อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๔๗ ไวสมาน (Weismann) ใน ค.ศ. ๑๘๙๐ ได้ทดลองตัดหางหนูแล้วผสมหนูที่ตัดหางติดต่อกัน ๒๒ ชั่วอายุ เป็นการทดลองเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของลามาร์ค ก็ไม่เคยได้ลูกหนูที่หางสั้นกว่าธรรมดาเลย ยังผลให้ไวสมาน เสนอทฤษฎี germ plasm ซึ่งก าหนดว่าลักษณะของการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์นั้นต้องอาศัยผ่านทางเซล สืบพันธุ์ ในปีนี้โบเวอรี (Boveri) ได้เสนอว่าลูกนั้นต้องได้โครโมโซมจากพ่อและแม่ฝ่ายละครึ่ง ใน ค.ศ. ๑๘๙๒ ไวสมาน ได้พบว่ามีการลดจ านวนโครโมโซมลงครึ่งหนึ่งตอนเกิดเซลสืบพันธุ์ เดอรีส์ (De Vries) ใน ค.ศ. ๑๙๐๑ ได้พบการผันแปร (mutation) ของลักษณะการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ โยฮันเซน (Johannsen) ใน ค.ศ. ๑๙๑๑ ได้เสนอให้ “ยีน” (gene) เป็นหน่วยของการถ่ายทอดลักษณะทาง กรรมพันธุ์ที่แฝงอยู่ในเซลสืบพันธุ์ ฉะนั้นในปัจจุบันจึงอธิบายกลไกของวิวัฒนาการของชีวิตว่า เป็นผลของ สิ่งมีชีวิต (living) กับสิ่งแวดล้อม (environment) การผันแปร (mutation) ก็ดี, การสลับต าแหน่งยีน (gene recombination) ซึ่งเกิดจากการจับคู่ (synapsis) และการไขว้ (crossover) ทางโครโมโซมที่คู่กัน (homologous chromosome) ในการที่จะเกิดเซลสืบพันธุ์ก็ดี เป็นจุดเริ่มต้นที่จะเกิดวิวัฒนาของชีวิต ชีวิตที่ถูกคัดเลือกตามธรรมชาติ (natural selection) หรือมนุษย์คัดพันธุ์ (domestic selection) ผสม สืบพันธุ์ต่อกันมานั้น จึงเป็นผลที่ท าให้เกิดแบบต่าง ๆ ของชีวิต (speciation) การเกิด species ในหมู่ ประชากร หรือ subspecies ในหมู่ species เดียวกัน จึงนับได้ว่าเป็นผลของวิวัฒนาการของชีวิต โดยที่แต่ละชีวิต ตามทัศนทางนิเวศนวิทยา มักจะมีสภาพด ารงชีวิต (niche) และถิ่นชีวิต (habitat) เฉพาะสอดคล้องต้องกัน ทั้งสภาวะบนโลกเรานี้ มิได้คงที่ตลอด แต่เกิดการแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ ๔,๖๐๐ ล้านปี ตลอดมา การเกิดภูเขา แผ่นดิน กลับยุบจมเป็นทะเล ส่วนที่เป็นทะเลโผล่ขึ้นมา เป็นพื้นดิน เกิดภูเขาไฟระเบิดแผ่นดินกลายเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย การแตกแยกของพื้นดิน การเคลื่อนตัว ของทวีป การเกิดยุคภูเขาน้ าแข็ง การเปลี่ยนแปลงชนิดของแกสที่เป็นองค์ประกอบ บรรยากาศของโลก อุณหภูมิของโลก การ เปลี่ยนต าแหน่งขั้วแม่เหล็กของโลก ฯลฯ อันเป็นสาเหตุที่ท าให้เกิดถิ่นชีวิตแบบต่าง ๆ แต่ละถิ่นชีวิตจะมี ชีวิตแต่ละแบบเฉพาะตามที่มีทรากชีวิตดึกด าบรรพ์ยืนยันเป็นหลักฐาน ความรู้ในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่า สภาวะแวดล้อมเปลี่ยนแปลงจนยังผลให้ถิ่นชีวิตเปลี่ยน species ที่เด่นและพบมาก (Dominant species) ประจ าถิ่นชีวิตเดิมนั้นย่อมจะค่อยตายลงจนสูญพันธุ์ โดยมี species ที่เด่นและพบมาใหม่มาครองแทน ตามสายตาของคนทั่วไปก็เข้าใจว่า species ที่เด่นและ พบมาก เดิมไม่สามารถปรับตัว (adapt) เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ แต่ species ที่เด่นและพบมากใหม่ปรับตัว ได้ดี การปรับตัว (adaptation) นั้นเป็นค าที่ต าราส่วนมากนิยมใช้กันมาก แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่นิยมใช้เลย เพราะการใช้ค านี้อาจหลงผิดได้ เนื่องจากการปรับตัวนั้นเป็นการแก้ไขของตัวเองเข้าหาสิ่งแวดล้อมโดย ตัวเองมีเจตจ านงที่ก าหนดเป้าหมายไว้ อันเป็นเหตุ ความจริงทางด้านชีววิทยานี้ การปรับตัวนั้นมิใช่เป็น ต้นเหตุ แต่เป็นสาเหตุของวิวัฒนาการ เพราะการปรับตัวเป็นผลของการคัดเลือกทางธรรมชาติ ระหว่าง ประชากรของชีวิตกับสิ่งแวดล้อม จึงควรที่จะใช้ค า “selective adaptation” แทน วิวัฒนาการของชีวิต
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๔๘ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล จึงเป็นสิ่งจ าเป็นของทุกชีวิต นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็นวิถีทางเดียวที่จะยังผลให้ชีวิตมี ความส าเร็จในการด ารงเผ่าพันธุ์อย่างไม่สูญสิ้นเป็นปัญหาที่มิอาจเรียนรู้จบสิ้น การศึกษาวิวัฒนาการของชีวิต นอกจากจะต้องเข้าใจหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ทางชีววิทยาในอดีต จนถึง ระดับความก้าวหน้าทางวิชาการสมัยปัจจุบันแล้ว ยังต้องอาศัยพื้นความรู้ทางธรณีวิทยา (geology) เพื่อ เข้าใจก าเนิดของโลก เปลือกโลก (crust) หินประเภทต่าง ๆ การค านวณหาอายุหิน การเกิดทรากชีวิตดึก ด าบรรพ์ (fossil) สภาวะสิ่งแวดล้อมของโลกในอดีต ฯลฯ การน าหลักฐานทรากชีวิตดึกด าบรรพ์ชนิด ประเภทที่เด่นและพบมาก (dominant species) ของแต่ละยุค แต่ละสมัยมาวิเคราะห์ล าดับและเชื่อมโยง เหตุการณ์ในอดีต ตามแนวเดียวกับวิธีการของนักสืบ ที่สอบสวนอาชากรรม จะต้องพิสูจน์ว่าผู้ตายเป็น ใคร ใครเป็นอาชญากร เหตุใดผู้ตายจึงถูกฆ่า ความจริงอาจจะมิได้เป็นไปตามรายงานตามส านวนสืบสวน ของนักสืบก็ได้ แต่โดยต าแหน่งและหน้าที่ของนักสืบนั้น ก็เพื่อที่จะให้ประชาชนได้เข้าใจว่าท าไมปัญหา สังคมที่เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น มีสาเหตุอะไรที่ต้องท าให้เป็นเช่นนั้น โดยที่วิวัฒนาการของชีวิตในอดีตมิ สามารถที่จะท าการปฏิบัติทดลองเพื่อพิสูจน์ตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้ท านองเดียวกันกับเรื่องของ ดาราศาสตร์และธรณีวิทยา จึงไม่สามารถจะอธิบายปัญหาปลีกย่อยบางอย่างที่ยังมิได้มีข้อมูลที่ครบถ้วน เพียงพอได้ทุกแง่ทุกมุม ยกตัวอย่างเช่น ชีวิตที่อุบัติครั้งแรกบนโลกนั้น เกิดชนิดเดียว หรือเกิดได้หลาย ชนิดพร้อมกัน ๆ กัน หรือแม้ต้นตระกูลของปลาดึกด าบรรพ์ไม่มีกราม (ostracoderm) ซึ่งเข้าใจว่า วิวัฒนาการมาจากสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตพวกใดแน่ ก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าให้ค าตอบได้ แบบ ฉบับของแนววิวัฒนาการของชีวิต จึงสร้างขึ้นโดยอาศัยแนวและหลักฐานที่นักวิชาการทางชีววิทยาทั่วไป เข้าใจ และยอมรับว่า รูปร่าง และหน้าที่ของบรรพบุรษ (ancestor) นั้นเริ่มต้นจาก ระดับแบบง่าย (simple) ค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นแบบซับซ้อน (complex) ในด้านรูปร่าง เช่น จากเซลเดียวมาเป็นหลายเซล และจากระดับชั้นต่ า (primitive) เปลี่ยนมาเป็นขั้นสูง (advanced หรือ specialized) ในด้านหน้าที่ท า ให้เกิดอเนกลักษณ์ (diversity) ได้มากมาย บางทีการเปลี่ยนแปลงทางหน้าที่จากขั้นต่ ามาขั้นสูง แทนที่จะ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างจากแบบง่ายมาเป็นแบบสลับซับซ้อน กลับตรงข้ามเช่นบรรพบุรุษของสัตว์ ดูดนมมี ๕ นิ้ว แต่เมื่อวิวัฒนาการมาเป็นต้นตระกูลม้า ก็เริ่มมีการลดนิ้วจนถึงม้าปัจจุบันเหลือเพียงนิ้วเดียว ส าหรับต้นตระกูลวัวและสุกร ก็จะมีนิ้วจนถึงวัวและสุกรปัจจุบันเหลือเพียงคู่เดียว การศึกษาเปรียบเทียบ ระดับเนื้อเยื่อ หรือระดับอวัยวะหรือระดับระบบอวัยวะจากชีวิตชั้นต่ ามา ชั้นสูงกว่า ย่อมจะได้เข้าใจแนวทางของวิวัฒนาการ ของเนื้อเยื่อ หรือของอวัยวะ หรือของระบบอวัยวะได้ อาทิเช่น วิวัฒนาการของเซลผิวหนัง วิวัฒนาการของหัวใจวิวัฒนาการของระบบประสาท ฯลฯ ความจริง การศึกษาวิวัฒนาการนั้นก็เพื่อที่จะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบรรพบุรุษกับลูกหลานทางเผ่าพันธุ์ ฉะนั้นปัญหาทางอนุกรมวิธาน ซึ่งอาศัยหลักเกณฑ์ทางรูปร่างและหน้าที่เหมือนกันและแตกต่างกันเป็น เครื่องวินิจฉัยว่า เป็นพวกเดียวกัน หรือต่างพวกรวมทั้งหลักฐานทรากชีวิตดึกด าบรรพต่าง ๆ ที่น่าจะเป็น บรรพบุรุษหรือต้นตระกูลเผ่าพันธุ์ เนื่องจากอวัยวะระบบต่าง ๆ ของชีวิตแม้จะผันแปรได้กว้างขวาง แต่ละ แบบของระบบสืบพันธุ์นั้นจะยังคงแบบดั้งเดิมอยู่ โดยนัยนี้สนปฏิพัทธ์ ซึ่งจัดเป็นพวกไม้ดอก ที่เกิด
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๔๙ วิวัฒนาการจนกลีบดอกลดไป ใบก็ลดไปจนใบสนปฏิพัทธ์นั้นความจริงมิใช่ใบ แต่เป็นล าต้นที่เปลี่ยนแปลง ไปซึ่งจะเห็น ข้อ และปล้องของต้นไม้ได้ชัดเจน งูดินก็เช่นกัน จัดเป็นพวกกบ (amphibian) ที่เกิด วิวัฒนาการลดขาต้องเลื้อยแบบงู แม้ในหมู่พวกสัตว์ดูดนม ขนของคนกับขนเม่น นั้นต่างก็เป็นสหัตตะ เพราะขนเม่น เป็นขนที่แปรสภาพจากขนธรรมดา (modified hair) การศึกษาทางด้านคัพภะวิทยา (embryology) ก็ยืนยันสนับสนุนความจริงอย่างเป็นอมตะ เช่น ในพวก protozoa, flagellate เป็นพวก ระดับขั้นต่ า sporozoan, rhizopod, ciliate เป็นระดับขั้นสูง เซลเดียวเป็นพวกระดับขั้นต่ า หลายเซลเป็น พวกระดับขั้นสูงไม่มีโพรงในล าตัว (acoelomate) เป็นพวกระดับชั้นต่ า มีโพรงในล าตัว (coelomate) เป็นพวกระดับขั้นสูง, ไส้เดือน (annelids) เป็นพวกระดับชั้นต่ า, หอย (mollusk) และสัตว์ขาเป็นปล้อง (arthropods) เป็นพวกระดับขั้นสูง ฯลฯ การศึกษาพันธุศาสตร์ประชากร (population genetics) ก็ สามารถที่จะรู้แนวโน้มทางวิวัฒนาการได้ หากมุ่งถึงอัตราการผันแปรของยีน (mutation rate) การคัดเลือก ทางธรรมชาติ ขนาดของประชากร (population size) โครงร่างของประชากร (population structure) และพลังในการสืบพันธุ์ (breeding potential) เพราะในหมู่ประชากรที่สมดุล (equilibrium) หากไม่มี การอพยพ ย้ายถิ่น ความถี่ของยีน (gene frequency) ในประชากรย่อมคงที่ตามกฎของ ฮาร์ดี ไวน์เบอร์ก (Hardy Weinberg Law) การสุ่มตัวอย่างส ารวจความถี่ของยีน ถ้าถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางสถิติย่อมจะ ทราบได้หากมีความถี่ของยีนในประชากร บ่ายเบน (genetic drift) ตามหลักเกณฑ์ของ ซีเวล ไรท์ (Sewell Wright effect) การศึกษาจ านวนโครโมโซม (Karyogram) ของแต่ละชีวิตแสดงความสัมพันธ์ของ วิวัฒนาการระหว่างอนุกรมวิธานกับพันธุศาสตร์ การศึกษาชีววิทยาระดับอณู (amino acid sequence) ใน ไซโตโครม ซี โปรตีน (cytochrome c protein) หรือของเอนไซม์ (enzyme) หรือ ไอโซเอนไซม์ (isoenzyme) ของแต่ละชีวิตชนิดต่าง ๆ กัน ก็ย่อมจะชี้แนวทางของวิวัฒนาการในระดับอณูได้ การสร้างเรื่องราววิวัฒนาการของชีวิตจึงเป็นเพียงทฤษฎีที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ จะถูกต้องแน่นอน มากน้อยอยู่ที่ความสามารถในการวิเคราะห์หลักฐานทรากชีวิตดึกด าบรรพ์ทางธรณีวิทยาที่มีอย่างจ ากัดและ มโนภาพของนักวิชาการที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า ไม่ขัดกับหลักเกณฑ์ของชีววิทยาที่ยอมรับกันใน ปัจจุบัน บางครั้งความเห็นของนักวิชาการส่วนใหญ่ที่ลงมติแบบประชาธิปไตยลบล้างความเห็นของ นักวิชาการคนเดียวคัดค้านไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าหลักฐานที่ปรากฎอย่างไม่ชัดแจ้ง ก็กลายเป็นเรื่องของ “ยิ่งมากหมอก็ยิ่งมากความ” พาเข้ารกเข้าพงซึ่งพิสูจน์ว่าไม่จริงเมื่อ ค.ศ. ๑๙๕๓ เช่นเรื่องมนุษย์วานร ดอสัน (Dawson ape man) / นักวิชาการส่วนใหญ่ลงความเห็นว่ามีกรามแบบลิง เขี้ยวไม่โตอย่างลิง และ ส่วนของกระโหลกแสดงว่าสมองไม่ใหญ่อย่างคนจึงน่าจะเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน ตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๑๒ จนกระทั่งมาพิสูจน์กันได้เมื่อ ค.ศ.๑๙๕๕ ว่าได้มีการตบแต่งส่วนของกรามและเขี้ยวลิงชิมแพนซี เพื่อให้นักวิชาการเข้าใจและหลงผิด ทั้งนี้เนื่องด้วยมีผู้คิดว่า ทรากชีวิตดึกด าบรรพ์ที่อยู่ในหินนาน ก็จะยิ่ง สะสมฟลูออไรด์มาก จึงได้ท าการพิสูจน์โดยตรวจหาฟลูออไรด์จากกระดูกของมนุษย์และมนุษย์วานรจาก พิพิธภัณฑ์ ผลปรากฎว่าตรงตามที่คาด เว้นแต่กระดูกมนุษย์วานรดอสันเท่านั้น จึงได้พบหลักฐานรอยตะไบ ตกแต่งเขี้ยวเพื่อให้มีลักษณะต่างจากลิงและกระเดียดมาทางมนุษย์ ทั้งท าให้มีลักษณะในสภาพคล้ายทราก
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๕๐ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ชีวิตดึกด าบรรพ์ของมนุษย์วานรเป็นธรรมดา “สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” ปัญหาเกี่ยวกับทางด้าน วิวัฒนาการ ยิ่งนานวันก็ยิ่งพบข้อบกพร่อง เพราะการพบหลักฐานใหม่ หรือความรู้ใหม่ที่เชื่อมโยงให้พบ หลักเกณฑ์ทางวิชาการใหม่ ย่อมจะชี้ช่องให้นักวิชาการสามารถปรับปรุงเพิ่มเติม และเสริมแต่งให้เรื่องราว วิวัฒนาการของชีวิตถูกต้องใกล้ความจริงได้อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะทรากชีวิตดึกด าบรรพ์ที่รวบรวมได้ ต้องยอบรับว่ายังไม่ครบถ้วนยังมีทรากชีวิตดึกด าบรรพ์อีกมากมาย มีคุณค่าทางวิชาการและมีความส าคัญ มากกว่า ทรากชีวิตดึกด าบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เรามีหลักฐานอยู่ปัจจุบัน ในบางโอกาสอาจจะกลับ เรื่องราวบางตอนแบบด าเป็นขาวไปเลย เช่น ต าราทางชีววิทยาทั่วไปยอมรับว่า ชีวิตแรกเริ่มอุบัติในทะเล เพราะมีหลักทางธรณีวิทยาสนับสนุน แต่เมื่อมาค านึงถึงสัตว์มีกระดูกสันหลังพวกแรกที่เกิดบนโลก ก็พบ หลักฐานทรากชีวิตปลาดึกด าบรรพ์ที่ไม่มีกรามยืนยันจากหินที่เกิดในสภาวะน้ าจืด ต าราชีววิทยาทั่วไป และ นักวิชาการจึงยอมรับปลานั้นมีก าเนิดจากแหล่งน้ าจืดทั้ง ๆ ที่คาดว่าน่าจะเกิดจากแหล่งทะเล แต่ราว ค.ศ. ๑๙๖๕ เทต (Tate) ได้พบทรากชีวิตดึกด าบรรพ์ที่ไม่มีกราม มีก าเนิดจากแหล่งทะเลแน่นอน แม้จนกระทั่ง ปัจจุบันนี้ศาสตราจารย์ที่แต่งต าราชีววิทยา ที่พิมพ์ขึ้นใหม่ๆ ในต่างประเทศ (ค.ศ. ๑๙๗๓-๔) ก็ยังมิได้แก้ไข ให้ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะแต่ละแขนงของชีววิทยามีขอบเขตที่เกินความสามารถของนักวิชาการ แต่ละบุคคลที่รู้ จบเรียนจบและติดตามให้ทันทุกแง่มุมได้ บุคคลที่ไม่เข้าใจเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ดี จึงมักจะพยายามจับ ประเด็นและลุ่มหลงจดจ าแต่ข้อเท็จจริง (facts) ต่าง ๆ โดยมิได้ใช้วิจารณญาณ พิจารณาไตร่ตรองทบทวน ความเข้าใจให้เข้าหลักเกณฑ์ ด้วยสติสัมปะชัญญะว่า ความไม่แน่นอนในข้อเท็จจริงนั้นอาจจะมีหลักฐานที่ ดีกว่าลบล้างเรื่องที่เรายอมรับกันทั่วไปแล้วตลอดเวลาโดยที่รูปร่างและหน้าที่เป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกัน เช่น กระดูกเชิงกรานเป็นที่ยึดของขาหลัง หากกระดูกเชิงกรานไม่เติบโตดี ขาหลังที่ยึดก็จะ ย่อมไม่เติบโตดีด้วย การท างานของก าลังขาหลังก็ด้อยไปหรือแม้ในการด ารงชีวิตตามธรรมชาติ พวกอิสระ ปกติจะไม่รุกรานสิ่งมีชีวิต จะกินหรือท าลายอินทรียสารของชีวิตที่ตายแล้วเท่านั้น ต่างจากพวก Parasitic ซึ่งจะรุกรานสิ่งมีชีวิต ตัวอ่อนของพยาธิปากขอบางระยะเป็นอิสระ แต่พอถึงระยะหนึ่งจะเปลี่ยนจากสภาพ อิสระเป็น parasitic ในสภาวะดังกล่าวนี้ อาจจะศึกษาได้ในแง่วิวัฒนาการของพฤติกรรม (evolution of behavior) ของชีวิต เนื่องจากระดับของชีวิตมีหลายระดับวิวัฒนาการของชีวิต จึงเป็นปัญหาเหมาะชั้นน าล้ าหน้าในหมู่ พวกแสวงหาความจริง (inquiry) หรือแก้ปัญหา (problem solving) การศึกษาดังกล่าวจึงเป็นการวินิจจัย ขบปัญหาเพื่อตรวจสอบหลักเกณฑ์ที่รู้จักกันดีว่า ถูกต้องเพียงใด หากแก้ปัญหาไม่ได้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อที่จะใช้ปัญญาแสวงหาสัจจะธรรม โดยอาศัยความสัมพันธ์ของเหตุและผล (cause and effect relationship) เพื่อพิสูจน์ตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการดังกล่าวนี้มีมานานตั้งแต่เริ่มยุควิทยาศาสตร์ สมัยปัจจุบันแต่ความก้าวหน้าของวิชาการปัจจุบันมีมาก การสอนก็ทุ่มเทให้ลุ่มหลงในข้อเท็จจริง จนต้อง น ามารื้อฟื้นวิธีการสอนให้ถูกต้องกันใหม่ในเร็ว ๆ นี้ เพราะปัญหาจากข้อมูลทางวิชาการนั้นควรจะศึกษาให้ ทราบว่า “อะไร” (What) “เมื่อไหร่” (When) “ที่ไหน” (Where) โดยจะต้องน ามาใช้ สติและปัญญา พินิจ
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๕๑ พิจารณา ด้วยวิจารณญาณให้เข้าใจถึงแก่นทางวิชาการว่ากลไกลเป็น “อย่างไร” (How ) และ “ท าไม” (Why) เป็นเช่นนั้น หลังจากการบรรยายแล้ว ผู้เข้าประชุมได้อภิปรายและซักถามปัญหาต่าง ๆ ดังนี้ ถาม ปลูกต้นเฟื่องฟ้าไว้ต้นหนึ่งประมาณ ๑๐ ปีมาแล้ว ปลูกทีแรกออกดอกมาสีเดียว เป็นสีชมพูอ่อนอีก ๕-๖ ปีมันเปลี่ยนไปเป็นหลายสี ก็เข้าใจว่าเป็น somatic mutation หลังจากนั้นได้ให้ physiologist ดูก็ วิจารณ์ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของ nutrient จะถือว่าเป็น evolution ได้หรือไม่ ตอบ ถ้าดอกต้นเฟื่องฟ้ามีสีแดงเลือดนก ขาว ม่วง เหลือง และเหลืองปนส้ม ควบคุมโดยยีน (gene) การ ตัดไปปลูกดอกก็ควรจะเป็นสีนั้นตลอดไป การเปลี่ยนแปลงนั้นก็เนื่องจากวิวัฒนาการ ดอกไม้ไม่ใช่คุมโดย ยีนอย่างเดียว แต่อยู่ที่ nutrient ในดินด้วย ยกตัวอย่าง Hydrangea hortensis อยู่ที่เคยศึกษามาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว ปลูกที่หนึ่งดอกสีน้ าเงินย้ายไปปลูกที่อื่นเป็นสีชมพู สีชมพูอาจเป็นสีน้ าเงินได้โดยเติมสนิมเหล็ก แก่ดิน ดังนี้ขึ้นอยู่ที่ pH ของดินท าให้สี (pigment) ที่อยู่ในเซลแซบ (cell sap) เปลี่ยนสีแบบ color indicator มิใช่วิวัฒนาการ การจะพิสูจน์เป็นว่า variety ต่าง ๆ อันเป็นผลทางวิวัฒนาการแล้ว การตรวจ โครโมโซม (chromosome analysis) ปลายรากอาจจะช่วยพิสูจน์ได้ ถาม หนอนกินฝักข้างโพด และหนอนเจาะสมอฝ้าย ต่างก็เป็น species เดียวกัน แมลงชนิดนี้มันกินหญ้า alfalfa ทั้ง ๒ อย่างนี้ลักษณะคล้ายกัน แต่สีต่างกันไปเล็กน้อย และถ้าศึกษาถึงพฤติกรรมของมันก็แตกต่าง กันเพราะกินพืชคนละชนิด ลักษณะเช่นนี้ถือว่าเป็น evolution ได้หรือไม่ ตอบ เป็นได้เพราะมั่นใจว่าแมลงดังกล่าวมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การเกิดวิวัฒนาการจากบรรพบุรุษ เดียวกันในแง่ taxonomy นั้นคือ species จาก species มันก็มี evolution เป็น sub species ได้ การที่จะเปลี่ยนเป็น behavior ก็เปลี่ยนได้ คนไทยเรามีลักษณะต่างจากญี่ปุ่น จีน มาเลเซียแม้ในหมู่คนไทยเองก็ยังต่างกัน เช่น ชาวเหนือ ชาวอีสาน ชาวใต้ เพราะยีนต่างกันนิดหน่อยคนไทย ฝรั่ง แขก นิโคร มี gene ที่คุมลักษณะในการเป็นคนเหมือนกัน แต่มี gene ที่คุมลักษณะในการเป็นเผ่าพันธ์ (race) ต่างกันในการควบคุมมาลาเรียโดยการฉีด DDT ที่ข้าง ฝาเพราะรู้ว่ายุงมันมีนิสัย (behavior) ที่จะบินมาเกาะข้างฝาก่อน แล้วจึงกัดคนพอกัดแล้วไปเกาะข้างฝา ใหม่แล้วจึงบินไป ยุงจึงถูก DDT ที่ติดอยู่ข้างฝาซึมผ่าน chitin
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๕๒ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ถาม ตามทฤษฎีLamarck กล่าวว่า อวัยวะใดที่ใช้จะเจริญแต่อวัยวะใดที่ไม่ใช้จะลีบหายไปแต่ Weismann ทดลองตัดหางหนู แต่หนูไม่ได้บอกว่าจะไม่ใช้ ความจริงหนูต้องการใช้ แต่ Weismann ไปตัดเอง ตอบ ในสมัย Lamarck นั้นพ่อเป็นสีอะไร ลูกก็เป็นเช่นนั้น Lamarck ยอมรับว่า พ่อและแม่มีส่วนให้เกิด ลูก แต่คิดว่า factor of inheritance อยู่ภายนอกส าหรับ Weisemann คิดว่า factor of inheritance นั้น อยู่ในตัวพ่อ,แม่เลย และการทดลองของ Weisemann ก็พิสูจน์ได้ว่า factor of inheritance อยู่ที่ germplasm ปัจจุบันมีการทดลองพิสูจน์ได้ว่า เซลของสัตว์ชนิด A ขาดยีนซึ่งสังเคราะห์ enzyme X การสกัด DNA ของชีวิตที่มียีนสังเคราะห์ enzyme X เอาไปใส่ในเซลสัตว์ A ได้โดยเทคนิคของ cell fusion ก็ สามารถท าให้ cell A สามารถสังเคราะห์enzyme X ได้ คนบางคนเกิดในสภาพ mal formation มี ๖ นิ้ว ตราบใดที่ gene control factor นี้มีโอกาส ถ่ายทอดในการผสมพันธุ์ คนจะมี ๖ นิ้วตลอดไป ปรากฎการณ์นี้ก็เป็นผลของ evolution แต่เนื่องจาก มนุษย์สามารถเลือกคู่ไม่แต่งงานกับคู่ที่มีลักษณะพิการ ลักษณะ ๖ นิ้ว จึงไม่ปรากฎต่อไป เช่น ต้นแสยก ใบด่าง บางกิ่งจะกลับไปแบบเดิมได้ เพราะ evolution เกิดได้ตลอดเวลา ถาม คนญี่ปุ่นสมัยโบราณตัวเตี้ย แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้น เราจะถือว่าเป็น evolution หรือไม่ ตอบ ปัญหานี้เช่นเดียวกับผักแว่นอันเล็ก อันใหญ่ ไม่ได้เกิดจาก gene เปลี่ยนแปลงแต่เนื่องจาก food factor แต่ในคนมีทั้ง genetic factor และ food ซึ่งเป็น environmental factor host มี interaction กับ environment ตลอดเวลาแล้วก็มี selection ถ้าเอาหนูสีขาวและสีด าในกรงที่เลี้ยงเหยี่ยวไว้ ซึ่งมีพื้นกรงสีขาว หนูสีด า จะถูกกินในท านอง เดียวกันถ้าอยู่ในกรงพื้นสีด า หนูสีขาวจะถูกกิน เพราะฉะนั้น evolution ขึ้นกับ host และ environment ด้วย ถาม สิ่งมีชีวิตชั้นต่ ามี generation รวดเร็ว จนไม่แสดง evolution เหตุใดจึงสามารถอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ตอบ ปกติสิ่งมีชีวิตชั้นต่ า บางชนิดทุกล้านตัว ก็เกิดวิวัฒนาการแล้ว แต่เราจะต้องหาวิธีที่ตรวจสอบใน ห้องปฏิบัติการ มิใช่เพียงแต่มองด้วยตาอย่างเดียว ถ้าดู fossil ของอมีบาที่เคย record ในเมืองอียิปต์ จะ พบว่าอมีบาปัจจุบันที่เรารู้กัน โตที่สุดราวครึ่งมิลลิเมตร หรือ ๕๐๐ มิลลิไมครอน แต่ fossil ของอมีบาเคยมี ถึง ๑๘ มิลลิเมตร การที่จะดู evolution ที่มีทั้ง form และ function นั้นแล้วแต่จะเอาลักษณะอะไรเป็น
