2 คำนำ จากพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ทรงห่วงใยและทรงเห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าไม้ของจังหวัดน่านอย่างยั่งยืน จึงมีพระราชดำริให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันจัดทำ “โครงการรักษ์ป่าน่าน” โดยมุ่งเน้นการปลูกฝังจิตสำนึกและ ความรับผิดชอบให้แก่เด็กและเยาวชน และบูรณาการความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชนและชุมชน ท้องถิ่น ทั้งนี้ทรงเห็นว่าเด็กและเยาวชนเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยในการฟื้นฟูและรักษาความสมบูรณ์ของ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานของประเทศให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไปได้กอปรกับแผน ยุทธศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2564-2567 ได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้นำ การสร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อสร้างเสริมสังคมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านกลยุทธการสร้างผู้นำแห่ง อนาคต (Future Leaders) โดยให้นิสิตและบุคลากรร่วมลงมือทำกิจกรรมเพื่อการขับเคลื่อนสังคมอุดมปัญญาแห่ง อนาคต และกลยุทธการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยให้มีโครงการที่มุ่งเป้าและสร้างผลกระทบต่อ การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยกำหนดรูปแบบการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านผู้นำการพัฒนา จากการสร้างบัณฑิต ในศตวรรษที่ 21 และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกระดับของนิสิต บุคลากร และชุมชน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในจังหวัดน่านอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดย ในปีงบประมาณ 2565 และ 2566 ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค (ศคภ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินโครงการละอ่อนน่านเรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปีที่ 2 ร่วมกับโรงเรียนในเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดน่านจำนวน 4 แห่ง ใน 3 อำเภอ ได้แก่ โรงเรียนสา อำเภอเวียงสา, โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม อำเภอท่าวังผา, และโรงเรียนเชียงกลาง “ประชาพัฒนา” และโรงเรียนพระธาตุพิทยาคม อำเภอเชียงกลาง ในโครงการละอ่อนน่านฯ มีการใช้รายวิชา “การค้นคว้าอิสระ” หรือการทำโครงงานของนักเรียน เป็นแนวทางการสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ในพื้นที่ และมีการดำเนินการร่วมกับตัวแทนชุมชนเพื่อให้เกิดการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และรวบรวมข้อมูลทรัพยากรในชุมชน อันจะนำไปสู่การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสม ต่อไป เพื่อเป็นการคืนความรู้สู่ชุมชน แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างคณะทำงาน ฝึกประสบการณ์ ของนักเรียนในการนำเสนอผลงานทางวิทยาศาสตร์ และฝึกประสบการณ์ของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการ จัดกิจกรรมประชุมวิชาการและถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชน ทาง ศคภ. จึงได้จัดกิจกรรม เสวนาวิชาการ “รักษ์ป่าน่าน: ละอ่อนน่านเรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ครั้งที่ 2” ขึ้น การสัมมนาวิชาการนี้ ประกอบด้วยการบรรยาย ที่มาของโครงการละอ่อนน่านฯ การนำเสนอของนักเรียนจาก 4 โรงเรียน ประกอบด้วยผลงานของนักเรียนจำนวน 18 เรื่อง มีผู้ร่วมงานสัมมนาจากทางโรงเรียน ตัวแทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และตัวแทนชุมชน ประมาณ 260 คน ซึ่งทางคณะผู้จัดงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสัมมนาวิชาการในครั้งนี้จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนา ยั่งยืนต่อไป ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กิตนะ ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3 สารบญ ั หน้า คำนำ........................................................................................................................................................................2 บทความ: ละอ่อนน่านเรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปีที่ 2.......................................................................4 บทคัดย่อของนิสิตจุฬาฯ...........................................................................................................................................9 ความหลากหลายของสัตว์หน้าดินบริเวณป่าชุมชนในจังหวัดน่าน..............................................................................10 ปริมาณคาร์บอนสะสมในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้ยืนต้น บริเวณป่าชุมชนในจังหวัดน่าน................................11 การประเมินมูลค่าของการบริการทางระบบนิเวศป่าชุมชนในจังหวัดน่าน .................................................................12 เกมและสถานการณ์จำลองเพื่อการเรียนรู้เรื่องบริการทางระบบนิเวศ ของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและ สัตว์เลื้อยคลานในระบบนิเวศเกษตร จังหวัดน่าน...........................................................................................13 เกมและสถานการณ์จำลองเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับบริการของระบบนิเวศป่าชุมชน และการจัดการอย่างยั่งยืน...............14 เกมและสถานการณ์จำลองเพื่อการเรียนรู้เรื่องการปรับตัว ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระบบนิเวศเกษตร จังหวัดน่าน....................................................................................................................................................15 บทคัดย่อของนักเรียน.............................................................................................................................................16 โครงงานศึกษาการกักเก็บคาร์บอนในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านอ้อ......................................................................................17 โครงงานสำรวจนกในป่าบ้านน้ำอ้อและในโรงเรียนเชียงกลาง“ประชาพัฒนา”.........................................................18 โครงงานสำรวจสมุนไพรในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านอ้อ......................................................................................................19 โครงงานสำรวจเห็ดในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านอ้อ.............................................................................................................20 โครงงานจำแนกพรรณไม้ในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านน้ำอ้อ.................................................................................................21 การกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพของต้นไม้ ในป่าชุมชนบ้านอาฮาม ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ....22 ความหลากชนิดของสัตว์หน้าดินในป่าชุมชนบ้านอาฮาม ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน........................23 การศึกษาความหลากหลายของพรรณไม้ในบริเวณเขตป่าไม้ในชุมชนบ้านอาฮาม ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน....................................................................................................................................................24 การกำหนดพิกัด GPS ของพันธุ์ไม้ในป่าชุมชนบ้านอาฮาม ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน .....................25 การจำเเนกสมุนไพรเจ้ากรมเป๋อโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์.............................................................................................26 การกักเก็บคาร์บอนและแผนที่การกระจายของต้นไม้ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านขึ่ง