The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อุ้ม อิ้ม, 2023-01-03 01:52:41

หลักการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

หลักการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

หน้า |1

หลกั การเขยี นแผนการจัดการเรียนร้ทู ่เี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั

หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว และเพื่อให้ครุสามารถเขียน
แผนการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เขียนขอนำเสนอหลักการสำคัญของการเขียนแผนการจัดการ
เรียนรู้ซง่ึ พิจารณาตามองค์ประกอบของหลักสตู ร โดยมรี ายละเอยี ดได้ ดงั นี้

1. วัตถุประสงค์การเรยี นรู้
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนในระดับที่จะนำไปใช้กำหนด

แนวทางในการจัดการเรยี นการสอน มีหลักสำคญั ในการเขียน ดังนี้
1) เขยี นในลกั ษณะทบี่ ง่ บอกพฤติกรรมของผู้เรียนท่ีสามารถสังเกตและวดั ผลได้
2) ต้องเขยี นสูต่ ัวชี้วดั (ต้องมกี ารอ้างอิงตวั ชวี้ ดั เสมอ)
3) พยายามเขียนให้ครบท้ังดา้ นความรู้ (knowledge, K) ด้านทักษะกระบวนการ (Process, P) และ

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (Attribute, A)
4) ลำดบั การเขยี นพฤติกรรมของผเู้ รยี นในวตั ถุประสงค์สามารถทำได้หลายรปู แบบ เช่น
แบบที่ 1 เขยี นเรยี งลำดบั โดยเร่มิ จากด้านความรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ และด้านคณุ ลักษณะอันพึง

ประสงค์ ตามลำดับ ดงั นี้
1. ................................................................... (ดา้ นความรู้ , K)
2. ................................................................... (ดา้ นความรู้ , K)
3. ................................................................... (ด้านความร้,ู K)
4. ................................................................... (ดา้ นทกั ษะกระบวนการ , P)
5. ................................................................... (ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์, A)

แบบท่ี 2 เขยี นโดยแยกวตั ถุประสงค์ทางการศึกษา ดงั น้ี
1. ด้านความความรู้

1.1 ..............................................................................
1.2 ..............................................................................
1.3 ..............................................................................
2. ด้านทกั ษะกระบวนการ
2.1 ..............................................................................
2.2 ..............................................................................
3. ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
3.1 ..............................................................................
3.2 ..............................................................................

หน้า |2

แบบที่ 3 เขียนเรียงลำดับพฤติกรรมการเรียนการสอนตามลำดับขั้นตอน สะท้อนให้เห็นว่ามีการ

เรียนรู้เน้นนักเรียนเปน็ ศูนย์กลางและสร้างความร้ดู ้วยตนเอง ดงั นี้ เขยี นตามกจิ กรรมการเรียนรู้
1. ................................................... (ด้านทักษะกระบวนการ, P) (Activity)
2. ................................................... (ด้านทักษะกระบวนการ, P)

3. ................................................... (ด้านความรู้, K) ผลของการสร้างความรู้
4. ................................................... (ดา้ นความรู้, K)

5. ................................................... (ดา้ นทักษะกระบวนการ, P) ปฏิบัติในขัน้ ประยุกตค์ วามรู้

6. ................................................... (ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์, A)

ในการเขยี นวตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ นิยมเขียนเปน็ วตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรมซงึ่ ผสู้ อนสามารถวัดและ

สังเกตได้ เพื่อให้สะดวกในการนำคำกริยาแสดงพฤติกรรมของผลการเรียนรู้ในแต่ละด้าน ดังแสดงในตาราง

ต่อไปนี้

ตารางแสดงคำกริ ยิ าเชงิ พฤติกรรมตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้

ผลการเรยี นรู้ คำแสดงกริ ยิ าเชิงพฤตกิ รรม

1. ความรู้ (K) บอก เลา่ อธบิ าย บรรยาย ระบุ ยกตัวอยา่ ง ฯลฯ

2. กระบวนการ (P)

2.1. กระบวนการคดิ จำแนก จัดกลมุ่ เปรียบเทยี บ นำไปใช้ ประยุกต์ วเิ คราะห์

สงั เคราะห์ ประเมิน ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหา คิดเป็นระบบ ฯลฯ

2.2. กระบวนการกล่มุ ทำงานเป็นกลุ่ม ทำงานเปน็ ทีม แสดงบทบาทหวั หนา้

บทบาทเลขานุการ บทบาทสมาชิก ฯลฯ

2.3. การปฏบิ ตั ิ ทดลอง ทำกิจกรรม ประดิษฐ์ สรา้ ง ออกแบบ คำนวณ ผลิต

พฒั นา ใช้อปุ กรณ์ ใช้เครื่องมือ ใชว้ ัสดุ ฯลฯ

2.4. กระบวนการส่ือสาร ฟงั พูด อา่ น เขียน ดู ฯลฯ

2.5. กระบวนการสงั คม ทำงานรว่ มกับผู้อ่ืน มปี ฏิสมั พันธ์ร่วมกบั ผ้อู ื่น โต้แย้งอย่างมีเหตผุ ล

ลดความขดั แยง้ ขจดั ความขัดแย้ง ยอมรับฟัง ฯลฯ

3. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ตระหนกั ยอมรับ สนับสนนุ รับฟัง ทำตาม แก้ไข โต้แยง้ ฯลฯ

ตัวอยา่ งวัตถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ (KPA)
นกั เรียนสามารถ

(P) 1. สรา้ งความรูแ้ ละสบื สอบความรูเ้ กี่ยวกบั การพฒั นาองคก์ รดว้ ยตนเองได้
(K) 2. อธิบายความหมาย แนวคดิ เปา้ หมาย ขอ้ ดี ขอ้ บกพร่องขององคก์ รได้
(K) 3. ระบเุ ครื่องมือท่ใี ชใ้ นการพฒั นาองคก์ รได้

