The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การนิเทศติดตามงานของ พม. ในกิจกรรมการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม. โดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 9

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kaweewong88, 2020-08-17 03:58:54

การนิเทศติดตามงานของ พม.

การนิเทศติดตามงานของ พม. ในกิจกรรมการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม. โดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 9

สสว. ๙

การขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

1

สสว. ๙

การขบั เคลอ่ื นมาตรฐานและนิเทศตดิ ตามงานของ พม.

คำนำ

การนิเทศติดตามงานของ พม. ในกิจกรรมการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.
เป็นการขับเคลื่อนให้การปฏิบัติงานทางด้านสังคมมีมาตรฐานในการปฏิบัติงานทางด้านสังคมได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ โดยได้รับความร่วมมือจาก
หน่วยงานสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน
ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และจังหวัดน่าน โดยเป็นการนิเทศ
ติดตามงานด้านการพัฒนานักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวงพัฒนาสังคม
และความม่นั คงของมนษุ ย์ในเขตภาคเหนือตอนบน

ขอขอบคุณผู้บริหารหน่วยงาน นักสังคมสงเคราะห์ และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากร
สังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ในทุกพลังการทำงาน
ทุกความคิด ทุกการแลกเปลี่ยน การแบง่ ปนั ความรู้ เพือ่ นำไปส่กู ารเรยี นรู้ร่วมกนั เพอ่ื นำไปสู่การพัฒนาตนเอง
พฒั นาวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์ และให้ผู้รับบรกิ ารไดร้ บั ประโยชนส์ ูงสดุ ตอ่ ไป

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนนุ วิชาการ ๙
กรกฎาคม ๒๕๖๓

ก2

สสว. ๙

การขบั เคล่ือนมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

บทสรปุ ผบู้ ริหาร

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศ
ติดตามงานของ พม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนิเทศติดตามงานของ พม. เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน
ให้การปฏิบัติงานทางด้านสังคมมีมาตรฐานในการปฏิบัติงานทางด้านสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้าง
นวัตกรรมทางสังคมที่เหมาะสมกับพื้นที่ และเป็นหน่วยเชิงรุกในการส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการให้การ
ปฏิบัติงานของหน่วยงานในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย์ ท้องถิ่น
ชุมชน และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องให้เกิดการขับเคลื่อนงานที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพและเหมาะสม
กับสภาพพนื้ ท่ี รวมทัง้ ส่งเสรมิ ให้เกิดการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ และมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาสังคม โดยไดด้ ำเนินการ
การนิเทศตดิ ตามงานของ พม. ของนกั สังคมสงเคราะห์และผปู้ ฏบิ ัตงิ านสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวง
การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ใน ๘ จังหวัด
ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แมฮ่ ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชยี งราย พะเยา แพร่ และจงั หวดั น่าน

มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่อื สง่ เสริม และพฒั นาความรู้ เทคนคิ ทกั ษะ ความประพฤติ การปฏบิ ัตติ ามจริยธรรม
และการมีส่วนร่วมรับผิดชอบในกระบวนการทำงานสวัสดิการสังคม และสังคมสงเคราะห์ร่วมกัน รวมไปถึง
เพื่อติดตาม ประเมินผล ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ มาตรฐาน จรรยาบรรณ และคุณภาพการจัดบริการ
ของผู้ปฏิบัติงาน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และมาตรฐานทางวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ อีกทั้ง
เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ในพื้นที่มีการทำงานที่มุ่งบรรลุผลสัมฤทธิ์
มีมาตรฐานการปฏบิ ัติงานท่ีดีและมีคุณภาพ

ผลการดำเนินงาน ใน ๕ กิจกรรมหลัก ได้แก่ การสำรวจนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคม
สงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2563 การประชุมเชิงปฏิบัติการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์จังหวัดลำพูน การประชุม
สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์สัญจร ประจำปี ๒๕๖๓ “ทิศทางการพัฒนาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์และ
การขับเคลื่อนมาตรฐานการให้บริการ” การประชุมชี้แจงการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์ และการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม. เรื่อง
“นักสังคมสงเคราะห์ไทยในยุค New Normal” เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นนักสังคมสงเคราะห์มืออาชีพ
ภายใต้ภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือ COVID-๑๙ ในปี พ.ศ. 2563
ทำให้การดำเนินงานต้องคำนึงถึงมาตรการของภาครัฐที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดในการป้องกันการแพร่
ระบาดของโรค ส่งผลให้ไม่สามารถลงพื้นที่แต่ปรับการประชุมในรูปแบบระบบทางไกลออนไลน์ (Web
Conference) ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง
ของมนุษย์ อาทิเช่น การสำรวจข้อมูลนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากร
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ผ่านการส่งแบบสำรวจ ทาง QR Code
และวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Google Form ผลการดำเนินงาน พบว่า นักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคม
สงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน
ส่วนใหญ่ มีความต้องการรับการนิเทศงาน และมีความต้องการรับการนิเทศงานแบบการนิเทศรายกลุ่ม

ข3

สสว. ๙

การขับเคลอื่ นมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

ในประเด็นที่ต้องการรับการนิเทศ คือการนิเทศสมรรถนะหลักของนักสังคมสงเคราะห์ การเยี่ยมบ้านในงาน
สังคมสงเคราะห์ และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ รวมถึง เส้นทางสู่นักสังคมสงเคราะห์
รับใบอนุญาต นอกจากนี้ยังมีผู้นำเสนอในประเด็นปัญหาพฤติกรรมเด็ก งานด้านเด็กและเยาวชน งานด้านคนพิการ
ด้านผู้สูงอายุ การจัดการ/รับมือกับความขัดแย้งระหว่างทีมสหวิชาชีพ การปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ภายใต้
การเปลีย่ นแปลง กฎหมาย/พรบ. เกี่ยวกับการปฏิบัตงิ านดา้ นสงั คมสงเคราะห์ กระบวนการให้ความช่วยเหลือ
แบบทมี สหวิชาชีพ การปฏิบัติงานสังคมสงเคราะหก์ ับกลุ่มเป้าหมาย ความกา้ วหน้าในวิชาชีพ ซึ่งในการนิเทศงาน
ควรมีการดำเนินงานให้ครอบคลุมประเด็นที่ผู้รับการนิเทศสนใจ เพื่อให้ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ สามารถ
บูรณาการประสานความร่วมมือกนั ในการพัฒนาวชิ าชีพให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสดุ ไดต้ ่อไป

ด้านช่วงเวลาในการนิเทศนั้น ส่วนใหญ่ ไม่ระบุช่วงเวลาในการเข้ารับการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์
รองลงมาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้ารับการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์ คือ ไตรมาส 1 เดือนตุลาคม-
ธนั วาคม และ ไตรมาส 3 เดอื นเมษายน-มถิ ุนายน และส่วนใหญ่ตอ้ งการรบั การนิเทศในจังหวัดทตี่ นปฏิบัติงาน
รองลงมา คอื ต้องการรับการนิเทศท่จี ังหวดั เชียงใหม่ และมีสว่ นน้อยไม่ระบุสถานท่ี

ด้านความคาดหวังในการรับการนิเทศงาน มีความคาดหวังจากการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์
ว่าจะส่งผลให้ มีการพัฒนาตนเอง การพัฒนางานสังคมสงเคราะห์ การได้รับความรู้เพิ่มเติมจากที่มีอยู่
ต้องการเพิ่มพูนความรู้ใหม่ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อน ๆ การมีองค์ความรู้และการปฏิบัติงาน
การเสริมพลังในการปฏิบัติงาน การมีทักษะในการลงพื้นที่ การมีส่วนร่วมระหว่างบุคคลและหน่วยงาน
เกิดแนวทางการพัฒนางานและสามารถได้ความรู้เพิ่มเพื่อนำมาปรับใช้กับงานที่ทำ ได้รับกำลังใจ เข้าใจงาน
สังคมสงเคราะหม์ ากข้นึ พรอ้ มกับไดร้ ูจ้ ักเครือขา่ ยทมี วิชาชพี สงั คมสงเคราะหแ์ ละสหวิชาชีพอืน่ ๆ

ปญั หาอปุ สรรคในการปฏบิ ัตงิ านด้านสงั คมสงเคราะห์ ดังนี้
1. ด้านบุคลากร/นักสังคมสงเคราะห์ มีจำนวนนักสังคมสงเคราะห์ไม่เพียงพอ อีกทั้งความชัดเจน
ในหน้าที่ในการปฏิบตั ิงาน และภาระหน้าที่ในการปฏิบัติงานที่ค่อนขา้ งมาก ส่งผลให้การปฏิบตั ิงานด้านสังคม
สงเคราะหไ์ มส่ ามารถปฏบิ ัติไดค้ รบตามกระบวนการทางสังคมสงเคราะห์ และการตอ่ อายุใบประกอบวิชาชพี
2. ด้านการปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์/ผปู้ ระสบปัญหา มคี วามยากลำบากในการลงพืน้ ท่ี ความเสี่ยง
และสภาวะกดดันด้านต่าง ๆจากการลงพื้นที่ การแสวงหาข้อเท็จจริงรวมถึงการให้การช่วยเหลือ การติดตาม
ความล่าช้าในการส่งต่อ ความเข้าใจและการยอมรับของครอบครัวผู้ประสบปัญหา ปัญหามีความซ้ำซ้อน
ผู้ประสบปัญหาไม่สามารถให้ข้อมูลได้ บางครั้งข้อมูลไม่ได้เป็นจริง ปิดบังข้อมูล ทำให้การหาแนวทางในการ
ใหค้ วามชว่ ยเหลือไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และทีมสหวชิ าชพี ท่ีเกย่ี วขอ้ งไมใ่ ห้ความรว่ มมือ
3. ด้านงบประมาณ/การบริหารจัดการ ระบบฐานข้อมูลไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบการรองรับการให้ความช่วยเหลือ เน้นปริมาณการให้ความช่วยเหลือมากกว่าคุณภาพในการช่วยเหลือ
อย่างยั่งยืน หัวหน้าหน่วยงานไม่ให้ความสำคัญกับงานสวัสดิการสังคม ไม่ได้เข้าใจในงานสังคมสงเคราะห์
และขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน เครือข่ายยังขาดความเข้าใจบทบาทของหน่วยงานและขาดความร่วมมือ
กับผู้ประสบปัญหา และงบประมาณในการอุดหนุนที่มากเกินไปถูกผูกติดตัวชี้วัดกับการเบิกจ่ายไม่สอดคล้อง
กบั การช่วยเหลอื ผู้ประสบปัญหาเชงิ รุก งานที่ไดร้ บั มอบหมายมากเกนิ ไป
4. ด้านอื่น ๆ ได้แก่ ด้านภาษา การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และบางส่วนไม่ได้เรียนจบหลักสูตร
โดยตรง และไมม่ ใี บประกอบวิชาชพี นักสงั คมสงเคราะห์

ค4

สสว. ๙

การขับเคลื่อนมาตรฐานและนเิ ทศติดตามงานของ พม.

