The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมเล่ม-สรุปภาพรวมทุกสังกัดตามแบบรายงานการตรวจราชการ 8-3-67

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Katcha Ting, 2024-03-08 22:07:34

รายงานการตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ รอบที่ 1

รวมเล่ม-สรุปภาพรวมทุกสังกัดตามแบบรายงานการตรวจราชการ 8-3-67

Keywords: รายงานตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ รอบที่ 1

รายงานผล การตรวจราชการและติดตามประเมินมิผล การจัด จั การศึกษาของกระทรวงศึกษาธิกธิาร สำ นักนังานศึกษาธิกธิารจังจัหวัดวัพะเยา สำ นักนังานปลัดกระทรวงศึกษาธิกธิาร กระทรวงศึกษาธิกธิาร http://www.pyopeo.com MORE INFORMATION ๐๕๔-๐๗๙-๗๘๓ CONTACT US รอบที่ ๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗


รายงานผล การตรวจราชการและติดตามประเมินผล การจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ รอบที่ 1 ปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพะเยา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพะเยา สำนักงานปลัดประทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ


คำนำ รายงานฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรายงานผลการตรวจราชการและติดตามประเมินการจัดการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการ รอบที่ 1 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของหน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัดพะเยา ตาม นโยบายเรียนดี มีความสุข โดยเขียนสรุปเกี่ยวกับวิธีดำเนินการ ปัญหาอุปสรรค แนวทางแก้ไข ปัจจัยแห่ง ความสำเร็จ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ตามแบบฟอร์มรายงานผลการตรวจราชการฯ ของสำนักตรวจ ราชการและติดตามประเมินผล สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพะเยา โดยกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผล ได้รวบรวม และสรุปข้อมูล จากหน่วยงานทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ทุกหน่วยงานในจังหวัดพะเยา และได้รับความร่วมมือจาก ทุกหน่วยงานอย่างดียิ่ง ส่งผลให้เอกสารฉบับนี้บรรลุผลสำเร็จ จึงขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมา ณ โอกาสนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ในเชิงวิชาการสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้สนใจใน การศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องในโอกาสต่อไป สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพะเยา มีนาคม 2567


สารบัญ หน้า คำนำ สารบัญ นโยบายการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา จุดเน้น 1.1 พัฒนาวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา มุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ …………………………………………………………………… 1 จุดเน้น 1.๒ : พัฒนาหลักเกณฑ์ วิธีการแต่งตั้ง โอน ย้ายของครูและบุคลากรทางการ ศึกษา ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ในภูมิลำเนา ที่ตรงกับความประสงค์ของตนเอง เน้น พิจารณาด้วยความโปร่งใสและไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น ................................................ 5 จุดเน้น 1.๓ : แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เห็นผลเป็นรูปธรรม 7 จุดเน้น 1.๔ : จัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการให้เพียงพอและเหมาะสม ………… 9 นโยบายลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง จุดเน้น 2.1 : เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เรียนฟรี มีงานทำ “ยึดผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง”มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสีย ค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา........................................................ 14 จุดเน้น 2.2 : จัดให้มีโรงเรียนคุณภาพ ๑ โรงเรียน ต่อ ๑ อำเภอ ………………………… 19 จุดเน้น 2.3 : พัฒนาระบบการแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิตให้ เป็นรูปธรรม …………………………………………………………………………………………………… 23 จุดเน้น 2.4 : การจัดทำระบบวัดผลรองรับมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) ผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่มเพื่อรับประกาศนียบัตรในการประกอบอาชีพ ....................... 31 จุดเน้น 2.5 : การจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา และประเมินผลการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย ............................................................................................... 33 จุดเน้น 2.6 : ผู้เรียนเรียนรู้และมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn) ........................................................................................................... 36 คณะผู้จัดทำ


1 สรุปผลการดำเนินงานตามนโยบายเรียนดี มีความสุข ภาพรวมทุกสังกัดของจังหวัดพะเยา นโยบายการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา จุดเน้น ๑.1 : พัฒนาวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา มุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน เป็นสำคัญ ผลการดำเนินงานพัฒนาวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา มุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ ๑) การสร้างการรับรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและ บุคลากรทางการศึกษา (ว PA) - ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะ (ว PA) ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดผ่านทางเว็บไซต์ ไลน์กลุ่ม - จัดอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการประเมินวิทยฐานครูและบุคลากรทางการ ศึกษา (ว PA) และแจ้งซักซ้อมแนวปฏิบัติการนำผลการประเมินข้อตกลงในการพัฒนางาน ให้กับผู้บริหาร สถานศึกษา ครู ศึกษานิเทศก์ และผู้บริหารการศึกษา ( ตาม ว 9 , ว 10 , ว11 , ว 12 ) - มีการแจ้งเวียนซักซ้อมแนวปฏิบัติในการนำผลการประเมินข้อตกลงในการพัฒนางานและ การยืนคำขอผ่านระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล(Digital Performance Appraisal : DPA) ถึงผู้อำนวยการ โรงเรียนในสังกัด และในการประชุมประจำเดือนของผู้บริหาร - ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาจัดทำข้อตกลงการพัฒนาวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและ บุคลากรทางการศึกษา (ว PA) โดยจัดส่งให้งานบุคลากรภายในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ๒) การส ่งเสริมสนับสนุนการใช้ระบบประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (ระบบ DPA : Digital Performance Appraisal) - ผู้รับผิดชอบงาน กระตุ้นให้ครู และบุคลากรผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ติดตามข่าวสาร หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู ตามหนังสือ สำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๓/ว๙ - จัดอบรมเชิงปฏิบัติการแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด ให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานระบบ DPA และการนำข้อมูลผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) ใน ระบบ DPA ส่งให้ผู้ดูแลระบบเพื่อตรวจสอบรายชื่อ และนำเข้าข้อมูลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในระบบ DPA ให้เป็นปัจจุบันและสมบูรณ์ครบถ้วน


2 -ส่งเสริมสนับสนุนการใช้ระบบประเมินวิทยฐานะดิจิทัล มีการจัดอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจ แจ้ง คู่มือการใช้ระบบประเมินวิทยฐานะดิจิทัล และสร้างกลุ่มไลน์ของระบบวิทยฐานะ DPA ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้รับหนังสือ เอกสารต่างๆ หรือไฟล์ข้อมูลเกี่ยวกับ PA จะแจ้งทางกลุ่มไลน์นี้ไลน์นี้เพื่อ อำนวยความสะดวกให้สถานศึกษา 3) จำนวนครู/คลากร ที่ยื่นคำขอผ่านระบบ DPA ทั้งหมด 375 คน จำนวนผู้ที่ผ่านเกณฑ์ประเมิน จำนวน 314 คน จำนวนผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน จำนวน 13 คน อยู่ระหว่างรอผลการประเมินจากคณะกรรมการ จำนวน 13 คน อยู่ระหว่างนำเสนอ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ตั้งกรรมการ จำนวน 35 คน ปัญหาอุปสรรค - เนื่องจากหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๓/ว๙ ได้ถูกกำหนดให้ใช้ใน ปีงบประมาณ ๒๕๖๕ เป็นปีแรก และมีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนด หลักเกณฑ์ รวมถึงวิธีปฏิบัติค่อนข้างบ่อย จึง ทำให้ไม่มีความชัดเจนในการจัดทำแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) เพื่อใช้ประเมินเพื่อคงหรือเลื่อนวิทย ฐานะ รวมถึงการลงผลคะแนนในระบบ DPA - ระบบ DPA มีปัญหาขัดข้องบ่อย ระบบของอินเทอร์เน็ตไม่เสถียรติด ๆ ดับ ๆ - เจ้าหน้าที่ระดับสถานศึกษา ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้ระบบ DPA เมื่อเกิดปัญหา และยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ - เนื่องจากช่วงแรกของการใช้ระบบ DPA และมีการประเมินด้วยการจัดทำ PA จึงทำให้ครูที่ จะทำการยื่นคำขอผ่านระบบ DPA มีความคลาดเคลื่อนในเกณฑ์การประเมิน - เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการใช้งานระบบ DPA ในสถานศึกษา ขาดความรอบคอบทำให้ข้อมูลที่ส่ง มายังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ของสำนักงาน ก.ค.ศ. ส่งผลทำให้ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยื่นวิทยฐานะเสียโอกาสวันที่ได้รับวิทยฐานะ แนวทางแก้ไข - แจ้งหัวหน้าศูนย์ข้อมูลและผู้ที่เกี่ยวข้องมาปรับปรุงแก้ไขระบบอินเทอร์เน็ต - แนวทางแก้ไขคือต้องประสานงานไปยังต้นสังกัด และประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่ครู และบุคลากร เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และส่งผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะล่าช้า - จัดอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจการใช้งานระบบแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ที่ถูกต้อง


3 - กำชับ ติดตามและประเมินผลเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการใช้งานระบบ DPA .ในสถานศึกษาที่ มีความคลาดเคลื่อน โดยวิธีการแนะนำและชี้แจงให้มีความชัดเจนในประเด็นที่คลาดเคลื่อนเพื่อในครั้งต่อไปจะ ได้ไม่มีความคลาดเคลื่อนหากมีก็มีโอกาสเกิดน้อยลง ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - รวบรวมข้อคำถามของคณะครูและบุคลากร และประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่ครูและ บุคลากร ผ่านการดำเนินการและจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ปีงบประมาณ ๒๕๖๖ - ส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาชีพเพื่อให้มีวิทยฐานะครูชำนาญการและเลื่อนวิทยฐานะครู ชำนาญการพิเศษ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด สนับสนุนให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา ตำแหน่งครู มุ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่ ความรับผิดชอบ ใช้ความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานพัฒนา ตนเอง พัฒนางาน ภารกิจอันสำคัญยิ่ง การวางแผนในการศึกษาเรียนรู้ตามมาตรฐานตำแหน่ง มาตรฐานวิทย ฐานะโดยประเมินผลที่เกิดจากปฏิบัติงานตามหน้าที่ ความรับผิดชอบ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียน อย่างแท้จริงตามหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครู มีและเลื่อนวิทย ฐานะ เพื่อพัฒนาตนเองพัฒนางานสู่การเลื่อนวิทยฐานะให้เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีคุณภาพและนำผลการปฏิบัติงานสู่การเลื่อนวิทยฐานะและได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมมีความก้าวหน้าใน อาชีพ ทำให้มีขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพ ส่งผล ต่อการจัดการเรียนการสอนของครูสถานศึกษาและต่อนักเรียน อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล - ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความสนใจ มีความพร้อมในการขอเลื่อนวิทยฐานะ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการส่ง และจัดการ ประมวลผลข้อมูล การประเมินผลการ ปฏิบัติงาน ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน รวมทั้งหลักฐานประกอบการพิจารณาเพื่อให้ข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา มีวิทยฐานะ หรือเลื่อนวิทยฐานะ เป็นการลดภาระความยุ่งยากของครู ในการใช้เอกสาร แบบเดิมเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกของครู - ควรจัดการอบรมพัฒนาเจ้าหน้าที่ ให้มีความรู้ความเข้าใจให้หลักเกณฑ์การประเมินวิทย ฐานะที่ ก.ค.ศ. กำหนด และพัฒนาทักษะและสมรรถนะในการใช้งานระบบ DPA มากยิ่งขึ้น - เพิ่มจำนวนผู้ประเมินในบางกลุ่มสาระวิชาให้มากขึ้น เพราะยังมีไม่เพียงพอ - ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการใช้งานระบบ DPA ในสถานศึกษา


4 รูปแบบ แนวทาง หรือนวัตกรรม ที่เป็นแบบอย่างที่ดี - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ระบบการประเมินวิทยฐานะแบบใหม่ ( DPA) การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือ ดิจิทัล Digital Performance Appraisal เป็นระบบการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะ ของ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา แบบออนไลน์ จุดประสงค์ของระบบ PA ประเมินเงินเดือน คงวิทยฐานะ ใช้เป็นคุณสมบัติ ในการเลื่อนวิทยฐานะ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการส่ง และจัดการ ประมวลผลข้อมูล การประเมินผลการ ปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน รวมทั้งหลักฐานประกอบการพิจารณาเพื่อให้ข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะ หรือเลื่อนวิทยฐานะ เป็นการลดภาระความยุ่งยากของครู ในการใช้เอกสาร แบบเดิมเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกของครู เพราะตามวิทยฐานะ แบบ ว PA เกิดจาก ประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ Performance ของครูและผลของการพัฒนาสมรรถนะ Competency ของผู้เรียน ทำให้เกิดจากผลการเรียนออกมามีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตัวชี้วัดความสำเร็จ เชิงปริมาณ ดำเนินการมีผลสำเร็จ 1) ข้าราชการครู ได้รับการแต่งตั้งให้มีวิทยฐานะครูชำนาญการ 2) ข้าราชการครู ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ


5 เชิงคุณภาพ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา มีและเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้น มีความก้าวหน้าในอาชีพ มีขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพ ส่งผลต่อต่อการจัดการเรียนการสอนของครูสถานศึกษาและต่อ นักเรียน อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น จุดเน้น 1.๒ : พัฒนาหลักเกณฑ์ วิธีการแต่งตั้ง โอน ย้ายของครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้สามารถ ปฏิบัติหน้าที่ในภูมิลำเนา ที่ตรงกับความประสงค์ของตนเอง เน้นพิจารณาด้วยความโปร่งใส และไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น ผลการดำเนินงานพัฒนาหลักเกณฑ์ วิธีการแต่งตั้ง โอน ย้ายของครูและบุคลากรทางการ ศึกษาให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ในภูมิลำเนา ที่ตรงกับความประสงค์ของตนเอง เน้นพิจารณาด้วยความโปร่งใส และไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ 1) การแต่งตั้ง โอน ย้ายของครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ใน ภูมิลำเนา - แจ้งแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัด กระทรวงศึกษาธิการ ให้สถานศึกษา ทาง E-Office - ประชาสัมพันธ์การยื่นคำร้องขอย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ประจำปี พ.ศ. 2567 ผ่านระบบ TMS ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทราบ รายละเอียดการยื่นคำร้องขอย้าย ในการประชุมประจำเดือนและประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Line กลุ่ม โดยแจ้งให้ ผู้ที่มีความประสงค์ขอย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ประจำปี พ.ศ. 2567 ให้ดำเนินการขอย้ายสับเปลี่ยน ผ่านระบบจับคู่ครูคืนถิ่น (Teacher Matching System : TMS) และ ดำเนินการตามปฏิทินการย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู - ดำเนินการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานศึกษาในการพิจารณาตำแหน่งในการโอนย้าย ในสาขาวิชาที่ต้องการและเหมาะสม - ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนด ตามหนังสือสำนักงาน ก .ศ .ค . ที่ ศธ /0206.4ว 18 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567


6 - การแต่งตั้ง โอน ย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์ และวิธีการย้ายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ ก.ค.ศ.กำหนดและ ตามรายละเอียดตัวชี้วัดที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด โดยยึดถือหลักธรรมาภิบาล มีความยุติธรรม โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ยึดหลักการมีส่วนร่วม สร้างความศรัทธาให้เกิดแก่องค์กร สร้าง ความเชื่อมั่นและขวัญกำลังใจของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและพิจารณาจากภูมิลำเนาของผู้ ประสงค์ ขอย้าย 2) การย้ายข้าราชครูและบุคลากรทางการศึกษาผ่านระบบ จับคู่ครูคืนถิ่น (Teacher Matching System : TMS) ตามแนวปฏิบัติ ว ๓/๒๕๖๗ จำนวนผู้ที่ยื่นผ่านระบบจับคู่ครูคืนถิ่น (TMS) จำนวน 12 คน จำนวนผู้ที่ยื่นผ่านระบบแล้วดำเนินการสำเร็จ จำนวน 12 คน ปัญหาอุปสรรค - ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่บันทึกข้อมูลผ่านระบบ TMS บันทึกข้อมูลไม่ ถูกต้อง เช่น ข้อมูลอัตรากำลัง ไม่ตรงกับข้อมูลที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจัดทำ และการบันทึกข้อมูลหรือการ ลงนามรับรองเอกสารที่ใช้ประกอบไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน - ระยะเวลาในการดำเนินการย้ายผ่านระบบ อยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกันกับการย้ายกรณี ปกติ จึงทำให้เกิดความซ้ำซ้อน - เนื่องจากเป็นการยื่นย้ายผ่านระบบจึงอาจทำให้การกรอกข้อมูลเข้าระบบ และการ ตรวจทานเอกสาร มีความสับสนในการกรอกข้อมูล - ตามปฏิทินการย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ประจำปี พ.ศ.2567 ผ่านระบบ TMS กำหนดให้ออกคำสั่งย้ายภายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ และให้คำสั่งย้าย มีผลในวันที่ 1 พฤษภาคม ทำให้มีความยุ่งยากในการแก้ไขอัตราเงินเดือนที่เลื่อน 1 เมษายน แนวทางแก้ไข - สำนักงาน ก.ค.ศ ควรกำหนดปฏิทินการย้ายสับเปลี่ยน โดยไม่ให้อยู่ช่วงระยะเวลาเดียวกัน กับการย้ายกรณีปกติ - กลุ่มงานบุคลากรได้ทำการประสานกับกลุ่มงานจัดการบุคลากร 2 สังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพิจารณาย้ายกลับภูมิลำเนา เป็นขวัญ กำลังใจและลดอัตราการย้ายทำให้การจัดการศึกษามีความต่อเนื่อง และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระ การสร้างหนี้สินของข้าราชการครูที่ได้รับการพิจารณาย้าย - ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถย้ายกลับภูมิลำเนาได้ตรงตามความ ประสงค์


7 ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - ควรเปิดระบบให้หน่วยงานต้นสังกัดระดับพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องของข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดได้ - การกำหนดปฏิทินการย้ายสับเปลี่ยน กรณีคำร้องขอย้ายต่างเขตพื้นที่การศึกษาระยะเวลา ในการจัดส่งคำร้องขอย้ายที่ผ่านการอนุมัติของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาต้นทาง เพื่อส่งให้กับสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาปลายทางเพื่อตรวจสอบและเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายไปจนถึงเสนอพิจารณา อนุมัติรับย้าย/ไม่อนุมัติรับย้าย ของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาปลายทางควรมีห้วงระยะเวลาที่ห่างกันเพื่อให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง ได้มีเวลาตรวจสอบและจัดประชุมพิจารณา จุดเน้น 1.๓ : แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ 1) การดำเนินการตามแผนงาน/มาตรการเจรจาช่วยเหลือ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและ บุคลากรทางการศึกษา - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน สังกัดที่มีความประสงค์จะกู้ยืมเงินทุนดังกล่าว ตรวจสอบคุณสมบัติการกู้ยืมเงินของตนเองให้ถูกต้องครบถ้วน ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการให้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู ผ่านการประชุม ประจำเดือนของคณะครูและบุคลากร ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ผ่านทางแอพพลิเคชั่น Line - แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ระดับสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา(สถานีแก้หนี้ครู) และจัดทำประกาศสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเรื่องการจัดตั้งศูนย์ ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา - ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสงค์จะกู้เงินลงทะเบียนตามโปรแกรม ออนไลน์ ระบบแก้หนี้ สพฐ. (debt obec) สำหรับรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและ บุคลากรทางการศึกษา ตามรอบระยะเวลาที่กำหนด เช่น รอบที่ 1 วันที่ 25 ธันวาคม 2566 ถึง 5 มกราคม 2567 รอบที่ 2 วันที่ 20 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 รอบที่ 3 วันที่ 21 - 30 เมษายน 2567 รอบที่ 4 วันที่ 21 - 30 มิถุนายน 2567 รอบที่ 5 วันที่ 21 - 30 สิงหาคม 2567 - สถานศึกษาร่วมกับธนาคารออมสินในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรภายในโรงเรียน - งานการเงินและงานบุคลากรโรงเรียนประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องการจัดสรรวงเงินให้กู้ยืมของ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ และการสำรวจสภาพ หนี้และกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนแก้ไข้หนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รวบรวมเอกสาร หลักฐาน ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาให้กับสำนักอำนวยการผ่านระบบไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์


8 2) การสำรวจสภาพหนี้ จัดทำฐานข้อมูล และจัดกลุ่มสภาพปัญหาหนี้สินของข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด - จำนวนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดพะเยา ลงทะเบียนขอปรับ โครงสร้างหนี้ 39 คน ปัญหาอุปสรรค/แนวทางแก้ไข - ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บางรายเข้าใจคลาดเคลื่อนในการลงทะเบียนเข้า ร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา - ครูและบุคลากรทางการศึกษา ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทะเบียนตาม โปรแกรมออนไลน์ ระบบแก้หนี้ สพฐ. (debt obec) - สถาบันทางการเงินบางสถาบันยังไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ แนวทางแก้ไข - สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาในการใช้โปรแกรมออนไลน์ ระบบแก้หนี้ สพฐ. (debt obec) - ประสานสถาบันทางการเงิน เพื่อหาทางแก้ไขการชำระหนี้ - จากการสำรวจสภาพหนี้สินของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ควรมีการ สนับสนุนและจัดสรรวงเงินการให้กู้ยืมให้เพียงพอกับจำนวนความต้องการของข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - การมีแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ นอกเหนือจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาอย่างเพียงพอ - ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาส่วนใหญ่ มีรายรับเพียงพอกับค่าใช้จ่าย โดยมีเงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย และหนี้สินทั้งหมดแล้ว เกิน 30% ของเงินเดือนที่ได้รับ - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีขั้นตอนกระบวนการดำเนินงานที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยใช้นวัตกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้ศาสตร์พระราชา“เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ประชุมคณะกรรมการ ขั้นตอนที่ 2 จัดทำข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกันสถานการณ์ทางการเงิน


9 ขั้นตอนที่ 3 วิเคราะห์และจัดกลุ่มสถานะทางการเงินของครู (จำแนกตามกลุ่มสี) ขั้นตอนที่ 4 จัดทำสื่อ ประชาสัมพันธ์ ส่งผลให้ข้าราชการครูฯ ได้รับการแก้ไขปัญหาตามแนวทางหรือแนวปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - จำนวนเงินที่ให้กู้ยืม คนละไม่เกิน 500,000 บาท ไม่เพียงพอที่จะเข้าร่วมโครงการ ดังนั้น เห็นควร มีการขยายวงเงินกู้ให้มากกว่านี้ เพื่อที่ข้าราชการจะได้กู้ยืมเงินทุนมาปิดชำระหนี้ที่อยู่ข้างนอก โครงการ - ควรมีแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ นอกเหนือจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ให้เพียงพอ - ปรับขึ้นฐานเงินเดือนให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สูงขึ้นอีก เนื่องจากภาระ ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพได้สูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง - สถาบันการเงินทุกภาคส่วนควรขยายงวดการชำระหนี้เพื่อให้ยอดจ่ายรายเดือนลดลง และ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย จุดเน้น 1.๔ : จัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการให้เพียงพอและเหมาะสม ผลการดำเนินงานในการจัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการให้เพียงพอและเหมาะสม ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ 1) การสนับสนุน จัดหาอุปกรณ์ในการช่วยจัดการเรียนการสอน - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้ดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ทดแทนห้องเรียน DLTV จำนวน 29 โรงเรียน วงเงิน 856,000 บาท - ผู้เรียนของศูนย์การศึกษาพิเศษได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อบริการและความช่วยเหลือ อื่นใดทางการศึกษาตามระบบคูปองการศึกษา จำนวน 250 คน คิดเป็นเงิน 515,514 บาทถ้วน - ดำเนินการรวบรวมสื่อการเรียนการสอนไว้ในระบบและการมอบอุปกรณ์และสื่อ ICT เพื่อการศึกษาพร้อมการจัดอบรมที่ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ - ดำเนินการรวบรวมแหล่งเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลายจากเครือข่าย - ดำเนินการประชาสัมพันธ์ไปยังสถานศึกษา และผู้ปกครองในการเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ - สถานศึกษาที่มีความพร้อมมีการติดตั้งโทรทัศน์ในห้องเรียน เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการ สอน ผ่านสื่อออนไลน์และติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้บริการแก่นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน - สถานศึกษาดำเนินการจัดหาสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ เอกสาร ตำรา สารเคมี ภาพยนตร์ศึกษา เช่น วิชาสังคมศึกษาอุปกรณ์ประเภทเลขาคณิต สื่อคอมพิวเตอร์ เช่น สื่อ CAI การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต วัสดุฝึกของแต่ละสาขาวิชาเพียงพอต่อความต้องการของนักเรียน นักศึกษา โดยมีการจัดซื้อจัดจ้างโดยผ่าน ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ทันตามกำหนดเวลาตามที่สาขาวิชา/รายวิชาต้องการ - สถานศึกษาได้รับสนับสนุนงบประมาณเป็น 1) งบลงทุน ครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง ซึ่งงบประมาณดังกล่าวโรงเรียนใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ ให้มีสภาพใช้งานได้ปกติ เพื่อให้นักเรียนมีอาคารเรียนที่เพียงพอ มีความปลอดภัย มีสภาพแวดล้อมที่ดี เอื้ออำนวยต่อการจัดการเรียนการสอน และได้รับสนับสนุนงบประมาณครุภัณฑ์ที่เป็นอุปกรณ์การเรียนที่สำคัญ สำหรับการเรียนรู้ และได้ลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ช่าง เป็นต้น