หน้า |3

(P) 1. วเิ คราะหอ์ งคก์ รดว้ ย SWOT analysis ได้
(P) 2. สรา้ งกลยกุ ตท์ ่ใี ชใ้ นการพฒั นาชนิ้ งานท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั องคก์ รได้
(A) 3. ตระหนกั รูค้ วามสาคญั ของการพฒั นาองคก์ ร
(A) 4. บรหิ ารเวลาดว้ ยความรบั ผิดชอบได้

2. สาระ / เน้ือหา / สาระการเรยี นรู้
การเขียนสาระ / เนอื้ หา / สาระการเรยี นรู้ มหี ลกั การสำคัญ ดงั นี้
1) การเลือกใชช้ ่อื หวั เรื่อง
1.1) ถา้ ใชช้ ื่อหัวเรือ่ ง สาระ / เน้ือหา การเขียนเนอื้ หาจะเขียนเฉพาะดา้ นความรู้ (K) เท่านั้น
1.2) ถ้าใช้ชื่อหัวเรื่อง สาระการเรียนรู้ การเขียนจะต้องครบด้านความรู้ (K) ทักษะกระบวนการ

(P) และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
2) ครูผู้สอนจะต้องศึกษาสาระที่ถูกต้องจากแหล่งเรียนรู้ที่เชื่อถือได้ แล้วเน้นย้ำว่าต้อง “เขียนให้ส้ัน

กระชับ และชัดเจน”
3) ประเภทของสาระ (ความร)ู้ ประกอบดว้ ย
3.1) ขอ้ เทจ็ จริง (Fact)
3.2) มโนทัศน์ (concept)
3.3) หลกั การ (Principle)
3.4) กฎ (Law)
3.5) ทฤษฎี (Theory)

*หมายเหตุ สำหรับประเดน็ “สาระสำคัญ” กบั หัวข้อ “สาระ / เนือ้ หา” ได้ใช่หวั ข้อเดียวกัน โดยการเขยี น
ของท้ังสองหัวข้อมีรายละเอียดแตกตา่ งกัน ดงั น้ี

- สาระ / เนอื้ หา จะเขียนรายละเอียดของเนื้อหาท่เี ราจะสอนเฉพาะในคาบเรยี นน้ัน
- สาระสำคัญ จะเขยี นโดยประกอบดว้ ยหลกั การสำคัญ 3 หลกั การคือ

1. ศึกษาอะไร เปน็ รายละเอยี ดหวั ข้อเรอ่ื งท่ีต้องการสอนในคาบเรียนนัน้ ๆ
2. โดยใช้กระบวนการจัดการเรยี นรูอ้ ะไร เป็นกระบวนการ ข้ันตอน กจิ กรรม หรอื เทคนิคที่
ใชส้ ำหรับการจัดการเรยี นการสอนเพ่ือให้เกิดการเรยี นรใู้ นคาบเรียนนัน้ ๆ
3. เพื่ออะไร เปน็ การเนน้ ย้ำถึงวัตถปุ ระสงค์การเรยี นร้ทู ตี่ ้องการให้ผเู้ รียนสามารถเรยี นรู้ได้
เมอ่ื ผ่านการเรียนการสอนในคาบเรียนนัน้ ๆ

หน้า |4
แนวทางการเขียนสาระสำคัญ
ศึกษา.....(.อ..ะ..ไ.ร..)..=..ห...ัว.ข..้อ..เ.ร..่อื ..ง.ใ..น..ร.า..ย..ว..ชิ .า..ท..สี่..อ..น../..พ..ฒั ...น..า...............................................................................
โดยใช้ ...(.ก..ร.ะ..บ..ว..น..ก..า..ร.อ..ะ..ไ.ร..บ..้า..ง.)..+....ก..ร.ะ..บ..ว..น..ก..า..ร.เ.ฉ..พ..า..ะ..ก..ล..ุ่ม..ส..า.ร..ะ..ก..า.ร..เ.ร.ยี..น...ร.ู้..................................................
เพอื่ ......(.ว..ัต..ถ..ปุ ..ร.ะ..ส..ง..ค..อ์ ..ะ.ไ..ร.)..ส..า..ม..า..ร.ถ..เ.ข..ีย..น..ไ.ด..้.2...แ..บ..บ..................................................................................
..................แ..บ..บ..ท..ี่.1...เ.ข..ีย..น..ใ.ห...ค้ ..ร.บ..ท...้ัง..3...ด..า้..น...ป..ร..ะ..ก.อ..บ...ด..ว้ .ย...1..)..ค..ว..า.ม..ร..คู้..ว..า.ม..เ.ข..า้..ใ.จ...2..)..ค..ว..า.ม..ส..า..ม..า.ร..ถ..ใ.น..ก..า..ร.ค..ดิ..แ..ล..ะ.................
..................................แ..ก..บ..า..รบ....ป..ท..ฏ..ี่ ..2ิบ....ตั..เ..ขิ....แยี ..ล..น..ะ..เ..ฉ..3..พ..)..า..ค..ะ..ุณค....ณุ..ล....กัล....ษกั....ษณ....ณ..ะ....อะ....ันอ....พัน....พึง..ป..งึ....ปร..ะ..ร..สะ....งส...ค.ง...์.ค....์เ..ท....า่ ..น......้นั ........................................................................................................................................................