ขอ้ เสนอแนะในการปฏบิ ตั งิ านดา้ นสงั คมสงเคราะห์
๑. ด้านนักสังคมสงเคราะห์ หน่วยงานควรมีบุคลากรที่เป็นนักสังคมสงเคราะห์เพิ่ม ควรเพิ่มกรอบ
ตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์และควรจัดสรรนักสังคมสงเคราะห์ให้ครบตามกรอบ เพิ่มจำนวนนักสังคม
สงเคราะห์ เครือข่ายทางด้านสังคม ควรรับนักสงั คมสงเคราะห์วุฒปิ ิด/ให้ความสำคัญกับกระบวนการทางดา้ น
สังคมสงเคราะห์ ควรให้นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์เฉพาะด้าน เพื่อประสิทธิภาพ
ของการปฏิบัติงาน ควรมีการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มเติมเทคนิคความรู้แก่นักสังคม หรือผู้ปฏิบัติงานด้าน
สังคมสงเคราะห์ อบรม เรียนรู้และนำไปปฏิบัติใช้ในงานที่ทำอย่างสม่ำเสมอ และการต่อใบประกอบวิชาชีพ
ควรให้สอดคลอ้ งกับลักษณะงานที่ทำ
2. ด้านการจัดการงานสังคมสงเคราะห์ การทำงานเป็นทีม ควรมีกระบวนการในการทำงานที่ชัดเจน
ควรมีระบบเครือข่ายทางสังคม และการส่งต่อผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่มีประสิทธิภาพและมีการจัดระบบ
รองรับในการให้ความช่วยเหลือที่สามารถรองรับได้ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพในการให้ความช่วยเหลือ
มีการบูรณาการการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม ควรมีการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มเติมเทคนิคความรู้
แก่นักสังคม หรือผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ ควรสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานให้กับนักสังคม
สงเคราะห์และผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับงานสวัสดิการสังคม ควรเพิ่มสวัสดิการเพื่อเป็นการให้ขวัญ
และกำลังใจในการปฏิบัติงาน มีการถอดบทเรียนหรืออบรมให้ความรู้กับนักสังคมสงเคราะห์ เพิ่มเติมความรู้
และทักษะ ส่งเสริมความก้าวหน้าของวิชาชีพ และค่าตอบแทนที่เท่ากับหน่วยงานอื่น สร้างความเข้าใจ
กับผบู้ รหิ ารในงานสงั คมสงเคราะห์ให้มากขึ้น



5

สสว. ๙

การขบั เคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

สารบัญ

เรือ่ ง หนา้

คำนำ ก
บทสรุปผู้บริหาร ข
สารบญั จ
บทที่ ๑ การนเิ ทศติดตามงานของ พม. ๑

ความเป็นมา ๒
วัตถปุ ระสงค์ ๒
ความหมาย : นิเทศ ๔
บทท่ี ๒ ผลการดำเนนิ งาน ๔
๒.1 การสำรวจนกั สังคมสงเคราะห์ฯ ๗
2.๒ การประชุมเชิงปฏิบตั ิการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์จงั หวัดลำพูน ๙
๒.3 การประชมุ สภาวชิ าชพี สงั คมสงเคราะหส์ ัญจร ประจำปี ๒๕๖๓ ๑๐
๒.4 การประชุมชีแ้ จงการดำเนินงานตามพระราชบญั ญัติวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์ฯ ๑๒
๒. 5 การประชมุ เชงิ ปฏิบัติการขบั เคล่ือนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม. ฯ ๑๔
บทท่ี ๓ สรปุ และขอ้ เสนอแนะ ๑๗
ภาคผนวก ๒๐
เอกสารอา้ งอิง

6จ

สสว. ๙

การขบั เคล่ือนมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

บทท่ี ๑

การนิเทศติดตามงานของ พม.

ความเป็นมา

ตามที่สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑ – ๑๑ มีภารกิจหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย
ตามยุทธศาสตร์ พม. สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ ประกอบด้วย สสว. ๑ – ๑๑ มีบทบาทหน้าที่ในการศึกษา
วิจัย พัฒนา ทางวิชาการด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วิเคราะห์สถานการณ์
และสภาพแวดล้อมเพื่อคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ทางสังคมและผลกระทบให้สอดคล้องกับพื้นท่ี
และกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนงานด้านวิชาการ องค์ความรู้ ข้อมูลสารสนเทศ ให้คำปรึกษา
แนะนำแก่หนว่ ยหนว่ ยบริการทุกกลุ่มเป้าหมายในพ้ืนที่รบั ผดิ ชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ
๑ – ๑๑ รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน ภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนใหข้ ้อเสนอแนะการพฒั นาสังคมในระดับกลุ่มจังหวัด เป็นศูนย์ข้อมูลสารสนเทศด้านการพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ในระดับกลุ่มจังหวัด โดยเชื่อมโยงประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานส่วนกลาง
กับสว่ นภมู ิภาค ใหเ้ กิดการบรู ณาการการปฏิบัติงานของหนว่ ยงานสงั กัดกระทรวงในสว่ นภูมภิ าคและหน่วยงาน
ด้านสงั คมอน่ื ๆ ใหเ้ หมาะสมกับบริบทพน้ื ที่

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ ได้รับอนุมัติหลักการโครงการขับเคลื่อนการบูรณาการ
โครงการดา้ นสังคมในระดบั พื้นท่ี ประจำปี ๒๕๖๓ จำนวน ๓ กจิ กรรม ประกอบดว้ ย (๑) ศูนย์ขอ้ มูลทางสังคม
กลุ่มจังหวัด เพื่อเป็นศูนย์กลาง (HUB) ทางด้านข้อมูลทางสังคมระดับกลุ่มจังหวัด (๒) รายงานสถานการณ์
ทางสงั คมกลุ่มจังหวดั /ระดับภาค เพ่อื วเิ คราะห์สถานการณ์ทางสังคมในปจั จบุ ันและแนวโน้มอนาคตเพื่อนำมา
กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนการปฏิบัติงานด้านสังคม และ (๓) การขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศ
ติดตามงานของ พม. เป็นการขับเคลื่อนให้การปฏิบัติงานทางด้านสังคมมีมาตรฐานในการปฏิบัติงานทางด้าน
สังคมได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ

การดำเนินงานโครงการขับเคลื่อนการบูรณาการโครงการด้านสังคมในระดับพื้นที่ ปีงบประมาณ
พ.ศ.๒๕๖๓ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ในยุทธศาสตร์ที่ ๔ การสร้างโอกาสและความเสมอภาค
ทางสังคมในประเด็น การเสริมสร้างพลังทางสังคม โดยสรา้ งสังคมเข้มแข็ง สนบั สนนุ การรวมตวั และความร่วมมือ
ระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วน สนับสนุนการพัฒนาบนฐานทุนทางสังคมและวัฒนธรรม และการสนับสนุน
การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสร้างสรรค์เพื่อรองรับสังคมยุคดิจิตัล และยุทธศาสตร์ที่ ๖ การปรับ
สมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ในประเด็น ภาครัฐบริหารงานแบบบูรณาการโดยมี
ยุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายและเชื่อมโยงการพัฒนาทุกระดับ ทุกประเด็น ทุกภารกิจและทุกพื้นที่ โดยการ
กำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละกลุ่มจังหวัดในมิติต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับ
ยุทธศาสตร์กระทรวง พม. (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ในยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ สร้างภมู ิคุม้ กนั และพฒั นากลุ่มเป้าหมาย
และเครือข่าย โดยการสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างความตระหนักรู้ในการป้องกันตัวจากปัญหาทางสังคม
และยุทธศาสตร์ที่ ๓ ผนึกกำลังทางสังคมเพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาสังคม โดยการผนึกกำลังทางสังคม
และเสรมิ สรา้ งการมสี ว่ นรว่ มจากทุกภาคสว่ นในการรับผิดชอบต่อสังคม

๑7

สสว. ๙

การขบั เคลือ่ นมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

วัตถปุ ระสงค์
๑. เพื่อส่งเสริม และพัฒนาความรู้ เทคนิค ทักษะ ความประพฤติ การปฏิบัติตามจริยธรรมและการมี

สว่ นร่วมรับผดิ ชอบในกระบวนการทำงานสวสั ดิการสังคม และสังคมสงเคราะห์รว่ มกัน
๒. เพื่อติดตาม ประเมินผล ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ มาตรฐาน จรรยาบรรณ และคุณภาพ

การจดั บรกิ ารของผปู้ ฏบิ ัติงาน ให้เปน็ ไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และมาตรฐานทางวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์
๓. เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ในพื้นที่มีการทำงาน

ท่มี งุ่ บรรลผุ ลสัมฤทธิม์ มี าตรฐานการปฏบิ ตั ิงานท่ดี ีและมีคุณภาพ

ความหมาย : นิเทศ

"นิเทศ"
นิเทศ เป็นคำกริยา ถ้าเป็นคำนามใชค้ ำวา่ เทศก์
และถา้ มคี ำวา่ ผู้ อยแู่ ล้ว ไม่ตอ้ งใส่ ก์ (ก การันต)์
ส่วนคำวา่ เทศน์ ใชใ้ นความหมายว่า เทศนา เชน่ พระเทศน์ เป็นตน้
คำที่มีปัญหาในการเขียนอีกคำหนึ่ง ก็คือ คำที่ออกเสียงว่า "เทด" บางทีก็ใช้ ศ สะกด เช่น เครื่องเทศ

