รัฐวิสาหกจิ
ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ที่ ๓
จดั ทำโดย
เดก็ หญิง ปนรรฐพร บญุ เกิด
ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๓ หอ้ ง ๒ เลขท่ี ๒๘
เสนอ
คณุ ครู เยำวลกั ษณ์ พิเชฐโสภณ
หนงั สือเลม่ นีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของวชิ ำ กำรงำนอำชีพ
(งำนธรุ กิจ) ง๒๓๑๐๑
โรงเรยี นศรสี ะเกษวทิ ยำลยั
ก
คานา
รำยงำนเลม่ นีจ้ ดั ขนึ้ เพ่อื เป็นสว่ นหนง่ึ ของ
วชิ ำกำรงำนอำชีพ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๓
เพ่ือใหไ้ ดศ้ กึ ษำอยำ่ งเขำ้ ใจเพ่อื เป็นประโยชน์
กบั กำรเรยี น
ผจู้ ดั ทำหวงั วำ่ รำยงำนเลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชน์
กบั ผอู้ ำ่ น หรอื นกั เรยี น ท่ีกำลงั หำขอ้ มลู เรอ่ื งนี้
อยู่ หำกมีขอ้ แนะนำหรอื ขอ้ ผิดพำดประกำรใด
ผจู้ ดั ทำขอนอ้ มรบั ไว้ และขออภยั มำ ณ ท่นี ีด้ ว้ ย
จดั ทำโดย
เดก็ หญิง ปนรรฐพร บญุ เกิด
ข
สารบัญ
บท หน้า
คำนำ ก
สำรบญั ข
ควำมเป็นมำ ๑-๔
ควำมหมำย ๕-๖
ควำมสำคญั ๗-๑๑
วตั ถปุ ระสงค์ ๑๒
ลกั ษณะกำรดำเนินงำนของรฐั วิสำหกิจ ๑๓-๑๔
ประเภทขององคก์ ร ๑๕
ประเภทของรฐั วิสำหกิจ ๑๖-๑๘
รูปแบบกำรจดั ตงั้ องคก์ ำรรฐั วสิ ำหกิจ ๑๙-๒๗
เง่ือนไขกำรเป็นรฐั วิสำหกิจ ๒๘
ขอ้ ดแี ละขอ้ เสีย ๒๙-๓๐
อำ้ งองิ ๓๑
๑
ความเป็ นมาของรัฐวิสาหกิจ
ภำยหลงั จำกกำรเปล่ยี นแปลงกำรปกครอง
พ.ศ. 2475 เป็นตน้ มำ คณะรำษฎรได้
กลำยเป็นชนชนั้ ปกครองใหม่ท่ีควบคมุ อำนำจ
ทำงกำรเมืองทำงกำรทหำรและทรพั ยำกร
ทงั้ หมดของรฐั ในฐำนะท่ีเป็นผคู้ วบคมุ ทนุ ของ
รฐั และเป็นผทู้ ่ีออกกฎหมำยตำ่ งๆ เพ่ือ
สนบั สนนุ ใหเ้ กิดควำมชอบธรรมแกก่ ำรจดั สรร
ทรพั ยำกรเหลำ่ นนั้ คณะรำษฎรไดน้ ำทนุ ของรฐั
ไปสรำ้ งรฐั วสิ ำหกิจ และบรษิ ัทกง่ึ รำชกำรขนึ้
จำนวนหนง่ึ โดยรฐั บำลเป็นผถู้ ือหนุ้ รำยใหญ่
และอยภู่ ำยใตก้ ำรบรหิ ำรงำนของขำ้ รำชกำร
ท่มี ำจำกคณะรำษฎร หรอื บคุ คลท่ใี กลช้ ิดกบั
คณะรำษฎร
๒
ความเป็ นมาของรัฐวสิ าหกจิ
กำรใชท้ รพั ยำกรทำงกำรเงินของรฐั มำสรำ้ ง
รฐั วสิ ำหกิจขนึ้ นี้ คณะรำษฎรไดส้ รำ้ ง
รฐั วิสำหกิจทำงกำรเงิน อนั ไดแ้ ก่ ธนำคำร
เอเชีย ธนำคำรมณฑล และบรษิ ัทไทย
เศรษฐกิจประกนั ภยั รฐั วสิ ำหกิจทำง
อตุ สำหกรรม อนั ไดแ้ ก่ บรษิ ัทขำ้ วไทย บรษิ ัท
ประมงไทย บรษิ ัทเดนิ เรอื ไทย และบรษิ ัทไทย
เดินเรอื ทะเล สว่ นรฐั วิสำหกิจทำงดำ้ นพำณิช
ยกรรม ไดแ้ ก่ บรษิ ัทคำ้ พืชผลไทย และบริษัท
พืชกสิกรรม เป็นตน้ รฐั วิสำหกิจตำ่ งๆ เหลำ่ นี้
ไมว่ ำ่ จะเป็นภำคกำรเงิน ประกนั ภยั กำร
เดนิ เรอื หรอื พำณิชยกรรม
ความเป็ นมาของรัฐวิสาหกจิ ๓
หลงั สงครำมโลกครงั้ ท่ีสอง รฐั บำลจดั ตงั้ รฐั วิสำหกิจขนึ้
เป็นจำนวนมำกเพ่ือบรู ณะฟื้นฟเู ศรษฐกิจ และสงั คมให้
เจรญิ กำ้ วหนำ้ เพ่ือจดั ทำกิจกำรท่ีเป็นสำธำรณปู โภคขนั้
พืน้ ฐำน และกิจกำรท่ีมีผลโดยตรงตอ่ ควำมม่นั คงของ
ประเทศเพ่ือดำเนินกำรดำ้ นอตุ สำหกรรม และพำณิชย
กรรม เพ่ือตอบสนองควำมตอ้ งกำรใน ดำ้ นอปุ โภค
บรโิ ภคของประชำชนใหเ้ พียงพอ เพ่ือประกอบกิจกำรท่ี
เก่ียวขอ้ งกบั สงครำม เช่น เชือ้ เพลงิ เป็นตน้ รวมทงั้ เพ่ือ