ตำบลขึ่ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน.27 การจำเเนกเห็ดในป่าชุมชนโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์....................................................................................................28 โดมิโน่รักษ์ป่าน่าน ....................................................................................................................................................29 ของป่าที่พบในป่าชุมชนบ้านขึ่ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ......................................................................................30 สบู่สมุนไพรจากขมิ้น.................................................................................................................................................31 โปสเตอร์................................................................................................................................................................32 แผนที่การกระจายของต้นไม้ในป่าชุมชน จังหวัดน่าน ...............................................................................................33 การประเมินมูลค่าของการบริการทางระบบนิเวศป่าชุมชนในจังหวัดน่าน .................................................................34 ความหลากหลายของสัตว์หน้าดินบริเวณป่าชุมชนในจังหวัดน่าน..............................................................................35
4 บทความ ละอ่อนน่านเรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปีที่ 2
5 ละอ่อนน่านเรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปีท ี่2 พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา1 , ชัชวาล ใจซื่อกุล1 และนพดล กิตนะ1, 2 1 ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ.พญาไท กรุงเทพฯ 10330 2 ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ.พญาไท กรุงเทพฯ 10330 1. บทนำ นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 - ปัจจุบัน (ปีงบประมาณ 2564 และ 2565) ภาควิชาชีววิทยา และศูนย์ เครือข่ายฯ ได้มีการนำบทเรียนจากกิจกรรมต่าง ๆ ข้างต้นมาต่อยอดผนวกเข้ากับแนวคิด “การศึกษาเพื่อการพัฒนา อย่างยั่งยืน (Education for Sustainable Development)” ขององค์การสหประชาชาติซึ่งให้ความสำคัญกับ การศึกษา อันจะนำไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนในมิติอื่น ๆ ทำให้เกิดเป็นโครงการ “ละอ่อนน่านเรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การ พัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยดำเนินโครงการร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดน่านจำนวน 4 แห่ง ใน 3 อำเภอ ได้แก่ โรงเรียน สา อ.เวียงสา, โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม อ.ท่าวังผา, และโรงเรียนเชียงกลาง “ประชาพัฒนา” และโรงเรียนพระธาตุ พิทยาคม อ.เชียงกลาง ภายใต้โครงการละอ่อนน่านฯ นี้ได้มีดำเนินการโดยใช้แนวคิดการทำงานร่วมกันระหว่าง หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาลตำบล) ชุมชนท้องถิ่น ภาคการศึกษาในพื้นที่ (ครู) เยาวชน (นักเรียนในโรงเรียน) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อาจารย์และนิสิตจากคณะ วิทยาศาสตร์) มีการใช้รายวิชา “การค้นคว้าอิสระ” หรือการทำโครงงานของนักเรียนเป็นแนวทางการสร้างกิจกรรมการ เรียนรู้ในพื้นที่ ซึ่งในการดำเนินการปีที่ 1 มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 337 คน จำแนกเป็น ครู 39 คน นักเรียน 337 คน ตลอดจนชาวบ้านและตัวแทน อปท. 47 คน จากผลการดำเนินการในปีที่ 1 พบว่าคณะครู อปท. ชุมชน และนักเรียน เห็นว่าโครงการนี้มีประโยชน์ควรมี การสนับสนุนให้ดำเนินการต่อไป จึงนำมาสู่การดำเนินการในปีที่ 2 โดยยังคงแนวคิด “การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่าง ยั่งยืน (Education for Sustainable Development)” ขององค์การสหประชาชาติซึ่งให้ความสำคัญกับการศึกษา อัน จะนำไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนในมิติอื่น ๆ และได้มีการนำแผนยุทธศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2564-2567 มาประกอบการออกแบบกิจกรรมด้วย โดยเปิดโอกาสให้นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้ามามีส่วนร่วม ผ่านกล ยุทธการสร้างผู้นำแห่งอนาคต (Future Leaders) และกลยุทธการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยให้มี โครงการที่มุ่งเป้าและสร้างผลกระทบต่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน สำหรับโครงการละอ่อนน่านฯ ปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยืน และการศึกษาระบบนิเวศป่าไม้ ให้เยาวชน ระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดน่าน 2. สร้างแปลงถาวรในพื้นที่ป่าใกล้โรงเรียน สำหรับเป็นพื้นที่เรียนรู้ ร่วมกับชุมชน 3. ฝึกเยาวชนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดน่านให้สามารถทำโครงงานการค้นคว้าอิสระและนำเสนอ ผลงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์หรือใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ 4. สร้างเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในจังหวัดน่าน 5. ฝึกทักษะการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ และกิจกรรมเพื่อชุมชนของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
6 2. กระบวนการและกิจกรรมในโครงการ สำหรับโครงการละอ่อนน่านฯ ปีที่ 2 นี้ มีกระบวนการดำเนินการโดยภาพรวมเช่นเดียวกันกับปีที่ 1 แต่มีการ ผสมผสานกิจกรรมแบบออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยการสอนเยาวชนให้มีความรู้เกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความสำคัญของระบบนิเวศป่าไม้กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน วิธีการศึกษาระบบนิเวศป่าไม้โดยการใช้ระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์ในการเก็บข้อมูลพันธุ์ไม้ และการวางแปลงถาวร จากนั้นจะเป็นการนำความรู้ไปใช้จริงผ่านการสร้างพื้นที่ เรียนรู้และพื้นที่อนุรักษ์ระบบนิเวศป่าไม้ร่วมกับชุมชน โดยการสร้างแปลงถาวรในพื้นที่ป่าชุมชนใกล้ ๆ โรงเรียน หรือ พื้นที่สีเขียวอื่น ๆ และบูรณาการการเรียนรู้ร่วมกับรายวิชาการค้นคว้าอิสระ (Independent Study: IS) ของทาง โรงเรียน ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบ Problem-based learning ที่สามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเยาวชนในศตวรรษที่ 21 ได้เป็นอย่างดี ซึ่งกระบวนการดำเนินการนี้ จะเป็นการสนับสนุนการดำเนินการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในด้าน การส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในจังหวัดน่าน ผ่านทางการสร้างเครือข่ายความร่วมมือขององค์กรในชุมชน (ครู นักเรียน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ชุมชน และจุฬาฯ) การสร้างกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนองพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในการพัฒนาเยาวชนของจังหวัดน่าน สำหรับกิจกรรมที่ได้ดำเนินการในโครงการละอ่อนน่านฯ ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้ 1) กิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่นักเรียนและครูผู้รับผิดชอบ การจัดอบรมดำเนินการโดยคณาจารย์และนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนี้ ครั้งที่ 1: จัดอบรมเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความสำคัญของระบบนิเวศป่าไม้ แนะนำการใช้งาน โปรแกรม GPS Essentials และ Google Earth Pro ในการทำฐานข้อมูลทรัพยากรพันธุ์ไม้ โดยจัดอบรมตามโรงเรียน แต่ละโรงเรียน (ภาพที่ 1) นอกจากนี้มีการเน้นการประยุกต์ใช้ “1-page proposal” หรือการเขียนเอกสารร่าง โครงงานวิทยาศาสตร์ในหน้าเดียว เพื่อให้นักเรียนได้มองเห็นภาพรวมของทั้งงาน ก่อนลงมือปฏิบัติจริง ครั้งที่ 2: จัดอบรมเกี่ยวกับการติดตามศึกษาระบบนิเวศป่าไม้และการสร้างแปลงถาวร จากนั้นลงมือสร้าง แปลงถาวรในพื้นที่ป่าร่วมกับตัวแทน อปท. และตัวแทนชุมชน (ภาพที่ 