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๕๓ indicator ว่าเปลี่ยน เมื่อเราศึกษาม้า เราเอารองเท้าม้า รูปร่างของม้าเป็นข้อเปรียบเทียบ evolution เกิดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ rate of evolution ไม่สม่ าเสมอตลอดเวลา ถ้าดู geological time scale จาก fossil evidence ในสมัยของปลามีปลามาก ในสมัย carboniferous ก็มี amphibian reptile มาก เช่นนี้เป็นต้น ซึ่งชีวิตแต่ละชนิดนั้น environment ต่างกัน และ environment ดังกล่าวเป็นตัวคัดเลือกสัตว์แต่ละชนิดมี selection potential ต่างกันตัวใดทนได้ก็อยู่รอด ตัวใดทนไม่ได้ก็ตายไปขณะนี้มีปัญหาเรื่องพอลลูชั่น สิ่งมีชีวิตใดที่ทนต่อพอลลูชั่นได้ก็จะอยู่รอด protozoa ที่มีตั้งแต่สมัยดึกด าบรรพ์นั้นบางชนิดยังมีอยู่ใน ปัจจุบัน ameba ที่เราเคยทราบกันว่าสืบพันธุ์แบบไม่มีเพศแต่ปัจจุบันสืบพันธุ์แบบมีเพศ การสืบพันธุ์แบบมี เพศ ความจริงมีมานานแล้วแต่เราเพิ่งพบ ถาม ถ้าเราพบสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง เราจะทราบได้อย่างไรว่าสัตว์ชนิดนี้ เนื่องจากวิวัฒนาการมานาน แล้ว และเราเพิ่งพบหรือเป็นผลจากวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นใหม่ ตอบ นกเจ้าฟ้าสิรินธร เพิ่งพบและตั้งชื่อว่า Pseudochelidon sirintarae เมื่อไม่กี่ปีมานี้นั้น เป็นผลของ วิวัฒนาการมานานแล้ว แต่เพิ่งพบ ส าหรับในท้องที่ที่มีกะรอกสีน้ าตาล วันดีคืนดีเราพบกะรอกเผือกหลาย เดือนหลายปีต่อมา ก็พบว่ากะรอกเผือกพบมากขึ้น ปรากฎการณ์ดังกล่าวย่อมส่อให้เห็นว่าเป็นผล วิวัฒนาการที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งหากศึกษา population genetics ในระยะแรก ก็จะเป็นเครื่องมือยืนยันได้ตาม หลักวิชาการ วิวัฒนาการมีตลอดเวลาเราจะต้องศึกษาหาหลักฐานให้เพียงพอก่อนจะบอกได้ว่ามีมานานแล้ว หรือเกิดขึ้นใหม่ หอยปากเป็ดมีมากในสมัยก่อน ปัจจุบันพบน้อยมาก และหอยปากเป็ดในปัจจุบันกับโบราณ ไม่ต่างกันมาก
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๕๔ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๕๕ พุทธศักรำช ๒๕๑๙ อนิจจา (ความไม่แน่นอน) เป็นสัจจะ (ความแน่นอนเป็นจริง) ที่มา: หนังสือฟ้าหม่น, คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทุกวันนี้ ไม่มีใครทราบแน่นอนว่าตายเมื่อใด คนหนุ่มก็มิได้แน่ใจว่าจะต้องตายที่หลังคนแก่ แม้ความ ตายเป็นสิ่งที่ก าหนดมิได้แน่นอน แต่ก็เป็นสัจจะที่เป็นจริงและแน่นอนว่าถึงเวลาก็ต้องพบมรณะแน่ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมอยู่ในภาวะที่เปลี่ยนแปลง ไม่หยุดอยู่นิ่ง ๆ ท าให้เกิดความไม่แน่นอนตาม กาลเวลา สต.บ. ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในสมัยแรก คือ สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต บัดนี้นั้นหมายถึง สถิติศาสตร์บัณฑิตแล้ว สต.บ. ขนานแท้ดังเดิมก็กลายเป็น สพ.บ. ยิ่งความรู้ทางวิชาการที่จะให้รู้แจ้งเห็นจริงอย่างแน่นอนนั้น ผู้ที่จะนับได้ว่าเป็นผู้ที่แก่กล้าทางด้าน วิชาการย่อมจะต้องรู้ดีในความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็มีหลักฐานว่าเป็นไปแล้ว อย่างมหัศจรรย์ ฟอร์บัง ชาวฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้บันทึกเหตุการณ์ที่นายทหาร ฝรั่งเศสชื่อ โบเรอะคารท์ ถูกท าร้ายคว้านทั้งจนไส้ไหลออกมาข้างนอก ขณะที่ฟอร์บังพบนั้นสิ้นสติแล้วแต่ ยังไม่ตาย ได้ท าความสะอาดแผล ยัดกลับเข้าช่องท้องใช้ไหมสนเข็มเย็บแผล และพยาบาลหลักธรรมชาติ แผลหายวันหายคืนไม่เกิดหนองลุกลาม ในที่สุดหายเป็นปกติ Jacob Nufer ในศตวรรษที่ ๑๖ ก็ได้เคยใช้ มีดโกนหนวด ผ่าท้องเมียเอาลูกออกอย่างปลอดภัยทั้งแม่และลูก ในสมัยที่ศัลยศาสตร์สมัยปัจจุบันยังมิได้ ริเริ่ม เมื่อเห็นภรรยาทุกรนทุรายที่คลอดไม่ได้ ซ้ าหลังจากภรรยาหายเป็นปกติแล้วยังมีลูกต่อมาได้อีก ๖ คน นับว่าเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ แบบพบคีมผ่าตัดในช่องท้องคนไข้ที่เคยมีประวัติการผ่าท้องมาแล้วร่วมสิบกว่าปี เป็นที่ทราบกันมานานหลายสิบปีมาแล้วว่า โรคหัดในคนเป็นแก่เด็กไม่รุนแรง แต่เป็นแก่ผู้ใหญ่มัก รุนแรง ถึงตายด้วยอาการสมองอักเสบ แม้โรคพิษสุนัขบ้าก็ยังมีบางพันธุ์ที่เมื่อคนได้รับเชื้อแล้ว จะรักษา หรือไม่รักษาเลยเชื้อก็ไม่รุนแรงให้คนนั้นเกิดอาการโรคพิษสุนัขบ้าได้ ในวงการแพทย์พึงจะเริ่มยอมรับว่า คนที่แสดงอาการโรคพิษสุนัขบ้าแล้วไม่ตาย ๑๐๐% หลังจากพบและพิสูจน์ทาวิชาการว่ารอดตายจริง ๒ รายเมื่อไม่กี่ปีมานี้ Hartmamella และ Mycoplasma orale มักจะเป็นตัวแสบในกระบวนการเพาะเลี้ยงเซลล์ โดย น้ าลายผ่านมาทางไพเพต Mycoplasma ของวัวก็มักจะปนมากับซีรั่มวัว ของหมูก็มักปนมากับทริพซีนหมู Herpesvirus simae (herpes B virus), Paramyxovirus SV 5, foamy virus และ papovavirus SV 40 มักจะพบในกรณีที่เพาะเซลล์ไตลิง Adenovirus, enterovirus, reovirus, myxovirus, herpesvirus, Marburg virus, papovavirus รวมทั้งบัคเตรีพวก psittacosis ก็เคยพบว่าเป็นตัวแสบในการเพาะเลี้ยงเซล ลิงมาแล้ว
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๕๖ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ประมาณ ๒๐ ปีมาแล้วบรรดา Zoonoses ที่ WHO เคยเสนอให้เป็นโรคที่ต้องรายงานในระดับ นานาชาตินั้น มี anthrax, brucellosis, arbor encephalitis virus, hydatidosis, leptospirosis plaque, Q fever, rabies, salmonellosis trichinosis, bovine tubecrulosis และ tularemia เป็นที่น่าสังเกตว่า โรคสุดท้ายโรคเดียวที่ไม่เคยมีรายงานในประเทศไทยเลย ปัจจุบันก็มีโรคหนึ่งที่มีอยู่ในเมืองไทย ที่นับได้ว่า ฮิตเป็นอันดับหนึ่งในระดับยอดเยี่ยมระดับโลก นับได้ว่าเป็นปัญหาทางวิชาชีพสัตวแพทย์ที่น่าจะด าเนิน การ ให้เป็นประโยชน์ทางสังคม นอกจากนี้ ยังได้เสนอโรคที่ต้องรายงานในระดับภูมิภาคอีก ได้แก่ Cowpox, ectoparasites and fungus infection, glanders, leishmaniasis, melioidosis, psittacosis, Rift valley fever, Schistosomiasis, taeniasis, trypanosomiasis และ yellow fever ในการท างาน ไม่ว่าวิชาชีพใดจะต้องอาศัยความรู้ (knowledge) ความเชี่ยวชาญ (skill) ท่าที (attitude) และไหวพริบในการแก้ปัญหา (intelligence of problem solving) ในระดับของแต่ละบุคคล ส าหรับองค์การหรือสถาบัน นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst) จะต้องยึดถือหลักทางเศรษฐศาสตร์ (economics) หลักทางเทคโนโลยี (technology) หลักทางสังคม (Sociology) หลักทางธรรมชาติมนุษย์ (human biology) และหลักทางนิติธรรม (legal) ในการที่จะ planning, programming, budgeting และ evaluating กิจการงาน อย่างไรก็ดีแม้จะวางระบบรูปงานได้ยอดเยี่ยมเพียงไร หากผู้บริหารนั้นมิได้ยึด หลักทางพุทธธรรมที่จะให้ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แก่ผู้ร่วมงานแล้ว แม้จะปลุกระดมมวลชนขึ้นมา ได้ ก็มิได้หมายความว่าจะแก้ปัญหาได้แน่นอนตามที่บุคคลชั้นผู้น ามาเสนอด้วยศรัทธาและความ หวังใน อนาคตที่เลื่อนลอย ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ทุกคนย่อมปรารถนาสุข ไม่ปรารถนาทุกข์ ทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อหนีทุกข์ แต่ถ้ามาพินิจพิจารณาให้ดีจะรู้ว่า ยิ่งหนีทุกข์เท่าไร ยิ่งมีทุกข์เพิ่มขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น ควรที่จะอยู่ดับทุกข์ให้ได้ แล้วก็จะกลับกลายเป็นผู้ที่ไม่มีความทุกข์ อนิจจา ความไม่แน่นอน คือ สัจจะ ความแน่นอนเป็นจริง
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๕๗ พุทธศักรำช ๒๕๒๘ ข้อคิดเกี่ยวกับต้านานสัตวแพทย์ไทย จากพระเพทราชา ถึง เริ่มตั้งแผนกสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มา: หนังสือ ๕๐ ปี สัตวแพทยศาสตร์บัณฑิต ๒๔๗๘-๒๕๒๘ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กล่าวกันว่าถ้าไม่รู้อดีต ย่อมไม่รู้ปัจจุบัน ไม่รู้ปัจจุบันก็ย่อมไม่รู้อนาคต การไม่รู้นั้นมิใข่แต่เพียงจ าวัน เดือน ปี ที่เรื่องราวนั้นอุบัติขึ้น ที่ส าคัญที่สุดจะต้องเข้าใจ วิเคราะห์เรื่องราวนั้นด้วยเหตุด้วยผลที่ก่อให้เกิด ผลกระทบแก่มนุษยชาติทั้งทางด้านบวกและลบ เป็นความจริงว่าอารยธรรมของมนุษย์เปลี่ยนวิถีชีวิตจากเร่ร่อนจากพรานล่าสัตว์ เก็บพืชผล ธรรมชาติมาเป็นท าไร่แบบชาวป่านั้น จะเห็นว่าการเพาะปลูกก่อนการเลี้ยงสัตว์ หรืออีกนัยหนึ่งสัตวบาล ย่อมเดินตามรอยไถ สัตว์เลี้ยงนั้นเดิมก็เป็นลูกหลานสัตว์ป่าที่มนุษย์จับมาเลี้ยง ตอนเป็นลูกสัตว์หากไม่ตาย เสียก่อนจะโตจนเอามาฝึกฝนใช้งานได้ก็จะท าให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์ดีขึ้น หลักฐานทางโบราณคดี ยอมรับกันแล้วว่ามนุษย์เลี้ยงสุนัขแล้วประมาณ ๕๐,๐๐๐ ปี เนื่องจากสุนัขช่วยในการล่าสัตว์ วัว แพะ แกะ สุกร ประมาณ ๑๑,๐๐๐ ปี ม้าประมาณ ๖,๐๐๐ ปี ช้าง ไก่ ลาม่า ประมาณ ๕,๐๐๐ ปี อูฐ ควาย ยัค แมว กระต่าย ประมาณ ๔,๐๐๐ ปี ห่าน นกพิลาป ไก่งวง ไก่ต๊อก ประมาณ ๓,๐๐๐ ปี คงจะไม่มีผู้ใดว่าสมัย สุโขทัย คนไทยเราเลี้ยงช้าง ม้า วัว ควาย สุกร แมว และไก่กันแล้ว การเกิด แก่ เจ็บตาย เป็นปัญหาทาง ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์และสัตว์ สัตวบาลที่เลี้ยงเป็นประจ า หากแสวงหาสมุนไพรมาทดลองบ าบัดรักษา สัตว์ยามเจ็บป่วย สังเกตผลการทดลองผิด ๆ ถูก ๆ ก็ย่อมจะมีประสบการณ์ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เห็น มาก ท ามาก ผิดมาก ถูกมาก ในที่สุดก็ย่อมจะเกิดความมั่นใจรู้ว่าควรท าอะไร ท าอย่างไร ท าแค่ไหนเพื่อจะ ได้ผลสนองกลับดีที่สุด เพราะสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคล า สิบมือคล าไม่เท่าช านาญ หรือประสบการณ์ที่เสาะแสวงหาได้ด้วยตนเอง โดยมิได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธจากส านักใด สัตวบาลที่ ยอดเยี่ยมย่อมจะมีความรู้ที่จะพัฒนาตนเองในการบ าบัดโรคสัตว์ หรือเป็นสัตวแพทย์แผนโบราณโดยปริยาย สมัยโบราณของไทยนั้น ช้างและม้า เป็นยุทธปัจจัยที่จะประกันความมั่งคงของประเทศ ยามที่ ประมุขของประเทศจะตัดสินโชคชะตาของสงครามโดยยุทธหัตถี ต าแหน่งสมุหคชบาล เจ้ากรมช้าง สมุห อัศวราช เจ้ากรมม้า นั้นย่อมจะต้องรอบรู้ในการบังคับสัตว์ ฝึกฝนสัตว์ แล้วยังจะต้องรอบรู้ในการบ าบัดโรค ด้วย ตามต าราคชศาสตร์นั้นแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายคชลักษณ์จะเน้นการศึกษาลักษณะรูปพรรณช้างนิสัยดี
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๕๘ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ช้างนิสัยดุร้ายไม่เหมาะแก่การน ามาใช้งาน และฝ่ายคชกรรมจะเน้นกระบวนวิธีจับช้าง คล้องช้าง ฝึกช้าง รักษาช้าง และบ าบัดเสนียดจัญไรต่าง ๆ ด้วยเวทมนตร์ และพิธีบวงสรวงพระพิฆเนตรจะเห็นได้ว่าฝ่ายหลัง นี้ชาวบ้านจะเรียกว่าหมอช้างซึ่งเก่งในการจับช้าง ฝึกช้าง และพอมีความรู้รักษาช้างด้วยสมุนไพรที่ใช้กิน เป่า พ่น และพอกภายนอกเท่านั้น ช้างที่อยู่ในพระบรมมหาราชวังสังกัดในกรมช้างต้น ที่อยู่นอกวังสังกัดใน กรมช้างโขลน ทั้งสองกรมขึ้นต่อกรมคชบาล ต าแหน่งสมุหคชบาลย่อมจะยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณเทียบระดับ แม่ทัพในสมัยปัจจุบัน ต าแหน่งดังกล่าวนี้หากเทียบความส าคัญกับแพทย์หลวงโดยศักดินาแล้วจะเห็นได้ว่า ต าแหน่งแพทย์คนนั้นยังด้อยกว่าเพราะ พระเพทราชาธิบดีศรีสุริยาภิชาติสุริยวงษ์ องค์สมุหคชบาล จางตง ขวา ศักดินา ๕,๐๐๐ ออกยาศรีสุริยาพาหะสมุหพระอัศวราชพิริยะพาหนะ ศักดินา ๓,๐๐๐ พระศรีมโหสถ ราชแพทยาธิบดีศรีองค์รักษ์ เจ้ากรม แพทย์ยาหน้า ศักดินา ๑,๖๐๐ พระศรีศักดิราช แพทยาธิบดีศรี องครักษ์ แพทย์ยาหลัง ศักดินา ๑,๖๐๐ ออกยาแพทย์ยาพงษาวิสุทธาธิบดีอภัยพิริยบรากรมพาหุ จางวาง แพทย์ยาโรงพระโอสถ ศักดินา ๒,๐๐๐ ทั้งนี้เพราะช้างและม้ามีคุณค่าทางยุทธปัจจัยสูง ตรงข้ามกับปัจจุบัน นี้ที่ทรัพยากรทางบุคคลและการเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แผนใหม่ ยังส่งผลให้สามารถพัฒนา ยุทโธปกรณ์ด้วยอาวุธและเครื่องยนต์กลไกมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน พ.ศ. ๒๒๓๑ พระเพทราชา สมุหคชบาล อาจจะนับได้ว่าเป็นสัตวแพทย์คนแรกที่ได้ขึ้นครองราช สมบัติในสมัยกรุงศรีอยุธยาต่อจากสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ผู้ที่ด ารง ต าแหน่งสมุหคชบาลในรัชกาลที่ ๑ คือ กรมหมื่นอินทรพิพิธ (พระองค์เจ้าทับทิม) ต้นราชสกุล อิทรางกูร ใน รัชกาลที่ ๒ กรมหลวงเทพพลภักดิ์ (พระองค์เจ้าอภัยทัต) ต้นราชสกุลไม่ปรากฎ ในรัชกาลที่ ๓ กรมหลวง รักษ์รณเรศ (พระองค์เจ้าไกรสร) ต้นราชสกุลพึ่งบุญ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ (พระองค์เจ้าพนมวัน) ต้น ราชสกุลพนมวัน เจ้าฟ้าชายอาภรณ์ ต้นราชสกุลอาภรณกุล ในรัชกาลที่ ๔ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ (พระองค์ เจ้ากุญชร) ต้นราชสกุลกุญชร สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนาบ าราบปรปักษ์ (เจ้าฟ้ามหามาลา) ต้นราชสกุลมาลา กุล ในรัชกาลที่ ๕ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ (พระองค์เจ้าเจรจรัสวงศ์) นอกจากนี้ยังพบพระราชหัตถเลขาระบุ ม.จ.กัน ในกรมหมื่นเสนีภาพ ต้นราชสกุลอสุนี รักษาช้างหลวง ม.ร.ว.ชื่น ไม่ทราบนามสกุล รักษาช้าง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๑ และรัชกาลที่ ๖ นายสัตวแพทย์พัตโหนด แห่งกรมช้างต้น รักษาพระเทพคชรัตนกิริณี ป่วยเมื่อ ๒๗ กรกฎาคม ล้ม ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ส าหรับผู้ที่ด ารงต าแหน่งสมุหอัศวราช สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ ๓ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ในรัชกาลที่ ๔ พระองค์เจ้าสิงหนาทดุรงค์ฤทธิ์ (ม.จ.สิงหนาท) ในกรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ในรัชกาลที่ ๕ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน) ในพระองค์เจ้าสิงหนาทดุรงค์ฤทธิ์ และพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ล.วราห์) ในเจ้าพระยาเทเวศน์วงศ์วิวัฒน์ ในรัชกาลที่ ๖ พระยาคชธรศรีหราชรองเมือง (เทียบ อัศวรักษ์) พึงสังเกตด้วยว่าต าแหน่งอัศวราช ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ และ ๖ มันไม่สมควรที่จะร่วมอยู่ในกลุ่มสัตวแพทย์ เพราะตั้งแต่สมัยต้นรัชกาลที่ ๕ นั้นได้เริ่มมีต าแหน่ง “เวเตอรินานี ซายัน” แล้ว น่าจะเป็นวิถีทางของสังคม ที่ต าแหน่งทางราชการก็ดี แพทย์ และสัตวแพทย์แผนโบราณนั้นก็ดี มักตกทอดมายังผู้สืบสายสกุลกันจาก สมัยปู่ พ่อ ลูก และหลาน หากไม่มีทายาทสายตรงก็จะตกแก่ผู้น้อง หากไม่มีน้องก็จะตกแก่ลูกเขย
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๕๙ จากหลักฐาน บัญชีการเข้าเวรรักษาการณ์ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันอาทิตย์ขึ้น ๓ ค่ า เดือน ๗ จ.ศ. ๑๒๓๗ ร.ศ. ๙๗ ซึ่งตรงกับ พ.ศ. ๒๔๑๘ หรือ ค.ศ. ๑๘๖๕ นั้น ระบุ ร.ต. ม.ร.ว.ไฉน ต าแหน่ง เวเตอริ นานี ซายัน สังกัดทหารม้ามหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมยุทธนาธิการ สมควรนับได้ว่าท่านผู้นี้ด ารงต าแหน่ง สัตวแพทย์หรืออัศวแพทย์ทางราชการ และต่อมาได้เลื่อนเป็น ร.อ.หลวงพรรฤกสรศักดิ์* ในวังอังคาร ขึ้น ๑๓ ค่ า เดือน ๑๑ จ.ศ. ๑๒๕๔ ร.ศ. ๑๑๑ ปัญหาที่น่าติดตามค้นคว้าตรวจสอบก็คือ ม.ร.ว.ไฉน สืบสานราช สกุลใด ร่ าเรียนศึกษาจนได้ต าแหน่งนี้จากส านักไหน นอกจากนี้ผู้ที่เคยด ารงต าแหน่งเวอเตอรินานี ซายัน นี้ ยังมี ม.ร.ว.ชื่น ใน จ.ศ. ๑๒๓๙ ม.จ.โต ในพระองค์เจ้าชุมแสง ใน จ.ศ.๑๒๔๒ และ ม.ร.ว.โต ใน จ.ศ. ๑๒๕๘ ต าแหน่งเวอเตอรินานี ซายันเป็นต าแหน่งนายทหารสัญญาบัตร น่าจะต้องมีวุฒิหรือความสามารถ พิเศษกว่าธรรมดาสมัยดังกล่าวยังมิได้ใช้ค าอัศวแพทย์ การสืบประวัติหาหลักฐานจากกระทรวงกลาโหมนั้น หมดหนทางเพราะ ม.ร.ว.ไฉน ด ารงต าแหน่ง ร.ต. ร่วม ๒๐ ปีก่อนตั้งกระทรวงกลาโหม ใน พ.ศ. ๒๔๓๗ สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ที่รู้ภาษาต่างประเทศก็มีกรมหลวงวงศาธิราชสนิท (พระองค์เจ้านวม) ต้นราชสกุลสนิทวงศ์ กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศ (พระองค์เจ้าโต) ต้นราชสกุล ม.ร.ว. กระต่าย อิศรางกูร ซึ่งต่อมาเป็นหม่อมราโชทัย นายโหมด ซึ่งต่อมาเป็นพระยากระสาปนกิจโกศล ต้นสกุล อมาตยกุล นายดิศ ซึ่งต่อมาเป็นหลวงสุรวิเศษ ศึกษาการเดินเรือซึ่งฝรั่งเรียกว่า กัปตันดิค (Captain Dick) นายฉุนซึ่งต่อมาเป็นพระชลธารวินิจฉัย เจ้ากรมคลอง สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจาก พระองค์ท่านแล้วก็มีพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ซึ่งต่อมาเป็นสมเด็จ เจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ จมื่นราชามาตย์ (ข า) ซึ่งต่อมาเป็น เจ้าพระยารวิวงศ์มหาโกษาธิบดี พระ ปรีชากลการ (ส าอางค์ อมาตยกุล) ส าเร็จวิศวกรรมศาสตร์ จากสก๊อตแลนด์ นายราชาณัตยานุหาร ซึ่งต่อมา เป็น เจ้าพระยาภาสรวงษ์ ได้ทุนหลวงไปเรียนที่อังกฤษ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๔๑๘ ได้ทรงส่งหม่อมเจ้า ๑๔ องค์ไปเรียนที่เมืองสิงคโปร์ นักเรียนที่ส่งไปเรียนยุโรปรุ่นแรก คือนายเทวาธิ ราช (ม.ร.ว.เทวหนึ่ง ศิริวงศ์) ใน จ.ศ. ๑๒๓๗ หรือ พ.ศ. ๒๔๑๗ ม.จ.ปฤศฎางค์ชุมสาย ซึ่งต่อมาเป็น พระองค์เจ้าปฤศฎางค์ ใน จ.ศ. ๑๒๓๙ หรือ พ.ศ. ๒๔๒๐ ม.ร.ว.สุวรรณ สนิทวงศ์ในพระองค์เจ้าสายสนิท วงศ์ ใน จ.ศ. ๑๓๔๑ หรือ พ.ศ. ๒๔๒๒ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ซึ่งต่อมาเป็น กรมพระสวัสดิวัฒนวิศิษฏ์ ต้นราชสกุล สวัสดิวัฒน์ ใน จ.ศ. ๑๒๔๓ หรือ พ.ศ. ๒๔๒๔ จึงน่าจะลงความเห็นได้ว่า ม.ร.ว.ไฉน นี้มิได้ ศึกษาสัตวแพทย์จากต่างประเทศ ต าแหน่ง เวเตอรินารี ซายันนี้ อาจจะเป็นต าแหน่งที่ ร.อ. Imprey นายทหารต่างประเทศสัญชาติอังกฤษคนแรกที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจ้างมาใน ร.ศ. ๗๐ เพื่อปรับปรุงกองทัพ หรือ ร.อ. Knox เพื่อพัฒนาทหารม้าและอัศวแพทย์ตามแนวของอารยประเทศ ตะวันตก * หลวงพรรฤกสรศักดิ์ ราชทินนามพ้องกับ อัศวแพทย์ รุ่นที่ ๑ ที่ส าเร็จจากโรงเรียน อัศวแพทย์ทหารบก ซึ่ง ม.จ.