ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ใบงานวิทยาศาสตร์ เทอม1 และเทคโนโลยี ชื่อ – สกุล .................................................................. ชั้น.................... เลขที่............. ป.6
สารอาหารและระบบย่อยอาหาร
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (สารอาหาร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/1-3 สำรอำหำร ให้พลังงำน ไม่ให้พลังงำน 4 KCl/g 4 KCl/g 9 KCl/g 1. อำหำร คือ สิ่งที่รับประทำนเข้ำไปแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่ำงกำย 2. สำรอำหำร คือ สำรเคมีที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในอำหำร ได้แก่ คำร์โบไฮเดตร โปรตีน ไขมัน วิตำมิน แร่ธำตุ 3. วิธีกำรตรวจสอบคำร์โบไฮเดรต(แป้ง) คือ หยดไอโอดีนลงในน้ ำแป้งสุก ผลกำรทดสอบที่ได้คือ สำรละลำยเป็นน้ ำเงิน, สีม่วง 4. วิธีกำรตรวจสอบน้ ำตำลโมเลกุลเดี่ยว คือ หยดเบเนดิกต์ลงในน้ ำตำลแล้วน ำไปให้ควำมร้อน ผลกำรทดสอบที่ได้คือ สำรละลำยเป็นสีส้ม มีตะกอนสีแดงอิฐ 5. วิธีกำรตรวจสอบโปรตีน คือ หยดสำรละลำย CuSO และ สำรละลำย NaOH ลงในไข่ขำวดิบ เรียกว่ำกำรทดสอบ ไบยูเรต ผลกำรทดสอบที่ได้คือ สำรละลำยมีสีน้ ำเงินม่วง 6. วิธีกำรตรวจสอบไขมัน คือ น ำน้ ำมันพืชถูกับกระดำษ ผลกำรทดสอบที่ได้คือ กระดำษโปร่งแสง 7. น้ ำตำลโมเลกุลเดี่ยว ได้แก่ น้ ำตำลกลูโคส, น้ ำตำลฟรักโทส, น้ ำตำลกำแล็กโทส 8. น้ ำตำลโมเลกุลคู่ ได้แก่ 8.1. น้ ำตำลมอลโตส เกิดจำกกำรรวมกันของ น้ ำตำลกลูโคส + น้ ำตำลกลูโคส 8.2. น้ ำตำลซูโคส (น้ ำตำลทรำย) เกิดจำกกำรรวมกันของ น้ ำตำลกลูโคส + น้ ำตำลฟรักโทส 8.3. น้ ำตำลแล็กโทส เกิดจำกกำรรวมกันของ น้ ำตำลกลูโคส + น้ ำตำลกำแล็กโทส 9. หน่วยย่อยของคำร์โบไฮเดรตคือ น้ ำตำลโมเลกุลเดี่ยว หน่วยย่อยของโปรตีนคือ กรดอะมิโน หน่วยย่อยของไขมันคือ กรดไขมัน และกรีเซอรอล
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (แหล่งอาหาร ความส าคัญ และผลจากการขาดวิตามินชนิดต่างๆ) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/1-3 วิตามินละลายในไขมัน . แหล่งอาหาร ความส าคัญ ผลจากการขาดวิตามิน วิตำมิน เอ (A) . เรตินอล . ตับ น้ ำมันตับปลำ ไข่ นม เนย ผักผลไม้ที่มี สีเขียว ช่วยในกำรเจริญเติบโต บ ำรุงสำยตำ เด็กไม่เจริญเติบโต ผิวหนังแห้ง หยำบ มองไม่เห็นในที่สลัว วิตำมิน ดี (D) . . แคลซิเฟอรอล . . นม เนย ไข่ ตับ น้ ำมันตับ ปลำ จ ำเป็นในกำรสร้ำงกระดูก เพิ่ม อัตรำดูดซึม แคลเซียม ฟอสฟอรัส โรคกระดูกอ่อน วิตำมิน อี (E) .. . แอลฟำ โทโคเฟ . ผักสีเขียว น้ ำมันจำกพืช เช่น น้ ำมันร ำ น้ ำมันถั่วเหลือง ท ำให้ไม่เป็นหมัน เซลล์ เม็ดเลือดแดงแข็งแรง โรคโลหิตจำง หญิงมีครรภ์อำจท ำ ให้แท้งได้ผู้ชำยอำจเป็นหมัน วิตำมิน เค (K) . แอลฟำ ฟิลโลควิโนน . ผักสีเขียว ตับ ช่วยในกำรแข็งตัวของเลือด เลือดแข็งตัวช้ำกว่ำปกติ วิตามินละลายในน้ า . แหล่งอาหาร ความส าคัญ ผลจากการขาดวิตามิน วิตำมินบี 1 (B1) ไทอำมีน ข้ำวกล้อง เนื้อสัตว์ ตับ ถั่ว ไข่ ช่วยบ ำรุงระบบประสำทและกำร ท ำงำนของหัวใจ โรคเหน็บชำ เบื่ออำหำร . อ่อนเพลีย . วิตำมินบี 2 (B2) ไรโบเฟลวิน ตับ ไข่ ถั่ว นม ยีสต์ ช่วยให้กำรเจริญเติบโตเป็นไปอย่ำง ปกติ ท ำให้ผิวหน้ำ ลิ้น ตำ มี สุขภำพดี แข็งแรง โรคปำกนกกระจอก ผิวหนังแห้ง . และแตก ลิ้นอักเสบ . .. . วิตำมินบี 3 (B3) ไนอำซิน เนื้อสัตว์ ตับ ถั่ว ข้ำวกล้อง . ยีสต์ . . . ช่วยในกำรท ำงำนของระบบ ประสำท กระเพำะอำหำร ล ำไส้ จ ำเป็นส ำหรับสุขภำพผิวหนัง ลิ้น เบื่ออำหำร อ่อนเพลีย ผิวหนังเป็น ผื่นแดง ต่อมำสีจะคล้ ำหยำบ และ อักเสบเมื่อถูกแสงแดด วิตำมินบี 6 (B6) ไพริดอกซิน เนื้อสัตว์ ตับ ผัก ถั่ว ช่วยในกำรท ำงำนของระบบย่อย . อำหำร . เบื่ออำหำร ผิวหนังเป็นแผล มี อำกำรทำงประสำท วิตำมินบี 12 (B12) ไซยำโนโคบำลำมิน ตับ ไข่ เนื้อปลำ จ ำเป็นส ำหรับกำรสร้ำงเซลล์เม็ด เลือดแดง ช่วยให้กำรเจริญเติบโต ในเด็กเป็นไปอย่ำงปกติ โรคโลหิตจำง . ประสำทเสื่อม . . .. วิตำมินซี (C) กรดแอสคอร์บิก ผลไม้และผักต่ำงๆ เช่น . ฝรั่ง มะขำมป้อม กล้วยน้ ำว้ำ มะ.เขือ เทศ เป็นต้น . ช่วยรักษำสุขภำพของฟันและเหงือก ท ำให้หลอดเลือดแข็งแรง โรคเลือดออกตำมไรฟัน หลอด ... เลือดฝอยเปรำะ เป็นหวัดง่ำย . .. .