ปฐมนิเทศ บางทีก็มี น การันต์ด้วย เช่น พระเทศน์ บางทีก็มี ก การันต์ด้วย เช่น ศึกษานิเทศ ได้มีผู้สอบถาม
ไปทางราชบัณฑิตยสถานเสมอว่า คำเหล่านี้ใช้ต่างกันอย่างไร หรือทำไมต้องเขียนให้ต่าง ๆ กันด้วย ทั้ง ๆ ท่ี
ออกเสียงวา่ "เทด" อยา่ งเดยี วกนั
เร่อื งน้ีเปน็ เร่ืองท่เี กี่ยวกับไวยากรณ์บาลี จึงอธบิ ายได้คอ่ นข้างยากแต่กพ็ อจะใหแ้ นวทางได้ดังนี้

"เทศ" ถ้าใช้ประกอบหลังคำ เช่น ม้าเทศ เครื่องเทศ หมายความว่า "ต่างประเทศ" แต่ถ้าใช้เป็น
ส่วนหนา้ ของสมาส เชน่ "เทศบาล เทศบญั ญัติ เทศมนตร"ี หมายถึง "ถน่ิ ท"่ี หรอื "ทอ้ งถ่ิน"

"เทศน์" ซึ่งหมายถึง การแสดงธรรมสั่งสอนในทางศาสนา ถ้าเป็นกริยา ก็หมายถึง "แสดงธรรม"
เช่น พระเทศน์ แต่โดยปริยายเราก็นำมาอนุโลมใช้ในความหมายว่า ดุด่าว่ากล่าวอย่างยืดยาวก็ได้ เช่น วันน้ี
ถกู แม่เทศน์แต่เช้าเลย กลบั ไปบา้ นตอนเยน็ ยังถกู พ่อเทศนเ์ ข้าอีก

ส่วนคำว่า "นิเทศ" หมายถึง "ชี้แจง, แสดง, จำแนก" เช่นคำว่า "ปฐมนิเทศ" (ปะ-ถม-มะ-นิ-เทด)
หมายถึง "การแนะนำช้แี นวเพ่อื การศึกษาและการทำงานในเบื้องตน้ " คอื ตอนเรมิ่ เข้าเรียนในสถาบันการศึกษา
เช่น วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก หรือในเวลาจะเข้ารับราชการครั้งแรก บางแห่งก็จะมีการ
"ปฐมนิเทศ" คือ ชี้แจงให้นิสิตนักศึกษาหรือผู้เข้าทำงานได้รู้จักระเบียบแบบแผนในการทำงาน หรือระเบียบ
วินัยในการที่จะเข้าเป็นนิสิตนักศึกษาในสถาบันการศึกษาแห่งนั้น ๆ เป็นต้น บางแห่งก็มีการชี้แจงหรือ
ให้โอวาทอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะออกไปประกอบอาชีพ อย่างนี้เรียกว่า "ปัจฉิ มนิเทศ"
(ปัด-ฉิม-มะ-นิ-เทด) อย่างที่โรงเรียนวิชาการพยาบาล โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้จัดให้มี "ปัจฉิมนิเทศ"
แกผ่ ทู้ ่ีจะรบั ปริญญาทกุ ปี

8๒

สสว. ๙

การขบั เคล่ือนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

คำว่า "ศึกษานิเทศก์" หมายถึง "ผู้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา" ถ้า "นิเทศ" มี ก การันต์ จะต้องเป็น
สามานยนาม หมายถึง บคุ คล เสมอ ไม่ใช่อาการนามอย่าง "ปฐมนเิ ทศ" ซง่ึ หมายถึง "การชแ้ี จง"

การทค่ี ำเหลา่ นเ้ี ขยี นตา่ ง ๆ กัน กเ็ นื่องมาจากลง "ปัจจยั " (suffix) ในไวยากรณบ์ าลตี ่างกันนนั่ เอง
“ท่ีใดมีการเรียนการสอนที่นั่นมกี ารนิเทศ”

ตอบง่ายๆ เข้าใจกันง่าย ๆ ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง ภาษิตทางถิ่นเหนือกล่าวว่า "ปี้ฮู้สอง น้องฮู้หนึ่ง"
(พี่รู้สอง น้องรู้หนึ่ง) ความหมายคือ พี่ผู้ผ่านโลก ผ่านชีวิต ผ่านการงาน ปัญหาอุปสรรคมามาก ย่อมมีความรู้
หรือประสบการณม์ ากกว่าน้อง

ดังนั้น ครูแต่ละท่านเรายอมรับว่าท่านเก่ง แต่เชื่อว่าคงไม่เก่งไปทุกเรื่อง การนิเทศจะช่วยแนะนำ
ช่วยเหลือ แลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ ความรู้ ประสบการณ์จะชว่ ยใหเ้ กิดเครอื ขา่ ยการเรียนรอู้ ยา่ งกวา้ งขวาง

การนเิ ทศจึงตอ้ งค่กู บั การเรยี นการสอนและ การเรยี นรูเ้ สมอ

"นิเทศ เพอ่ื การไมน่ ิเทศ"
ความหมายคือ...ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ จนเกิดความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ

เจตคติ เกิดกระบวนการได้เองแล้ว...ก็ไม่ต้องนิเทศอีกต่อไป นนั่ เอง แต่..การนเิ ทศมิใช่จะประสบความสำเร็จ
ได้ง่าย ๆ เพราะ..การทำงานร่วมกันกับผู้มีความรู้และประสบการณ์มาก ๆ มักจะเกิดความเชื่อมั่น มั่นใจ
ในสิ่งที่ตนรู้ ในสิ่งที่ตนเชื่อจนยากที่จะยอมรับสิ่งใหม่ๆ บางที่มีคนบ่นว่า คนเก่งทางวิชาการไม่ค่อยน่ารัก
เพราะไม่ค่อยยอมใคร ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ ดังนั้น ค่อนข้างยากหากจะนิเทศคนระดับเดียวกัน ให้เขา
ยอมรบั และนำไปสู่ปฏบิ ตั ิ

การนิเทศ..ที่ได้ใจเพอ่ื นรว่ มวิชาชีพทีใ่ ชไ้ ด้ผล.. คือการไม่นเิ ทศ (โดยตรง)
ให้นึกถึงวาทะเด็ดของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลที่กล่าวว่า "ข้าพเจ้าพร้อมที่จะ

เรยี นรู้ แต่..ยังไมพ่ ร้อมที่จะให้ใครสอน"
การเรียนรู้ท่ีเกิดข้นึ เพราะใจเขาอยากเรยี น ย่อมมคี วามหมายกวา่ การสอน
การทำให้ดู เป็นการนิเทศทด่ี ี ประการหนงึ่ เพราะตวั อย่างย่อมดกี ว่าคำอธบิ าย
การนิเทศโดยเห็นคุณค่า เห็นความสามารถของเพื่อนร่วมงาน ยอมรับในความเก่งที่เขาถนัด ยกย่อง

ให้เกยี รติ และใหเ้ ขาเปน็ ตวั แบบในเรือ่ งน้ัน ๆ น่ันแหละไดใ้ จเหลือหลาย
ประการสำคัญ...การนิเทศท่ีดี ผู้นิเทศไมค่ วรยดึ ตวั เองเป็นสำคญั
การปฏิรปู การเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นมคี วามสำคญั กว่าผสู้ อน
การนิเทศ ก็ต้องเนน้ ผ้รู ับการนเิ ทศมคี วามสำคญั เช่นกัน

9๓

สสว. ๙

การขบั เคลอ่ื นมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

บทที่ ๒

ผลการดำเนนิ งาน

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศ
ติดตามงานของ พม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานนิเทศนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน
ให้การปฏิบัติงานทางด้านสังคมมีมาตรฐานในการปฏบิ ัติงานทางด้านสังคมได้อย่างมีประสิทธภิ าพ เสริมสร้าง
นวัตกรรมทางสังคมที่เหมาะสมกับพื้นที่ และเป็นหน่วยเชิงรุกในการส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ
ให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ท้องถิ่น ชุมชน และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องให้เกิดการขับเคลื่อนงานที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพ
และเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ รวมทั้ง ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตและมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม
โดยได้ขบั เคล่ือนการดำเนนิ งานการขบั เคลือ่ นมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม. ดังน้ี

๒.1 การสำรวจนกั สงั คมสงเคราะห์ฯ
2.๒ การประชมุ เชิงปฏบิ ัติการนเิ ทศงานสังคมสงเคราะหจ์ ังหวัดลำพนู
๒.3 การประชุมสภาวิชาชพี สังคมสงเคราะหส์ ัญจร ประจำปี ๒๕๖๓ ฯ
๒.4 การประชมุ ชแี้ จงการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์ฯ
๒.5 การประชมุ เชิงปฏบิ ัติการขบั เคลอื่ นมาตรฐานและนเิ ทศติดตามงานของ พม. ฯ

2.1 การสำรวจนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวง
พัฒนาสงั คมและความมนั่ คงของมนษุ ยใ์ นเขตภาคเหนอื ตอนบน ประจำปงี บประมาณ 2563

การสำรวจข้อมูลนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวง
การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจข้อมูล
นักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคง
ของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน และนำผลที่ได้จากการสำรวจไปจัดทำแผนการนิเทศและหลักสูตร
การนเิ ทศและฝกึ อบรมให้สอดคลอ้ งกับความต้องการของบคุ ลากรตอ่ ไป

สำนักงานส่งเสริมและสนบั สนุนวชิ าการ ๙ ได้ดำเนินการสำรวจ โดย ส่งหนงั สอื ท่ี พม.๐๒๒๐/๒๗๙๘
ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ เรื่อง การสำรวจข้อมูลนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์
ของบุคลากรกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ประจำปี
งบประมาณ ๒๕๖๓ ไปยังหน่วยงานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือ
ตอนบน ใน ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และจังหวัดน่าน
รวมจำนวน ๕๓ หน่วยงาน โดยตอบแบบสำรวจ ทาง QR Code และวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Google Form
ดำเนินการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลในระหว่าง เดือนธันวาคม ๒๕๖๒ ถึง เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓
มีนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมนั่ คงของมนษุ ย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ตอบแบบสำรวจ รวมจำนวน 94 คน