ทอง ฑีฆายุ ทองใหญ่ เป็นผู้อ านวยการโดยมี นายสัตวแพทย์เยอรมัน เชิน วิลเซพ สปิราเตอร์ เป็นครู เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๖๐ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล หากจะตั้งปัญหาว่าใครเป็นสัตวแพทย์ไทยคนแรกนั้นยากที่จะตอบ เพราะจะต้องพิจารณาว่า สัตว แพทย์นั้นมีหน้าที่และความสามารถในการปฏิบัติงานทางสัตวแพทย์ ขอบข่ายกว้างขวางแค่ไหน หากจะ เพียงพิจารณาเพียงต าแหน่งทางราชการก็เกณฑ์หนึ่ง หากจะพิจารณาว่าต้องได้ฝึกฝนร่ าเรียนวิทยายุทธจาก ส านักใดส านักหนึ่งซึ่งเป็นสถาบันวิชาชีพที่สังคมยอมรับแล้วก็เกณฑ์หนึ่ง หรือหากจะเป็นนักวิชาการที่น า ความรู้วิทยาศาสตร์ขั้นมูลฐานมาประยุกต์จนที่ผลที่คนทั่วไปยอมรับด้วยอัจฉริยะของตนเองจนมี ประสบการณ์เป็นนักวิชาการระดับโลกก็อีกเกณฑ์ อาทิเช่น สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ร่ าเรียนทาง ดาราศาสตร์ แต่ฝึกฝนด้วยพระองค์เองโดยการชี้แนะของบาทหลวงที่เข้ามาสอนศาสนาในประเทศไทย จน ทรงสามารถท านายสุริยุปราคาได้อย่างแม่นย าไม่แพ้นักดาราศาสตร์ของประเทศตะวันตก จนได้รับการยก ย่องว่าเป็นบิดาของนักวิทยาศาสตร์ไทย Louis Pasteur นักเคมีผู้บุกเบิกทางจุลินทรีย์ของโรคสัตว์และโรค มนุษย์ A.F.G. Kerr M.D. แพทย์ผู้มีพื้นฐานวิชาพฤกษศาสตร์เบื้องต้นไม่มาก แต่สนใจจนกลายเป็นนัก พฤกษศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก H.M. Smith M.D. แพทย์ผู้มีพื้นฐานวิชาสัตววิทยา สนใจปลาจน กลายเป็นนักมีนวิทยายอดเยี่ยมระดับโลก พระยายอดเมืองขวาง (ม.ล.จั๊บ เสนีย์วงศ์) ข้าหลวงประจ า จังหวัดอุทัยธานี ที่วางแผนควบคุมโรคกระบืออย่างมีประสิทธิภาพ อัศวแพทย์ต่างประเทศประจ ากรมอัศวราชคนแรก คือ มิสเตอร์ กูเล่ (ไม่ทราบสัญชาติ) เมื่อ ร.ศ. ๑๐๔ พ.ศ. ๒๔๒๘ หรือ ค.ศ. ๑๘๘๕ ตามเอกสารพระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ฉบับที่ ๑๕ ลงวันเสาร์ขึ้น ๗ ค่ า เดือน ๘ จ.ส. ๑๒๔๗ คนที่สองคือ มิสเตอร์กาลกานา (ไม่ทราบ สัญชาติ) ใน ร.ศ. ๑๑๑ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๕ คนที่สามคือ เฮิน วัลเฮม สปราเตอร์ สัตวแพทย์ชาวเยอรมัน อัศว แพทย์กรมทหารม้า ใน ร.ศ. ๑๒๕ พ.ศ. ๒๔๔๙ และเป็นอาจารย์โรงเรียนอัศวแพทย์ทหารบกครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๕๕ เพราะเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๗ ทางราชการจ้าง Harry S. Leonard สัตวแพทย์อเมริกันมาควบคุม โรงฆ่าสัตว์ สังกัดกรมสุขาภิบาลนั้นได้ขอร้องให้ปลีกครึ่งวันมาตรวจดูและรักษาม้าทางราชการด้วยแต่ H.S. Leonard ถือว่ามิใช่หน้าที่ตามสัญญาที่ท ากันไว้แต่เดิม ตามด้วย พ.ต. Tabuteau Henrick M.R.C.V.S. แห่งประเทศอังกฤษ นักเรียนนายร้อยที่จะสังกัดกรมทหารม้าที่มาเรียนวิชาอัศวแพทย์ จากอัศวแพทย์กรม อัศวรักษ์ กระทรวงวัง เมื่อ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ได้แก่ นายสม สุนทรเสน นายนิตย์ สาลักษณ์ และ ยังมี George Harry ครูฝึกม้า กรมอัศวราช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘ นายไชย แสงชูโต ซึ่งภายหลังเป็น พ.ท.หลวง ชัยอัศวรักษ์ ได้ทุนกลาโหมไปเรียนสัตวแพทย์ได้ปริญญาจากต่างประเทศคนแรก กลับมารับราชการเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๐ ต่อมาด ารงต าแหน่ง หัวหน้าแผนกอิสระสัตวแพทยศาสตร์ และคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคนแรก แม้งานทางสัตวแพทย์แผนปัจจุบันจะเริ่มด้วย อัศวแพทย์ ทางกรมทหารม้า กระทรวงกลาโหมและ ทางกรมอัศวราชกระทรวงวัง ผลงานทางด้านวิชาการ อาจะมีบ้างแต่ไม่ปรากฎเอกสารยืนยัน เท่าที่ปรากฎ จากเอกสารทางด้านสาธารณสุขนั้น ใน ร.ศ. ๑๑๔ ค.ศ. ๑๘๙๕ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๘ พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงจ้างนายแพทย์ P.A. Nightingale M.D. มาท าหน้าที่ตรวจเนื้อโรงฆ่าสัตว์ ของ กรมสุขาภิบาล P.A. Nightingale จึงเป็นบุคคลแรกที่เสนอรายงานโรคภาคย์หรือโรคปากเท้าเปื่อย (Foot
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๖๑ and Mouth Disease) และโรคลงแดง (Rinderpest) เป็นครั้งแรกใน ร.ศ. ๑๑๖ ค.ศ. ๑๘๙๗ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๙ โรคฝีดาษในโค (Cow pox) ใน ร.ศ. ๑๑๙ หรือ พ.ศ. ๒๔๔๒ และโรคพิษสุนัขบ้าในโค กระบือ เดือนตุลาคมที่สระบุรี มกราคมที่ราชบุรี กุมภาพันธ์ที่สุพรรณบุรี ใน ร.ศ. ๑๒๔ หรือ พ.ศ. ๒๔๔๗ ส าหรับ นายแพทย์ H Campbell Highet M.D ก็รายงาน โค กระบือตายด้วยโรคกาลี (Anthrax) รวมทั้งคนที่กิน เนื้อเจ็บป่วยถึงตาย การป้องกันโรคระบาดสัตว์สมัยนั้นจึงใช้แพทย์ฉีดวัคซีนที่สั่งมาจากต่างประเทศ นอกจากความส าคัญของอัศวแพทย์ทางทหารแล้ว เป็นที่น่าสังเกตว่าสัตวแพทยศาสตร์แผนปัจจุบันนี้ได้เริ่ม ก่อตัวขึ้นจากความส าคัญของโรคสัตว์ที่จะติดต่อมาถึงมนุษย์ในด้านอนามัยและสาธารณสุข Harry S.Leonard D.V.M เป็นสัตวแพทย์ประจ าโรงฆ่าสัตว์คนแรก สังกัดกรมสุขาภิบาล ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๗ หรือ ค.ศ. ๑๙๐๔ ถึง พ.ศ. ๒๔๖๐ หรือ ค.ศ. ๑๙๑๘ ซึ่งการตรวจเนื้อโรงฆ่าสัตว์ก็ก าเนิดโดยเจ้าหน้าที่ไทย รับช่วงมา อันที่จริงโรงฆ่าสัตว์นี้น่าจะเป็นแหล่งที่ให้ราชการได้ทราบสถิติต่าง ๆ ของโรคต่าง ๆ อันจะท าให้ ทราบได้ว่า มีโรคอะไรเกิดแก่ วัว ควาย สุกร พบบ่อยมากแค่ไหน ยังผลให้กระทบแก่เศรษฐกิจของประเทศ มากน้อยเพียงใด ควรจะวางแผนในระยะสั้น ระยะยาว ในรูปแบบอย่างไร ความริเริ่มดังกล่าว ดูไม่ปรากฎ พอจะอนุมานได้ว่าปฏิบัติการให้ลุล่วงเพียงแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว นโยบายทางด้านเกษตรนั้น สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงส่งกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม (พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒน์) ต้นราชสกุลเพ็ญพัฒน์ ศึกษาจนได้ประกาศนียบัตรทางกสิกรรมที่สก๊อตแลนด์ และ ส าเร็จวิชาการคลังจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กลับมารับราชการในต าแหน่งอธิบดีกรมเพาะปลูก เมื่อ ร.ศ. ๑๑๙ หรือ พ.ศ. ๒๔๔๑ ทรงรับราชการได้เพียงสิบปีก็สิ้นพระชนม์ ยังผลให้แผนงานทางเกษตรซึ่งเป็น พื้นฐานของเศรษฐกิจชงักงัน ไม่รุดหน้าตามที่ควร อาทิเช่น โครงการมหาวิทยาลัยสยามใน พ.ศ. ๒๔๕๗ นั้น เดิมยังรวมสาขาวิชาเพาะปลูกเพื่อจะพัฒนาให้เต็มที่ก็ต้องรอไว้ก่อนเพื่อโครงการวิวัฒนาการมาในรูปของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใน พ.ศ. ๒๔๕๘ และเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ มูลนิธิร๊อกกี้เฟลเล่อร์ เข้ามาช่วยปรับปรุง โครงการศึกษาแพทยศาสตร์ เจ้าพระยาพลเทพ (เฉลิม โกมารกุล) เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการเห็น ความส าคัญในการน าวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานมาประยุกต์เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ทางสัตวแพทย์แผน ปัจจุบัน และสภาวะทางเศรษฐกิจยังไม่เอื้ออ านวยที่จะเริ่มพัฒนาวิทยาการหลายสาขาร่วมไปด้วย โรงเรียน สัตวแพทย์ กรมเพาะปลูกที่ริเริ่มเมื่อ ค.ศ. ๑๙๑๖ หรือพ.ศ. ๒๔๕๙ สมัย George Joseph Harvey. S.H.L. Woods M.R.C.V.S. พ.ศ. ๒๔๖๔ หรือ ค.ศ. ๑๙๒๒ และ R.P. Jones พ.ศ.๒๔๖๕ หรือ ค.ศ. ๑๙๒๓ จึงยัง มิได้พัฒนาการศึกษาตามแนวสัตวแพทย์ศาสตร์แผนปัจจุบัน มีหลักสูตรที่ขาดวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานไม่ พัฒนาตามที่ควรจะเป็น หลักฐานเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ ปรากฏว่า งานสัตวแพทย์กระทรวงเกษตราธิการนั้น มี R.P. Jones เป็นเจ้าส านัก หลวงศรีสาลีพิช (ติ๋ง ภวกุล) เป็นอาจารย์ผู้ช่วย หลวงวรพจน์ภูมิภาค เป็นล่ามผู้ แปล หลวงพิรุฬพิเรกพันธ์ (ม.ร.ว.บัว สนิทวงศ์) เป็นผู้ช่วยนายสัตวแพทย์ พระศรีเกษตรภิบาล B.S. (Cornell) ผู้อ านวยการกองบ ารุงรักษาสัตว์ พระสิทธิโกสัยพันธุ์ เป็นผู้ช่วย พ.ศ. ๒๔๖๙ นายพนัส ณ นคร เป็นล่ามผู้แปล ขุนวิจิตรพาหนะการ (นายใหญ่ กฤษณยุทธ์) เป็นนายสัตวแพทย์ซึ่งต่อมาได้รับราชการจน เป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์และสัตวพาหนะ และเลื่อนขึ้นเป็นปลัดกระทรวงเกษตราธิการ
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๖๒ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ทางด้านวสการสถาน (Biological Laboratory) สถานผลิตวัคซีนซีรั่มนั้น ระยะแรกเริ่มจากกรม สุขาภิบาลโดย นายแพทย์ Hans Adamsen M.D. ผู้อ านวยการด าเนินงานที่สระปทุม ระยะที่สอง Paul G. Woolley M.D. เป็นผู้อ านวยการย้ายไปที่นครปฐม และรับช่วงโดย นายแพทย์ Ralph T. Edwards M.D. ท าการผลิตหนองฝีดาษ และวัคซีนโรคกาลี (Anthrax) ระยะที่สามจะมีวิวัฒนาการแยกโดยทางแพทย์ สถานปาสเตอร์ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นสถานสาวภา ของสภากาชาดไทย มีนายแพทย์ Leopold Robert เป็น ผู้อ านวยการคนแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ ผลิตหนองฝีดาษ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า และ ซีรั่มบ าบัดพิษงู อัศว แพทย์ พ.อ.หลวงสนิทรักษ์สัตว์ (สนิท โรหิตเสถียร) ได้ทุนไปฝึกงานที่ Pasteur Institute กรุงปารีส และ การศึกษาได้ปริญญาสัตวแพทย์จาก Alfort กลับมารับราชการใน พ.ศ. ๒๔๗๒ ส่วนทางกรมเพาะปลูกก็ตั้ง สถานีผลิตวัคซีนที่ปากช่อง นครราชสีมา โดยการอ านวยการของ R.P. Jones หากจะพิจารณาดูประวัติศาสตร์ทางแพทย์และสัตวแพทย์จะเห็นได้ว่า Louis Bertier de Sauvigny ตั้งโรงเรียนสัตวแพทย์ใน ค.ศ. ๑๗๘๒ ที่ Alfort นั้นได้เน้นวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานเป็นสถาบันชั้นน า โดยมี ต าแหน่งศาสตราจารย์ทางกายวิภาคศาสตร์เปรียบเทียบ เศรษฐกิจทางชนบท และเคมี ซึ่งยังผลให้มีการ วิ จั ย ท าง ผ ส ม พั น ธุ์ อ า ห า ร แ ล ะ เ ค มี Henry Bertin ไ ด้ ย้ า ว่ า ก า ร ฟื้ น ฟู ช น บ ท นั้ น แ พ ท ย์ ไม่เพียงแต่ประกันสุขภาพของสัตว์เท่านั้น ควรจะต้องค านึงถึงสุขภาพมนุษย์ด้วย สัตว์แพทยบัณฑิตของ Alfort สมัยนั้นหากจะไปพัฒนาชนบทต้องศึกษาเพิ่มเติมทางผดุงครรภ์ และการเข้าเฝือกเพื่อไปปฏิบัติงาน ฉุกเฉิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในศตวรรษที่ ๑๙ John Law แห่ง New York State Veterinary College ก็ยังเน้นบทบาทของสัตวแพทย์ในการฟื้นฟูชนบท ท าให้เข้าใจสภาพเศรษฐกิจและสังคมของไทย ในการพัฒนาแพทย์และสัตวแพทย์ โดยมีจุดเริ่มต้นของปีอนามัย (Health) และสัตวแพทย์สาธารณสุข (Veterinary public health) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อประมาณ ร.ศ. ๑๑๔ ค.ศ. ๑๘๙๕ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๘ ๗ มกราคม ร.ศ. ๑๑๙ หลักฐานที่สมเด็จพระจุลจอมเกล้าส่งนายตุ่ม กุญชร บุตร ม.ล.วราห์ กุญชร ไปเรียนสัตวแพทย์ที่ยุโรปแล้วไม่บรรลุผลนั้น เนื่องจากพื้นฐานความรู้ทาง วิทยาศาสตร์พื้นฐานของเราไม่เพียงพอ ต่อมาก็ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณจนเป็นพระยาศรีกฤษดา กร ร.ท.ม.จ.ทองฑีฆายุ ทองใหญ่ ส าเร็จวิชาทหารม้า ณ ประเทศรัสเซีย พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้ทรงอบรมวิชาอัศว แพทย์เสริมเพิ่มเติมมาบ้าง แต่ไม่ได้เรียนครบหลักสูตรของสัตวแพทย์หลวงชัยธัศวรักษ์ (ไชย แสงชูโต) เป็น นักเรียนนายร้อยที่ได้ทุนกลาโหมไปเรียนสัตวแพทย์ เป็นคนไทยคนแรกที่ส าเร็จได้ M.R.C.V.S. (Lond.) ประกาศนียบัตร ประกอบโรคศิลปสาขาสัตวแพทย์พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงสนิทรักษ์สัตว์ (สนิท โรหิตเสถียร) Dr.med. vet (Alfert) พ.ศ. ๒๔๗๒ ด้วยทุนสภากาชาด ธวัช ชุมะโชติ ไปเรียนด้วยทุนส่วนตัวหลัง สงครามโลกครั้งที่ ๑ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต Dr.med. vet (Zwitch) M.S. (Cornell) ด้วยทุนส่วนพระองค์ จรัส สืบแสง D.V.M. (Philip) พ.ศ. ๒๔๗๓ M.S. (Cornell) วัลลภ อัศวนนท์ D.V.M. (Philip) พ.ศ. ๒๔๗๔ รัตน์ อุณยวงค์ D.V.M. (Philip) พ.ศ. ๒๔๗๘ และ จักร พิชัยรณรงค์สงคราม D.V.M. (Philip) พ.ศ. ๒๔๗๙ ด้วยทุนส่วนพระองค์ ลออ คุ้มไพโรจน์ M.R.C.V.S. (Edin) พ.ศ. ๒๔๘๒ ด้วยทุนราชตฤณมัยสมาคม และ โอนเข้าหาทุนกลาโหม สุนทร หงส์ลดารมย์ เมื่อทุนราชตฤณมัยสมาคมสิ้นสุดก็โอนเข้ากระทรวงศึกษาธิการ
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๖๓ จึงมิได้เรียนต่อทางสัตวแพทย์ส าหรับผู้ที่เคยได้รับการอบรมประกาศนียบัตรสัตวแพทย์ก่อน พ.ศ. ๒๔๓๘ แล้วต่อมาได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศโดยทุนกระทรวงเกษตราธิการก็มี เตียง ตันสงวน G.M.V.C. (Madras) ประสงค์ เตมียาจล M.R.C.V.S. (Edin) เล็ก ไชยวสุ D.V.M. (Philip) ส่วนบุญส่ง (จั่วจ าเริญ) บุณฑกุล และ อัมพร กรัสนันท์นั้นมิได้เรียนสัตวแพทย์ที่อังกฤษจนส าเร็จ เนื่องจากพื้นความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ต่างประเทศเพิ่มพูนระดับสูงขึ้นโดยไม่หยุดยั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับระดับมาตราฐานการศึกษาของบ้านเรา ส าหรับท าเนียบรายชื่อผู้ส าเร็จประกาศนียบัตรโรงเรียนสัตวแพทย์ทหารบก และโรงเรียนสัตวแพทย์ กรมเกษตรยังพอมีหลักฐานที่รวบรวมได้ครบถ้วน ยกเว้นจากโรงเรียนอัศวแพทย์ กรมอัศวราชเท่านั้น ที่ได้ เห็นจากรายงานบางฉบับของเสนาบดีกระทรวงวัง และรายชื่ออัศวแพทย์ ประจ ากรมอัศวแพทย์ ที่ขอ พระราชทานนามสกุลที่มีหลักฐานปรากฏคือ แข็ง สุวรรจูฑะ, จ่าง วัจนลักษณ์, รุน สิปปินนันท์, จันทร์ วรานนท์, เต็ม เปรมวัต งานสัตวแพทย์ไทยนั้น หากค้นตามหลักฐานเพื่อแสวงหาความจริงแล้ว ก็จะปรากฏว่าเรื่องที่ไม่น่า เชื่อนั้นก็ต้องเชื่อ เป็นวัฒนธรรมของมนุษย์อย่างหนึ่งที่ไม่สมควรพูดในสิ่งที่พูดไม่ได้ คนที่ท าแต่สิ่งที่ถูกต้อง แม้อยู่ในต าแหน่งที่เหมาะหากท าในจังหวะเวลาที่ไม่เหมาะนั้น สู้คนที่ท าผิดในต าแหน่งที่เหมาะสมและใน จังหวะที่เหมาะสมไม่ได้ ไม่ว่าสังคมใด หากมนุษย์มีความรู้สึกว่าประสิทธิภาพตนเองด้อยลง เกรงกลัวว่าจะมี บุคคลอื่นขึ้นมาทัดเทียมท าให้เกิดความกลัว กีดกัน และกดขี่ แสวงหาพรรคพวก สร้างอาณาจักรเพื่อ ปกป้องเสถียรภาพ การหลงตัวและมีอุปาทานยึดมั่นจะเป็นหนึ่งไร้ผู้เทียมทานนี้ เป็นปัญหาสามัญของกลุ่ม ชนผู้ด้อยพัฒนา หลายคนเคยเห็นกลอนที่เขียนไว้ข้างฝาที่พักราชการต่างจังหวัดบทหนึ่งที่ขอแปลจาก ต้นฉบับเดิมเพื่อให้พอฟังได้ “มีเรือดีไม่ขี่ข้าม เอาเรือรั่วน้ ามาข้ามขี่ ราชการงานหลวงจะดี ส่งคน...ไร้ศักดิ์ศรี ท างาน” ท าให้ต้องยอมรับว่าการพัฒนาตัวบุคคลเป็นปัจจัยที่ส าคัญอันดับแรก บุคคลที่สามารถประยุกต์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้นย่อมชี้ความก้าวหน้าทางวิชาการของแต่ละสถาบันหรือวิชาชีพ คุณค่าของคนอยู่ที่ผลงาน มิใช่ส าเร็จจากสถาบันไหน รุ่นไหน คนของใคร ความก้าวหน้าของงานนั้น อยู่ที่ข้างล่างต้องดัน ข้างบนต้องฉุดดึง ด้วยระบบคุณธรรม ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล สต.บ. รุ่น ๒
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๖๔ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๖๕ พุทธศักรำช ๒๕๕๑ แด่ศาสตราจารย์ศุภชัย วานิชวัฒนา ปูชนียบุคคลที่ข้าพเจ้าไม่มีวันลืม ที่มา: อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพศาสตราจารย์ศุภชัย วานิชวัฒนา ม.ว.ม., ป.ช., ท.จ. ราชบัณฑิต เมื่อคุณหลวงศรีปรีชาธรรมประจัก (ศิริ สิตปรีชา) เนติบัณฑิต Barrister at Law. London อดีต เลขาธิการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคนแรก (๒๑ พ.ค. ๒๔๖๘-๑๔ ก.ย. ๒๔๗๘) ย้ายไปอยู่กระทรวงพานิชย การ เกษียณราชการแล้ว มรณะเมื่อประมาณไม่กี่ปีตอนอายุ ๙๖ ปี อาจารย์และนิสิตปัจจุบันที่รู้จักแทบจะ ไม่มี ท าให้รู้สึกสะท้อนอยู่ในใจว่าคนไทยเราลืมอดีตง่าย และยังไม่เห็นความส าคัญของอดีต เพราะเป็นเรื่อง ไกลตัว ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ผู้บันทึกไว้เพื่อเป็นหลักฐาน บางเรื่องที่เล่าต่อกันมา หากมิได้บันทึกจึง กลายเป็นต านาน เป็นความจริงที่การอ่านมาก ก็จะรู้เรื่องต่าง ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนมาก เช่น หลักฐานของหอ จดหมายเหตุแห่งชาติ ระบุว่า นายชู เป็นคนแรกที่ได้ ปริญญา Ph.D. จากประเทศอังกฤษเมื่อ ๕ พ.ค. ร.ศ. ๑๑๖ (พ.ศ. ๒๔๓๐, ค.ศ. ๑๘๘๙) เรื่องราวเกี่ยวกับนายชู ต่อมาไม่เคยปรากฏอีกเลย อาจเป็นเพราะ มิได้ เข้ารับราชการ หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ชุมสาย ได้ปริญญาวิศวกรรมบัณฑิตจากราชอาณาจักรอังกฤษได้ที่ ๑ พร้อมรับรางวัลจาก Queen Victoria เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ ได้สถาปนาเป็นพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๗ ศาสตราจารย์ ศุภชัย วานิชวัฒนา ท่านถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๙๐ ปีกว่า ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าเป็นโอกาส อันดีแล้วที่จะได้หวนร าลึกถึงท่านที่เป็นหัวหน้าแผนกชีววิทยาไทยคนแรกที่ได้รับช่วงต่อจาก ศาสตราจารย์ O. T. Cousey จากมูลนิธิ Rockefeller คนสุดท้าย ประวัติศาสตร์ต้องมีบันทึก หลายกรณีที่มิได้มีบันทึก เป็นหลักฐานก็เป็นนิยายในอดีต เฉพาะที่เริ่มตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแรกของสยาม ความเป็น มหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศยอมรับได้นั้นเนื่องจากนโยบายมูลนิธิ Rockefeller มาอุปการะทางด้านวิชาการ และด้านบุคลากร โดยให้รัฐบาลมีส่วนร่วมในงบประมาณสร้างอาคารสถานที่ โดย พระเจ้าน้องยาเธอ สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงเป็นผู้น าที่สูงส่งด้วยบารมี ประสานนโยบาย ร่วมกับผู้แทนมูลนิธิ Rockefeller ตอนปลายรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจนบรรลุ เป้าหมายนั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่ลืมไม่ลง ทัศนคติของทูลกระหม่อมนั้น การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยระดับสากล ต้องการให้นิสิตเป็นคน ช่างสังเกตแล้วเข้าใจคิดที่จะหาเหตุและผลด้วยตนเอง จากกฎเกณฑ์และทฤษฎีที่นักวิชาการยอมรับ มา แก้ปัญหาทางวิชาการได้ด้วยตนเอง โดยปูพื้นฐานด้วยการเสริมการปฏิบัติ ท าให้เกิดทักษะและ
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๖๖ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ประสบการณ์แบบที่บัณฑิตจาก School of Business มหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกากล่าวอย่าง ภาคภูมิว่า สถาบันแห่งนี้สอนให้ยืนหยัดด้วยสติและปัญญาของตนเอง ท่านอาจารย์ศุภชัยเมื่อรับความผิด ชอบตอนรับต าแหน่งหัวหน้าวิชาชีววิทยาจึงกระตุ้นให้เห็นและตื่นด้วยเหตุด้วยผลเพื่อจะได้เกิดปัญญา ให้ ส านึกในความส าคัญที่มอง คิด ตรวจสอบเพื่อแสวงหาทั้งความแน่นอนและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ กระบวนทัศน์ อันเป็นแกนของความรู้ที่สามารถน าไปสู่การต่อยอดของความรู้เดิมได้ หากเพียรแสวงหา ค าถามปัญหาที่ยังหาค าตอบมิได้ นิสิตที่มีอัจฉริยะ ปัญญา วิสัยทัศน์ และคุณธรรม ย่อมจะเป็นผู้ที่ยอมรับ และประสบความส าเร็จ เป็นผู้น าทางด้านวิชาการได้ด้วยการปรับมุมมอง ปรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ที่ สร้างสรรค์และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามทรรศนะที่มองเห็นปัญหาอย่างแท้จริงไม่มีที่สิ้นสุด (infinity) ในแง่ ทางคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ ศิลปศาสตร์ พุทธศาสตร์ ประติมากรรม จิตรกรรม นาฏลีลา ควอนตัมฟิสิกส์ ชีววิทยาระดับอณู อณูพันธุศาสตร์ ฯลฯ แทนที่จะบอกโดยตรงมิให้หลงเงาของตนเอง เพราะจะเป็นการชี้ ว่าปัญญาด้อยหรืออ่อนหัด ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษมิให้กระทบจิตใจ นิสิตแต่ละคนที่เข้ามหาวิทยาลัย ย่อมมีผลการศึกษาต่างกัน บางคนเข้าใจและแก้ปัญหาง่าย บางคนแก้ปัญหายากเพราะมองและคิดต่างกัน บางคนมุ่งแต่ท่องจ าอย่างนกแก้วนกขุนทองมากกว่าที่จะเข้าใจในหลักการ สังเกตและคิดปัญหาของความ เหมือนที่แตกต่าง กับปัญหาของความแตกต่างที่คล้ายกัน ฮิปโปโปเตมัส (Hippopotamus) Order Artiodactyla สมัยก่อนบางต าราจัดอยู่ในสัตว์มีกีบพวกหมู ปัจจุบันเมื่อทางวิชาการสมัยที่ริเริ่มทางพันธุ ศาสตร์ระดับอณู (molecular genetics) แล้วพบว่าหลักฐานที่อาศัยจากพันธุศาสตร์กลับชี้ให้เห็นว่า ฮิปโปโปเตมัส (Hippopotamus) น่าจะจัดอยู่ในพวกพะยูน (Dugong dugong) ตามข้อมูลจากรหัสทาง กรรมพันธุ์อย่างชัดเจน ท่านอาจารย์มิได้มองข้ามนิสิตที่เข้าใจยากในบทเรียนที่สอน เพราะยังไม่สามารถ ปรับความเข้าใจในการหาความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล ในการศึกษาปัญหาเดียวกันหากมองต่างมุม ย่อมจะเห็นแตกต่างกัน หากไม่เข้าใจปัญหาดี ก็จะหาหนทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องได้ยากยิ่งมีตัวแปรมาก ถ้ามี ประสบการณ์ ฝึกจนผ่านระยะวิกฤตในการใช้ปัญญาได้แล้ว บุคคลนั้นจะก้าวหน้าไปได้ไกล โดยเฉพาะพวก ที่เข้าใจอะไรยาก (Dyslexia) ซึ่ง I. Q. นั้นมิได้ต่ า เพราะสมองบันทึกความจ าด้อย ลืมได้ง่าย โดยทาง การแพทย์เชื่อว่า การเชื่อมโยงของใยสมองผิดปกติธรรมดา แต่ Dyslexia ของแต่ละบุคคลก็แสดงออก ต่างกัน เช่น Sir Winston Churchill และ Albert Einstein ซึ่งเป็นบุคคลส าคัญในระดับโลก เพราะ อัจฉริยะภาพของแต่ละคนต่างกัน ยกเว้น W.J. Zydis พูดค าแรกตั้งแต่ ๖ เดือน อ่านหนังสือได้เมื่อ ๑ ปีครึ่ง เข้ามหาวิทยาลัย Harvard ได้เมื่ออายุ ๑๑ ปี นอกนั้นดูจะเป็นปัญญาอ่อนในระยะชั้นอนุบาล Stephen Hawkins ตอนเป็นเด็กสอบได้ที่โหล่เป็นประจ า แต่อายุ ๑๐ ปี ประดิษฐ์หุ่นจ าลองที่ซับซ้อนได้ เริ่มแสดง ความอัจฉริยะ ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์ สาขาดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Cambridge นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกยอมรับกันว่าเป็นนักฟิสิกส์ระดับ Einstein ยุค ๒๐๐๒ คนไทยเราต่างคนก็ต่างเก่ง กันคนละทาง มีค ากล่าวว่าคนไทยเดี่ยว ๆ ที่อัจฉริยะสู้ชาวต่างชาติได้ แต่ถ้าเอาคนเก่งหลายคนมารวมกัน แล้วจะแย่งชิงดีชิงเด่นกันเป็นหัวหน้า ท าให้เป็นทีมแล้วสู้ใครไม่ได้เลย เพราะไม่เคยคิดว่าแต่ละคนที่เด่นนั้น