3. กิจกรรมการเรยี นรู้

3.1 การเรียนการสอน

ในการเรียนการสอน สิ่งทคี่ รูตอ้ งคำนกึ ถึง ดังต่อไปน้ี

1) ครูอาจใช้รูปแบบการเรียนการสอน วิธีสอน และเทคนิคการสอนได้หลากหลาย แต่ให้

เหมาะสมกับเนื้อหา เหมาะสมกบั ความสามารถของผู้เรยี น รวมท้ังบริบทของแหล่งทจี่ ดั การเรียนการสอน

2) กิจกรรมเนน้ ตวั ชีว้ ดั อย่างนอ้ ย 4 ประการ คือ

2.1) การสรา้ งความรู้ใหม่ (Construction of the new knowledge)

2.2) การมีปฏสิ มั พนั ธ์ (Interaction)

2.3) กระบวนการเรยี นรู้ (Process of Learning)

2.4) การสรา้ งผลงาน / ชนิ้ งาน (Production)

3) กจิ กรรมท่เี น้นหลกั 3T ดังนี้

3.1) Task คือ การมอบหมายภาระงาน

3.2) Texts คอื การสืบค้นข้อมูลเชิงประจักษ์ (Evidence data)

3.3) Talk คอื การแลกเปล่ียนเรยี นรู้

3.2 สอื่ การเรียนรู้ / แหลง่ การเรียนรู้

1) วสั ดุ 4) แหลง่ เรยี นรตู้ ามธรรมชาติ

2) อปุ กรณ์ 5) แหล่งเรยี นรู้ท้องถน่ิ

3) เครือ่ งมือ 6) แหลง่ เรียนรบู้ นโลกออนไลน์

หน้า |5

4. การประเมินการเรียนรู้

การประเมินการเรียนรู้เน้นการรวบรวมข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากการเรียนรู้

ตามสภาพจริง ซึ่งมีคำถามสำคญั เพอ่ื ใชเ้ ปน็ หลักของการประเมินการเรียนรู้ ดังน้ี

1) ประเมินอะไร (K P A) การประเมินดงั กลา่ วต้องสอดคล้อง
2) ประเมนิ ดว้ ยเครอ่ื งมืออะไร กับวัตถุประสงคก์ ารเรียนรู้ท่ี
3) ประเมินโดยใคร
4) ประเมนิ เมอ่ื ไหร่ สอดคล้องกับตัวช้ีวัดทไี่ ด้กำหนดไว้

ตาราง การประเมินการเรยี นรู้ตามสภาพจรงิ

ประเมินอะไร ประเมินอย่างไร ใครประเมิน ประเมิน ประเมิน
เวลาใด ทไ่ี หน
เคร่อื งมือ วิธีประเมิน

K

• ความรู้ แบบทดสอบ สอบ กอ่ นเรียน โรงเรยี น
• ความเข้าใจ แบบสมั ภาษณ์ สมั ภาษณ์ ครู
• มโนทัศน์ แบบสังเกต สังเกต
ระหวา่ งเรยี น

P

• ทกั ษะการคดิ (วิเคราะห์ แบบวดั วัด ครู หลังเรยี น บา้ น
สังเคราะห์ ส่ือวาร) แบบสังเกต สังเกต เพ่อื นนกั เรียน แหล่ง
• ทักษะการทำงานกลุม่ แบบประเมนิ ประเมนิ นกั เรยี นเอง
• การปฏบิ ตั กิ ารทดลอง แบบสงั เกต สังเกต ผ้ปู กครอง
• ทกั ษะทางสังคม แบบสมั ภาษณ์ สมั ภาษณ์ ผทู้ เี่ ก่ยี วขอ้ ง
• ทกั ษะการปฏิบัติ แบบประเมนิ ตนเอง ประเมนิ

A แบบประเมนิ โดยใช้ ประเมนิ นอกเวลา ต่างๆ ท่ี
เรยี น เก่ียวข้อง
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ เกณฑแ์ บบมติ ิ

และเจตคติ คณุ ภาพ (rubrics

scoring)

ตวั อยา่ ง การประเมนิ ในเร่อื งต่อไปนี้
1) ประเมินความรู้ (K) ดว้ ยแบบสอบ หรอื สัมภาษณ์
2) ประเมินการคดิ วเิ คราะห์ (P) ดว้ ยแบบวัดความสามารถในการคดิ เชิงวเิ คราะห์
3) ประเมนิ การปฏบิ ัติ (P) ด้วยแบบสงั เกตการปฏิบัติ
4) ประเมนิ ความต้ังใจ (A) ด้วยแบบสงั เกตพฤติกรรม

หน้า |6

5. สื่อการเรยี นรู้ (Instructional Media/Resources)
สื่อการเรียนรู้ หมายถึง ตัวกลางที่ใช้ในการถ่ายทอดหรือนำความรู้ในลักษณะต่างๆ จากครู (ผู้ส่งสาร)

ไปยังนักเรียน (ผู้รับสาร) ให้เข้าใจความหมายได้ตรงกัน ซึ่งสื่อการเรียนรู้ที่พบบ่อในห้องเรียนประเทศไทย มี
ดังนี้

5.1 ใบกิจกรรม (Work sheet/Activity sheet) หมายถึง เอกสารที่แสดงรายละเอียดขั้นตอนการ
ปฏบิ ตั ิงานตงั้ แต่เริ่มตน้ จนถงึ ส้นิ สุดการทำงานหรอื ทำกจิ กรรม ซงึ่ มหี ลักในการสร้างใบกิจกรรม ดังนี้

5.1.1 ใช้หลกั อา่ น – คดิ – วเิ คราะห์ – เขยี น
5.1.2 ในใบกิจกรรมควรประกอบด้วย 1) คำถามก่อนทำกิจกรรม 2) บันทึกผลการทำกิจกรรม และ
3) คำถามหลงั การทำกิจกรรม
5.2 ใบทดลอง (Direction lab sheet) หมายถึง เอกสารที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์
รวมถงึ ขนั้ ตอนการทำกิจกรรมปฏิบัติการการทดลองโดยละเอียดต้งั แตเ่ ร่ิมตน้ จนถึงส้ินสดุ การทดลองอย่างเป็น
ลำดบั ขั้นตอน ซงึ่ ใบทดลองประกอบดว้ ย
5.2.1 วสั ดุอุปกรณ์
5.2.2 วิธีทำ/ขน้ั ตอนการทดลอง
5.2.3 คำถามกอ่ นทำกจิ กรรม
5.2.4 บนั ทึกผลการทำกจิ กรรม/ทดลอง
5.2.5 คำถามหลงั การทำกิจกรรม
5.2.6 สรุปผลการทำกจิ กรรม
5.3 ใบปฏิบัติงาน (Operation sheet) หมายถึง เอกสารที่ให้รายละเอียดในขั้นตอนหนึ่งของการ
ปฏิบัติงานอย่างชัดเจน นิยมใช้สำหรับอธิบายลำดับขั้นตอนการปฏิบัติงานย่อยที่แทรกอยู่ภายในใบงาน ใช้
หลกั การสร้างเดียวกันกับใบกิจกรรม
5.4 ใบงาน (Assignment sheet) หมายถึง เอกสารท่มี อบหมายให้ผู้เรียนปฏบิ ัติหรือค้นคว้าเพิ่มเติม
จากสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว หรือให้จัดเตรียมสำหรับการเรียนรู้ในครั้งต่อไป ในที่นี้สามารถเรียกการบ้านท่ี
มอบหมายให้นักเรยี นไปศกึ ษาเพมิ่ เติมได้วา่ ใบงาน
5.5 ใบความรู้ (Information sheet) หมายถึง เอกสารท่คี รูรวบรวม เรียบเรยี ง และจัดทำข้ึนเพื่อให้
ผู้เรยี นได้ศึกษาความร้ดู ้วยตนเอง มีลักษณะดงั นี้
5.5.1 เป็นสื่อการเรียนรู้ที่ครูสร้างขึ้น แจกให้นักเรียนระหว่างทำกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้
ด้วยตนเองแล้ว (ไม่ใช่สรปุ ความร)ู้
5.5.2 มีลักษณะตรงกับสาระ(เนื้อหา) หรือมโนทัศน์ที่ครูเตรียมมาในการสอน หรือสอดคล้องกับ
วตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั การเรียนการสอนคาบน้ัน ๆ เพือ่ ใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้ตรงกัน
5.5.3 ต้องใช้ภาษาทกี่ ระชับ อ่านเข้าใจง่าย (หา้ มคดั ลอกจากอินเตอร์เนต็ )
5.5.4 ควรใชภ้ าพประกอบความรูเ้ พอ่ื สรา้ งความสนใจให้กับผู้เรยี น

หน้า |7

3.6 บันทึกหลงั การสอน (Learning Log)
การเขียนบันทึกหลังการสอน เป็นการบันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผ่านการวิเคราะห์
ผู้เรียน วิธีการจัดการเรียน และผลที่ได้ในการจัดการเรียนรู้ในแตล่ ะครั้ง เพื่อเน้นการจัดการเรียนรู้ตามสภาพ
จริง เน้นการลงมือปฏิบัติ (Learning by Doing, LbD) ควบคู่กบั การเรียนรู้เป็นทีม (Team Learning, TL) ซ่ึง
สามารถตรวจสอบได้โดยการประเมินตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment)

บนั ทกึ หลังสอน

1. ผลการเรยี นรู้

1.1. ด้านความรแู้ ละความเข้าใจ (K) ผลการเรยี นรู้ของนักเรียน
1.2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) ในด้านตา่ งๆ เป็นอยา่ งไร
1.3. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์และเจตคติ (A)

2. จดุ เด่นและจุดออ่ นของนกั เรียน

2.1. จุดเดน่ (strength) บอกปรมิ าณนักเรียนจำนวนร้อยละท่ีแสดงถึงความสามารถด้านตา่ งๆ ท่ีปรากฏ

ระหว่างเรียน อันเป็นจุดเด่นที่ควรส่งเสริมหรือสนับสนุน หรือพัฒนาศักยภาพมากยิ่งขึ้น เช่น

นักเรยี นจำนวนรอ้ ยละ 35 สามารถตั้งคำถามในระดบั ความคิดขน้ั สงู ได้

2.2. จดุ ดอ้ ย (weakness) บอกปริมาณนักเรียนท่ีพบปัญหาท้ังในด้านความรู้ (K) ทกั ษะกระบวนการ (P)

และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) เช่น นักเรียนบางส่วนยังไม่เข้าใจความหมายของการตั้งคำถาม

(K) นักเรียนส่วนน้อยสามารถตั้งคำถามขั้นสูงได้ (P) นักเรียนบ้างส่วนไม่ต้องใจเรียนและไม่ให้ความ

ร่วมมอื ในการทำกิจกรรม (A)

3. แนวทางการเสรมิ สร้าง

3.1. แนวทางการเสรมิ สร้างจุดเดน่ เปน็ การระบุว่าจะใช้นวัตกรรมการเรยี นรอู้ ะไรไปเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพ

ทำอยา่ งไรให้ความสามารถของนักเรยี นที่เก่ง/เดน่ น้นั เก่งหรือเด่นมากยิ่งขึ้น

3.2. แนวทางการแก้ปญั หาจดุ อ่อน เปน็ การระบุว่าจะใช้นวตั กรรมการเรยี นรูอ้ ะไรหรอื วิธีการมดในการ

แกไ้ ขปัญหาจุดออ่ นของนกั เรียน เช่น วธิ สี อน เทคนิคการสอน สือ่ โปรแกรม ชดุ กจิ กรรม และชดุ ฝกึ

(เรียงลำดบั ความคณุ ภาพของนวัตกรรม)

4. ช่ืองานวจิ ัยปฏบิ ัติการในชัน้ เรยี น

4.1. งานวจิ ยั เสรมิ สรา้ งจุดเด่น เช่น การเสรมิ สรา้ งความสามารถในการนำเสนอของนักเรยี น ม.4/1 โดย