2) โดยจัดอบรมตามโรงเรียนแต่ละโรงเรียน สำหรับพื้นที่ดำเนินการวางแปลงถาวรในชุมชนประกอบด้วย - โรงเรียนท่าวังพิทยาคม : พื้นที่ป่าบ้านอาฮาม เทศบาลตำบลเชียงกลาง มีการวางแปลงเพิ่มเติมจาก ปีที่ผ่านมา จำนวน 3 แปลง แปลงละ 1 ไร่ ทางทิศตะวันตกของพื้นที่ป่าบ้านอาฮาม ทำให้ชุมชนมี ข้อมูลเกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชุมชนที่มีละเอียดมากยิ่งขึ้น - โรงเรียนเชียงกลาง “ประชาพัฒนา” : พื้นที่ป่าบ้านน้ำอ้อ องค์การบริหารส่วนตำบลเปือ มีการวาง แปลงเพิ่มเติมจากปีที่ผ่านมา จำนวน 3 แปลง แปลงละ 1 ไร่ โดยเปลี่ยนหมู่บ้าน เพื่อขยายผล ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและชุมชน ประกอบกับสถานที่วางแปลงเดิมมีความลาดชัน จึงมีการ พิจารณาปรับเปลี่ยนพื้นที่ - โรงเรียนพระธาตุพิทยาคม : พื้นที่ป่าบ้านเด่นธารา องค์การบริหารส่วนตำบลพระธาตุ (ไม่ได้วาง แปลงถาวรเพิ่มเติม แต่มีการซ่อมแซมและเก็บข้อมูลเพิ่มเติม) - โรงเรียนสา : พื้นที่ป่าบ้านขึ่ง เทศบาลตำบลขึ่ง (ไม่ได้วางแปลงถาวรเพิ่มเติม แต่มีการซ่อมแซม และเก็บข้อมูลเพิ่มเติม) ครั้งที่ 3: จัดอบรมการวางแปลงถาวรเพิ่มเติมและเก็บข้อมูลในพื้นที่แปลงถาวร โดยจัดอบรมตามโรงเรียน และร่วมวางแปลงถาวรในพื้นที่ที่ได้เลือกไว้ ครั้งที่ 4: จัดอบรมการวิเคราะห์ข้อมูลการค้นคว้าอิสระของนักเรียน โดยจัดอบรมผ่านโปรแกรม Zoom ร่วมกับนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7 2) การทำโครงงานการค้นคว้าอิสระของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ เมื่อนักเรียนได้ผ่านมีการอบรมต่าง ๆ แล้ว ได้มีการเลือกหัวข้อในการศึกษา และทำการเก็บข้อมูลตามวิธีการที่ กำหนด จากนั้นทำการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลการศึกษาในโรงเรียน 3) การทำโครงงานการค้นคว้าอิสระของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการดำเนินการปีที่ 2 นี้ ทางภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ได้มีการนำนิสิตมาร่วมทำกิจกรรม และมี การทำโครงงานภายใต้โครงการการเรียนการสอนเพื่อเสริมประสบการณ์ (รายวิชา Senior Project) จำนวน 6 โครงการ (ดังรายละเอียดในบทคัดย่อส่วนของนิสิตจุฬาฯ) 4) กิจกรรมนำเสนอโครงงาน เมื่อนักเรียนดำเนินการเสร็จสิ้น ทางโครงการละอ่อนน่านฯ ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนนำเสนอผลงานผ่านการ เสวนาวิชาการ เพื่อเสริมประสบการณ์ทางวิชาการของนักเรียนและนิสต และเป็นการคืนความรู้สู่ชุมชนอีกทางหนึ่ง โดย การประชุมได้มีการเชิญตัวแทน อปท. และชุมชนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งก็คือกิจกรรมสัมมนาวิชาการในครั้งนี้ สำหรับ ผลการศึกษาของนักเรียนได้มีการนำเสนอในรูปแบบบทคัดย่อในเอกสารนี้ ภาพที่ 1 บรรยากาศการอบรมการใช้โปรแกรม GPS Essentials และ Google Earth Pro
8 ภาพที่ 2 บรรยากาศการทำงานภาคสนามในพื้นที่ต่าง ๆ
9 บทคัดย่อของนิสิตจุฬาฯ
10 ความหลากหลายของสัตว์หน้าดินบริเวณป่าชุมชนในจังหวัดน่าน Diversity of soil fauna in community forests in Nan province ศตายุ ปานจินดา อาจารย์ที่ปรึกษา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มารุต เฟื่องอาวรณ์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ สัตว์หน้าดินเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยบริเวณหน้าดินหรือในดินซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เช่น ทำหน้าที่เป็นผู้บริโภค เพิ่มการหมุนเวียนอากาศและสสารในดิน อย่างไรก็ตามการศึกษาสัตว์หน้าดินส่วน ใหญ่เป็นการศึกษาในพื้นที่ที่ป่าธรรมชาติ ขณะที่การศึกษาบริเวณป่าชุมชนยังมีการศึกษาน้อย ทำให้ขาด ข้อมูลประกอบการจัดการป่าชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งผู้คนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้เกี่ยวกับสัตว์หน้า ดิน ดังนั้น การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหลากหลายของสัตว์หน้าดินบริเวณป่าชุมชนใน จังหวัดน่านและสร้างสื่อสำหรับเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสัตว์หน้าดินให้กับชาวบ้าน นักเรียน และครูในพื้นที่ ศึกษา การศึกษาทำในป่าชุมชน 4 แห่ง (ป่าชุมชนบ้านขึ่ง บ้านเด่นธารา บ้านน้ำอ้อ และบ้านอาฮาม) โดย วางแปลงขนาด 40 เมตร x 40 เมตร จำนวน 3 แปลง ในป่าแต่ละแห่ง จากนั้นแบ่งแปลงออกเป็น 4 แปลง ย่อย แต่ละแปลงย่อยสุ่มเก็บตัวอย่างดินในพื้นที่ กว้าง 20 x 20 เซนติเมตร2 ลึก 5 เซนติเมตร นำดินที่ได้มา สกัดด้วย Tullgren funnels ระบุอันดับโดยใช้รูปวิธานและนับจำนวนภายใต้กล้องจุลทรรศน์แบบสเตอริโอ จากนั้นวิเคราะห์ค่าดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพบางประการและจำแนกสัตว์หน้าดินตามลักษณะการ กินอาหาร (feeding guild) ผลการศึกษาพบสัตว์หน้าดินรวม 25 อันดับ 1,614 ตัว โดยอันดับ Oribatida มี ค่าดัชนีความสำคัญมากที่สุด (15.07) และเมื่อพิจารณาในด้านดัชนีความคล้ายคลึงพบว่าป่าชุมชนบ้านเด่น ธาราและป่าชุมชนบ้านอาฮามมีความคล้ายคลึงมากที่สุด (0.87) เมื่อจำแนกสัตว์หน้าดินตามลักษณะการกิน อาหาร พบว่ามี 8 กลุ่ม โดยมีกลุ่มเด่น ได้แก่ ผู้ย่อยสลาย และผู้ย่อยสลายอินทรียวัตถุ (ค่าดัชนีความสำคัญ เท่ากับ 19.69 และ 18.90 ตามลำดับ) ทั้งนี้ความหลากหลายของสัตว์หน้าดินที่แตกต่างกันอาจเกิดจากชนิด พืชในป่า สำหรับผลการสร้างสื่อ ผู้วิจัยได้เลือกสัตว์หน้าดินจำนวน 25 อันดับ จัดทำเป็นรูปวิธานและ โปสเตอร์ขนาด A0 และส่งมอบให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จากการศึกษาข้างต้นสรุปได้ว่า ป่าชุมชนทั้ง 4 แห่ง มี ความหลากหลายที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งนี้ควรมีการศึกษาและเก็บข้อมูลเพิ่มเติม โดยประสานงานกับโรงเรียน โดยใช้สื่อ ซึ่งจะเป็นการสร้างความตระหนักให้เกิดจิตสำนึกในการจัดการป่าอย่างยั่งยืน คำสำคัญ: การจัดการป่าชุมชน, ความหลากหลายทางชีวภาพ, รูปวิธาน, ลักษณะการกินอาหาร, สัตว์หน้าดิน
11 ปริมาณคาร์บอนสะสมในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้ยืนต้น บริเวณป่าชุมชนในจังหวัดน่าน Aboveground carbon storage of trees in community forests in Nan province สุธินี อ่อนอ่วม อาจารย์ที่ปรึกษา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ ป่าชุมชนช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ การดูแลป่าชุมชนจำเป็นต้องใช้งบประมาณซึ่งมักขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่อย่างไรก็ดี ประเทศไทยได้มี การจัดทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ซึ่งสามารถนำปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากโครงการ มาขายในตลาดคาร์บอน ซึ่งป่าชุมชนสามารถนำไปจัดทำเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจได้ สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ่านการขายคาร์บอน และนำเงินไปจัดการป่าชุมชนได้ต่อไป แต่ทั้งนี้ก่อนจะ ขายคาร์บอนได้ ทางชุมชนต้องมีข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนจากต้นไม้ในพื้นที่ป่าชุมชน และควรมีแผนที่การ กระจายของพันธุ์ไม้และหมายเลขต้นไม้เพื่อสะดวกต่อการติดตามการเปลี่ยนแปลงปริมาณคาร์บอนสะสมใน ระยะยาว ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณคาร์บอนสะสมในมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน ลักษณะบางประการของโครงสร้างสังคมพืชและจัดทำแผนที่การกระจายของพันธุ์ไม้ของป่าชุมชน 4 แห่ง (บ้านขึ่ง บ้านเด่นธารา บ้านน้ำอ้อ และบ้านอาฮาม) ในจังหวัดน่าน เพื่อนำข้อมูลให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ต่อไป การศึกษาทำโดยการวางแปลงถาวรขนาด 40 เมตร x 40 เมตร พื้นที่ละ 3 แปลง ทำการวัดขนาดเส้นรอบวง ระดับอก (1.3 เมตรเหนือพื้นดิน) วัดความสูง ติดหมายเลข ระบุชนิดต้นไม้ บันทึกค่าพิกัดของต้นไม้และแปลง ถาวร จากนั้นคำนวณมวลชีวภาพเหนือพื้นดินโดยใช้สมการแอลโลเมตรี แล้วหาค่าปริมาณคาร์บอนสะสม วิเคราะห์ลักษณะบางประการของโครงสร้างสังคมพืช และจัดทำแผนที่การกระจายของพันธุ์ไม้ ผลการศึกษา พบว่าป่าชุมชนบ้านเด่นธารามีปริมาณคาร์บอนสะสมมากที่สุด (61.37 ตันคาร์บอน/เฮกตาร์) ถัดมาเป็นป่า ชุมชนบ้านอาฮาม บ้านขึ่ง และบ้านน้ำอ้อ มีค่าเท่ากับ 56.81, 35.71 และ 26.01 ตันคาร์บอน/เฮกตาร์ ตามลำดับ เมื่อพิจารณาโครงสร้างป่า พบว่า ป่าชุมชนบ้านอาฮามและบ้านเด่นธารา เริ่มเป็นป่าที่เจริญเติบโต เต็มที่ เนื่องจากมีต้นไม้ขนาดกลาง (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่ระดับอก 25-45 เซนติเมตร) ปริมาณมาก จึงทำ ให้มีแนวโน้มกักเก็บคาร์บอนได้น้อยลง ขณะที่ป่าชุมชนบ้านน้ำอ้อและบ้านขึ่ง มีแนวโน้มกักเก็บคาร์บอนได้ เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีต้นไม้ขนาดเล็กที่ยังสามารถเติบโตได้อยู่ในปริมาณมาก ในส่วนของการจัดทำแผนที่กระจาย ของต้นไม้ ผู้วิจัยได้จัดทำแผนที่ฯ ในโปรแกรม Google Earth Pro ทำให้ทราบถึงการกระจายของต้นไม้แต่ละ ชนิดในป่าชุมชน ซึ่งผลการศึกษาครั้งนี้จะนำส่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ ประกอบการวางแผนการจัดการป่าชุมชนและจัดทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจต่อไป คำสำคัญ: การกักเก็บคาร์บอน, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, โครงสร้างสังคมพืช, แผนที่การกระจาย, สมการแอลโลเมตรี