10 2) งบประมาณเงินอุดหนุนรายหัว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาล จนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) การสนับสนุนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต - มีการขอเปลี่ยนแปลงประมาณงบลงทุนเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเพื่อสนับสนุน การจัดการเรียนการสอนของห้องบริการช่วยเหลือระยะแรก (EI) และเตรียมความพร้อมต่าง ๆ - มีการดำเนินการเช่าระบบบริการสัญญาอินเตอร์เน็ตเพื่อใช่สำหรับการจัดการเรียนการสอน และการบริหารจัดการสถานศึกษา - จัดให้มีระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทุกศูนย์การเรียนรู้ตำบล และดำเนินการสำรวจการขยาย ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไปยังศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” ในพื้นที่อำเภอเชียงคำ และ อำเภอปง - การติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (High Speed Internet) และการติดตั้ง อุปกรณ์และสื่อ ICT เพื่อการศึกษาในทุกห้องเรียน


11 - รับมอบเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ในโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อสังคม จากธนาคาร ออมสิน - สนับสนุนระบบอินเทอร์เน็ตแบบ Fiber Optic ให้กับสถานศึกษาทุกโรงเรียน - การให้บริการหน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ Mobile Unit แก่สถานศึกษาขนาดเล็กในสังกัด - สนับสนุนสื่อการเรียนการสอนผ่านช่องทางออนไลน์ OBEC CONTENT CENTER - ให้บริการอีเมล์ภาครัฐ Google For education ภายใต้โดเมนเนม @phayao2.go.th ให้กับสถานศึกษาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เช่น Google application - มีความร่วมมือกับองค์กรเอกชน หน่วยงานภาคนอกในการสนับสนุน ครุภัณฑ์การศึกษา ให้กับสถานศึกษาในสังกัด เช่น คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาลัยพะเยา มูลนิธิซีซีเอฟ สดช. กสทช. เป็นต้น - มีการจัดหาคอมพิวเตอร์พร้อมเครื่องปริ้นส์ในการจัดการเรียนการสอน มีระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงครอบคลุมพื้นที่โรงเรียนตามจุดต่างๆ เพื่อให้บริการแก่บุคลากรในโรงเรียนโดยไม่มี ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม - มีการปรับปรุงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนี้ ตรวจซ่อมระบบอินเทอร์เน็ตแผนกช่าง ไฟฟ้ากำลังและติดตั้งตัวอุปกรณ์กระจายสัญญาณแบบไร้สาย เช็คระบบและลงโปรแกรมไมโครซอฟออฟฟิศ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จัดทำฐานข้อมูลสถานประกอบการและฐานข้อมูลการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิ ภาคีซ่อมบำรุงระบบอินเทอร์เน็ตที่จุดหอพักผู้บริหารและหอพักนักเรียนหญิง พัฒนาระบบ LINE Official Account ขับเคลื่อนการใช้งานแอปพลิเคชัน “ช่างอาชีวะ ซ่อมทั่วไทย” จัดการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ด้วยระบบดิจิทัล (Digital Testing) และจัดทำโครงการปรับปรุงซ่อมแซม ครุภัณฑ์ประจำห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง และจัดซื้อครุภัณฑ์งานสื่อการสอน


12 ปัญหาอุปสรรค - ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตยังเป็นระบบแบบ CAT5e ทำให้มีปัญหาการใช้งาน และ ความเร็วไม่ค่อยเสถียร เนื่องด้วยข้อจำกัดทางงบประมาณในการปรับปรุงแก้ไข - เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์มีอายุการใช้งานเป็นเวลายาวนาม ส่งผลให้การทำงานไม่ตอบ โจทย์กับยุคปัจจุบัน แนวทางการแก้ไขคือ จัดหาคอมพิวเตอร์ที่ตอบโจทย์ในยุคปัจจุบัน - การสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอน ยังไม่ครอบคลุมทุก โรงเรียน - แพลตฟอร์มการเรียนรู้ยังไม่หลากหลาย - โรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกลขาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ช่วยสอน - ระบบอินเทอร์เน็ตไม่เสถียรอยู่ในระดับที่ต้องแก้ไข ไม่เพียงพอต่อบุคลากรและนักเรียน - วัสดุ อุปกรณ์ในการช่วยการจัดการเรียนการสอน (วัสดุฝึก) บางรายการไม่สามารถหาได้ ภายในจังหวัด จำเป็นต้องจัดซื้อจากจังหวัดใกล้เคียงหรือต่างจังหวัด - เรื่องงบประมาณในการจัดหาสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ไม่เพียงพอ


13 แนวทางแก้ไข - จัดสรรงบประมาณสำหรับการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนให้เพียงพอต่อสถานศึกษา ทุกแห่ง ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - การได้รับจัดสรรอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการที่ตอบสนองในยุคปัจจุบัน และการใฝ่รู้ใฝ่ เรียนของนักเรียนส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา - ครูใช้สื่อ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใน การจัดการเรียนการสอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ครูโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถใช้เทคโนโลยีประกอบการสอนอย่างเต็มตามศักยภาพ - อุปกรณ์ที่ติดตั้งได้ใช้งานอย่างคุ้มค่าเพราะทุกห้องที่มีได้นำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ทุกระดับชั้น - ผู้บริหารเห็นความสำคัญของผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะ ความสามารถในทุกๆด้านและ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสในการเรียนรู้โดยใช้สื่อการเรียนการสอนที่ถูกต้อง ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - ปัจจัยความสำเร็จในการดำเนินงานในการจัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการให้เพียงพอ และเหมาะสม ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม คือ การได้รับจัดสรรอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการที่ตอบสนอง ในยุคปัจจุบัน และการใฝ่รู้ใฝ่เรียนของนักเรียน - ครูใช้สื่อ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการ จัดการเรียนการสอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ต้องการให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณสนับสนุนและจัดหาอุปกรณ์ในการช่วยการจัดการ เรียนการสอน ให้เพียงพอ รูปแบบ แนวทาง หรือนวัตกรรม ที่เป็นแบบอย่างที่ดี - การพัฒนาระบบการบริหารจัดการสถานศึกษาประเภทอยู่ประจำ โดยใช้แพลตฟอร์ม Check In v4.0 - การให้บริการหน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ Mobile Unit แก่สถานศึกษาขนาดเล็ก เพื่อแก้ไข ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลนครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์


14 นโยบายลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง จุดเน้น 2.1 : เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เรียนฟรี มีงานทำ “ยึดผู้เรียน เป็น ศูนย์กลาง” มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความเสมอภาค ทางการศึกษา ผลการดำเนินการเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เรียนฟรี มีงานทำ “ยึดผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง” มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความ เสมอภาคทางการศึกษา ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ 1) การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการสนับสนุนและจัดการศึกษาแก่ผู้เรียน - โรงเรียนพื้นที่จังหวัดพะเยา จำนวน ๒๔ โรงเรียน เป็นโรงเรียนภายใต้โครงการคอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED) มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา - โรงเรียนร่วมกับสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์สนับสนุนและจัดการศึกษาแก่ผู้เรียน โดย เปิดหลักสูตร PIM (โครงการพัฒนาห้องเรียนพันธมิตร) ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เปิดทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ 1) เตรียมวิศวกรรมศาสตร์ 2) วิทยาศาสตร์สุขภาพ 3) ศิลป์-ภาษาจีนเพื่อธุรกิจ 4.0 4) ศิลป์- ภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ 4.0 5) ศิลป์-การจัดการธุรกิจสมัยใหม่ และ 6) ศิลป์-การจัดการธุรกิจอาหาร - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาส่งเสริมและสนับสนุนในการจัดการเรียนการสอน ขององค์กรเอกชน ได้แก่ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ ให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดการ เรียนการสอนของสถานศึกษาในสังกัด สนับสนุนการจัดการศึกษาโดยครอบครัว บ้านเรียน จำนวน 3 บ้าน เรียน ประกอบด้วย บ้านเรียนเอวา บ้านเรียนโดยพระคุณ บ้านเรียนร่มโพธิ์ทอง มูลนิธิโรงเรียนไทยรัฐวิทยา สนับสนุนโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 109 (บ้านร่องส้าน) มูลนิธิยุวพัฒน์ สนับสนุนทุนการศึกษา - โรงเรียนมีส่วนร่วมในโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพให้กับผู้เรียน - โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ปกครอง และชุมชน ในการ ส่งเสริมการจัดการศึกษาของผู้เรียน - สถานศึกษาได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสถานประกอบการชั้นนำ ในจังหวัดพะเยาและต่างจังหวัด เช่น บริษัทซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ,บริษัทโออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อรองรับการฝึกงานของนักเรียน นักศึกษา


15 - สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพะเยา จำนวน 18 โรงเรียน ในแต่ละโรงเรียนได้รับการสนันบสนุนจากเครือข่ายภาคเอกชน ดังนี้ โรงเรียนงำเมืองวิทยาคม ได้รับการ สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน จากสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โรงเรียนถ้ำปินวิทยาคม รับการสนับสนุนคอมพิวเตอร์เพื่อการจัดการเรียนการสอนจากธนาคาร UOB และโรงเรียนดงเจนวิทยาคม ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงาน กสทช. ให้จัดตั้งศูนย์ดิจิทัลทางไกล Uso net - นอกจากนั้นทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้วยการบูรณา การร่วมกัน ในการส่งเสริมสนับสนุนการอบรมการใช้คลังสื่อเทคโนโลยีส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี ดิจิทัล ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC Content Center) ของเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพะเยา ส่งเสริมสนับสนุนการใช้สื่อ Online ด้วยการอบรมผู้นำด้านเทคโนโลยี ICT Talent รุ่นที่ 1-4 และให้กลุ่ม โรงเรียนคุณภาพ จำนวน 9 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนจุนวิทยาคม โรงเรียนแม่ใจวิทยาคม โรงเรียนเชียงคำ วิทยาคม โรงเรียนดอกคำใต้วิทยาคม โรงเรียนปงรัชดาภิเษก โรงเรียนดงเจนวิทยาคม โรงเรียนภูซางวิทยาคม โรงเรียนพะเยาพิทยาคม และโรงเรียนเชียงม่วนวิทยาคม เพื่อเป็นผู้นำไปพัฒนาการจัดการเรียนการสอน และดูแล ช่วยเหลือเครือข่ายการศึกษา ซึ่งได้รับความรู้จาก บริษัท True ส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนใช้หลักสูตร อุ่นใจ ไซเบอร์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันการใช้เทคโนโลยี Online จาก บริษัท AIS และส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนที่เข้า ร่วมโครงการ Connext ED โดยมีโรงเรียนแม่ใจวิทยาคม โรงเรียนถ้ำปินวิทยาคม โรงเรียนเชียง ม่วนวิทยาคม โรงเรียนปงพัฒนาวิทยาคม โรงเรียนปงรัชดาภิเษก ได้รับการสนับสนุนโครงการจากหน่วยงาน เอกชน ๒) การส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เข้าถึงแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย - หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการส่งเสริมให้สถานศึกษาในสังกัดทุกแห่งรวบรวมแหล่งเรียนรู้ และจัดทำแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา อย่างทั่วถึง มีคุณภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีความสะดวกและรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล - หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดอบรมให้ความรู้แก่ครูและ นักเรียนเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มการเรียนรู้ผ่านทางที่หลากหลาย เช่น obec content center Facebook, Line, Meet, Zoom, Plickers, wordwall, Liveworksheets, canva, Quizlet, Google Classroom, Google application, Kahoot เป็นต้น - นักเรียนเข้าถึงการช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ เครื่องแต่งกาย อาหารกลางวัน อาหารเสริมนม และ ได้เรียนรู้นอกสถานที่จากกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน - สถานศึกษามีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ ผ่านเพจ face book ของโรงเรียนทุก ระดับชั้น นอกจากนี้ยังมีไลน์ กลุ่มผู้ปกครองแต่ละห้องเรียนเพื่อแจ้งข่าวสารในการเรียนและช่องทางการติดต่อ จากโรงเรียนถึงผู้ปกครอง