ใชเ้ ทคนิคผงั กราฟิก

4.2. งานวิจัยแก้ไขจุดอ่อน เชน่ การใช้วิธีการเรียนการสอนแบบสบื สอบร่วมกับการจดั การเรียนการสอน

แบบร่วมมอื เพ่ือเสรมิ สรา้ งความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรยี น ม.4/1

หน้า |8

ตาราง รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบ 5E และบทบาทของผ้สู อน

ขน้ั ตอนของการเรยี นการสอน บทบาทครูผสู้ อน

สอดคลอ้ งกับ 5E ไม่สอดคล้องกบั 5E

ขนั้ สรา้ งความสนใจ • สร้างความสนใจ • อธบิ ายความคิดรวบยอด
(engagement) • สร้างความอยากรู้อยากเหน็ • ใหค้ ำจำกัดความและคำตอบ

• ตง้ั คำถามกระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นคดิ • สรุปประเด็นให้

• ดึงเอาคำตอบทย่ี งั ไม่ครอบคลุมส่งิ • จัดคำตอบให้เป็นหมวดหมู่

ทผี่ เู้ รียนรู้ หรอื ความคดิ เกย่ี วกบั • บรรยาย

ความคิดรวบยอด หรือเน้อื หาสาระ

ขนั้ สำรวจตรวจสอบขอ้ มูล • ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นทำงานร่วมกัน • เตรียมคำตอบไวใ้ ห้
(exploration) โดยไม่มผี ้สู อนนำทาง • บอกหรืออธิบายวิธีการแก้ปัญหา

• สังเกตและฟงั การโต้ตอบกัน • จัดคำตอบให้เปน็ หมวดหมู่
ระหว่างผเู้ รยี นกบั ผู้เรยี น • บอกผเู้ รียนเม่อื ผเู้ รียนทำไมถ่ กู
• ให้ข้อมูลหรอื ขอ้ เท็จจริงท่ีใชใ้ นการ
• ซกั ถามเพอ่ื นำไปส่กู ารสำรวจ แกป้ ญั หา
ตรวจสอบของผเู้ รยี น • นำผูเ้ รยี นแก้ปญั หาทลี ะขัน้ ตอน

• ให้เวลาผเู้ รียนในการคดิ ขอ้ สงสัย
ตลอดจนปญั หาตา่ งๆ

• ทำหน้าที่ใหค้ ำปรกึ ษาแก่ผเู้ รียน

ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป • ส่งเสริมให้ผเู้ รียนอธิบายความคดิ • ยอมรับคำอธบิ ายโดยไมม่ ีหลักฐาน
(explanation) รวบยอดหรือมโนทศั นด์ ้วยคำพดู ของ หรือให้เหตผุ ลประกอบ

ผูเ้ รยี น • ไมส่ นใจคำอธบิ ายของผเู้ รยี น

• ใหผ้ เู้ รียนแสดงหลักฐาน ใหเ้ หตผุ ล • แนะนำผู้เรียนโดยปราศจากการ

และอธบิ ายให้กระจ่าง เชือ่ มโยงความคดิ ความคิดรวบยอด

• ให้ผเู้ รียนอธิบาย ใหค้ ำจำกดั ความ หรอื ทักษะ

และชส้ี ่วนประกอบต่างๆ ในแผนภาพ

• ใหผ้ เู้ รยี นใช้ประสบการณ์เดมิ ของ

ตนเป็นพน้ื ฐานในการอธิบายความคดิ

รวบยอดหรือแนวคดิ

หน้า |9

ตาราง รูปแบบการจดั การเรียนการสอนแบบ 5E และบทบาทของผู้สอน

ขน้ั ตอนของการเรียนการสอน บทบาทครูผูส้ อน

สอดคล้องกบั 5E ไม่สอดคลอ้ งกบั 5E

ขั้นขยายความรู้ • คาดหวังให้ผู้เรียนได้ใช้ประโยชน์ • ใหค้ ำตอบทชี่ ัดเจน
(elaboration)) จากการชบ้ี อกส่วนประกอบตา่ งๆ ใน • บอกผู้เรียนเม่ือผเู้ รียนทำไมถ่ ูก
แผนภาพ คำจำกดั ความ และการ • ใช้เวลามากในการบรรยาย
อธิบายสิ่งท่ีไดเ้ รียนรมู้ าแล้ว • นำผเู้ รยี นแกป้ ญั หาทลี ะข้นั ตอน
• อธบิ ายวิธกี ารแก้ปญั หา
• สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นนำสิ่งทีผ่ ู้เรยี นได้
เรยี นรไู้ ปประยุกตใ์ ช้หรอื ขยายความรู้

และทักษะในสถานการณ์ใหม่

• ใหผ้ เู้ รียนอา้ งองิ ข้อมูลท่ีมีอยู่พรอ้ ม

ทง้ั แสดงหลกั ฐาน และถามคำถาม

ผเู้ รยี นว่าเรยี นรอู้ ะไรบ้าง หรือได้

แนวคิดอะไรบ้าง (ท่ีจะนำกลวิธีจาก

การสำรวจตรวจสอบครง้ั นไี้ ป

ประยุกตใ์ ช)้

ขั้นประเมินผล • สังเกตผเู้ รยี นในการนำความคดิ • ทดสอบคำนยิ ามศพั ทแ์ ละ
(evaluation) รวบยอดและทกั ษะใหมไ่ ปประยกุ ต์ใช้ ข้อเท็จจริง

