The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สุนทรียภาพด้านนาฏศิลป์และการละคร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Amorn Nanthawikron, 2020-10-27 10:25:20

สุนทรียภาพด้านนาฏศิลป์และการละคร

สุนทรียภาพด้านนาฏศิลป์และการละคร

โขน

เอกลกั ษณข์ องโขนไทย สันนษิ ฐานว่าได้
แบบอยา่ งมาจากศิลปะการละเลน่ 3 อยา่ ง
คือ การละเลน่ ชักนาคดึกดาบรรพ์ โขนได้
แบบอยา่ งเครื่องแต่งกายซง่ึ มที ้งั เทวดา รวม
มนษุ ย์ชาย หญิง ยักษ์ ลิง มาใช้หนงั ใหญ่โขน
ได้แบบอย่างการเต้น การยกขา ใหเ้ ขา้ กบั
ทว่ งทานอง จงั หวะของเพลงมาใช้ และ
การละเล่นกระบี่กระบอง โขนได้แบบอยา่ ง
ทา่ ทางการต่อสู้มาใชโ้ ขน แบง่ ประเภทไดด้ งั นี้

โขน โขนกลางแปลง คือ โขนท่เี กิดขน้ึ
ในยคุ แรก คงจะเลน่ กันกลางสนาม
เช่นเดยี วกับการเล่นชดั นาคดกึ ดาบรรพ์
เป็นโขนทีเ่ รียกกนั ในชนั้ หลงั ว่า โขน
กลางแปลงกลา่ วคอื เป็นการแสดงโขน
บนพ้ืนดินกลางสนามไม่ตอ้ งสร้างโรงเลน่
นิยมแสดงแตต่ อนยกทพั มารบกัน
ระหว่างฝา่ ยพระรามและฝ่ายทศกณั ฐ์ มี
บทพากยบ์ ทเจรจาแตม่ ีบทรอ้ ง

โขนโรงนอกหรอื โขนนัง่ ราว คอื โขน
โขน โรงนอกเป็นโขนท่ีจัดแสดงบนโรงไม่มเี ตยี ง

สาหรบั ตัวนายโรงนงั่ มีราวตากผา้ ตามสว่ น
ยาวของโรงตรงหน้าฉากมีทางให้ผู้แสดงเดิน
ได้รอบแลว้ ตัวโรงมกั มหี ลังคาตัวโขนแสดง
บทบาทของตนแล้วก็ไปน่งั ประจาทบี่ นราวไม่
มบี ทขับรอ้ ง มแี ตบ่ ทพากษ์และบทเจรจา
เพราะต้องบรรเลงเพลงหน้าพาทย์มากจึงใช้
วงปพ่ี าทย์ 2 วง วงหน่ึงตงั้ หวั โรง วงหนึง่ ต้งั
ทา้ ยโรง หรือตอ้ งทางซา้ ยและทางขวาของ
โรงจงึ เรยี กปี่พาทย์ 2 โรงนี้วา่ วงหวั วงทา้ ย
หรอื วงซ้าย วงขวา

โขน โขนหนา้ จอ คอื โขนทเ่ี ลน่ ตรงหนา้
จอหนังใหญ่ ซ่งึ แต่เดมิ ขึงไวส้ าหรับเล่นหนงั
ใหญ่ ซ่ึงเวลาตอนบ่ายมักนิยมเลน่ หนงั จับ
ระบาหน้าจอ ต่อมาภายหลงั เมือ่ ใชจ้ อนี้
เปน็ ทีแ่ สดงโขนแลว้ กม็ กี ารพัฒนาจอ โดย
นยิ มทาเป็นจอแขวะ คอื จอทง้ั สองขา้ งทา
เปน็ ชอ่ งประตูเขา้ ออกวาดรปู เปน้ ซุ้มประตู
ด้านขวาของผดู้ ูวา่ เป็นรูปปราสาทราชวัง
สมมุตเิ ป็นกรงุ ลงกา ดา้ นซ้ายวาดเป็นรูป
คา่ ยพลบั พลาของพระรามมีรว้ั ลูกกรง
ล้อมรอบไปเขตกั้นคนมีใหข้ ้ึนไป เกาะแกะ
คนเลน่