1๔0

สสว. ๙

การขบั เคลือ่ นมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

ผลการสำรวจ พบว่า นักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวงการ
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ส่วนใหญ่ มีความต้องการรับการนิเทศงาน
และมีความต้องการรับการนิเทศงานแบบการนิเทศรายกลุ่ม ในประเด็นที่ต้องการรับการนิเทศ คือการนิเทศ
สมรรถนะหลักของนักสังคมสงเคราะห์ การเยี่ยมบ้านในงานสังคมสงเคราะห์ และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์ รวมถึง เส้นทางสู่นักสังคมสงเคราะหร์ ับใบอนุญาต นอกจากนี้ยังมีผู้นำเสนอในประเด็นปัญหา
พฤติกรรมเด็ก งานด้านเด็กและเยาวชน งานด้านคนพิการ ด้านผู้สูงอายุ การจัดการ/รับมือกับความขัดแย้ง
ระหว่างทีมสหวิชาชีพ การปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ภายใต้การเปลี่ยนแปลง กฎหมาย/พรบ.เกี่ยวกับการ
ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ กระบวนการให้ความช่วยเหลือแบบทีมสหวิชาชีพ การปฏิบัติงานสังคม
สงเคราะห์กับกลุ่มเป้าหมาย ความก้าวหน้าในวิชาชีพ ซึ่งในการนิเทศงานควรมีการดำเนินงานให้ครอบคลุม
ประเด็นทผี่ ู้รบั การนเิ ทศสนใจ เพื่อใหผ้ นู้ เิ ทศและผู้รบั การนเิ ทศ สามารถบรู ณาการประสานความร่วมมือกันใน
การพฒั นาวชิ าชพี ใหเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพสงู สดุ ไดต้ อ่ ไป

ด้านช่วงเวลาในการนิเทศนั้น ส่วนใหญ่ ไม่ระบุช่วงเวลาในการเข้ารับการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์
รองลงมาช่วงเวลาท่ีเหมาะสมในการเข้ารับการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์ คือ ไตรมาส 1 เดือนตุลาคม-
ธนั วาคม และ ไตรมาส 3 เดือนเมษายน-มถิ นุ ายน และส่วนใหญ่ต้องการรบั การนเิ ทศในจังหวดั ทตี่ นปฏิบัติงาน
รองลงมา คือ ตอ้ งการรับการนเิ ทศที่จงั หวัดเชยี งใหม่ และมสี ว่ นน้อยไมร่ ะบสุ ถานท่ี

ด้านความคาดหวังในการรับการนิเทศงาน มีความคาดหวังจากการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์ ว่าจะ
ส่งผลให้มีการพัฒนาตนเอง การพัฒนางานสังคมสงเคราะห์ การได้รับความรู้เพิ่มเติมจากที่มีอยู่ ต้องการ
เพิม่ พนู ความรใู้ หม่ และแลกเปลย่ี นประสบการณ์กับเพ่อื นๆ การมีองคค์ วามรู้และการปฏบิ ัตงิ าน การเสริมพลัง
ในการปฏิบัติงาน การมีทักษะในการลงพื้นที่ การมีส่วนร่วมระหว่างบุคคลและหน่วยงาน เกิดแนวทาง
การพัฒนางานและสามารถได้ความรู้เพิ่มเพื่อนำมาปรับใช้กับงานที่ทำ ได้รับกำลังใจ เข้าใจงาน
สงั คมสงเคราะห์มากขึน้ พร้อมกบั ไดร้ ูจ้ กั เครือข่ายทมี วิชาชีพสงั คมสงเคราะห์และสหวิชาชีพอ่นื ๆ

ปัญหาอปุ สรรคในการปฏิบัติงานดา้ นสังคมสงเคราะห์ ดังน้ี

1. ด้านบุคลากร/นักสังคมสงเคราะห์ มีจำนวนนักสังคมสงเคราะห์ไม่เพียงพอ อีกทั้งความชัดเจน
ในหน้าที่ในการปฏิบตั ิงาน และภาระหน้าที่ในการปฏิบตั ิงานทีค่ ่อนขา้ งมาก ส่งผลให้การปฏิบตั ิงานดา้ นสังคม
สงเคราะหไ์ ม่สามารถปฏบิ ตั ไิ ดค้ รบตามกระบวนการทางสังคมสงเคราะห์ และการต่ออายุใบประกอบวชิ าชีพ

2. ด้านการปฏบิ ัติงานสังคมสงเคราะห์/ผู้ประสบปัญหา มคี วามยากลำบากในการลงพืน้ ที่ ความเส่ียง
และสภาวะกดดันด้านต่าง ๆ จากการลงพื้นที่ การแสวงหาข้อเท็จจริงรวมถึงการใหก้ ารช่วยเหลือ การติดตาม
ความล่าช้าในการส่งต่อ ความเข้าใจและการยอมรับของครอบครัวผู้ประสบปัญหา ปัญหามีความซ้ำซ้อน
ผู้ประสบปัญหาไม่สามารถให้ข้อมูลได้ บางครั้งข้อมูลไม่ได้เป็นจริง ปิดบังข้อมูล ทำให้การหาแนวทางใน การ
ให้ความชว่ ยเหลือไม่สามารถแกป้ ญั หาได้ และทมี สหวิชาชพี ท่ีเก่ียวขอ้ งไม่ให้ความรว่ มมือ

3. ด้านงบประมาณ/การบริหารจัดการ ระบบฐานข้อมูลไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบการรองรับการให้ความช่วยเหลือ เน้นปริมาณการให้ความช่วยเหลือมากกว่าคุณภาพในการช่วยเหลือ
อย่างยั่งยืน หัวหน้าหน่วยงานไม่ให้ความสำคัญกับงานสวัสดิการสังคม ไม่ได้เข้าใจในงานสังคมสงเคราะห์
และขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน เครือข่ายยังขาดความเข้าใจบทบาทของหน่วยงานและขาดความร่วมมือ

1๕1

สสว. ๙

การขบั เคล่ือนมาตรฐานและนิเทศตดิ ตามงานของ พม.

กับผู้ประสบปัญหา และงบประมาณในการอุดหนุนที่มากเกินไปถูกผูกติดตัวชี้วัดกับการเบิกจ่ายไม่สอดคล้อง
กบั การชว่ ยเหลือผู้ประสบปญั หาเชงิ รุก งานที่ได้รบั มอบหมายมากเกินไป

4. ด้านอื่นๆ ได้แก่ ด้านภาษา การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และบางส่วนไม่ได้เรียนจบหลักสูตร
โดยตรง และไม่มีใบประกอบวชิ าชีพนักสังคมสงเคราะห์

ขอ้ เสนอแนะในการปฏบิ ัตงิ านด้านสงั คมสงเคราะห์
๑. ด้านนักสังคมสงเคราะห์ หน่วยงานควรมีบุคลากรที่เป็นนักสังคมสงเคราะห์เพิ่ม ควรเพิ่มกรอบ
ตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์และควรจัดสรรนักสังคมสงเคราะห์ให้ครบตามกรอบ เพิ่มจำนวนนักสังคม
สงเคราะห์ เครือข่ายทางด้านสังคม ควรรับนักสงั คมสงเคราะห์วุฒิปิด/ให้ความสำคัญกบั กระบวนการทางดา้ น
สังคมสงเคราะห์ ควรให้นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์เฉพาะด้าน เพื่อประสิทธิภาพ
ของการปฏิบัติงาน ควรมีการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มเติมเทคนิคความรู้แก่นักสังคม หรือผู้ปฏิบัติงาน
ด้านสังคมสงเคราะห์ อบรม เรียนรู้และนำไปปฏิบัติใช้ในงานที่ทำอย่างสม่ำเสมอ และการต่อใบประกอบ
วิชาชพี ควรใหส้ อดคล้องกบั ลักษณะงานท่ีทำ
2. ด้านการจดั การงานสังคมสงเคราะห์ การทำงานเปน็ ทีม ควรมีกระบวนการในการทำงานท่ีชัดเจน
ควรมีระบบเครือข่ายทางสังคม และการส่งต่อผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่มีประสิทธิภาพและมีการจัดระบบ
รองรับในการให้ความช่วยเหลือที่สามารถรองรับได้ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพในการให้ความช่วยเหลือ
มีการบูรณาการการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม ควรมีการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มเติมเทคนิคความรู้
แก่นักสังคมสงเคราะห์ หรือผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ ควรสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานให้กับ
นักสังคมสงเคราะห์และผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับงานสวัสดิการสังคม ควรเพิ่มสวัสดิการเพื่อเป็นการ
ให้ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน มีการถอดบทเรียนหรืออบรมให้ความรู้กับนักสังคมสงเคราะห์ เพิ่มเติม
ความรู้และทักษะ ส่งเสรมิ ความก้าวหนา้ ของวิชาชีพ และค่าตอบแทนที่เท่ากบั หน่วยงานอื่น สร้างความเข้าใจ
กบั ผู้บรหิ ารในงานสงั คมสงเคราะห์ให้มากข้นึ

1๖2

สสว. ๙

การขับเคล่ือนมาตรฐานและนิเทศตดิ ตามงานของ พม.