• ประเมนิ ความรแู้ ละทกั ษะของ • ใหแ้ นวคิดรวบยอมใหม่
ผ้เู รยี น
• ทำใหค้ ลุมเครอื
• หาหลกั ฐานทีแ่ สดงว่าผู้เรยี นได้
เปล่ียนความคิดหรือพฤติกรรม • สง่ เสริมการอภปิ รายท่ำไม่
เชือ่ มโยงความคดิ รวบยอดหรอื ทกั ษะ
• ให้ผู้เรียนประเมนิ ตนเองเกย่ี วกับ
การเรยี นรู้และทักษะกระบวนการ
กลมุ่ ถามคำถามปลายเปดิ เชน่ ทำไม
ผูเ้ รยี นจงึ คดิ เช่นน้ัน มหี ลกั ฐานอะไร
ผู้เรยี นเรยี นรอู้ ะไรเกย่ี วกับสงิ่ นน้ั และ
จะอธิบายส่งิ นัน้ อย่างไร

ตาราง เปรียบเทียบรปู แบบและแนวการสอนทีน่ ิยมใช้ในประเทศไทย

3P 3P(3S+I)

1 ข้ันนำ 1. ขน้ั นำ E1 : Enga
1. ทบทว
ทบทวนความรูเ้ ดิมเพื่อนำเข้าสู่ กระตุ้นผเู้ รยี นใหเ้ กิดความสงสัย หรอื ตั้งคำถามจาก 2. กระต

เน้ือหา สง่ิ เร้าที่กำหนด เพือ่ ทบทวนความรเู้ ดมิ ก่อนทีจ่ ะเรยี นรู้ E2 : Explo
ผ้เู รียนท
สงิ่ ใหม่
เช่น การทด
2 ขั้นสอน 2. ข้ันสอน มาวิเคราะห
E3 : Expla
2.1 presentation – ครูบอก/ 2.1 ขน้ั ทำกจิ กรรมสรา้ งความรู้ (construct the
3.1 ผเู้ รยี
บรรยาย/อธบิ าย โดยใช้สอ่ื การสอน new knowledge) เป็นขนั้ ทมี่ ีการออกแบบการเก็บ ดว้ ยตนเอง

ประกอบ ขอ้ มลู หรือทดลองเพอื่ ทดสอบสมมตฐิ าน การวเิ คราะห์ 3.2 ครนู
เข้าใจความ
2.2 practice – ให้ทำแบบฝึกหดั ขอ้ มูล การสอ่ื ความหมายข้อมลู แปลความหมาย และ
E4 : Elabo
หลังอธิบาย สรปุ ผล ซ่ึงเปน็ ข้นั สร้างความรู้ด้วยตนเองของผูเ้ รียน ผเู้ รยี นน

2.3 production - ใหน้ ักเรยี นทำ 2.2 ขนั้ ทำแบบฝกึ หดั (practice) เปน็ ขัน้ ตอบ ทำแบบฝกึ ห
*หมายเหต
ชิน้ งาน/ภาระงานเปน็ การนำความรูไ้ ป คำถาม หรือทำแบบฝกึ หัดหลังนักเรียนสร้างความรู้ การขยายห
Mind Map
ใช้ ด้วยตนเองแลว้ เพอื่ ใหไ้ ดค้ วามรทู้ ่ีคงทน
E5 : Evalu
2.3 ขน้ั นำความรไู้ ปใช้ (using knowledge) เป็น 5.1 ผู้เรยี

ขั้นนำความรทู้ ่ไี ด้เรียนไปใช้ในสถานการณใ์ หม่ เปน็ ข้ัน GOs เพอ่ื ส
5.2 ครูป
สรา้ งผลงาน (product) จากการนำความร้ไู ปใช้
กำหนดไว้
3. ขั้นสรปุ 3. ขนั้ สรุป

ครูนำสรปุ ความรู้ ครนู ำสรุปความรูท้ ไ่ี ด้เรียนร้ใู หส้ อดคลอ้ งตาม

วตั ถุประสงค์ ผสู้ อนอาจสรปุ ความรู้ด้วยกลอน เพลง

หรอื โดยใช้สื่อประกอบการสรุปความร้ไู ด้ ท้ังนี้ครู

สามารถทิง้ ประเด็นเพื่อให้ผ้เู รยี นไปศึกษาความรู้

เพ่มิ เตมิ ได้

ตารางเปรียบเทยี บรูปแบบการสอนและแนวทางการสอน การจดั การเรียน

ห น ้ า | 10

5E CO-5STEPs

agement (ขนั้ กระตุน้ ความสนใจ) 1. ระบุคำถาม
วนความรเู้ ดมิ ผ่านการใช้คำถาม 1. ครูกระตุน้ สง่ิ เรา้ ให้ผู้เรยี นเกิดความสนใจ
ตุน้ ให้ผเู้ รยี นอยากรสู้ ง่ิ ใหม่ 2. ต้ังคำถามสำคญั สำหรับผเู้ รยี น
3. ผเู้ รยี นทบทวนความรูเ้ ดมิ ผ่านการตอบคำถาม
oration (ขน้ั สำรวจตรวจสอบข้อมลู )
ทำกิจกรรมการเรียนรเู้ พอื่ สร้างความรูด้ ว้ ยตนเอง 2. แสวงหาคำตอบ (Gang of 4)
ดลอง การประดิษฐ์ เป็นต้น เพ่ือรวบรวมขอ้ มลู 2.1 ปฏิบตั ิกจิ กรรมสรา้ งความรู้
ห์ และสรา้ งคำอธบิ ายเก่ยี วกบั ความรดู้ ว้ ยตนเอง 2.2 วเิ คราะหผ์ ลการทำกจิ กรรม (ร่องรอยสร้างความร้)ู
anation (ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป) 2.3 นำเสนอผลการทำกจิ กรรม
ยนแสดงหลกั ฐาน คำอธิบาย เหตผุ ล ท่สี ร้างข้ึน
ง (อาทจผา่ นการนำเสนอ) 3. อภปิ รายและสร้างความรู้
นำสรุปความรโู้ ดยใชส้ ่ือการเรยี นร้เู พอ่ื ใหผ้ ้เู รียน 3.1 ครนู ำอภิปรายผลการนำเสนอ (ความรู้ทีเ่ ด็กเข้าใจ)
มรทู้ ่ีถกู ตอ้ งตรงกัน 3.2 ครสู รุปความรู้ (ความร้ทู ถ่ี กู ต้อง/ความรู้ท่ีควรรู)้
3.3 ทำแบบฝึกหัดเพม่ิ เติม (แล้วแต่กจิ กรรม)
oration (ข้ันขยายความรู้)
นำความร้ทู ีเ่ รยี นไปใชใ้ นสถานการณ์ใหม่ ทง้ั การ 4. สอื่ สารและสะทอ้ นคดิ
หัด การสรา้ งส่งิ ประดิษฐ์ ( 4.1 สะท้อนสงิ่ ท่ีไดเ้ รียนรู้
ต*ุ การทำ Mind Map เป็นการสรปุ ความรู้ ไม่ใช่ - เรียนรูอ้ ะไร - รู้สกึ อย่างไร
หรอื การนำความรูไ้ ปใช้ จึงไมค่ วรให้ผเู้ รียนทำ - สงสัย/อยากรเู้ รื่องใดเพมิ่ เตมิ
p เปน็ การบา้ นเพอ่ื ขยายความรู้ - จะนำความรไู้ ปใชอ้ ยา่ งไรในชวี ิต