โขน โขนโรงใน คอื คนท่ไี ดร้ ับการปรบั ปรุง

ผสมผสานกบั การแสดงละครใน มที า่ รา
และมีบทพากย์ บมเจรจาตามแบบโขนอกี
ทง้ั นาเพลงขับรอ้ งและเพลงประกอบกริ ิยา
กลางของดนตรีแบบละครใน และระบารา
ฟอ้ นมาผสมด้วย ก่อนทีก่ รมศิลปากรนา
ออกแสดงในปัจจุบันน้ีลว้ นแตม่ ีลกั ษณะเป็น
โขนโรงในทัง้ สิ้น หรือทน่ี าออกไปเล่น
กลางแจง้ บนโรงหนา้ จอเป็นคร้ังคราวก็แบบ
โขนโรงใน

โขน โขนในฉาก คือ การจัดฉากเป็นศิลปะท่ี
ไทยรบั มาจากตะวันตก โขนฉากจงึ เกิดข้นึ
สมยั รัชกาลท่ี 5 เองโดยมผี ู้คดิ สร้างฉาก
ประกอบการแสดงโขนบนเวทีข้ึนคล้ายกบั
ละครดกึ ดาบรรพ์ และผู้แรกเร่มิ คิดจดั ฉาก
เขา้ ใจกนั วา่ คอื สมเด็จเจา้ ฟา้ กรมพระยา
นริศรานวุ ัดตวิ งศ์ มกี ารเขยี นบทโดย
แบง่ เป็นฉาก เปน็ องคก์ ารประดิษฐ์
สร้างสรรคข์ ้นึ ใหเ้ ขา้ กับเหตกุ ารณ์และ
สถานทีใ่ นท้องเรอ่ื ง แต่เรื่องทีใ่ ชส้ าหรบั เลน่
โขนตามทรี่ ้จู กั กันแพร่หลายมากจนบดั นค้ี ือ
เรือ่ ง รามเกยี รติ์

ความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกบั นาฏศิลปส์ ากล

นาฏศลิ ปส์ ากล คือ นาฏศิลปท์ ีม่ ีพื้นฐานจาก
การแสดงบัลเล่ต์ เปน็ หลักซึง่ เกดิ ขน้ึ ในทวปี
ยุโรปและเผยแพร่พฒั นาไปสู่แถบทวีป
อเมริกา ซึง่ นาฏศลิ ปส์ ากลนี้ มีขอบขา่ ยถึง
การแสดงพ้ืนเมืองของประเทศตา่ งๆด้วยซง่ึ
เปน็ รปู แบบการพฒั นาการศนู ย์นาฏศิลป์
สากลในปจั จบุ ัน

ท่มี าของนาฏศลิ ป์สากล นาฏศิลป์สากล เน้นการเตน้ ซ่ึงเป็นศลิ ปะที่
เกา่ แกท่ ีส่ ดุ แห่งหน่งึ ของโลกพฒั นามาต้งั แต่
สมยั กอ่ นประวัตศิ าสตร์ ในรูปแบบของการ
แสดงความรูส้ กึ และปฏกิ ริ ิยาโต้ตอบ มนุษย์ดึก
ดาบรรพ์แสดงท่าลอ้ เลียนสัตวแ์ ละปรากฏการณ์
ตา่ งๆทางธรรมชาติ กระโดดเป็นจงั หวะเพ่อื เป็น
การเอาใจหรือบวงสรวงบชู าหรอื พลกี รรมตอ่
พลังอาถรรพณข์ องธรรมชาติ การเตน้ ราในสมยั
นั้นมักจะมเี น้อื หาเกยี่ วกับสงครามการตอ่ สู้
หรอื ทุกขผ์ ีปศี าจ