ดำเนินกิจกำรท่ีเป็นกำรบรกิ ำรประชำชน ท่ีภำคเอกชน
ยงั ไม่มีควำมพรอ้ มทงั้ ในดำ้ นเงินทนุ และควำมสำมำรถ
มีกำรตรำกฎหมำยสำคญั ฉบบั หน่งึ ในปี พ.ศ. 2496 เพ่ือ
เปิดโอกำส ใหฝ้ ่ำยบรหิ ำรจดั ตงั้ องคก์ รหรอื หน่วยงำน
ขนึ้ มำทำหนำ้ ท่ีจดั ทำบรกิ ำรสำธำรณะพระรำชบญั ญตั ิ
จดั ตงั้ องคก์ รหรอื หน่วยงำนขนึ้ มำทำหนำ้ ท่ีจดั ทำบรกิ ำร
สำธำรณะ พระรำชบญั ญตั ิวำ่ ดว้ ยกำรจดั ตงั้ องคก์ ำรของ
รฐั บำล พ.ศ. 2496[2] ท่ีไดจ้ ดั ตงั้ หนว่ ยงำนตำ่ งๆ ขนึ้ มำ
หลำยแห่งซง่ึ มีสถำนภำพเป็นรฐั วิสำหกิจ ไดแ้ ก่ องคก์ ำร
ขนสง่ มวลชนกรุงเทพ องคก์ ำรแบตเตอร่ี องคก์ ำรแกว้
องคก์ ำรจดั กำรนำ้ เสยี เป็นตน้
ความเป็ นมาของรัฐวสิ าหกิจ ๔
จำกนนั้ มำก็มีรฐั วิสำหกิจเกิดขนึ้ อีกเป็นจำนวนมำก
จนกระท่งั ปัจจบุ นั มีรฐั วสิ ำหกิจท่ี กระทรวงกำรคลงั
เป็นผกู้ ำกบั ดแู ล (ไมร่ วม “บรษิ ัทลกู ” ของ รฐั วิสำหกิจ
เหลำ่ นี)้ รวมทงั้ สนิ้ 56 แห่ง รฐั วสิ ำหกิจจดั ตงั้ ขนึ้ มำก็
ดว้ ยเหตผุ ลหลำยประกำรแตกตำ่ งกนั ไป เช่น เหตผุ ล
ทำงเศรษฐกิจกำรคลงั ควำมม่นั คง ในบำงกรณีอำจ
เป็นเหตผุ ลท่ีกลำ่ วมำนี้ หลำยประกำรรวมกนั ก็เป็นได้
เหตผุ ลในกำรมีรฐั วสิ ำหกิจสำมำรถแยกเป็น 2 กรณี
คือ เหตผุ ล ท่วั ไปและเหตผุ ลเฉพำะสำหรบั ประเทศ
ไทย
คณะกรรมกำรรฐั วิสำหกิจไทย ถกู เปล่ยี นตำม
กำรเมืองอยเู่ สมอ เชน่ ในปี พ.ศ. 2555 กลมุ่ แนวรว่ ม
ประชำธิปไตยตอ่ ตำ้ นเผดจ็ กำรแห่งชำติ พรทิพย์
ปักษำนนท์ ไวพจน์ อำภรณร์ ตั น์ ไดร้ บั กำรแต่งตงั้ เป็น
กรรมกำรรฐั วสิ ำหกิจไทย ภำยหลงั รฐั ประหำรใน
ประเทศไทย พ.ศ. 2557 ทหำรและตำรวจไดเ้ ป็น
กรรมกำรรฐั วสิ ำหกิจไทยจำนวนมำก
๕
ความหมายของรัฐวิสาหกิจ
รฐั วสิ ำหกิจ (State Enterprise) คือ
องคก์ ำร หรอื บรษิ ัท หรอื หน่วยงำนของรฐั หรอื
รฐั เป็นผถู้ ือหนุ้ รำยใหญ่ รฐั วสิ ำหกิจเป็น
หนว่ ยงำนที่ดำเนินกิจกำรเพ่ือแสวงหำผลกำไร
เชน่ เดียวกบั องคก์ รธรุ กิจเอกชน บำง
รฐั วสิ ำหกิจก็เป็นธรุ กิจผกู ขำด ซง่ึ หมำยถึงรฐั
ดำเนินกำรไดแ้ ตเ่ พียงผเู้ ดียว หำ้ มเอกชน
ดำเนินกำร เช่น สลำกกินแบง่ เป็นตน้
จดุ มงุ่ หมำยของกำรจดั ตงั้ รฐั วิสำหกิจนนั้
นอกเหนือจำกผลกำไรแลว้ บำงรฐั วสิ ำหกิจถกู
จดั ตงั้ ขนึ้ เพ่ือเป็นระบบสำธำรณปู โภคใหก้ บั
ประชำชน เพ่ือควำมม่นั คงดำ้ นพลงั งำน หรอื
บำงครงั้ เพรำะไมม่ ีเอกชนท่ีมีควำมสำมำรถ
พอท่ีจะดำเนินกิจกำรประเภทนนั้ ๆ
๖
รัฐวิสาหกจิ
รฐั วสิ ำหกิจ (องั กฤษ: state enterprise, state-
owned enterprise, หรอื government
enterprise) เป็นวิสำหกิจธรุ กิจ (business
enterprise) ท่ีรฐั มีอำนำจควบคมุ อยำ่ งมีนยั สำคญั
ดว้ ยวธิ ีเป็นเจำ้ ของอยำ่ งเตม็ รูปแบบ โดยสว่ นมำก หรอื
โดยสว่ นนอ้ ยแตใ่ นระดบั สำคญั [1] กำรกำหนดลกั ษณะ
ของรฐั วสิ ำหกิจนนั้ แตกตำ่ งกนั ไปตำมรูปแบบทำง
กฎหมำยและกำรดำเนินงำน รฐั วิสำหกิจอำจมี
วตั ถปุ ระสงคเ์ ป็นนโยบำยสำธำรณะได้ เช่น บรษิ ัทรถไฟ
ของรฐั แตร่ ฐั วสิ ำหกิจแตกตำ่ งจำกหน่วยงำนรำชกำรหรอื
หนว่ ยงำนของรฐั ท่ีมีวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั เป็นกำรดำเนินงำน
เพ่ือสำธำรณะ
๗
ความสาคัญของรัฐวิสาหกจิ