uation (ขัน้ ประเมนิ การเรียนรู้) 5. ประยุกต์และตอบแทนสงั คม
ยนประเมินตนเองผ่านการทำ learning log หรอื 5.1 นำความรูไ้ ปใชห้ รือประยกุ ต์ความรไู้ ปใช้ใน
สรปุ ความรู้
ประเมินผู้เรียนตามวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้ทู ี่ สถานการณใ์ หม่
5.2 สรา้ งผลงาน หรือภาระงาน เพ่ือบรกิ ารสังคม
5.3 สรปุ ความรแู้ บบขมวดปมให้จับใจ

นรูว้ ิทยาศาสตร์ อาจารยเ์ ฉลมิ วฒุ ิ ศภุ สขุ

ตาราง เปรียบเทียบรปู แบบและแนวการสอนทนี่ ยิ มใชใ้ นประเทศไทย

3P 5E Scientifi

1 ขัน้ นำ E1 : Engagement (ข้นั กระตุน้ ความสนใจ) 1. Questioning
- ระบุคำถามกระตนุ้ ค
ทบทวนความรูเ้ ดมิ 1. ทบทวนความรู้เดิมผา่ นการใชค้ ำถาม
2. Hypothesis
เพ่อื นำเขา้ สู่เน้ือหา 2. กระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นอยากรสู้ ง่ิ ใหม่ - ผู้เรยี นตอบคำถาม (

2 ขน้ั สอน E2 : Exploration (ขั้นสำรวจตรวจสอบข้อมลู ) 3. Experiment
2.1 ผเู้ รยี นทำกิจกรรมการเรยี นร้เู พ่อื สร้างความร้ดู ว้ ยตนเอง - ผู้เรยี นเรยี นรผู้ ่านกา
ทดลอง โดยมีครเู ปน็ ผ
presentation – ครู เชน่ การทดลอง การประดษิ ฐ์ เปน็ ต้น เพ่อื รวบรวมข้อมูลมา เพื่อใหผ้ ู้เรยี นสรา้ งคว
บอก/บรรยาย/ วิเคราะห์ และสรา้ งคำอธบิ ายเกยี่ วกบั ความรูด้ ว้ ยตนเอง 4. Analysis
อธิบาย โดยใช้ส่ือ - ผู้เรยี นนำผลการทด
การสอนประกอบ E3 : Explanation (ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป) แปลผลการทำการทด
3.1 ผู้เรยี นแสดงหลักฐาน คำอธบิ าย เหตุผล ทีส่ ร้างขึ้นดว้ ย
2.2 practice – 5. Conclusion
ให้ทำแบบฝึกหัดหลงั ตนเอง (อาทจผา่ นการนำเสนอ) - ผู้เรยี นสรุปผลการท
อธิบาย 3.2 ครนู ำสรุปความรโู้ ดยใชส้ อ่ื การเรยี นรู้เพื่อให้ผู้เรียน - ครนู ำอภปิ รายผลกา
- ครูสรปุ ความรทู้ ่ีถกู ต
2.3 production เขา้ ใจความร้ทู ่ีถูกตอ้ งตรงกัน
- ให้นกั เรยี นทำ E4 : Elaboration (ข้ันขยายความรู้)
ช้ินงาน/ภาระงาน
เป็นการนำความรู้ไป ผเู้ รียนนำความรทู้ เี่ รยี นไปใชใ้ นสถานการณใ์ หม่ ท้ังการทำ
ใช้ แบบฝกึ หดั การสร้างส่ิงประดษิ ฐ์ (
*หมายเหตุ* การทำ Mind Map เปน็ การสรุปความรู้ ไม่ใช่
3. ขัน้ สรปุ การขยายหรอื การนำความร้ไู ปใช้ จึงไมค่ วรให้ผเู้ รียนทำ Mind
ครูนำสรปุ ความรู้ Map เปน็ การบา้ นเพื่อขยายความรู้
E5 : Evaluation (ขัน้ ประเมินการเรียนรู้)