ท่มี าของนาฏศลิ ป์สากล จะกล่าวไดว้ า่ พฒั นาควบคไู่ ปกบั การ
เปล่ียนแปลงอารยธรรมของโลกแม้แต่ในคัมภรี ์
ไบเบลิ ยังมีหลายบทหลายตอน ท่กี ลา่ วถงึ การ
เตน้ รา เชน่ เดยี วกนั อารยธรรมโบราณไดใ้ ช้
การเตน้ ราเป็นสอ่ื แสดงออกของจติ ใจและ
ร่างกายอย่างสมดุล การเต้นราได้กลายมาเปน็
สว่ นสาคญั ในการฉลองการแต่งงาน พิธที าง
ศาสนา กองทพั หรือแมก้ ระทั่งงานศพ เปน็ สิ่งท่ี
ก่อใหเ้ กิดความเปน็ อนั หนง่ึ อันเดยี วกันหรอื เป็น
ศนู ยร์ วมท่สี าคัญของมนุษย์

ประเภทของนาฏศลิ ปส์ ากล

นาฏศลิ ปส์ ากล ท่จี ะกลา่ วถงึ ในทนี่ ้แี บง่
ออกเป็น 3 ประเภท คอื

1. บัลเล่ต์
2. การเตน้ รว่ มสมยั
3. การเตน้ พนื้ เมือง

บัลเล่ต์

บัลเลต่ ์ หรอื ระบาปลายเท้ามีรากฐานมาจาก
ภาษาอิตาเลยี น แตท่ ่ใี ชใ้ นปจั จบุ นั เปน็ ภาษาฝรั่งเศส
สบื เน่ืองมาจากพฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์ทเ่ี ริ่มมขี ึ้น
ในราชสานักอติ าลี มาเจริญเติบโตในประเทศฝรัง่ เศส
ช่วงครสิ ต์ศตวรรษที่ 14-15 เกดิ การแสดงแพร่หลายใน
ราชสานัก มรี ปู แบบเปน็ การแสดงชดุ สัน้ ๆ ซง่ึ
ประกอบด้วยนักร้องและนักเต้น การเคลอ่ื นไหวของ
บลั เลต่ ์

บัลเลต่ ์

ท่าพืน้ ฐานท่าทางมี 5 ท่า ท่าแขนมี 7 ท่า
ทศิ ทางใชท้ ิศทงั้ 8 ทิศการยนื ในมมุ ต่างๆบนเวทีมี 2
ลกั ษณะ คือ หนั หน้าไปหาคนดูและหันหน้าไปหามุม
ท่าศรี ษะมี 5 ลักษณะ คอื ศีรษะต้ังตรง ศรี ษะ เวียน
ศีรษะไปด้านซา้ ยเงยศีรษะ และกม้ ศรี ษะ ประเภทของ
บลั เลต่ ์ แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท
คอื โรแมนติกบลั เล่ต์ คลาสสคิ บัลเลต่ ์ และโมเดริ ์น
บลั เล่ต์

การเตน้ ร่วมสมัย

ศตวรรษที่ 20 ส่วนใหญ่เกดิ ขึ้นในอเมรกิ ามี
เทคนิควธิ ีการเต้นแตกต่างกนั ออกไป แต่ส่วนใหญ่
อาศยั พืน้ ฐานของการเต้นบลั เลต่ ์ ซ่ึงมมี ากมายหมาย
ประเภท จึงนาเสนอในทน่ี ้ี มดี ังนี้
1. คอนเทมโพลารีดานซ์
2. ลลี าศ
3. เต้นแจ๊ส
4. เตน้ แท๊ป