12 การประเมินมูลค่าของการบริการทางระบบนิเวศป่าชุมชนในจังหวัดน่าน Valuation of community forest ecosystem services at Nan Province ชยณัฐ จันคำ อาจารย์ที่ปรึกษา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม: อาจารย์ ดร.ว่าที่ร้อยตรี ภาณุพงศ์ ธรรมโชติ จรูญโรจน์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ ระบบนิเวศป่าไม้มีคุณค่าทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่มนุษย์ เรียกว่า การบริการทางระบบนิเวศ (ecosystem services) แต่ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ในส่วนของจังหวัดน่านมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อสูญเสีย พื้นที่ป่าไม้ไปย่อมทำให้ประโยชน์ที่มนุษย์ได้รับจากป่าลดลงอย่างไรก็ตาม ประโยชน์และผลกระทบต่าง ๆ อาจสื่อสารกับคนในพื้นที่ได้ยาก ทำให้ต้องมีการประเมินมูลค่าออกมาเป็นตัวเงินเพื่อง่ายต่อความเข้าใจ ของคนในพื้นที่ ประกอบกับการศึกษาเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าของการบริการทางระบบนิเวศของป่า ชุมชนยังมีน้อย ดังนั้น การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินมูลค่าการบริการทางระบบนิเวศของป่า ชุมชน 3 แห่ง (บ้านขึ่ง บ้านเด่นธารา และบ้านน้ำอ้อ) ในจังหวัดน่านและสร้างสื่อสำหรับเผยแพร่ เพื่อนำ ข้อมูลที่ได้ให้ชุมชนได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป การศึกษาทำโดยการรวบรวมข้อมูลแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1) การศึกษาภาคสนาม โดยใช้การวางแปลงขนาด พื้นที่ละ 3 แปลง ทำการวัดขนาดเส้นรอบวงและความสูง ของไม้ยืนต้น เก็บใบไม้ในพื้นที่ และเก็บตัวอย่างดิน และ 2) การสัมภาษณ์ชาวบ้านที่ใช้ประโยชน์จากป่า ชุมชน โดยการรวบรวมข้อมูลการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เนื้อไม้ประเภทต่าง ๆ จากนั้นนำข้อมูล ที่ได้มาวิเคราะห์และประเมินมูลค่าตามหลักการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ ผลการศึกษาพบว่าป่า ชุมชนบ้านเด่นธารามีมูลค่ามากที่สุด 1,691,697 บาทต่อไร่ ถัดมาเป็นป่าชุมชนบ้านขึ่ง และบ้านน้ำอ้อ มี มูลค่า 571,944 และ 535,520 บาทต่อไร่ ตามลำดับ เมื่อพิจารณาจากการเข้าไปใช้ประโยชน์ผลิตภัณฑ์ที่ ไม่ใช่เนื้อไม้จากป่าชุมชนพบว่า ป่าชุมชนบ้านขึ่ง มีการใช้ประโยชน์จากป่ามากที่สุดโดยมีจำนวนชนิดของ ผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 139 ประเภท รองลงมาเป็นบ้านเด่นธารา และบ้านน้ำอ้อ มี 89 และ 83 ประเภท ตามลำดับ ในส่วนของผลการสร้างสื่ออยู่ระหว่างการออกแบบและจัดทำ เมื่อเสร็จสิ้นจะส่งต่อให้ผู้มีส่วน เกี่ยวข้อง ผลการศึกษานี้สามารถนำส่งต่อให้ชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นไปประยุกต์ใช้ในการออกนโยบาย หรือสร้างรายได้เพิ่มเติมแก่ชุมชนต่อไป คำสำคัญ: การบริการทางระบบนิเวศ, การประเมินมูลค่า, ป่าชุมชน, มูลค่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อไม้, มูลค่า ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เนื้อไม้
13 เกมและสถานการณ์จำลองเพื่อการเรียนรู้เรื่องบริการทางระบบนิเวศ ของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและสัตว์เลื้อยคลานในระบบนิเวศเกษตร จังหวัดน่าน Gaming and simulation for learning on ecosystem services from amphibians and reptiles in agroecosystem in Nan province พัทธมน ยนตร์ศักดิ์สกุล อาจารย์ที่ปรึกษา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม: อาจารย์ ดร.ว่าที่ร้อยตรี ภาณุพงศ์ ธรรมโชติ จรูญโรจน์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและสัตว์เลื้อยคลานให้บริการทางระบบนิเวศหลากหลายด้านแก่มนุษย์ และมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศ แต่กิจกรรมทางการเกษตรของมนุษย์ส่งผลให้เกิดการสูญเสียความ หลากหลายทางชีวภาพในสัตว์กลุ่มนี้ ผู้คนในสังคมยังขาดความรู้ความเข้าใจ รวมถึงขาดเครื่องมือสำหรับ การสื่อสารความรู้ด้านนิเวศวิทยาและการอนุรักษ์สัตว์กลุ่มนี้อีกด้วย ดังนั้น การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างและทดสอบประสิทธิภาพของเกมและสถานการณ์จำลองเพื่อการเรียนรู้บริการทางระบบนิเวศ ของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและสัตว์เลื้อยคลานในระบบนิเวศเกษตรในจังหวัดน่าน การสร้างเกมและ สถานการณ์จำลองเริ่มต้นด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ สร้างแบบจำลองทางความคิด จากนั้นจัดทำเกม ทำการทดสอบและปรับปรุง จากนั้นจึงนำมาใช้งานจริงในพื้นที่ศึกษา เกมและสถานการณ์จำลองที่สร้าง เป็นเกมในรูปแบบเกมเศรษฐี ประกอบด้วยการ์ดสัตว์เลื้อยคลาน 14 ชนิด การ์ดสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 8 ชนิด กระดานเล่นเกม แผ่นภาพที่อยู่อาศัย การ์ดคำถามและเหตุการณ์ ลูกเต๋า และแบบทดสอบความรู้ ก่อนและหลังเล่นเกม จากการทดสอบประสิทธิภาพของเกมกับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจาก 4 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมจำนวน 95 คน พบว่านักเรียนรู้จักชนิดและบริการทางระบบนิเวศจาก สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและสัตว์เลื้อยคลานมากขึ้น และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เล่นและผู้นำ เกมในเรื่องบริการทางระบบนิเวศโดยเฉพาะบริการด้านวัฒนธรรม โดยคะแนนแบบทดสอบก่อนและหลัง เล่นเกมของนักเรียนมีค่าเฉลี่ย 3.84±1.93 และ 9.96±2.44 ตามลำดับ ซึ่งคะแนนหลังเล่นเกมเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Wilcoxon, p<0.05) จากผลการศึกษาสรุปได้ว่าเกมและสถานการณ์จำลองนี้ มีประสิทธิภาพในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบริการของระบบนิเวศ ผลกระทบจากมนุษย์ต่อสัตว์ กลุ่มนี้ และวิธีการอนุรักษ์ต่าง ๆ ให้แก่นักเรียนระดับมัธยมปลาย ทั้งนี้ ควรมีการใช้เกมกับผู้มีส่วน เกี่ยวข้องกลุ่มอื่น ๆ เช่น นักท่องเที่ยว โดยลดหรือเพิ่มจำนวนและชนิดการ์ดตามแต่วัตถุประสงค์การใช้ งาน ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการอนุรักษ์สัตว์กลุ่มนี้ในวงกว้างต่อไป คำสำคัญ: การแลกเปลี่ยนเรียนรู้, การสื่อสารวิทยาศาสตร์, การอนุรักษ์, ความหลากหลายทางชีวภาพ, แบบจำลอง