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๖๗ ย่อมมีความด้อยเหมือนกัน หากการรวมกลุ่มโดยให้เกิดมีการคุมความด้อยด้วยความเด่นของคนอื่นได้ ก็ ย่อมเกิดพลังมหาศาลที่ท าให้ผลงานดีเด่นได้ โดยยกให้บุคคลที่สมควรเป็นหัวหน้าเป็นผู้น าของกลุ่ม ฉะนั้น การศึกษาที่มีคุณภาพระดับสูง จึงไม่ค านึงถึงมาตรฐานอย่างเคร่งครัด ตามทัศนะของอาจารย์ ในหมู่มหาวิทยาลัยอเมริกันเป็นส่วนใหญ่ อาทิ Monty Nell Ed. D Executive Director, Fair Test, Cambridge, Mass. USA จึงสนับสนุนให้โรงเรียนระดับประถมและมัธยมมุ่งพยายามแยกแยะ ค้นหา นักเรียนที่สามารถอ่าน เขียน เข้าในเรื่องบวก ลบ คูณ หาร เข้าใจในคุณค่าของชีวิต และปัญหากับคุณธรรม ในสังคม แต่ยังมีความสามารถเฉพาะตัว เพราะอัจฉริยะนั้นเป็นที่น่าจะสร้างสรรค์มาจากพันธุกรรม อันเป็น ปัจจัยส าคัญ หากมิได้มีโอกาสรับการปรุงแต่งจากครูที่จะเสริมแต่งให้แจ้งเกิดในสังคมได้ สังคมปัจจุบัน ยอมรับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานิวัติวงศ์ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ สถาปนิกที่ยอด เยี่ยมของสยาม ผลงานภาพศิลป์ของ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ถวัลย์ ดัชนี จักรพันธุ์ โปษยกฤต ต่างก็เป็น จิตรกรชั้นน า จินตนาการอย่างยอดเยี่ยมที่ถ่ายทอดให้ประชาชนทางบทวรรณกรรมของหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ และก็มีอีกหลายสาขาอีกมากมายที่มิอาจจะกล่าวถึงให้ครบถ้วนทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งทางด้านการเมือง ศาสนา ปรัชญา จริยธรรม และวัฒนธรรม มนุษย์สร้างกฎเกณฑ์ โดยเริ่มจากความส านึกจากประเพณีที่อาศัยการยอมรับที่มีรากฐานจากความ เป็นธรรมในสังคมที่ทุกคนต้องมีสิทธิ์และเสรีทัดเทียมกัน ฉะนั้นกฎเกณฑ์ทั้งหลาย มนุษย์จึงสร้างขึ้น แต่แล้ว ก็จะมีปรัชญาที่ว่าไม่มีอะไรที่แน่นอน ในบางยุค อ านาจนั้นคือความถูกต้อง ในบางยุคความถูกต้องคือ อ านาจ ท าให้มนุษย์ต้องยอมรับว่ามีกฎแห่งความไม่แน่นอน ต้องยอมรับว่ากฎทั้งหลายที่เขียนเป็นลาย ลักษณ์อักษรขึ้นนั้น เขียนไว้ให้โอกาสที่จะมีช่องโหว่เพื่อท าให้เกิดการตีความขึ้นได้เสมอ ในที่สุดก็จะพบว่า ปัจจัยทั้งหลายมิใช่อยู่ที่ระบบ เพราะระบบเลว คนดีมีคุณธรรม สังคมก็พอจะอยู่ได้ ระบบดีคนเลวก็คงจะแย่ ระบบดีคนดีย่อมดีแน่ ระบบเลวคนเลวก็พังแน่ เป็นที่ยอมรับกันปัจจุบันว่า ศาสนา การเมือง เรื่องส่วนตัว เป็นปัญหารับฟังโดยดุษฎี ไม่ควรวิจารณ์หรือออกความเห็นส่วนตัว เพราะข้อเท็จจริงยังอาจสับสน ยากที่จะ รู้จริงเพราะเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน จะต้องมีการกรองข่าวจากหลายแห่ง กว่าจะลงความเห็นได้ว่าน่าจะเป็น อย่างไร ต้องอาศัย เหตุ ผล มีหลักฐาน หลายครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นยังสรุปไม่ได้ ต้องอาศัยเวลา และหลักฐาน แท้จริงมาประกอบ อาจารย์ศุภชัยเข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ ตามหลักสูตรที่ปรับปรุงจากระบบประกาศนียบัตร เป็นเวชศาสตร์บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ ในระยะที่มูลนิธิ Rockefeller เข้า มาปรับปรุงโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยเรียนเตรียมแพทย์ในคณะอักษรศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ ๒ ปี และแพทยศาสตร์ ๔ ปี ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่ออาจารย์เรียนครบตามหลักสูตร เตรียมแพทย์ ๒ ปีแล้ว สอบไล่ได้ที่ ๑ ได้เป็นนักเรียนผู้ช่วยอาจารย์ ทางมูลนิธิส่งไปศึกษาในสหรัฐฯ เพื่อกลับมาเป็นอาจารย์รับผิดชอบต่อจากศาสตราจารย์ของมูลนิธิ Rockefeller ในแผนกชีววิทยา อาจารย์ได้ใช้เวลา ๒ ปี ได้ปริญญา B.S. ที่มหาวิทยาลัย Princeton และ M.S. ที่มหาวิทยาลัย Chicago เพียงปีเดียว ได้ถูกเรียกตัวกลับมาสอน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ ขณะที่ท้าปริญญาเอกที่ Chicago
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๖๘ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล เพราะอาจารย์สอนชีววิทยาขาด และที่ประชุมมูลนิธิเห็นว่าความรู้ระดับ M.S. ก็มากเกินพอที่จะสอน ชีววิทยาแก่นิสิตเตรียมแพทย์ในขณะนั้น ถ้าจ้าไม่ผิดท่านเป็นศาสตราจารย์คนเดียวของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ที่ทางมหาวิทยาลัย Princeton ในอเมริกา ประสาทปริญญาดุษฎีบัณฑิต DLL (Doctor of Laws) กิตติมศักดิ์ในฐานะศิษย์ของมหาวิทยาลัยดีเด่น ตอนใกล้เกษียณอายุราชการ ท่านเป็น อาจารย์คนแรกที่เห็นว่า วิชากายวิภาคเปรียบเทียบในสัตว์พวกที่มีNotochord หรือ Chordates นั้น น่าจะเป็นวิชาที่เหมาะแก่นิสิตเตรียมแพทย์ เตรียมทันตแพทย์ เตรียมสัตวแพทย์ และเตรียมเภสัช ศาสตร์ มากกว่าวิชา Vertebrate Zoology เพราะเป็นวิชาพื้นฐานให้ไปเรียนทางกายวิภาคศาสตร์ Physical Anthropology, Paleontology of Vertebrate, Vertebrate Zoology แ ล ะ Vertebrate Taxonomy ง่ายเข้า พ.ศ. ๒๔๘๐ เมื่อข้าพเจ้าเข้ามาเป็นนิสิตคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ก็พบว่าท่านเลี้ยง ผึ้งพันธุ์ Apis millifera Linnaeus แล้ว ที่บริเวณระเบียงทางเดินบนตึกชั้นที่สอง ระหว่าง ห้องปฏิบัติการทางสัตววิทยาและห้องปฏิบัติการพฤกษศาสตร์ผึ้งพันธุ์นี้เลี้ยงง่ายและให้น้้าผึ้งมากกว่า ผึ้งโพรง A. cerana Fabricius และผึ้งมิ้ม A. florea Fabricius ส่วนผึ้งหลวง A. dorsata Fabricius นั้นเท่าที่ทราบ รังโต ๑-๒ เมตรให้น้้าผึ้งได้๑๐๐ กิโลกรัม แต่มักท้ารังในที่สูงยังไม่มีใครจับมาเลี้ยงกัน เลย ท่านยังเป็นคนแรกที่ แยกเพาะสายใยเห็ดฟาง Volariella volvacea Fro ใส่ในขวดเพื่อน้าไป เพาะกับฟาง เพื่อให้เป็นรายได้เสริมแก่กสิกรและผู้สนใจ ต่อมามีผู้พบสมุนไพรจากหัวราก Turberous root ต้นไม้ที่คนพื้นเมือง เรียกว่าต้นกวาวเครือขาว พบว่ามีสรรพคุณ ท้าให้หญิงที่หมดประจ้าเดือน (menopause) รับประทานเป็นยาบ้ารุงนั้น กลับมามีประจ้าเดือนใหม่ได้ท้าให้ลือกันว่าเป็นยาเสริม อายุวรรณะ เนื่องจากหัวข้อวิทยานิพนธ์ของท่านที่เคยเสนอเพื่อปริญญาดุษฎีบัณฑิต ที่มหาวิทยาลัย Chicago เป็นเรื่องเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ (Endocrine) ท่านจึงสนใจในปัญหากวาวเครือ สมัยนั้นชื่อ วิทยาศาสตร์นั้นคือ Butea superba โดยผู้เชี่ยวชาญ Dr.W.G. Craib (ค.ศ. ๑๘๕๘-๑๙๓๗) ซึ่งเป็น Botanical Taxonomist ของกระทรวงเกษตรเป็นผู้ให้ชื่อท่านเป็นคนแรกที่พบว่า น้้าที่สกัดจากหัว กวาวเครือมีสารเคมีที่ทนต่อน้้าเดือด มีฤทธิ์ทาง Estrogenic activity ท้าให้หนูถีบจักรตัวเมียที่ตัดรังไข่ ออกแล้วทั้งสองข้าง มีอาการเป็นสัดได้ โดยเปรียบเทียบกับน้้าเปล่าฉีดหนูถีบจักรที่ตัดมดลูกทั้งสองข้าง ไม่แสดงอาการเป็นสัดเลย ต่อมาเมื่อศึกษาสรรพคุณของหัวรากกวาวเครือมากขึ้น ก็พบว่าต้น กวาวเครือ Butea superba จริงนั้นที่รากไม่มีหัว จนกระทั่งศาสตราจารย์กสิณ (ลออ) สุวตพันธุ์ลูก ศิษย์ของท่านไปท้างานที่กระทรวงเกษตรได้พบว่า หัวรากกวาวเครือขาว เป็นพืชไม้เลื้อย ขึ้นพันแนบ กับต้นกวาวเครือ Butea superba เพราะดอกของต้นกวาวเครือที่รากมีหัว เห็นได้ชัดว่าต่างจากดอก ของต้นกวาวเครือ เมื่อศาสตราจารย์กสิณ น้าดอกจากต้นไม้ทั้งสอง มาตรวจสอบกับ Herbarium ของ กระทรวงเกษตรก็พบว่า ต้นไม้ที่รากมีหัวพันอยู่กับต้นกวาวเครือเป็นต้นไม้ที่ยังมิได้มีผู้ใดพบมาก่อนเลย การที่ผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษ Graig ผิดพลาดได้ก็เนื่องจากการที่พนักงานชี้ให้ผู้เชี่ยวชาญดูต้น กวาวเครือ Butea superba มีดอก แต่ในขณะนั้นต้นกวาวเครือขาว เมื่อรากสะสมอาหารจนพองเป็น
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๖๙ หัวที่ราก มีคุณสมบัติเป็นยาอายุวรรณะนั้นสลัดใบ และไม่มีดอกของมัน มีแต่เถาของต้นกวาวเครือขาว พันอยู่กับต้นกวาวเครือ ซึ่งไม่มีหัวรากเลย ศ. กสิณ ได้ท้า Herbarium หลายชุด และน้าไปยัง Kew Garden, British Museum แล้วเขียนบันทึก พร้อมกับระบุว่าเป็น Pueraria mirifica A. Shaw and K. Suratabandhu ค.ศ. ๑๙๕๒ นอกจากนี้ศาสตราจารย์ E.H. Taylor ยังได้ตั้งชื่อ “เขียดงู” Ichthyophis supachaii Taylor ๑๙๖๐ และ ศาสตราจารย์ A.H. Banner ได้ตั้งชื่อ ”กุ้งดีดขัน” Alpheus supachaii Banner พ. ศ. ๒๕๐๙ ให้เป็นเกียรติแก่อาจารย์ในสมัยที่เป็นหัวหน้าภาควิชา ชีววิทยา สมกับที่ด้ารงต้าแหน่งราชบัณฑิต สาขาชีววิทยาแห่งชาติ(Royal Society) ค้าว่า Ecology และ Genetics ท่านเป็นผู้บัญญัติว่า นิเวศวิทยา และ พันธุศาสตร์ อันที่จริง นอกจากระบบและคนแล้ว ยังมีสถานการณ์ ยุคสมัย ระบบเศรษฐกิจ และสังคม ประกอบด้วย หากสหรัฐอเมริกาน าเอาระบบของรัสเซียมาใช้ หรือรัสเซียน าระบบของอเมริกามาใช้ ถ้าไม่ ปรับช่องว่างในระยะช่วงเวลาเปลี่ยนแปลง ย่อมพังอย่างไม่มีปัญหา แม้ระบบรัสเซียกับจีน ต่างยึดถือแม่บท ลัทธิเดียวกัน เพียงแต่วัฒนธรรมประเพณีต่างกัน เพราะรัสเซียถือการเปลี่ยนแปลงจากตัวเมืองไปยังชนบท ต่างกับจีนที่มีแกนน าจากชนบทเป็นหลักไปยังตัวเมืองนั้นก็ยังขัดกัน โบราณสอน “เห็นช้างขี้อย่าขี้ตาม ช้าง” ระบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น พระมหากษัตริย์ทรงพระราชอ านาจอยู่เหนือ การเมือง ผู้ใดจะฟ้องร้องในทางกฎหมายมิได้ พระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์จะต้องมีผู้รับสนอง รัฐธรรมนูญของไทยยังระบุว่า พระมหากษัตริย์ของไทยนั้น จะมีผู้ใดหมิ่นพระบรมราชานุภาพมิได้ ตลอดเวลาตั้งแต่ขึ้นครองราชย์สมัย พ.ศ. ๒๔๘๙ ถึงปัจจุบัน ด้วยพระราชปณิธานในพิธีราชาภิเษก “เราจะ ครองแผ่นดิน โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชน ชาวสยาม” นั้นย่อมประจักษ์แก่ทุกคนให้เห็นว่า ทรงด ารงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งชาวสยามสมดังพระราชปณิธาน ตามความเป็นจริง คนไทยที่อยู่ในบริเวณ ลุ่มน้ า ปิง วัง ยม น่าน ที่รวมมาเป็นแม่น้ าสายใหญ่ไหลลงทะเลนั้น หลักฐานทางโบราณคดีที่นครวัด สมัย ขอม เรียกนครนี้ว่า เสียม ซึ่งรวมทั้งชุมชนย่อยของคนไทยหรือไต ที่มีภาษาพูดและวัฒนธรรมใกล้กัน จะ เห็นว่า ชาวสยามทุกคนเป็นชาวไทย แต่ชาวไทย (ไต) ทุกคน อาจมิใช่ชาวสยาม หลักศิลาจารึกของไทย เท่าที่ทราบไม่เคยจารึกค าว่า สยาม ทั้งที่พ่อขุนรามค าแหง ก็มีสระและพยัญชนะอยู่ครบถ้วนแล้ว ดูเหมือน เมื่อชาวยุโรปล่องเรือทางทะเลมาถึงดินแดนที่เราอยู่นี้ ทางผืนแผ่นดินทางยุโรป จึงขนานนามว่า “สยาม” คนไทยเรามักจะกล่าวถึงเมืองที่อาศัยอยู่เป็นหลัก เช่น เป็นชาวอยุธยา ชาวสุพรรณบุรี ชาวสุโขทัย ชาว นครศรีธรรมราช ชาวเชียงแสน ชาวเชียงใหม่ ฯลฯ อันส าเนียงของภาษาพูดก็จะผันแปรไปได้ และบางค าก็ เหมือนกัน บางค าก็ต่างกัน เรื่องของภาษานั้นก็เปลี่ยนแปลงได้ ภาษาไทยเดิมเป็นโดด ๆ ซึ่งหมายความว่า เป็นค าเดี่ยวหรือค าเดียว เช่น ด า แดง ดี ชั่ว ฯลฯ แต่เมื่อได้มีความสัมพันธ์กับชุมชนใกล้เคียง เป็นธรรมดา ที่จะยอมเอาค าของภาษาอื่นมาใช้กันบ้าง ท าให้มีค าใหม่เกิดขึ้น ค าภาษาไทยเดิมสมัยกรุงสุโขทัย ที่พูดกัน ธรรมดาถือว่า สุภาพ เมื่อล่วงเลยมานานนับร้อยปี ถ้ามาพูดกันในปัจจุบันนี้ ในบางกรณี อาจท าให้มีอารมณ์ รุนแรง จนถึงกับใช้ก าลังปะทะกันได้ แล้วแต่กรณี ว่าบุคคลทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันจริงหรือเป็นบุคคล แปลกหน้าที่มิได้เคยรู้จักกันมาก่อน ท าให้ไม่วายนึกถึง กรณีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราช
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๗๐ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล กุมารี เสด็จไปทรงเยี่ยมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธภิกขุ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา ท่านรับสั่งกับหลวงพ่อ คูณหลายเรื่อง หลวงพ่อคูณก็ได้แต่ยิ้มรับ จนกระทั่งตอนเสด็จกลับ จึงรับสั่งถามว่า ท าไมหลวงพ่อไม่พูดจา กล่าวด้วยสักค า หลวงพ่อคูณตั้งแต่เกิดมาก็พูดได้แบบชาวบ้านภาษาไทยเดิมของสมัยสุโขทัยอย่างเดียวจึง กราบทูลว่า “เขาสั่งมิให้กูพูดกับมึง” เป็นที่ครึกครื้นอย่างปิติเหลือล้นแก่บุคคลที่ได้เฝ้าถวายบุญบารมีใน เหตุการณ์ครั้งนั้น เรื่องนี้ข้าพเจ้ามิได้อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นความจริงหรือเป็นเรื่องเล่ากันสนุก ๆ ก็ได้ อย่างไรก็ดี หากเป็นจริงฝ่ายบ้านเมืองที่รับผิดชอบ น่าจะตกลงกับหลวงพ่อคูณก่อนว่า หากจะกราบทูล เจ้านาย พูดราชาศัพท์ไม่ได้ ก็ขอให้กระซิบบอกผ่านล่ามที่จะกราบบังคมทูลเรื่องราวได้โดยลุล่วงไปด้วยดีได้ พระมหากษัตริย์ของเราองค์ปัจจุบันก ากับโดยรัฐธรรมนูญให้ทรงอยู่เหนือกฎหมายนั้นมิได้สุขสบายอย่าง พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นพระประมุขปราศจากขั้วทางด้านการเมืองแต่อย่างเดียว โครงการหลวงส่วน พระองค์ก็ดี โครงการพระราชด ารินานานับประการก็ดี พระราชกระแสในวันเฉลิมพระชนมพรรษาและวัน ขึ้นปีใหม่ก็ดี แม้ในยามประเทศประสบวิกฤตทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม นับตั้งแต่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ในการเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลจอมพลถนอม ทั่วโลกประเมินว่า คอมมูนิสต์จะยึดคาบสมุทร อินโดจีนในเวลาไม่เกิน ๖ เดือนหลังจากสหรัฐอเมริกาถอนทหารจากไทย โดยพลังทฤษฎี Domino หลัง ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๙ แม้จะมีการใช้ก าลังทางทหารหลายครั้ง ในการจะยึดอ านาจตอนเมษายน พ.ศ. ๒๕๒๘ รสช. ยึดอ านาจจากรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ การต่อต้านรัฐบาล รสช. ตอนพฤษภาคม ๒๕๓๕ และติดตามด้วย การโจมตีระบบเงินของประเทศ โดย George Soros พ.ศ. ๒๕๔๐ ก็ดี องค์พระประมุขได้ทรงยืนหยัด พร้อมที่จะอยู่กับประชาชนในแผ่นดินไทย รอดพ้นจากทฤษฎี Domino ได้อย่างอัศจรรย์ จะเห็นว่าพระบรมเดชานุภาพและพระบารมีขององค์พระประมุขที่ประชาชน ส่วนใหญ่ชื่นชมด้วยศรัทธาและเชิดชูสูงสุดนั้น ทรงเป็นผู้น าในการแก้ไข และขจัดวิกฤตของชาติได้อย่าง ฉับพลัน มีผลในทางบวกอย่างปาฏิหารย์อันไม่มีผู้ใดคาดคิดได้ ทั้งนี้เพราะทุกข์ของประชาชน ก็คือทุกข์ของ พระองค์ เป็นหน้าที่ของประมุขที่ไม่หลงต าแหน่ง ไม่หลงอ านาจ ไม่หลงชาติ ไม่หลงลัทธิ แต่ยึดมั่นใน จริยธรรม และคุณธรรม แบบอิทธิบาทสี่ พร้อมด้วยทศพิธราชธรรม ตามระบบประชาธิปไตยที่ส่งเสริม สร้างทรัพยากรมนุษย์ให้รู้จักหลักกฏหมายและหลักประชาธิปไตย หลักวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อ พัฒนาอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่จะแสวงหาประโยชน์และปกป้องความมั่นคงของประเทศ ทุก วันนี้ความมั่นคงทางอธิปไตยของชาตินั้นอยู่ในสภาพที่ถูกบีบคั้นจากมหาอ านาจ ที่ใช้เศรษฐกิจการเมืองน า การทหาร โดยอ้างเสรีภาพทางโลกาภิวัฒน์ เป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยต้องเห็นความส าคัญในการ ร่วมมือ ส่งเสริมปกป้อง ป้องกัน บูรณาการ อภิรักษ์ หวงแหนพระราชบัลลังก์ ด้วยชีวิตเป็นพลี ต้องยอมรับ ว่าพระมหากษัตริย์ปัจจุบันทรงเป็นแต่ประมุขอันเป็นผู้น าการปกครองเท่านั้นไม่ สามารถบริหารการเมืองได้ ตามรัฐธรรมนูญอันเป็นกฏหมายสูงสุดของชาติแต่พระมหากษัตริย์ทรงมีความชอบทางธรรมและสิทธิที่จะ รับข้อเท็จจริงและความจริงเพื่อจะทรงเข้าพระทัยในปัญหาที่แท้จริงที่ลึกลับซับซ้อนในกิจการบ้านเมืองทุก ประการ ปราศจากการอ าพรางที่ไม่โปร่งใส ทรงมีความชอบธรรมและสิทธิที่จะพระราชทานพระราชกระแส และพระราชด าริแนะน า ตักเตือน ติชมให้ก าลังใจ แนะแนวในด้านบวกและลบ ในการบริหารราชการ
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๗๑ แผ่นดิน แก่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าองค์กรอิสระต่าง ๆ ตามที่ระบุในรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักร เพื่อให้บังเกิดความร่วมมือสอดคล้องต้องกัน ถ้ามองภาพแบบคมชัดลึก จิตใจชาวสยามนั้น ส่วนใหญ่มัก ชอบจะไม่ระลึกถึงอดีตเพราะมิได้ฝังลึกในจิตส านึก ลืมเร็วในความเจ็บปวด ง่ายที่จะอภัยได้ง่ายดาย ด้วย ไมตรีจิต ตอนญี่ปุ่นยึดครองสยาม สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวสยาม สงสารเชลยฝรั่งตะวันตก พอญี่ปุ่น ยอมแพ้ ปราศจากเงื่อนไข ชาวสยามกลับสงสารญี่ปุ่นที่ตกเป็นเชลย ประวัติศาสตร์สยามในอดีต หากรบ ชนะบ้านเมืองใกล้เคียง สยามจะไม่ส่งคนสยามไปปกครอง อย่างมากก็ไปควบคุมดูแลและให้ลูกหลาน เจ้าของบ้านเมืองนั้น ปกครองกันเอง ตามประเพณี และวัฒนธรรมของเขา ขอแต่เพียงมีหลักประกันว่า อนาคตจะไม่ถูกข่มเหงเบียดเบียนให้เดือดร้อนก็พอใจแล้ว หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยกล่าวว่า คอมมูนิสต์จะครอบครองบ้านเมืองเรานั้นค่อนข้างจะยาก เพราะคนสยามหัวแข็งมีไม่น้อย หากสยามยัง รักษาประเพณีและวัฒนธรรมสยามได้แน่นอน ด้วยพระบรมเดชานุภาพและพระบารมีของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเชื่อว่าชาวสยามจะกลืนคอมมูนิสต์ นอกเสียจากชาวสยามเท่านั้นที่จะเป็นผู้ ท าลายชาวสยามให้พินาศกันเองเพราะไม่มีใครจะสร้างชาติสยามได้ดีไปกว่าชาวสยาม สยามจะมั่นคงถาวร อยู่ได้ย่อมอาศัยความรู้ในกิจการบ้านเมือง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีของตน จ าเป็นจะต้องมี จิตส านึก ความเป็นชาติตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน รู้จักความพอดี ไม่หลงชาติ แต่รักชาติเพื่อให้อยู่รอดได้ แบบรู้ทุกสิ่งในบางสิ่ง และบางสิ่งในทุกสิ่ง โดยไม่จ าเป็นต้องมี Nanotechnology อย่างมหาอ านาจชาติ ตะวันตก หากพัฒนาบุคคลของสยามทางจริยธรรม คุณธรรม และวุฒิธรรม ทุกระดับทุกสาขา ให้สอดคล้อง ให้รู้ทันประเทศที่พยายามแสวงหาประโยชน์โดยอาศัยอ านาจอย่างอยุติธรรม โดยไม่ค านึงถึงผลประโยชน์ บีบคั้นอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศอื่น อย่างไร้เหตุผลและจริยธรรม ปกติในบ้านเรา วิสกี บรั่นดี ไวน์ดีของโลก คนซื้อไม่ได้ดื่ม คนดื่มไม่ได้ซื้อ ชาติ ไม่ว่าชนชาติใด ก็จะมีพวกนักวิชาการเกิน หลงตัวเอง หลงชาติ มีความอดทนน้อย ละเลิกลด ทิฐิตนเองไม่ได้ แทนที่จะใจกว้าง มองทั้งแง่บวกและลบ มักจะเหน็บแนมฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยว่า ตาบอด ยังสอดดู หูหนวก ยังสอดยิน ไร้สัตย์ ยังสอดศีล ไม่ประสา ยังสอดเป็น ไม่เรียน ยังสอดรู้ ไม่ได้ดู ยังสอดเห็น สอดศีล ก็ล าเค็ญ ยังสอดพร่ า ให้ร าคาญ เมื่อมั่งมีมิตรมีหมายมอง เมื่อมัวหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา เมื่อไม่มีมวลมิตรไม่มองมา เมื่อมอดม้วยแม้หมูหมา ไม่มามอง หลวงปู่โล่น โสระโย
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๗๒ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลังจากที่ซุนยัดเซนล้มระบบฮ่องเต้ ประกาศเป็นประธานาธิบดีและสืบ ทอดโดยจอมพล เจียงไคเชค น้องเขย น้องสาวซุนยัดเซนได้รับการศึกษาในสหรัฐอเมริกา จึงสนับสนุนการ ปกรองแบบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนอยู่ดีกินดี ตามหลักเศรษฐกิจทุนนิยม อันมีสถานะทางเศรษฐกิจ และสังคมตรงข้ามกันสุดขั้ว สภาพของประเทศจีนท าให้เมาเซตุงเห็นว่าลัทธิสังคมนิยมแบบคอมมูนิสต์ เท่านั้นที่จะท าให้ประเทศไปรอด จึงเกิดสงครามระหว่างชนบทเพื่อปลดปล่อยเมืองใหญ่ การที่จีนสองฝ่าย รบกัน ญี่ปุ่นจึงถือโอกาสบุกจีนเพื่อยึดครองเป็นอาณานิคม ท าให้เกิดรบกันแบบ ๓ ก๊ก บางครั้งฝ่ายจีนทั้ง สองฝ่ายก็รบกับญี่ปุ่น และบางครั้งฝ่ายรัฐบาลจีนเจียงไคเชคก็พยายามจะให้ญี่ปุ่นช่วยรบต่อต้านคอมมูนิสต์ จีนเหมาเซตุง พ. ศ. ๒๔๘๐-๘๑ ทหารญี่ปุ่นบุกยึดนครนานกิงได้สังหารโหดชาวจีน แบบปล้นเงียบ ฆ่าเงียบ ประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ คน ชาวนานกิงนับพันที่หนีเข้ามาอยู่ในเขตปลอดทหารของชนต่างชาติตะวันตกชาว เยอรมัน อเมริกัน ฯลฯ พร้อมทั้งเอกสารและภาพถ่ายที่สามารถด าเนินคดี อาชญากรสงครามตามสัญญา เจนีวาของศาลโลกระหว่างประเทศได้ รายงานสังหารโหดที่นครนานกิงนี้ กองทัพญี่ปุ่นท าลายหลักฐาน เหลือแต่เพียงเป็นเอกสารลับของรัฐสภาญี่ปุ่นซึ่งเปิดเผยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ เมาเซตุง ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียจนฝ่ายรัฐบาลเจียงไคเชคต้องถอยหนีไปอยู่ไต้หวัน พ.ศ. ๒๔๘๕ ญี่ปุ่น ประกาศสงครามร่วมฝ่ายเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลังจากสงครามในยุโรปสงบ พ.ศ. ๒๔๘๘ อเมริกันจึงเผด็จศึกสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยใช้ระเบิดปรมาณู ในปี พ. ศ. ๒๔๙๓ สงครามเกาหลีปะทุโดย รัสเซียร่วมกับจีนสนับสนุนคอมมูนิสต์เกาหลี ยึดครองเกาหลีใต้ เพื่อแผ่อิทธิพลครอบคลุมทวีปเอเชียทั้งหมด ฝ่ายสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีทรูแมน ตั้งนายพลเอกแมคอาเทอร์เป็นแม่ทัพในศึกเกาหลีในตอนแรก เกาหลีเหนือบุกเกาหลีใต้และอเมริกันถอยจากเส้นขนาน ๓๘ อย่างไม่เป็นขบวน นายพลแมคอาร์เทอร์เริ่ม วางแผนและเสนอให้รัฐบาลอเมริกันทราบว่าจะบุกตลบหลังที่เมืองตันมุนซอน เพื่อท าลายทหารเกาหลี เหนือให้ถล่มทลาย แต่เมื่อทางฝ่ายอเมริกันไม่อนุมัติ นายพลแมคอาเทอร์ก่อนจะออกที่ประชุมก็ประกาศให้ ทุกคนทราบว่า ท่านจะด าเนินตามแผนการทุกอย่างที่ก าหนด หากท่านยังคงด ารงอยู่ในสภาพผู้บัญชาการ กองทัพสูงสุดฝ่ายแปซิฟิค ในที่สุดแผนของนายพลแมคอาเทอร์ก็ส าเร็จ สามารถโต้เกาหลีเหนือให้ถอยจาก เส้นขนานที่ ๓๘ และซ้ ายังล่าถอยไปจนหนีเข้าเขตประเทศจีนคอมมูนิสต์ ทัพอเมริกันก็หยุดที่แม่น้ ายาลู ซึ่ง เป็นเส้นเขตแดนระหว่างจีนกับเกาหลี ท าให้ประธานาธิบดีทรูแมน บินมาพบกับนายพลแมคอาเทอร์ ใน ด้านการเมืองสหรัฐได้ติดต่อกับอังกฤษถึงเรื่องสงครามเกาหลีว่าสหรัฐจะไม่ท าสงครามใช้ระเบิดปรมาณูหาก อังกฤษไม่ร่วมรบด้วย เพราะสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษยังไม่เอื้ออ านวย และประเทศบอบช้ า มามากแล้วแม้จะชนะในสงครามโลกครั้งที่ ๒ นายพลแมคอาร์เทอร์คาดว่าหากจีนเข้าร่วมรบสงครามเกาหลี เขาจะใช้ระเบิดปรมาณูเป็นไพ่ใบสุดท้าย เพราะในขณะนั้นอเมริกาเป็นประเทศเดียวที่สามารถผลิตระเบิด ปรมาณูได้ รัสเซียใช้กุศโลบายหว่านล้อมจีนให้เชื่อว่าจักรวรรดินิยมนายทุนตะวันตกเท่านั้นที่จะท าลายและ ต่อต้านลัทธิคอมมูนิสต์ โดยที่ข่าวจากสายลับของรัสเซียทราบมาแน่นอนแล้วว่าอังกฤษจะไม่ร่วมรบด้วย และอเมริกันก็จะไม่กล้าทุ่มสุดเหวี่ยงในสงครามเกาหลี ฉะนั้นเมื่อกองทัพจีนข้ามแม่น้ ายาลูมาช่วยเกาหลี
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๗๓ เหนือ ทหารสหรัฐและเกาหลีใต้จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้ได้ ท าให้ต้องถอยร่นมายันที่เส้นขนาน ๓๘ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรูแมนสั่งปลดนายพลแมคอาเทอร์ จากผู้บัญชาการทหารสูงสุดภาคพื้นแปซิฟิค และเป็นสงครามที่ไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะ หลังจากสงบศึก ทหารเกาหลีตาย ๑ ล้านคน ทหารจีน ๑,๒๕๐,๐๐๐ คน ทหารอเมริกัน ๓๔,๐๐๐ คน ถึงกระนั้นก็ดี รัสเซียและจีนก็หันมาเปิดสงครามกอบกู้อิสรภาพทางอินโดจีน เริ่มจากคอมมูนิสต์ เวียดนาม โฮชีมิน ผู้คนลี้ภัยจากอินโดจีนของฝรั่งเศสมาอยู่ที่อีสาน เมื่อ พ. ศ. ๒๔๗๓ ประกาศว่าดินแดน ของลาว ญวน และอีสานของสยามจะต้องรวมกันหากคอมมูนิสต์มีชัยในอินโดจีน สงครามเวียดนามที่เดียน เบียนฟูกับฝรั่งเศส ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย และจีนเต็มที่ จนฝ่ายฝรั่งเศสไม่สามารถจะเผด็จศึกได้ นอกจากจะได้รับการสนับสนุนก าลังทหารทางอากาศจากสหรัฐอเมริกา โดยทิ้งบอมบ์ทางอากาศ แต่ อเมริกาก็วางเฉย ท าให้ฝรั่งเศสแค้นที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อเวียดนาม ในที่สุดก็มีการแบ่งเขตแบบสงคราม เกาหลีเป็นเวียดนามเหนือ-ใต้ พ. ศ. ๒๕๓๔ รัฐบาลจีนคอมมูนิสต์น าโดยเหมาเซตุง แทนที่จะด าเนินคดี อาชญากรสงครามกรณีสังหารโหดที่นานกิงแก่ทหารญี่ปุ่น อาทิ พลเอกนาคาชิมา เคซาโดะ ผู้บัญชาการ หน่วยทหารก่อเหตุในนครนานกิง เจ้าชายนิชะสะฮิโต พระอนุชาสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ ประจ าการ กองบัญชาการใหญ่ในนานกิง พลโทนาคาวา ไฮสุเดะ กลับประกาศให้อภัยแก่การสังหารโหดที่นครนานกิง ของทหารญี่ปุ่น พร้อมกับโฆษณาทางหนังสือพิมพ์กล่าวโทษชาวต่างประเทศในเขตปลอดทหารต่างชาติว่า เป็นตัวการยกเมืองให้ทหารญี่ปุ่นสังหารโหดชาวจีน อันตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงเพราะต้องการที่จะให้ รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การนานาชาติแทนที่รัฐบาลจีนฝ่ายเจียง ไคเชคที่ไต้หวัน ท าให้ชาวอเมริกันหลายคน เมื่อกลับบ้านเกิดเมืองนอนต้องบอบช้ า จิตแปรปรวนจนถึง ขนาดต้องฆ่าตัวตาย เพราะไม่อาจมาเผชิญต่อความจริงที่ว่าท าดีได้ชั่ว ท าชั่วได้ดีนั้นมีจริง และยินดีที่จะตาย เพื่อที่จะให้พ้นจากโลกที่ไม่น่าจะอยู่นี้ กาลครั้งหนึ่งในตะวันออกกลาง ชาวนาชื่อ Gordius ขับเกวียนเข้ามาในตลาดเมือง Phrygea ผูก เกวียนด้วยเชือกติดกับเสากลางตลาดเป็นปมใหญ่ ไม่มีใครสามารถแก้ปมเชือกใหญ่นี้ได้ จึงขนานนามว่า Gordian knot ชาวบ้านเห็นเป็นผู้ปราดเปรื่องจึงยกให้ปกครองเมือง ในที่สุด เมื่อเจริญเป็นนคร บุตรบุญ ธรรม ที่ชื่อ Midas ก็ได้เป็นผู้ครองนครรัฐนี้เป็นคนแรก ได้มีค าท านายไว้ ณ เมืองนี้ว่า ผู้ที่สามารถแก้ปม Gordian นี้ได้จะเป็นผู้พิชิตเอเซีย หลายศตวรรษต่อมา พระเจ้า Alexander มหาราชของกรีกยกทัพมาทาง ตะวันออกกลาง ได้เสด็จมาพยายามแก้ปมนี้ พยายามเท่าไร ก็ไม่ส าเร็จ ผลสุดท้าย จึงใช้ดาบฟันจนปม Gordian ขาดกระจุย จึงได้ยกทัพ รบชนะพวกเปอร์เซีย (Persian) แผ่ราชอาณาเขตผ่านช่องไคเบอร์ (Khyber pass) มาถึงประเทศอัฟกานิสถาน จดแดนอินเดีย ทุกวันนี้ความเป็นคน (Man) หรือความเป็นมนุษย์(Human) ยังแยกกันไม่ออก แบบสยาม (Siam) กับประเทศไทย (Thailand) หรือแม้แต่ประชาธิปไตย (Democracy) ตามทัศนะของเศรษฐกิจลัทธิทุนนิยม ประชานิยมกับลัทธิมากซ์-เลนิน แบบชนชั้นกรรมาชีพนิยมในประเทศอารยะทางซีกตะวันตก หรือการ ปกครองของกรีกประมาณ ๒-๓ พันปีมาแล้ว เพราะประชาชนพลเมือง (Citizen) ของแต่ละนครรัฐ ทุกคน
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๗๔ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ไม่ว่าอยู่ในสังคมใดย่อมมีสิทธิ์ทางการเมืองเท่ากันไม่ว่าจะเป็นการตัดสินปัญหาใด ๆ ทุกอย่างของนครรัฐ แห่งนั้น โดยจะลงมติว่า “ถูกต้อง” หรือ “ผิด” , “รับรอง” หรือ “ไม่รับรอง” ยกเว้น “ทาส” หรือบุคคลที่ เป็น “เชลย” เท่านั้นจะไม่ถือว่าเป็นพลเมืองของรัฐ ถ้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัยแล้วคงจะรู้ว่า สังคมของคนไทยหรือที่เรียกกันต่อมาว่าสยามนั้น นครรัฐสุโขทัยไม่มีทาส ทาสที่หนีจากนครรัฐอยุธยานั้น นายทาสจากอยุธยาจะติดตามไปเอาสิทธิฐานะเจ้าของ ทางนครรัฐสุโขทัยถือว่าการที่ทาสหนีนายจาก อยุธยามาถึงสุโขทัยได้แล้ว บุคคลผู้นั้นพ้นจากความเป็นทาส เพราะสุโขทัยไม่มีทาส เชลยศึกที่สุโขทัยจับตัว ได้ทางสุโขทัยยังถือว่าเป็นเสรีชนก็ไม่ถือว่าเป็นทาส หากกระท าผิดในบ้านเมืองสุโขทัยก็จะได้รับโทษทัณฑ์ แบบเดียวกับคนสุโขทัย ถ้าดูแบบคมชัดลึกแล้ว เรามีวัฒนธรรมสูงกว่าคนดั้งเดิมของคนกรีกเสียอีก ประชาธิปไตยของกรีกในที่สุดก็ล่มสลายเพราะคนกรีกเจริญจนหลงตัวเองมิได้ยึดคุณธรรมโดยอาศัยสัจธรรม เป็นหลัก ร่วมกันก าจัดโซเครติส (Socrates) ปราชญ์คนส าคัญโดยพิพากษาประหารชีวิตโดยให้ดื่มยาพิษ เพราะผู้พิษากษาแต่ละคนมิสามารถที่เอาชนะข้อคิดเห็นของโซเครติสได้ทางตรรกะ (Logic) ยามเมื่อศึกมา ประชิดบ้านเมืองแทนที่จะประชุมร่วมตัดสินใจอย่างเร่งรีบ ก็จะต้องเสียเวลาเรียกประชุม อภิปรายปัญหาว่า ตกลงจะเอาอย่างไร ก็ช้านานแบบโบราณว่า กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ จึงน่าจะเป็นเหตุผลในการล่มสลายของ วัฒนธรรมและอธิปไตยของชาติ ส่วนใหญ่ของคนไทยเราไม่นิยมศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สมัย สุโขทัย อยุธยา ธนบุรีและรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ให้พระราชกระแสแก่พระ ราชวงศ์และขุนนางว่าให้ระวังอ่านนโยบายและการกระท าของพวกฝรั่งให้ดีเพราะต่อไปนี้เราต้องเผชิญกับ อานุภาพ อิทธิพลและวัฒนธรรมจากพ่อค้าฝรั่ง ศึกทางพม่านั้นดูจะหมดไป ไทยเราก็ยึดถือนโยบายนี้มาโดย ตลอดรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจนถึงรัชสมัยตอนต้นของพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อิทธิพลของพ่อค้าฝรั่งเศสและอังกฤษ ที่แสวงหาล่าอาณานิคม ขอร้องให้ประเทศ ของตนมาคุ้มครองธุรกิจการค้าโดยอ้างว่ามิได้รับความเป็นธรรมในการค้าขาย แต่แฝงด้วยนโยบายแผนล่า อาณานิคม เป็นที่เหลือเชื่อว่าทหารอังกฤษไม่เกินสองพันนายก็สามารถยึดประเทศอินเดีย พร้อมทั้งสุลต่าน (Sultan) ซึ่งเป็นหัวหน้านครรัฐมากมายในชมพูทวีปต่างยอมจ านนต่อทหารต่างชาติเพราะด้อยในด้าน ยุทโธปกรณ์ทางทหาร (military technology) เป็นพื้นฐาน นักธุรกิจของอังกฤษจึงต้องรีบให้รัฐบาลอังกฤษ รับแผนการที่ต้องผนวกประเทศอินเดียพร้อมกับยึดสมบัติต่าง ๆ ที่เจ้านครรัฐสร้าง Royal Crown of the British India ถวายสมเด็จพระนางเจ้า Victoria หลัง ร.ศ. ๑๑๒ ประเทศไทยต้องมรสุมโดยที่ทั้งอังกฤษ และฝรั่งเศสมีความพยายามที่จะแบ่งสยามโดยถือแนวแม่น้ าเจ้าพระยาเป็นเขตแดนระหว่างกัน เท่าที่ทราบ หากประเทศสยามจะต้องท าสัญญาเสียดินแดนให้ประเทศอังกฤษ ฝ่ายฝรั่งเศสจะต้องได้ด้วย แผนการณ์ ดังกล่าวยุติลงกะทันหันหลังจากที่ Czar Nicolus II ของรัสเซีย ถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่เครมลิน ประเทศรัสเซียเมื่อ ๕ ก. ค. ๒๔๔๐ แล้วพระเจ้า Czar Nicolus II มีพระราชโองการสั่งให้แพร่ข่าวไปให้หนังสือพิมพ์ที่ปารีส ฝรั่งเศส ในการปรับปรุงประเทศสยาม ให้เข้ากับแนววัฒนธรรมการปกครองของชาติยุโรปและอเมริกันนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวได้ริเริ่มตั้งแต่พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ เอกอัครราชทูตผู้มีอ านาจเต็มประจ าประเทศอังกฤษ ได้ศึกษา
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๗๕ ระบบกษัตริย์อังกฤษ รัฐสภาอังกฤษและบริหารระบบราชการ กระทรวง ทบวง กรม อันจะเป็นแนวทาง พัฒนาประเทศสยาม อย่างน้อยก็ได้พอเห็นการเปลี่ยนแปลงในรัชกาลต่อมาเป็นสัจธรรม กรุงโรมมิได้สร้าง ในวันเดียว ชีวิตที่จะอยู่ในกรุงโรมจะต้องด าเนินตามแบบของประชาชนพลเมืองอย่างโรมก็ยังเป็นความจริง ในที่สุดวัฒนธรรมโรมที่รุ่งเรืองก็ล่มสลายตามแบบวัฒนธรรมของกรีก ชาวโรมันที่ลี้ภัยจากจักรวรรดิโรมันมา ตั้งถิ่นฐานที่เวนิส (Venice) ก็มาปักหลักแถวโปรตุเกส (Portugal) ปัจจุบันนี้เหตุการณ์บ้านเมืองตอน มิถุนายน ๒๔๗๕ สลับซับซ้อนเหลือเชื่อ แบบลูกจะคลอด อุจจาระจะราด หัวใจเรียกร้องต้องแหกลาสิขา บท ต้องยอมรับว่าพอพระยาทรงสุรเดช (ทศ พันธุมเสน) เสนาธิการทหารบกที่ศึกษาจากเยอรมัน น าทหาร ในพระนครทั้งหมดมารวมพลกันที่พระบรมรูปทรงม้า อ้างว่าจะมีการอบรมยุทธวิธีสมัยใหม่ แต่กลับน า กองทัพบกปฏิวัติรัฐประหารได้ส าเร็จ ปราศจากการนองเลือดอย่างไม่มีใครคาดถึง สมกับเป็นครูเสนาธิการ ทหารบกชั้นเซียน ร่วมกับฝ่ายพลเรือนสายหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) มิน่าจะใช่จังหวะเริ่มต้น ของประชาธิปไตย ประชาธิปไตยที่แท้จริงมิใช่เพียงรูปแบบ แต่จะต้องมีคุณธรรมและความพร้อมของ ประชาชาติ หากจะได้ศึกษาการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าในรัชกาลที่ ๖ พระราชทานอภัยโทษแก่ พวกที่ด าเนินการแผนปฏิวัติรัฐประหาร ร. ศ. ๑๓๐ และดุสิตธานีพร้อมทั้งมีบทความโต้คารมทางการเมือง เกี่ยวกับ โคลนติดล้อ ล้อติดโคลน ทางสื่อมวลชนโดยพระยาวิชัยสุนทร (จิม พลกุล) ก็ได้รับพระราชทาน ความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๗ มีพระราชด ารัสที่ประเทศ สหรัฐอเมริกา ในคราวที่เสด็จไปรักษาพระเนตร เกี่ยวกับการปกครองประเทศสยามที่จะมีแผนในการ พระราชทานรัฐธรรมนูญว่า ประชาชนของประเทศน่าจะมีความรู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและ เทคโนโลยีระดับพอที่จะใช้สิทธิในการเลือกตั้งว่าสมควรที่จะเลือกตัวแทนประชาชาติ(referendum) ที่ สามารถตัดสินชะตา ความเจริญและความมั่นคงของประเทศได้ในอนาคต พร้อมกับมีแนวทางที่จะประกัน อธิปไตยของชาติและปกป้องมิให้มีการบ่อนท าลายหรืออิทธิพลที่จะท าลาย เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่ ชาวสยามจะต้องตกอยู่ในสภาพจ ายอมอย่างอยุติธรรมจากประเทศภายนอกที่มีเทคโนโลยีสูงกว่าที่จะ ค่อย ๆ กลืนอารยธรรมและวัฒนธรรมของสยามประเทศ เป็นสัจธรรม แม้จะแก้ปัญหาในอดีตได้แล้วก็ต้อง ประสบปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ตามมา เสมือนมีเวรมีกรรม ตราบใดที่มีตัวตนก็จะต้องมีเงาที่ตามรูปร่างตลอดไป ตอนต้นรัชสมัยของรัชกาลที่ ๖ ซินแสหมอดูชาวจีนได้ท านายว่าสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าประชาธิปก ศักดิเดชน์กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา ต่อไปจะได้สืบราชสมบัติ เหลือเชื่อว่าจะเป็นไปได้เพราะยังมีสมเด็จ พระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้า อัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์ อินทราชัย ยังอยู่ครบทุกพระองค์ ทั้งที่โอกาสที่จะทรงมีพระมเหสีก่อนที่สิ้นรัชกาลก็มีโอกาสอีกมาก อนาคต ข้างหน้าเป็นของไม่แน่นอนสิ่งที่ไม่แน่นอนมักจะเป็นสิ่งที่แน่นอน ถ้ายังต้องตกอยู่ในวงจรกฎแห่งกรรม พร้อมทั้งยอมรับว่าคนทุกคนนั้นเสมือนเหรียญสองหน้าที่ต่างกัน ถ้าเหมือนกันทั้งสองด้านก็ไม่ใช่มนุษย์ไม่ใช่ พระอรหันต์ก็ทรชนนั่นเอง
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๗๖ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ นั้น ท่านน าตะเกียงจุดไฟเข้าเฝ้าตอนกลางวัน ยังมิได้กราบบังคมทูลเรื่องราว ก็มีพระราชกระแสรับสั่งว่า “เข้าใจแล้ว” จึงทูลลากลับวัด ในสมัยตอนต้นรัชกาลที่ ๕ ท่านขอพบผู้ส าเร็จราชการแทนพระองค์ ก็น า ตะเกียงจุดโคมไฟในตอนกลางวัน เพื่อแสดงให้ทราบว่าบ้านเมืองนี้มีอิทธิพลอ านาจมืดน่าหวาดกลัว อิทธิฤทธิ์ทางสมเด็จพระพุฒาจารย์องค์นี้ พ่อค้า ประชาชน เลื่อมใส นับถือด้วยศรัทธาท่วมท้น อย่างที่คนใน ยุคปัจุบันนี้คาดไม่ถึง หลังจากที่ถึงชีพิตักษัยแล้ว มีผู้พบบันทึกปฤษณาใต้อาสนะ กล่าวว่า “มหากาล ภาณยักษ์รักมิตร สนิทธรรม จ าแขนขาด ราชโจร ชนร้องทุกข์ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาววิไล” โดยมิได้มี ข้อความบรรยายก ากับ ปล่อยให้คนรุ่นต่อมาหาความหมายเอาเอง ส่วนใหญ่คาดว่าน่าจะเป็นค าท านาย เกี่ยวกับยุคของราชจักรีวงศ์ เพราะเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์สอดคล้องต้องกัน นับจาก รัชกาลที่ ๑ ถึง ๘ ส าหรับช่วงหลังนี้ยังต้องคอยติดตามดูว่าจะสอดคล้องกับปฤษณาหรือไม่ ฟ้าดินเท่านั้นที่ จะรู้อนาคต คนเราจะรู้ว่าอะไรร้อน อะไรเย็นก็ต้องอาศัยตัวเราเป็นได้สัมผัส แต่ศาสตราจารย์ เย็น สุนทร วิจารณ์ ความจริงท่านเรียนจบมาทางเคมี แต่ไม่เคยเป็นศาสตราจารย์ ในแผนกวิชาเคมี แต่ก็ยังได้เป็น ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เวลาท่านสอนฟิสิกส์เกี่ยวกับเรื่องความร้อน ท่านระบุ อย่างเด็ดขาดว่า “อ้ายนี่ร้อน อ้ายนี่เย็นไม่มี” ท่านยอมรับไม่ได้ เพราะความจริงมีแต่ร้อนมาก หรือร้อนน้อย เท่านั้น ฟ้าดินสยามนั้นประเสริฐสุด จะเห็นได้ว่าพันธุ์ข้าวไทย Oriza sativa ตอนประกวดระดับโลก นานาชาติจะพบว่าข้าวไทยนั้นเหนือข้าวทุกพันธุ์ในโลก ตั้งแต่ที่ ๑ และรองติดต่อกันหลายอันดับ เหนือชั้น หลายขุม เรามีนักวิชาการปรับปรุงพันธุ์ข้าวตามหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์เก่งมากมาย แต่ความจริงฟ้า ดินเท่านั้นที่บันดาล ประทานให้ชาวนาไทยที่เพียงแต่สืบทอดวัฒนธรรมในการคัดเลือกพันธุ์ข้าวพันธุ์ที่ดีเก็บ ไว้เพื่อปลูกหลังพิธีพืชมงคลในปีถัดไป ผลไม้ต่างประเทศอาทิ เช่น ทุเรียน (Durio zibethinus Linn.) ขนุน (Atropus heterophyllum Lamb.) ส้มโอ (Citrus grandis Osb.) พันธุ์พืชเหล่านี้เมื่อน ามาปลูกกลาย พันธุ์สยามแล้ว รสชาติเยี่ยมเป็นที่สุดเช่นกัน เพื่อนร่วมรุ่นศาสตราจารย์ศุภชัยนั้น เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ สิ้นอายุไขไปกันหมดแล้ว บรรดาศิษย์รุ่น แรกก็เหลืออยู่ไม่กี่คน เช่น ดร.สละ ทศานนท์ นายแพทย์เฉลี่ย วัชระพุกก์ จึงยากที่จะบรรยายสิ่ง ประทับใจที่มีต่ออาจารย์ ชีววิทยาเป็นวิชาที่สมัยก่อน ทางแพทย์ถือเป็นวิชาหลักที่จะน าไปสู่ทางวิชาการ ทางแพทยศาสตร์ร่วมกับเคมีและฟิสิกส์ ปัจจุบันนี้ stem cell, gene therapy, genetic modified organism (GMO), genetic modified food (GMF) ฯลฯ ซึ่งมีทั้งประโยชน์ในด้านบวกและด้านลบที่ ท าลายสุขภาพ เป็นปัญหาทางนิเวศได้ จ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาให้ทันสมัยทันอารยะประเทศ หาก หยุดไม่สามารถเรียนรู้จนต่อยอดได้ ก็จะย่อมล้าหลัง ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ใด นักวิชาการชั้นแนวหน้าย่อมจะต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ต่อยอดให้เพิ่มพูน ความรู้เพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติ หากไม่มีการเริ่มต้นที่ดี ก็ยากที่จะก้าวหน้า ผู้น าที่มีวิสัยทัศน์ศักดิ์ศรี ทางด้านวิชาการและวิชาชีพพร้อมด้วยคุณธรรมและบารมี เห็นคุณค่าของมนุษย์ ให้โอกาสและส่งเสริม