๑) เพ่อื เป็นเครอ่ื งมือในกำรดำเนินธรุ กิจแทนรฐั ใน
กรณีท่ีสงั คมใดตอ้ งกำรสง่ิ อำนวยควำมสะดวกหรอื
บรกิ ำรใหมๆ่ ซง่ึ เอกชนยงั ไมม่ ีควำมพรอ้ ม ในกำร
ดำเนินกำรหรอื เอกชนดำเนินกำรอยแู่ ลว้ แตไ่ มป่ ระสบ
ผลดีเทำ่ ท่ีควร รฐั อำจจดั ตงั้ รฐั วิสำหกิจเขำ้ มำดำเนิน
กิจกำรนนั้ ๆ โดยอำจเขำ้ มำดำเนินกำรเอง หรอื เขำ้
ควบคมุ หรอื ถือหนุ้ ขำ้ งมำก หำกเอกชนดำเนินกิจกำร
นนั้ อยแู่ ลว้ โดยมไิ ดเ้ ปล่ยี นแปลงโครงสรำ้ งเดมิ ของ
กิจกำรแตอ่ ยำ่ งใด อำทเิ ช่น กิจกำรโทรศพั ทแ์ ละ
วิทยกุ ระจำยเสียง เป็นตน้
๒) เพ่อื เป็นตวั อยำ่ งแก่เอกชนในกำรดำเนินธุรกิจ ใน
กำรดำเนนิ กิจกำรบำงประเภทท่ีมคี วำมสำคญั ทำง
เศรษฐกิจ เพรำะเป็นบรกิ ำรรำกฐำน ท่ีชว่ ยสง่ เสรมิ ให้
กำรพฒั นำเศรษฐกิจเป็นไปไดโ้ ดยสะดวกและรวดเรว็
๘
๓) เพ่อื ควำมม่นั คงของประเทศ กิจกำรบำงประเภท
อำจมคี วำมสำคญั ตอ่ ควำมม่นั คงของประเทศและ
ของประชำชน หำกปลอ่ ยใหเ้ อกชนดำเนินกิจกำรอำจ
เกิดกำรผกู ขำดในกิจกำรใดกิจกำรหนง่ึ หรอื หลำย
กิจกำร และเรยี กคำ่ ตอบแทนในสินคำ้ หรอื บรกิ ำร
ตำมอำเภอใจ สรำ้ งควำมเดือดรอ้ นใหแ้ ก่ผบู้ ริโภค
โดยรวม
๔) เพ่ือสง่ เสรมิ สงั คมและวฒั นธรรม กิจกำรบำง
ประเภทมีประโยชนอ์ ยำ่ งมำกตอ่ สำธำรณะ เป็นกำร
รกั ษำไวซ้ ง่ึ ศลิ ปวฒั นธรรมของชำติ ตลอดจนส่งเสรมิ
สขุ ภำพพลำนำมยั ของประชำชน
๙
๕) เพือ่ จดั ทำบริกำรสำธำรณะ กำรจดั ทำบริกำรสำธำรณะถือ
เป็นภำรกิจหนำ้ ที่สำคญั ประกำรหน่ึงของรัฐบำล โดยเฉพำะ
กิจกำรดำ้ นสำธำรณูปโภค สำธำรณูปกำรต่ำงๆ ท่ีประชำชน
ทุกคนโดยเฉพำะผดู้ อ้ ยโอกำสในสังคม ควรมีโอกำสไดร้ ับ
บริกำรดงั กลำ่ วอยำ่ งทวั่ ถึง กิจกำรเหลำ่ น้ีตอ้ งใชเ้ งินทุนในกำร
ดำเนินกำรสูง แตผ่ ลตอบแทนในกำรดำเนินกำรต่ำ จุดคุม้ ทุน
(break-even point) และกำไร (normal profit)
ใชร้ ะยะเวลำนำน ตอ้ งมีพนกั งำนจำนวนมำกและเป็นผูท้ ี่มี
ควำมรู้และประสบกำรณ์ในเร่ืองน้นั ๆ เป็นอยำ่ งดี ทำให้
เอกชนเพยี งนอ้ ยรำยหรือไม่มีเลยที่จะสำมำรถเขำ้ มำ
ดำเนินกำรได้ ดงั น้นั รัฐจึงตอ้ งเขำ้ มำดำเนินกำรเองเพอื่ ให้
สำธำรณชนไดร้ ับควำมสะดวก อำทิ รถไฟ ประปำ ไฟฟ้ำ
โทรศพั ท์ กำรขนส่ง ซ่ึงรัฐบำลของประเทศต่ำงๆ ในโลกส่วน
ใหญ่กม็ กั จะดำเนินกำรเองท้งั สิ้น โดยจะเกบ็ อตั รำคำ่ บริกำร
ต่ำเพ่อื ใหป้ ระชำชนโดยรวมสำมำรถใชบ้ ริกำรได้ ดงั เช่นใน
กรณีกำรจดั ต้งั องคก์ ำรขนส่งมวลชนกรุงเทพ เป็นตน้
๑๐
๖) เพ่ือประโยชนใ์ นดำ้ นกำรคลงั และเสริม
รำยไดใ้ หแ้ ก่รัฐ รัฐวสิ ำหกิจเป็นกลไกทส่ี ำคญั
ในกำรรักษำเสถียรภำพดำ้ นกำรเงินกำรคลงั ของ
ประเทศ โดยรัฐบำลใชร้ ัฐวสิ ำหกิจเป็นเคร่ืองมือ
ในกำรกำกบั ฐำนะดุลกำรคลงั โดยรวมของ
ภำครัฐดว้ ยกำรกำกบั กำรเบิกจ่ำยลงทุนของ
รัฐวสิ ำหกิจใหส้ อดคลอ้ งกบั รำยไดท้ ี่สำมำรถ
จดั หำไดเ้ พอื่ ใหม้ ีฐำนะดุลงบประมำณท่ี
เหมำะสมกบั เป้ำหมำยในกำรรักษำเสถียรภำพ
ดำ้ นกำรคลงั ของประเทศ โดยเฉพำะรัฐวสิ ำหกจิ
เป็นกลไกสำคญั ในกำรช่วยกระตุน้ และฟ้ืนฟู
เศรษฐกิจ
๑๑
๗) เพอ่ื ควบคุมสินคำ้ อนั ตรำย ในกรณีท่ีรัฐ
ตอ้ งกำรจำกดั และควบคุมกำรผลิตและกำร
บริโภคสินคำ้ ท่ีเป็นอนั ตรำยแก่สงั คม รัฐก็