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (แหล่งอาหารและความส าคัญของแร่ธาตุบางชนิด) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/1-3 แร่ธาตุ แหล่งอาหาร ความส าคัญ โพแทสเซียม ผัก ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืช เนื้อสัตว์ นม รักษำสมดุลของของเหลวในร่ำงกำย และ สภำพควำมเป็นกรด-เบสในร่ำงกำย ช่วยใน กำรหดตัวของกล้ำมเนื้อ กำรน ำกระแส ประสำท .. นม เนื้อ ไข่ ผักสีเขียวเข้ม สัตว์ที่ กินทั้งเปลือกและกระดูก เช่น กุ้ง แห้ง ปลำ เป็นส่วนประกอบที่ส ำคัญของกระดูกและฟัน ช่วยในกำรแข็งตัวของเลือด ช่วยในกำร ท ำงำนของประสำทและกล้ำมเนื้อ ฟอสฟอรัส นม เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว เห็ด ผัก . บำงชนิด เช่น มะเขือเทศ . . . ส่วนประกอบของดีเอ็นเอ ช่วยในกำรสร้ำง กระดูกและฟัน กำรสร้ำงเซลล์ประสำท แมกนีเซียม อำหำรทะเล ถั่ว นม ผักสีเขียว . . . เป็นส่วนประกอบของเลือด และกระดูก ช่วยในกำรท ำงำนของระบบประสำทและ กล้ำมเนื้อ โซเดียม เกลือแกง ไข่ นม ควบคุมปริมำณน้ ำในเซลล์ให้คงที่ . . ตับ เนื้อสัตว์ ถั่ว ไข่ ผักสีเขียว เป็นส่วนประกอบของเอ็นไซม์บำงชนิด และ ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ไอโอดีน อำหำรทะเล เกลือสมุทร เกลือ . เสริมไอโอดีน . เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนไทรอกซิน ซึ่งผลิตจำกต่อมไทรอยด์
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (แหล่งอาหารและความส าคัญของแร่ธาตุบางชนิด) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/1-3 1. ผู้ที่เสียเลือดหรือสตรีที่มีประจ ำเดือน ควรรับประทำนอำหำรที่มีแร่ธำตุชนิดใด ตอบ ควรรับประทำนอำหำรที่มีแร่ธำตุเหล็ก เนื่องจำกแร่ธำตุชนิดนี้เป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบินในเม็ด เลือดแดง . 2. แร่ธำตุชนิดใดบ้ำงที่มีบทบำทส ำคัญต่อควำมแข็งแรงของกระดูก ตอบ แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม 3. แร่ธำตุมีประโยชน์ต่อร่ำงกำยมนุษย์อย่ำงไรบ้ำง ตอบ แร่ธำตุเป็นส่วนประกอบในเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่ำงๆในร่ำงกำยมนุษย์ 4. คนที่ขำดแร่ธำตุไอโอดีน จะท ำให้เป็นโรคใด ตอบ โรคคอพอก 5. หำกร่ำงกำยคนเรำขำดน้ ำหรือสูญเสียน้ ำมำกเกินไป จะได้รับผลกระทบอย่ำงไรบ้ำง ตอบ จะมีอำกำรกระหำยน้ ำอย่ำงรุนแรง ผิวแห้ง เยื่อบุอวัยวะต่ำงๆแห้ง ปริมำ ณโปรตีนในเลือดเข้มข้น ปริมำณโซเดียมและแร่ธำตุต่ำงๆ เข้มข้นมำกขึ้น 6. ให้นักเรียนเติมเครื่องหมำย ✓หน้ำข้อควำมที่เป็นหลักในกำรเลือกรับประทำนอำหำรในแต่ละวัน 6.1 รับประทำนอำหำรที่มีสำรอำหำรครบทุกประเภท 6.2 รับประทำนอำหำรที่ชอบทุกมื้อ 6.3 รับประทำนอำหำรให้ได้สัดส่วนตำมธงโภชนำกำร 6.4 รับประทำนอำหำรให้ได้พลังงำนที่เหมำะสมกับตนเอง 6.5 รับประทำนอำหำรตำมที่มีคนแนะน ำ
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (ธงโภชนาการ) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนน ำอักษรหน้ำภำพ เติมลงในช่องว่ำงในธงโภชนำกำร และตอบค ำถำมให้ถูกต้อง พร้อมทั้งระบำยสีตกแต่งให้สวยงำม ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/2 1. ธงโภชนำกำร คือ แนวทำงกำรรับประทำนอำหำรที่ให้คุณค่ำทำงอำหำรครบถ้วนกับควำมต้องกำรของ ร่ำงกำยโดยกำรน ำอำหำรหลัก 5 หมู่มำจัดแบ่งออกเป็นชั้น ๆ ตำมสัดส่วนปริมำณและควำมหลำกหลำยที่ควร รับประทำนใน 1 วัน . 2. ชั้นที่ 1 ได้แก่ กลุ่มข้ำวแป้งกินปริมำณมำกที่สุดเพรำะเป็นแหล่งพลังงำน . 3. ชั้นที่ 2 ได้แก่ กลุ่มผักและกลุ่มผลไม้กินปริมำณรองลงมำเพื่อให้ได้วิตำมินแร่ธำตุและใยอำหำร . 4. ชั้นที่ 3 ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์ถั่วไข่และกลุ่มนมกินปริมำณพอเหมำะเพื่อให้ได้โปรตีนคุณภำพดีเหล็กและ แคลเซียม . 5. ชั้นที่ 4 ได้แก่ กลุ่มน้ ำมันน้ ำตำลเกลือกินแต่น้อยเท่ำที่จ ำเป็น . . ธงโภชนาการ หมำยเลข หมำยเลข หมำยเลข หมำยเลข หมำยเลข หมำยเลข 1 6 5 4 3 2
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (ระบบย่อยอาหาร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนน ำค ำที่ก ำหนดให้เติมลงในช่องว่ำง และตอบค ำถำมให้ถูกต้อง พร้อมระบำยสีให้สวยงำม ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/4-5 1. ระบบย่อยอำหำรประกอบด้วยอวัยวะต่ำงๆ ได้แก่ ปำก หลอดอำหำร กระเพำะอำหำร ล ำไส้เล็ก ล ำไส้ใหญ่ ทวำรหนัก. ตับ และตับอ่อน ซึ่งท ำหน้ำที่ร่วมกันในกำรย่อยและดูดซึมสำรอำหำร 2. ปำก มีฟันช่วยบดเคี้ยวอำหำรให้มีขนำดเล็กลง และมี ลิ้น ช่วยคลุกเคล้ำอำหำร ใน น้ ำลำย มี เอนไซม์ย่อยแป้งให้เป็นน้ ำตำล 3. หลอดอำหำร ท ำหน้ำที่ล ำเลียงอำหำรจำกปำกไปยังกระเพำะอำหำร 4. ภำยใน กระเพำะอำหำร มีกำรย่อยโปรตีนโดยกรดและเอนไซม์ที่สร้ำงจำก กระเพำะอำหำร 5. อวัยวะที่ยำวที่สุด และมีกำรดูดซึมสำรอำหำรมำกที่สุด ในระบบย่อยอำหำร คือ ล ำไส้เล็ก 6. ตับ สร้ำงน้ ำดีแล้วส่งมำยังล ำไส้เล็กช่วยให้ไขมันแตกตัว 7. ล ำไส้ใหญ่ ท ำหน้ำที่ดูดน้ ำและเกลือแร่เป็นบริเวณที่มีอำหำรที่ย่อยไม่ได้หรือยังไม่หมดเป็นกำกอำหำรซึ่งจะ ถูกก ำจัดออกทำง ทวำรหนัก กระเพำะอำหำร ล ำไส้เล็ก หลอดอำหำร ปำก ล ำไส้ใหญ่ ตับ ถุงน้ ำดี ทวำรหนัก ตับอ่อน