16 - โรงเรียนได้เลือกใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่หลากหลาย มาใช้ในการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้ สื่อที่เหมาะกับผู้เรียน แต่ละชั้นเรียนและรายวิชาต่างๆ - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้ส่งเสริมสนับสนุนให้ครูผู้สอนได้จัดกิจกรรมการเรียนการ สอนในรูปแบบ Active Learning มีการใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มมาใช้ในการจัดการเรียนรู้จากการส่งเสริม สนับสนุน ให้เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีให้กับครูผู้สอน พบว่า ครูได้ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนได้ใช้ แพลตฟอร์ม ดังนี้ 1) แพลตฟอร์ม ประเภท E-Marketplace เช่น 1. Lazada 2. Shopee 3. LINE Shop 4. Money class 2) แพลตฟอร์ม เพื่อการเรียนรู้ เช่น google student, Google app, Youtube, kahoot quizizz สื่อเทคโนโลยีดิจิทัล OBEC Content Center เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย, อุ่นใจ ไซเบอร์การ นำเสนอเพื่อการจัดการเรียนรู้ เรื่องส่วนประกอบของเลือด โดยใช้Canva Learn Anywere, Star Chat, Solar AR, RealCalc, phyphox, Physics Toolbox Suite, AR วิทย์กายภาพ 2 ม.5, Physics Toolbox Suite, phyphox, Star chart, Stellarium, RealCalc, Sky map, 3) สื่อการสอน เรื่อง พันธะเคมีศึกษาโครงสร้างหัวใจของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และ เรื่อง ปริมาตร ของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์ สสวท. 4) project14 https://proj14.ipst.ac.th/m3/m3-dt ข้อสอบวัดผลการเรียนรายวิชา การงานอาชีพ ม.2 เนื้อหาการจัดทำรายงาน, google dive เทคโนโลยีสารสนเทศครูแอ๋ม Mooc 3) การจัดหาอุปกรณ์/สื่อเทคโนโลยี ในการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน - สถานศึกษาดำเนินการจัดหาอุปกรณ์ สื่อ เทคโนโลยีให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์ม ต่างๆ ที่จัดทำขึ้น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้ผู้เรียน และยกระดับผลสัมฤทธิ์ให้สูงขึ้น - สถานศึกษามีการรวบรวมแหล่งเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลายจากเครือข่าย ดำเนินการ ประชาสัมพันธ์ไปยังสถานศึกษา และผู้ปกครองในการเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ - สถานศึกษามีการจัดตั้งศูนย์ Digital Information Center เพื่อเป็นศูนย์รวมระบบเครือข่าย เทคโนโลยีสารสนเทศ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ห้องฝึกปฏิบัติการจัดทำนวัตกรรมและโครงงานนักเรียน อีก ทั้งการจัดการแทปเล็บให้เพียงพอสำหรับนักเรียน และทีวีประจำห้องเรียนทุกห้อง


17 - หน่วยงานต้นสังกัดมีการสนับสนุนสื่อเทคโนโลยีด้าน Coding Kidbright ให้สถานศึกษาใน การจัดการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณ จัดทำห้องสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอน ใช้โทรศัพท์มือถือในการช่วย จัดกิจกรรมเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น Youtube, TikTok เป็นต้น 4) การจัดการศึกษาระบบทวิภาคี - โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคเชียงคำ ในการจัด การศึกษาระบบทวิภาคีโดยเปิดหลักสูตรทวิศึกษา (Dual-Education) โครงการพัฒนาการจัดการเรียนร่วม หลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย เปิดทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ 1) สาขาไฟฟ้ากำลัง 2) สาขาช่าง ยนต์ และ 3) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ - วิทยาลัยเทคนิคดอกคำใต้ จัดการศึกษาระบบทวิภาคี 4 สาขาวิชา ได้แก่ สาขาการบัญชี สาขางานการตลาด สาขางานเทคนิคยานยนต์ สาขางานไฟฟ้ากำลัง


18 - โรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีกับบริษัทปัญญาภิวัฒน์ วิทยาลัยการ อาชีพปง ปัญหาอุปสรรค - โรงเรียนมีการจัดการศึกษาที่มีนักเรียนอยู่รวมกันในโรงเรียน ทำให้เกิดปัญหาด้านพฤติกรรม ของนักเรียน เช่น พฤติกรรมการใช้ความรุนแรง พฤติกรรมชู้สาว จนส่งผลถึงการตั้งครรภ์ - ความเร็วและความเสถียรของระบบอินเทอร์เน็ตภายในสถานศึกษา - การสมัคร Account Gmail ของนักศึกษาที่ได้มีพื้น One Drive ในการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ มากพอสำหรับการจัดเก็บข้อมูลของนักศึกษาบนคลาว์ แนวทางแก้ไข - โรงเรียนร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาคือการจัดทำแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบ ออนไลน์ สำหรับนักเรียนกลุ่มที่ไม่สามารถมาเรียนที่โรงเรียนได้ โดยได้จัดทำมาตรการและแต่งตั้ง คณะกรรมการติดตามผลการเรียนของผู้เรียนอย่างใกล้ชิด - สนับสนุนอุปกรณ์เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยเพียงพอ และเหมาะสมกับจานวน นักเรียน สามารถจัดการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - ผู้บริหารให้การสนับสนุนบุคลากรในการดำเนินการและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง - มีบุคลากรในสังกัดมีความรู้ความสามารถในด้านเทคโนโลยี - โรงเรียน ยึดแนวทางการบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School - Based Management: SBM) โดยเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม โดยมุ่งปรับระบบโครงสร้างการบริหารโรงเรียนใหม่ ตามภารกิจโครงสร้างของโรงเรียนประจำ โดยมีรองผู้อำนวยการ และแต่งตั้งผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มงานต่าง ๆ ให้มีการกระจายอำนาจการบริหารและจัดการศึกษามากขึ้น และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (Shared - Decision Making Movement) มีเครือข่ายความร่วมมือภารกิจในการบริหารงาน (School-Based Management Tasks) และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา (Digital Information Management) - มีวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอกนิกส์ที่ทันสมัยและเพียงพอ - ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ทักษะในการใช้สื่อสื่อและเทคโนโลยีและสามารถ สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่หลากหลาย - มีสถานประกอบการที่ให้ความร่วมมือด้านวิชาการที่หลากหลาย - ความสำเร็จเกิดจากความร่วมมือจากหน่วยงานเอกชน ภาครัฐในการสนับสนุนส่งเสริมเพื่อ สร้างเครือข่ายเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ เช่น การจัดเครื่องข่าย Internet ความเร็ว net เครื่องมืออุปกรณ์ที่มี ความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ รวมทั้งครูผู้สอนที่มีการการจัดการเรียนการสอนสนับสนุนให้นักเรียนใช้ แพลตฟอร์ม เพื่อการเรียนรู้โดยเป็นผู้อำนวยการสอนให้นักเรียนได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - ควรจะมีการจัดสรร Account Gmail ของกระทรวงศึกษาที่มีพื้นที่ One Drive ในการ จัดเก็บข้อมูลที่มีพื้นที่มากพอสำหรับการจัดเก็บข้อมูลสำหรับนักเรียน นักศึกษา


19 รูปแบบ แนวทาง หรือนวัตกรรม ที่เป็นแบบอย่างที่ดี - นวัตกรรมช่วยเหลือผู้เรียนผ่านระบบออนไลน์SMART PHUSANG เพื่อพัฒนาคุณวุฒิตาม ระดับ - การพัฒนาระบบการบริหารจัดการสถานศึกษาประเภทอยู่ประจำ โดยใช้แพลตฟอร์ม Check In v4.0 - การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ในการใช้แพลตฟร์อม TinkedCad แพลฟอร์ม GDB Online ซึ่งเป็นแพลตฟร์อมที่ให้ใช้งานได้ฟรีและใช้งานผ่าน Web browser ได้เลยนอกจากนนี้ยัง สามารถที่จำลองอุปกรณ์และการทำงานได้ดี มีการเขียนโปรแกรมสั่งงานแบบ Text และแบบ Block เรียนรู้ ง่าย เราสามารถนำเอาความรู้พื้นฐานไปต่อยอดออกแบบอุปกรณ์และระบบควบคุมอัตโนมัติเพื่อสร้างนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ของนักศึกษาต่อไปได้ในอนาคต จุดเน้น 2.2 : จัดให้มีโรงเรียนคุณภาพ ๑ โรงเรียน ต่อ ๑ อำเภอ ผลการดำเนินการของโรงเรียนคุณภาพ ๑ โรงเรียน ต่อ ๑ อำเภอ ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ ๑) ด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุนผู้เรียน - สถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน สกร.จังหวัดพะเยา มีสถานที่ตั้งของศูนย์การเรียนรู้ตำบลที่ มั่นคงในการจัดการเรียนการสอนและจัดการศึกษาต่อเนื่อง - โรงเรียนคุณภาพมีอาคารเรียน อาคารประกอบที่อยู่ในสภาพพอใช้เนื่องจากมีอายุการใช้ งานมากกว่า 20 ปี ต้องได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมหรือปลูกสร้างอาคารใหม่ทดแทน เพื่อความปลอดภัยของ นักเรียนและบุคลากร มีระบบสาธารณูปโภคที่ใช้ได้ดี แต่ต้องมีการปรับปรุงซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ต่อการ ใช้งานโดยรวมมีความปลอดภัย ทั้งนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ได้ขอรับการสนับสนุน งบประมาณปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ ระบบไฟฟ้า ประปา ไปยังสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการ เรียนรู้ ให้มีแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย - รูปแบบการจัดการศึกษาพิเศษในจังหวัดพะเยา มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียน ทั้งในด้านวิชาการ และวิชาชีพ โดยจัดการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรสมรรถนะอาชีพที่ยึด ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสนใจ ความถนัด และก้าวหน้าไปตาม ความสามารถของตน โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะหลักที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ สำหรับการทำงาน การแก้ปัญหา และการดำรงชีวิต เป็น ๓ ระดับ ดังนี้ ๑) ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖) มุ่งเน้นทักษะพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ ทักษะการคิดพื้นฐาน การติดต่อสื่อสาร กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม และพื้นฐาน ความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างสมบูรณ์และสมดุลทั้งในด้านร่างกายสติปัญญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรมโดยเน้น จัดการเรียนรู้และการวัดประเมินผลผู้เรียนแบบบูรณาการทุกสาระวิชา ๒) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓) มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้สำรวจ ความถนัดและความสนใจของตนเองตามหลักสูตรฐานสมรรถนะอาชีพ ส่งเสริมการพัฒนาบุคลิกภาพส่วนตน มีทักษะในการคิดวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ และคิดแก้ปัญหา มีทักษะในการดำเนินชีวิต มีทักษะการใช้ เทคโนโลยีเพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความสมดุลทั้งด้านความรู้ ความคิด ความดีงาม และมีความภูมิใจในความเป็นไทย ตลอดจนใช้เป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพหรือการศึกษาต่อ


20 ๓) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ – ๖) เน้นการเพิ่มพูนความรู้และ ทักษะเฉพาะด้าน สนองตอบความสามารถความถนัด และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคนทั้งด้านวิชาการและ วิชาชีพ มีทักษะในการใช้วิทยาการและเทคโนโลยี ทักษะกระบวนการคิดขั้นสูงสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ มุ่งพัฒนาตนและประเทศตามบทบาทของตน สามารถ เป็นผู้นำ และผู้ให้บริการชุมชนในด้านต่าง ๆ แบ่งเป็น 3 หลักสูตร ได้แก่ * หลักสูตรระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่ง 7 แผนการเรียน ดังนี้ 1) แผนการ เรียนวิทย์-คณิตศาสตร์ 2) แผนการเรียนศิลป์ภาษา 3) แผนการเรียนดนตรี 4) แผนการเรียนกีฬา 5) แผนการ เรียนคหกรรมและการโรงแรม 6) แผนการเรียนเกษตรนวัตกรรมสมัยใหม่ และ 7) แผนการเรียนอาชีพ (เกษตร-พาณิชย์-ช่างอุตสาหกรรม) * หลักสูตรทวิศึกษา เป็นหลักสูตรที่นักเรียนเรียนจบในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี ได้รับ 2 วุฒิการศึกษา คือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ และประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยทำ MOU ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคเชียงคำ เปิดสอน 3 สาขา ได้แก่ 1) สาขาช่างยนตร์ 2) สาขาช่างไฟฟ้ากำลัง และ 3) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ * หลักสูตรคู่ขนานสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ตามโครงการห้องเรียนพันธมิตร เป็นหลักสูตรเตรียมพร้อมนักเรียนมัธยมปลายสู่รั้วมหาวิทยาลัย เปิดสอน 6 หลักสูตร ได้แก่ 1) เตรียม วิศวกรรมศาสตร์ 2) วิทยาศาสตร์สุขภาพ 3) ศิลป์-ภาษาจีนเพื่อธุรกิจ 4.0 4) ศิลป์-ภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ 4.0 5) ศิลป์-การจัดการธุรกิจสมัยใหม่ และ 6) ศิลป์-การจัดการธุรกิจอาหาร - โรงเรียนในโครงการไม่ได้รับงบประมาณในการปรับปรุงหรือสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐานใช้ วิธีการระดมทรัพยากรจากชุมชนเพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม อาคารสถานที่เพื่อใช้ในการจัดการศึกษา เช่น โรงเรียน ที่อยู่ในโครงการโรงเรียนคุณภาพมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ห้องเรียนไม่เพียงพอจึงปรับอาคารบ้านพักครู และ อาคารอเนกประสงค์เพื่อใช้เป็นห้องเรียนและห้องปฏิบัติการสำหรับนักเรียน