จะเป็นผดู้ ำเนินธุรกิจกำรผลิต และกำร
จำหน่ำยสินคำ้ น้นั โดยตรง โดยประกำศให้
กิจกำรน้นั เป็นกิจกำรท่ีรัฐเป็น
ผปู้ ระกอบกำรแต่ผเู้ ดียว ส่วนใหญ่จะเป็น
สินคำ้ ที่เป็นส่ิงเสพติดและอบำยมุข เช่น
สุรำ ยำสูบ สลำกกินแบ่ง และไพ่ เป็นตน้
วตั ถุประสงคข์ องรัฐวสิ าหกจิ ๑๒
๑) เพ่ือดำเนินกำรในกิจกำรท่ีเอกชนไมส่ ำมรถดำเนินกำร
เองได้
๒) เพ่ือหำรำยไดแ้ ก่รฐั
๓) เพ่ือดำเนินกิจกำรท่ีมีควำมสำคญั
๔) เพ่ือประกอบกจิ กำรท่ีเป็นเคร่อื งมือสนองนโยบำยเพ่ือ
ชว่ ยเหลอื ในกำรคลองชีพหรอื สง่ เสรมิ อำชีพของ
ประชำชนเป็นสว่ นใหญ่
๕) เพ่ือประกอบกิจกำรเพ่ือสำธำรณประโยชน์
๖) เพ่ือปอ้ งกนั กำรผกู ขำดของบรกิ ำรสำธำรณปู โภค
๗) เพ่ือใหบ้ รกิ ำรในกิจกำรท่ีภำคเอกชนยงั ไมพ่ รอ้ มจะ
ลงทนุ ในโครงกำรขนำดใหญ่ช่วงแรกๆ
๘) เพ่ือใหบ้ รกิ ำรกิจกำรท่ีภำคเอกชนไมส่ นใจลงทนุ
๙) เพ่ือสนบั สนนุ กิจกำรใหเ้ กิดประโยชนด์ ำ้ นสงั คมและ
ส่งิ แวดลอ้ มตอ่ ประชำชนสว่ นรวม
๑๐) เพ่ือผลติ สนิ คำ้ ในอตุ สำหกรรมพืน้ ฐำนท่ีสำคญั เชน่
นำ้ มนั ก๊ำซธรรมชำติ กำรเดนิ เรอื ทะเล และ ปิโตรเคมี
๑๑) เพ่ือควบคมุ บำงกิจกำรท่ีอำจเป็นอนั ตรำยต่อสขุ ภำพ
และศีลธรรมของประชำชน
๑๓
ลักษณะการดาเนินงานของรัฐวสิ าหกจิ
๑) รฐั วิสำหกิจเป็นองคก์ ำรของรฐั บำลท่ีรบั ผิดชอบบรกิ ำร
สำธำรณะทำงอตุ สำหกรรมและพำณิชยกรรม มีวตั ถปุ ระสงค์
เพ่ือกำรแสวงหำรำยได้ ตอ้ งสำมำรถเลยี้ งตวั เองจำกกำร
ดำเนินงำนเชิงพำณิชย์ แตห่ ำกมีควำมจำเป็นตอ้ งรบั เงิน
งบประมำณสนบั สนนุ เป็นครงั้ ครำวหรอื บำงสว่ น ในกรณีนี้
รฐั ก็จะจดั สรรงบประมำณในรูปของเงินอดุ หนนุ ซง่ึ จะแยก
จำกกำรเกบ็ ค่ำบรกิ ำรตำมปกตขิ องรฐั วิสำหกิจนนั้ ๆ เป็นนิติ
บคุ คลและมีควำมสมั พนั ธก์ บั รฐั ซง่ึ ประกอบดว้ ย รฐั จดั ตงั้ ทนุ
เกินครง่ึ เป็นของรฐั รฐั มีอำนำจบรหิ ำรจดั กำรผำ่ นกำรแต่งตงั้
คณะกรรมกำรและผบู้ รหิ ำรระดบั สงู และกำรใหน้ โยบำย กำร
ลงทนุ ตอ้ งขอควำมเหน็ ชอบจำกรฐั และรำยไดต้ อ้ งสง่ คืนรฐั
บคุ ลำกรมีสถำนะเป็นพนกั งำนรฐั วิสำหกิจ และวธิ ีดำเนินกำร
ไมใ่ ชอ้ ำนำจฝ่ำยเดียวเป็นหลกั แตใ่ ชส้ ญั ญำ ไมใ่ ช้
กฎระเบียบของทำงรำชกำรในกำรบรหิ ำรกำรเงิน กำร
บรหิ ำรงำน และกำรบรหิ ำรบคุ คล ยกเวน้ รฐั วสิ ำหกิจท่ีตอ้ งใช้
อำนำจพิเศษของรฐั เชน่ เวนคืน ปักเสำ พำดสำย ตอ้ งจดั ตงั้
โดยมีพระรำชบญั ญตั ิรองรบั
๑๔
๒) องคก์ ำรของรฐั หรอื หนว่ ยงำนธุรกิจท่ีรฐั บำลเป็น
เจำ้ ของ รวมทงั้ บรษิ ัทจำกดั และหำ้ งหนุ้ ส่วนนิตบิ คุ คล
ท่ีสว่ นรำชกำรหรอื รฐั วิสำหกิจถือหนุ้ อย่ดู ว้ ยเกินกวำ่
รอ้ ยละ 50 แตไ่ มร่ วมถึงองคก์ ำรท่ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื
สงเครำะหห์ รอื สง่ เสรมิ กำรใดๆ ท่ีไมใ่ ชธ่ รุ กิจ
รฐั วสิ ำหกิจจะแยกสว่ นของกำรบรหิ ำรงำนออกจำก
สว่ นรำชกำร พนกั งำนรฐั วิสำหกิจจะแยกสว่ นของกำร
บรหิ ำรงำนออกจำกสว่ นรำชกำร พนกั งำนรฐั วสิ ำหกิจ
จงึ ไมใ่ ช่ขำ้ รำชกำร แตร่ ะเบียบกำรปฏิบตั ิงำนตำ่ งๆ
ใชห้ ลกั กำรเดยี วกนั
๓) องคก์ ำรของรฐั บำลหรอื หนว่ ยงำนธรุ กิจท่ีรฐั บำล
เป็นเจำ้ ของ หรอื รฐั มีหนุ้ อยเู่ กินกวำ่ รอ้ ยละ 50 มีกำร