5.1 ผู้เรยี นประเมนิ ตนเองผ่านการทำ learning log หรอื
GOs เพอ่ื สรุปความรู้

5.2 ครูประเมนิ ผเู้ รียนตามวัตถปุ ระสงคท์ ่กี ำหนดไว้

ตารางเปรยี บเทยี บรูปแบบการสอนและแนวทางการสอน การจดั การเรียน

ห น ้ า | 11

ic Method CIP-3P GPAS

ความสนใจผเู้ รยี น 1. ข้นั นำ 1. Gathering
1.1 ระบคุ ำถามสำคัญ (key 1.1 ตั้งคำถามสำคัญ
(ตั้งสมมตฐิ าน) 1.2 ทบทวนประสบการณ์เดมิ
question) 1.3 วางแผนเพอ่ื รวบรวมข้อมลู
ารทำกจิ กรรมการ 1.2 ทบทวนประสบการณ์เดมิ 1.4 รวบรวมข้อมลู
ผอู้ ำนวยความสะดวก
วามรู้ดว้ ยตนเอง (คาดคะเนคำตอบ) 2. Processing
2. ขั้นสอน 2.1 วเิ คราะหแ์ ละสือ่ ความหมายขอ้ มลู
ดลองมาวิเคราะห์ และ 2.2 นักเรียนสร้างคำอธบิ าย
ดลอง 2.1 วางแผนเพอื่ รวบรวมข้อมลู 2.3 เชอ่ื มโยงสคู่ ำอธบิ ายที่ถกู ต้อง
ทำงานเป็นกลุ่ม
3. Applying
2.2 รวบรวมขอ้ มลู 3T = tasks, 3.1 นำความร้ไู ปใช้ในสถานการณ์ใหม่
texts, talk = group co-operation
4. Self-Regulation
2.3 วเิ คราะห์ขอ้ มลู 4.1 กำกับตนเองในทกุ ขนั้ ตอน (รวู้ า่ คดิ
2.4 สรา้ งคำอธิบายด้วยตัวนกั เรยี น
เอง อะไร รวู้ ่าทำอะไร รู้จกั ขอ้ บกพรอ่ งของ
2.5 ครเู ชื่อมโยงส่คู ำอธิบายท่ีถกู ตอ้ ง ตนเองเพอ่ื แกไ้ ข)
2.6 ทำแบบฝกึ หดั
2.7 ประยุกตค์ วามรู้ไปใช้ใน
สถานการณใ์ หม่

ทดลอง 3. ขั้นสรปุ
ารทดลอง ครนู ำสรุปความรู้
ต้องใหเ้ ข้าใจตรงกนั

นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ อาจารยเ์ ฉลมิ วฒุ ิ ศภุ สขุ

ห น ้ า | 12

แผนการจดั การเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์
หน่วยการเรียนรทู้ ี่………..เรือ่ ง………………………………………………………

แผนที่ ………. เร่ือง ……………………………………………………………

รายวิชา ………………………. ระดับช่วงชน้ั …………………………..

ผูส้ อน …………………………… จำนวนช่ัวโมง (เวลา)……………..…

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตัวช้วี ัด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. วัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้/จุดประสงค์การเรยี นรู้ เม่ือนกั เรียนเรียนจบ สามารถ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

3. สาระสำคัญ (คำช้แี จง)
นักเรียนศกึ ษา ……………………………………………………………………………………………………………………….
โดยใหน้ กั เรียนเรยี นรู้ผา่ นกิจกรรม …………………………………………………………………………………………..
เพ่อื เสริมสรา้ งให้ผูเ้ รยี น ………………………………………………………………………………………………………….

4. สาระการเรยี นรกู้ ลาง (อ้างจากหนังสือตวั ชี้วัดกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตารางเปรียบเทียบรูปแบบการสอนและแนวทางการสอนการจดั การเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ อาจารยเ์ ฉลิมวฒุ ิ ศภุ สขุ

ห น ้ า | 13

5. สาระการเรียนรู้ (สาระ/ความรู)้ (อ้างอิงจากหนังสือ/แหล่งความรู้ตา่ ง ๆ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

6. สมรรถนะสำคญั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

8. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนำ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้นั กิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขั้นสรุป
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

9. สอื่ การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตารางเปรยี บเทียบรูปแบบการสอนและแนวทางการสอนการจดั การเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ อาจารยเ์ ฉลมิ วฒุ ิ ศภุ สขุ

ห น ้ า | 14

10. การจัดบรรยากาศห้องเรียนทางกายภาพ
10.1 การจดั โตะ๊ และตำแหน่งผ้เู รียน

10.2 การวางแผนการใชก้ ระดาน/จอโปรเจค็ เตอร์

11. การเตรยี มสร้างบรรยากาศทางจติ ใจ
11.1 การแตง่ กาย/บคุ ลิกภาพ
11.2 การเสรมิ แรงเชิงบวกและเชงิ ลบ
11.3 บรรยากาศระหวา่ งสอนทต่ี ้องการเน้น

12. ประเมินการเรียนรู้ เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
รายการประเมิน

ตารางเปรยี บเทียบรูปแบบการสอนและแนวทางการสอนการจดั การเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ อาจารยเ์ ฉลิมวฒุ ิ ศภุ สขุ

ห น ้ า | 15

13. บนั ทึกหลงั สอน
13.1ผลการจดั การเรียนการสอน

……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....

13.2ปัญหา/อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....

13.3แนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
14. ข้อเสนอแนะของอาจารยท์ ีป่ รึกษา/อาจารย์นิเทศ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....

ลงช่อื .......................................................................อาจารย์ท่ีปรกึ ษา/อาจารย์นิเทศ
(.......................................................................)
................./............................/.......................

15. ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….....

ลงช่ือ .......................................................................ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
(.......................................................................)
................./............................/.......................

16. ภาคผนวก
ตวั อยา่ งใบงาน ใบกิจกรรม ใบความรู้ ใบบนั ทึกคะแนน ฯลฯ

ตารางเปรยี บเทียบรูปแบบการสอนและแนวทางการสอนการจดั การเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ อาจารยเ์ ฉลิมวฒุ ิ ศภุ สขุ


Click to View FlipBook Version