2.2 การประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการนิเทศงานสงั คมสงเคราะห์จังหวัดลำพูน

การเข้าร่วมกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์จังหวัดลำพูน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
ในวันอังคารที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ ห้องประชุมศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติ
๗๒ พรรษา บรมราชนิ นี าถ จังหวัดลำพนู

โดยมีรายละเอยี ดการประชุม ดังนี้
(๑) ประธานการประชุม คือ นางวริยา สนิทวาที ผู้อำนวยการศนู ย์เรียนรูก้ ารพัฒนาสตรแี ละครอบครวั
เฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา บรมราชินีนาถ จังหวัดลำพูน เนื่องจากทางศนู ย์เรียนรู้ฯ ได้มีผู้เข้ามารบั บริการอยู่ในศูนย์
เรียนรู้ฯ หรือมีผู้รับบริการ ที่ได้มีการส่งต่อมาจากหลายๆ หน่วยงาน ได้ตระหนักเห็นความสำคัญกับกิจกรรม
การนเิ ทศฯ วา่ หากมกี ารเรยี นรู้หลาย ๆ หน่วยงานจะทำให้ไดป้ ระสบการณ์ท่หี ลากหลายสามารถนำมาปรับใช้
กับการจัดสวัสดิการให้แก่ผู้รับบริการภายในศูนย์เรียนรู้ฯ ได้ และทางหน่วยงานกำลังจะเข้ารับการตรวจ
มาตรฐานของหน่วยงานด้วยจึงใช้การประชุมฯในครั้งนี้เป็นการตรวจมาตรฐานในเบื้องต้นด้วยเพื่อปรับปรุง
และพัฒนาในข้อบกพร่องก่อนมีการรับการตรวจมาตรฐานต่อไป และกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามารับบริการ
ในศนู ย์เรยี นรู้ฯ ไดแ้ ก่

กลมุ่ ที่ ๑ กลมุ่ เดก็ และเยาวชน กลุ่มน้มี ีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงไปค้าประเวณี ถกู ล่วงละเมิดทางเพศ
การตง้ั ครรภไ์ ม่พร้อม

กลุ่มที่ ๒ กลุ่มผู้ถูกเลิกจ้างว่างงานและประสบปัญหาซ้ำซ้อน เช่น มารดาเสียชีวิตกะทันหัน ปัญหา
หนี้สินที่ยังคงคา้ งอยู่ จนอาจไปถึงเกดิ ภาวะซึมเศรา้ ได้ในกลุ่มนี้

กลุม่ ที่ ๓ กลมุ่ ผู้สงู อายุ เหตผุ ลท่เี ข้ามาใช้บริการ ไดแ้ ก่ เหงาไม่มีใครอยบู่ ้านต้องการเพ่ือนคุย ต้องการ
สร้างรายได้และยังมีสขุ ภาพที่แข็งแรงสามารถประกอบอาชีพไดแ้ ละยังสามารถนำความรูจ้ ากผู้สูงอายุถ่ายทอด
มาเปน็ ภมู ิปัญหาสืบต่อไปในหลายๆท่ไี ด้

กลมุ่ ที่ ๔ กลุ่มคนพิการตาบอด ซ่ึงมีความชำนาญด้านการนวดและปักผ้า ซึง่ จะมกี ารเข้ามารับบริการ
ในอนาคต

(๒) ผนู้ เิ ทศนักสังคมสงเคราะห์จำนวน ๒ ทา่ นได้แก่ นางสาวทิพย์กวิน ไชยถาวร ข้าราชการเกษียณ พม.
นางสาวจันทร์ฉาย นุติประพันธ์ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจังหวัดลำพูน โดยได้รับฟังการบรรยายจากเจ้าหน้าที่กลุ่ม
ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม เกี่ยวกับการให้บริการแก่ผู้รับบริการในศูนย์เรียนรู้ฯ และนำเสนอหลักสูตร
การฝึกอาชีพระยะสั้น การประเมินภายในหน่วยงาน เช่น คน ทรัพยากร งบประมาณ และ การบริหารจดั การ
ความพร้อมในการทำงานและการใช้เทคนิคที่เอื้อต่อการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ การประเมินภายนอก
หน่วยงาน เช่น สงิ่ แวดลอ้ ม แหลง่ สนบั สนนุ

1๗3

สสว. ๙

การขับเคลอื่ นมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

(๓) รับฟังการบรรยาย เรื่อง การสังเกตและการป้องกันตัวเองเบื้องต้นจากโรคติดต่อ วิทยากร
นายณรงค์เดช นันตาเวียง จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน บรรยายเรื่องการเตรียมตัวป้องกันไวรัส
โคโรนา หรือไวรสั โควดิ -19 เพอ่ื การป้องกนั ตนเองของเจ้าหน้าท่เี ม่ือมผี ู้มารบั บริการในศูนยเ์ รยี นรู้

(๔) การดูงานจากสถานที่จริง ได้แก่ กลุ่มงานสวัสดิการสังคม ห้องศูนย์เรียนรู้ ห้องพยาบาล
โรงอาหาร เรือนนอนราตรี ห้องเรียนหลักสูตรเครื่องดื่ม ร้านแสดงผลิตภัณฑ์ของศูนย์เรียนรู้ฯ จังหวัดลำพูน
และซกั ถามเก่ียวกบั การปฏบิ ัติงานสงั คมสงเคราะห์ระหวา่ งผู้นเิ ทศฯและผรู้ บั การนเิ ทศ

1๘4

สสว. ๙

การขับเคลอ่ื นมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

2.3 การประชุมสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์สัญจร ประจำปี ๒๕๖๓ “ทิศทางการพัฒนา
วชิ าชพี สังคมสงเคราะห์และการขับเคลื่อนมาตรฐานการให้บรกิ าร”

การเข้าร่วมกิจกรรมการประชุมสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์สัญจร ประจำปี ๒๕๖๓ “ทิศทาง
การพัฒนาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์และการขับเคลื่อนมาตรฐานการให้บริการ” ในวันที่ ๕-๖ มีนาคม ๒๕๖๓
ณ โรงแรมฮอลเิ ดยก์ าร์เดน้ จังหวัดเชยี งใหม่

การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารผลการดำเนินงาน และทำความเข้าใจยุทธศาสตร์
การขับเคลื่อนงานวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ การพัฒนาโอกาสและสถานะความมั่นคงของวิชาชีพ และการรับฟัง
ความคิดเห็นของสมาชิกสามัญและผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์รับอนุญาต อันจะได้นำข้อเสนอแนะ
มาพัฒนาระบบการดำเนินงานต่อไป และเป็นการขับเคลื่อนมาตรฐานการให้บริการและการพัฒนาสมรรถนะ
ทางวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ เพื่อให้นักสังคมสงเคราะห์ได้รับรู้เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์ และขับเคลื่อนมาตรฐานการให้บริการ ยังได้มีโอกาสเสนอทัศนะ ความคิดเห็นต่อมาตรฐาน
การให้บริการและมาตรฐานการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติงาน ได้มีส่วนร่วมในการเสนอหลักการ แนวปฏิบัติ
สำหรับนักสังคมสงเคราะห์ ทั้งในฐานะผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน โดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙
ได้เข้าร่วมประชุมและร่วมออกหน่วยบริการวิชาการ สนับสนุนองค์ความรู้ รวมถึงการจัดทำวีดีทัศน์
เพอื่ เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์กิจกรรม

1๙5

สสว. ๙

การขับเคลือ่ นมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

2.4 การประชุมชี้แจงการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

การเข้าร่วมกิจกรรมการประชุมชี้แจงการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ณ ห้องประชุมอาลัมภางค์ ศาลากลางจังหวัดลำปาง อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง และร่วมเป็นวิทยากรบรรยายแลกเปลี่ยนความรู้ เรื่อง เส้นทางสู่การพัฒนาวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์ และ การศึกษาต่อเนื่องสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์รับอนุญาต โดยมี
รายละเอยี ดดังน้ี

(๑) ประธานการประชุม คือ นางกรพินธุ์ วงศ์เจริญ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
ลำปาง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน ๕๐ คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าท่ีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย์
จังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาสังคมราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ท่ีพึ่ง
จงั หวัดลำปาง เจา้ หนา้ ทศี่ นู ย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคเหนือจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าท่ีบ้านพัก
เด็กและครอบครัวจังหวัดลำปาง เจ้าหนา้ ท่ีสถานพัฒนาและฟ้นื ฟเู ด็กจังหวัดลำปาง เจ้าหนา้ ที่ศูนย์พัฒนาการ
จัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจงั หวดั ลำปาง โรงพยาบาลลำปาง องค์การบริหารสว่ นจังหวัดลำปาง เทศบาลนคร
ลำปาง สถานพินจิ และคมุ้ ครองเด็กและเยาวชนจังหวัดลำปาง ฯลฯ

(๒) การชแี้ จงเรอ่ื งผนู้ เิ ทศงานในจังหวดั ลำปาง

(๓) การปรับปรุงฐานขอ้ มลู นักสงั คมสงเคราะหแ์ ละผู้ที่ปฏิบตั ิงานสงั คมสงเคราะห์ ตลอดจนผผู้ ่านการ
อบรมตาม พ.ร.บ. ตา่ งๆ ทเี่ ป็นประโยชน์ตอ่ การทำงานดา้ นสงั คมสงเคราะห์

(๔) การทบทวน พ.ร.บ. วิชาชีพสังคมสงเคราะห์/กระบวนการเข้าสู่การมีใบประกอบวิชาชีพ สังคม
สงเคราะห์ โดยหลักเกณฑ์ในการเก็บหน่วยคะแนนจากการศึกษาต่อเนื่องเพื่อต่ออายุใบอนุญาต
ตามระยะเวลา ๕ ปี ของการครองใบอนญุ าต ดงั น้ี

- หน่วยคะแนนที่เก็บสะสมจำนวน ๕๐ หน่วยคะแนน ในรอบการสะสม ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ออก
ใบอนญุ าต จนถึงวันท่ใี บอนญุ าตหมดอายุ และหนว่ ยคะแนนสะสมดังกลา่ วจะใชต้ ่ออายุใบอนุญาตได้เพียงคร้ังเดียว

- สาขาท่เี กีย่ วข้องในการนับหน่วยคะแนนสะสม ตอ้ งมีการสะสมหนว่ ยคะแนนทางวิชาการด้านสังคม
สงเคราะหแ์ ละด้านอนื่ ๆในสาขาท่ีเกีย่ วขอ้ ง เชน่ จิตวิทยา พฤตกิ รรมศาสตร์ ฯลฯ

- กจิ กรรมการศึกษาตอ่ เนอ่ื ง แบง่ ตามประเภทของกจิ กรรม ได้แก่
- การเพม่ิ พูนความรู้ ความสามารถทางวิชาชพี หรือวิชาการ
- การมสี ว่ นร่วมในการดำเนินกิจกรรมการพฒั นาบุคลากร หรือพฒั นาวิชาชีพในรูปแบบทหี่ ลากหลาย
- การเข้าศึกษาในหลักสตู รการศึกษา การเพิ่มพนู ความรู้ หรอื หลักสตู ร ฝกึ อบรมดา้ นสังคมสงเคราะห์
ศาสตร์ระยะสน้ั
- การเข้าศึกษาในหลักสูตรสาขาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ในระดับบัณฑิตศึกษาของสถาบันการศึกษา
ทีส่ ภาวชิ าชีพให้การรับรองหลักสตู ร

1๑6๐

สสว. ๙

การขับเคลอ่ื นมาตรฐานและนเิ ทศติดตามงานของ พม.

- การศึกษาหรือเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น หลักสูตรออนไลน์ E-learning
E-book หรอื จากบทความ

(๕) การปรับฐานข้อมูลนักสังคมสงเคราะห์และผู้ที่ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ตลอดจน
ผผู้ า่ นการอบรม พ.ร.บ.ต่างๆ ท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อการทำงานด้านสังคมสงเคราะห์

พร้อมกับสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ มอบหนังสือเส้นทางสู่การพัฒนาวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์ และ การศึกษาต่อเนื่องสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์รับอนุญาต ให้กับ
ผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน ๕๐ เล่ม

๑1๑7

สสว. ๙

การขบั เคล่ือนมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

2.5 การประชุมเชิงปฏบิ ตั ิการขับเคล่ือนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม. เร่ือง “นักสังคม
สงเคราะหไ์ ทยในยคุ New Normal” เพ่อื เตรยี มความพรอ้ มสกู่ ารเปน็ นักสังคมสงเคราะห์มืออาชีพ

การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม. เรื่อง
“นักสังคมสงเคราะห์ไทยในยุค New Normal” เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นนักสังคมสงเคราะห์มืออาชีพ
แก่กลุ่มเป้าหมายนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ วันพุธที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓
เวลา ๑๓.๐๐ น. ตามระบบทางไกลออนไลน์ (Web Conference) ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดงั รายละเอยี ด ดังน้ี

(๑) ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ สังกัด

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่
แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ตามระบบทางไกลออนไลน์ (Web Conference)
ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมน่ั คงของมนษุ ย์ โดยมี
ผู้ลงทะเบยี นเขา้ ร่วมการประชุมทาง QR Code รูปแบบ Google form จำนวน ๘๔ คน

(๒) วทิ ยากรบรรยาย จำนวน ๓ ทา่ น ได้แก่

๑. นางมยุรี ยกตรี กรรมการสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ บรรยาย เรื่อง “นักสังคม
สงเคราะห์ไทยในยุค New Normal” เพ่อื เตรียมความพร้อมสู่การเปน็ นักสังคมสงเคราะหม์ ืออาชีพ

- การขอรบั ใบประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
- พระราชบญั ญตั ิวชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์ ๒๕๕๖
- การตอ่ อายุใบอนุญาต ผปู้ ระกอบวชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์รบั อนญุ าต
- ขอบเขตเนอ้ื หาในการสอบใบอนุญาต
- การศึกษาต่อเน่ืองเพ่ือประกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์ ประกอบดว้ ย ประเภท
กิจกรรมการศึกษาตอ่ เน่ืองและกิจกรรมการเกบ็ แตม้ คะแนนการศึกษาต่อเน่ือง
- แบบฟอร์มรายงานการขอรับการประเมินหน่วยคะแนนการศึกษาต่อเนื่อง
สำหรับผปู้ ระกอบวชิ าชีพสงั คมสงเคราะหร์ บั อนญุ าต (ประเภทบุคคล)
๒. นางสาวระรินทิพย์ เพ็ชรเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ
หยาดฝน จงั หวัดเชยี งใหม่ บรรยาย เรือ่ ง “ทิศทางสูก่ ารพัฒนานักสังคมสงเคราะห์ไทยในยุค New Normal”
- การที่ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ ได้นำระบบ Web
Conference มาใช้ในการประชุมเพื่อถ่ายทอดให้นักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์
สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นักสังคมสงเคราะห์ต้องมีการทบทวนตนเอง เยียวยา
ตนเอง โดยใช้ช่องทางออนไลน์ ในการพัฒนาตนเอง และต้องมีศูนย์ประสานนักสังคมสงเคราะห์ระดับภาค
คอยเชื่อมโยงระหว่างนักสังคมสงเคราะห์ทั้งในกระทรวง พม. และ กระทรวงต่าง ๆ ให้เกิดการแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ระหว่างกัน

๑1๒8

สสว. ๙

การขับเคล่อื นมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

๓. นางอรนุช ชัยชาญ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ สำนักงานพัฒนาสังคม
และความม่นั คงของมนุษยจ์ งั หวดั พจิ ิตร บรรยาย เรื่อง “เสน้ ทางส่กู ารพัฒนาวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์”

- นักสังคมสงเคราะห์ต้องปรับตัวอย่างไรในช่วงที่สถานการณ์ การแพร่ระบาด
โควิด – 19 โดยวิธีการที่นักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร
ดำเนินการ คือ การทำงานเชิงรุกโดยการลงไปในพื้นที่ชุมชนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน
ท่ีได้รบั ผลกระทบจากสถานการณก์ ารแพร่ระบาด โควดิ -19

- การทำงานทำเป็นปกติแต่ต้องทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ และพัฒนาตนเอง
และเรียนรู้ในสิ่ง ใหม่ ๆ เช่น การสื่อสารทางโดยระบบออนไลน์ การเรียนแบบออนไลน์ ฯลฯ เพื่อที่จะพัฒนา
ตนเองและก้าวสู่เสน้ ทางการพัฒนาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

พร้อมกับส่งมอบหนังสือเส้นทางสู่การพัฒนาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ และ การศึกษาต่อเนื่อง
สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์รับอนุญาต ให้กับผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมทาง QR Code
รูปแบบ Google form จำนวน ๘๔ เลม่

1๑9๓

สสว. ๙

การขับเคลือ่ นมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

บทท่ี ๓

สรุปและขอ้ เสนอแนะ

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศ
ติดตามงานของ พม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนิเทศติดตามงานของ พม. เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน
ให้การปฏิบัติงานทางด้านสังคมมีมาตรฐานในการปฏิบัติงานทางด้านสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้าง
นวัตกรรมทางสังคมที่เหมาะสมกับพื้นที่ และเป็นหน่วยเชิงรุกในการส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการให้การ
ปฏิบัติงานของหน่วยงานในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ท้องถ่ิน
ชุมชน และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องให้เกิดการขับเคลื่อนงานที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับ
สภาพพื้นที่ รวมทั้ง ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตและมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม โดยได้ดำเนินการ
การนเิ ทศติดตามงานของ พม. ของนกั สังคมสงเคราะห์และผ้ปู ฏบิ ัติงานสงั คมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวง
การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ใน ๘ จงั หวัด ได้แก่ จงั หวัดเชยี งใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และจังหวดั แมฮ่ ่องสอน

มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือส่งเสริม และพฒั นาความรู้ เทคนคิ ทกั ษะ ความประพฤติ การปฏิบัตติ ามจริยธรรม
และการมีส่วนร่วมรับผิดชอบในกระบวนการทำงานสวัสดิการสังคม และสังคมสงเคราะห์ร่วมกัน รวมไปถึง
เพื่อติดตาม ประเมินผล ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ มาตรฐาน จรรยาบรรณ และคุณภาพการจัดบริการ
ของผู้ปฏิบัติงาน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และมาตรฐานทางวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ อีกทั้ง
เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ในพื้นที่มีการทำงานที่มุ่งบรรลุผลสัมฤทธิ์
มีมาตรฐานการปฏบิ ัติงานท่ดี แี ละมีคุณภาพ

ผลการดำเนินงาน ใน ๕ กิจกรรมหลัก ได้แก่ การสำรวจนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคม
สงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ประจำปี
งบประมาณ 2563 การประชุมเชิงปฏิบัติการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์จังหวัดลำพูน การประชุมสภาวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์สัญจร ประจำปี ๒๕๖๓ “ทิศทางการพัฒนาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์และการขับเคลื่อน
มาตรฐานการให้บริการ” การประชุมชี้แจงการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
และการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม. เรื่อง “นักสังคมสงเคราะห์ไทย
ในยุค New Normal” เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นนักสังคมสงเคราะห์มืออาชีพ ภายใต้ภาวะวิกฤติการแพร่
ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือ COVID-๑๙ ในปี พ.ศ. 2563 ทำให้การดำเนินงาน
ต้องคำนึงถึงมาตรการของภาครัฐที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ส่งผล
ให้ไม่สามารถลงพื้นที่แต่ปรับการประชุมในรูปแบบระบบทางไกลออนไลน์ (Web Conference) ของศูนย์
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาทิเช่น
การสำรวจข้อมูลนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวง การพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ในเขตภาคเหนือตอนบน ผ่านการส่งแบบสำรวจ ทาง QR Code และวิเคราะห์
ขอ้ มลู ผ่าน Google Form

๑2๔0

สสว. ๙

การขบั เคล่ือนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

ผลการดำเนินงาน พบว่า นักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ของบุคลากรกระทรวง
การพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนษุ ย์ในเขตภาคเหนือตอนบน สว่ นใหญ่ มคี วามต้องการรบั การนิเทศงาน
และ มีความต้องการรับการนิเทศงานแบบการนิเทศรายกลุ่ม ในประเด็นที่ต้องการรับการนิเทศ คือการนิเทศ
สมรรถนะหลักของนักสังคมสงเคราะห์ การเยี่ยมบ้านในงานสังคมสงเคราะห์ และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์ รวมถึง เส้นทางส่นู กั สังคมสงเคราะห์รับใบอนุญาต นอกจากนยี้ ังมีผนู้ ำเสนอในประเด็นปัญหา
พฤติกรรมเด็ก งานด้านเด็กและเยาวชน งานด้านคนพิการ ด้านผู้สูงอายุ การจัดการ/รับมือกับความขัดแย้ง
ระหว่างทีมสหวิชาชีพ การปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ภายใต้การเปลี่ยนแปลง กฎหมาย/พรบ.เกี่ยวกับการ
ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ กระบวนการให้ความช่วยเหลือแบบทีมสหวิชาชีพ การปฏิบัติงานสังคม
สงเคราะห์กับกลุ่มเป้าหมาย ความก้าวหน้าในวิชาชีพ ซึ่งในการนิเทศงานควรมีการดำเนินงานให้ครอบคลุม
ประเดน็ ที่ผู้รับการนิเทศสนใจ เพ่ือให้ผนู้ ิเทศและผู้รับการนิเทศ สามารถบูรณาการประสานความร่วมมือกันใน
การพัฒนาวชิ าชพี ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพสงู สุดได้ต่อไป