ดำเนินงำนท่ีมีลกั ษณะผสมระหวำ่ งกิจกำรเอกชน
และหน่วยงำนของรฐั บำลแบบมหำชน มีเปำ้ หมำย
คอื ผลประโยชนข์ องสว่ นรวมเป็นหลกั
ประเภทขององคก์ ร ๑๕
๑. การแบง่ ประเภทของรัฐวสิ าหกิจตาม
วัตถุประสงคข์ องการจดั ตงั้ ไดแ้ ก่
๑.๑ รฐั วิสำหกิจประเภทท่ีหำรำยไดใ้ หร้ ฐั
๑.๒ รฐั วิสำหกิจประเภทท่ีเป็นสำธำรณปู โภค
และสำธำรณปู กำร
๑.๓ รฐั วิสำหกิจประเภทท่ีตงั้ ขนึ้ เพ่ือดำเนินกำร
ตำมนโยบำยพเิ ศษของรฐั
๑.๔ รฐั วิสำหกิจประเภทท่ตี งั้ ขนึ้ หรอื ไดม้ ำดว้ ย
เหตผุ ลอ่นื
๒. การแบง่ ประเภทของรัฐวสิ าหกิจตาม
ทม่ี าทางกฎหมาย ไดแ้ ก่
๑.๑ กำรจดั ตงั้ โดยกฎหมำยมหำชน
๑.๒ กำรจดั ตงั้ โดยกฎหมำยเอกชน
ประเภทของรัฐวิสาหกิจ ๑๖
ประเภทของรัฐวสิ าหกจิ แบ่งออกได้ 2
ประเภท คอื
๑. รฐั วสิ ำหกิจท่ีเป็นนิตบิ คุ คล นติ บิ คุ คล หมำยถึง
กำรเป็นบคุ คลตำมกฎหมำย ไดแ้ ก่ องคก์ ำรและ
หนว่ ยงำนท่ีจดั ตงั้ ขนึ้ มฐี ำนะเป็นบคุ คลตำมกฎหมำย
มีกำรดำเนินงำนท่ีแยกออกจำกผถู้ ือหนุ้ หรือเจำ้ ของ
กิจกำรโดยเฉพำะ สำหรบั กิจ
กำรท่ีเป็นนิตบิ คุ คลแบง่ เป็น ๔ ประเภท คือ
๑.๑ กิจกำรธรุ กิจท่ีจดั ตงั้ ขนึ้ ตำมพระรำชบญั ญตั ิ ให้
อำนำจสำหรบั จดั ตงั้ รฐั วสิ ำหกิจนนั้ ๆ โดยเฉพำะทนุ
สำหรบั ดำเนนิ กิจกำรเป็นของรฐั เช่น
กำรส่อื สำรแหง่ ประเทศไทย กำรปิโตรเลยี มแหง่
ประเทศไทย
๑.๒ กิจกำรท่ีจงั ตงั้ ขนึ้ ตำมพระรำชกฤษฎีกำ กิจกำร
เหลำ่ นีใ้ ชท้ นุ ของรฐั ทงั้ สนิ้ เช่น องคก์ ำรเภสชั กรรม
องคก์ ำรสะพำนปลำ องคก์ ำรสวนสตั ว์ องคก์ ำร
อตุ สำหกรรมป่ำไม้ ฯลฯ
๑๗
๑.๓ กิจกำรธุรกิจประเภทธนำคำร รฐั บำลมบี ทบำท
ในกำรดำเนินกิจกำรประเภทธนำคำรซง่ึ แบง่ ออกเป็น
๒ ชนดิ ไดแ้ ก่
- ธนำคำรซง่ึ จดั ตงั้ ขนึ้ โดยมีพระรำชบญั ญตั ิเป็น
เอกเทศมีทนุ ดำเนนิ กำรทงั้ สนิ้ เป็นของรฐั เชน่
ธนำคำรแหง่ ประเทศไทย ธนำคำรออมสนิ ธนำคำร
พฒั นำวสิ ำหกิจขนำดยอ่ ม ธนำคำรเพ่ือกำรสง่ ออก
และนำเขำ้ และธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ เป็นตน้
- ธนำคำรท่ีรฐั ถือหนุ้ เกินกวำ่ 50% แตไ่ มถ่ ึง 100%
เช่น ธนำคำรกรุงไทย จำกดั
๑.๔ กิจกำรบรษิ ทั จำกดั รฐั บำลไดจ้ ดั ตงั้ บรษิ ัทจำกดั
หรอื ถือหนุ้ ในบรษิ ัทจำกดั เพ่ือดำเนนิ ธุรกิจหลำย
ประเภทดงั นี้
- บรษิ ัทจำกดั ท่ีรฐั บำลลงทนุ ดำเนินกำร 100%เช่น
บรษิ ัท วทิ ยกุ ำรบนิ แหง่ ประเทศไทย จำกดั บรษิ ัท
ไมอ้ ดั ไทย จำกดั บรษิ ัท เดนิ เรอื ทะเล ฯล
- บรษิ ัทจำกดั ท่ีรฐั ถือหนุ้ เกินรอ้ ยละ ๕๐ เชน่ บรษิ ัท
ขนสง่ จำกดั บรษิ ัท จงั หวดั พำณิชย์ จำกดั ฯ
๑๘
๒. รฐั วสิ ำหกิจท่ีไมเ่ ป็นนิติบคุ คล
กิจกำรบำงอย่ำงของรฐั ซง่ึ จดั ตงั้ ขนึ้ โดยใช้
ทนุ ดำเนินกำรทงั้ สนิ้ เป็นของรฐั สงั กดั หนว่ ยงำน
รำชกำรท่ีเป็นผกู้ ่อตงั้ ขนึ้ แตไ่ มม่ ีฐำนะเป็น นิติ
บคุ คล เชน่ โรงงำนยำสบู และสำนกั งำนสลำกกิน
แบง่ รฐั บำล สงั กดั กระทรวงกำรคลงั เป็นตน้
๑๙
รูปแบบการจัดตงั้ องคก์ ารรัฐวสิ าหกจิ
ก.จัดตงั้ ขนึ้ โดยพระราชบญั ญัตแิ ละพระราชกาหนด
จานวน 23 แหง่ ดงั นี้
1) กำรไฟฟำ้ ฝ่ำยผลติ แหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ิกำรไฟฟำ้ ฝ่ำยผลติ แหง่ ประเทศไทย พ.ศ.
