9 กั น ย า ย น 2 5 6 3
รัฏฐา ศรีวรัฏฐา
[email protected]
086-309-2710
ศิ ล ป ะ ยุ ค
โบราณ
(ANCIENT AGE)
ส า ธิ ต ร า ม คำ แ ห ง
ศิลปะตะวันออก (Ancient Eastern Art)
อียิปต์พัฒนาอารยธรรมจนเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในลุ่มแม่น้ำไนล์ ส่วนทางฝั่ ง
ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนแถบแม่น้ำไทกรีสและยูเฟรทีส เรียกว่า
แคว้นเมโสโปเตเมีย หมายถึงดินแดนในลุ่มแม่น้ำสองสาย ชนชาติดังกล่าวมี
อารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองเช่นเดียวกัน ประเทศที่อยู่ในวัฒนธรรมนี้ได้แก่ สุเมเรียน
บาบิโลเนียนอัสซิเรียนและเปอร์เซีย
ลักษณะศิลปกรรมของสุเมเรียนมีความแตกต่างจากศิลปกรรมอียิปต์ คือ อียิปต์ใช้
หินเป็นวัสดุก่อสร้าง ส่วนสุเมเรียนใช้อิฐเผาก้อนใหญ่ ๆ มาเรียงกัน ดังนั้น
สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่จึงมีอิฐเป็นโครงสร้างหลัก สถาปัตยกรรมของสุเมเรียนที่
รู้จักกันมากที่สุดคือวิหารใหญ่เรียกว่า ซิกูรัต เป็นหอสูงแบบตึกระฟ้า มีทางเดินเป็น
บันไดวน เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีทางศาสนา
ศิลปะบาบิโลน (Babylon Art)
อยู่ในช่วงช่วง 700 ปี ก่อนคริสต์ศักราช สิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมากและเป็นที่รู้จัก
โดยทั่วไปคือ สวนลอยแห่งบาบิโลน โดยสวนถูกสร้างให้สูงจากพื้นดิน ใช้อิฐซ้อนกัน
ขึ้นไป วางผังลดหลั่นกันและมีความสลับซับซ้อน ตามซุ้มประตูต่าง ๆ ประดับด้วย
ภาพสลักขนาดมหึมา ปัจจุบันสวนแห่งนี้ถูกทับถมปรักหักพังไปหมดแล้ว เหลือเพียง
รากฐานบางส่วนเท่านั้น
ศิลปะอัสซิเรียน (Assyrian Art)
เกิดขึ้นในช่วงเวลาช่วง 900 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ส่วนใหญ่เป็นศิลปกรรมงานแกะ
สลักที่มีชื่อเสียง เป็นรูปสิงโตกำลังกัดเด็กหนุ่ม ถูกพบในพระราชวังเมืองนิมรุดในอัส
ซิเรีย งานชิ้นนี้ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์บริติซ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ประติมากรรมลอยตัวชิ้นสำคัญที่ติดตั้งตามทางเข้าพระราชวังมีขนาดใหญ่โต เป็น
รูปสิงโตมีปีก ส่วนงานสถาปัตยกรรมของอัสซิเรียน มีอาคารก่ออิฐเป็นโครงสร้าง
หลักเป็นรูปโค้งรับน้ำหนัก ใช้อิฐและหินก่อเป็นกำแพงตกแต่งภายในด้วยภาพ
จิตรกรรมฝาผนัง และใช้กระเบื้องเคลือบเป็นรูปสิงโต
ศิลปะเปอร์เซีย (Persian Art)
อยู่ในช่วง 1,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช อารยธรรมของเปอร์เซียมีชื่อเสียงโดดเด่นใน
ด้านสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากอียิปต์และกรีก การก่อสร้างได้นำเอาวัสดุ
หลายชนิดมาใช้อย่างเหมาะสม เช่น ใช้หินเป็นพื้น ผนังใช้อิฐและนำเอาเสาไม้มาใช้
ตกแต่ง ทำโครงเพดาน มีการตกแต่งหัวเสาและแกะเสาเป็นร่องคล้ายของกรีก ใน
ส่วนของงานประติมากรรมที่สำคัญของเปอร์เซีย คือ การแกะสลักหัวเสาเป็นรูปสัตว์
ต่างๆ มีความสวยงามและประณีตนอกจากนั้นยังรู้จักนำทองแดงและโลหะต่าง ๆ
มาประดับแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร และผลงานด้านจิตรกรรมของเปอร์เซียมีไม่มาก
นัก ส่วนมากจะเป็นการนำไปประยุกต์ ใช้กับการตกแต่งผนังภายในงาน