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (ระบบย่อยอาหาร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนวงกลมรอบอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอำหำรให้ถูกต้อง พร้อมระบำยสีให้สวยงำม จำกภำพอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอำหำร ได้แก่อะไรบ้ำง ตอบ ปำก ล ำไส้ กระเพำะอำหำร ตับ ตับอ่อน ถุงน้ ำดี ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/4-5
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (ระบบย่อยอาหาร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนหำค ำศัพท์ภำษำอังกฤษของอวัยวะต่ำงๆ ในระบบย่อยหำร ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/4-5 F D P L A R S E I D T E S T G N W S K S A D S M A L L I N T E S T I N E M S N L N B N S P E V A G Q T Q G D P T C S I K C O L B N S T S R W A J L O R X M V R Z A G Q B I U F A L A E M E A O P E S O P H A G U S Y H E S A A Z U O A R X C D N K U T S B F X C S A T I S Z C E O U V L S B L K Y H W U H S F H X P W S Z G J H A Q N K U T S X C G A L L B L A D D E R M V L A R G E I N T E S T I N E M A Y Z G J H X P W Y A J A H X P W Y Y ระบบย่อยอาหาร Digestive system 1.ปำก = MOUTH 2.หลอดอำหำร = ESOPHAGUS 3.กระเพำะอำหำร = STOMACH 4.ล ำไส้เล็ก = SMALL INTESTINE 5.ล ำไส้ใหญ่ = LARGE INTESTINE 6.ทวำรหนัก = ANUS 7.ตับ = LIVER 8.ตับอ่อน = PANCREAS 9.ถุงน้ ำดี = GALLBLADDER
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (ระบบย่อยอาหาร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/4-5 ประเภทอาหาร สารอาหาร อวัยวะ ย่อย ดูดซึม ข้ำว คำร์โบไฮเดรต, โปรตีน, วิตำมิน, เกลือแร่ ปำก กระเพำะอำหำร ล ำไส้เล็ก ล ำไส้เล็ก ล ำไส้ใหญ่ หมูทอด บัวลอย ผัก ผลไม้ ข้ำวคลุกกะปิ
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : สารอาหารและระบบย่อยอาหาร (ความส าคัญของระบบย่อยอาหาร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สาระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/4-5 1. นักเรียนรู้จักโรคหรืออำกำรอะไรบ้ำงที่เกี่ยวกับระบบย่อยอำหำร (ยกตัวอย่ำง 3 โรค/อำกำร) 1.1 โรคกระเพำะอำหำร 1.2 กรดไหลย้อน 1.3 โรคมะเร็งกระเพำะอำหำร 2. นักเรียนคิดว่ำสำเหตุใดบ้ำงที่ท ำให้เกิดโรคต่ำง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบย่อยอำหำร เกิดจำกพฤติกรรมกำรรับประทำนอำหำรที่ไม่เหมำะสม เช่น รับประทำนอำหำรมำกเกินไป รับประทำนอำหำรไม่ตรงเวลำ 3. นักเรียนควรปฏิบัติตนอย่ำงไรเพื่อป้องกันกำรเกิดโรคต่ำง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบย่อยอำหำร รับประทำนอำหำรให้ตรงเวลำ หลีกเลี่ยงอำหำรรสจัด หลีกเลี่ยงควำมเครียด เว้นช่วงกำรนอนหลังจำกรับประทำนอำหำร ประมำณ 3-4 ชั่วโมง และงดแอลกอฮอล์ 4. อวัยวะใดบ้ำงที่ไม่ใช่ทำงผ่ำนของอำหำรแต่ท ำหน้ำที่ในกำรช่วยย่อยอำหำร ตับและตับอ่อน 5. น ำหมำยเลขหน้ำข้อควำมด้ำนขวำมือ เติมลงในช่องว่ำงเพื่อจับคู่อวัยวะและหน้ำที่ให้ถูกต้อง 1.เป็นทำงเข้ำของอำหำรมีฟันส ำหรับตัดกับอำหำรให้มีขนำดเล็กมีลิ้นตะล่อมให้ อำหำรคลุกเคล้ำกับน้ ำลำย 2. บีบและคลำยเพื่อดันก้อนอำหำรให้เคลื่อนลงสู่กระเพำะอำหำร 3. ย่อยโปรตีนโดยใช้เอนไซม์และกรดเกลือ 4. ย่อยคำร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน โดยใช้เอนไซม์ที่สร้ำงขึ้นเองและจำกตับ อ่อน โดยมีน้ ำดีจำกตับ มำช่วยท ำให้ไขมันแตกตัวนอกจำกนี้ยังท ำหน้ำที่ดูดซึม สำรอำหำรทุกประเภท 5. สร้ำงน้ ำดีไปเก็บที่ถุงน้ ำดีและส่งไปยังล ำไส้เล็กน้ ำดีช่วยท ำให้ไขมันแตกตัว 6. สร้ำงเอนไซม์ส่งไปยังล ำไส้เล็กเพื่อช่วยย่อยสำรอำหำร 7. ดูดซึมเกลือแร่และน้ ำบีบตัวส่งจำกอำหำรไปยังทวำรหนัก 8. บีบตัวขับกำกอำหำรออกนอกร่ำงกำย
ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. ข้อใดหมำยถึงกำรย่อยอำหำร ก. กำรสลำยสำรอำหำรด้วยวิธีทำงเคมี ข. กำรท ำให้อำหำรที่รับประทำนเข้ำไปมีขนำดเล็กลง ค. กำรท ำให้เหลือกำกอำหำร ง. กำรท ำให้ร่ำงกำยได้รับพลังงำน 2. อวัยวะใดที่มีกำรย่อยและกำรดูดซึมมำกที่สุด ก. ล ำไส้เล็ก ข. ทวำรหนัก ค. กระเพำะอำหำร ง. หลอดอำหำร 3. ข้อใดเรียงล ำดับอวัยวะในกำรย่อยอำหำรได้ถูกต้อง ก. ปำก คอยหอย หลอดอำหำร กระเพำะอำหำร ล ำไส้ใหญ่ ล ำไส้เล็ก ทวำรหนัก ข. ปำก คอยหอย กระเพำะอำหำร หลอดอำหำร ล ำไส้เล็ก ล ำไส้ใหญ่ ทวำรหนัก ค. ปำก คอยหอย หลอดอำหำร กระเพำะอำหำร ล ำไส้เล็ก ล ำไส้ใหญ่ ทวำรหนัก ง. ปำก หลอดอำหำร คอยหอย กระเพำะอำหำร ล ำไส้เล็ก ล ำไส้ใหญ่ ทวำรหนัก 4. ข้อใดไม่ถูกต้องในกำรปฏิบัติตนเพื่อดูแลรักษำอวัยวะใน ระบบย่อยอำหำร ก. ออกก ำลังกำยทันทีหลังรับประทำนอำหำร ข. รับประทำนอำหำรให้ตรงเวลำ ค. รับประทำนอำหำรที่มีประโยชน์ ง. รับประทำนอำหำรที่สะอำดและเหมำะสมกับช่วงวัย 5. สำรอำหำรในข้อใดให้พลังงำนมำกที่สุด ก. โปรตีน ข. คำร์โบไฮเดรต ค. วิตำมิน ง. ไขมัน 6. อวัยวะใดไม่ได้อยู่ในทำงเดินอำหำร แต่ช่วยในกำรย่อย อำหำร ก. ปอด ข. ตับ ค. ม้ำม ง. ไต 7. สำรอำหำรชนิดใดที่ไม่ให้พลังงำน ก. โปรตีน ข. ไขมัน ค. วิตำมิน ง. คำร์โบไฮเดรต 8. หำกพิจำรณำธงโภชนำกำรอำหำรกลุ่มใดที่ควร รับประทำนมำกที่สุดในแต่ละวัน ก. เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ข. ไขมัน น ำมัน เกลือ น้ ำตำล ค. นม ถั่ว ผัก ผลไม้ ง. ข้ำว แป้ง เผือก มัน 9. ข้อใดคือหน้ำที่ของเอนไซม์อะไมเลส ก. ย่อยแป้ง ข. ย่อยโปรตีน ค. ย่อยไขมัน ง. ย่อยน้ ำดี 10. ข้อใดกล่ำวผิด ก. หำกร่ำงกำยได้รับพลังงำนจำกอำหำรน้อยเกินไปจะ ส่งผลให้ร่ำงกำยมีรูปร่ำงผอม และอ่อนเพลีย ข. กำรได้รับพลังงำนมำกหรือน้อยเกินไปอำจท ำให้เป็น โรคต่ำง ๆ ได้ ค. หำกร่ำงกำยได้รับพลังงำนจำกอำหำรมำกเกินไป ร่ำงกำยจะสะสมพลังงำนส่วนที่เกินนั้นไว้ในรูปของวิตำมิน ง. ในหนึ่งวันเรำต้องรับประทำนอำหำรให้ได้รับ สำรอำหำรครบทั้ง 6 ประเภท และให้มีปริมำณเพียงพอ กับควำมต้องกำรของร่ำงกำย แบบฝึกหัดท้ายหน่วย เรื่อง อาหารและการย่อยอาหาร
การแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : การแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย (การจ าแนกสาร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 2 การแยกสารเนื้อผสม สาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 ป.6/1 1. กำรจ ำแนกสำรโดยใช้เนื้อสำรเป็นเกณฑ์ สำมำรถจ ำแนกสำรออกเป็น 2 ประเภทคือ สำรเนื้อเดียว และสำรเนื้อผสม 2. กำรจ ำแนกสำรโดยใช้สถำนะของสำรเป็นเกณฑ์สำมำรถจ ำแนกสำรได้เป็น 3 สถำนะคือ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส 3. สำรที่มีเพียงชนิดเดียวหรืออำจมีมำกกว่ำสองชนิดขึ้นไปผสมกันอยู่อย่ำงกลมกลืนมองเห็นเป็นเนื้อเดียวกันตลอด อำจมี หลำยสถำนะ และจะแสดงสมบัติเหมือนกันทุกประกำร สำรประเภทนี้คือ สำรเนื้อเดียว 4. สำรที่มองเห็นไม่เป็นเนื้อเดียวกันและมีสมบัติของเนื้อสำรในแต่ละส่วนแตกต่ำงกัน สำรประเภทนี้คือ สำรเนื้อผสม 5. น ำค ำที่ก ำหนดให้ต่อไปนี้เติมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง น้ ำเปล่ำ น้ ำจิ้มลูกชิ้น น้ ำผึ้ง หิมะ ฝุ่นละอองในอำกำศ ฝน คอนกรีต น้ ำแข็ง ดิน น้ ำนม น้ ำ โคลน แก๊สในลูกโป่ง ก๋วยเตี๋ยว เกลือ น้ ำมันพืช เขม่ำควัน หมอก ข้ำวกล้อง ไอศกรีม สารเนื้อเดียว สารเนื้อผสม น้ ำเปล่ำ . น้ ำผึ้ง . หิมะ . ฝน . น้ ำแข็ง . น้ ำนม . แก๊สในลูกโป่ง . เกลือ . น้ ำมันพืช . หมอก . น้ ำจิ้มลูกชิ้น . ฝุ่นละอองในอำกำศ . คอนกรีต . ดิน . น้ ำโคลน . ก๋วยเตี๋ยว . เขม่ำควัน . ข้ำวกล้อง . ไอศกรีม . .
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : การแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย (การแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนน ำอักษรทำงด้ำนขวำมือ เติมลงหน้ำประโยคหรือข้อควำมทำงด้ำนซ้ำยมือที่มีควำมสัมพันธ์กัน และตอบค ำถำมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 2 การแยกสารเนื้อผสม สาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 ป.6/1-2 ………1. กำรท ำน้ ำปูนใส ………2. แยกน้ ำซำวข้ำวออกจำกข้ำว ………3. น ำมีดที่ตกลงในน้ ำ ขึ้นจำกน้ ำ ………4. กำรแยกหินกับทรำยออกจำกกัน ………5. กำรแยกผงตะไบเหล็กออกจำกทรำย ………6. กำรท ำให้น้ ำเชื่อมที่มีผงเล็กๆปนอยู่ ให้ใสขึ้น 7. ในกำรแยกสำรผสม มีหลักในกำรแยกดังนี้ 1. วิเครำะห์สมบัติของสำรแต่ละชนิดในสำรผสม เช่น ขนำดอนุภำคของสำร จุดเดือด จุดหลอมเหลว .. ควำมหนำแน่น กำรระเหิด . . 2. เลือกเทคนิคที่เหมำะสมในกำรแยกสำรที่ต้องกำร . . 3. ค ำนึงถึงควำมสะดวก ประหยัด ปลอดภัย และไม่ท ำลำยสิ่งแวดล้อม .. 8. กำรกรอง หมำยถึง กำรแยกสำรที่มีขนำดอนุภำคต่ำงกันออกจำกกันโดยใช้วัสดุกรองที่มีรูขนำดเล็กๆ เช่น กระดำ .ษ .กรอง ผ้ำขำวบำง ตะแกรงลวด เป็นต้น โดยสำรส่วนใหญ่ที่น ำมำแยกมักจะเป็นของแข็งที่ไม่ละลำยในของเหลว . 9. น ำค ำที่ก ำหนดให้ต่อไปนี้เติมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง A กำรหยิบออก B กำรร่อน C กำรใช้แม่เหล็กดึงดูด D กำรรินออก E กำรกรอง F กำรตกตะกอน กำรหยิบออก กำรกรอง กำรร่อน กำรตกตะกอน กำรฝัด กำรรินออก 9.1 กำรแยกของแข็งที่มีขนำดแตกต่ำงกันผ่ำนตะแกรง เรียกว่ำ กำรร่อน . 9.2 เมื่อต้องกำรแยกของแข็งที่มีมวลต่ำงกันออกจำกกันควรใช้วิธี กำรฝัด . 9.3 ของแข็งที่มีลักษณะรูปร่ำง สี และขนำดแตกต่ำงกันอย่ำงชัดเจน ควรแยกออกจำกกันด้วยวิธี กำรหยิบออก .. 9.4 กำรแยกของแข็งออกจำกของเหลวโดยกำรท ำให้ของแข็งค่อยๆแยกตัวแล้วจมลงที่ก้นภำชนะ คือ กำรตกตะกอน . 9.5 กำรกรอง เป็นวิธีที่ท ำให้ของเหลวไหลผ่ำนตัวกรองที่มีรูขนำดเล็กซึ่งของแข็งไหลผ่ำนไม่ได้ 9.6 เมื่อมีของแข็งรวมตัวกันอยู่ที่ก้นภำชนะโดยมีของเหลวผสมอยู่ ควรแยกจำกกันด้วยวิธี กำรรินออก .