2511
2) กำรไฟฟำ้ นครหลวง จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั กิ ำรไฟฟำ้
นครหลวง พ.ศ. 2501
3) กำรไฟฟำ้ สว่ นภมู ิภำค จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิกำร
ไฟฟำ้ สว่ นภมู ิภำค พ.ศ. 2503
4) กำรรถไฟแหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิกำร
รถไฟแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2494
5) กำรทำ่ เรอื แหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญัตกิ ำร
ทำ่ เรอื แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2494
6) กำรรถไฟฟำ้ ขนสง่ มวลชนแหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั กิ ำรรถไฟฟำ้ ขนสง่ มวลชนแหง่ ประเทศไทย
พ.ศ. 2543
7) กำรประปำนครหลวง จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั กิ ำร
ประปำนครหลวง พ.ศ.2510
๒๐
8) กำรประปำสว่ นภมู ิภำค จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิกำร
ประปำสว่ นภมู ิภำค พ.ศ. 2522
9) กำรนิคมอตุ สำหกรรมแหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั กิ ำรนิคมอตุ สำหกรรมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ.
2522
10) สำนกั งำนสลำกกินแบง่ รฐั บำล จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ิสำนกั งำนสลำกกินแบง่ รฐั บำล พ.ศ. 2517
11) กำรทอ่ งเท่ียวแหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิ
กำรทอ่ งเท่ียวแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2522
12) สถำบนั วิจยั วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ประเทศไทย
จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั สิ ถำบนั วิจยั วิทยำศำสตรแ์ ละ
เทคโนโลยีแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2522
13) องคก์ ำรเภสชั กรรม จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิองคก์ ำร
เภสชั กรรม พ.ศ. 2509
14) สำนกั งำนกองทนุ สงเครำะหก์ ำรทำสวนยำง จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ิสำนกั งำนกองทนุ สงเครำะหก์ ำรทำสวนยำง
พ.ศ. 2503
15) องคก์ ำรสะพำนปลำ จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั จิ ดั
ระเบียบกิจกำรแพปลำ พ.ศ. 2496
16) กำรกีฬำแหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิกำร
กีฬำแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2528
๒๑
17) ธนำคำรออมสนิ จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิธนำคำรออมสนิ
พ.ศ. 2489
18) ธนำคำรแหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิ
ธนำคำรแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2485
19) ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิ
ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ พ.ศ. 2496
20) ธนำคำรเพ่ือกำรเกษตรและสหกรณก์ ำรเกษตรจดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ธิ นำคำรเพ่ือกำรเกษตรและสหกรณก์ ำรเกษตร
พ.ศ. 2509
21) ธนำคำรเพ่ือกำรสง่ ออกและนำเขำ้ แหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้
โดยพระรำชบญั ญตั ิธนำคำรเพ่ือกำรสง่ ออกและนำเขำ้ แห่ง
ประเทศไทย พ.ศ. 2536
22) ธนำคำรพฒั นำวิสำหกจิ ขนำดกลำงและขนำดยอ่ มแหง่
ประเทศไทย จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิธนำคำรพฒั นำวิสำหกจิ
ขนำดกลำงและขนำดยอ่ มแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2545
23) บรรษัทประกนั สนิ เช่ืออตุ สำหกรรมขนำดยอ่ ม จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ิประกนั สนิ เช่ืออตุ สำหกรรมขนำดยอ่ ม พ.ศ.
2534
24) บรรษัทตลำดรองสนิ เช่ือท่ีอยอู่ ำศยั จดั ตงั้ โดยพระรำช
กำหนดบรรษัทตลำดรองสนิ เช่ือท่ีอยอู่ ำศยั พ.ศ. 2540
25) บรรษัทบรหิ ำรสนิ ทรพั ยส์ ถำบนั จดั ตงั้ โดยพระรำชกำหนด
บรรษัทบรหิ ำรสนิ ทรพั ยส์ ถำบนั พ.ศ. 2540
๒๒
ข. จัดตงั้ ขึน้ โดยพระราชกฤษฎกี า/กฎหมาย
จดั ตงั้ ทอ่ี อกตามความในพระราชบญั ญตั วิ ่าดว้ ย
การจดั ตงั้ องคก์ ารของรัฐบาล พ.ศ. 2496 จานวน
14 แหง่ ดงั นี้
1) องคก์ ำรตลำด จดั ตงั้ โดยพระรำชกฤษฎีกำองคก์ ำร
ตลำด พ.ศ. 2496
2) องคก์ ำรสวนสตั ว์ จดั ตงั้ โดยพระรำชกฤษฎีกำ
จดั ตงั้ องคก์ ำรสวนสตั ว์ พ.ศ. 2497
3) องคก์ ำรคลงั สนิ คำ้ จดั ตงั้ โดยพระรำชกฤษฎีกำ
จดั ตงั้ องคก์ ำรคลงั สนิ คำ้ พ.ศ. 2498
4) องคก์ ำรแบตเตอร่ี จดั ตงั้ โดยพระรำชกฤษฎีกำ
จดั ตงั้ องคก์ ำรแบตเตอร่ี พ.ศ. 2498
5) องคก์ ำรฟอกหนงั จดั ตงั้ โดยพระรำชกฤษฎีกำ
จดั ตงั้ องคก์ ำรฟอกหนงั พ.ศ. 2498
6) องคก์ ำรอตุ สำหกรรมป่ำไม้ จดั ตงั้ โดยพระรำช
กฤษฎีกำจดั ตงั้ องคก์ ำรอตุ สำหกรรมป่ำไม้ พ.ศ.
2499
7) องคก์ ำรสวนยำง จดั ตงั้ โดยพระรำชกฤษฎีกำจดั ตงั้
องคก์ ำรสวนยำง พ.ศ. 2504
๒๓
8) องคก์ ำรสง่ เสรมิ กิจกำรโคนมแหง่ ประเทศไทย
จดั ตงั้ โดยพระรำชกฤษฎีกำจดั ตงั้ องคก์ ำรสง่ เสรมิ
กิจกำรโคนมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2514
9) องคก์ ำรตลำดเพ่ือเกษตรกร จดั ตงั้ โดยพระรำช
กฤษฎีกำจดั ตงั้ องคก์ ำรตลำดเพ่ือเกษตรกร พ.ศ.
2517
10) องคก์ ำรขนสง่ มวลชนกรุงเทพ จดั ตงั้ โดยพระรำช
กฤษฎีกำจดั ตงั้ องคก์ ำรขนสง่ มวลชนกรุงเทพ พ.ศ.