คอนเทมโพลารดี านซ์

เป็นรปู แบบการเต้นสมยั ใหม่ โดยอาศยั พื้นฐาน
จากบลั เลต่ ์ ลดความยากของบลั เลต่ ์ลง ซ่ึงเกิดขึ้นใน
ประเทศสหรัฐอเมริกา ลกั ษณะการเตน้ ประเภทนเ้ี นน้
ลลี า เพลง ความยืดหยุ่น โดยใชน้ กั เตน้ ผู้ออกแบบฉาก
เคร่ืองแตง่ กาย คีตกวมี าเป็นผูส้ ร้างสรรคง์ านให้สมดุล
ในแนวทางของตนเอง มีจังหวะท่าทางแสดงทา่ ท่ี
สะทอ้ นถึงอารมณก์ ารเตน้ รา มีความแตกต่างทางเพศ
คอื ผู้ชายที่เคล่อื นไหวได้อย่างเปดิ เผยมากกว่าผู้หญิง
การแต่งกายแนบเนอื้ หรอื เส้อื ผา้ เรยี บง่าย สว่ นการ
ออกแบบฉากหน่งึ ความเรยี บงา่ ย หรอื บางคร้งั ไม่มีฉาก
ประกอบ มอี ปุ กรณ์การแสดง

ลลี าศ การเตน้ ลลี าส การเต้นรา ทถี่ ือเปน็ กิจกรรม
ทางสงั คมอยา่ งหนึง่ ซ่ึงถือกาเนิดมาตง้ั แต่สมยั
โบราณ โดยในแต่ละประเทศกจ็ ะมีจงั หวะการ
เต้นราของตวั เอง ต่อมาไดม้ ีการรวบรวมการเต้นรา
จากหลายประเทศมาวางรูปแบบให้เปน็ มาตรฐาน
และแบ่งแยกออกเปน็ 2 ประเภท คือ standard
และ Latin American ซ่งึ มีการใช้แพรห่ ลาย
โดยเฉพาะในทวีปยโุ รปและมีการรวมกลุ่มจดั ต้งั
องค์กรข้นึ มา ปัจจบุ ันมศี นู ย์กลางอยทู่ ีป่ ระเทศ
อังกฤษ เยอรมนั และสวิตเซอรแ์ ลนด์ จังหวะ
ลีลาศท่เี ปน็ ทรี่ ู้จักกนั ทว่ั คอื วอลส์ เกิดที่
ออสเตรเลยี แทงโก้ เป็นจงั หวะจากประเทศ
อาร์เจนตนิ า สาหรบั ประเทศไทย คอื ตะลุง

การเต้นแจ๊ส

กลมุ่ ชาวแอฟริกนั อเมริกนั ทไ่ี ดแ้ รงบนั ดาล
ใจมาจากการเต้นพน้ื เมืองของแอฟริกาในชว่ ง
ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 17 และ 18 จนถงึ ปี ค.ศ. 1941
ได้รับการพฒั นาเปน็ รปู แบบของวงดนตรแี ละการ
เตน้ ของคนผวิ ดาในอเมรกิ า และพฒั นาเปน็ การ
เต้นท่ไี ดร้ บั ความนยิ มทั้งคนผิวขาวและดาจน
เผยแพร่ไปสู่ทวปี ยุโรป

การเตน้ แทป็ แดนซ์

เป็นการเตน้ ทเี่ กดิ ขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา
แตพ่ ัฒนาอยา่ งสงู สดุ ทอี่ ังกฤษ ซ่ึงการเตน้ แจ๊ส ใน
อเมริกานั้นน่าจะพฒั นาตามชาวไอรสิ และการเตน้
ในองั กฤษอปุ กรณ์ทสี่ าคัญ คือ รองเท้าท่ตี ิดโลหะที่
เท้า เพอ่ื ใหเ้ กิดเสียงเปน็ จังหวะ รับกับดนตรี

การเต้นพน้ื เมอื ง

ระบาพน้ื เมอื ง เป็นระบาท่มี กี ารร่ายราเหนอื การเตน้ เกย่ี วกบั กิจกรรมตามสภาพแวดลอ้ มภูมิ
ประเทศ วฒั นธรรม ศาสนา ซึ่งสะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วถิ ชี วี ติ ความเป็นอยู่ในกล่มุ
ชนในสังคมเหลา่ นั้น เช่น แสดงออกถึงความศรทั ธาต่อศาสนา อาชพี การเก้ยี วพาราสี เปน็ การ
เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปจั จบุ นั เปน็ ศิลปะการแสดงที่ชาวบา้ นคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ จากแรง
บันดาลใจ ท่าเตน้ ท่าร่ายรา การแต่งกายจึงมีความแตกตา่ งกันไปตามสภาพของกล่มุ ชนในทอ้ งถ่นิ
นนั้ ๆ