14 เกมและสถานการณ์จำลองเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับบริการของระบบนิเวศป่าชุมชน และการจัดการอย่างยั่งยืน Gaming and simulation for learning on community forest ecosystem services and sustainable management วิศรุจน์ โรจน์ฤทธิไกร อาจารย์ที่ปรึกษา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม: อาจารย์ ดร.ว่าที่ร้อยตรี ภาณุพงศ์ ธรรมโชติ จรูญโรจน์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ ป่าชุมชนเป็นระบบนิเวศป่าไม้ที่ให้บริการของระบบนิเวศ (ecosystem services) หลายด้าน แต่ ปัจจุบันป่าชุมชนหลายแห่งเสื่อมโทรมลงจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (climate change) และการใช้ประโยชน์ที่มากเกินไป (over-harvesting) ในขณะที่การดูแลป่าชุมชนมักเป็นหน้าที่ของ ผู้สูงอายุในชุมชนทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะขาดการส่งต่อภูมิปัญญาด้านการอนุรักษ์ให้แก่เยาวชน ซึ่งเยาวชนใน ปัจจุบันมักขาดโอกาสในการเข้าไปในป่าชุมชน จึงทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของบริการของระบบ นิเวศและการจัดการป่าชุมชนอย่างยั่งยืน ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเกมและสถานการณ์ จำลองเพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับบริการทางระบบนิเวศป่าชุมชนและการจัดการอย่างยั่งยืน และทดสอบ ประสิทธิภาพของเกมที่สร้างขึ้นร่วมกับเยาวชนในจังหวัดน่าน การศึกษาทำโดยวิเคราะห์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สร้าง แผนภาพแบบจำลองทางความคิด จำแนกวิธีการจัดการป่าชุมชนอย่างยั่งยืน เลือกบริการของระบบนิเวศของ ป่าชุมชนที่สำคัญ จากนั้นทำการสร้างแบบจำลองในรูปของเกมและสถานการณ์จำลอง โดยแบ่งผู้เล่นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คนที่มีบทบาทเป็นชาวบ้าน นักเรียน คุณครู และนายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้เล่นแต่ละกลุ่ม มีเป้าหมายร่วมกันในการจัดการป่าชุมชนให้ยั่งยืนและต้องทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จภายในรอบหรือเวลาที่ กำหนด ผู้วิจัยได้การสร้างแบบทดสอบก่อนและหลังเล่นเกมเพื่อใช้ประเมินประสิทธิภาพของเกม และได้นำเกม นี้นำไปทดสอบกับนักเรียนชั้นมัธยม 4 โรงเรียน ในจังหวัดน่าน รวม 90 คน ผลการศึกษาพบว่าผู้เล่น 62% สามารถทำภารกิจสำเร็จทั้ง 4 บทบาท ส่วนที่เหลือไม่สามารถทำสำเร็จได้ทันเวลาซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ อย่างไรก็ดีพบว่าคะแนนเฉลี่ยของแบบทดสอบหลังเล่นเกมเท่ากับ 9.97±2.32 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 12 คะแนน) ซึ่งมากขึ้นกว่าคะแนนก่อนเล่นเกมซึ่งมีค่า 3.70±1.97 คะแนนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) ใน ส่วนของการทำแบบประเมินความพึงพอใจพบว่าผู้เล่นมีระดับความพึงพอใจมากที่สุด (4.56±0.78 คะแนน) อีกทั้งผู้เล่นยังได้มีโอกาสการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ผ่านเกมและได้ฝึกการวางแผนในการ จัดการป่าชุมชนร่วมกันอีกด้วย จึงสามารถสรุปได้ว่าแบบจำลองนี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการแลกเรียน เรียนรู้เกี่ยวกับบริการของระบบนิเวศและการจัดการป่าชุมชนอย่างยั่งยืน คำสำคัญ: การพัฒนาอย่างยั่งยืน, น่าน, บริการของระบบนิเวศ, แบบจำลอง, ระบบนิเวศป่าไม้
15 เกมและสถานการณ์จำลองเพื่อการเรียนรู้เรื่องการปรับตัว ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระบบนิเวศเกษตร จังหวัดน่าน Gaming and simulation for learning on climate change adaptation in agroecosystem, Nan province โรจนัสถ์ ระเริงทรัพย์ อาจารย์ที่ปรึกษา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม: อาจารย์ ดร.ว่าที่ร้อยตรี ภาณุพงศ์ ธรรมโชติ จรูญโรจน์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทคัดย่อ ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนับว่าเป็นภัยคุกคามที่มีความรุนแรงอย่างมากและส่งผล กระทบในระยะยาว โดยภาคการเกษตรกรรมนั้นถือว่าได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มากที่สุด ในทางกลับกันกิจกรรมจากภาคเกษตรกรรมนั้นก็เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแ ปลงสภาพ ภูมิอากาศขึ้นเช่นกัน ทําให้เกษตรกรจําเป็นที่จะต้องปรับตัว ทั้งนี้ เครื่องมือที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มี ความสําคัญอย่างมาก โดยเกมและสถานการณ์จําลองเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถนํามาใช้ในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้และเข้าใจความซับซ้อนของระบบมากยิ่งขึ้นได้ อย่างไรก็ตามเกมและสถานการณ์จําลองที่ใช้ในการ เรียนรู้การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระบบนิเวศเกษตรยังมีไม่มากนักเนื่องจากบริบทของ พื้นที่ที่แตกต่างกัน งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและประเมินประสิทธิภาพของเกมและสถานการณ์ จําลองเพื่อการเรียนรู้เรื่องการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระบบนิเวศเกษตร โดยเลือก จังหวัดน่านเป็นพื้นที่ศึกษา การสร้างแบบจําลองในรูปแบบเกมและสถานการณ์จําลองทําตามกระบวนการสร้าง แบบจําลอง ซึ่งประกอบด้วย การกําหนดปัญหาและวัตถุประสงค์ การสร้างแบบจําลองทางความคิดและ รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การสร้างแบบจําลอง และได้สร้างแบบทดสอบก่อนและหลังใช้แบบจําลองเพื่อ ประเมินประสิทธิภาพ ทั้งนี้ มีการกําหนดสถานการณ์จําลองในแต่ละรอบ ได้แก่ ฝนตกหนัก ภัยแล้ง ไฟป่า และ แมลงและวัชพืชระบาด และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเลือกกิจกรรมปรับตัวต่าง ๆ ระหว่างเล่นเกม ผู้วิจัยจัดกิจกรรม กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา จาก 4 โรงเรียน และชาวบ้านจากตําบลพระธาตุ จํานวนทั้งหมด 98 คน โดยจัด ทั้งหมด 5 เซสชั่น ผลการศึกษาพบว่าผู้ใช้แบบจําลองมีคะแนนความรู้หลังเล่นเกม เท่ากับ 13.18±3.90 คะแนน ซึ่งสูงกว่าคะแนนความรู้ก่อนเล่นเกม เท่ากับ คะแนน 5.09±3.42 อย่างมีนัยสําคัญทางสถิตที่ระดับความเชื่อมั่น 95%และปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ เพศและอาชีพ ไม่มีผลต่อคะแนนความรู้ก่อนและหลังใช้แบบจําลองอย่างมี นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% สรุปได้ว่าเกมและสถานการณ์จําลองนี้มีประสิทธิภาพสามารถ นําไปใช้เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระบบนิเวศเกษตรได้ นอกจากนี้ควรมีการนําแบบจําลองนี้ไปขยายผลกับเพื่อเป็นสื่อการสอนให้กับโรงเรียนอื่น ๆ เพิ่มเติม และขยาย ผลกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวของเกษตรกรเพื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศในอนาคต คำสำคัญ: ก๊าซเรือนกระจก, เกษตรกรรม, ซีเรียสเกม, แบบจําลอง, แบบจําลองเพื่อนคู่คิด
16 บทคัดย่อของนักเรียน
17 โครงงานศึกษาการกักเก็บคาร์บอนในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านอ้อ กฤติธี ตันกุละ มนัญชัย ศิลปศาสตร์ วิชากร แผลงศาสตรา พงศักดิ์ ยะปวง ชินกฤต มางิ้วว ณัฐธินี นิลคง ธนพร สิงห์ธนะ อารียา บุญเทพ วราภรณ์ พิมพ์สวรรค์ สาวิตรี เกี้ยงแสนเมือง คุณครูที่ปรึกษา: มลฤดี เตชะตา ดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง“ประชาพัฒนา” บทคัดย่อ กระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช โครงการนี้ศึกษาป่าปกปักพันธุกรรมพืช บ้านน้ำอ้อ ซึ่งเป็นป่า ปกปักในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดําริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี (อพ.สธ.) พื้นที่ปกปักทรัพยากรท้องถิ่น (บ้านน้ำอ้อ หมู่ที่ 3 ตำบลเปือ) สนองพระราชดําริ โดยองค์การบริหารส่วนตําบลเปือ โดยวางแปลงขนาด 40 x 40 ตารางเมตร จำนวน 3 แปลง รวม 4,800 ตารางเมตร เก็บข้อมูลชนิด ทำหมายถึง และวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้นที่ระดับความสูงเพียงอก เพื่อประเมินปริมาณคาร์บอนในต้นไม้ โดยแต่ละต้นโดยในแต่ละต้นที่นำมาประเมินต้องมีความยาวรอบต้น 14.5 เซนติเมตรขึ้นไป ที่ความสูง 1.30 เมตร การศึกษาพบไม้ยืนต้น 554 ต้น มีมวลชีวภาพเหนือพื้นดินรวม 96,920.52 กิโลกรัม และปริมาณคาร์บอนที่สะสมในมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน 48,460.26 ตันคาร์บอน คำสำคัญ: การกักเก็บคาร์บอน, ป่าชุมชน, ป่าปกปัก, มวลชีวภาพเหนือพื้นดินไม้ยืนต้น, ไม้ยืนต้น
