอ้ งสมุดโรงเรยี น

2. เพจเรียนรูง้ า่ ยๆจากคาํ คมภาษาจีน by ku meily

3. ห้องเรยี นภาษา
4. ห้องคอมพิวเตอร์

โรงเรยี นเบญจมราชรงั สฤษฎ์ิ 5 อาเภอเมือง จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาฉะเชิงเทรา
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ


Click to View FlipBook Version