การเตน้ พืน้ เมอื ง

ระบาพื้นเมือง เป็นระบาทมี่ ีการร่ายราเหนอื การเตน้ เกย่ี วกับกจิ กรรมตามสภาพแวดล้อมภูมิ
ประเทศ วฒั นธรรม ศาสนา ซ่งึ สะท้อนให้เห็นถงึ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วิถชี ีวติ ความเปน็ อยู่ในกลมุ่
ชนในสงั คมเหลา่ นน้ั เช่น แสดงออกถึงความศรัทธาตอ่ ศาสนา อาชีพ การเกยี้ วพาราสี เป็นการ
เชอ่ื มโยงระหว่างอดีตกับปจั จุบนั เปน็ ศลิ ปะการแสดงทชี่ าวบ้านคดิ ประดษิ ฐส์ ร้างสรรค์ จากแรง
บันดาลใจ ทา่ เตน้ ท่าร่ายรา การแต่งกายจึงมคี วามแตกตา่ งกนั ไปตามสภาพของกลมุ่ ชนในทอ้ งถิน่
นัน้ ๆ รวมกนั ทง้ั ฝ่ายชายและฝา่ ยหญิง หรอื อาจเป็นหญิงล้วนหรอื ชายลว้ น ใช้เคร่ืองดนตรพี น้ื เมืองทีม่ ี
จังหวะชัดเจน ทานองง่ายๆ เพ่อื ความพอเพียง ในการเตน้ รา บทร้องอาจจะมหี รือไม่มีก็ได้ เครอ่ื ง
ประกอบจังหวะใชก้ ารตบหรืออุปกรณท์ ่หี าไดง้ ่ายในทอ้ งถิน่ การเลน่ หรอื การแสดงตามฤดูกาลในโอกาส
ต่างๆ เนน้ ท่กี ารเดินเร่ืองสนกุ สนาน เชน่ การแสดงพืน้ เมอื งประเทศโปแลนด์

การเตน้ พนื้ เมอื ง

ประเทศที่อย่ใู นทวปี ยุโรปตะวนั ออก การแตง่ กายด้วยโทนสีขาว ดา แดง นกั แสดงหญงิ จะแตง่
กาย สวมเส้อื เช้ติ แขนสามส่วน ปลายบาน ตรงปลายมลี ายฉลุ เด็กนอ้ ย สวมเส้ือกกั๊ ดา ปกลายสสี ดใส
กระโปรงบานพองสีดา มลี ายปกั และมีผ้ากนั เปอื้ นลายทางสแี ดง มผี า้ คลมุ ผม สวมรองเท้าบูท ฝ่าย
ชายสวมเส้อื เชติ้ สีขาว และสวมเสือ้ ดาปักลาย ใสก่ างเกงลายทางสเี ขียวแดง ใสร่ องเท้าบูท บางคนก็
สวมหมวก การเตน้ จะเตน้ เปน็ วงกลมโดยทา่ แรก เปน็ การจับมอื กันโยกไปด้านหน้า และเต้นเข้า
จังหวะ และเดนิ แยกค่อู อกจากกันด้วย จังหวะการเต้นมกี ารกระโดดและกระทบื เปน็ ดนตรกี จ็ ะเป็นการ
บรรเลงสด ประกอบดว้ ยกลุ่มเครอ่ื งสายเปน็ หลักและมีกล่มุ เครือ่ งเปา่ ลมไม้อยู่ 2 ชิ้น

สนุ ทรียภาพด้านนาฏศิลปแ์ ละการละคร

เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจเกิดวิจารณญาณในการเขา้ ชม รวมถึงการเข้าถงึ คุณคา่ ของนาฏศลิ ปแ์ ละการละคร
และเกิดสุนทรยี ภาพต่อชวี ติ จึงควรศกึ ษาสว่ นตา่ งๆ ตอ่ ไปน้ี