สถาปัตยกรรม รูปแบบจะมีลักษณะคล้ายกับอัสซิเรีย
ศิลปะกรีก (Greek Art)
ชาวกรีกมีความเชื่อว่า "มนุษย์เป็นมาตรวัดสรรพสิ่ง" ซึ่งความเชื่อนี้เป็นรากฐานทางวัฒนธรรมของชาวกรีก เทพเจ้าของชาวกรีกจะมีรูป
ร่างอย่างมนุษย์และไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายเหมือนชาวอียิปต์ ดังนั้นจึงไม่มีสุสานหรือพิธีฝังศพที่ซับซ้อนวิจิตร
จิตรกรรมของกรีกที่รู้จักกันดี คือภาพวาดระบายสีตกแต่งผิวแจกัน เป็นภาพที่มีรูปร่างที่ถูกตัดทอนรูปจนใกล้เคียงกับรูปเรขาคณิต มี
ความเรียบง่ายและคมชัด
การแสดงออกทางประติมากรรมของกรีกเกี่ยวข้องกับปรัชญาความคิดของแต่ละสมัย ระหว่างศตวรรษที่ 10 - 8 ก่อนคริสตกาล ชีวิต
คนกรีกยังสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น ที่พวกเขาจินตนาการขึ้นมาผสมกับสิ่งที่เป็นจริงที่มองเห็นได้ด้วยตา แต่ใน
ช่วงปลายศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาลลงมา มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมกรีกอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากเกิดนักคิดและนักปรัชญาขึ้นมา
สอนให้คนกรีกหันมาสนใจเรื่องราวของความมีเหตุผลและคุณธรรม ความคิดเหล่านี้ได้รับมาจากชาวตะวันออก งานประติมากรรมแบบที่
เริ่มได้รับอิทธิพลของศิลปะตะวันออกคือรูปปั้ นคนที่ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น มีการแสดงความรู้สึกออกมาทางใบหน้า ต่อมางาน
ประติมากรรมแบบคลาสสิกยุคหลัง ได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่ง คือ อริสโตเติล เขาสอนให้คนคิด
อย่างมีเหตุผล ให้คนพิจารณาธรรมชาติของมนุษย์
สถาปัตยกรรมของกรีก อาทิ วิหาร สนามกีฬา หอประชุม และสถานที่แสดงอุปรากร วิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ วิหารพาร์เธนอน ถูก
สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว มีความงดงามมากแม้จะสร้างมาแล้วเป็นเวลานานกว่า 2,000 ปี ก็ไม่มีที่ติว่าควรจะแก้ไขข้อบกพร่องส่วนใดส่วน
หนึ่งและภายในวิหารตกแต่งด้วยภาพแกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม
งานสถาปัตยกรรมแบบหัวเสาของกรีกแบ่ออกเป็น 3 แบบใหญ่ๆ ได้แก่
1.ดอริก (Doric) เป็นเสาโรมันแบบที่เรียบง่าย มั่นคง แข็งแรง เป็นแบบแพร่หลายมากที่สุดและเก่าแก่ที่สุด วิหารที่งามที่สุดของกรีกมัก
เป็นหัวเสาแบบดอริก เนื่องจากชาวกรีกนิยมความเรียบง่าย ลักษณะส่วนล่างจะใหญ่แล้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ตามเสาจะแกะเป็นร่องลึกเว้า
ตอนบนของเสาจะมีคิ้วที่โค้งออกมารองรับแผ่นหินสี่เหลี่ยม ต่อจากนั้นจึงเป็นโครงสร้างของจั่ว
2.ไอโอนิก (Ionic) เป็นแบบที่ให้ความรู้สึกอ่อนช้อยนุ่มนวล ตอนบนและตอนล่างของเสามีขนาดเท่ากัน มีร่องเว้า แต่ระหว่างร่องมีแถบ
เรียงคั่น ตอนบนของเสาแกะสลักเป็นรูปก้นหอย ส่วนบนจะมีแผ่นหินสี่เหลี่ยมคั่นไว้ เสาแบบไอโอนิกมีขนาดเล็กกว่าเสาแบบดอริกและ
นิยมสร้างฐานไว้รองรับ ทำให้เสามีรูปทรงระหงมากขึ้นซึ่งต่างจากเสาแบบดอริกที่ไม่นิยมสร้างฐานรองรับ
3.คอรินเทียน (Corinthian) ให้ความรู้สึกหรูหรา ฟุ่มเฟือย ลักษณะหัวเสามีการตกแต่งโดยแกะเป็นรูปดอกไม้หรือใบไม้ โดยดัดแปลง