2519
11) สถำบนั กำรบนิ พลเรอื น จดั ตงั้ โดยพระรำช
กฤษฎีกำจดั ตงั้ สถำบนั กำรบินพลเรอื น พ.ศ. 2535
12) องคก์ ำรสวนพฤกษศำสตร์ จดั ตงั้ โดยพระรำช
กฤษฎีกำจดั ตงั้ องคก์ ำรสวนพฤกษศำสตร์ พ.ศ. 2535
13) องคก์ ำรพพิ ิธภณั ฑว์ ทิ ยำศำสตรแ์ หง่ ชำติ จดั ตงั้
โดยพระรำชกฤษฎีกำจดั ตงั้ องคก์ ำรพพิ ิธภณั ฑ์
วิทยำศำสตรแ์ ห่งชำติ พ.ศ. 2538
14) องคก์ ำรจดั กำรนำ้ เสีย จดั ตงั้ โดยพระรำช
กฤษฎีกำจดั ตงั้ องคก์ ำรจดั กำรนำ้ เสีย พ.ศ. 2538
๒๔
ค. จดั ตัง้ ขนึ้ โดยประกาศของคณะปฏวิ ตั ริ ัฐวสิ าหกจิ
และองคก์ ารของรัฐทจ่ี ดั ตัง้ ขนึ้ โดยประกาศของคณะ
ปฏวิ ัติ จานวน 2 แหง่
1) กำรทำงพิเศษแหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดยประกำศของ
คณะปฏิวตั ฉิ บบั ท่ี 290 พ.ศ. 2515
2) กำรเคหะแหง่ ชำติ จดั ตงั้ โดยประกำศของคณะปฏิวตั ิ
ฉบบั ท่ี 316 พ.ศ. 2515
ง. จดั ตงั้ ขนึ้ โดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี
รัฐวสิ าหกจิ และองคก์ ารของรัฐทจี่ ดั ตัง้ ขนึ้ โดยความ
เหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี เป็ นกจิ การทม่ี ไิ ดจ้ ดั ตงั้ ขนึ้
ตามกฎหมายเฉพาะและมไิ ดจ้ ดทะเบียนเป็ นนิติ
บุคคลตามกฎหมายเอกชน การจดั ตงั้ นั้นรัฐบาลอาจ
กาหนดเงนิ ทนุ ไวจ้ านวนหน่ึงเพอ่ื นาไปใช้จา่ ยในการ
ดาเนินกจิ การ โดยอาจนาผลกาไรทไ่ี ดบ้ างส่วนสมทบ
ทนุ ดาเนินการตอ่ ไปไดโ้ ดยไมต่ ้องส่งคลงั หรืออาจเป็ น
เพยี งตงั้ เป็ นเงนิ ทนุ หมุนเวยี นโดยความตกลงระหว่าง
กระทรวงผู้กากบั และกระทรวงการคลังตาม
พระราชบญั ญัติ เงนิ คงคลงั พ.ศ. 2491 มอี ยู่จานวน 5
แหง่ ดงั นี้
1) โรงงำนไพ่ จดั ตงั้ โดยระเบียบกระทรวงกำรคลงั วำ่ ดว้ ย
กำรจดั ตงั้ โรงงำนไพ่ กรมสรรพสำมติ พ.ศ. 2535
๒๕
2) องคก์ ำรสรุ ำ กรมสรรพสำมติ จดั ตงั้ โดยระเบียบ
จดั ตงั้ องคก์ ำรสรุ ำ กรมสรรพสำมติ พ.ศ. 2506
3) โรงงำนยำสบู กระทรวงกำรคลงั จดั ตงั้ โดยระเบียบ
บรหิ ำรงำนโรงงำนยำสบู พ.ศ. 2516
4) โรงพมิ พต์ ำรวจ สำนกั งำนตำรวจแหง่ ชำติ จดั ตงั้
โดยขอ้ บงั คบั โรงพมิ พต์ ำรวจ กรมตำรวจ พ.ศ. 2508
5) สำนกั งำนสถำนธนำนเุ ครำะห์ กรม
ประชำสงเครำะหจ์ ดั ตงั้ โดยขอ้ บงั คบั วำ่ ดว้ ยกำร
บรหิ ำรงำนสำนกั งำนสถำนธนำนเุ ครำะห์ กรม
ประชำสงเครำะห์ พ.ศ. 2517
จ. บริษัท จากดั และบริษัท มหาชน จากัด
รัฐวสิ าหกจิ ในประเภทนีม้ ี 2 ลักษณะ คอื จัดตงั้
ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ รัฐถอื
หุน้ ทงั้ สิน้ และจัดตงั้ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ รัฐถอื หุ้นเกนิ กว่าร้อยละ 50 รวมทงั้
จดั ตงั้ ตามกฎหมายว่าดว้ ยบริษัท มหาชน จากัด
ซง่ึ มีอยู่จานวน 13 แหง่ ดงั นี้
1) บรษิ ัทปตท.จำกดั (มหำชน) จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ิบรษิ ัทมหำชน จำกดั พ.ศ. 2535
๒๖
2) บรษิ ัท ขนสง่ จำกดั จดั ตงั้ โดยหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธิ
บรษิ ัท ขนสง่ จำกดั
3) บรษิ ัท ไทยเดนิ เรอื ทะเล จำกดั จดั ตงั้ โดยหนงั สือ
บรคิ ณหส์ นธิบรษิ ัท ไทยเดนิ เรอื ทะเล จำกดั
4) บรษิ ัท อกู่ รุงเทพ จำกดั จดั ตงั้ โดยหนงั สอื บรคิ ณห์
สนธิบรษิ ัท อกู่ รุงเทพ จำกดั
5) บรษิ ัท ท่ำอำกำศยำนไทย จำกดั (มหำชน) จดั ตงั้
โดยพระรำชบญั ญตั ิบรษิ ัทมหำชน จำกดั พ.ศ. 2535
6) บรษิ ัท กำรบนิ ไทย จำกดั (มหำชน) จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ิบรษิ ัทมหำชนจำกดั พ.ศ. 2535
7) บรษิ ัท วิทยกุ ำรบนิ แหง่ ประเทศไทย จดั ตงั้ โดย
หนงั สอื บรคิ ณหส์ นธิบรษิ ัท วทิ ยกุ ำรบนิ แห่งประเทศ
ไทย จำกดั
8) บรษิ ัท ทีโอที จำกดั (มหำชน) จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ิบรษิ ัทมหำชน จำกดั พ.ศ. 2535
9) บรษิ ัท กสท โทรคมนำคม จำกดั (มหำชน) จดั ตงั้
โดยพระรำชบญั ญตั บิ รษิ ัทมหำชน จำกดั พ.ศ. 2535
10) บรษิ ัท ไปรษณียไ์ ทย จำกดั จดั ตงั้ โดยหนงั สือ
บรคิ ณหส์ นธิ บรษิ ัท ไปรษณียไ์ ทย จำกดั
๒๗
11) บรษิ ัท อสมท. จำกดั (มหำชน) จดั ตงั้ โดย
พระรำชบญั ญตั ิบรษิ ัทมหำชน จำกดั พ.ศ. ๒๕๓๕
12) บรษิ ัท สหโรงแรมไทยและกำรทอ่ งเท่ียว จำกดั
จดั ตงั้ โดยหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธิบรษิ ัท สหโรงแรมไทย
และกำรทอ่ งเท่ียว จำกดั
13) ธนำคำรธนำคำรกรุงไทย จำกดั (มหำชน)
จดั ตงั้ โดยพระรำชบญั ญตั ิบรษิ ัทมหำชน จำกดั พ.ศ.