1. การรบั รสู้ ุนทรียภาพด้านนาฏศิลปแ์ ละการละคร สามารถจาแนกได้ดังน้ี
1.1 ระดบั อารมณ์เชอ่ื กนั ว่าละครหรอื การแสดงทุกรปู แบบมจี ุดม่งุ หมายที่จะใหค้ วามบนั เทิง

แกม่ นษุ ย์ ผชู้ มส่วนใหญ่ต้องการไปดูละครหรอื การแสดงเพือ่ ผอ่ นคลายความตงึ เครียด เป็นการ
พักผอ่ นหย่อนใจ

สุนทรยี ภาพด้านนาฏศิลปแ์ ละการละคร

1.2 ระดับสมอง นอกจากการตอบสนองทางอารมณ์แล้วแตล่ ะครหรือการแสดงอาจทาหนา้ ท่ี
เป็นอาหารสมองใหก้ บั ผู้ชมเพื่อไดข้ อ้ คดิ และใชส้ ติปญั ญาได้อกี ด้วย การรับรู้ในระดบั สมองนี้เรียกไดว้ า่
เปน็ การทาใหผ้ ู้ชมไดเ้ จรญิ สติปญั ญาไปพร้อมๆกัน

1.3 ระดบั จิตใจ จุดมุ่งหมายขั้นทสี่ งู ที่สดุ ของละคร คอื การให้คณุ คา่ แก่จติ ใจหรือจติ วิญญาณ
ของมนษุ ย์ กลา่ วคอื ละครหรอื การแสดงอาจทาใหม้ นุษยไ์ ดเ้ ปดิ ตาสว่างเขา้ ใจโลกและธรรมชาติ เรา
กลบั ได้ชาระลา้ งจิตวิญญาณให้สะอาดบริสุทธไิ์ ดเ้ ช่นกนั และการรบั รู้ในรักสุดทา้ ยนีเ้ รียกอกี อยา่ งหน่ึงก็
คือ นาพาจติ วิญญาณใหก้ บั ผู้ชมซง่ึ เป็นระดบั ของการรับรู้ในข้นั สูงสดุ นน่ั เอง

องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์

อง์ประกอบของนาฏศลิ ป์ เปน็ ลกั ษณะพน้ื ฐานในการจดั การเคลอื่ นไหวและจดั การแสดงใน
นาฏศลิ ป์ โดยมกี ารวิเคราะห์ จากหลกั การทางทัศนศิลป์ ดนตรี และศาสตร์การเคลอ่ื นไหว โดยมี
หลกั การความสมดุล สดั สว่ นและขนาด พลัง ท่าเตน้ ทา่ รา การเคลอื่ นไหวรูปแบบการใชพ้ นื้ ทว่ี า่ ง
ระยะสนุ ทรี พืน้ ผิว สี กฎธรรมชาตแิ ละความเป็นเอกภาพ ซึ่งนาไปวเิ คราะห์ไดท้ ง้ั องคป์ ระกอบ
นาฏศลิ ปไ์ ทยและสากล

หลักในการชมนาฏศลิ ป์เพอ่ื ใหเ้ กิดสุนทรยี ภาพ

1. เขา้ ใจเกีย่ วกบั ท่าราของนาฏศิลปไ์ ทย ทีใ่ ช้สื่อ
ความหมายใหผ้ ู้ชมเข้าใจถึงกริยาอาการ ความรูส้ กึ และ
อารมณ์ของผู้แสดง มที ่าราตามธรรมชาตแิ ละทา่ ราท่ี
ประดษิ ฐอ์ ย่างประณีต ออ่ นช้อย สวยงามและ
นาฏศลิ ป์ไทย จะใช้ทา่ ราเปน็ ภาษาท่ีใช้ในการถ่ายทอด
เรื่องราวถา้ เข้าใจเรื่องเหลา่ น้ีจะทาให้การเขา้ ชมการ
แสดงเกดิ ความซาบซ้งึ น้ันได้อรรถรส

หลักในการชมนาฏศลิ ปเ์ พอ่ื ให้เกดิ สุนทรยี ภาพ

2. เข้าใจในบทเพลงหรอื คารอ้ งของบทเพลงตา่ งๆ
เพลงทีร่ ้องประกอบดว้ ยคาร้อง หรอื เน้ือร้องส่วนมาก
เป็นคาประพนั ธ์ประเภทกลอนแปดหรอื กลอนสภุ าพ
เปน็ คาร้องท่ีแตง่ ขน้ึ ใช้กบั เพลงนานๆ โดยเฉพาะหรือ
นามาจากวรรณคดีไทยตอนใดตอนหนงึ่ กไ็ ดผ้ ชู้ ม
จะต้องฟังภาษาท่ีใชร้ อ้ งใหเ้ ขา้ ใจ ควบคูก่ ับการชมการ
แสดงดว้ ยจงึ จะเข้าใจเรือ่ งราวทแี่ สดงอยู่

หลกั ในการชมนาฏศลิ ปเ์ พ่อื ใหเ้ กดิ สุนทรยี ภาพ

3. เข้าใจเกยี่ วกับดนตรีและเพลงต่างๆการแสดง
นาฏศิลป์ จาเปน็ ตอ้ งใช้ดนตรบี รรเลงประกอบขณะ
แสดงผชู้ มจะต้องเขา้ ใจถึงลีลาทานองสาเนยี งเพลง
จังหวะ ประเภทของเพลงและอารมณข์ องเพลงที่
บรรเลงประกอบการแสดงด้วย จงึ จะทาให้เกดิ ความ
ไพเราะ ร้สู กึ ซาบซ้งึ และรู้สกึ อ่มิ อกอม่ิ ใจ เพ่ือทาให้การ
เข้าชมนาฏศิลป์ไดเ้ ขา้ ใจและได้อรรถรสของการแสดง
อย่างสมบรู ณ์

หลกั ในการชมนาฏศิลป์เพอื่ ใหเ้ กิดสนุ ทรยี ภาพ

4. เขา้ ใจเกย่ี วกับเคร่อื งแตง่ กาย และแต่งหนา้
ของผแู้ สดงเพราะการแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทย มีลักษณะการ
แต่งกายทห่ี ลากหลาย ผู้ชมคนมคี วามรู้ ความเข้าใจ จะ
ช่วยทาให้การชมการแสดงเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึง้

หลกั ในการชมนาฏศิลปเ์ พ่อื ให้เกดิ สนุ ทรียภาพ

5. เข้าใจเกี่ยวกบั การออกแบบฉาก การใช้
แสงและเสยี งซึง่ จะมอี ุปกรณฉ์ าก แสง เสียง
ประกอบการแสดงเพอ่ื ให้การแสดงมีความสมจรงิ
ช่วยสรา้ งบรรยากาศให้กบั การแสดง ถา้ เขา้ ใจเร่ือง
เหล่าน้ีจะทาใหก้ ารเข้าชมการแสดงเกิดความสนใจ
ตลอดเวลาทช่ี มการแสดง

หลกั ในการชมนาฏศลิ ปเ์ พ่อื ให้เกิดสนุ ทรยี ภาพ

6. เขา้ ใจเกี่ยวกับบทบาทและฐานะของตัวแสดง
เชน่ พระเอก นางเอก พระรอง นางรอง ตัวตลก ผรู้ า้ ย

7. เขา้ ใจเก่ียวกับลักษณะของการแสดงนาฏศลิ ป์
ไทย เช่นแสดงละครดกึ ดาบรรพ์ โขน จะมลี กั ษณะการ
แสดงทเ่ี ป็นแบบแผนและมขี นบธรรมเนยี มในการแสดง
ที่เคร่งครดั และมีความปราณีตในการรา่ ยราอยา่ งมาก

