The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ได้ศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการศึกษาของประเทศไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Siriprapha Fang, 2022-08-28 13:00:22

ปัญหาการศึกษาไทย

ได้ศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการศึกษาของประเทศไทย

ปัญหา !!!
การศึกษาไทย

“ระบบการศึกษาไทย” เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นของ

สังคมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่ขบวนการของนักเรียน

และครูไทยได้ออกมาขับเคลื่อนเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาในระบบการ

ศึกษาอย่างจริงจัง กลายเป็นกระแสถกเถียงกันในระยะหนึ่ง ก่อนที่จะจาง

หายไปโดยที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขและถูกปล่อยทิ้งไว้เหมือนเดิม เช่นเดียว

กับในช่วงปี 2564 ที่มีความเคลื่อนไหวจากแวดวงการศึกษาไทยมากมาย

ปัญหาคุณภาพการศึกษาพื้นฐานตกต่ำ

ในการจัดการทดสอบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในทุกๆปีนั้น ผลที่ออกมามัก

จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันในทุกๆปี นั่นก็คือ เด็กไทยมีความรู้ต่ำกว่า

มาตรฐานอยู่เสมอๆ พบว่า เด็กไทย 74% อ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง คือมีตั้งแต่

อ่านไม่ออก อ่านแล้วตีความไม่ได้ วิเคราะห์ความหมายไม่ถูก หรือแม้แต่ใช้

ภาษาให้เป็นประโยชน์ในการศึกษาวิชาอื่นๆ แต่เรากลับมองสภาพเหล่านี้

ด้วยความเคยชิน และยังคงเชื่อว่าลูกหลานของเราจะต้องได้รับการพัฒนา

โดยการจัดการศึกษาแบบเดิมๆอย่างทุกวันนี้

ปัญหาของครู

ปัญหาที่เป็นอมตะของครูไทยเห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องหนี้สินครู ที่เป็นคำถาม
ว่า ทำไมเรื่องหนี้สินจึงจะต้องเป็นเรื่องที่คู่กับวิชาชีพนี้ อันที่จริง หากคิดให้

เป็นธรรม ก็คงต้องยอมรับว่าประเทศไทยเรามีโครงสร้างเงินเดือนในระบบ

ราชการที่โบราณจนไม่เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

ขาดแคลนบัณฑิตแต่บัณฑิตก็ยังตกงาน

ประเทศเราไม่มีแผน และกลไกการกำกับการผลิต

กำลังคนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของ

ประเทศ ในขณะที่ผู้สำเร็จการศึกษาในบางสาขามี

มากมายจนล้นงาน จนพบเนืองๆ ว่า ในการรับ

สมัครงานบางตำแหน่ง มีผู้สมัครหลายหมื่นคนเพื่อ
แย่งกันเข้าทำงานที่มีการรับเพียงไม่กี่สิบอัตรา แต่

บางสาขาวิชากลับขาดแคลนกำลังคน

ปัญหาเรื่อง “อำนาจนิยม”

เป็นปัญหาเรื้อรังที่ไหลเวียนอยู่ในระบบการศึกษาไทยมาอย่างยาวนาน
เช่นกัน อัครวินท์ สมบูรณ์ อีกหนึ่งตัวแทนของกลุ่มนักเรียนเลว เล่าว่า ยังมี

นักเรียนจำนวนมากที่ติดต่อมายังกลุ่มนักเรียนเลว เพื่อเล่าปัญหาเรื่องการ

ถูกครู “ตัดผม” โดยที่พวกเขาไม่ได้ยินยอม รวมไปถึงเรื่องการตี การทำร้าย

ร่างกายเด็ก การยึดของใช้ส่วนตัว ไปจนถึงการคุกคามทางเพศ ซึ่งปัญหา

เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนระบบอำนาจนิยมที่ยังมีอยู่อย่างเข้มข้นในสังคม