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๗๗ พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นและข้อคิดของผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยอธิบาท ๔ ย่อมเป็นที่ยกย่องบูชาจากศิษย์ ไม่มีวันลืม ทุกปัญหาย่อมมีทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีทั้งบวกทั้งลบ สลับซับซ้อน ต้องพิจารณาด้วยตนเองพร้อม กับ ลด ละ เลิกทิฐิ บางเรื่องจะเห็นว่า ท าผิดในเวลาที่ถูกดีกว่า ท าถูกในเวลาที่ผิด ความแน่นอนคือความไม่ แน่นอน ในเมืองไทยมีหลายอย่างที่ประเทศจีนก็สู้ไม่ได้ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่จะต้องอาศัยแนวปรัชญาของ จีนที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย เรามีกะเทยระดับชาติ ไปประกวดนานาชาติก็ได้ที่หนึ่งของโลก กะเทยที่ งามกว่าสตรีระดับนานาชาติเสียอีก เรามีวัฒนธรรม น้ าใจคนไทยที่ไม่เหมือนใครไม่ว่ามิตรหรือศัตรู เรื่อง ของศาสนา การเมือง และเรื่องส่วนตัวเฉพาะบุคคล บางครั้งเป็นเรื่องที่ต้องรับฟังโดยดุษฎี ไม่ควรวิจารณ์ ออกความเห็นจากข้อมูลที่ยังสับสน หรือยังบกพร่อง ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมที่ยังหาไม่ได้มาคัดค้านหรือ สนับสนุน สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร หลายครั้งต้องหาแพะรับบาปมาเป็นหลักฐานก็มีไม่น้อย ยกตัวอย่างกรณี World Trade Centre ที่มหานครนิวยอร์ก ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ เจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา CIA และ FBI ได้พบที่จุดบุหรี่ ไฟแชค ที่มีมีด cutter ซ่อนอย่างแนบเนียน สามารถเลื่อนออกมาใช้งานได้ โดยการกดปุ่ม ตกอยู่บนซากเครื่องบินที่ตกก่อนจะไปพุ่งชนท าเนียบขาว จากการสอบสวนหาแหล่งที่ผลิต ในที่สุดมีหลักฐานว่ามีขายอยู่แห่งเดียวในโลกที่พัฒนพงศ์ กรุงเทพมหานคร แหล่งราตรีบันเทิงชื่อก้องของ ไทย ท าให้รู้ว่าบัดนี้กรุงเทพมหานครเป็นส านักสวรรค์ของหน่วยราชการลับ และอาชญากรนานาชาติล้ าหน้า มหานครอิสตันบูลที่เคยอยู่อันดับแรกของโลกแล้ว เพราะอาศัยเข้าเมืองไทยฐานะนักท่องเที่ยว โดยมาขอวี ซ่าที่ด่านขาเข้าคนเข้าเมือง มหามิตรของไทย G.W. Bush Jr. ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เคยประกาศว่า ประเทศที่ขัดขวางกับการต่อต้านการก่อการร้ายนานาชาติของสหรัฐอเมริกา ก็เสมือนเป็นศัตรูกับสหรัฐ ใน การประชุม ARF (Asian Region Forum) เมื่อ ๓๑ ก.ค. ๒๕๔๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา C. Powell ได้ท าพิธีลงนามในปฏิญญา ไม่มีการผูกมัด (non binding) ในการร่วมมือต่อต้าน องค์กรก่อการร้ายสากล แต่เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมประเทศอาเซียน กลับกลายเป็นให้ความร่วมมือ ปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายสากลอย่างเป็นทางการ ท าให้ ARF หมดความส าคัญทางการเมือง เหลือแต่เพียง สหรัฐอเมริกาต้องขออนุมติในการที่จะส่งก าลังมาปฏิบัติการในภูมิภาคนี้ สมกับที่นายควง อภัยวงศ์ เคยพูด ถึงการเมือง บางครั้งถ้าพูดว่าขาวหมายถึงด า ส่วนด าก็หมายถึงขาว ระบบประธานาธิบดี ไม่ใช่ระบบที่ดี ที่สุด แต่จะเป็นระบบที่เลวน้อยที่สุด เพราะต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เป็นเรื่องที่ เหลือเชื่อว่า ผลงานของ DNA X-ray crystallography ที่ Tom Watson, Francis Crick และ M. Wilkins ผู้ได้รับรางวัล Nobel ค. ศ. ๑๙๕๓ อธิบายว่า DNA เกลียวหมุนขวานั้น เมื่อ ๒๔ กรกฎาคม ค. ศ. ๒๐๐๐ กลับพบว่าความจริงหมุนซ้าย มิหน าซ้ ากลับมีพบหลักฐานที่แท้จริงก็คือ ภาพ X-ray crystallography นั้น แอบลักลอบน าเอาผลงานของ Rosalind Franklin ที่ King’s College มาเป็นของตนเอง เพื่อน าไปให้ Linus Pauling ผู้ได้รับรางวัล Nobel ๒ ครั้งในชีวิต ผู้เป็นปรมาจารย์ทาง Chemical bonding อธิบาย โครงสร้างของอณู DNA จากเงาของแรงยึดโยงระหว่าง C H O และ N (carbon hydrogen oxygen และ nitrogen)
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๗๘ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล “ทวีป วรดิลก” ความเห็นของ “จิตร ภูมิศักดิ์” คือผู้ที่ได้ศึกษา มีความเข้าใจและความส านึกทาง สังคม โดยเฉพาะ “ลัทธิมาร์กซ” มาระดับหนึ่งแล้ว ก็อดที่จะมีความเร่าร้อนขึ้นมาไม่ได้ ชาวสยามกี่คนที่รู้ว่า พ.ศ. ๒๔๗๓ โฮชีมิน ผู้น าลัทธิคอมมูนิสต์เวียดนาม เคยลี้ภัยมาอยู่ที่อีสาน เคยประกาศจะรวมแดนอีสาน ผนวกกับดินแดนคอมมูนิสต์ของอินโดจีน โดยเฉพาะหลังเศรษฐกิจตกต่ าทั่วโลกก่อน พ.ศ. ๒๔๗๕ ชนชั้น ปกครองสิ้นสติปัญญาและความสามารถที่จะประคับประคองไหว คนที่อยู่ในระดับกลางที่ได้เล่าเรียนใน ต่างประเทศใหม่ๆ ก็มีความขัดแย้ง เอือมระอากับชนชั้นปกครองที่เหนือกว่า สุดที่จะประนีประนอมร่วมกัน หาทางออกที่เหมาะสมได้ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ร่วมสามสิบสี่ทศวรรษ ระดับชั้นผู้น าคณะราษฎร์ ก่อนจะตายเคยปรารภว่า “ยามมีปัญญา ก็ไร้อ านาจ” “ยามมีอ านาจ ก็ไร้ ปัญญา” ในสุดท้ายก็หลงชาติ หลงลัทธิ หลงตัวเอง ปัญหาของประชาธิไตย ไม่ว่าชาติไหน มิใช่อยู่ที่ระบบ อย่างเดียว ต้องพร้อมด้วยบุคคลที่มีปัญญาแก้ไขวางระบบดุลของอ านาจเพื่อความมั่นคงอธิปไตยของชาติ ระบบที่ขาดดุลทางอ านาจ และตรวจสอบการบริหารอย่างโปร่งใส ให้ความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพทางสิทธิ มนุษยชน ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สามารถให้ประชาชนเห็นคุณค่า ของประชาธิปไตยทุกหมู่เหล่าอาชีพ ด้วยอุดมการ ของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน อย่าง แท้จริง ตามกฎหมายโดยมิให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่เป็นคนกลุ่มน้อยเป็นผู้ผูกขาดในทางการเมือง การเศรษฐกิจ การทหารของประเทศ ประวัติศาสตร์สยามนั้นในอดีตได้พบว่าไม่มีใครจะท าลายสยามได้ดีเท่าชาวสยาม นับตั้งแต่การผลัดเปลี่ยนอ านาจทางการเมือง นับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งมีฝ่าย ประชาธิปไตย ฝ่ายคอมมูนิสต์ และฝ่ายเผด็จการแบบ Fascist นับจากสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จน มาถึงสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร และประภาส จารุเสถียร ที่มีนโยบายต่อต้านคอมมูนิสต์นั้น ใครก็ตามที่ ติดต่อและเลื่อมใสในระบบคอมมูนิสต์ย่อมถือว่าเป็นศัตรูของชาติ ต่อมาภายหลังกลับมีหลักฐานปรากฎว่า ทุกรัฐบาล ยกเว้นรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ แอบติดต่อระดับราชการลับกับสาธารณรัฐจีนคอมมูนิสต์ ตลอดเวลา ความจริงดังกล่าวนี้ปรากฏมีหลักฐานแน่นอนจากจีน หลังจากรัฐบาลนิคสันของอเมริกายอมมี ความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน เมาเจอตุง และรัฐบาลหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เร่งรีบตามมีความสัมพันธ์กับจีน เป็นทางการเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่มีมิตรหรือศัตรูที่ถาวร เป็น ที่รู้ดีว่าไม่มีใครจะหลอกใครได้ตลอดเวลา ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ Margaret Landon นักเศรษฐกิจอเมริกัน มาวิจัยเศรษฐกิจสังคมสยาม ทางอีสาน รายงานว่า ชีวิตพลเมืองอีสานมีรายได้รายหัวต่ าที่สุดในประเทศ บ้านใดมีเงินไม่กี่บาท ชาวบ้านก็ พอใจถือว่า มีชีวิตไม่อดตายก็พอใจแล้ว ส่วนใหญ่หน้าแล้งต้องไปเอาน้ าจากแหล่งธรรมชาติ ห่างจากบ้าน ไกลเป็นกิโลเมตร ตามทัศนะของคนอเมริกันย่อมเห็นว่าชีวิตแร้นแค้นและยากจน สภาวะเช่นนี้ย่อมเป็น เหยื่อของลัทธิคอมมูนิสต์ง่ายดาย แต่ความจริงที่มิได้รายงานก็คือ แม้จะยากจน ไร้สินทรัพย์ แต่จิตใจไม่ได้ จน หน้าฝนยังสามารถปลูกข้าวได้พอมีกิน แม้ไม่มีข้าวยังพอเก็บพืชผักป่า จับปลา กบ เขียด อึ่ง ฯลฯ โดย อาศัยสิ่งแวดล้อม พอประทังชีวิตให้อยู่ได้ ตามวิถีทางชีวิตคนชนบท แต่ปัจจุบันนี้พี่น้องทางอีสานที่มา ท างานในเมือง เปรียบเทียบกับ ๔๐-๕๐ ปีก่อน เขายอมรับว่าขณะนี้มีงานได้เงินหลายร้อยเท่า ก็ไม่มี
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๗๙ ความสุขดังในอดีต เพราะขณะนี้จะหาพืชผักจากป่า ปลา กบ เขียด อึ่ง ฯลฯ ไม่มีแล้ว มีเงินกลับบ้านใช้ไม่ นานก็หมด ต้องออกจากบ้านกลับมาหาเงินอย่างคนชนบทเข้าเมืองอีก ยิ่งพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญ ยิ่ง เจริญชาวชนบทยิ่งแย่ การพัฒนาประเทศต้องเริ่มที่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในระบบและนอกระบบ สถานศึกษา การประปา ชลประทาน คมนาคม พลังงาน ฯลฯ โดยนานาประเทศกสิกรรมเป็นหลักในชนบท ยิ่งพัฒนาอุตสาหกรรม ก็ต้องพัฒนาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปให้ทัน พร้อมกับพัฒนาคนให้มีการถ่วงดุลอ านาจ เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบกันได้ มิให้มีการฉ้อราษฎร์ บังหลวง หรือฮั้วในการเลือกตั้งหรือประมูลในการ ก่อสร้างของราชการในหมู่ผู้มีอ านาจ ต้องมุ่งในคุณภาพของชีวิต ด้วยการพัฒนาให้มีคุณธรรมและวัฒนธรรม และมาตรฐานการครองชีพ เป็นภาระอันยิ่งใหญ่แก่ชาวสยามทุกคน ต้องรู้จักเรียนรู้ตรวจสอบประวัติ ผลงาน คัดเลือกผู้น า และผู้แทนทางการเมืองและบริหารทุกระดับ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ โดยมิได้ยึดหลักที่ว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น” ให้สมกับที่เรามีองค์พระประมุขที่ยอดเยี่ยม ที่องค์การ สหประชาชาติขอให้เราส่งทหารไปร่วมรักษาสันติภาพในเกาะ Timor นั้น ต้องมาศึกษาว่าท าไมชาว Timor ทั้งหลาย กับทหารไทยจึงมีความร่วมมืออันดีเด่นกว่าทหารประเทศอื่นที่ไปร่วมปฏิบัติงาน ก็เพราะทหาร ไทยมิได้ปฏิบัติงานทางทหารเพียงอย่างเดียว ทหารไทยยังท านโยบาย ป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ยัง พัฒนาตามแนวพระราชด าริ ตามชนบทในเขตรอยต่อชายแดนเพื่อนบ้าน ฟื้นฟูการกินอยู่ เศรษฐกิจ และ สังคมโดยสอนเพาะปลูกด้วยปุ๋ยอินทรีย์ที่หมักท าเอง ใช้หญ้าแฝก (Vetiveria zizanoides Linn.) ป้องกัน การชะล้างหน้าดินก็สมบูรณ์ตามธรรมชาติ เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์แบบเกษตรกรรมผสมประสาน เศรษฐกิจ พอเพียง เลี้ยงครอบครัว พึ่งพาตนเองได้โดยไม่เป็นปัญหาทางนิเวศ สอนวัฒนธรรม ประเพณีไทย กีฬาไทย โดยเฉพาะมวยไทย ตะกร้อ ดนตรี ฯลฯ ข้าพเจ้าเป็นคนที่ชื่นชม ศาสตราจารย์สุกิจ นิมมานเหมินทร์ เป็นศิษย์นอกส านัก เพราะไม่เคยสอน ด้านวิชาการ แต่สอนทุกอย่างที่มิได้มีการสอนในระบบ ศาสตราจารย์สุกิจและศาสตราจารย์ศุภชัยนั้น ต่างก็ เป็นสหายรักสนิทชิดชอบกัน เพราะเท่าที่ทราบมีทัศนะแบบเดียวกัน ไม่เคยมีทัศนคติที่เห็นได้ว่าเคยผิดใจ กันมาก่อนเลย ถ้าคุณหลวงพรตพิทยพยัต คณะบดีคณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ สมัยที่ข้าพเจ้ายัง สังกัดอยู่เป็นเล่าปี่ ทหารเอกขุนพลเล่าปี่ก็ไม่หนีอาจารย์ทั้งสองดังกล่าว บทความของข้าพเจ้าที่เขียนระลึก ถึงศาสตราจารย์ศุภชัยนั้นเป็นความทรงจ าที่ยังระลึกถึงศาสตราจารย์ทั้งสองท่านที่ประกาศิตชีวิตของ ข้าพเจ้าจนทุกวันนี้ ข้าพเจ้าเป็นเสมือนผู้ดูเซียนหมากรุก เพราะมีบุคคลอื่นที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ โดยเฉพาะนักวิชาการที่อ้างระบบประชาธิปไตย ลัทธิทุนนิยม สิทธิมนุษยชน และคุณธรรม ด้วยหลักฐานที่ ภายหลังก็ยังไม่กระจ่างชัดว่าจริงหรือปลอม ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนั้น เป็นผลจากระบบ ตัวบุคคล เวลา และภาระรอบข้างหรือภาวะแวดล้อมที่กดดันที่อยู่เบื้องหลัง ข้าพเจ้าเองยอมรับว่ารู้สึกเป็นเสมือน สมาชิกในครอบครัว เพราะรู้ร้อนรู้หนาวทางจิตใจมากคนหนึ่ง นอกจาก ดร. สละ ทศานนท์ ดุษฎีบัณฑิต ทางพันธุกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Cornell สหรัฐอเมริกา ศิษย์เอกที่เคยใกล้ชิดมากที่สุด นับตั้งแต่ใน ระยะแรกที่ท่านเป็นคนไทยคนแรกที่ได้เป็นหัวหน้าแผนกชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย จนกระทั่งต่อมาไม่กี่ปี ดร. สละก็ได้ย้ายไปกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อไปร่วมวิจัยพันธุ์
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๘๐ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ข้าวไทยกับ Professor H.H. Love เพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวไทยให้ส าเร็จตามเป้า มิฉะนั้นผลผลิตของข้าว อาหารหลักของชาวไทยจะไม่เพียงพอกับจ านวนพลเมืองที่เพิ่มมากมายจนจ าเป็นที่ประเทศจะต้องซื้อข้าว มาบริโภค แทนที่จะมีเหลือเป็นสินค้าออกหลักของประเทศ ขณะนี้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ นั้นต่อยอดก้าวล้ าไปไกลถึงระดับ Nanotechnology จนท า ให้ความส าคัญทางด้านคุณธรรม ทางจิตใจ ของมนุษย์ลดลงต่ ากว่ารุ่นคนในอดีต แทนที่วิชาการทาง วิทยาศาสตร์กับคุณธรรมน่าจะก้าวหน้าคู่ขนานกันไป กลับมีความรู้สึกว่า ความก้าวหน้าจะมุ่งไปในทิศทาง ตรงกันข้าม นับว่าเป็นปัญหาที่น่ากลัวในอนาคต ตามหลักพุทธศาสตร์ พระพุทธองค์ให้เข้าใจในกฎแห่ง กรรม ทรงเตือนให้เข้าใจความไม่แน่นอน หรือ อนิจจ ทรงสอนให้ก าหนดจิตใจ ปฏิบัติธรรม สมาธิให้จิตผ่อง ใส ละ ลด เลิก มิให้เกิดความลุ่มหลง จัดเป็น “อัตตา” ทรงสนับสนุนให้ก าหนดตัวเอง ให้ชนะใจตนเองให้ได้ เพื่อที่จะชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้แบบ “อัตตาหิ อัตตโน นาโถ” สมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต พรหมรังษี) นั้นท่านเป็นพระบรมวงศานุวงศ์อย่างน้อยก็ระดับหม่อมเจ้า พระนัดดาของพระมหากษัตริย์เมื่อยังทรงเป็นเณร เข้าถวายตัว สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ได้ตรัส ถามว่า ผ้ารัตคตที่คาดเอวอยู่นั้น มีประวัติมาอย่างไร ก็ทูลให้ทรงทราบว่าโยมบิดาให้ไว้แก่มารดา ตอนอยู่ที่ ต าบลท่าอิฐ อ าเภอเมือง จังหวัดอุตรดิษฐ์ ต่อมาย้ายมาอยู่ที่จังหวัดอ่างทอง พออายุ ๑ ปี ๔ เดือน ก็มาอยู่ที่ ต าบลบางขุนพรหม จังหวัดพระนคร เป็นที่เข้าใจแน่ชัดว่าลักษณะลวดลายของรัตคตนั้น ก็ทรงทราบว่าโยม บิดานั้นเป็นผู้ใด เพราะลวดลายของเจ้านายแต่ละกรม ย่อมทอประดิษฐ์เฉพาะ แต่ละตระกูล แบบเสื้อผ้า ชาวสก็อต ย่อมมีลวดลายประจ าเผ่า ประจ าตระกูลอยู่ ชาวเขาชาวดอยก็เช่นกัน ทรงรับอุปถัมภ์ พระราชทานเรือกันยา หลังคากระแชง อันเป็นราชพาหนะ ระดับพระองค์เจ้า เมื่ออายุครบอุปสมบท พ.ศ. ๒๓๕๐ ก็เป็นนาคหลวงแบบเจ้านายในพระราชวงศ์ แต่มิได้จัดพิธีในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีบัญชาให้ กระท าพิธีอุปสมบทแบบเจ้านายที่จังหวัดอยุธยา เมื่อวันเสาร์ แรม ๒ ค่ า เดือน ๘ ปี วอก จ.ศ. ๑๒๓๔ ตรง กับ พ.ศ. ๒๔๑๕ สมเด็จกรมพระยาปวเรศจริยาลงกรณ์ ทรงบันทึกว่า เวลา ๒ ยาม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ถึงชีพิตักษัย ศาสตราจารย์ สุกิจ นิมมานเหมินทร์ ท่านเป็นบุคคลธรรมดาที่มิใช่ธรรมดา อ่านหนังสือก่อนนอนทุก คืน หนังสือนั้นก็ตกอยู่บนอกตอนหลับทุกวัน สมองของท่านเสมือน CD-ROM (Compact disk read only memory) หนังสือที่ท่านอ่านมีทุกประเภท ประวัติศาสตร์ วรรณคดี ปรัชญา นวนิยาย วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี วิทยายุทธ์เพียบ มิด้อยกว่าหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์ทางพฤกษศาสตร์ ทางปักษีวิทยา ท่านจดจ าชื่อวิทยาศาสตร์ได้แม่นย า นักวิชาการสาขาต่าง ๆ ยอมรับในความปราดเปรื่อง ด้านการทูต การเมือง ท่านก็สามารถสนทนากับบัณฑิตเนรูห์ มหาบุรุษของอินเดียได้อย่างสมศักดิ์ศรี เป็น ยอดอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ เมื่อสมัยยังเป็นนักเรียนวิทยาลัยอัสสัมชัญนั้น เพียงแต่เห็นเลขทะเบียน รถยนต์ที่วิ่งผ่านสายตาไป ก็ถอด root สองได้อย่างถูกต้อง เป็นที่อัศจรรย์แก่คนทั่วไป ท่านกล่าวแก่ข้าพเจ้า ว่า คนเก่งจริงนั้น รู้ในสิ่งที่ตนไม่ได้เรียนโดยตรง และฝึกฝนมา เพียงแต่คุยกันไม่กี่ประโยค ก็รู้ว่าสติปัญญา ระดับไหน มีฝีไม้ลายมือแบบนักหมากรุกไทย ชนะกันอย่างขุนจนกลางกระดาน ยิ่งฝีมือดีชั้นครูเจ้าส านัก
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๘๑ เกจิอาจารย์ แม้เป็นรองไร้ลูกน้องเหลือขุนโดดเดี่ยว ก็ยังถูกไล่ไม่จนตามกติกากระดานหมากรุกไทย หรือขุน ก็แฝงอยู่ในลักษณะตาอับ ก็ยังอยู่ในภาวะเสมอมิใช่แพ้อย่างจนตรอก ตามธรรมชาติ ชาดดี สีต้องแดง โดยมิ ต้องเสริมแต่งให้ดูเลื่อมใส จะรู้ว่าครูไหนดี ต้องดูจากปัญญาและความสามารถของศิษย์หรือส ารวจ poll จากศิษย์ในชั้นและศิษย์ที่เคยเรียนวิชานั้น ที่ห้องน้ าชาใต้ถุนตึกขาว คณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๖-๗๘ ตอนปลายก่อนมูลนิธิ Rockefeller จะหมดสัญญาที่มาปรับปรุงการศึกษาของ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มีศาสตราจารย์ E. Knopf สาขาแผนกเคมี ศาสตราจารย์ A.C. Baily สาขาแผนกฟิสิกส์ ศาสตราจารย์ O.C. Causey สาขาแผนกชีววิทยา ศาสตราจารย์ E.H. Hadlock สาขา แผนกคณิตศาสตร์ ศาสตราจารย์ J.E. Davies สาขาแผนกภาษาอังกฤษ หม่อมเจ้ารัชฎาภิเษก โสณกุล คณบดี พ.ศ. ๒๔๗๕-๗๘ หลวงพรตพิทยพยัต (พรต เดชา) ๑๗ พ.ย. ๒๔๓๗ – ๓ มิ.ย. ๒๔๘๓ คุณหลวง พรตฯ เป็นนักเรียนเทพศิรินทร์ เลขประจ าตัว ๒๙ จบการศึกษาสมัครเป็นครูฝึกหัดสอน พ.ศ. ๒๔๖๒ ได้ทุน กระทรวงธรรมการไปศึกษาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Bristol ประเทศอังกฤษ ได้ปริญญา B.S. เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ จึงย้ายจากต าแหน่งครูมาเป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ต่อมาได้ทุน R.F. ไปศึกษาต่อระหว่าง ๒๙ มิ.ย. ๒๕๗๓ – ๒ ก.ย. ๒๔๗๖ ได้ปริญญาเอกทาง ฟิสิกส์คนแรกของสยาม เมื่อศาสตราจารย์ R.F. ทางฟิสิกส์หมดสัญญา จึงได้ด ารงต าแหน่งคณบดีอักษร ศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๘ – ๒๔๘๓ ท่านได้ราชทินนามว่า หลวงพรตพิทยพยัต มี บุคลิกชอบปฏิบัติตนอย่างธรรมดาที่มิใช่ธรรมดา ท่านเป็นบุคคลแรกที่สามารถเลือกโลหะที่มีคุณสมบัติทน ต่อการสึกกร่อนในการที่จะผลิตเฟืองนาฬิกา โดยตรวจสอบส่วนผสมของโลหะด้วย spectrophotography ทั้งสามารถค านวณขนาดเฟืองทุกตัวอย่างแม่นย าในการสร้างนาฬิกาลูกตุ้มเครื่องแรกทรงไทยที่ได้มาตรฐาน เทียบจาก Greenwich mean time ของราชอาณาจักรอังกฤษด้วยตัวเองคนเดียว สมัยข้าพเจ้าเป็นนิสิต ท่านวัย ๔๐ เศษ ค่อนข้างท้วม ไม่เตี้ย ไม่สูง ขนาดคนไทยธรรมดา ผิวสีน้ าตาล ไว้ผมทรงกระทุ่ม สีเทา ใส่ แว่นตาสีขาวกรอบเงิน สูบบุหรี่ไทยมวนโต ชอบรับประทานหมาก-พลู ฟันจึงสีคล้ า ใส่เสื้อชั้นใน ผ้าขาวบาง เนื้อดี มีกระดุมที่คอเม็ดเดียว ไม่มีกระเป๋า นุ่งผ้าพื้นโจงกระเบนสีน้ าเงินธรรมดาอย่างภารโรง ห้องท างาน ของท่านอยู่ที่ตึกขาว ขึ้นบันไดหน้าตึกด้านขวาจะเป็นห้องส านักงานของคณบดี สมัยโน้นยังไม่มี เครื่องปรับอากาศ แต่ละห้องจะสูงมีแต่พัดลม ท่านมักถอดเสื้อราชประแตนสีขาว กระดุม ๕ เม็ด ถอดถุง น่อง รองเท้า สวมรองเท้าแตะเป็นประจ า สมัยนั้นแม้ครูสอนตามโรงเรียนรัฐบาลยังมิได้ราชทินนาม ครูผู้สอนก็นุ่งผ้าโจงกระเบนม่วงแพรสีน้ าเงินกันเป็นแถว ท าให้คนที่ไม่เคยรู้จักท่าน อย่างนิสิตเข้าใหม่เดิน ขึ้นตึกขาว พบท่านแล้วยังมิแน่ใจสนิทว่า หุ่นแบบนี้ลักษณะแบบนี้ ภารโรงประจ าตึกแน่นอนจึงวิสาสะ ปราศจากข้อสงสัย พูดจากับท่านแบบคนกันเอง มิใช่แบบครูอาจารย์ที่จะต้องคารวะและเกรงใจ แต่เมื่อได้ พบกับท่านเมื่อแต่งเครื่องทรงครบชุดเข้าห้องปฏิบัติการ ท าให้หลายคนหน้าแตกนับไม่ถ้วน นึกคาดไม่ถึงว่า ได้บทเรียนบทแรกที่ท่านสอนให้นิสิตหลายรุ่นหลายคนได้คิดว่า การศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่ง เดียวในสยามนี้ สถานศึกษาแห่งนี้มีกลยุทธที่ชวนให้แสวงหาความจริงและสัจธรรมที่ต้องพินิจพิจารณาด้วย ปัญญาอย่างคม ชัด ลึก มิให้ฟัง จด และจ าอย่างผิวเผินตามที่ตาเห็นอย่างเดียว คุณหลวงพรตฯ ผู้ที่ทราบ