18 โครงงานสำรวจนกในป่าบ้านน้ำอ้อและในโรงเรียนเชียงกลาง“ประชาพัฒนา” ปรวิศว์ สมศรี อิสระ สิงห์ธนะ ขวัญจิรา จักอะโน คัชชามาศ ทนันไชย ชนากานต์ เทใหม่ ธัญยธรณ์ เทพอินทร์ นันทิกาล เทพอินทร์ วิมลสิริ สิงห์ธนะ อังคณา มางิ้ว นกชรัตน์ เรืองโชติสกุล คุณครูที่ปรึกษา: มลฤดี เตชะตา โพธิบูรณ์ แก้วทอง โรงเรียนเชียงกลาง“ประชาพัฒนา” บทคัดย่อ โครงงานสำรวจนกในพื้นที่ป่าบริเวณเเหล่งเก็บน้ำบ้านน้ำอ้อ และบริเวณโรงเรียน เพื่อศึกษาชนิดนก แหล่งที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าบ้านน้ำอ้อและบริเวณในโรงเรียน และศึกษาความแตกต่างของนกในป่าและใน แหล่งชุมชน สภาพพื้นที่ในป่าบ้านน้ำอ้อโดยส่วนใหญ่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศจึงพบนกหลายชนิด ทั้งเป็นนกอาศัยประจำถิ่นและอพยพตามฤดูกาล ซึ่งนกเป็นตัวบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติได้ พื้นที่ ในโรงเรียนโดยส่วนใหญ่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศจึงพบนกเข้ามาอาศัยอยู่หลายชนิดทั้งที่เป็นนก ประจำถิ่น และนกอพยพ ในการสำรวจใช้กล้องส่องทางไกลแบบสองตา (Binoculars) คู่มือดูนก (Bird Guide) กล้องถ่ายรูป สำรวจช่วงบ่ายเพื่อสำรวจดูนก รวมทั้งฟังเสียงร้องของนก มองหานกตั้งแต่ระดับ พื้นดินจนถึงบนท้องฟ้า แล้วนำมาจำแนกโดยหนังสือคู่มือดูนกเมืองไทย จากการศึกษาพบว่านกในป่าบ้าน น้ำอ้อพบ 12 ชนิด เป็นนกประจำถิ่นทั้งหมด ได้แก่ นกกระจิบหญ้าสีข้างแดง, นกปรอทหัวสีเขม่า, นก แว่นตาขาวสีทอง, นกแซวสวรรค์, นกกางเขนดง, นกกระจิบหญ้าอกเทา, นกกระจิบธรรมดา, นกปรอดสวน, นกยาง, นกกะเต็นอกขาว, นกจับแมลงจุกดำ, นกนางแอ่นบ้าน, นกกะปูดเล็ก, นกไต่ไม้ท้องสีน้ำตาล, และ นกที่พบในโรงเรียนเชียงกลาง ได้แก่ นกเอี้ยงสาลิกา, นกพิราบ, นกปรอดหัวสีเขม่า และพบว่านกในป่ามี ความหลากหลายชนิดมากกว่าในโรงเรียน คำสำคัญ: ความหลากหลาย, นก, ป่าชุมชน, ป่าบ้านน้ำอ้อ, ไม้ยืนต้น, โรงเรียน
19 โครงงานสำรวจสมุนไพรในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านอ้อ พีรดล อมรพุฒิพงค์ ชัชฎานันทร์ พรมรักษา พนิดา ธิติมูล ธัญชนก ยศยิ่งทวี สุวิชญา มาลา ชยิสรา ชวาเขต ชยุตรา ชวาเขต นิชานันท์ สุโรพันธ์ คุณครูที่ปรึกษา: มลฤดี เตชะตา ดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง“ประชาพัฒนา” บทคัดย่อ โครงงานสำรวจสมุนไพรในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านอ้อ พบสมุนไพรในพื้นที่การศึกษา 3 ชนิด ได้แก่ ว่าน พระฉิม กล้วยหก และก่อพวง โดยคณะผู้วิจัยหวังที่จะนำผลการศึกษาไปเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อสร้าง ความตระหนักต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การอนุรักษ์ และคนในชุมชนสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องด้วยปัจจุบันคนไทยเริ่มหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้สมุนไพรที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น อีกทั้งด้านอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย พัฒนาศักยภาพของเกษตรกรเพื่อให้ยั่งยืนคู่สังคมไทย และสภาพแวดล้อม ไทย คำสำคัญ: การจำแนกชนิด, ป่าชุมชน, ภูมิปัญญาชาวบ้าน, สมุนไพร, สิ่งแวดล้อม
20 โครงงานสำรวจเห็ดในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านอ้อ ถนอมสิน ใจปิง รวิสุต ซอระสี พัชรีญา มูลฐี พัทธ์ธีรา ศักดาศรี ลลิณทิพย์ ต่อรบรัมย์ พัฒชรพล สุขอยู่ คุณครูที่ปรึกษา: มลฤดี เตชะตา ดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง“ประชาพัฒนา” บทคัดย่อ โครงงานการศึกษาและสำรวจเห็ดในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านน้ำอ้อ เพื่อศึกษาปริมาณและชนิดของเห็ดใน พื้นที่ทำการระบุตำแหน่งของเห็ดชนิดต่างๆที่จะเกิดขึ้น จากการศึกษาพบจากการสำรวจพบเห็ดที่ไม่มีพิษ ได้แก่ เห็ดแดง, เห็ดไข่ห่าน ส่วนเห็ดที่มีพิษ ได้แก่ เห็ดแป้ง เห็ดถ่าน เห็ดขอน เห็ดขอนพัด และมีจำนวน มาก โดยพื้นที่ศึกษามีชาวบ้านในชุมชนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์จากป่าชุมชน ตัวอย่างเช่น เก็บเห็ดเพื่อ นำมาประกอบอาหารในครัวเรือน และนำมาขายเพื่อสร้างรายได้ คำสำคัญ: ความหลากหลายทางชีวภาพ, ทรัพยากรธรรมชาติ, ป่าขุมชน, ระบบนิเวศ, เห็ด
21 โครงงานจำแนกพรรณไม้ในป่าอ่างเก็บน้ำบ้านน้ำอ้อ วรัชนก ยะปัญญา ณัฐธิดา ขอดเตชะ พาขวัญ กอกัน พัชรพร เขียนนา คุณครูที่ปรึกษา: มลฤดี เตชะตา ดาราลักษณ์ อินปา โรงเรียนเชียงกลาง“ประชาพัฒนา” บทคัดย่อ ศึกษาพรรณไม้ในป่าชุมชนบ้านน้ำอ้อที่เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจาก พระราชดําริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) พื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่น (บ้านน้ำอ้อ หมู่ที่ 3 ต.เปือ) สนองพระราชดําริโดยองค์การบริหารส่วนตําบลเปือ กำหนดพื้นที่ในการสำรวจ พรรณไม้ โดยตีตารางป่า และแบ่งออกเป็น 4 ส่วน โดยในแต่ละส่วนมีความกว้าง 40 x 40 ตารางเมตร จำนวน 3 แปลง รวมทั้งหมด 4,800 ตารางเมตร และทำหมายเลขต้นไม้ จากการสำรวจมีจำนวนไม้ยืนต้น ทั้งหมด 554 ต้น โดยไม้ยืนต้นที่พบมากที่สุด คือ ต้นเหมือด (Memecylon edule Roxb) วงศ์ Melastomataceae คำสำคัญ: ความหลากชนิดของพืช, จำแนกชนิด, น่าน, ป่าชุมชน, พรรณไม้, ไม้ยืนต้น
22 การกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพของต้นไม้ ในป่าชุมชนบ้านอาฮาม ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ชัชนานันทร์ วัชรชันย์ พิมพินันท์ ยศอินทร์ ธัญวรัตน์ สารใจ หิรัญยกุล ตันน้อย ชนากานต์ ต๊ะต๊ะ วรัญญารักษ์ เสารางทอย ชนาพร เนตรวีระ ธัญพิชชา บัวอิ่น ณัฐพงษ์ คำหน่อ สิรวัชร์ สิงโต คุณครูที่ปรึกษา: กาญจนา ธนะขว้าง ณีรวัลย์ ไชยวงค์ โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม บทคัดย่อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหลากชนิดและการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพของไม้ต้น ในป่าชุมชนบ้านอาฮาม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน มีลักษณะเป็นป่าเต็งรัง ขนาดพื้นที่ศึกษาประมาณ 600 ไร่ โดยวางแปลงตัวอย่างขนาด 40 x 40 เมตร จำนวน 3 แปลง ในการศึกษานี้ทำการสำรวจชนิด ขนาดเส้น ผ่านศูนย์กลางของลำต้นที่ระดับความสูงเพียงอก ตั้งแต่ 4.5 เซนติเมตรขึ้นไป และความสูงของไม้ยืนต้น จากนั้นคำนวณปริมาณมวลชีวภาพเหนือพื้นดินด้วยสมการแอลโลเมตรีและปริมาณคาร์บอนที่กักเก็บอยู่ใน มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน ผลการศึกษาพบว่า ป่าชุมชนบ้านอาฮาม มีปริมาณมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้ ยืนต้นรวม 34,637,580 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 57,729.3 กิโลกรัมต่อไร่ และมีปริมาณคาร์บอนที่กักเก็บอยู่ ในมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน 17,318,796 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 28,864.66 กิโลกรัมต่อไร่ ปริมาณคาร์บอนที่ กักเก็บในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินทั้งหมดเท่ากับ 28,864.66 กิโลกรัม หรือ 28.86 ตัน และปริมาณคาร์บอน เฉลี่ยต่อต้นเป็น 586.06 กิโลกรัม ในแปลงศึกษาที่ 1, 2 และ 3 มีมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้ยืนต้น เท่ากับ 18,627.88 18,845.21 และ 20,256.21 กิโลกรัม ตามลำดับ และมีปริมาณคาร์บอนที่กักเก็บในมวล ชีวภาพเหนือพื้นดินเท่ากับ 9,313.94 9,422.61 และ 10,128.11 กิโลกรัม ตามลำดับ โดยมวลชีวภาพและ ปริมาณการกักเก็บคาร์บอนสะสมอยู่ในส่วนของลำต้นมากที่สุด รองลงมาส่วนของกิ่ง และใบ เท่ากับ 45,448.47 10,359.71 และ 1,274.51 กิโลกรัม ตามลำดับ คำสำคัญ: การกักเก็บคาร์บอน, ความหลากชนิดของพืช, ป่าชุมชน, มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน, ไม้ยืนต้น
23 ความหลากชนิดของสัตว์หน้าดินในป่าชุมชนบ้านอาฮาม ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน กิตติพศ อุดตา ชิษณุพงค์ มังคละ ณัฐวุฒิ ขุนแหวน เหมราช วงศ์ละคร อนุวัฒน์ ต๊ะวิไชย คุณครูที่ปรึกษา: กาญจนา ธนะขว้าง ณีรวัลย์ ไชยวงค์ โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม บทคัดย่อ การศึกษาความหลากชนิดของสัตว์หน้าดินในป่าชุนชนบ้านอาฮามได้เก็บตัวอย่างสัตว์หน้าดิน จำนวน 4 แปลง ขนาดแปลงละ 40x40 ตารางเมตร โดยสุ่มพื้นที่การศึกษาขนาด 1x1 ตารางเมตร จำนวน 4 จุดศึกษาต่อแปลง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565.ถึงมีนาคม พ.ศ. 2566 ผลการศึกษาพบว่า สัตว์หน้า ดินในป่าชุมชนบ้านอาฮามพบ 11 ชนิด 57 ตัว โดยแปลงที่พบความหลากชนิดของสัตว์หน้าดินมากที่สุด คือ แปลงที่ 1 รองลงมา คือ แปลงที่ 3 และ 2 ตามลำดับ โดยแปลงที่ 1 พบ 7 ชนิด 12 ตัว แปลงที่ 2 พบ 5 ชนิด 11 ตัว และแปลงที่ 3 พบ 6 ชนิด 20 ตัว กลุ่มสัตว์หน้าดินที่พบมากที่สุด คือ ยุง ค่าเฉลี่ยของความถี่ ในการพบความหลากชนิดของสัตว์หน้าดิน มีค่าเท่ากับ 14.25 ดัชนีความหลากชนิดมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.71 นอกจากนี้ทำการศึกษาความหลากชนิดของสัตว์หน้าดินเพิ่มในแปลงเกษตรโดยพบ 6 ชนิด 14 ตัว จากทั้ง สองแปลงศึกษาพบว่ากลุ่มสัตว์หน้าดินที่่พบแค่ในแปลงเกษตร คือ พยาธิ สัตว์หน้าดินส่วนใหญ่มีความชุกชุม บริเวณดินที่มีอุดมสมบูรณ์ ในแหล่งดินที่มีความอุดมสมบูรณ์จะพบตัวอ่อนแมลงชนิดต่างๆ เช่น ตัวอ่อนของ ด้วง ส่วนดินที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำและปนเปื้อนสารเคมี จะพบสัตว์หน้าดินน้อย จึงนิยมใช้สัตว์หน้าดิน เป็นดัชนีบ่งบอกคุณภาพดิน คำสำคัญ: ความหลากชนิดสัตว์หน้าดิน, ความชุกชุม, ป่าชุมชน, แปลงเกษตร, สัตว์หน้าดิน