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : การแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย (ประโยชน์จากการแยกสารเนื้อผสม) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนพิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้ว่ำถูกต้องหรือไม่ โดยวงกลมรอบค ำที่ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 2 การแยกสารเนื้อผสม สาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 ป.6/1-2 ข้อความ ใช่หรือไม่ใช่ 1. กำรแยกน้ ำมันพืชออกจำกน้ ำควรใช้วิธีกำรตกตะกอน ใช่ / ไม่ใช่ 2. กำรแยกกำกมะพร้ำวออกจำกน้ ำกะทิควรใช้วิธีกำรกรอง ใช่ / ไม่ใช่ 3. กำรแยกผงเหล็กที่ปนอยู่กับทรำยควรใช้แม่เหล็กดึงดูด ใช่ / ไม่ใช่ 4. กำรแยกเปลือกหอยที่ปนอยู่กับทรำยควรใช้วิธีกำรร่อน ใช่ / ไม่ใช่ 5. ในกำรท ำน้ ำปูนใสสำมำรถแยกสำรด้วยวิธีกำร ตกตะกอน กำรรินออก และกำรกรอง ใช่ / ไม่ใช่ 6. เมื่อมีมดอยู่ในแก้วน้ ำหวำนควรใช้วิธีกำรหยิบออกหรือตักมดออกจำกแก้วน้ ำหวำน ใช่ / ไม่ใช่ 7. กำรฝัดเป็นวิธีกำรที่ใช้แยกสำรที่เป็นของแข็งออกจำกของเหลว ใช่ / ไม่ใช่ 8. ถ้ำต้องกำรแยกเกลือออกจำกน้ ำทะเลควรใช้วิธีกำรระเหิด ใช่ / ไม่ใช่ 9. กำรท ำน้ ำใบเตย โดยกำรน ำใบเตยไปต้ม และกรองเอำกำกใบเตยออก เพื่อให้ได้สีเขียวและ กลิ่นหอมของใบเตย ใช่ / ไม่ใช่ 10. วิธีที่ดีที่สุดในกำรท ำให้น้ ำสะอำดคือกำรตกตะกอน ใช่ / ไม่ใช่
ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 2 การแยกสารเนื้อผสม ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกข้อที่ถูกต้องที่สุด แบบฝึกหัดท้ายหน่วย เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม 1. ข้อใดเป็นสำรเนื้อเดียว ก. เกลือ น้ ำตำลทรำย น้ ำมัน ข. น้ ำปลำ น้ ำเปล่ำ น้ ำจิ้มไก่ ค. น้ ำตำลทรำย เกลือ คอนกรีต ง. น้ ำโคลน แก๊สในลูกโป่ง ข้ำวกล้อง 2. ข้อใดเป็นสำรเนื้อผสม ก. น้ ำจิ้มไก่ สุกี้ น้ ำอัดลม ข. คอนกรีต กำแฟ น้ ำตำลทรำย ค. ก๋วยเตี๋ยว เขม่ำควัน คอนกรีต ง. น้ ำปลำ ลอดช่องน้ ำกะทิ น้ ำเปล่ำ 3. ข้อใดกล่ำวผิด ก. กำรแยกเกลือออกจำกน้ ำทะเลท ำได้โดยกำรระเหยแห้ง ข. กำรแยกผงเหล็กออกจำกทรำยควรใช้วิธีกำรร่อน ค. กำรท ำน้ ำปูนใสควรใช้วิธีกำรตกตะกอน ง. กำรแยกของแข็งที่มีมวลต่ำงกันควรใช้วิธีกำรฝัด 4. ข้อใดกล่ำวถูกต้อง ก. กำรร่อนใช้ส ำหรับแยกสำรเนื้อเดียวออกจำกกัน ข. กำรฝัดใช้ส ำหรับกำรแยกของแข็งออกจำกของเหลว ค. กำรตกตะกอนใช้ส ำหรับแยกของเหลวออกจำกกัน ง. กำรกรองสำมำรถแยกของแข็งออกจำกของเหลวได้ 5. หำกต้องกำรแยกผงเหล็กออกจำกทรำยควรใช้วิธีกำร แยกสำรในข้อใดจึงจะเหมำะสมที่สุด ก. กำรร่อน ข. กำรกรอง ค. ใช้แม่เหล็กดึงดูด ง. กำรหยิบออก 6. เพรำะเหตุใดจึงควรร่อนแป้งก่อนท ำขนม ก. กำรร่อนแป้งก่อนท ำขนมจะท ำให้ขนมมีรสชำติอร่อยขึ้น ข. กำรร่อนแป้งก่อนท ำขนมจะท ำให้แป้งกระจำยตัวไม่เกำะ กันเป็นก้อนท ำให้ผสมกับส่วนผสมอื่นได้ง่ำย ค. กำรร่อนแป้งก่อนท ำขนมจะท ำให้ขนมมีกลิ่นหอมน่ำ รับประทำน ง. กำรร่อนแป้งก่อนท ำขนมเป็นกำรก ำจัดมดที่อยู่ในแป้ง 7. ข้อใดเป็นวิธีกำรที่เหมำะสมในกำรแยกข้ำวสำรที่ปน กรวดทรำยออกจำกกัน ก. กำรร่อน ข. กำรกรอง ค. กำรตกตะกอน ง. กำรหยิบออก 8. เมื่อต้องกำรแยกของแข็งสองชนิดที่มีมวลต่ำงกันออก จำกกันควรใช้วิธีใด ก. กำรร่อน ข. กำรกรอง ค. กำรฝัด ง. กำรหยิบออก 9. สำรผสมในข้อใดสำมำรถแยกจำกกันด้วยวิธีกำรกรอง ก. น้ ำกับน้ ำมัน ข. กำกมะพร้ำวที่ปนอยู่ในน้ ำกะทิ ค. เปลือกหอยที่ปนอยู่ในทรำย ง. ผงเหล็กที่ปนอยู่ในผงถ่ำน 10. วิธีกำรแยกสำรในข้อใดที่ไม่สำมำรถแยกสำรผสมที่เป็น ของแข็งออกจำกกันได้ ก. กำรกรอง ข. กำรฝัด ค. กำรร่อน ง. กำรหยิบออก
หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์ (วัฏจักรของหิน) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนพิจำรณำภำพต่อไปนี้แล้วเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ สาระ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1 A B C D E 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1. กระบวนกำรหลอมละลำย คือหมำยเลข 6, 8 และ5 . 2. กระบวนกำรกัดเซำะผุพัง คือหมำยเลข 2 ... 3. กำรกัดกร่อนและกำรพัดพำ คือหมำยเลข 9 และ 10 . 4. เย็นและตกผลึก คือหมำยเลข 1 .. . 5. กำรสะสมและทับถม คือหมำยเลข 3 .. . 6. ได้รับควำมร้อนและควำมดัน คือหมำยเลข 4 และ 7 . วัฏจักรหิน จำกกำรที่เปลือกโลกมีกำรเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลำท ำให้หินประเภทหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นหินอีกประเภทหนึ่งได้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ A ได้เย็นตัวลงกลำยเป็น B จำกนั้น B เกิดกำรผุกร่อนเนื่องจำกธรรมชำติและกำรกระท ำของมนุษย์ โดยมีกระแสลมกระแสน้ ำช่วยพัดพำ C ไปทับถมกันและมีวัตถุประสำนเกิดเป็น D เมื่อ B และ D ได้รับควำมร้อนและ แรงกดดันภำยในโลกจะเปลี่ยนไปเป็น E และ E ที่ถูกแรงอัดให้ลึกลงไปใต้ผิวโลกจะล้มเหลวกับเป็น A ได้อีก กระบวนกำรเกิดกำรเปลี่ยนแปลงและกำรหมุนเวียนของหินอัคนีหินตะกอนและหินแปรเช่นนี้เรียกว่ำ วัฏจักรของหิน 7.จำกข้อควำมข้ำงต้น ให้นักเรียนจับคู่ ภำพและข้อควำมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 7.1 ตะกอน (Sediment) 7.2 หินอัคนีพุ (Igneous Rocks) 7.3 หินแปร (Metamorphic Rocks) 7.4 หินตะกอน (Sedimentary Rocks) 7.5 หินหนืด (Magma) A B C D E