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๘๒ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล กันดีว่า ดื่มวิสกี้เจือน้ าแข็ง (whisky on the rock) หรือถ้าเติมโซดาเล็กน้อย ต่างกับคนทั่วไปที่ดื่มโซดาเจือ ผสม สนใจแต่ Deuterium oxide หรือ heavy water ซึ่งเป็น isomer กับ Hydrogen oxide หรือน้ า ธรรมดา (เมื่อนางพระก านัลน าพระราชกระแสให้พระราชโอรสและธิดาไปทอดพระเนตรน้ าแข็งที่กงศุลจีน กิติมศักดิ์ประจ าสิงคโปร์ส่งมาทางเรือสินค้าถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าจอมมารดา วาด ของพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ ต้นสกุล โสณกุล ท่านขมวดคิ้วถามย้ าเพื่อความแน่ชัดว่า “เอ็งว่าน้ าอะไร นะ” เมื่อรายงานว่า “น้ าแข็งเจ้าค่ะ” ท่านก็เลยนอตหลุดโพล่งออกมาว่า “อีตอแหล ชอบปั้นน้ าให้เป็นตัว” แล้วก็น าขบวนพระราชโอรสและธิดาไปยังท้องพระโรง ค าปั้นน้ าให้เป็นตัวจึงอุบัติขึ้นเป็นประวัติศาสตร์แต่ นั้นมา) คุณหลวงพรตฯ คณบดีคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ บุคคลที่อาจารย์และนิสิตรุ่นหลัง สงครามโลกครั้งที่สอง ที่จบลงด้วยระเบิดปรมาณูนั้นได้คิดออกมาว่า เหตุใดท่านจึงสนใจ Deuterium oxide เพราะท่านจะท าอะไรนั้นไม่ค่อยให้ใครทราบ นอกจากรู้เอาเอง ทุกคนเสียดายที่ท่านจากไปทั้งที่ยัง หนุ่มแบบกระทิงสุขุม เยือกเย็นแต่ยิ้มยาก ท่านย้ าอยู่เสมอว่า ปริญญาตรีนั้นมีความสามารถแค่ฟังปราชญ์รู้ ว่าพูดอะไรบ้าง ปริญญาโทเพียงแค่เข้าใจ ปริญญาเอกพอท าอะไรได้บ้าง ครูที่เก่งนั้นจะต้องสอนให้ศิษย์รู้ว่า ตนเองไม่รู้อะไร อาจารย์ไทย คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์สมัยนั้น อีกหลายคนที่เคยไปศึกษา ต่างประเทศ ยามว่างจากสอน ทุกท่านมักจะพบกันที่ห้องน้ าชา เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ยามเมื่ออาจารย์ ฝรั่งของมูลนิธิ Rockefeller ลงมาที่ห้องน้ าชา ส่วนใหญ่อาจารย์ฝ่ายไทยมักจะค่อยทยอยปลีกตัวออกจาก ห้อง ในที่สุดจะเหลือแต่ อาจารย์สุกิจและอาจารย์ศุภชัยเป็นประจ า อาจจะเป็นเพราะคนเราเมื่อสนทนากัน คุยกันไม่นาน ก็รู้กันว่าค าพูดบ่งสติปัญญาของผู้พูด มีวิสัยทัศน์ระดับไหนที่สามารถแลกเปลี่ยนปัญหาทาง วิชาการที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันได้ ตามสามัญส านึก คนใบ้เท่านั้นที่พูดไม่ได้ ถ้าไม่ใบ้แต่รู้ตนเองว่าไม่รู้ดี ไม่ กล้า เปิดเผยตัวเอง เพราะเกรงว่าจะพูดเลอะเลือนไร้กฎไร้เกณฑ์ จะมีคนบ้าที่หลงตัวเองว่ารู้ดีนั้น แต่ที่พูด ได้ไม่เท่าไรก็หดหัวเข้ากระดองแบบเต่า เหลือแต่พวกที่มีวิทยายุทธแกร่งเท่านั้น ที่จะโต้กันแบบอัศวินหลัง ม้าที่สับประยุทธกันกลางสังเวียน หน้าที่นั่งแบบสมัยสงครามครูเสดในยุโรปยุคมืด หรือนักวิทยายุทธแต่ละ ส านักจากบู้ตึ้ง เส้าหลิน หัวซาน หรือ ง้อไบ้ ในจีน ไม่เช่นนั้นก็แบบอะแซวุ่นกี้กับเจ้าพระยาจักรี ในสมัยกรุง ธนบุรีแห่งสยาม เพื่อความเป็นหนึ่งในยุทธจักร เมื่อสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น พ.ศ. ๒๔๖๐ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.จ. พูนศรี เกษมศรี เป็นคณบดี ๒๒ พ.ค. ๒๔๗๖ พระราชกฤษฎีกา แยกคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เป็น ๒ คณะ ม.จ.รัชฎาภิเศก โสณกุล เป็นคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๔๗๘ พ.ร.บ.ฯ รวม คณะ อักษรศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ เป็นคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สุกิจ นิมมานเหมินทร์ เป็น คณบดี พ.ศ. ๒๔๘๖ พ.ร.บ.ฯ แยกคณะอักษรศาสตร์จากคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดย ศาสตราจารย์แถบ นีละนิธิ เป็นคณบดี การแยกคณะ รวมคณะกลับไปกลับมานั้น สรุปได้ว่า น่าจะเป็น ความเหมาะสม กับสภาวะการณ์ นับตั้งแต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขาดผู้น าที่มีวิสัยทัศน์และบารมี ระดับ สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ ในตอนต้นรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงเสมือนนาวาที่ขาดผู้บังคับการเรือที่มี
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๘๓ สมรรถภาพที่เหมาะสม จุฬาฯต้องแก้ไขด้วยคนของจุฬาฯ รู้ปัญหา แต่ก็ไม่มีผู้ใดท าลายจุฬาฯ ได้วิเศษ เท่ากับคนของจุฬาฯ เลือดจุฬาฯ ทุกคนรักจุฬาฯ แต่ไม่ควรหลงจุฬาฯ ด้วยความมัวเมา แบบนกลืมฟ้า ปลา ลืมน้ า เสือลืมป่า ปราชญ์หลงตัวเอง รู้สึกเสียดายโอกาสทอง เมื่อรองอธิการฝ่ายวิชาการ ของมหาวิทยาลัย ไม่ทราบว่ากลัวอะไร ขาดความกล้าหาญที่จะเป็นผู้น า ตามแผนของผู้แทนมูลนิธิ Rockefeller ในการ ปรับปรุงคณะวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๐๖ ให้มีความก้าวหน้าทันสมัย พ.ศ. ๒๕๐๕ ศาสตราจารย์จรัส ยามาร์ต พบ Dr. Ph (Harvard) คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์เล่า ให้ข้าพเจ้าทราบว่า Dr. R.K. Anderson ผู้แทน R.F. ได้ไปที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เพื่อมา ช่วยเหลือโครงการวิทยาศาสตร์การแพทย์หลังที่ได้หยุดไปก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มากกว่า ๒๐ ปี เพราะ เห็นว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สาขาชีววิทยาปัจจุบันนั้นได้รุดก้าวหน้ามากมายสมควรที่จะช่วยกันหา จุดอ่อนทุกด้านเพื่อที่จะพัฒนาให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต แต่คณะแพทยศาสตร์ศิริราช พยาบาลได้แยกส่วนราชการออกมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ใคร่จะมาพัฒนาโครงการช่วยเหลือระยะ ที่สอง จึงขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้น าข่าวดีนี้มาแจ้งเพื่อให้มีการพบกันระหว่างผู้แทน R.F. กับผู้แทนของ มหาวิทยาลัยเพื่อตกลงกันว่าสมควรจะด าเนินการเพื่อความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างดีว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับ R.F. จะร่วมกันบรรเลง symphony orchestra ครั้งมโหฬาร ข้าพเจ้าได้น า เรื่องนี้เรียนศาสตราจารย์ศุภชัย วานิชวัฒนา หัวหน้าภาควิชาชีววิทยาสมัยนั้น ท่านจึงได้ขอร้องให้ข้าพเจ้า น าไปเรียนคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ศ. แถบ นีละนิธิ ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดายโอกาสทอง เมื่อท่านคณบดี วิทยาศาสตร์ที่หลงตนเอง ถือทิฐิมานะ อติมานะและอุปาทาน ปฏิเสธที่จะให้ท่านผู้แทน R.F. พบ กลับขอ แจ้งว่ายินดีรับความช่วยเหลือทุกอย่างตามที่ผู้แทน R.F. เสนอเท่านั้น เสมือนแต่ละฝ่าย ห่างแยกกันเป็น วาทยากร (conductor) ในการ symphony orchestra เพราะแต่ละคนไม่ยอมเล่นด้วยบันไดเสียงที่ สอดคล้องกัน ข้าพเจ้าจึงเรียนให้ทราบว่าทางผู้แทน R.F. ต้องการที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของ ผู้แทนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผู้แทน R.F. เพื่อร่วมกันวางแผนแม่บทที่จะพัฒนาบุคลากร การเรียน การสอน เครื่องมือในการปฏิบัติการทดลองที่จ าเป็นต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพราะ วิทยาศาสตร์การแพทย์ กับวิทยาศาสตร์นั้นมีความเหมือนที่แตกต่างกัน การปฏิรูปหลักสูตรของ วิทยาศาสตร์ทางด้านการแพทย์นั้น เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับวิชาชีพของแพทย์ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอย่าง มหาศาลในทุกระยะ ๕ ปี นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๐ หากมิได้มีการด าเนินการดังกล่าวแผนพัฒนาก็จะไม่ บรรลุผลความส าเร็จ ท่านรองอธิการฝ่ายวิชาการก็ยังยืนหยัดในหลักการอหังการแบบ Robert Hutchings Goddard ปรมาจารย์ของผู้วิจัยจรวด ยิงขึ้นฟ้าได้แต่มิอาจพัฒนาให้เป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ได้ เพราะ ปฏิเสธไม่ยอมให้ aerodynamic engineering เข้ามาช่วยพัฒนา แก้ไขข้อบกพร่องที่เป็นอุปสรรค เพราะ หลงตัวเอง เชื่อมั่นว่า สามารถแก้ไขอุปสรรคได้ โดยมิต้องพึ่งใคร ไม่เปลี่ยนแปลง น่าจะเป็นเพราะ วิทยาศาสตร์บัณฑิตสาขา เคมี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ได้ไปศึกษาระดับหลังปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยแค ลิฟอเนีย วิทยาเขต สาขาเบริคเลย์ ทางอนินทรีย์เคมี คณาจารย์บัณฑิตวิทยาลัย สัมภาษณ์แล้วขอให้เรียน วิชาบังคับระดับปริญญาตรีปีที่ ๑ ก่อนในภาคการศึกษาแรก ปรากฏต่อมาว่า สอบไม่ผ่านจึงต้องลาออกจาก
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๘๔ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล บัณฑิตวิทยาลัย เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อันนี้ น่าจะเป็นเหตุให้ท่านไม่อยากให้ผู้แทน R.F. เข้ามาได้รู้ เกี่ยวกับการด าเนินงานสอนของการศึกษาที่ท่านเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นสัจจธรรมว่า ความก้าวหน้าทาง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้น หากไม่ขวนขวาย ตื่นกายตื่นใจ เพียงห้าปีเท่านั้น ความเป็นผู้ปราดเปรื่องใน อดีตก็จะกลายเป็นผู้ล้าหลังอย่างสิ้นเชิง เพราะการค้นพบใหม่ย่อมท าให้เกิดกระบวนทัศน์ใหม่ ท าให้เข้าใจ ลึกซึ้งว่าควรจะมองและเข้าใจว่า อะไรบ้างที่สมควรน ามาต่อยอดของความรู้ปัจจุบัน เพื่อที่จะให้บัณฑิต ปริญญาตรีของสถาบันไปศึกษาต่อได้ง่ายเข้า เป็นที่รู้กันดีว่านักเรียนสวนกุหลาบที่สอบทุนเล่าเรียนหลวงคน ที่ ๑ คือ นายอู๊ด มุลางกูร (สอบ ๓ ครั้ง ครั้งหลังได้ที่ ๑) คนที่ ๒ คือ นายแถบ นีละนิธิ(สอบ ๒ ครั้ง ครั้ง หลังได้ที่ ๒) คนที่ ๓ นายอวย เกตุสิงห์(สอบ ๒ ครั้ง ได้ที่ ๓ ทั้งสองครั้ง) คนที่ ๔ นายมานิต ชุมสาย (สอบ ซ้ า ๒ ปี) คนที่ ๕ นายคลุ้ม วัชโรบล (สอบครั้งเดียว) คนที่ ๖ ม.ร.ว. สุขสม เกษมสันต์(สอบซ้ า ๒ ปี) คนที่ ๗ นายอภัย (อ าไพ) จันทรวิมล (สอบครั้งเดียว) คนที่ ๘ นายจ ารัส ฉายะพงศ์(สอบครั้งเดียว) คนที่ ๙ นาย เล็ก สูญสิ้นภัย (สอบครั้งเดียว) คนที่ ๑๐ นายทองสุข พงศทัต (สอบครั้งเดียว) ทุนเล่าเรียนหลวงให้เฉพาะผู้ ที่สอบได้ที่ ๑ และ ๒ และมีอายุไม่เกิน ๑๗ ปี ทั้งนายอู๊ดและนายแถบจึงได้รับทุนไปเรียนเคมีที่มหาวิทยาลัย Liverpool ประเทศอังกฤษ นายแถบไม่เคยเรียนชนะนายอู๊ดเลย แต่นายอู๊ดตายด้วยวัณโรคที่เมืองนอก เสียก่อน คนเดียวที่แถบ นีละนิธิ จะรับฟังค าแนะน าก็น่าจะเป็นนายอู๊ด การเอามาตรฐานของตนเองเป็น หลัก ไม่ค านึงถึงความก้าวหน้าทางวิทยาการ น่าจะเนื่องจากท่านได้เป็นหนึ่งในอดีตสามทศวรรษ ทั้งที่ เดินทางไปต่างประเทศหลายครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง กลับกลายเป็นบุคคลเสมือนบุคคลไม่ตาบอด ไม่ หูหนวก แต่ไม่มีสติและปัญญาที่จะรับฟังเหตุผลและข้อเท็จจริง ในโอกาสที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะได้มี ความก้าวหน้าทางวิทยาการในอนาคตนั้น ต้องกลายเป็นสถาบันที่เริ่มมีแต่ทรงและทรุดทางด้านวิทยาการ ยังผลแบบส้มหล่นให้ ศ. ดร. สตางค์ มงคลสุข คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้วางแผน ร่วมมือกับผู้แทน R.F. Dr. R.K. Anderson ได้มีการพัฒนาสองระยะ ระยะพัฒนาอาจารย์ระดับปริญญาตรี โดยการคัดเลือกจากนักศึกษาที่เรียนดีมากในชั้นปีที่ ๑ และ ๒ ส่งไปศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานและ วิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุนจากแผน Columbo ของประเทศออสเตรเลียและ นิวซีแลนด์ ทุนจากประเทศอังกฤษและรัฐบาลไทย ระยะที่สองเป็นการพัฒนาอาจารย์ในระดับปริญญาโท และเอก ส่งนักศึกษาที่จบปริญญาตรีจากต่างประเทศและในประเทศไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยทุนรัฐบาลไทย ทุนจากมูลนิธิ R.F. และทุนรัฐบาลอังกฤษ จ านวนนักศึกษาและอาจารย์ที่ส่งไปศึกษาเพิ่มเติมประมาณ ๔๐ คน ที่จะมาพัฒนาการเรียนการสอนและการวิจัยที่คณะวิทยาศาสตร์ในเรื่องการวิจัยระดับปริญญาโทและ เอกทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ๖ สาขาได้แก่ กายวิภาคศาสตร์ ชีวเคมี สรีรวิทยา จุลชีววิทยา พยาธิ วิทยาและเภสัชวิทยา โครงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ผู้จบมิใช่แพทย์ ๓ ปีและศึกษาเพิ่มเติมที่ โรงพยาบาลรามาธิบดี ก็จะได้รับเงินอนุมัติช่วยเหลือจากทุน R.F. ทุกโครงการ นอกจากนี้ R.F. ยังส่ง Dr. James S. Darning มาท าหน้าที่เป็นผู้แทน R.F. ประจ าประเทศไทย ๒๔๐๘ รัฐบาลไทยจึงได้อนุมัติ งบประมาณและที่ดินตรงข้ามกระทรวงอุตสาหกรรม สร้างตึกทดลองทางวิทยาศาสตร์ของคณะวิทยาศาสตร์ การแพทย์และโรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อสมทบร่วมกับ R.F. ด้วย อันที่จริงทุกคนที่มุ่งท างานย่อมผิดได้
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๘๕ บุคคลที่ไม่ท าอะไรเลยย่อมจะไม่ผิด บางครั้งท าถูกในจังหวะที่ผิดมันกลับผิดได้และก็มีที่ท าผิดหลายครั้งใน จังหวะที่ถูกกลับได้ดีก็มีมิใช่น้อยและที่เสมอตัวก็มีมาก โดยเฉพาะฝ่ายที่รับผิดชอบด้านวิชาการโดยหลงเงา ตัวเองว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นสุดยอดไม่ประสงค์แสวงหามิตรปฏิเสธแบบ ทางการทูต (Persona nongrata) ไม่ต้องให้ใครมาบังอาจชี้แนะและสนับสนุนอีกแล้วนั้นเป็นการตัดสิน อนาคตที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งต่ออนาคตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่สงสัยว่าจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยขาดผู้มีวิสัยทัศน์ พร้อมที่จะปรับกระบวนทัศน์หรือเปล่า สถาบันนี้มีบุคลากรที่พร้อมจะรู้ว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขาดอะไร ต้องการอะไร จะยอมกล้าเปิดประตูเพื่อรับฟังและรับความคิดเห็น ทางด้านวิชาการในระดับมหาวิทยาลัยชั้นน าท าได้แค่ไหนเพราะผู้ที่มาขอพบที่จะให้จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย มีแต่ท าให้สภาวะดีขึ้นนั้น ถ้าหากว่าเห็นไม่ดีก็ควรจะกล้าพูด กล้าท า ในสิ่งที่ถูกต้องโดยเคารพ ในความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายอย่างทัดเทียมกันด้วยเหตุผลมากกว่าทิฐิมานะ อติมานะและอุปทาน ท่านรอง อธิการบดีฝ่ายวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คงไม่เคยทราบว่าสมัยสามก๊กลิโป้ยอดอัศวินที่ถูกเล่าปี่ กวน อูและเตียวหุย รุมสามต่อหนึ่งนั้นหนีรอดตายออกมาได้ ผลที่สุดก็ถูกทหารไร้อันดับวิทยายุทธรวบจับให้โจโฉ ตัดหัวประจาน การเอามาตรฐานตนเองไปวัดคนอื่นว่าต่ ากว่า ยึดว่าตนเองเท่านั้นที่ถูกต้อง คนอื่นผิดหมด เป็นการท าลายตนเอง เพราะในขณะนั้นแม้อธิการบดีอยู่ในฐานะสูงสุดในการบริหารยังต้องเกรงใจและฟัง ความคิดเห็นในการวางนโยบาย เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า รัฐบาลที่ประกาศออกมาว่าวันที่สมเด็จพระ นเรศวรมหาราชชนช้างกับพระมหาอุปราชของพม่านั้นมีผู้ค านวณว่าเป็นวันที่ ๒๕ มกราคม จึงประกาศให้ เป็นวันกองทัพไทย แต่ต่อมานักวิชาการหลายท่านตรวจสอบพบว่าเป็นวันที่ ๑๘ มกราคม ปัญหาที่เกิดขึ้น นั้นปรากฏว่าไม่ยอมเปลี่ยนเพราะว่าประกาศไปแล้ว ย่อมจะต้องรับกันเพื่อศักดิ์ศรี แต่ก็เป็นศักดิ์ศรีที่มิได้ เกิดจากความถูกต้องจากความจริง พงศาวดารหลายเล่มเคยบันทึกว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงไล่เรือ ติดตามจีนจันตุที่ขึ้นเรือหนีกลับจีนไปนั้น จีนจันตุได้ยิงปืนมายังเรือพระที่นั่งจนกระทั่งท าให้ล าพระแสงปืน นั้นแตก แท้ที่จริงน่าจะเป็นเพราะพระแสงปืนนั้นบรรจุดินปืนมากมายจนท าให้ระเบิดล ากล้องปืนแตกน่าจะ สมเหตุสมผลกว่า อันจะสอดคล้องกับการยิงสุรกรรมา แม่ทัพพม่าที่ไล่ติดตามมาตอนข้ามแม่น้ าสโตงตายไม่ น่าจะเป็นปาฏิหาริย์แต่อย่างไร หากมีพระราชกระแสให้ทหารทุกคนมีปืนบรรจุดินด ามาให้มากกว่าปกติ ธรรมดาและระดมยิงพร้อมกันทุกกระบอก ไม่จ าเป็นเลยว่าสิ่งที่ใหญ่โตจะเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป ไม่จ าเป็นว่า วัตถุที่เปล่งสีสกาวอย่างทองจะต้องเป็นทองเสมอไป อัญมณีที่เจียรนัยแล้วเล่นไฟระยิบจะต้องเป็นเพชร เสมอไป นักวิทยาศาสตร์ย่อมใช้ความถ่วงจ าเพาะเป็นมาตรในการวัดความแน่นของสสารที่บริสุทธิ์ การหัก เหของแสงก็เป็นเครื่องวัดบ่งชี้ว่าเป็นการผลิตโดยธรรมชาติหรือสังเคราะห์เทียม สังคมไทยเราดูจะแยกนักวิชาการกับนักบริหาร บุคคลที่เป็นนักวิชาการ ที่เป็นนักบริหารได้ดีนั้นต้อง รู้หลักการบริหารจึงจะโรจน์รุ่ง ที่ส าคัญที่สุดก็คือ นักวิชาการที่ท าหน้าที่บริหารด้วย หากไม่ใช้คุณธรรมและ รู้จักใช้คนนั้น เป็นผู้น าที่อันตรายและน่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะเป็นผู้มีอ านาจสูงสุด ชี้เป็นชี้ตาย และอ านาจกด ขี่จะชี้เป็นชี้ตายได้ง่าย หากอยู่ในบรรยากาศของผู้สอพลอที่ทรยศต่อคุณธรรมและวิชาการ พฤติกรรมของ นักวิชาการย่อมอาศัย เหตุและผล เพื่อความถูกต้องกับวิทยาการ แม้นมีความเห็นที่แตกต่าง ก็ยังเป็นมิตร
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๘๖ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล กันได้ นักการเมืองย่อมอาศัย เหตุและผล ที่จะกอบประโยชน์สูงสุดแก่พรรคการเมืองและบริวาร ทุกอย่าง ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู อยู่ที่ผลประโยชน์เป็นเครื่องตัดสิน นักการทูตย่อมอาศัย เล่ห์ เหลี่ยม ที่จะก่อประโยชน์ ให้แก่ประเทศชาติ ส่วนรัฐบุรุษนั้นย่อมอาศัย ความมั่นคงและอยู่รอดของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง คนเราไม่ว่าจะเป็นใครต าแหน่งอะไรมีความสามารถแค่ไหนนั้น จะท างานได้ผลนั้นศรัทธา ปัญญา และโอกาส แต่ละงานต้องเหมาะแก่กาลเวลา สถานที่และตัวบุคคล อะไรเป็นปัญหา ปัญหาคือสิ่งที่จะต้อง คิดวางแผนและท าให้เกิดข้อแก้ปัญหาได้ตามเป้าหมาย จะต้องมีความคิดว่าต้องวางแผนอย่างไร เพื่อให้ตรง เป้าหมาย จะต้องใช้คนที่ถูกต้องเพื่องานลุล่วงโดยสะดวก มีการวางแผนที่มีการหัดเลือกตัวบุคคลร่วมทีม และหน่วยการเงินการบัญชี การสอบผลงานด้านการบริหารและประสิทธิภาพ มีหน่วยประชาสัมพันธ์ที่ รับค าร้อง ข้อติชม และความบกพร่องของกิจการที่จะให้ครบถ้วนต้องมีการติดตามผลของงานมิให้เกิดภาวะ ผักชีโรยหน้า โดยมีหน่วยพิเศษที่ท าหน้าที่อิสระร่วมกับหน่วยที่ท าหน้าที่แนะน า (Advisory) ในการ ด าเนินการ และหน่วยที่ชี้แนะ (Supervisory) ในการที่จะดัดแปลงให้งานเข้าสู่เป้าหมาย (Goal) ในระดับที่ สูงกว่า โดยตรวจสอบงานทุก ๆ ๓ เดือนเพื่อหาปัญหาที่เป็นอุปสรรคระหว่างด าเนินกิจการ (Review) การ แก้ปัญหาต้องการการวางแผนที่ฉลาด สุขุมและต้องมีความมั่นและกล้าตัดสินใจเพื่ออนาคตสดใสที่จะ เกิดขึ้น คนที่ท างานทุกคนในชีวิตต้องมีการผิดพลาดได้ หากไม่ตัดสินใจอะไรเลยก็ย่อมไม่น าความผิด Einstein ยอดอัจฉริยะของโลกทางวิทยาศาสตร์ ก็ยังยอมรับว่าตนเองเคยผิดพลาดในการแก้ปัญหาทาง Quantum physics ในปัญหาที่เกี่ยวกับต าแหน่ง fundamental particles กับพลังงานของมันว่าน่าจะ เป็นต าแหน่งเดียวกัน ในที่สุดก็ยอมรับว่าคิดผิดและยอมรับทฤษฎีของความไม่แน่นอนของ Heisenberg เกี่ยวกับเรื่องครูบาอาจารย์แล้วอดที่จะกล่าวถึงนักวิจารณ์ที่ยอดปากกรรไกรบันลือโลกสมัย พ.ศ. ๒๔๕๑ มิได้คือ George Bernard Shaw หรือ G.B.S. (ค.ศ. ๑๘๕๖-๑๙๕๐) G.B.S. ได้ให้ค านิยามว่า ครูที่ แสนดีนั้น รู้อะไรก็รู้ไม่จริง ท าอะไรก็ไม่ได้ แต่กลับเป็นผู้ที่ชี้แนะดีให้คนอื่นรู้และปฏิบัติได้ G.B.S. นั้นรู้ว่า ความจริงของธรรมชาตินั้นเป็นอนันต์ (infinite) คุณครูที่แสนรู้นั้นจะต้องมีความสามารถผลักดันให้ศิษย์ “มอง” ด้วยสายตาที่เฉียบคมชัดลึก มิใช่ดูสักแต่ว่า “เห็น” แล้วใช้สมองคิดเพื่อเรียนรู้ว่า “อะไร” เหตุไรจึง มี “คุณลักษณะและภาวะ” เช่นนั้น จนกระทั่งเกิด “ปัญญา” สามารถสร้างทฤษฎีที่อธิบายได้สมเหตุสมผล หากสามารถตรวจสอบว่าทฤษฎีนั้นก็จะต้องมีผู้ท าซ้ าได้ผลตรงกัน หากผลการทดลองจากหลายส านักไม่ สอดคล้องตรงกันก็ต้องมาประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นทางวิชาการว่า น่าจะลงความเห็นว่าน่าจะด าเนินการ ทางวิชาการแนวไหนที่จะได้ค าตอบที่อธิบายได้นั้น ฉะนั้นครูที่ดีรู้แนวทางกระตุ้นสมองศิษย์ให้คิดจนเกิด ปัญญาได้ ศิษย์แต่ละคนจะเก่งทางสาขาใดก็มักจะมีพรสวรรค์ทางด้านนั้น เป็นที่ยอมรับในปัจจุบันว่าครูที่ วิเศษนั้นเป็นผู้มองและแสวงหาพรสวรรค์ของศิษย์ได้ และครูบางคนที่เรียนเก่งมากจนได้ปริญญาสูงสุดใน สาขาวิทยาศาสตร์ รู้ทุกสิ่งทุกอย่างในต ารา แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่มิได้ปรากฏในต าราได้ ศาสตราจารย์ H.S.C. Urey ค.ศ. ๑๘๙๓-๑๙๘๑ (พ.ศ. ๒๔๓๖-๒๕๒๔) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขา ฟิสิกส์เนื่องจากพบ Deuterium ค.ศ. ๑๙๓๔ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ได้กล่าวบนโต๊ะอาหารค่ าที่บ้านพร้อมลูกและ ภรรยาว่า “พรุ่งนี้ได้รับเชิญจากครูโรงเรียนนอกเมืองให้ไปพูดเรื่องฟิสิกส์” ทันทีที่กล่าวจบลูกชายห้ามพ่อมิ