2535
๒๘
เงอ่ื นไขการเป็ นรัฐวสิ าหกจิ
กำรท่ีองคก์ รหน่งึ จะมสี ถำนะเป็นรฐั วิสำหกิจ
ขนึ้ อยกู่ บั กำรนิยำมควำมของ "รฐั วิสำหกิจ" ใน
แตล่ ะกฎหมำย กลำ่ วคอื รฐั วิสำหกิจบำงแหง่
อำจจะมสี ถำนะเป็นรฐั วสิ ำหกิจตำม
ควำมหมำยของกฎหมำยฉบบั หนง่ึ แตม่ ิไดม้ ี
สถำนะเป็นรฐั วิสำหกิจตำมควำมหมำยของ
กฎหมำยอ่นื ได้
ข้อดขี องรัฐวสิ าหกิจ ๒๙
รฐั วสิ ำหกิจ หมำยถึง องคก์ ำรหรอื ธุรกิจท่ีรฐั เป็นเจำ้ ของ
รวมทงั้ บรษิ ัทจำกดั หรอื หำ้ งหนุ้ สว่ นนิตบิ ุคคลท่ีสว่ น
รำชกำรและ/หรอื รฐั วิสำหกิจมีหนุ้ อยดู่ ว้ ยเกินกวำ่ รอ้ ยละ
50กิจกำรของวิสำหกิจเอชนบำงชนิด เกิดจำกกำรท่ีรฐั
เขำ้ แทรกแซงในกำรใหบ้ รกิ ำร และกำหนดรำคำ
คำ่ ธรรมเนียมตำ่ ง ๆ เพรำะกิจกำรบำงอยำ่ งกำรแขง่ ขนั
โดยเสรไี ม่อำจเป็นไปได้ เช่น กำรเดินรถประจำทำง แม้
เอกชนเป็นเจำ้ ของและดำเนินงำน แตร่ ฐั เขำ้ ควบคมุ กำร
ใหส้ มั ปทำน หรอื กำหนดรำคำคำ่ โดยสำร เพ่ือปอ้ งกนั
ควำมเดือดรอ้ นของประชำชนบำงกรณีกำรควบคมุ ไมบ่ งั
เกิดผล รฐั ตอ้ งดำเนินงำนเองในรูปรฐั วสิ ำหกิจ และ
กิจกำรบำงกิจกำรตอ้ งอำศยั สทิ ธิและอำนำจตำม
กฏหมำยท่ีมอบใหแ้ ก่รฐั บำลโดยเฉพำะ หรอื ตอ้ งใช้
เงนิ ทนุ จำนวนมำก ตอ้ งอำศยั เทคนิคพิเศษ รฐั มกั ทำ
กิจกำรเอง เน่ืองจำกเหตเุ ก่ียวกบั สวสั ดกิ ำรของสงั คม
เหตผุ ลทำงเศรษฐกิจ เหตผุ ลทำงกำรปกครอง และทำง
กำรทหำร ซง่ึ เป็น ขอ้ ดี ของรฐั วสิ ำหกิจ
ขอ้ เสยี ของรัฐวสิ าหกิจ ๓๐
ขอ้ เสียของรัฐวสิ าหกิจ คอื
1. สมรรถภำพ : กำรบรหิ ำรมกั ถกู ควบคมุ ดว้ ย
ระเบยี บปฏบิ ตั ิ ทำใหง้ ำนลำ่ ชำ้ ไมท่ นั เหตกุ ำรณ์ กำร
ควบคมุ บ่นั ทอนควำมรบั ผิดชอบและควำมคดิ รเิ รม่ิ
กำรบรหิ ำรงำนมกั พิจำรณำตวั บคุ คล มำกกวำ่ กำร
คำนงึ ถึงควำมรู้ ควำมสำมำรถ กำรดำเนินนโยบำยจงึ
เป็นกำรวำงแผนเฉพำะหนำ้ มำกวำ่ กำรวำงแผนระยะ
ยำว
2. ประสิทธิภำพ : สว่ นมำกขำดประสทิ ธิภำพ
เพรำะผบู้ รหิ ำรงำนขำดควำมรอบรูใ้ นกำรดำเนิน
ธุรกิจ ตน้ ทนุ กำรผลิตสงู เพรำะตอ้ งซอื้ วตั ถดุ ิบรำคำ
สงู กวำ่ รฐั วิสำหกิจเอกชน และพนกั งำนมำเกินควำม
จำเป็นกำรท่ีรฐั วิสำหกิจลม้ เหลว นอกจำกจะส่งผล
กระทบใหผ้ บู้ รโิ ภคตอ้ งซือ้ สินคำ้ ดว้ ยรำคำท่ีสงู แลว้ ยงั
ตอ้ งรบั ภำระภำษีอำกรเพิ่มดว้ ย
อา้ งองิ ๓๑
• http://mpa2011.blogspot.com/2011/04/blo
g-post_210.html
• https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%
E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A7%E0%B
8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB
%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%
B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2
• http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=%E0%B
8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A7
%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%
B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%8
8
• http://www.muanghong.go.th/index.php?op
=articlecenter_detail&art_id=1535&id=6549
• https://sites.google.com/site/khrukungsuwa
cn/home/hnwy-thi-2-xngkhkr-
thurkic/rathwisahkic