21 2) ด้านผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา - ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง - ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้มีความรู้ความสามารถ ด้านเทคโนโลยี การใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอน มีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) - ผู้บริหารโรงเรียนคุณภาพมีความตระหนักในด้านการพัฒนาโรงเรียนให้เป็นไปในทิศทาง ที่ สพฐ. ได้กำหนดนโยบาย มีความต้องการได้รับการพัฒนาสร้างความเข้าใจตลอดจนต้องการได้รับการ สนับสนุนงบประมาณหรือพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพบรรลุตามเป้าหมาย ๓) ด้านการบริหารจัดการ - สำนักงาน สกร.จังหวัดพะเยาได้แจ้งแนวทางการพัฒนาห้องเรียนคุณภาพตามหลักเกณฑ์/ ตัวชี้วัด และได้แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินคัดเลือกห้องเรียนคุณภาพ 5 ดีพรีเมี่ยม ในระดับจังหวัด - โรงเรียนมีโครงสร้างการบริหารที่ชัดเจน มีแผนงาน/โครงการที่สอดคล้องกับนโยบาย จุดเน้น และความต้องการของนักเรียน ชุมชน ท้องถิ่นสามารถบริหารทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพตาม บริบทของโรงเรียน มีการส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มีแผนการใช้จ่าย งบประมาณอย่างคุ้มค่า ได้รับการตรวจสอบ ชี้แนะ ให้ความรู้ เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณอย่างถูกต้องตาม ระเบียบหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นฯ เพื่อการพัฒนา คุณภาพการศึกษา - โรงเรียนมีการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมพหุปัญญาให้กับผู้เรียน โดยเน้นการเรียนรู้จากการ ปฏิบัติจริง ในรูปแบบ Active Learning, STEM Education, Coding, PBL เป็นต้น และกระบวนการส่งต่อ ในระดับที่สูงขึ้น ในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้และการวัดผลประเมินผลฐานสมรรถนะ และการบูรณาการ เพื่อเป็นฐานในการพัฒนาทักษะและสมรรถนะที่จำเป็นแห่งอนาคต และส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อพัฒนาทักษะและสมรรถนะด้าน Soft Power ให้กับผู้เรียน - ผู้บริหารโรงเรียนที่อยู่ในโครงการโรงเรียนคุณภาพมีความสามารถด้านการบริหารจัดการ สถานศึกษา โดยใช้นโยบายและจุดเน้นของ สพฐ. และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามาใช้กำหนดแผนพัฒนา สถานศึกษาบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีคุณภาพ ๔) ด้านการจัดการเรียนรู้ - นักศึกษาและประชาชนเกิดการเรียนรู้และการศึกษาตลอดชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ - โรงเรียนมีหลักสูตรที่สอดคล้องตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลาง และ หลักสูตรท้องถิ่น จัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มีการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนการ สอน - โรงเรียน มีการดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลประจำอำเภอในการจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา สุขภาพจิตของผู้เรียน โดยโรงเรียนมีครูด้านจิตวิทยาแนะแนวโดยตรง ในการให้บริการเชิงรุก (Active) เข้าถึง กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียน ในการให้บริการส่งเสริมสุขภาพจิตใจ ภาวะความเครียด พัฒนาตนเองทุกด้าน เพื่อให้มีสุขภาพจิตดี มีความเข้มแข็งทางจิตใจ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก และเติบโตเป็นคนที่มีบุคลิกภาพดีและคณะครูในการให้ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา ปัญหาพฤติกรรม ปัญหาทาง จิตเวช เพื่อให้สามารถคัดกรองเด็กที่เริ่มมีปัญหา ให้การดูแลเด็กเบื้อง และสามารถร่วมมือกับทีมจิตวิทยาแนะ แนวในการดูแลรักษาฟื้นฟูในโรงเรียน


22 - โรงเรียน 1 อำเภอ 1 ปรับและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐานและมีการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการลงมือ ปฏิบัติที่หลากหลายสอดคล้องกับการพัฒนาผู้เรียนสู่ศตวรรษที่ 21 - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำหนดกรอบการพัฒนาคุณภาพผ่าน 3 มิติ 8 จุดเน้น โดย พัฒนาผู้บริหารให้เป็นผู้นำทางวิชาการ พัฒนาระบบประกันและนิเทศภายใน ส่งผลให้โรงเรียนได้รับการพัฒนา ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกขับเคลื่อนในทุกห้องเรียนทำให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทุกด้าน 5) ด้านผู้เรียน - ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนมีทักษะอาชีพเพื่อให้มีรายได้ระหว่างเรียน นักเรียนมี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และมีอัตราการเรียนต่อไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 - ผู้เรียนในโรงเรียน 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ ได้รับการพัฒนาส่งเสริมทุกด้านโดยมี ความสามารถทางวิชาการ วิชาชีพ ดนตรีและกีฬา ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอยู่ในระดับ Top 10 ของเขตพื้นที่ การศึกษานักเรียนได้รับการส่งเสริมให้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เช่น นักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนคุณภาพ ได้รับการคัดเลือกเป็นนักเรียนรางวัลพระราชทาน ระดับจังหวัดและเข้ารับการคัดเลือกระดับภาค และมีผล คะแนนการทดสอบ O-net กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ได้รับคะแนนเต็ม 100 คะแนน ปัญหาอุปสรรค/แนวทางแก้ไข - โรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น โรงเรียนคุณภาพ “1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ” ต้องได้รับการพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เพื่อให้โรงเรียนเครือข่ายมีความเชื่อมั่นที่จะมาเรียนร่วมกับ โรงเรียนคุณภาพ ร่วมกันพัฒนาคุณภาพการศึกษาไปร่วมกัน - จากสภาพแวดล้อมที่อยู่ในโรงเรียนประจำ ทำให้ผู้เรียนบางคนเกิดภาวะเครียดทั้งจากเรื่อง ทางครอบครัว และเรื่องในโรงเรียน โรงเรียนจึงร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขโดยจัดตั้งทีมจิตวิทยาแนะแนว ร่วม ทำงานกับโรงพยาบาลจุน ในการรับฟัง-ให้คำปรึกษา พร้อมแก้ไขปัญหาเบื้องต้นอย่างใกล้ชิด - ด้านการบริหารโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการสำคัญตามจุดเน้นของสพฐ. ทางสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา จึงได้อนุมัติการพัฒนาโครงการโรงเรียนคุณภาพ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณของเขต พื้นที่จึงไม่สามารถสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนได้ ทั้งนี้ได้ปรับเป็นการส่งเสริมเสริมพัฒนาบุคลากรและการ พัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ให้โรงเรียนคุณภาพ - ด้านการขับเคลื่อนการดำเนินงาน โรงเรียนที่ได้รับการประกาศให้เข้าร่วมโครงการ 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ ต้องการรับทราบแนวทางการพัฒนา ตลอดจนการสนับสนุนงบประมาณจาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางเขตพื้นที่ไม่สามารถสนับสนุนข้อมูลได้ รอการแจ้งประสานจาก สพฐ. ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - โรงเรียนยึดแนวทางการบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School - Based Management: SBM) โดยเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม โดยมุ่งปรับระบบโครงสร้างการบริหารโรงเรียนใหม่ ตามภารกิจโครงสร้างของโรงเรียนประจำ โดยมีรองผู้อำนวยการ และแต่งตั้งผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มงานต่าง ๆ ให้มีการกระจายอำนาจการบริหารและจัดการศึกษามากขึ้น และ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (Shared -Decision Making Movement) มีเครือข่ายความร่วมมือภารกิจในการบริหารงาน (School-Based


23 Management Tasks) และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา (Digital Information Management) - ถ้าได้รับจัดสรรงบประมาณตามแบบสำรวจของ สพฐ. การขับเคลื่อนทั้ง 5 องค์ประกอบก็ จะสามารถเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - โรงเรียนมีการดำเนินการพัฒนาระบบการแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมาย ชีวิตให้เป็นรูปธรรมอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยจัดให้มีการแนะแนวผ่านระบบแนะแนวออนไลน์ เพื่อการเตรียมตัวใน การเรียน การศึกษาต่อ และแนะแนวอาชีพ เป็นต้น รูปแบบ แนวทาง หรือนวัตกรรม ที่เป็นแบบอย่างที่ดี - การพัฒนาหลักสูตรสมรรถนะอาชีพ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา จุดเน้น 2.3 : พัฒนาระบบการแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิตให้เป็นรูปธรรม ผลการดำเนินการพัฒนาระบบการแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิตให้เป็น รูปธรรมตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ 1) การพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ ให้มีทักษะที่เหมาะสมและจำเป็น ต่อการดำรงชีวิต ตอบสนองต่อความสนใจและความต้องการของผู้เรียน - มีการนิเทศ ติดตาม หลักสูตรสถานศึกษาให้เป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) และมีการส่งเสริมให้สถานศึกษาได้พัฒนา ปรับปรุงหลักสูตรที่ส่งเสริม ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสนใจ ความต้องการของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนารอบด้าน ดำเนินไปสู่ เป้าหมายที่วางไว้และทำให้การศึกษา มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพ - มีหลักสูตรอาชีพ (การศึกษาต่อเนื่อง) - มีการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ด้วย การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) - จัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ Active Learning เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้เรียนที่ตอบสนอง การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 - การนิเทศ กำกับติดตาม และประเมินผลการจัดการเรียนรู้ตามโครงการการจัดการเรียนรู้ Active Learning เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้เรียนที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 - ส่งเสริม สนับสนุนโรงเรียนในการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ ให้มีทักษะ ที่เหมาะสม โดยการนิเทศติดตามโรงเรียน สร้างความรู้ความเข้าใจกับ ผู้บริหาร และ คณะครู จัดทำโครงการ พัฒนาทักษะและสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ตามตัวชี้วัดระหว่างทางและปลายทาง หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) - โรงเรียนมีการปรับปรุงหลักสูตร กิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลเพื่อให้ ความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รวมถึงการให้การอบรมครูให้มีความรู้เกี่ยวกับ หลักสูตร และสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนาหลักสูตรและการสอน รวมถึงการบริหารหลักสูตร - โรงเรียนจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเน้นให้ผู้เรียนเกิดความรู้และทักษะ โดยครูเป็นผู้ให้คำปรึกษา


24 - โรงเรียนจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามหลักสูตรปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เน้นให้เด็กเรียนรู้ ผ่านการปฏิบัติและจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสแสดงความรู้ ความสามารถตามที่ตนเอง สนใจ - โรงเรียนมีการพัฒนาระบบแนะแนวการเรียน การจัดทำแผนการสอนแบบไตร่ตรองซึ่งใช้ รูปแบบแนวการเรียนแบบ Coaching - โรงเรียนมีการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนทุกปีตามความสามารถและความสนใจ ของนักเรียน - โรงเรียนมีการปรับปรุงหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ตามบริบทของสถานศึกษาและ เหมาะสมกับผู้เรียน - เน้นกระบวนการจัดการเรียนการสอน เช่น การทดลองวิทยาศาสตร์ โครงงาน stem coding ให้ผู้เรียนเกิดทักษะโดยครูมีบทบาทในการชี้แนะให้กับนักเรียน - สถานศึกษาได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตร ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาเทคนิคการผลิตเพื่อตอบสนองต่อความสนใจและความต้องการของผู้เรียน - มีการจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องกับชุมชนและมีรายได้ระหว่างเรียนและเรียนร่วมกับสถาน ประกอบการ