24 การศึกษาความหลากหลายของพรรณไม้ในบริเวณเขตป่าไม้ในชุมชนบ้านอาฮาม ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน กิตติพงศ์ จิตร์ตรง ภูมิภัทร ไชยคำ นายอรัญญู ท่วมอ้น จีราพัชร ฆ้องเดช ณัฏฐธิดา สุทธิแสน ณิชกานต์ สกุลชาญ คุณครูที่ปรึกษา: ณีรวัลย์ไชยวงค์ กาญจนา ธนะขว้าง โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม บทคัดย่อ การศึกษาพื้นที่ป่าชุมชนบ้านอาฮาม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ทำการสำรวจโดยใช้แปลงตัวอย่าง ชั่วคราว ขนาด 1 ไร่ (40 x 40 เมตร) จำนวน 3 แปลง ซึ่งวางแปลงย่อย ขนาด 10 X 10 เมตร รวมทั้งสิ้น 48 แปลงย่อย จากนั้นทำการสำรวจไม้ยืนต้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้นที่ระดับความสูงเพียงอก (Diameter at breast height: DBH) มากกว่า 4.5 เซนติเมตร และมีความสูงมากกว่า 1.30 เมตร โดยเก็บ ข้อมูลชนิด DBH และความสูงของไม้ยืนต้น ผลการศึกษาพบไม้ยืนต้น 147 ต้น จำแนกเป็น 22 วงศ์ 29 ชนิด และยังไม่สามารถจำแนกได้ 2 ต้น วงศ์ที่พบมากที่สุด ได้แก่ Dipterocarpaceae จำนวน 4 ชนิด 19 ต้น ได้แก่ เหียง พะยอม พลวง และรัง รองลงมา คือ วงศ์Fabaceae 2 ชนิด 13 ต้น ได้แก่ ประดู่และกระพี้ จั่น และพบมากอันดับที่ 3 คือ วงศ์ Malvaceae จำนวน 3 ต้น ได้แก่ต้นยาบ คำสำคัญ: ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้นที่ระดับความสูงเพียงอก, ความหลากชนิดของต้นไม้, น่าน, ป่าชุมชน, ไม้ยืนต้น
25 การกำหนดพิกัด GPS ของพันธุ์ไม้ในป่าชุมชนบ้านอาฮาม ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ณัฐกร ใจดี อาทิตย์ ต๊ะยศ กันต์กนิษฐ์ ปะระมะ ศิริลักษณ์ ม่วงจีน สิรินธร บัวอิ่น ปุณยาพร มหายศนันท์ คุณครูที่ปรึกษา: ณีรวัลย์ ไชยวงค์ กาญจนา ธนะขว้าง โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม บทคัดย่อ โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคมได้ร่วมเข้าโครงการละอ่อนน่าน เรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเลือกพื้นที่ป่าชุมชนบ้านอาฮามเป็นพื้นที่การศึกษา เพื่อศึกษาชนิดของพรรณไม้และระบุพิกัดของไม้ยืน ต้นในพื้นที่ศึกษา จากนั้นนำความรู้ที่ได้รับจากการศึกษานี้ไปใช้ผ่านการสร้างพื้นที่เรียนรู้และพื้นที่อนุรักษ์ ระบบนิเวศป่าไม้ร่วมกับชุมชน โดยการสร้างแปลงถาวรในพื้นที่ป่าชุมชนใกล้ ๆ โรงเรียน หรือพื้นที่สีเขียว อื่น ๆ และบูรณาการการเรียนรู้ร่วมกับรายวิชาการค้นคว้าอิสระ จากการศึกษาพบว่าพื้นที่ป่าชุมชน บ้านอา ฮาม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน สำรวจโดยใช้แปลงตัวอย่างขนาด 1 ไร่ (40 x 40 เมตร) จำนวน 3 แปลง ซึ่งวางแปลงย่อย ขนาด 10 X 10 เมตร รวมเป็นเก็บข้อมูลทั้งสิ้น 48 แปลงย่อย จากนั้นสำรวจไม้ยืนต้น (Tree) ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้นที่ระดับความสูงเพียงอกตั้งแต่ 14.1 เซนติเมตรขึ้นไป ที่ความ สูงประมาณ 1.30 เมตร โดยทำการเก็บข้อมูลชนิดของไม้ต้น ระบุพิกัด X,Y แล้วนำมาจัดทำบัญชีรายชื่อ ต้นไม้ และนำมาระบุพิกัด GPS ของไม้ยืนต้นในแปลงสำรวจ จากการศึกษาพบว่าจำนวนทั้งหมดมี 147 ต้น โดยแปลงที่ 1 มีไม้ยืนต้นจำนวน 60 ต้น แปลงที่ 2 มีไม้ยืนต้นจำนวน 34 ต้น และแปลงที่ 3 มีไม้ยืนต้น จำนวน 53 ต้น และไม่สามารถระบุชนิดได้จำนวน 2 ชนิด คำสำคัญ: ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้นที่ระดับความสูงเพียงอก, น่าน, ป่าชุมชน, พรรณไม้, ไม้ยืนต้น
26 การจำเเนกสมุนไพรเจ้ากรมเป๋อโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ รัชชานนท์ ปล้องชาลี กิตติภพ พลังฤทธิ์ คุณครูที่ปรึกษา: ธัญวัฒน์ กาบคำ จินต์ชัญญา อิทธิประเวศน์ ศูนย์หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ โรงเรียนสา บทคัดย่อ เนื่องด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ เสด็จไปเยี่ยมชมสมุนไพร ณ ร้านสมุนไพรเจ้ากรมเป๋อ เยาวราช และได้ทรงตรัสว่า “อยากขยายและ เพาะพันธุ์สมุนไพรตำรับเจ้ากรมเป๋อ” จึงทรงจัดตั้งโครงการปลูกและขยายพันธุ์พืชสมุนไพรเจ้ากรมเป๋อ ณ สถานีวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีไหล่น่าน ตำบลไหล่น่าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ร่วมกับ ศูนย์การ เรียนรู้และบริการวิชาการ เครือข่ายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยน่าน โดยได้ร่วมกันปลูกต้นกล้าสมุนไพร ตำรับเจ้ากรมเป๋อ และพืชท้องถิ่นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการคืนสมุนไพรและพืชท้องถิ่นสู่ป่า และเป็นแหล่ง รวบรวม อนุรักษ์พันธุกรรมสมุนไพรตำรับเจ้ากรมเป๋อ สมุนไพรท้องถิ่น นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่เรียนรู้เรื่อง เกี่ยวกับสมุนไพรเจ้ากรมเป๋อ และสมุนไพรท้องถิ่นของจังหวัดน่านต่อไป เมื่อทำการศึกษาแพลตฟอร์ม ปัญญาประดิษฐ์ CiRA CORE และนำมาประยุกต์ใช้ในการจำแนกสมุนไพรเจ้ากรมเป๋อให้เป็นฐานข้อมูล เริ่มต้น เเละนำไปพัฒนาในการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์กับการจัดเก็บชนิดและแยกประเภทสมุนไพรตำรับ เจ้ากรมเป๋อและพืชท้องถิ่นในพื้นที่ป่าชุมชนจังหวัดน่าน จากการศึกษาพบว่าสามารถสร้างระบบ ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจำแนกสมุนไพรตำรับเจ้ากรมเป๋อ โดยกำหนดให้ AI เรียนรู้ชนิดและลักษณะของ สมุนไพรแต่ละชนิด จากการจดจำรูปภาพของสมุนไพร นอกจากนี้ยังทำการเพิ่มข้อมูลและทำการ Deep Learning ทำให้สามารถแยกประเภทสมุนไพรได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น และระบบสามารถตรวจสอบสรรพคุณ ของสมุนไพรเบื้องต้นได้ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของผู้ศึกษา โดยผลจากการตรวจสอบสมุนไพรเจ้ากรมเป๋อ 9 ชนิด ได้เเก่ ไก่ให้ สังกรณี นมตำเลีย อ้อยช้าง ฉัตรพระอินทร์ ช้างน้าว ฝนแสนห่า เอื้องใหญ่ และ พญารากเดียว มีค่าประสิทธิภาพในการตรวจสอบอยู่ที่ 0.92, 0.80, 0.80, 0.80, 0.85, 1.00, 0.75, 0.92, 0.95 ตามลำดับ เเละมีค่า Accuracy อยู่ที่ 92.00%, 80.00%, 80.00%, 80.00%, 85.00%, 100.00%, 75.00%, 92.00%, 95.00% ตามลำดับ คำสำคัญ: การจำแนก, สมุนไพร, สรรพคุณ, CiRA CORE, Deep learning
27 การกักเก็บคาร์บอนและแผนที่การกระจายของต้นไม้ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านขึ่ง ตำบลขึ่ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน อภิวิชญ์ วงศ์ษารัฐ ชยพล ปันพุฒ ธีรภัทร ดอนแสง กัลยรัตน์ คงพรม ศศิธร วงค์กองแก้ว ธีระดา นันตา ศุภิสรา มหามิตร ลภัสรดา สุรินตา สุชานันท์ ศรีใจวงค์ คุณครูที่ปรึกษา: ธัญวัฒน์ กาบคำ โรงเรียนสา บทคัดย่อ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณคาร์บอนสะสมในไม้ยืนต้น บริเวณป่าชุมชน บ้านขึ่ง โดยทำการวางแปลงขนาด 40x40 เมตรจำนวน 3 แปลง ภายในพื้นที่ศึกษา และเก็บข้อมูลเส้นรอบวงระดับ อกของไม้ยืนต้นภายในแปลงพื้นที่ศึกษา แล้วจึงนำข้อมูลที่ได้มาคำนวณหาค่ามวลชีวภาพเหนือพื้นดินและ ทำการคำนวณปริมาณคาร์บอนสะสม โดยคิดจากร้อยละ 47 ของมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน ผลการศึกษา พบว่า มีจำนวนไม้ยืนต้นทั้งหมด 240 ต้น โดยแปลงที่ 1 มีจำนวนมากที่สุด (99 ต้น) รองลงมาคือ แปลงที่ 3 (92 ต้น) และแปลงที่ 2 (49 ต้น) ตามลำดับ จากการคำนวณปริมาณคาร์บอนสะสมในไม้ยืนต้นพบว่ามีค่า ทั้งหมด 17.14 ตันคาร์บอน โดยแปลงที่ 3 มีปริมาณมากที่สุด (6.89 ตันคาร์บอน) รองลงมา คือแปลงที่ 1 (6.29 ตันคาร์บอน) และ แปลงที่ 2 (3.96 ตันคาร์บอน) คำสำคัญ: การกักเก็บคาร์บอน, ป่าชุมชน, ไม้ยืนต้น, มวลชีวภาพ, เส้นรอบวง