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๘๗ ให้ไปด้วยเหตุผลที่เป็นที่รู้กันดีว่าในหมู่เด็กอเมริกันนั้น ครูเป็นบุคคลที่โง่เขลา ท าหรือสอนอะไรก็ไม่ได้เรื่อง เกรงว่าเด็กจะโห่ทั้งชั้น พ่อจะเสียใจและเสียหน้า Urey บอกว่าต้องไปเพราะตกลงกันแน่นอนแล้วไม่ยอมผิด สัญญา รุ่งขึ้น Urey ไปเช่ารถพร้อมคนขับ Urey ขอร้องให้คนขับสลับเป็นตัว Urey ส่วน Urey เป็นคนขับ เขาขอร้องให้คนขับรถท าหน้าที่อ่านข้อความที่ Urey เรียบเรียงไว้ เมื่อจบแล้วหากมีผู้ไต่ถามเกี่ยวกับเรื่อง ฟิสิกส์ก็ให้ตอบว่าปัญหานี้ง่ายมากแม้แต่คนขับรถของผมก็ตอบได้ Urey กลับบ้านอย่างสบายใจโดย แก้ปัญหาที่ลูกชายของตนเป็นห่วงได้ส าเร็จ ส่วนแพทย์ที่ดีและเก่งที่สุดนั้น ทัศนะของ G.B.S. ต้องรักษา ประมุขของประเทศและบุคคลชั้นน าเช่น นายกรัฐมนตรี เศรษฐีทรัพย์สินพันล้าน ตายคามือมามากมายนับ ไม่ถ้วน G.B.S. เคยมาเที่ยวทางตะวันออกไกล เคยมาเมืองไทย มีผู้สื่อข่าวส านัก Reuter และ Siam observer สมัยนั้นตามลงไปขอพบท่านบนเรือที่จอดในแม่น้ าเจ้าพระยาใกล้สถานกงสุลฝรั่งเศสกับโรงแรม ออเรียนเต็ลปัจจุบัน สัมภาษณ์ท่าน “เหตุไรท่านจึงไม่ขึ้นมาชมกรุงเทพฯ บ้างมีอะไรหลายอย่างอาจจะเป็น ที่ชื่นชม G.B.S. ตอบอย่างผู้ดีอังกฤษอย่างไว้เชิงว่า “ท่านไม่รู้จะไปสนทนากับนักปราชญ์ผู้ใดในเมืองนี้ เพราะอาจจะพูดจากันไม่รู้เรื่อง” นัยว่ายังมีช่องว่างอันเป็นสื่อทางความคิดเห็น แทนที่ความจริงในสมัยนั้น การสุขาภิบาลก็ดี การแพทย์ก็ดี การคมนาคมก็ดี ล่ามก็ดี อาจจะเป็นอุปสรรคมิใช่น้อย เพราะตอนต้นรัช สมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ดูเหมือนจะมีโฮเต็ลแห่งเดียวที่อาบน้ าโดยใช้ขันตักจาก ตุ่มและถ่ายทุกข์หนักก็นั่งบนที่เป็นไม้รองก้นและมีบานพับเปิดปิดส าหรับเปลี่ยนถังรองรับอุจจาระเพราะยัง ไม่มีระบบสุขาแบบปัจจุบัน สมัยนั้นมีไฟฟ้า น้ าประปา รถรางไฟฟ้าเฉพาะในกรุงเทพมหานคร มีรถยนต์เปิด ประทุนประมาณ ๑๐๐ คัน จะติดเครื่องต้องใช้แรงคนหมุน ล้อรถยังเป็นยางตัน นอกนั้นส่วนมากเป็นรถม้า เทียมแบบที่ยังพบเห็นกันที่จังหวัดล าปาง การเดินทางก็มีแต่รถลากด้วยกุลีจีน (rickshaw) มาตรฐานในการ บริการ การปรุงอาหารและความสะอาดก็ยังต่ า เป็นที่น่ากลัวในหมู่ชาวต่างประเทศว่า โรคบิด โรคท้องร่วง กาฬโรค อหิวาต์และไทฟอยด์ ฝีดาษ วัณโรค จะเป็นสาเหตุให้เจ็บป่วยตายได้มากกว่า นักข่าวในสมัยนั้นก็ คงจะคุณภาพด้อยมาตรฐานก็เลยมิได้เจรจาสัมภาษณ์ถึงการบ้านการเมืองให้ G.B.S. ตอบเกี่ยวกับความเห็น ของอ านาจ (might) กับความถูกต้อง (right) ทางจริยธรรมโดยของมหาอ านาจชาวตะวันตก ที่เป็นปัญหา ของชาติทางตะวันออก แล้วยังไม่เสนอแนะว่า Brother F. Hilair อธิการอัชสัมชัญที่อยู่ติดสถานกงสุล ฝรั่งเศสปราชญ์ผู้เปรื่องสามารถร่ายโครงฉันท์ กาพย์ กลอน ได้อย่างที่ใคร ๆ คาดไม่ถึง หรือ Prince Rajani พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส น.ม.ส. กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ หรือ Prince Damrong พระองค์ เจ้าบรมวงค์เธอกรมพระยาด ารงราชานุภาพ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ผู้ที่ชาวต่างประเทศมักกล่าวว่า “Prince Damrong is always damned right.” บุคคลที่กล่าวนี้เหมาะแก่ท่านจะแก้เหงาได้บ้าง ทุกคนไม่ ว่าชาติใด ภาษาใด บุคคลใดก็คล้ายเหรียญสองหน้าที่แตกต่างกัน G.B.S. ตรงกันข้ามกับ Lord Louis Mountbatten ผู้บัญชาการกองทัพจักรภพอังกฤษภาคตะวันออกไกล สมัยสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง ประโยคแรกที่พระบาทเหยียบแผ่นดินไทยได้รับสั่งอย่างที่น่าชื่นชมแบบผู้ดีอังกฤษอย่างขนานแท้ถามถึง Prince Vudhijaya พระองค์เจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าวุฒิชัยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร เพื่อนนักเรียนนายเรือแห่งราชนาวีอังกฤษรุ่นเดียวกันและนายประดิษฐ์ สุจริตกุล (พระประดิษฐ์สหการ)
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๘๘ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล เพื่อนนักเรียนอังกฤษสมัยอยู่โรงเรียนกินนอน (public school) ทรงสลดพระทัยเมื่อผู้ถวายรายงานว่าทั้ง สองสหายของท่านได้จากไปหลายปีแล้ว ปกติบุคคลชั้นประมุขของรัฐบาลมักเป็นบุคคลธรรมดา ที่มิได้เป็น ธรรมดา Queen Elizabeth II แห่งบริเทน ครั้งหนึ่งขณะที่ทรงปราศรัยกับผู้น าในสังคมชั้นสูงของประเทศ อังกฤษในพระราชวังที่ประทับ โดยบังเอิญโทรศัพท์มือถือของราชอาคันตุกะเสียงดังขึ้น ท าให้เจ้าของ โทรศัพท์มือถือนั้นประสาทกระเจิง รีบปิดสัญญาณจึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้คลายกังวลว่า ควรจะรับ สัญญาณที่เรียกด่วนนั้น เพราะอาจจะมีบุคคลที่ส าคัญกว่าต้องการความช่วยเหลือด่วน อาจจะด้วยขวัญ กระเจิง จึงได้แต่ยิ้ม โดยมิได้ปริปากถวายบังคมทูลแต่อย่างใด แทนที่จะกราบบังคมทูลว่า ด้วยพระบารมี โปรดเกล้าฯ ข้าพระพุทธเจ้าแน่ใจว่า ผู้ที่ส่งสัญญาณนั้น คงมิใช่ God แน่นอน พระราชอาญาล้นเกล้าล้น กระหม่อม หาที่สุดมิได้ มารยาททางการเมืองเป็นคุณธรรมที่ Queen Victoria ยกถ้วยน้ า โรยกลีบกุหลาบ ส าหรับล้างพระหัตถ์บนโต๊ะ Gala dinner ดื่มท าให้ทุกคนร่วมโต๊ะเสวยดื่มตาม ในโอกาสที่มหาราชแห่ง อินเดียเสด็จเยือนเป็นทางการ เข้าใจผิดว่าเป็นน้ าดื่ม หลังพิธีต้อนรับในงานแทนที่จะเป็นน้ าล้างพระหัตถ์ การท าผิดในจังหวะที่ถูกต้องเป็นสิ่งจ าเป็น ย่อมดีกว่าการกระท าในสิ่งที่ถูกต้องในเวลาที่ไม่สมควรย่อมไม่ บังเกิดผลดีนั้นมีอยู่น้อย เป็นวีรกรรมอย่างสูงที่จะช่วยมิให้เสื่อมเสียเกียรติยศของมนุษย์ที่สมควรจะยกย่อง มันเป็นอภิสิทธิ์ของผู้ให้โดยที่อีกฝ่ายมิได้เรียกร้อง ทุกชีวิตเหมือนจะมีฟ้าดินประกาศิตตามทัศนะของคน ตะวันออก ตัวอย่าง สุมาอี้ แม่ทัพของโจโฉ รอดชีวิตด้วยกลอุบายของขงเบ้ง หลงเข้าไปติดกับในหุบเขากิ สาน พร้อมทั้งมีไฟโหมคลอกขนาบทุกด้าน สุมาอี้กลัวอย่างลนลานว่าจะจบสิ้นชีวิตอย่างแน่นอน หากเทวดา ฟ้าดินไม่บันดาล แม้จะไร้อิทธิฤทธิ์ก็ยังมีบุญฤทธิ์ปาฏิหาริย์ท าให้เกิดพายุฝนถล่มลงมาดับไฟอย่างสิ้นเชิง จากการรบครั้งนี้ ขงเบ้งรู้ทันทีว่าเป็นสัจธรรมของอนิจจัง ที่เริ่มถึงจุดจบชีวิตตนเองก าลังสิ้นสุดในอนาคต แบบฤทธิ์แพ้กรรม กรรมชนะฤทธิ์ที่ก าลังตามติดแบบฟ้าดินประกาศิตไว้ ตามที่พระพุทธองค์ตรัสให้เชื่อด้วย วิจารณญาณของตนเอง ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ กรณีคุณอภัย จันทรวิมล และคุณสัญญา ธรรมศักดิ์ ทั้งคู่เรียนกฎหมายรุ่นเดียวกัน สอบเป็นผู้พิพากษาและสอบไปเรียนกฎหมายที่อังกฤษพร้อมกัน คุณสัญญาไม่เคยเรียนชนะคุณอภัยสักครั้ง เมื่อกลับมารับราชการในกระทรวงยุติธรรม ทางเจ้ากระทรวงก็ จัดอันดับให้คุณอภัยน าอันดับหนึ่ง คุณสัญญาอันดับสองตลอดมา จนกระทั่ง พ. ศ. ๒๔๗๕ พระองค์เจ้าธานี นิวัต พระวรวงศ์เธอวัติกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ได้ด ารงต าแหน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการทรงด าริที่ จะได้นักกฎหมายชั้นเยี่ยมยอดจากกระทรวงยุติธรรมมาช่วยร่างพระราชบัญญัติการศึกษาของชาติจึงขอตัว ย้ายคุณอภัยมาสังกัดกระทรวงธรรมการ ต าแหน่งราชการผู้พิพากษาทางกระทรวงยุติธรรมอันดับ ๑ จึง อัตโนมัติเป็นของคุณสัญญา ทั้งคุณอภัยและคุณสัญญาก็ยังเป็นสหายรักที่ดีต่อกัน ในที่สุดของชีวิต ต าแหน่ง ของคุณอภัยสูงสุดเป็นแค่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ต าแหน่งของคุณสัญญา ผู้ทรงยึดมั่นในพุทธธรรม นอกจากเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ก็ก้าวหน้าอย่างจรวดโชติช่วงเป็นประธานศาลฎีกา เป็นอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประธานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ได้รับพระราชทานอิศริยาภรณ์ สูงสุดที่บุคคลธรรมดาสามัญฝ่ายพลเรือนจะมีได้ คือ นพรัตน์ราชวราภรณ์ เป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานองคมนตรี ฯลฯ ทุกคนยอมรับว่า ท่านทั้งสองเป็นคนดี มีความสามารถ มีคุณธรรม แต่ความเก่ง
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๘๙ อย่างเดียวถ้าไม่เฮงตามดวงด้วยแล้ว ยังสู้พวกที่เก่งน้อยกว่าหรือไร้ฝีมือ มีแต่เฮงอย่างเดียวก็มีไม่น้อยที่รุ่งน่า มหัศจรรย์ท านองเดียวกับ General D. MacArthur กับ General D. Eisenhower หลังสงครามโลกครั้งที่ สอง ผู้ที่เคยเป็นนายกลับไม่รุ่งเท่าลูกน้องเก่า ภาษิตสุนทรภู่ที่น่าคิด “อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว ขอให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล” แบบค่าบุคคลอยู่ที่ผลของงาน “รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” แบบค่าของบุคคลอยู่ที่คนของใคร ภาษิตของหลวงวิจิตรวาทการ “อันที่คนเขาอยากให้เราดี แต่ถ้าเด่นทุกทีเขาหมั่นไส้ จงท้าดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน” “โบราณว่าน้้าขึ้นให้รีบตัก ช้าได้พร้าเล่มงาม กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้” ความจริง คือ สัจธรรมที่ไม่ตาย แต่คนที่พูดความจริงมักจะเป็นคนที่ตายทั้งเป็น หากความจริงที่พูดแล้วไม่ เกิดประโยชน์ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียต าลีงทอง ความจริงบางกรณีน่ากลัวจนพูดไม่ออก ไม่กล้าที่จะพูด ถ้า จะพูดต้องพูดด้วยความฉลาด ผู้รู้จริงมักไม่พูด ผู้พูดมักไม่รู้จริง ท าผิดในเวลาที่ถูก ดีกว่าท าถูกในเวลาที่ผิด • มหาสมุทรสุดลึกล้น คณณา สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได้ เขาสูงอาจวัดวา ก้าหนด วิถีมนุษย์นี้ไซ้ ยากแท้หยั่งถึง โคลงโลกนิติ • มีเรือดีไม่ขี่ข้าม เอาเรือรั่วน้้ามาข้ามขี่ ราชการงานหลวงจะเอาดี ไร้ศักดิ์ศรีไร้บารมีเป็นแม่งาน ไม่ทราบผู้แต่ง • ยกกระทะถั่วต้น ติดเตา เผาถั่วเป็นเพลิงเผา ถั่วต้น ถั่วไหม้ก็เพราะเถา เทือกถั่วนั่นแล ไยจะเร่งไฟต้ม เร่งให้ถั่วตาย ขุนวิจิตรมาตรา
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๙๐ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล ข้าพเจ้ามาคิดว่า หากอาจารย์ได้เรียนนิติศาสตร์ แทนที่จะมุ่งเรียนแพทย์ น่าจะรุ่งในชีวิตอย่าง แน่นอน พล อ. อ. หริน หงสกุล พล อ. อ. ทวี จุลทรัพย์ ทั้งคู่เคยเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออก จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปเรียนนายร้อยทหารบกทั้งที่ฝึกเป็นนักบินใบพัด แต่เมื่อเป็นทูตทหารอากาศ แอบไปฝึกขอบินเครื่องไอพ่นจากกองทัพอังกฤษ อาศัยฝีปาก เสน่ห์และบารมีเพื่อนต่างชาติ ตอนใกล้ สงครามเกาหลีสงบไปตีสนิทกับผู้บัญชาการทหารอากาศอเมริกันว่าสงครามสงบแล้วจะขนเครื่องบินกลับ บ้านหรือยังไงก็น่าจะเห็นใจไทยที่ส่งทหารมาช่วยรบ ผู้บัญชาการทหารอากาศภาคตะวันออกไกลอเมริกันรู้ แก่ใจว่าเมืองไทยยังไม่มีเครื่องบินไอพ่น ทหารอากาศไทยหรือจะบินเครื่องไอพ่นได้จึงมองหน้าพร้อมทั้ง ปรามาสว่าถ้าสามารถขับเครื่องบินไอพ่นได้แล้ว เอาไปเลยให้หนึ่งฝูง (๑๖ ล า) จับมือด้วยความท้าทายแบบ สุภาพบุรุษอเมริกัน-ไทย พล อ. เอก ทวี พล อ. เอก หริน และพล อ. ตรี มานพ สุริยะ (นายทหารส าเร็จจาก West Point สาขานักบิน ก่อนที่สหรัฐฯ จะตั้งโรงเรียนนายเรืออากาศที่มลรัฐโคโลราโด) ก็สามารถขับ เครื่องบินไอพ่นของอเมริกัน ๓ ล า เมื่อถึงดอนเมืองโดยสวัสดิภาพแล้ว ฝ่ายอเมริกันก็ให้นักบินอเมริกันขับ เครื่องบินมาส่งอีก ๑๓ ล า เพื่อให้รบตามเดิมพัน พร้อมทั้งน าเอกสาร Technical manual ในการฝึกซ่อม ฝ่ายบ ารุงก าลัง (logistics) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ โดยมิได้มีความมุ่งหมาย ที่จะให้เป็นเครื่องมือในการรุกรานประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง โดยกองทัพไทยมิได้เสียเงินแม้แต่บาทเดียว สมควรแล้ว ต่อมาท่านพลอากาศเอกทั้งสองที่ได้รับพระราชทานปฐมจุลจอมเกล้าฯ ซึ่งแม่ทัพอากาศหลาย ท่านอย่างเก่งก็แค่ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ทั้งคู่มีประวัติดีเด่น น่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศได้อย่าง สมศักดิ์ศรี แต่ก็ไปไม่ถึง ฟ้าดินเท่านั้นที่ประกาศิตให้เหมาะแก่เวลาและสถานที่ สามารถท าให้บางคนยิ้มได้ในเวลาที่ไม่น่ายิ้ม หรือร่ าไห้อย่างโหยหวนแบบตอนขงเบ้งไปขอขมาศพจิวยี่ในถิ่นของเกงจิ๋ว คนเราถ้าฟังแล้วดูไม่ออก คิดไม่ เป็นด้วยวิจารณญาณ ยังลุ่มหลงในศักดิ์ศรีอ านาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน และไร้คุณธรรมก็เป็นผู้น าที่ไร้ค่า มารยาทสังคมไทยทักท้วง “คนล้มมิให้ข้าม” นั้นยังใช้ได้ตลอดกาลเพราะน้ าขึ้นปลากินมด น้ าลดมดกินปลา คนไทยส่วนมากไม่สนใจประวัติศาสตร์แบบเจ็บแล้วไม่จดจ า ตั้งรับศึกที่พระนครทั้งสองครั้งก็พ่ายแพ้เพราะ กลอุบาย ทุกครั้งที่ออกรบนอกกรุงแม้จะมีก าลังน้อยกว่าก็ยังสามารถชนะป้องกันบ้านเมืองไว้ได้ทุกครั้ง ปกติการแต่งตั้งต าแหน่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มักจะยึดอาวุโสทางราชการมากกว่าทางวุฒิ ทางการศึกษา เมื่อคุณหลวงประวัติ วรวิชชุการี E.E. (Electrical engineering) Princeton ต าแหน่งคณบดี คณะวิทยาศาสตร์ว่าง ศาสตราจารย์ศุภชัยรับราชการก่อนศาสตราจารย์แถบ ท่านศาสตราจารย์ศุภชัยไม่ เข้าประชุม เพราะท่านเห็นว่า ศาสตราจารย์แถบ นีละนิธิ หัวหน้าแผนกเคมี วุฒิทางวิชาการก็เด่นสุดด้วย ศักดิ์ศรี จบวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัย Cornell สหรัฐอเมริกา สมควรจะท าหน้าที่ต าแหน่ง คณบดีได้เหมาะกว่า ครั้นต่อมาภายหลังที่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยลดธงชาติหน้าหอประชุมสมัยพรรค สามัคคีธรรมชนะเลือกตั้งอย่างไม่โปร่งใส บรรยากาศทางการเมืองพลิกผันจนเลขาธิการจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยต้องลาออกจากต าแหน่ง สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องสรรหาเลขาธิการคนใหม่ ศาสตราจารย์สุกิจ นิมมานเหมินทร์ ได้เสนอว่า เห็นอยู่คนเดียวที่มีบารมีพอที่จะให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๙๑ กลับมาเป็นปกติได้ ก็เสนอศาสตราจารย์ศุภชัย วานิชวัฒนา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย อาจารย์จึงด ารงต าแหน่ง ตั้งแต่ ๑๒ กันยายน ๒๔๘๙ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๐๙ ต่อมาจึงเลื่อนเป็นรองอธิการฝ่ายบริหาร อาจารย์ เป็นบุคคลที่ไม่เจ้าอารมณ์ ปกติไม่มองคนในแง่ลบ ช่างเจรจา ให้เห็นปัญหาทุกอย่าง ด้วยอารมณ์ขัน และน่าฟัง เป็นสุภาพบุรุษแก่สุภาพสตรีทุกท่าน เป็นสามีที่เข้าใจชีวิตและนิสัยใจคอของภรรยาคู่ชีวิต เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นพรหมของลูก เห็นความส้าคัญของระบบครอบครัวแบบประชาธิปไตย เป็นที่รักและเคารพของญาติมิตรและศิษย์ เป็นบุคคลที่ใจกว้าง เคารพในความคิดเห็นของผู้อื่นเท่ากับ ความคิดเห็นของอาจารย์เอง เป็นผู้มีคุณธรรม เป็นผู้เห็นคุณค่าของชีวิตมนุษย์ สร้างบารมีโดย ช่วยเหลือบุคคลที่ทุกข์ยาก และประสพอยุติธรรมจากผู้อื่น แนะหาทางออกที่เป็นประโยชน์แก่ทุกคนที่ ทุกข์ยาก โดยมิท้าให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย เป็นครูที่ศิษย์ไม่เคยลืม อาจารย์เป็นเอตทัคคะในการเสนอให้เกิด ความพอดีในที่ประชุมที่มีความเห็นแตกต่างกันพอเหมาะแก่กาลเทศะ บรรยากาศ และสถานที่ได้ดี ใน ด้านบริหาร ท่านจะจ้ากัดขอบเขตของอ้านาจหน้าที่ ไม่ล้้าสิทธิ์และอ้านาจผู้อื่น หลักเกณฑ์ในการ บริหาร หากเกิดปัญหาระหว่างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มักจะสิ้นสุดด้วยการร่วมมือในแง่สร้างสรรค์ หากยังตก ลงกันมิได้ก็ขอให้ย้อนกลับไปตริตรองให้รอบคอบ เพื่อที่จะได้มีโอกาสในการพิจารณาในโอกาสต่อไป โดยมิได้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ ไม่ว่าสังคมใดย่อมมีคนดีและไม่ดีพอที่เป็นผู้บริหารในแง่บวกและแง่ลบ ถ้ามีบวกหมดหรือลบหมดก็มิสามารถจ าแนกได้ว่าฝ่ายไหนบวกแท้ฝ่ายไหนลบแท้ ซึ่งมีไม่มาก ส่วนมาก มักจะเป็นพวกที่บวกแฝงหรือลบแฝง ที่รอโอกาสเหมาะเพื่อความก้าวหน้าและอุดมการณ์ ในฐานะที่ท่าน เคยเป็นนักดนตรี เมื่อท่านได้ยินเสียงบันไดเสียงอันใดอันหนึ่งแล้ว ท่านจะได้รู้บันไดเสียงที่สอดคล้องกันด้วย ชีวิตเราทุกคนย่อมมีบาดแผลฝังในจิตใจที่หายยากเป็นพิเศษ จนกระทั่งในที่สุดก็พบสัจธรรมว่าควรรู้จักพ่าย แพ้ผู้อื่นให้เป็น แต่อย่าพ่ายแพ้ โลภะ โทสะ โมหะของตนเอง เพราะเมื่อชนะใจตนเองได้ ก็จะเกิดปิติที่ให้ ความสุขอย่างสูงสุด เป็นที่ยอมรับกันอย่างสากลว่า ปัญหาของวิชาการ เป็นเรื่อ เหตุและผล ต่างจากการเมืองเป็นเรื่อง ของผลประโยชน์ ด้านการเมืองรัฐบุรุษนั้นจ าต้องท าทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์และความมั่นคงของ ประเทศชาติด้วยความกล้าหาญ และจริยธรรมอันโปร่งใส มากกว่านักการเมือง หรือนักบริหาร ที่จะจ ากัด อยู่ในแวดล้อมของกลุ่มที่อาศัยผลประโยชน์ร่วมกันแต่เพียงอย่างเดียว ต่างจากนักวิชาการที่แท้จริงใน มหาวิทยาลัยที่ไม่ขายตัว หรือไม่ทรยศต่อวิชาการ แต่ยึดมั่นในเสรีภาพทางวิชาการ และปฏิภาณในการที่จะ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ จากช่องว่างที่ยังเหลือให้เห็นอยู่ จากประสบการณ์ชีวิตข้าพเจ้า ก็ประทับใจอยู่ สองคนเท่านั้นก็คือ ศาสตราจารย์สุกิจ นิมมานเหมินทร์ และศาสตราจารย์ศุภชัย วานิชวัฒนา ที่สมเป็น ปรมาจารย์ของบรรดาศิษย์ทั้งหลาย บทความนี้ข้าพเจ้าเขียนตามความประทับใจ พยายามที่จะท าให้เห็น ลีลาและส านวนแบบศาสตราจารย์สุกิจ โดยเฉพาะประกอบเกร็ดเบื้องหลังประวัติศาสตร์ ที่มิควรจะละทิ้ง ให้เป็นแต่ต านานที่กล่าวตกไป ไม่นานก็หลงลืมลางไป หากเป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่พอใจท่านผู้อ่าน ก็ขออภัยและ ยอมรับโดยดุษฎี เพราะโลกทุกวันนี้หาความพอดีที่สมบูรณ์ยาก มีแต่ไม่เกินก็ขาด เสมือนความสุขและความ
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๙๒ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล เจ็บปวด จะต้องเป็นของคู่กันที่ทุกคนหนีไม่พ้น ดูจะเป็นสัจธรรมว่าคนรู้ว่าควรท าอะไรกลับเป็นคนจะท าไม่ รู้ว่าจะท าอะไรก่อนอะไรหลัง ในที่สุดขอจบด้วยกลอน ฝึกฝนคนเก่งแท้ เชิดชู บัณฑิตต้องมีครู ทั่วรู้ ความรู้สัพพัญญู ปราดเปรื่อง ธรรมะย่อมคอยกู้ เกียรติก้องจักรวาล ท้าดีได้ชั่วนั้น มีถม ท้าชั่วได้ดีคน เจิดจ้า กรรมเก่าใหม่ติชม มีทั่ว กายจิตดีส่งหล้า มุ่งแท้พุทธธรรม อ้านาจลาภยศนั้น อนิจจัง หลงเสพสุขทุกขัง แน่แท้ ก้าหนดจิตคือพลัง อานุ- ภาพนา คุณธรรมจิตสว่างแล้ ช่วงสร้างบารมี ใดใดในโลกนี้ อนิจจัง ทุกสิ่งไม่จริงจัง โลกนี้ ลบหลู่ไม่ตรับฟัง ประมาท ทุกสิ่งบ่ายเบี่ยงลี้ สิ่งนี้มีจริง ทุกวันนี้มีกรรมประกาศิต มิรู้จิตจบสิ้นเวลาไหน อย่าคิดมากยึดธรรมประจ้าใจ เพียงก้าไรแต่ละวันชื่นชีวา ตัวตนไม่ส้าคัญอยู่ที่จิต มุ่งพิชิตเวรกรรมสุขหรรษา ใดใดในโลกนี้อนิจจา ชนะใจกายาสู่นิพพาน
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๙๓ “ศุภชัย” นามท่านนี้ ศาสตรา-จารย์นา “วานิชวัฒนา” เผ่าแท้ สอนชีวะฯ จุฬาฯ เน้นหลัก เด่นนา วิสัยทัศน์สอนศิษย์แก้ แน่แท้ ปัญหา ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายสัตวแพทย์ หม่อมราชวงศ์ ชนาญวัต เทวกุล หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๑๓ - ๒๕๑๘
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๙๔ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล | ๙๕ บทความในวารสาร (จากต้นฉบับ)
อายุวัฒนมงคล ๑๐๐ ปี ๙๖ | ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.ชนาญวัต เทวกุล พุทธศักรำช ๒๔๙๐ สมุนไพรไทยชนิดใหม่แก้มาเลเรียพบในเมืองไทย ที่มา: หนังสือพิมพ์เภสัชกรรม สมัยสาม ปีที่ ๑, เล่ม ๒ (ธ.ค.): ๒๐-๓๓ (Journal of Pharmaceutical Association of Siam, Third Series)