25 2) การจัดให้มีระบบแนะแนวผู้เรียน (Coaching) ตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา และ มัธยมศึกษา - ขับเคลื่อนให้สถานศึกษาได้มีการแนะแนวการศึกษาต่อของผู้เรียนในสายอาชีพและระดับ มหาวิทยาลัย อีกทั้งส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนได้ค้นพบความต้องการและความสนใจในการเรียนรู้ใน ระดับ ที่สูงขึ้นของผู้เรียน - ศูนย์การเรียนรู้อำเภอทุกแห่งในสังกัด สำนักงาน สกร.จังหวัดพะเยามีระบบช่วยเหลือ ผู้เรียน ผ่านแพลตฟอร์ม แอปพิเคชั่นต่างๆ - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีการดำเนินการพัฒนาระบบการแนะแนวผู้เรียน (Coaching) และการชี้แนะแนวทาง โดยมีข้าราชการครูในสังกัดเข้าร่วมอบรมครูแกนนำแนะแนวทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการ อบรมเพื่อใช้แนะแนวทางให้ผู้เรียนได้มองเห็นอนาคตในภายภาคหน้า โดยครูจะเป็นโค้ช คอยให้การปรึกษาแก่ ผู้เรียนซึ่ง ณ ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและขยายผลการดำเนินงาน - การพัฒนาครูแนะแนวแกนนำ เพื่อขยายผลไปสู่ครูแนะแนวในสังกัด มีความรู้ ความเข้าใจ ในการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมแนะแนวในสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อพัฒนาการ ดำเนินงานด้านการบริการแนะแนวให้กับบุคลากรแนะแนวในการจัดกระบวนการเรียนการสอนกิจกรรมแนะ แนวให้ยั่งยืน รวมทั้งให้ครู และบุคลากรแนะแนว สามารถเรียนรู้กระบวนการทดสอบ ความพร้อมทางอาชีพ และการทดสอบวัดความสนใจด้านอาชีพให้กับนักเรียนนักเรียนในสังกัดได้ - ส่งเสริมสุขภาพจิตนักเรียนวิถีใหม่ด้วย School Health Hero และส่งเสริมสุขภาพรอบด้าน โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน และเป็นผู้จัดการดูแลระบบให้สถานศึกษาสามารถ เข้าไปใช้งานระบบ School Health Hero และคอยสนับสนุน ส่งเสริมให้สถานศึกษาเข้าไปดำเนินการคัดกรอง เด็กในสังกัดให้ครบถ้วน บรรลุตามเป้าหมาย - โรงเรียนมีการบริการศึกษาเด็กเป็นรายบุคคล มีการสังเกต สัมภาษณ์ การเขียน อัตชีวประวัติมีการเยี่ยมบ้านนักเรียนโดยครูประจำชั้นทุกคนเป็นครูแนะแนวและเป็นการสร้างความสัมพันธ์อัน ดีสามารถช่วยเหลือผู้เรียนได้อย่างตรงจุด - มีการจัดการเรียนการสอน Coaching ทุกระดับชั้น - โรงเรียนจัดให้ครูประจำชั้นและครูแนะแนวชี้แนวทางทักษะการเรียนรู้และทักษะการ ดำเนินชีวิตโดยใชหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง - โรงเรียนจัดชั่วโมงแนะแนวให้กับนักเรียนทุกระดับชั้นๆละ 40 ชั่วโมงต่อปีการศึกษา - โรงเรียนมีระบบการรายงานผลการเรียนแก่ผู้เรียนอย่างน้อยปีการศึกษาละ 2 ครั้ง ซึ่ง นอกจากจะเป็นการรายงานผลการเรียนที่แสดงถึงความถนัดของผู้เรียนยังมีการรายงานคุณลักษณะที่พึง ประสงค์และพฤติกรรมของผู้เรียนเป็นรายบุคคล หากนักเรียนคนใดมีความต้องการพิเศษก็จะมีการพบปะ พูดคุยกับผู้ปกครองเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างบ้านและโรงเรียน


26 3) การส่งเสริมนวัตกรรมการเรียนรู้แบบ STEM Education ที่มุ่งเน้นทักษะการปฏิบัติ จริง (Active Learning) และความสามารถด้าน Soft Skill - สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย นักศึกษาเป็นขั้นพื้นฐานตาม หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยให้นักศึกษาได้มีทักษะในการ ปฏิบัติจริง ผ่านการทำโครงงาน - สถานศึกษามีการดำเนินการจัดทำแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (PBL) เพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 สำหรับครูผู้สอนกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษา ตอนต้น เพื่อเป็นแนวทางให้ครูผู้สอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิชาอื่นๆ ที่มีความสนใจ ได้ นำไปเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (PBL) สามารถในไปประยุกต์ใช้ได้กับ หลากหลายวิชา โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ทดลองสิ่งต่างๆ เช่น การทดลองวิทยาศาสตร์ ในชีวิตประจำวันต่างๆ กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เทคโนโลยีสร้าง นวัตกรรม รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้อื่น อาจจะให้ผู้เรียนคิดสิ่งประดิษฐ์ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ซึ่งเริ่มจาก การสร้างสิ่งประดิษฐ์ STEM ง่ายๆ ไปจนถึงการทำโครงงาน STEM


27 - สนับสนุนโรงเรียนเข้าร่วมโครงการพัฒนา STEM Education กับภาคีเครือข่าย เพื่อส่งเสริม การจัดการเรียนรู้มุ่งเน้นทักษะการปฏิบัติจริง (Active Learning) และความสามารถด้าน Soft Skill และ นิเทศการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning แบบการศึกษาชั้นเรียน (Lesson study) - ส่งเสริมให้สถานศึกษาให้จัดการเรียนการสอนนวัตกรรมการเรียนรู้แบบ STEM Education ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) และส่งเสริมความสามารถด้าน Soft Skill ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของรายวิชาเพิ่มเติม กิจกรรมเสริมหลักสูตร หรือกิจกรรมชุมนุม มีการอบรม ให้ความรู้ ครูผู้สอนในการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดพัฒนาการเรียนรู้ผสานทักษะศิลปะด้วย STEM - โรงเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Stem Education ให้กับนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงทุก คนโดยครูทำหน้าที่เป็น Coaching และเป็นการบูรณาการความรู้ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - ระดับการศึกษาปฐมวัยมีการจัดประสบการณ์เรียนรู้แบบ Stem Education บ้านนักวิทย์ น้อยและไฮสโคป - โรงเรียนมีการจัดกิจกรรการเรียนรู้ แบบ Stem Education ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ทุกคนโดยครูทำหน้าที่เป็น Coaching การเรียนแบบ walk rally


28 4) การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของ ผู้เรียน - สถานศึกษามีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น สาธารณสุข อำเภอ รพ.สต. โรงพยาบาล เพื่อสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมเสี่ยงและการให้คำแนะแนวทางการดูแล สุขภาพจิตของผู้เรียน - สถานศึกษาคัดกรองนักเรียนตามขั้นตอนการดำเนินงานของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และรับแจ้งจากสถานศึกษาในการรายงานกรณีเด็กนักเรียนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่าง เร่งด่วน - แจ้งนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำเขตพื้นที่การศึกษา สอบถามประวัติเบื้องต้นเพื่อทราบข้อมูล พื้นฐานที่สำคัญต่างๆ ในเรื่องประวัติส่วนตัวของนักเรียน ประวัติการคัดกรอง ข้อมูลจากครูผู้ดูแลเด็กนักเรียน - นักจิตวิทยาประจำเขตพื้นที่การศึกษาฯ ลงพื้นที่โรงเรียนเพื่อดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มี พฤติกรรมเสี่ยงหรือนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ ในกรณีการวิเคราะห์และวินิจฉัยปัญหาของนักเรียนเป็น รายบุคคลที่มีปัญหาซับซ้อนหรือการส่งต่อด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์ การทดสอบทางจิตวิทยา ด้านสติปัญญา อารมณ์และสังคมเพื่อค้นหาปัญหา สาเหตุปัญหาของนักเรียน พร้อม ทั้งหาแนวทางการแก้ไขปัญหา - วางแผนการช่วยเหลือร่วมกับครูที่ปรึกษา ผู้ปกครอง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน เพื่อดูแลช่วยเหลือและปรับพฤติกรรมของนักเรียน กรณีนักเรียนมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือมีปัญหาทางพฤติกรรม และ ลักษณะอารมณ์รุนแรง จะต้องมีการประสานกับหน่วยงานภายนอก เช่น โรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพ เพื่อส่งต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม


29 - การส่งต่อภาคีเครือข่าย เมื่อดำเนินการดูแลช่วยเหลือแล้วไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องส่งต่อไปยัง หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง (มีการจัดประชุมร่วมกับเทศบาล ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและ ครอบครัวเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด)เพื่อวางแผนและร่วมมือกันแก้ไข ปัญหาอย่างตรงจุด เนื่องจากสภาพปัญหาของนักเรียนมีความยากและซับซ้อนต่อการดูและช่วยเหลือ - ติดตามผลหลังจากรับกลับจาการดูแลช่วยเหลือของภาคีเครือข่ายเรียบร้อยแล้ว จำเป็นต้องมีการประเมินและติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมความพร้อมส่งกลับสู่โรงเรียน - การวางแผนการดูแลช่วยเหลือร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษา ครูประจำชั้นหรือครูระบบการ ดูแล ช่วยเหลือนักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน เพื่อดูแลช่วยเหลือในการปรับพฤติกรรมของนักเรียน ในกรณีที่ นักเรียนมีความเสี่ยงสูงหรือต้องการวินิจฉัยโรค และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะดำเนินการประสาน หน่วยงานภายนนอก เช่น โรงพยาบาล สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บ้านพักเด็กและครอบครัว เจ้าหน้าที่ ปกครอง เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อวางแผนการหาแนวทางการดูแลช่วยเหลือและแก้ไขปัญหานักเรียน อย่างตรงจุด ติดตามผลการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนทั้งนักเรียนกลุ่มปกติ และกลุ่ม เสี่ยง ให้อยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัย - สำนักงานเขตพื้นที่ดำเนินการจัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพนักเรียนผ่านโครงการ ที่หลากหลาย อาทิ โครงการ 1 โรงเรียน 1 ครูอนามัย สร้างเด็กไทยสุขภาพดี มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 18 โรงเรียน ครูแกนนำและนักเรียน ผ่านการอบรม ครบทุกโรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 100, โครงการ วัยใสใส่ใจสุขภาพ , กิจกรรมการอบรมครูดูแลให้มีความรู้ด้านสุขภาพจิตนักเรียนและสามารถคัดกรอง สุขภาพจิตนักเรียนโดยเครื่องมือการประเมินสุขภาพจิต ผ่านการประมวลผลของนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำ เขตพื้นที่การศึกษา และการคัดกรองพร้อมดูแลรักษาผ่านระบบ School Health Hero ผลการคัดกรอง ดังนี้ 44% 34% 14% 6% 2% 0% การประเมินภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่น โรงเรียนในสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพะเยา ไม่มีภาวะซึมเศร้า ภาวะซึมเศร้าเล็กน้อย ซึมเศร้าปานกลาง ภาวะซึมเศร้ามาก ภาวะซึมเศร้ารุนแรง ร้อยละของนักเรียนที่มีภาวะซึมเศร้ารุนแรง