โรงเรียนไทยได้อย่างชัดเจน

“เรื่องอำนาจนิยมในโรงเรียน มันชัดเจนว่าอยู่ทั้งในวัฒนธรรมของไทย
และระบบราชการ กล่าวคือมันมีระบบอาวุโส มีผู้ใหญ่ผู้น้อย และบาง

ครั้งมีการใช้อำนาจที่ล้นเกิน การใช้ความอาวุโส หรือการที่มีอำนาจ

เหนือกว่าเพื่อทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ยกตัวอย่างเช่น ครูรุ่นใหม่ที่

เข้ามา ก็ต้องทำงานหนักมากกว่าครูอาวุโส หรือผู้บังคับบัญชาใช้ทำงาน

ส่วนตัว”

ปัญหาเรื่อง “ภาระงานของครู”

เป็นอีกปัญหาที่ครูทิวชี้ว่าส่งผลกระทบกับครูผู้สอน
และส่งผลกระทบต่อไปยังตัวผู้เรียน เนื่องจากครูต้อง
ดูแลงานอื่น ๆ ในโรงเรียนและไม่สามารถ “โฟกัส” กับการ
สอนอย่างเดียวได้ ประกอบกับระบบการศึกษาของไทยที่
สะท้อนวิธีคิดหรืออุดมการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ของประเทศแบบ “เสรีนิยมใหม่” หรือทุนนิยมที่ผลักภาระ
ให้กับปัจเจก ซึ่งรวมไปถึงเรื่องระบบการประเมินด้วย
เอกสารที่ทุกอย่างต้องมีรูปภาพประกอบ ก็ทำให้ระบบ
การศึกษาไทยตั้งอยู่บน “ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน” ซึ่งเป็น
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อคนในระบบ

ปัญหาการเรียนการสอนออนไลน์

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ครูและนักเรียนไทยต้อง

เผชิญในปี 2564 คือ “การเรียนการสอนออนไลน์”

เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระ

ทบต่อความสามารถในการเรียนและการสอนอย่าง

ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาดังกล่าวยังช่วยตอกย้ำ

ปัญหาเรื่อง “ความเหลื่อมล้ำ” ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ซึ่งสองตัวแทนจากกลุ่มนักเรียนเลวระบุว่า การ

เรียนการสอนออนไลน์ส่งผลให้นักเรียนไทยหลุด

ออกจากระบบการศึกษาจำนวนมาก

“เวลาที่เขาสอนออนไลน์ มันน่าจะต้องมีเครื่องมือบางอย่างที่

ทำให้ผู้เรียนให้ความสนใจมากขึ้น แต่เขาก็ยังสอนแบบเลคเชอร์

เหมือนเดิม ให้เราจดตาม แล้วเขาก็แก้ปัญหาว่าเด็กจะเข้าเรียนไหม

ด้วยการให้เปิดกล้อง ซึ่งนักเรียนบางคนใช้โทรศัพท์เรียน แล้วบางที

ก็ไม่ได้กล้องดี บางทีแบตร้อนก็ต้องปิดเครื่องก่อน ก็ปิดไม่ได้ ถ้าปิดก็
เช็กขาด มันทำให้เห็นชัดเจนว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมเรามัน

ชัดมาก นักเรียนบางคนยังไม่มีโทรศัพท์ใช้เรียนออนไลน์ด้วยซ้ำ บาง

คนมีโทรศัพท์แต่ไม่มีอินเตอร์เน็ต”

ปัญหาที่ทับถม ทำให้คนในระบบเจ็บปวด

การใช้ความรุนแรงระหว่างครูกับนักเรียนที่ปรากฏอยู่ในระบบ

การศึกษาไทยมาอย่างยาวนาน ได้ทิ้ง “บาดแผล” ให้กับผู้เรียน

จำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะมีคำพูดที่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”

“การตีคือความรัก ความหวังดี” แต่เรามองว่า การใช้ความรุนแรง
กับนักเรียนไม่ใช่วิธีที่จะทำให้เด็กพัฒนา เติบโต หรือเรียนรู้

“มันอาจจะมีคนที่ได้ดีเพราะการโดนตีแหละ แต่หลายคน
ที่โดนตี นอกจากจะเจ็บตัวแล้ว มันก็อาจจะสร้างบาดแผล