ด้านช่วงเวลาในการนิเทศนั้น ส่วนใหญ่ ไม่ระบุช่วงเวลาในการเข้ารับการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์
รองลงมาช่วงเวลาท่ีเหมาะสมในการเข้ารับการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์ คือ ไตรมาส 1 เดือนตุลาคม-
ธนั วาคม และ ไตรมาส 3 เดอื นเมษายน-มิถุนายน และส่วนใหญ่ต้องการรับการนเิ ทศในจังหวดั ท่ีตนปฏิบัติงาน
รองลงมา คอื ต้องการรบั การนเิ ทศท่จี ังหวัดเชียงใหม่ และมสี ว่ นนอ้ ยไมร่ ะบสุ ถานท่ี

ด้านความคาดหวังในการรับการนิเทศงาน มีความคาดหวังจากการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์ ว่าจะ
ส่งผลให้ มีการพัฒนาตนเอง การพัฒนางานสังคมสงเคราะห์ การได้รับความรู้เพิ่มเติมจากที่มีอยู่ ต้องการ
เพิ่มพูนความรู้ใหม่ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อน ๆ การมีองค์ความรู้และการปฏิบัติงาน การเสริม
พลังในการปฏิบัติงาน การมีทักษะในการลงพื้นที่ การมีส่วนร่วมระหว่างบุคคลและหน่วยงาน เกิดแนวทาง
การพัฒนางานและสามารถได้ความรู้เพิ่มเพื่อนำมาปรับใช้กับงานที่ทำ ได้รับกำลังใจ เข้าใจงาน
สงั คมสงเคราะหม์ ากข้ึน พร้อมกับได้รู้จกั เครือขา่ ยทมี วชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์และสหวิชาชพี อ่นื ๆ

ปัญหาอุปสรรคในการปฏบิ ัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ ดงั น้ี

1. ด้านบุคลากร/นักสังคมสงเคราะห์ มีจำนวนนักสังคมสงเคราะห์ไม่เพียงพอ อีกทั้งความชัดเจน
ในหน้าที่ในการปฏิบตั ิงาน และภาระหน้าที่ในการปฏิบัติงานทีค่ ่อนข้างมาก ส่งผลให้การปฏิบตั ิงานด้านสังคม
สงเคราะหไ์ มส่ ามารถปฏิบัตไิ ด้ครบตามกระบวนการทางสังคมสงเคราะห์ และการตอ่ อายุใบประกอบวชิ าชพี

2. ดา้ นการปฏบิ ัติงานสังคมสงเคราะห์/ผูป้ ระสบปัญหา มคี วามยากลำบากในการลงพนื้ ที่ ความเสี่ยง
และสภาวะกดดันด้านต่าง ๆ จากการลงพื้นท่ี การแสวงหาข้อเทจ็ จริง รวมถึงการให้การช่วยเหลือ การติดตาม
ความล่าช้าในการส่งต่อความเข้าใจและการยอมรับของครอบครัวผู้ประสบปัญหา ปัญหามีความซ้ำซ้อน
ผู้ประสบปัญหาไม่สามารถให้ข้อมูลได้ บางครั้งข้อมูลไม่ได้เป็นจริง ปิดบังข้อมูล ทำให้การหาแนวทางในการ
ใหค้ วามช่วยเหลือไมส่ ามารถแกป้ ญั หาได้ และทมี สหวชิ าชพี ท่เี ก่ียวข้องไมใ่ ห้ความร่วมมือ

3. ด้านงบประมาณ/การบริหารจัดการ ระบบฐานข้อมูลไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบการรองรับการให้ความช่วยเหลือ เน้นปริมาณการให้ความช่วยเหลือมากกว่าคุณภาพในการช่วยเหลือ
อย่างยั่งยืน หัวหน้าหน่วยงานไม่ให้ความสำคัญกับงานสวัสดิการสังคม ไม่ได้เข้าใจในงานสังคมสงเคราะห์
และขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน เครือข่ายยังขาดความเข้าใจบทบาทของหน่วยงานและขาดความร่วมมือ
กับผู้ประสบปัญหา และงบประมาณในการอุดหนุนที่มากเกินไปถูกผูกติดตัวชี้วัดกับการเบิกจ่ายไม่สอดคล้อง
กับการชว่ ยเหลอื ผ้ปู ระสบปญั หาเชงิ รุก งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายมากเกินไป

2๑1๕

สสว. ๙

การขับเคลอ่ื นมาตรฐานและนเิ ทศติดตามงานของ พม.

4. ด้านอื่น ๆ ได้แก่ ด้านภาษา การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และบางส่วนไม่ได้เรียนจบหลักสูตร
โดยตรง และไม่มใี บประกอบวิชาชีพนักสังคมสงเคราะห์

ข้อเสนอแนะในการปฏบิ ตั ิงานดา้ นสงั คมสงเคราะห์
๑. ด้านนักสังคมสงเคราะห์ หน่วยงานควรมีบุคลากรที่เป็นนักสังคมสงเคราะห์เพิ่ม ควรเพิ่มกรอบ
ตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์และควรจัดสรรนักสังคมสงเคราะห์ให้ครบตามกรอบ เพิ่มจำนวนนักสังคม
สงเคราะห์ เครือข่ายทางด้านสังคม ควรรับนักสงั คมสงเคราะห์วฒุ ิปิด/ให้ความสำคัญกบั กระบวนการทางดา้ น
สังคมสงเคราะห์ ควรให้นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์เฉพาะด้าน เพื่อประสิทธิภาพ
ของการปฏิบัติงาน ควรมีการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มเติมเทคนิคความรู้แก่นักสังคม หรือผู้ปฏิบัติงาน
ด้านสังคมสงเคราะห์ อบรม เรียนรู้และนำไปปฏิบัติใช้ในงานที่ทำอย่างสม่ำเสมอ และการต่อใบประกอบ
วชิ าชีพควรให้สอดคล้องกับลักษณะงานท่ีทำ
2. ด้านการจัดการงานสังคมสงเคราะห์ การทำงานเป็นทีม ควรมีกระบวนการในการทำงานที่ชัดเจน
ควรมีระบบเครือข่ายทางสังคม และการส่งต่อผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่มีประสิทธิภาพและมีการจัดระบบ
รองรับในการให้ความช่วยเหลือที่สามารถรองรับได้ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพในการให้ความช่ว ยเหลือ
มีการบูรณาการการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม ควรมีการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มเติมเทคนิคความรู้
แก่นักสังคม หรือผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ ควรสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานให้กับนักสังคม
สงเคราะห์และผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับงานสวัสดิการสังคม ควรเพิ่มสวัสดิการเพื่อเป็นการให้ขวัญ
และกำลังใจในการปฏิบัติงาน มีการถอดบทเรียนหรืออบรมให้ความรู้กับนักสังคมสงเคราะห์ เพิ่มเติมความรู้
และทักษะ ส่งเสริมความก้าวหน้าของวิชาชีพ และค่าตอบแทนที่เท่ากับหน่วยงานอื่น สร้างความเข้าใจกับ
ผูบ้ ริหารในงานสงั คมสงเคราะห์ใหม้ ากข้นึ

๑2๖2

สสว. ๙

การขบั เคล่ือนมาตรฐานและนิเทศตดิ ตามงานของ พม.

ภาคผนวก

กจิ กรรมการนิเทศตดิ ตามงานของ พม.
เปน็ ส่วนหนึ่งของโครงการการขบั เคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.
กจิ กรรมตามโครงการขับเคล่ือนการบรู ณาการโครงการดา้ นสงั คมในระดับพน้ื ท่ี ประจำปี ๒๕๖๓

-------------------------

๑. หลักการและเหตผุ ล
ตามที่สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑ – ๑๑ มีภารกิจหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย

ตามยุทธศาสตร์ พม. ส่กู ารปฏิบตั ใิ นระดับพื้นท่ี ปะกอบด้วย สสว. ๑ – ๑๑ มบี ทบาทหนา้ ท่ีในการศึกษา วิจัย
พัฒนา ทางวิชาการด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วิเคราะห์สถานการณ์และสภาพแวดล้อม
เพื่อคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ทางสังคมและผลกระทบให้สอดคล้องกับพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย รวมถึง
ส่งเสริมและสนับสนุนงานด้านวิชาการ องค์ความรู้ ข้อมูลสารสนเทศ ให้คำปรึกษา แนะนำแก่หน่วยหน่วย
บริการทุกกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๑ – ๑๑ รวมไปถึง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน ภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน
ให้ขอ้ เสนอแนะการพัฒนาสังคมในระดับกลุ่มจังหวดั เปน็ ศนู ยข์ อ้ มูลสารสนเทศด้านการพัฒนาสงั คมและความ
มั่นคงของมนุษย์ในระดับกลุ่มจังหวัด โดยเชื่อมโยงประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานส่วนกลางกับ
ส่วนภูมิภาค ให้เกิดการบูรณาการการปฏิบัติงานของหน่วยงานสังกัดกระทรวงในส่วนภูมิภาคและหน่วยงาน
ดา้ นสังคมอื่น ๆ ใหเ้ หมาะสมกับบรบิ ทพนื้ ท่ี

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ ได้รับอนุมัติหลักการโครงการขับเคลื่อนการบูรณาการ
โครงการด้านสังคมในระดับพืน้ ที่ ประจำปี ๒๕๖๓ จำนวน ๓ กิจกรรม ประกอบดว้ ย (๑) ศูนยข์ อ้ มูลทางสังคม
กลุ่มจังหวัด เพื่อเป็นศูนย์กลาง (HUB) ทางด้านข้อมูลทางสังคมระดับกลุ่มจังหวัด (๒) รายงานสถานการณ์
ทางสงั คมกลุ่มจงั หวดั /ระดับภาค เพ่อื วิเคราะห์สถานการณ์ทางสังคมในปัจจุบันและแนวโนม้ อนาคตเพ่ือนำมา
กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนการปฏิบัติงานดา้ นสังคม (๓) การขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตาม
งานของ พม. เป็นการขับเคลื่อนให้การปฏิบัติงานทางด้านสังคมมีมาตรฐานในการปฏิบัติงานทางด้านสังคม
ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ

การดำเนินงานโครงการขับเคลื่อนการบูรณาการโครงการด้านสังคมในระดับพื้นที่ ปีงบประมาณ
พ.ศ.๒๕๖๓ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ในยุทธศาสตร์ที่ ๔ การสร้างโอกาสและความเสมอภาค
ทางสังคมในประเด็น การเสริมสร้างพลังทางสังคม โดยสร้างสังคมเข้มแข็ง สนับสนุนการรวมตัวและความ
ร่วมมือระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วน สนับสนุนการพัฒนาบนฐานทุนทางสังคมและวัฒนธรรม และการ
สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสร้างสรรค์เพื่อรองรับสังคมยุคดิจิตัล และยุทธศาสตร์ที่ ๖
การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ในประเด็น ภาครัฐบริหารงานแบบบูรณาการโดยมี
ยุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายและเชื่อมโยงการพัฒนาทุกระดับ ทุกประเด็น ทุกภารกิจและทุกพื้นที่ โดยการ
กำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละกลุ่มจังหวัดในมิติต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับ
ยุทธศาสตรก์ ระทรวง พม. (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ในยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๒ สร้างภมู ิคุม้ กันและพฒั นากลุ่มเปา้ หมาย
และเครือข่าย โดยการสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างความตระหนักรู้ในการป้องกันตัวจากปัญหาทางสังคม
และยุทธศาสตร์ที่ ๓ ผนึกกำลังทางสังคมเพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาสังคม โดยการผนึกกำลังทางสังคม
และเสรมิ สรา้ งการมสี ่วนร่วมจากทกุ ภาคส่วนในการรับผิดชอบต่อสังคม

๑2๗3

สสว. ๙

การขบั เคลอื่ นมาตรฐานและนเิ ทศติดตามงานของ พม.