30 ปัญหาอุปสรรค/แนวทางแก้ไข - สถานการณ์แนวโน้มปัญหานักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พบว่านักเรียน ส่วนใหญ่มีภาวะซึมเศร้า ลักขโมย และการติดสื่อออฟไลน์ (โทรทัศน์)/ออนไลน์(ติดเกม) ปัจจัยหลักเกิดจาก ครอบครัว ผู้ปกครองปล่อยปละละเลยบุตรหลาน พ่อแม่แยกทางกัน ครอบครัวมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ พ่อแม่ ไม่พร้อมมีลูก และไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองในการดูแลเด็กตามคำแนะนำ แต่หากครอบครัวสามารถ เป็นตัวแบบที่ดี มีความเข้าใจปัญหาของเด็กและเด็กได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกวิธีสามารถช่วยเหลือ และพัฒนา เด็กในทางที่ดีได้เพราะเด็กสามารถเปลี่ยนแปลงพัฒนาได้ - นักเรียนมีปัญหาแต่ไม่มาปรึกษาครู ครูต้องคอยสังเกตพฤติกรรม - ผู้ปกครองส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อคำแนะนำไม่ยอมรับความจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมลูก - ประเด็นนักเรียนที่ประสบปัญหาภาวะซึมเศร้าได้ส่งคืนข้อมูลให้โรงเรียนในสังกัดได้ เฝ้าระวังดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามระบบ - ส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา /โรงพยาบาล พะเยา/สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พะเยา ฯลฯ - ประชุม case conference สหวิทยาชีพเพื่อดูแลช่วยเหลือนักเรียน/ส่งต่อหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมและรายงานผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - การทำงานร่วมกันเป็นทีมโดยมีภาคีเครือข่ายให้การดูแลช่วยเหลือเยียวยานักเรียนที่มีปัญหา ให้สามารถผ่านปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ร่วมกันกับครูที่ได้รับมอบหมายดูแลนักเรียน ผู้ปกครอง นักจิตวิทยา ประจำเขตพื้นที่การศึกษาฯ และมีการส่งต่อกรณีเด็กนักเรียนที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเป็นกรณีฉุกเฉินไปยัง สหวิชาชีพทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม คือนักเรียนที่ประสบปัญหาสามารถกลับสู่ระบบโรงเรียนได้อย่างมี ความสุขและกลับเข้าสู่สังคมในโรงเรียนได้ - นักเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ Stem Education สามารถนำความรู้ไปพัฒนาตนสู่ นวัตกรรมใหม่ที่เกิดหลังจากการเรียนรู้แบบ Stem Education - ต้องมีแรงจูงใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ความสนใจในแนวคิดของครูการควบคุมการทำงานของ ผู้บริหาร และมีปัจจัยสนับสนุน - นักเรียน ที่เรียนจบสามารถมีประสบการณ์จริงและสามารถหางานได้ง่าย - ครูผู้สอนสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมการเรียนรู้แบบ STEM Education กับ ผู้เรียน - ผู้เรียนได้รับการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมนวัตกรรมการเรียนรู้แบบ STEM Education ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - อยากให้มีการส่งเสริมพัฒนาการการเลี้ยงดูบุตรหลานของทางผู้ปกครอง เพราะนักเรียนจะ มีพฤติกรรมที่ดีและอยู่กับสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นฐานต้องมาจากขัดเกลาของครอบครัวก่อนอันลำดับ แรก ส่งต่อมายังโรงเรียนเพื่อพัฒนาการศักยภาพการเรียนรู้และการอยู่ร่วมกันในสังคม - อยากให้มีการแนะแนว Coaching นักเรียนระดับปฐมวัยเน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติโดย ครูเป็นผู้แนะนำและตั้งคำถามกระตุ้นการคิดให้เด็ก เด็กได้เรียนรู้ลงมือปฏิบัติจริง มีการ reflection หลังการ เรียนรู้โดยครูใช้คำถามกระตุ้นการคิด


31 - อยากให้มีการอบรมความรู้ด้านสุขภาพจิตให้ครูและผู้ปกครอง - อยากให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพะเยาเป็นศูนย์กลางติดต่อประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญ ด้านปัญหาสุขภาพจิต - วางแผนด้านเวลา การที่ครูไม่มีการวางแผนเรื่องเวลาในการพัฒนาหลักสูตร คือภาระงาน พิเศษของครูมีมากเกินไป ต้องลดภาระงานพิเศษเพื่อครูจะได้มีเวลาวางแผนการการพัฒนาหลักสูตร - ควรจัดทำหลักสูตรในการเรียนร่วมสถานประกอบการให้ครบทุกสาขาวิชา จุดเน้น 2.4 : การจัดทำระบบวัดผลรองรับมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) ผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่ม เพื่อรับประกาศนียบัตรในการประกอบอาชีพ ผลการดำเนินการจัดทำระบบวัดผลรองรับมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) ผู้เรียนสามารถ เรียนเพิ่ม เพื่อรับประกาศนียบัตรในการประกอบอาชีพ ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ 1) การวางระบบการรับรองมาตรฐานวิชาชีพ โดยมีการดำเนินการในลักษณะหรือรูปแบบการ เทียบโอนด้วยระบบหน่วยกิตสะสม (Credit Bank) การเชื่อมโยงมาตรฐานวิชาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ฯลฯ ของหน่วยงานหรือสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ - สถานศึกษาดำเนินการโดยจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับโรงเรียนที่เปิดสอนระดับ มัธยมศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีความสนใจและต้องการให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทางด้านการศึกษาสายวิชาอาชีพ


32 - แผนกอิเล็กทรอนิกส์ได้มีการสอบมาตรฐานวิชาชีพ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานจัดสอบมาตรฐานช่างโทรคมนาคมและมาตรฐานช่างติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร จากการ ทดสอบนักศึกษาแผนกอิเล็กทรอนิกส์ สอบผ่านมาตรวิชาชีพ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง คิดเป็นร้อยละ100 ผ่านการทดสอบมาตรฐานช่างโทรคมนาคม ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ร้อยละ100 และผ่านการทดสอบมาตรฐานช่างติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร คิดเป็น ร้อยละ 60 2) การกำหนดกลไกการวัดผลการรับรองมาตรฐานวิชาชีพ รองรับผู้เรียนสายอาชีวศึกษา ยังไม่สำเร็จการศึกษา - นักศึกษาแผนกอิเล็กทรอนิกส์ สอบผ่านมาตรวิชาชีพ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพและประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ได้รับหนังสือรับรองการสอนผ่านมาตรฐานวิชาชีพ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ และหนังสือรับรองผ่านการทดสอบมาตรฐานช่างโทรคมนาคม และหนังสือรับรองผ่านการ ทดสอบมาตรฐานช่างติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร 3) แนวทางการพัฒนาระบบการวัดผลทักษะและสมรรถนะวิชาชีพของผู้เรียนสาย อาชีวศึกษา - พัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินที่หลากหลาย เพื่อเหมาะสมกับลักษณะและ ธรรมชาติของข้อมูลที่ได้มา เช่น แบบทดสอบ แบบทดสอบมาตรฐาน แบบสอบถาม แบบวัดเจตคติ - ทางแผนกอิเล็กทรอนิกส์มีการวางแผนให้นักศึกษาแผนกอิเล็กทรอนิกส์ มีการทดสอบตาม สมรรถนะที่กำหนดในการทดสอบมาตรวิชาชีพ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สะสมในรายวิชาที่เกี่ยวข้อง ปัญหาอุปสรรค - สถานศึกษาและผู้ปฏิบัติงานขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ขาดข้อสอบกลางวัดความรู้ความสามารถทางวิชาการและยังไม่มีระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้อย่างเป็น รูปธรรม - การทดสอบตามสมรรถนะที่กำหนดในการทดสอบมาตรวิชาชีพ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพและประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง มีความจำเป็นที่ต้องใช้วัสดุในการทดสอบตามสมรรถนะ นั้นๆ ดังนั้นทางแผนกต้องจัดเตรียมวัสดุฝึก และเขียนแผนการฝึกให้ตรงกับสมรรถนะที่ใช้ทดสอบ รวมทั้งวัสดุที่ ใช้ใน การ ทดสอบมาตรฐานช่างโทรคมนาคม และการทดสอบมาตรฐานช่างติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร แนวทางแก้ไข - แผนกต้องจัดเตรียมวัสดุฝึก และเขียนแผนการฝึกให้ตรงกับสมรรถนะที่ใช้ทดสอบ


33 ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - สถานศึกษาต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ความรู้ความเข้าใจแก่บุคลากรที่มีส่วนรับผิดชอบ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน จัดให้มีข้อสอบกลาง วัดความรู้ความสามารถทางวิชาการและให้มีระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม - แผนกต้องจัดเตรียมวัสดุฝึก และเขียนแผนการฝึกให้ตรงกับสมรรถนะที่ใช้ทดสอบ นักเรียน นักศึกษาต้องมีความรู้และทักษะตรงตามกิจกรรมที่เป็นข้อตกลงการทดสอบมาตรวิชาชีพ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - ต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ความรู้ความเข้าใจแก่บุคลากรที่มีส่วนรับผิดชอบ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน จัดให้มีข้อสอบกลาง วัดความรู้ความสามารถทางวิชาการและให้มีระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม - สมรรถนะที่กำหนดในการทดสอบมาตรวิชาชีพ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ต้องตรงกับสมรรถนะ และครอบคลุมทุกรายวิชา รูปแบบ แนวทาง หรือนวัตกรรม ที่เป็นแบบอย่างที่ดี - การวางแผนให้นักศึกษาแผนกอิเล็กทรอนิกส์ มีการทดสอบตามสมรรถนะที่กำหนดในการ ทดสอบมาตรวิชาชีพ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สะสมใน รายวิชาที่เกี่ยวข้อง จุดเน้น 2.5 : การจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา และประเมินผลการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนที่มี ความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย ผลการดำเนินการจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา และประเมินผลการศึกษาเพื่อให้ ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย ตาม ประเด็นการตรวจติดตาม ดังนี้ 1) การจัดทำระบบการเทียบเคียงหรือเทียบโอนผลการเรียน ทักษะ ความรู้ประสบการณ์ หรือสมรรถนะ - สถานศึกษาที่เป็นศูนย์เทียบระดับการศึกษา จำนวน 4 ศูนย์ โดยแต่ละศูนย์เทียบระดับ การศึกษาได้ประชาสัมพันธ์ และประกาศรับสมัครกลุ่มเป้าหมาย - สถานศึกษา มีการจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา และประเมินผลการศึกษาบูรณา การแบบองค์รวมผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้อาชีพ เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ และผู้เรียนที่ไม่มีความ พร้อมในการเรียนในสถานศึกษา ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ผ่านระบบ LMS ที่มีการสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) และกำลังพัฒนาระบบการเทียบเคียงหรือเทียบโอนผลการเรียน ทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ หรือสมรรถนะจากระบบเดียวกัน - สถานศึกษาได้ดำเนินการเปิดรับหลักสูตรทวิศึกษาซึ่งได้ดำเนินการโดยจัดทำบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือกับโรงเรียนที่มีความสนใจและต้องการ - สถานศึกษาจัดการเรียนการสอน 3 ระดับ ได้แก่ 1) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 2) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 3) ระดับปริญญาตรี (ทลบ.) และมีการจัดการเรียน การสอนห้องเรียนอาชีพในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษารายวิชาปรับพื้นฐาน ปวส. (แบบสะสมหน่วยกิต) - สถานศึกษามีการทำความข้อตกลง MOU กับโรงเรียนมัธยมศึกษา จัดห้องเรียนอาชีพใน สถานศึกษาระดับมัธยมศึกษารายวิชาปรับพื้นฐาน เพื่อนำวุฒิการศึกษาที่จบจากโรงเรียนมาเทียบโอนความรู้


34 และประสบการณ์ และจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ ตามรายวิชาปรับพื้นฐาน (ปวส.) และทำการวัดแววและความถนัดของผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามสภาพจริง - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีการส่งเสริมการจัดการศึกษาที่หลากหลายเพื่อเปิดโอกาส ให้นักเรียนได้เรียนรู้และเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานในระดับมัธยมศึกษา โดยปัจจุบันปีงบประมาณ 2567 ได้ดำเนินการส่งเสริมให้ครอบครัว ได้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา จำนวน 1 ครอบครัว คือ ครอบครัว เหลือหลาย จัดการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นให้กับ เด็กชายพันธกร เหลือหลาย ปีการศึกษา 2566 นักเรียนเรียนอยู่ในระดับขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 การดำเนินการวัดประเมินผล อยู่ระหว่างดำเนินการ ขั้นตอนการดำเนินการตามปฏิทิน ดังนี้ 1. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานฯ กุมภาพันธ์ 2567 2. แจ้งกำหนดการประเมินให้บ้านเรียน “เหลือหลาย” รับทราบ กุมภาพันธ์ 2567 3. ประชุมคณะกรรมการวัดและประเมินผล -จัดทำเครื่องมือวัดประเมินผลการจัดการ เรียนรู้ตามหลักสูตร -ประเมินเชิงประจักษ์ กุมภาพันธ์ - มีนาคม 2567 4. ประเมินผลการจัดการเรียนรู้ -ทำแบบทำสอบ -ประเมินเชิงประจักษ์ มีนาคม 2567 5. สรุปรายงานผลการดำเนินงาน เมษายน 2567 2) การจัดระบบวัดแววและความถนัดของผู้เรียนเป็นรายบุคคล - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาในสังกัด ดำเนินการวัด แววและความถนัดของผู้เรียนรายบุคคล โดยมีกระบวนการวัดแววความสามารถพิเศษผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Mi - Test) ดังต่อไปนี้ 1. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน 2. นักเรียนประเมิน / ครูประเมิน 3. กรอกข้อมูลเข้าระบบ 4. ระบบประมวลผล 5. ครูนำผลการประเมินไปใช้พัฒนานักเรียน - โรงเรียนมีการจัดระบบวัดแววและความถนัดของผู้เรียนเป็นรายบุคคล โดยจัดรายวิชาเลือก สมรรถนะอาชีพอย่างหลากหลาย มากกว่า 50 อาชีพ ตามหลักสูตรสมรรถนะอาชีพที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสนใจ ความถนัด และก้าวหน้าไปตามความสามารถของตน โดยมี เป้าหมายให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะหลักที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ สำหรับการทำงานการแก้ปัญหา และการ ดำรงชีวิต - ร้อยละ ๘๐ ของผู้เรียนผ่านการสำรวจแววความสามารถพิเศษด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ. และ สพม.พะเยา มีการขับเคลื่อนให้สถานศึกษาได้นำผลที่ได้จาก การวัดแววความสามารถพิเศษ มาส่งเสริม สนับสนุน จัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนตามความสามารถ (อยู่ในระหว่าง ดำเนินการ)