ทางจิตใจให้กับนักเรียนด้วย เราไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนรู้สึก
ยังไง หลังจากที่เขาโดนทำแบบนั้น หลายคนอาจจะเป็น

แผลไปตลอดชีวิตเลยก็ได้”

ผลกระทบ

1) ความเหลื่อมล้ำและไม่เท่าเทียมทางการศึกษาที่อาจเพิ่มมากขึ้น
เราทุกคนสังเกตุเห็นว่าความเหลื่อมล้ำและโอกาสเข้าถึงระบบการ

ศึกษาที่มีคุณภาพนับเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ช่องว่าง
ระหว่างโอกาสเข้าถึงการศึกษา และความพร้อมทางด้านอุปกรณ์
รองรับการเรียนเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน

ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลากกิจการต่างเลิกกิจการและลด

ตำแหน่งงาน อาจทำให้ผู้ปกครองของนักเรียนกลุ่มนี้ ต้องถูกเลิกจ้างหรือ

ไม่มีงานประจำที่มั่นคงนี้ก็จะยิ่งสร้างความลำบากต่อสภาพความเป็นอยู่ของ
พวกเขายิ่งขึ้น ยิ่งการแพร่ระบาดครั้งนี้ใช้เวลานานมากเท่าไร ก็จะยิ่งสร้าง

ช่องว่างของความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาให้ขยายกว้างยิ่งขึ้นเท่านั้น

2) ประสิทธิภาพของการเรียนการสอนที่ยังมีไม่พอเพียง เราต้องยอมรับ

ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร เราอาจไม่

สามารถกลับมาใช้ชีวิตเฉกเช่นปกติได้อย่างที่หวัง เช่นเมื่อครูไม่สามารถ

ดำเนินการสอนด้วยตนเองในห้องเรียนได้อย่างที่ควรจะเป็น ผู้กำหนด

นโยบายด้านการศึกษาจึงต้องพิจารณาช่องทางการเรียนรู้อื่นๆ ทดแทน

หากครูยังเน้นการสอนโดยการบรรยายนานๆ และไม่เปิดโอกาสให้
นักเรียนมีส่วนร่วมกับชั้นเรียน นักเรียนก็จะขาดโอกาสฝึกฝนปฎิบัติ

หรือลงมือค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเอง รวมทั้งอาจจะขาดการเรียนรู้

เทคโนโลยี การเรียนรู้แบบนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้นักเรียนเกิดความ

เบื่อหน่ายเท่านั้น หากแต่ยังไม่ส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ คิด

วิเคราะห์ของนักเรียนอีกด้วย

สรุป

ปัญหาเหล่านี้คือปัญหาคาราคาซังที่ส่งผลต่อประเทศชาติมาหลายยุค

หลายสมัย แต่ก็ยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดการพัฒนาในด้านที่ดี

ขึ้นแต่อย่างไร หนำซ้ำผู้ที่ได้รับปัญหาโดยตรงที่สุดคือเยาวชนไทยที่จะต้อง
เข้าสู่ระบบการศึกษาที่ยังเป็นปัญหาเหล่านี้อยู่ทุกปี และปลายทางของ

พวกเค้าก็คือความล้มเหลวอย่างที่ไม่น่าเกิดขึ้นในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ากำลัง

พัฒนา ทั้งๆที่จริงแล้วนั้นเยาวชนและพ่อแม่ผู้ปกครองต่างคาดหวังว่าการ

ศึกษาคือเครื่องมือในการพัฒนาชีวิตของเด็กและเยาวชน ท้ายที่สุดแล้วก็

ต้องกลับมาดูว่า เมื่อเราเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างนี้แล้ว เรายังจะเลือกส่ง

บุตรหลานเข้าเรียนในระบบการศึกษาไทย หรือเลือกที่จะจัดการศึกษา


ด้วยตนเองให้มีประสิทธิภาพแทน



ขอบคุณสำหรับ

การรับชม!!!


Click to View FlipBook Version