มาจากใบอาคันธัส รูปร่างคล้ายผักกาด ทำเป็นใบซ้อนกันสองชั้น แล้วแต่งด้วยดอกไม้ ส่วนล่างของเสามีฐานรองรับแบบเดียวกับไอโอ
นิก เป็นเสาโรมันที่มีความงดงามมาก
ศิลปะโรมัน (Roman Art)
ศิลปะโรมันส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากกรีก ซึ่งมีองค์ประกอบที่ประณีต งดงาม แต่
ศิลปะของโรมันเน้นความใหญ่โตมโหฬาร มีความสง่างาม มั่นคง แข็งแรง สถาปัตยกรรม
โรมันมีชื่อเสียงมาก โรมันเป็นชาติแรกที่คิดค้นสร้างคอนกรีตได้ และสามารถใช้คอนกรีต
หล่อขึ้นเป็นโครงสร้างรูปโดมช่วยทำให้การก่อสร้างอาคารมีขนาดใหญ่ขึ้น สถาปัตยกรรม
ของโรมันที่มีชื่อเสียงได้แก่ วิหารแพนธีออน และโคลอสเซียม สนามกีฬารูปกลมรีขนาด
ใหญ่ แกทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก คือ ประตูชัย ที่สร้างขึ้น
เพื่อสรรเสริญและฉลองชัยของทหารโรมัน โดยสร้างเป็นประตูโค้งขนาดใหญ่สำหรับให้
ทหารเดินทัพผ่านเมื่อออกสงครามหรือภายหลังได้รับชัยชนะ ประดับด้วยภาพ
ประติมากรรมนูนสูงอย่างสง่างาม
งานประติมากรรมของโรมันมีไม่มาก ส่วนใหญ่ขนย้ายมาจากกรีก มีการสร้างสรรค์ขึ้น
เองบ้างแต่เป็นส่วนน้อย ผลงานที่พบในกรุงโรมได้แก่ ภาพเลาคูนกับบุตรชายกำลังถูกงู
กัด เป็นผลงานที่นำมาจากกรีก นอกนั้นได้แก่ภาพประติมากรรมของบุคคลสำคัญ เช่น
รูปจูเลียสซีซาร์ รูปจักรพรรดิออกัสตัส รูปจักรพรรดิคาราคัลลา รูปจักรพรรดิเนโร
เป็นต้น
งานจิตรกรรมของโรมัน มีการค้นพบภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่ยังอยู่ในสภาพ
ดี ส่วนใหญ่เป็นภาพที่แสดงถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันของชาวโรมันนอกเหนือจากนั้น
เป็นภาพในเทพนิยาย เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ลักษณะของภาพยังมีความงามที่
สมบูรณ์ เป็นภาพเขียนสีและประดับด้วยหินสี อย่างประณีต งดงาม
ศิลปะไบแซนไทน์ (Byzantine Art)
อยู่ในระยะเวลาช่วงประมาณ ค.ศ.455 ถือได้ว่าเป็นศิลปะที่มีเอกลักษณ์อันโดน
เด่นซึ่งเป็นงานศิลปะในด้านศาสนา ที่เชื่อมโยงความคิดและลักษณะศิลปะตะวันออก
และตะวันตกเข้าด้วยกัน เป็นศิลปะของรัฐที่นับถือนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ มี
ศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล โดยทั่วไปลักษณะศิลปะไบเเซนไทน์จะมี
ลักษณะใหญ่โตเข้มแข็ง และมีการตกแต่งประดับด้วยพื้นผิวของวัสดุหลาย ๆ อย่าง
สถาปัตยกรรมของไบแซนไทน์ มีลักษณะพิเศษ คือ การสร้างโดมที่มีเส้นผ่า
ศูนย์กลางขนาดใหญ่มากจึงต้องมีกำแพงหนาและใหญ่พอที่จะรับน้ำหนักได้ การ
สร้างโบสถ์ไบแซนไทน์ อาจจะมีโดมหลายโดมหรือโดมอันเดียวแต่ภายในตรงกลาง
จะต้องมีโดมที่เป็นประธานขนาดใหญ่ทางด้านจิตรกรรมของไบแซนไทน์จะเป็น
จิตรกรรมเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาและประวัติพระเยซูคริสต์นอกจากนี้มีการประดับ
ภาพด้วยกระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ เรียกว่า “ โมเสก ” และประติมากร
รมไบแซนไทน์จะแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับทางศาสนาเช่นเดียวกัน ส่วนมากนิยมแกะ
เป็นรูปนักบุญทางศาสนาประดับหัวเสา ประดับอาคารทั้งภายในและภายนอก