35 ปัญหาอุปสรรค/แนวทางแก้ไข - กลุ่มเป้าหมายมีน้อยและไม่มีความสนใจในการเข้าสอบ - จากการจัดการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า การวัดและประเมินผลยังคงยึดการประเมินเพื่อตัดสิน ผล การเรียน (Summative Evaluation) มากกว่าการประเมินเพื่อการปรับปรุง พัฒนา และเปลี่ยนแปลง (Formative Evaluation) โรงเรียนจึงร่วมกันหาทางออกโดยจัดทำหลักสูตรสมรรถนะอาชีพ และปรับการ ประเมินผลตามตัวชี้วัดระหว่างทาง และตัวชี้วัดปลายทาง โดยเน้นการวัดและประเมินผลผู้เรียนจากกิจกรรม ลดการประเมินผลจากการสอบ และการวัดและประเมินผลบูรณาการร่วมกันทุกสาระวิชาในหนึ่งกิจกรรม - กลุ่มผู้เรียนมีระดับความพื้นฐานที่แตกต่างกันซึ่งระดับความสามารถไม่เท่ากัน - กลุ่มโรงเรียนห้องเรียนอาชีพระดับมัธยมศึกษา อยู่ห่างไกลจากวิทยาลัยเทคนิค ทำให้ นักเรียนเสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกทั้งรายวิชาที่เรียนประจำอยู่แล้วมีมาก บวกกับมาเรียน หลักสูตรระยะสั้นแบบสะสมหน่วยกิต (ห้องเรียนอาชีพ) เพิ่มอีก ทำให้กลุ่มนักเรียนห้องเรียนอาชีพมีภาระ ชั่วโมงเรียนเพิ่มขึ้น ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - โรงเรียนยึดแนวทางการบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School - Based Management: SBM) โดยเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม โดยมุ่งปรับระบบโครงสร้างการบริหารโรงเรียนใหม่ ตามภารกิจโครงสร้างของโรงเรียนประจำ โดยมีรองผู้อำนวยการ และแต่งตั้งผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มงานต่าง ๆ ให้มีการกระจายอำนาจการบริหารและจัดการศึกษามากขึ้น และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (Shared - Decision Making Movement) มีเครือข่ายความร่วมมือภารกิจในการบริหารงาน (School-Based Management Tasks) และ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา (Digital Information Management) - ยกระดับการเรียนรู้ของกลุ่มผู้เรียนมีระดับความพื้นฐานที่แตกต่างกันซึ่งระดับความสามารถ ไม่เท่ากัน หรือที่ผลการเรียนต่ำกว่า ๒ ขึ้นไป ให้สามารถเทียบโอนผลการเรียนได้ - สถานศึกษาสามารถเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ ตามรายวิชาปรับพื้นฐานเพื่อรับ นักศึกษาเข้าศึกษาต่อในระดับ ปวส.1 ได้ - ครูผู้สอนสามารถจัดการเรียนรู้ตามความถนัดของผู้เรียนเป็นรายบุคคล - ผู้เรียนได้รับการจัดการเรียนรู้ที่ตามความถนัดของผู้เรียนเป็นรายบุคคล - ร้อยละ ๘๐ ของผู้เรียนได้รับการสำรวจ คัดกรอง วัดระดับ ติดตามและประเมินผลนักเรียน ตามความถนัดของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - โรงเรียนมีการพัฒนาระบบกการจัดการเรียนรู้และวัดผลเทียบระดับการศึกษา และ ประเมินผลการศึกษา สำหรับกลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ และผู้เรียนที่ไม่มีความพร้อมในการเรียนใน สถานศึกษา - ยกระดับการเรียนรู้ของกลุ่มผู้เรียนมีระดับความพื้นฐานที่แตกต่างกันซึ่งระดับความสามารถ ไม่เท่ากัน หรือที่ผลการเรียนต่ำกว่า ๒ ขึ้นไป ให้สามารถเทียบโอนผลการเรียนได้


36 จุดเน้น 2.6 : ผู้เรียนเรียนรู้และมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn) ผลการดำเนินงาน ผู้เรียนเรียนรู้และมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn) ตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ดังนี้ ๑) การดำเนินการยกระดับศักยภาพทางวิชาชีพ การเชื่อมโยงหลักสูตรอาชีวศึกษากับ มาตรฐานวิชาชีพต่างๆ เพื่อเป็นการ Reskill, Upskill - ดำเนินการขับเคลื่อนหลักสูตรทวิศึกษา โดยโรงเรียนฝายกวางวิทยาคม ซึ่งเป็นโรงเรียน ต้นแบบภายใต้โครงการ "จัดการศึกษาร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศึกษา/ห้องเรียน อาชีพ)" กับวิทยาลัยเทคนิคเชียงคำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาตามความถนัดและ ความสนใจ ของผู้เรียน เพิ่มทักษะทางอาชีพ และเตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อระดับอาชีวศึกษา ในระดับที่สูงขึ้น - หน่วยงานสังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดพะเยาได้มีการสนับสนุนการยกระดับ ศักยภาพทางวิชาชีพ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ฝึกทักษะอาชีพให้กับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย - สถานศึกษามีการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถของนักเรียน นักศึกษา ให้สามารถนำความรู้ ทักษะ วิชาชีพ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ เชิงพาณิชย์ให้มีความพร้อมที่จะเริ่มต้น ประกอบธุรกิจของตนเองหรือต่อ ยอดธุรกิจเดิม โดยเริ่มจากการอบรมเขียนแผนธุรกิจ การศึกษาดูงานในสถาน ประกอบการ เพื่อศึกษาความ เป็นไปได้ และความสนใจในการประกอบธุรกิจในอนาคต ตลอดจนศึกษา แนวทาง วิธีการ เพื่อเป็นการเพิ่ม สมรรถภาพทางด้านความรู้และทักษะของนักเรียน นักศึกษา ซึ่งปัจจุบันมี นักเรียน นักศึกษา ประกอบธุรกิจหารายได้ระหว่างเรียนอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปีการศึกษา ได้แก่ธุรกิจครัว เทคนิค และธุรกิจข้าวไข่เจียว - สถานศึกษามีการจัดให้นักศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ( ปวส.) ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาได้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานช่างฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างติดตั้งไฟฟ้าภายใน อาคาร ระดับ 1 ทั้งนี้เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วนักศึกษาสามารถที่จะนำไปประกอบอาชีพ สถาบันอาชีวศึกษามีการพัฒนาทักษะและสมรรถนะวิชาชีพ (Up Skill - Re Skill) ดังนี้ 1.จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้กับนักเรียน นักศึกษา ต่างสาขาวิชาเพื่อพัฒนา คุณภาพของผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ ทักษะและสมรรถนะที่หลากหลาย สามารถนำไปใช้ประโยชน์ใน การประกอบอาชีพได้


37 2. ดำเนินการจัดศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix-it จิตอาสา) 2) การอบรมอาชีพเสริมในชุมชน เพื่อการเสริมสร้างทักษะใหม่ (New Skill) เพิ่ม สมรรถนะ (Upskill) และทบทวนทักษะ (Reskill) - ดำเนินการขับเคลื่อนการสร้างอาชีพให้กับผู้เรียน โดยการจัดทำหลักสูตรการมีงานทำ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้เรียน (อยู่ในระหว่างดำเนินการ) และมีการส่งเสริมให้สถานศึกษาได้จัดการเรียนรู้โดย ใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นเพื่อเสริมสร้างอาชีพชุมชน - สถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน สกร.จังหวัดพะเยา มีการจัดอบรมอาชีพเสริมในชุมชนที่ หลากหลายอาชีพ ให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย


38 - สถาบันอาชีวศึกษา ได้ดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรระยะสั้น อบรมหลักสูตร 108 อาชีพ ให้กับประชาชนทั่วไป และโรงเรียนผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ การอบรมหลักสูตรระยะสั้น ให้กับประชาชนทั่วไป การอบรมหลักสูตร 108 อาชีพ ให้กับประชาชนทั่วไป


39


40 ปัญหาอุปสรรค - ผู้เรียนแต่ละคนมีความรู้ความสามารถไม่เท่ากัน เพราะพื้นฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นในการจัดการเรียนการสอน ครูต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ครูต้องใจเย็นในการ จัดการเรียนการสอน - ปัญหาเรื่องงบประมาณสนับสนุนจากส่วนกลางที่ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาขีดความสามารถของนักเรียน นักศึกษา - ปัญหาเกี่ยวกับนักเรียน นักศึกษา ที่มีการเปลี่ยนผู้ปฏิบัติงานใหม่ทุกเทอม ทำให้ขาด ความต่อเนื่องในการดำเนินงาน และเรื่องมาตรฐานที่ไม่คงที่ในการประกอบธุรกิจ - นักศึกษาบางส่วนไม่ลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการทดสอบ - ขาดแคลนงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุเพื่อนำมาฝึกซ้อมนักศึกษาก่อนการเข้ารับทดสอบ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ - ครูผู้สอนสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับผู้เรียน - ผู้เรียนได้รับการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับผู้เรียน แนวทางแก้ไข - จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการดำเนินธุรกิจ เพื่อปรับปรุงพื้นที่ รวมถึงสินค้า ให้สามารถแข่งขันกับ คู่แข่งได้ - ให้มีผู้ควบคุมมาตรฐานในการประกอบธุรกิจ รวมถึงการดำเนินงานให้มีความต่อเนื่อง และมีคุณภาพ คงที่ ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - ครูและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันหรืออีกหลายมุมที่ผู้เรียน รู้แต่ครูไม่รู้ และบางทีครูก็ ต้องเรียนรู้จากผู้เรียนของตนเอง - การได้รับการสนับสนุน และความช่วยเหลือจากผู้บริหาร และได้รับความร่วมมือจาก คณะกรรมการดำเนินงาน ครูที่ปรึกษา และนักเรียน นักศึกษาที่ดำเนินธุรกิจ - นักศึกษาเห็นความสำคัญของการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างติดตั้ง ไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1 เพื่อที่จะได้นำไปใช้ประกอบอาชีพในอนาคตต่อไป ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ - งบประมาณได้รับการจัดสรรมาน้อย ทำให้การบริหารงบประมาณค่อนข้างยาก - ควรมีการส่งเสริมสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุในการฝึกซ้อมก่อนการเข้ารับการ ทดสอบมาตราฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1 ให้กับนักศึกษาที่จะเข้ารับการ ทดสอบ - ควรจะมีการทำความเข้าใจให้นักศึกษาทุกคนเห็นความสำคัญของการทดสอบมาตรฐานฝีมือ แรงงานแห่งชาติ สาขาช่างติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1


41 คณะผู้จัดทำ ที่ปรึกษา ดร.ประไพพร อุทธิยา ศึกษาธิการจังหวัดพะเยา ดร.ธิดา ขันดาวงศ์ รองศึกษาธิการจังหวัดพะเยา คณะทำงาน นางสาวคัชรินทร์ มหาวงศ์ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผล นางวรฤทัย สักลอ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ นางสาวปาลิตา สุขสำราญ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ นางสาวพัทธนันท์ สุดยอด ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ นายธนนท์ มณีชัย ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ นางฐิรนันท์ สมบุตร เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน รวบรวม เรียบเรียง ออกแบบและจัดทำรูปเล่ม นางวรฤทัย สักลอ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ นางสาวคัชรินทร์ มหาวงศ์ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ


สำ นักนังานศึกษาธิกธิารจังจัหวัดวัพะเยา สำ นักนังานปลัดกระทรวงศึกษาธิกธิาร กระทรวงศึกษาธิกธิาร http://www.pyopeo.com CONTACT US MORE INFORMATION ๐๕๔-๐๗๙-๗๘๓


Click to View FlipBook Version