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนมาตรฐานและนิเทศ
ติดตามงานของ พม. เพื่อเป็นการขับเคลื่อนให้การปฏิบัติงานทางด้านสังคมมีมาตรฐานในการปฏิบัติงาน
ทางดา้ นสังคมได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ เสริมสร้างนวัตกรรมทางสังคมทเ่ี หมาะสมกับพื้นท่ี และเป็นหน่วยเชิงรุก
ในการส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานในความรับผิดชอบของกระทรวง
การพฒั นาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทอ้ งถ่ิน ชุมชน และภาคเี ครือข่ายท่ีเกี่ยวข้องใหเ้ กิดการขับเคลื่อนงาน
ที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ รวมทั้ง ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
และมสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาสังคม

๒. วตั ถุประสงค์
๒.๑ เพื่อส่งเสริม และพัฒนาความรู้ เทคนิค ทักษะ ความประพฤติ การปฏิบัติตามจริยธรรมและการ

มสี ่วนร่วมรบั ผิดชอบในกระบวนการทำงานสวัสดิการสงั คม และสังคมสงเคราะหร์ ่วมกัน
๒.๒ เพื่อติดตาม ประเมินผล ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ มาตรฐาน จรรยาบรรณ และคุณภาพ

การจัดบริการของผู้ปฏิบัติงาน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และมาตรฐานทางวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์

๒.๓ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ในพื้นที่มีการทำงาน
ที่มุ่งบรรลผุ ลสมั ฤทธ์มิ ีมาตรฐานการปฏบิ ัตงิ านทดี่ ีและมีคุณภาพ

๓. เป้าหมาย
บุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์และการจัดสวัสดิการสังคม ในหน่วยงานในสังกัดกระทรวง

การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน
ลำปาง แมฮ่ อ่ งสอน แพร่ นา่ น พะเยา และจงั หวัดเชียงราย

๔. วธิ ีการดำเนนิ งาน
๔.๑ การกำหนดแนวทางการขับเคลอ่ื นงานนเิ ทศงานนักสังคมสงเคราะห์
๔.๒ การจัดทำแผนนเิ ทศงานดา้ นสงั คมสงเคราะหก์ ลุ่มจงั หวัด
๔.๓ การทบทวนรายชือ่ ผ้นู ิเทศงานและผู้รับการนเิ ทศงานดา้ นสังคมสงเคราะห์
๔.๔ การจัดทำแบบสำรวจขอ้ มลู นกั สงั คมสงเคราะหแ์ ละผู้ปฏบิ ัติงานสังคมสงเคราะห์
๔.๕ การดำเนินการสำรวจข้อมูลนกั สังคมสงเคราะหแ์ ละผ้ปู ฏบิ ัตงิ านสงั คมสงเคราะห์
๔.๖ การสรุปผลการดำเนินการสำรวจขอ้ มลู นักสงั คมสงเคราะห์และผู้ปฏบิ ตั ิงานสังคมสงเคราะห์
๔.๗ การกำหนดรปู แบบ ขอบเขต เนื้อหา และประเด็นการนเิ ทศงานสังคมสงเคราะห์
๔.๘ การดำเนินกิจกรรมการนิเทศงานสังคมสงเคราะห์ผ่านการประชุมทางไกล
๔.๙ การรวบรวมเนื้อเน้อื หาและประเดน็ การนเิ ทศงาน
๔.๑๐ สรุปผลการดำเนินงานนเิ ทศงานสังคมสงเคราะห์
๔.๑๑ การเข้าร่วมการประชุมถอดบทเรียน

๑2๘4

สสว. ๙

การขบั เคล่ือนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

๕. พื้นที่ดำเนนิ การ
พื้นที่เขตรับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ ๙ ในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคเหนือ

ตอนบน ไดแ้ ก่ จังหวดั เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แมฮ่ อ่ งสอน แพร่ นา่ น พะเยา และจงั หวดั เชียงราย
๖. ระยะเวลาดำเนนิ การ

เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ – กันยายน ๒๕๖๓
๗. งบประมาณ

โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ แผนงานยุทธศาสตร์
สร้างหลักประกันทางสังคม โครงการช่วยเหลือคุ้มครองผู้ประสบปัญหาทางสังคม กิจกรรมส่งเสริม ประสาน
และดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม จำนวน ๕๙,๒๐๐- บาท (ห้าหมื่นเก้าพันสองร้อยบาทถ้วน)
และขออนมุ ตั ถิ ัวจา่ ยทุกรายการ
๘. ผรู้ ับผิดชอบโครงการ

กลุม่ นโยบายและยทุ ธศาสตร์ สำนกั งานส่งเสรมิ และสนบั สนุนวชิ าการ ๙
๙. ผลท่ีคาดว่าจะได้รบั

นักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ มีคุณภาพและมาตรฐาน มีความก้าวหน้า
ในวิชาชีพ รวมท้งั ได้รับการสง่ เสริมและพัฒนาตามแนวทางทีป่ ระกาศกำหนดของพระราชบญั ญัติวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์ พ.ศ. ๒๕๕๖

2๑5๙

สสว. ๙

การขบั เคลือ่ นมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

เอกสารอ้างอิง

จินตนาภร. (๒๕๖๓) วัตถุประสงคข์ องการนเิ ทศงานและการติดตามนเิ ทศงาน . สบื คน้ 12 มิถุนายน
2563,จาก http://www.gotonow.org. / posts /168793.

ทองย้อย แสงสนิ ชยั . (๒๕๖๓) นเิ ทศ-นิเทศ ต่างกนั อย่างไร . สบื คน้ 30 มิถุนายน 2563,จาก
http://www.dhamma.serichon.us. / 2017/12/15 /นเิ ทศ-นิเทศก์ ตา่ งกันอย/.

อนงค์ศริ ิ วิชาลัย. (๒๕๖๓) นเิ ทศอยา่ งไร..จงึ ไดใ้ จเพื่อนรว่ มวิชาชพี . สบื คน้ 3 มถิ นุ ายน 2563,จาก
http://www.gotonow.org. / posts /240102.

อญั ชลี ธรรมะวธิ กี ลุ .ความรเู้ บอ้ื งต้นเกีย่ วกบั การนิเทศการศกึ ษา. (๒๕๖๓) ความรเู้ บื้องตน้ เกย่ี วกับการนเิ ทศ
การศกึ ษา . สืบคน้ 20 มถิ นุ ายน 2563,จาก http://www.panchalee.wordpress.com /
2009 /03/30/supervision/.

2๒6๐

สสว. ๙

การขับเคลอ่ื นมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

เอกสารวิชาการ ประจำปี 256๓
การนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

ในกิจกรรมการขบั เคลื่อนมาตรฐานและนิเทศติดตามงานของ พม.

เจ้าของและผจู้ ดั พิมพ์ :
สำนกั งานสง่ เสรมิ และสนับสนนุ วิชาการ 9
บริเวณศูนยร์ าชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนโชตนา
ตำบลชา้ งเผอื ก อำเภอเมืองเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ ๕๐๓๐๐
โทรศพั ท์ ๐๕๓-๑๑๒๔๘๕-๖ โทรสาร ๐๕๓-๑๑๒๔๙๑
Email: [email protected]

ท่ีปรกึ ษาโครงการ : ธแิ กว้ ผูอ้ ำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนบั สนุนวชิ าการ ๙
นายธนู สุใจ นกั พัฒนาสังคมชำนาญการพเิ ศษ
นางสาวอัจฉรา ฉตั รภตู ิ นกั พฒั นาสังคมชำนาญการพิเศษ
นายธนากร

คณะทำงาน:
กลมุ่ นโยบายและยทุ ธศาสตร์
สำนกั งานส่งเสรมิ และสนับสนุนวิชาการ ๙
นางพรรคริน อดุ มวัฒนานันท์ นกั พัฒนาสงั คมชำนาญการ
นางสาวภารำพึง อรยิ ะ นักพัฒนาสังคมชำนาญการ
นางสาวแคทรยิ า ฆวีวงศ์ นกั พัฒนาสังคม
นายดนพุ งศ์ กาญจนธีรานนท์ เจ้าหนา้ ทพี่ ฒั นาสังคม
นางสาวจิรชยา ขตั ริ ตั น์ เจา้ หน้าที่พฒั นาสังคม
นางสาวเมษยา ตน้ คณุ พนักงานบรกิ าร
นายไพฑูรย์ ชยั ชนะ พนกั งานบริการ

เรยี บเรยี ง อุดมวฒั นานันท์ นักพฒั นาสังคมชำนาญการ
นางพรรคริน ฆวีวงศ์ นักพัฒนาสังคม
ต้นคุณ พนักงานบริการ
ออกแบบปก-รูปเล่ม
นางสาวแคทรยิ า
นางสาวเมษยา

27

สสว. ๙

การขับเคลื่อนมาตรฐานและนเิ ทศตดิ ตามงานของ พม.

28


Click to View FlipBook Version