หลกั ในการชมนาฏศิลปเ์ พ่อื ให้เกดิ สนุ ทรียภาพ

8. เข้าใจเกี่ยวกับเรอ่ื งราวของการแสดง ผชู้ ม
จะตอ้ งตดิ ตามการแสดงให้ตอ่ เนือ่ งกนั ถึงจะเข้าใจถึง
เรอ่ื งราวต่างๆ วา่ ใครทาอะไร ที่ไหน อย่างไร

9. มอี ารมณร์ ่วมกบั การแสดงแคส่ นุกสนาน เฮฮา
โศกเศรา้ เสียใจ

10. มีมารยาทในการชม การแสดงแง่คดิ คุณคา่
เกิดความซาบซึง้ แล้วไดอ้ รรถรส

หลักในการชมนาฏศิลปเ์ พือ่ ให้เกดิ สุนทรยี ภาพ

11. เขา้ ชมการแสดงควรแต่งกายให้ถกู ต้องตามกาลเทศะ ซ่งึ จะเป็นการใหเ้ กยี รตนิ ักแสดง ผ้ชู ม
ทา่ นอ่ืน เป็นการให้เกยี รติและสร้างความมน่ั ใจให้กับตนเอง เมือ่ ต้องเขา้ ไปอย่ใู นบรรยากาศการแสดง
นนั้ ถือเป็นการสง่ เสรมิ แรงใจและความม่ันใจ รูส้ กึ ภูมิใจและชมการแสดงไดอ้ ยา่ งมคี วามสุขและความ
เพลิดเพลนิ ควรแต่งกายสุภาพเรียบรอ้ ย

12. การศึกษาเก่ยี วกับสจู ิบตั รกอ่ นชมการแสดง เพอื่ จะได้ชมการแสดงอย่างเขา้ ใจตงั้ แตต่ น้ จนจบ
ถ้าไม่มสี ูติบัตร ควรตั้งใจฟังกอ่ นบรรยายถึงเรอื่ งราวต่างๆ ท่ีเก่ยี วกบั การแสดง

13. การไปถงึ สถานที่แสดงควรไปถึงกอ่ นเวลาการแสดง เพื่อท่จี ะไดเ้ ตรียมตวั ใหพ้ รอ้ ม มเี วลา
เหลอื สาหรับทาธุระสว่ นตวั

14. ควรงดใชเ้ สียง ควรปิดโทรศพั ท์

บทสรุป

สนุ ทรยี ศาสตร์ ด้านนาฏศลิ ปแ์ ละการละคร เป็นเรอื่ งของความเขา้ ใจในคุณคา่ ของนาฏศลิ ปแ์ ละ
การละครที่จะสง่ เสริมใหผ้ นู้ ้ันสมั ผัสไดถ้ งึ อารมณ์ ความรสู้ กึ ทางจติ ใจ ตลอดจนมคี วามเข้าใจในพน้ื ฐาน
ของนาฏศิลป์ และการละคร อนั จะส่งผลต่อยอดไปถงึ การเสริมสร้างความมสี นุ ทรียภาพในการดาเนนิ ชวี ิ
ตอ่ ไป ความซาบซึง้ ด้านนาฏศิลปแ์ ละการละคร มีหลายระดบั ถ้าผู้ชมการแสดงมีความเขา้ ใจและมกี าร
สนองตอบต่อนาฏศลิ ป์และการละครอย่างแทจ้ ริง ดงั นนั้ การซาบซ้งึ สามารถพฒั นาไดโ้ ดยทีผ่ ้นู น้ั มีโอกาส
ไดศ้ กึ ษาทาความเข้าใจกบั นาฏศลิ ป์ องคป์ ระกอบของการแสดง มีโอกาสได้เขา้ ชมหรือมีประสบการณ์
ด้านนาฏศลิ ปแ์ ละการละคร เพอ่ื ให้เกิดการสนองตอบทาความรสู้ ึกซงึ่ ย่ิงมีโอกาสสมั ผสั ดา้ นนาฏศลิ ป์และ
การละครมากเท่าไหร่ ความซาบซึง้ ดา้ นนาฏศิลป์และการละครกจ็ ะมากข้ึนเร่อื ยๆ

ขอบคณุ !


Click to View FlipBook Version