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์ (หินอัคนี) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ สาระ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1-2 1. หินอัคนี เรียกอีกอย่ำงว่ำ หินภูเขำไฟ เกิดจำก กำรเย็นตัวของลำวำ (lava) หรือหินหนืด (Magma) ที่ปะทุจำก . เปลือกโลกหรือภูเขำไฟ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1) หินอัคนีแทรกซอน (Intrusive Igneous Rock) เกิดจำก กำรเย็นตัวลงอย่ำงช้ำ ๆ ของหินหนืดใต้เปลือกโลก มีผลึ.ก แร่ขนำดใหญ่ (>1 มิลลิเมตร) . 2) หินอัคนีพุ (Extruisive Igneous Rock) หรือหินภูเขำไฟ (Volcanic Rock) เกิดจำก กำรเย็นตัวลงอย่ำงรวดเร็วขอ..ง หินหนืดที่ดันตัวพุออกมำนอกผิวโลกเป็นลำวำ (Lava) ผลึกแร่มีขนำดเล็กหรือไม่เกิดผลึก 2. จงยกตัวอย่ำงหินอัคนีประเภทต่ำงๆ ดังนี้ 1) หินอัคนีแทรกซอน ได้แก่ หินแกรนิต หินไดออไรต์ หินแกบโบร 2) หินอัคนีพุหรือหินภูเขขำไฟ ได้แก่ หินสคอเรีย หินพัมมิช หินแอลดีไซต์ หินบะซอลต์ หินอบซิเดียนหรือหินแก้วภูเขำ ไฟ หินไรโอไลต์ 3. น ำข้อควำมที่ก ำหนดให้ในกรอบ เติมลงหน้ำประโยคที่มีควำมสัมพันธ์กัน หินออบซิเดียน 1) ลักษณะเนื้อหินละเอียดคล้ำยแก้ว ไม่มีผลึก หินพัมมิช 2) หินอัคนีที่มีเนื้อแข็ง สำก สึกกร่อนง่ำย เบำ ลอยน้ ำได้ มีขนำดของรูพรุนเล็กกว่ำหินสคอเรีย หินแกรนิต 3) ลักษณะหินเนื้อหยำบ ผลึกขนำดใหญ่ มีสีอ่อน แข็ง และทนทำนต่อกำรผุพังสึกกร่อน หินบะซอลต์ 4) หินอัคนีเนื้อแน่นละเอียด ผลึกขนำดเล็ก แข็ง มีรูพรุน สีคล้ ำ ไม่แวววำว หินแกบโบร 5) หินอัคนีที่มีเนื้อหยำบ ผลึกแร่ใหญ่ สีคล้ ำเข้ม เกิดจำกกำรแข็งตัวอย่ำงช้ำๆ ใต้เปลือกโลก หินพัมมิช หินแกบโบร หินปูน หินแกรนิต หินบะซอลต์ หินปูน หินออบซิเดียน หินเชิร์ต
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์ (หินตะกอน) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ สาระ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1-2 1. หินตะกอนสำมำรถจ ำแนกตำมลักษณะกำรเกิดได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1) หินตะกอนเคมี 2) หินตะกอนอินทรีย์ 3) หินตะกอนชนิดเม็ด ใช้ข้อควำมที่ก ำหนดให้ตอบค ำถำมข้อ 2-4 2. หินตะกอนเนื้อเม็ด ได้แก่ หินทรำย หินทรำยแป้ง หินกรวดมน หินกรวดเหลี่ยม หินดินดำน หินโคลน 3. หินตะกอนเนื้อผลึก ได้แก่ โคควินยำ หินเชิร์ต หินโดโลไมต์ หินปูน ยิปซัม เกลือหิน 4. หินตะกอนที่เกิดจำกกำรย่อยสลำยและแปรสภำพของสิ่งมีชีวิต คือ ถ่ำนหิน 5. ซำกดึกด ำบรรพ์ (Fossil) ที่ถูกค้นพบในประเทศไทย ได้แก่ 1) ซำกดึกด ำบรรพ์ไดโนเสำร์พบที่ ภูกุ้มข้ำว จังหวัดกำฬสินธุ์ 2) สุสำนหอยอำยุ 40-45 ล้ำนปี พบที่ จังหวัดกระบี่ 3) ไม้กลำยเป็นหินพบที่ จังหวัดก ำแพงเพชร นครรำชสีมำ กำฬสินธุ์ 6. หินตะกอนที่ถูกน ำมำใช้เป็นหินประดับและแกะสลักเป็นรูปร่ำงต่ำงๆ ได้แก่ หินทรำย 7. หินตะกอนที่ใช้ในอุตสำหกรรมปูนซีเมนต์และเซรำมิก ได้แก่ หินโคลน 8. หินตะกอนทีใช้ในอุตสำหกรรมฟอกหนังและน้ ำตำล คือ หินปูน หินโคลน โคควินยำ หินเชิร์ต หินโดโลไมต์ หินดินดำน ถ่ำนหิน หินปูน หินกรวดมน หินทรำย ยิปซัม หินกรวดเหลี่ยม เกลือหิน หินทรำยแป้ง
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์ (หินตะกอน) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ สาระ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1-2 1. เติมข้อควำมลงในแผนภำพให้สมบูรณ์ 2. จงใช้แผนภำพแสดงกำรเกิดหินแปรชนิดต่ำงๆ ประกอบกำรตอบค ำถำมต่อไปนี้ หิน A หินอ่อน หินแกรนิต หิน D 2.1) หิน A คือ หินปูน หินโดโลไมต์ หิน A จัดเป็นหินประเภทใด หินตะกอน 2.2) B คือ ควำมร้อน C คือ ควำมดัน 2.3) หินอ่อนมีลักษณะ เนื้อละเอียดถึงหยำบ เนื้อแน่นและมีผลึกของแร่แคลไซต์ หินอ่อนที่บริสุทธิ์มีสีขำวถ้ำ มีสำรมลทินเจือปนอยู่จะมีสีต่ำงๆกัน 2.4) หิน D คือ หินไนส์ หินแกรนิตเป็นหินชนิดใด หินอัคนีแทรกซอน 2.5) หินที่ท ำปฏิกิริยำกับกรด คือ หิน A (หินปูน) และหินอ่อน 3.6) หินที่ไม่ท ำปฏิกิริยำกับกรด คือ หินแกรนิต และหิน D (หินไนส์) ชนิดของ หินตะกอน หินตะกอนชนิดเม็ด เกิดจำกกระบวนกำรสะสม ทับ ถมของตะกอนเม็ดขนำดต่ำงๆ . ตัวอย่ำงหิน เช่น หินทรำย . หินดินดำน เป็นต้น . เกิดจำกกระบวนกำรตกตะกอน สะสมตัวของสำรที่ละลำยในน้ ำ ตัวอย่ำงหิน เช่น หินปูน เกลือ หิน ยิปซัม เป็นต้น เกิดจำกกระบวนกำรย่อยสลำย และแปรสภำพของสิ่งมีชีวิต . ตัวอย่ำงหิน เช่น ถ่ำนหิน . . B C B C
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์ (หินแปร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ สาระ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1-2 1. หินแปร คือ หินที่แปรสภำพเนื่องจำกควำมร้อน แรงดัน หรือปฏิกิริยำเคมี หินแปรบำงชนิดยังคงแสดง เค้ำเดิมของหิน .ต้นก ำเนิด แต่บำงชนิดอำจมีลักษณะแตกต่ำงไปจำกเดิมมำกจนต้องอำศัยดูรำยละเอียดเนื้อใน หรือวิเครำะห์สภำพสิ่งแวดล้อมจึงจะทรำบที่มำ 2. หินแปรแบ่งตำมลักษณะเนื้อหินได้เป็น 2 ชนิด คือ หินแปรที่มีรอยขนำน และหินแปรที่ไม่มีรอยขนำน 3. จงวิเครำะห์แร่หลัก ลักษณะเนื้อหิน และกระบวนกำรแปรสภำพของหินแปรต่อไปนี้ ชนิดหิน แปร แร่หลัก ลักษณะเนื้อหิน การแปรสภาพ (แปรสภาพมาจากหินชนิด ใด) หินไนส์ แร่ไบโอไทต์ แร่ฮอร์น เลนด์ แร่ควอตซ์ แร่ เฟลด์สปำร์ ... เนื้อแน่นแข็ง มีริ้วขนำน . . . แปรมำจำกหินดินดำน ห รื อ หิ น ท ร ำ ย ห รื อ หินแกรนิต ... หินชนวน แร่ไมกำ และ แร่ควอตซ์ ... ... เป็นแผ่นบำงๆเรียงตัวขนำนไป ทำงเดียวกัน ผิวหน้ำเรียบ แซะเป็นแผ่นๆได้ . แปรมำจำกหินดินดำน หินทัฟฟ ... ... หิน ควอร์ตไซต์ แร่ควอตซ์ ... แร่เฟลด์สปำร์ แร่ไมกำ.. ... เป็นเม็ด เนื้อแน่นแข็ง เมื่อ แตกจะมีรอยแตกเว้ำโค้งแบบ ก้นหอย . แปรมำจำกหินทรำย .. ... ... หินอ่อน แร่แคลไซต์ .. ... ... ... เนื้อละเอียดถึงหยำบ เนื้อแน่น และมีผลึกของแร่แคลไซต์ หิน อ่อนที่บริสุทธิ์มีสีขำวถ้ำมีสำร มลทินเจือปนอยู่จะมีสีต่ำงๆกัน แปรมำจำกหินปูน หิน โดโลไมต์ ... ... ...