28 การจำเเนกเห็ดในป่าชุมชนโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ ชยุต ทาบุดดา กิตติภูมิพลังฤทธิ์ คุณครูที่ปรึกษา: ธัญวัฒน์ กาบคำ จินต์ชัญญา อิทธิประเวศน์ ดร.รังสันต์ จอมทะรักษ์ ศูนย์หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ โรงเรียนสา บทคัดย่อ เนื่องด้วยโรงเรียนสาได้เข้าร่วมกับโครงการรักษ์ป่าน่าน ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ จึงได้ทำการศึกษาภายในป่าชุมชนทั้งหมด 2 แห่ง ได้แก่ ป่าชุมชนบ้านไหล่น่าน และป่า ชุมชนบ้านขึ่ง ร่วมกับชุมชน ซึ่งจากการศึกษาในพื้นที่ป่าชุมชนแต่ละแห่ง โดยทำการวางเเปลงถาวรภายใน ป่าชุมชน จำนวน 3 ไร่ และทำการเก็บรวบรวมข้อมูลพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างของเห็ดภายในพื้นที่ศึกษา จาก การศึกษาพบว่า เห็ดที่รวบรวมได้ ร้อยละ 70 เป็นเห็ดมีพิษ ไม่สามารถรับประทานได้ ทำให้ผู้ศึกษาตระหนัก ได้ว่าเยาวชนในชุมชนไม่มีองค์ความรู้ในการจำแนกเห็ดแต่ละชนิด ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอันตรายในอนาคต ได้ จึงได้นำองค์ความรู้ทางด้านปัญญาประดิษฐ์ CiRA CORE มาประยุกต์ใช้ในการจำแนกเห็ดในพื้นที่ เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลเริ่มต้น เเละสามารถนำไปพัฒนาการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการจัดเก็บชนิดของ เห็ดในพื้นที่ป่าชุมชนจังหวัดน่าน จากการศึกษาสรุปได้ว่า สามารถสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถ จำแนกเห็ดชนิดต่าง ๆ ภายในป่าชุมชนได้ ผ่านการเพิ่มข้อมูล เเละทำการ Deep Learning เพื่อให้ AI สามารถเรียนรู้และจดจำเห็ดชนิดต่าง ๆ และแยกชนิดของเห็ดได้ถูกต้องมากที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถ บอกชนิดและสรรพคุณของเห็ดเบื้องต้นได้ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการศึกษานี้ โดยได้ทำการทดสอบ จำแนกเห็ดมีพิษและเห็ดไม่มีพิษจำนวน 6 ชนิด ได้แก่ เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดร่างเเห เห็ดวงเล็บก้อน (เห็ด เชื้อรา) เห็ดโคนน้อย และเห็ดขี้ควาย ผลการทดสอบพบว่าค่าประสิทธิภาพในการตรวจสอบอยู่ที่ 0.95, 1.00, 0.83, 0.60, 0.93, 0.83 ตามลำดับ เเละมีค่า Accuracy อยู่ที่ 95.00%, 100.00%, 83.00%, 60.00%, 93.00%, 80.00% ตามลำดับ คำสำคัญ: การจำแนก, ป่าชุมชน, เห็ดมีพิษ, เห็ดไม่มีพิษ, CiRA CORE
29 โดมิโน่รักษ์ป่าน่าน วิภาดา ไพเราะ ณัฐณิชา ยงรัตนกิจ พัชรธิดา นวลคำ พัชรธิดา ระวังภัย ปาณิสรา ปัญญานะ คุณครูที่ปรึกษา: ธัญวัฒน์ กาบคำ จินต์ชัญญา อิทธิประเวศน์ โรงเรียนสา บทคัดย่อ การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างเกมและสถานการณ์จำลองที่สามารถช่วยให้เยาวชนสามารถ เรียนรู้พรรณไม้ดอกไม้และอาหารพื้นเมือง จังหวัดน่าน โดยอาศัยแบบจำลองที่สร้างขึ้นมาเป็นเครื่องมือใน การ ช่วยส่งเสริม การเรียนรู้ที่สามารถเข้าใจได้ง่ายพร้อมทั้งมีความสนุกสนานให้แก่ผู้เล่นไปด้วย โดยใช้ ข้อมูลเกี่ยวกับ 1. พันธุ์ไม้ 2. ดอกไม้ ภายในแปลงป่าถาวรในพื้นที่ศึกษา และ 3. อาหารพื้นเมืองในพื้นที่ จังหวัดน่าน ผู้ศึกษาได้นำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประกอบการสร้างเกมโดมิโน่และได้ทดสอบหาประสิทธิภาพ อย่างง่าย จากกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนสา และได้ประเมินความพึงพอใจ และความรู้ก่อนและหลังเล่นในด้านความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ ดอกไม้ และอาหารพื้นเมือง ในจังหวัดน่าน เพิ่มขึ้น จากการทดสอบประสิทธิภาพพบว่า หลังเล่นผู้เล่นได้ทดลองเล่นเกมโดมิโน่แล้ว ผู้เล่นมีความรู้ ทางด้านพันธุ์ไม้ ดอกไม้ และอาหารพื้นเมือง ในจังหวัดน่านเพิ่มขึ้น และผู้เล่นมีความพึงพอใจที่จะเรียนรู้ ผ่านเกมและสถานการณ์จำลองมากกว่าการท่องจำแบบเดิม คำสำคัญ: เกมโดมิโน่, เกมและสถานการณ์จำลอง, พรรณไม้, ดอกไม้, อาหารพื้นเมือง
30 ของป่าที่พบในป่าชุมชนบ้านขึ่ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน กิตติพงศ์ พรมมา ธนพล สุพะกำ กฤษฎา กาพรม อัครัช ทองอ่อน คุณครูที่ปรึกษา: ธัญวัฒน์ กาบคำ จินต์ชัญญา อิทธิประเวศน์ โรงเรียนสา บทคัดย่อ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับของป่า และศึกษาถึงราคาของป่าภายในป่าชุมชน บ้านขึ่ง ตำบลขึ่ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อให้สามารถนำข้อมูลมาใช้ในกระบวนการดำเนินงานหรือ คิดนโยบายด้านการอนุรักษ์ของป่าชุมชนบ้านขึ่ง ผลการศึกษาพบว่า มีของป่าจำนวน 75 ชนิด แบ่งเป็น เห็ด 39 ชนิด ผักและสมุนไพร 32 ชนิด และสัตว์ขนาดเล็ก 4 ชนิด โดยในส่วนของมูลค่า ราคาของเห็ดจะอยู่ที่ กิโลกรัมละ 50 – 450 บาท เช่น เห็ดด่าน เห็ดแดง เห็ดถอบ เป็นต้น ส่วนราคาของผักและสมุนไพรป่าจะอยู่ ที่กิโลกรัมละ 20 – 200 บาท เช่น มะกอกป่า ผักหวานป่า บุก เป็นต้น และในส่วนของสัตว์ขนาดเล็กราคา จะอยู่กิโลกรัมละ 250 – 300 บาท เช่น ไข่มดแดง หมู่ป่า เป็นต้น คำสำคัญ: ของป่า, ป่าชุมชน, ราคา, สมุนไพร, สัตว์ขนาดเล็ก
31 สบู่สมุนไพรจากขมิ้น สุชานันท์พลังฤทธิ์ กมนธิดา ภิวงค์ ญาณิศา เหล่าเขตต์กิจ ภัทรวดี ทิพวัง รสริน ก้านแก้ว บุษราภรณ์ ใหม่ธิมา คุณครูที่ปรึกษา: ธัญวัฒน์ กาบคำ โรงเรียนสา บทคัดย่อ สบู่ เป็นของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของมนุษย์ แต่ในปัจจุบันถูกผลิตขึ้นจากสารเคมีหลายชนิด ส่งผลต่อร่างกายและมีแนวโน้มการนำวัสดุจากธรรมชาติมาผสมร่วมกับการทำสบู่มากยิ่งขึ้น จึงนำมาสู่ การศึกษาในครั้งนี้ที่ศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ “ขมิ้น” ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีอยู่แล้วในชุมชนบ้านขึ่ง มาใช้ในการผลิตสบู่ ผลการศึกษาพบว่า สามารถนำขมิ้นมาใช้ในการผลิตสบู่สมุนไพรโดยการผสมกลีเซอรีน ขมิ้น และน้ำหอม เข้าด้วยกัน ซึ่งสบู่ที่ผลิตได้นอกจากปราศจากสารเคมีสังเคราะห์แล้ว ยังมีส่วนช่วยปรับ สภาพผิวตามธรรมชาตินอกจากนี้ยังสามารถนำผลที่ได้มาส่งเสริมการปลูกขมิ้นของชาวบ้านในตำบลขึ่งเพื่อ นำไปทำสบู่ และส่งเสริมการสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนต่อไปในอนาคต คำสำคัญ: ขมิ้น, สบู่, สมุนไพร, สารเคมี, รายได้
32 โปสเตอร์
33 แผนที่การกระจายของต้นไม้ในป่าชุมชน จังหวัดน่าน
34 การประเมินมูลค่าของการบริการทางระบบนิเวศป่าชุมชนในจังหวัดน่าน
35 ความหลากหลายของสัตว์หน้าดินบริเวณป่าชุมชนในจังหวัดน่าน
36 คณะที่ปรึกษา ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กิตนะ ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายฯ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชวาล ใจซื่อกุล หัวหน้าภาควิชา รองศาสตราจารย์ดร.วิเชฏฐ์คนซื่อ อาจารย์ประจำภาควิชา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิรารัช กิตนะ อาจารย์ประจำภาควิชา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นนทิวิชญ ตันฑวนิช อาจารย์ประจำภาควิชา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงชัย หาญยุทธนากร อาจารย์ประจำภาควิชา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา อาจารย์ประจำภาควิชา อาจารย์ ดร.ภาณุพงศ์ ธรรมโชติ อาจารย์ประจำภาควิชา คณะดำเนินการจัดงาน นายแรกขวัญ ผลธัญญา นิสิตปริญญาโท นางสาวนดา ยีมัสซา นิสิตปริญญาโท นายธนโชค วานิชผดุงธรรม นิสิตปริญญาโท นางสาวเอื้อการย์ ทองโชติ นิสิตปริญญาโท นายอันดามัน เขาสูง นิสิตปริญญาตรี นางสาวกีรติกา บุญคำ นิสิตปริญญาตรี นายนกร นิสยันต์ นิสิตปริญญาตรี นายยลมน นามประเทือง นิสิตปริญญาตรี นางสาวพัทธมน ยนตร์ศักดิ์สกุล นิสิตปริญญาตรี นายกรวุฒิ ชุติพงศ์ นิสิตปริญญาตรี นายวิศรุจน์ โรจน์ฤทธิไกร นิสิตปริญญาตรี นางสาวชรินทร์พร ไชยทอง นิสิตปริญญาตรี นายศตายุ ปานจินดา นิสิตปริญญาตรี นางสาวสุธินี อ่อนอ่วม นิสิตปริญญาตรี นายชยณัฐ จันคำ นิสิตปริญญาตรี นางสาวกัลยานันท์ สีลับขวา นิสิตปริญญาตรี นายคณดิถ พิริยะไพโรจน์ นิสิตปริญญาตรี นายคุณภัทร พึ่งพระจิตร์ นิสิตปริญญาตรี นางสาวนัทธมน สุขพานิชย์ นิสิตปริญญาตรี นางสาวนัยน์ปพร จี๋คีรี นิสิตปริญญาตรี นายปนิวัฒน์ บัวถนอม นิสิตปริญญาตรี นางสาวพิมพ์ลภัส ธานีวรรณ นิสิตปริญญาตรี นางสาวสิริกาญจน์ ภาผล นิสิตปริญญาตรี นางสาวกฤตยภรณ์ ปัญญา นิสิตปริญญาตรี นางสร้อยลดา ดำรงโรจน์วัฒนา ผู้ช่วยวิจัย เจ้าหน้าที่ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
37 บันทึก
38 ละอ่อนน่านเรียน- รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปีที่ 2