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์ (หินแปร) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนน ำค ำที่ก ำหนดให้ต่อไปนี้เติมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ สาระ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1-2 1. หินที่มีลักษณะเนื้อแก้ว และมีรูพรุนเล็กๆ ใช้ส ำหรับท ำไส้กรองในตู้ปลำ คือ หินพัมมิซ 2. หินที่มีลักษณะเนื้อแข็งและมีควำมทนทำน นิยมน ำไปใช้ท ำครก คือ หินแกรนิต 3. หินที่มีลักษณะเนื้อหินเป็นเม็ดตะกอน ใช้ท ำหินขัดตัวหรือหินลับมีด คือ หินทรำย 4. เนื้อหินมีผลึกแร่ขนำดเล็ก เมื่อน ำไปเผำแล้วบดให้เป็นผง น ำไปผสมน้ ำจะสำมำรถเชื่อมประสำนวัสดุได้ นิยมน ำไปเป็น ส่วนผสมคอนกรีตในงำนก่อสร้ำง คือ หินปูน 5.หินอ่อน มีลักษณะเป็นเนื้อผลึก บำงก้อนมีลวดลำยสวยงำม นิยมน ำไปท ำเป็นแผ่นหินปูพื้นและปูผนัง 6. เป็นแร่ที่มีลักษณะเนื้ออ่อน ลื่นมือ มีควำมวำว น ำมำบดเป็นผงได้ นิยมน ำมำเป็นส่วนผสมหลักของแป้งทำตัวและ เครื่องส ำอำง คือ แร่ทัลก์ 7.แร่รัตนชำติ มีควำมแข็งมำก เมื่อเจียระไนจะมีควำมวำว นิยมน ำมำท ำเป็นเครื่องประดับ 8.แร่แกรไฟต์ มีสีด ำ มีควำมแข็งน้อย เมื่อขีดบนวัสดุที่แข็งกว่ำจะเกิดผงละเอียดติดบนผิวของวัสดุ ใช้ส ำหรับท ำ ไส้ดินสอด ำ 9.แร่ควอตซ์ มีควำมแข็ง บำงก้อนใส ไม่มีสี สำมำรถน ำมำผลิตกระจก เลนส์ แก้ว และอุปกรณ์ทำงกำรแพทย์ได้ 10. เป็นแร่ที่มีลักษณะเนื้ออ่อนใส เมื่อน ำมำบดให้เป็นผงจะมีสีขำว เมื่อผสมน้ ำสำมำรถปั้นขึ้นรูปได้ ใช้ผลิตเป็นฝ้ำเพดำน ปูนปลำสเตอร์ คือ แร่ยิปซัม 11. ใช้ส ำหรับผลิตเป็นช้อน ส้อม หม้อ กระทะ หรือสุขภัณฑ์ต่ำงๆ คือ แร่โลหะ 12. แร่ทองแดง สำมำรถน ำมำใช้ท ำอุปกรณ์ไฟฟ้ำ สำยไฟฟ้ำได้ 13. แร่ดีบุก สำมำรถน ำมำท ำกระป๋องเครื่องดื่มได้ 14. แร่ที่สำมำรถน ำมำเป็นส่วนผสมของยำสีฟันเพื่อป้องกันฟันผุ คือ แร่ฟลูออไรด์ หินแกรนิต หินปูน หินทรำย หินอ่อน หินพัมมิซ แร่ยิปซัม แร่โลหะ แร่ฟลูออไรด์ แร่ควอตซ์ แร่ทัลก์ แร่ทองแดง แร่แกรไฟต์ แร่รัตนชำติ แร่ดีบุก
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์ (ซากดึกด าบรรพ์) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง 1. ซำกดึกด ำบรรพ์เกิดจำก โครงร่ำงหรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีต จนเกิดเป็นโครงสร้ำงของซำกหรือร่องรอยของ สิ่งมีชีวิตที่ปรำกฏอยู่ในหิน 2. ซำกดึกด ำบรรพ์ที่เกิดจำกโครงร่ำงของสิ่งมีชีวิตในอดีตเกิดจำก โครงร่ำงแข็งของซำกดึกด ำบรรพ์ถูกปิดทับด้วยตะกอน จำกนั้นมีสำรต่ำงๆ ที่ละลำยอยู่ในน้ ำบริเวณดังกล่ำวได้แทรกซึมเข้ำสู่โครงร่ำงแข็ง เมื่อเวลำผ่ำนไปโครงร่ำงที่ถูกแทนที่ด้วย สำรต่ำงๆ จะแข็งตัวกลำยเป็นซำกดึกด ำบรรพ์ 3. ส่วนซำกดึกด ำบรรพ์ที่เกิดจำกกำรประทับรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีตเกิดจำก สิ่งมีชีวิตประทับรอยไว้บนผิวของชั้นตะกอนที่ยัง ไม่แข็งตัว ต่อมำมีตะกอนชุดใหม่มำสะสมเติมเข้ำไปในรอยเมื่อตะกอนบริเวณดังกล่ำวเกิดกำรแข็งตัวจะเกิดเป็นซำกดึกด ำบรรพ์ที่ มีลักษณะเป็นรอยพิมพ์และรูปพิมพ์ 4. ในประเทศไทยพบซำกดึกด ำบบรรพ์ที่หลำกหลำย เช่น พืช ปะกำรัง หอย ปลำ เต่ำ ไดโนเสำร์ และรอยเท้ำสัตว์ 5. ซำกดึกด ำบรรพ์ส่วนใหญ่จะพบได้ในหินชนิดใด ตอบ หินตะกอน 6. โครงร่ำงแข็งคือส่วนใดบ้ำง ตอบ เกล็ด กระดูก ฟัน เปลือก กระดอง 7. จำกรูปภำพด้ำนล่ำงให้นักเรียนท ำเครื่องหมำย ✓ใต้ภำพที่เป็นซำกดึกด ำบรรพ์ ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ สาระ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/3 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓
ใบงานบทที่ 1 เรื่อง : หิน วัฏจักรหิน และซากดึกด าบรรพ์ (ประโยชน์ของซากดึกด าบรรพ์) ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเติมค ำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง 1. ซำกดึกด ำบรรพ์มีประโยชน์อะไรบ้ำง 1) ศึกษำกำรล ำดับชั้นหินจำกซำกดึกด ำบรรพ์ 2) ระบุอำยุของหินและเปรียบเทียบเทียบอำยุชั้นหินโดยใช้ซำกดึกด ำบรรพ์ 3) ศึกษำสภำพแวดล้อมในอดีตของพื้นที่จำกซำกดึกด ำบรรพ์ 4) ศึกษำวิวัฒนำกำรของสิ่งมีชีวิตจำกซำกดึกด ำบรรพ์ 2. ให้นักเรียนเติมข้อควำมลงในแผนภำพให้สมบูรณ์ พร้อมตกแต่งระบำยสีให้สวยงำม ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ สาระ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/3 ซากดึกด าบรรพ์ กำรประทับรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีต มีตะกอนมำปิดทับ มีสำรต่ำงๆ ที่ละลำยอยู่ในน้ ำ . แทรกซึมเข้ำสู่โครงร่ำงแข็ง . ซำกดึกด ำบรรพ์ที่มีรูปร่ำงคล้ำย . โครงร่ำงแข็งของซำกสิ่งมีชีวิต . รอยที่ประทับไว้และตะกอนที่มำสะสมตัว. จะแข็งตัว . ซำกดึกด ำบรรพ์ที่มีลักษณะเป็น รอยประทับของสิ่งมีชีวิต ซำกดึกด ำบรรพ์ที่มีรูปร่ำงคล้ำยโครง ร่ำงของสิ่งมีชีวิตในอดีตที่สร้ำงรอยไว้ รอยพิมพ์ เกิดจาก เกิดเป็น เกิดเป็น เกิดเป็น รูปพิมพ์
ชื่อ-สกุล.......................................................... ชั้น.......................... เลขที่...................... คะแนน หน่วยที่ 3 หินและซากดึกด าบรรพ์ ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกข้อที่ถูกต้องที่สุด แบบฝึกหัดท้ายหน่วย เรื่อง หินและซากดึกด าบรรพ์ 1. หินชนิดใดเกิดจำกกำรเย็นตัวและตกผลึกของแมกมำใต้ ผิวโลก ก. หินอัคนี ข. หินตะกอน ค. หินแปร ง. หินทรำย 2. ข้อใดไม่เข้ำพวก ก. หินอ่อน หินชนวน หินไนส์ ข. หินกรวดมน หินทรำย หินปูน ค. หินแกรนิต หินอ่อน หินทรำย ง. หินบะซอลต์ หินพัมมิซ หินออบซิเดียน 3. ข้อใดกล่ำวผิด ก. หินอัคนีแทรกซอนเกิดจำกกำรเย็นตัวและตกผลึกจำก แมกมำใต้ผิวโลก ข. หินอัคนีพุเกิดจำกกำรเย็นตัวและตกผลึกจำกลำวำบน ผิวโลก ค. หินตะกอนเกิดจำกกำรสะสมตัวของตะกอนใต้ผิวโลก ง. หินแปรเกิดจำกกำรแปรสภำพของหินทุกประเภทที่อยู่ ใต้ผิวโลก 4. ข้อใดไม่ใช่กำรใช้ประโยชน์จำกหิน ก. ผงปูนซีเมนต์ ข. แผ่นหินปูกระเบื้องและผนัง ค. หินถูตัว ง. เครื่องส ำอำง 5. ข้อใดไม่ใช่กำรใช้ประโยชน์จำกแร่ ก. แผ่นฝ้ำเพดำน ข. เครื่องประดับ ค. ครกหิน ง. เครื่องส ำอำง 6. ครกควรท ำจำกหินชนิดใด เพรำะเหตุใด ก. หินปูน เพรำะผลึกเกำะกันแน่น ข. หินชนวน เพรำะผลึกเรียงตัวขนำนกัน ค. หินทรำย เพรำะเม็ดตะกอนเกำะกันแน่น ง. หินแกรนิต เพรำะผลึกแร่มีควำมทนทำนสูง 7. ข้อใดกล่ำวถึงซำกดึกด ำบรรพ์ได้ถูกต้อง ก. ซำกดึกด ำบรรพ์เกิดจำกโครงร่ำงหรือร่องรอยของ สิ่งมีชีวิตในอดีต ข. ซำกดึกด ำบรรพ์พบได้ในหินอัคนี ค. สุสำนหอย จัดเป็นซำกดึกด ำบรรพ์ที่เกิดจำกกำร ประทับรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีต ง. รอยตีนไดโนเสำร์ จัดเป็นซำกดึกด ำบรรพ์ที่เกิดจำก โครงร่ำงของสิ่งมีชีวิตในอดีต 8. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์จำกกำรศึกษำซำกดึกด ำบรรพ์ ก. ใช้ในกำรศึกษำวิวัฒนำกำรของสิ่งมีชีวิต ข. ใช้อธิบำยสภำพแวดล้อมของพื้นที่ในอดีต ค. ใช้ระบุอำยุของหินที่พบและเปรียบเทียบชั้นหิน ง. ใช้อธิบำยลักษณะนิสัยของสิ่งมีชีวิตในอดีต 9. เพรำะเหตุใดซำกดึกด ำบรรพ์จึงสำมำรถน ำมำใช้เทียบ อำยุชั้นหินได้ ก. ซำกดึกด ำบรรพ์มีหลำยชนิด ข. ซำกดึกด ำบรรพ์พบได้หลำยพื้นที่ ค. ซำกดึกด ำบรรพ์คือซำกของสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ง. ซำกดึกด ำบรรพ์มีลักษณะที่สมบูรณ์ 10. ภำคใดของประเทศไทยที่มีกำรพบซำกไดโนเสำร์มำก ที่สุด ก. ภำคใต้ ข. ภำคกลำง ค. ภำคเหนือ ง. ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ
สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การล าเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ท างานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ท างานสัมพันธ์กัน รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ป.6/1 ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน ว 1.2 ป.6/2 บอกแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนที่เหมาะสม กับเพศและวัย รวมทั้งความปลอดภัยต่อสุขภาพ ว 1.2 ป.6/3 ตระหนักถึงความส าคัญของสารอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหาร ครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งปลอดภัยต่อสุขภาพ ว 1.2 ป.6/4 สร้างแบบจ าลองระบบย่อยอาหาร และบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร รวมทั้งอธิบายการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ว 1.2 ป.6/5 ตระหนักถึงความส าคัญของระบบย่อยอาหารโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะใน ระบบย่อยอาหารให้ท างานเป็นปกติ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการ เกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหาในชีวิตประจ าวัน เกี่ยวกับการแยกสาร มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.2 ป.6/1 อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถูโดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ พลังงาน พลังงานในชีวิตประจ าวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ป.6/1 ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ของแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.3 ป.6/2 เขียนแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ว 2.3 ป.6/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายวิธีการและผลของการต่อ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ว 2.3 ป.6/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมโดยบอกประโยชน์และ การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน ว 2.3 ป.6/5 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและ แบบขนาน ว 2.3 ป.6/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ข้อจ ากัด และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน ว 2.3 ป.6/7 อธิบายการเกิดเงามืดเงามัวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.3 ป.6/8 เขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามัว สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ตัวชี้วัด ว 3.1 ป.6/1 สร้างแบบจ าลองที่อธิบายการเกิด และเปรียบเทียบปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา ว 3.2 ป.6/2 อธิบายพัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างการน าเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจ าวัน จากข้อมูลที่รวบรวมได้ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ว 3.2 ป.6/1 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร และอธิบายวัฏจักรหินจากแบบจ าลอง ว 3.2 ป.6/2 บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของหินและแร่ในชีวิตประจ าวันจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 3.2 ป.6/3 สร้างแบบจ าลองที่อธิบายการเกิดซากดึกด าบรรพ์และคาดคะเนสภาพแวดล้อมในอดีตของซาก ดึกด าบรรพ์ ว 3.2 ป.6/4 เปรียบเทียบการเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุมรวมทั้งอธิบายผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม จากแบบจ าลอง
ตัวชี้วัด ว 3.2 ป.6/5 อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทยจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 3.2 ป.6/6 บรรยายลักษณะและผลกระทบของน้ าท่วมการกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ ว 3.2 ป.6/7 ตระหนักถึงผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดยน าเสนอแนวทางในการ เฝ้าระวังและปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่อาจเกิดในท้องถิ่น ว 3.2 ป.6/8 สร้างแบบจ าลองที่อธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกและผลของปรากฏการณ์เรือนกระจก ต่อสิ่งมีชีวิต ว 3.2 ป.6/9 ตระหนักถึงผลกระทบของปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยน าเสนอแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลดกิจกรรม ที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก