คำ นำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชวิา 946-412 Seminar in Accounting จัดทำ ขึ้นเพื่อประกอบการศึกษาของผู้ที่ต้องการจะศึกษา โดยเนื้อหาในหนังสือเล่ม นี้จะเกี่ยวกับ Financial Accounting เรื่อรื่งมาตรฐานรายงานทางการเงินของไทยหรือรื TFRS มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ศึกษาทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานรายงานทางการ เงินของไทยของปีปัจจุบันและอนาคต มีทั้งหมดกี่ฉบับ เพื่อให้ผู้ศึกษานำ ข้อมูลที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าว้นี้ไปใช้ประกอบการศึกษาและการทำ งานต่อไป หากมีข้อผิดพลาดประการใดผู้จัดทำ ใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัดทำ
เนื้อหา เรื่อรื่ง มาตรฐานการรายงานทางการเงิน สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 32 สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 37 สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 41 สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 1 สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 3 สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 แนวปฏิบัติทางการบัญชี สรุปประเด็นสำ คัญร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการ เปิดเผยด้านความยั่งยืนฉบับที่ 1 (TFRS1) สรุปประเด็นสำ คัญร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการ เปิดเผยด้านความยั่งยืนฉบับที่ 2 (TFRS2)
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน (Thai Financial Reporting Standards) TFRS คือ มาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย ย่อมาจาก Thai Financial Reporting Standards และมีเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ขององค์กรมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่ง ประเทศ (IFRS ® Foundation) ซึ่งมีการสงวนลิขสิทธิ์ ออกโดยสภาวิชวิาชีพบัญชีมีไว้เว้พื่อนำ มาถือปฏิบัติ ในราชอาณาจักรประเทศไทยเท่านั้น และไม่ได้มีการจัดทำ หรือรือนุมัติโดยคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชี ระหว่าว่งประเทศ (คณะกรรมการ IASB) มาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย ถือว่าว่เป็นภาษาทางธุรกิจและแนวทางการดำ เนินธุรกิจที่ ช่วยสื่อสารและรวบรวมธุรกรรมที่เกิดขึ้นประจำ วันวัออกมาเป็นรูปแบบงบการเงินที่อ่านและเข้าใจง่ายแก่นัก ลงทุน ตลอดจนผู้ใช้รายงานทางการเงินกลุ่มอื่น ๆ ทิศทางของมาตรฐานการรายงานทางการเงินไทย ปัจจุบันมาตรฐานการรายงานทางการเงินของ ไทยนั้นจัดทำ ขึ้นตามเกณฑ์ที่กำ หนดขึ้นโดยมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศ ซึ่งมาตรฐาน การรายงานทางการเงินของไทยนั้น จะมีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปีนับจากวันวัที่ถือปฏิบัติของมาตรฐานการ รายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศ (IFRS) มาตรฐานการรายงานทางการเงินที่ผู้ถือปฏิบัติจะต้องนำ ไปใช้สำ หรับการจัดทำ รายงานทางการเงิน ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน (ฉบับปรับปรุง): เป็นมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่เป็นไป ตามเกณฑ์ที่กำ หนดขึ้นโดยมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศ (IFRS) มาตรฐานการบัญชีไทย: เป็นมาตรฐานการบัญชีที่ใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น โดยหลักการของ มาตรฐานนั้นอ้างอิงจากหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไปของประเทศอื่น แนวปฏิบัติทางการบัญชี: เป็นแนวปฏิบัติที่ออกมาใช้เฉพาะในประเทศไทย เนื่องจากมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินหรือรืมาตรฐานการบัญชีไม่ได้มีหลักการหรือรืแนวทางปฏิบัติกำ หนดไว้ TFRS for NPAEs และ TFRS for PAEs NAPEs NPAEs ย่อมาจาก Non-Publicly Accountable Entities หมายถึงกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะ TFRs for NPAEsย่อมาจาก Thai Financial Reporting Standards for NonPublicly Accountable Entities หมายถึง มาตรฐานการรายงานทางการเงินสาหรับกิจการที่ไม่มีส่วน ได้เสียสาธารณะ PAEs ย่อมาจาก Publicly Accountable Entities หมายถึง กิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ และ TFRs for PAEs ย่อมาจาก Thai Financial Reporting Standards for Publicly Accountable Entities หมายถึง มาตรฐานการรายงานทางการเงินสาหรับกิจการที่มีส่วนได้เสีย สาธารณะ หรือรืมาตรฐานการ รายงานทางเงินของไทย (TFRSs)
ความเป็นมาของ NPAEs การบัญชีเริ่มริ่ถือกาเนิดในประเทศไทยเมื่อ 74 ปีก่อน (พ.ศ.2481-2555) แบ่งออกได้เป็น 4 ช่วง เวลา คือ 1. หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป (Generally Accepted Accounting Principles : GAAP) ใช้เมื่อปี พ.ศ. 2481-2521 ซึ่งมาจากหลักการบัญชีของประเทศสหราชอาณาจักรอังกฤษและสหรัฐอเมริกริา 2. มาตรฐานการบัญชี (Accounting Standards : AS) ใช้เมื่อปี พ.ศ.2522-2551 ซึ่งกาหนด โดยสมาคม นักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย (ส.บช.) (พ.ศ.2491-2548) และสภา วิชวิาชีพบัญชี ใน พระบรมราชูปถัมภ์ (พ.ศ.2548-ปัจจุบัน) 3.มาตรฐานการรายงานทางการเงิน (Financial ReportingStandards : FRS) ใช้เมื่อ ปีพ.ศ.2552- 2553 ประเทศไทย ในช่วงเวลาดังกล่าวใช้ FRS โดยสภาวิชวิาชีพบัญชีฯออกมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน อ้างอิงมาจากมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินระหว่าว่งประเทศ ซึ่งออกโดย IASB ยังคงยึดหลักการเดิม “One size fits all” 4. มาตรฐานการรายงานทางการเงิน 2 ชุด (Two Financial Reporting Standards: 2 FRS)TFRS forNPAEs กล่าวถึงเหตุผลของการแยก TFRS for NPAEsออกมาจาก TFRS for PAEsในย่อหน้าที่ 1 กาหนดไว้ดัว้ ดังนี้ ประเทศไทยมีมาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย (Thai Financial Reporting Standards- TFRSs) ชุดเดียว ที่อ้างอิงจากมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศ (International Financial Reporting Standards –IFRSs)เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ดังกล่าวใช้กับนิติบุคคลที่มีหน้าที่จัดทำ บัญชี ตามพระราชบัญญัติการ บัญชี พ.ศ.2543 ไม่ว่าว่จะเป็นบริษัริษัท จดทะเบียนที่มีหุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือรืนิติบุคคลทั่วไปที่อยู่ นอกตลาดหลักทรัพย์ แต่โดยที่ มาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศมีวัตวัถุประสงค์เพื่อใช้สา หรับกิจการที่มีส่วนได้เสีย สาธารณะและมีความยุ่งยากซับซ้อนจากการใช้แนวคิดมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) เป็นหลัก ในการจัดทารายงานทางการเงิน ซึ่งเป็นภาระและก่อให้เกิดต้นทุนในการจัดทำ รายงาน การเงินของกิจการ ที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะที่ส่วนใหญ่เป็นกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก จากการที่ประเทศไทยมี TFRS เพียงชุดเดียวที่ใช้กับ PAEs และNPAEs ทำ ให้NPAEs มีภาระ ต้นทุนในการจัดทำ รายงานทางการเงินสูงกว่าว่ ประโยชน์ที่จะได้รับ เนื่องจากความยุ่งยากซับซ้อน TFRS การใช้แนวคิดมูลค่ายุติธรรม(Fair Value)ซึ่งหาข้อมูลดังกล่าวได้ยากเป็นเหตุให้สภาวิชวิาชีพบัญชีฯเกิด แนวคิดในการพัฒนา TFRS for NPAEs โดยเฉพาะ ในปี พ.ศ.2554 สภาวิชวิาชีพบัญชีฯ ได้กำ หนดมาตรฐานการรายงานทางการเงินสาหรับกิจการที่ไม่ มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for NPAEs) ขึ้นมาชุดหนึ่งเรียรีกว่าว่ “ชุดเล็ก” และมาตรฐานการรายงาน ทาง การเงินเดิมใช้สาหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for PAEs) เรียรีกว่าว่ “ชุดใหญ่”ดังนั้น ตั้งแต่วันวัที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะมีมาตรฐานการรายงานทางการเงิน 2 ชุด คือ ชุดใหญ่และชุดเล็ก
สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับที่ 16 เรื่อรื่ง ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ขอบเขต 1. มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ต้องถือปฏิบัติกับการบัญชีสำ หรับที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ยกเว้นว้ 1.1 ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ที่จัดเป็นประเภทถือไว้เว้พื่อขายตามที่กำ หนดไว้ใว้นมาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 5 เรื่อรื่ง สินทรัพย์ไม่หมุนเวียวีนที่ถือไว้เว้พื่อขายและการดำ เนินงานที่ยกเลิก 1.2 สินทรัพย์ชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเกษตรนอกเหนือจากพืชเพื่อการให้ผลิตผล (ดู มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 41 เรื่อรื่ง เกษตรกรรม) มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ให้ถือ ปฏิบัติกับพืชเพื่อการ ให้ผลิตผล 1.3 การรับรู้และวัดวัมูลค่าสินทรัพย์ที่เกิดจากการสำ รวจและการประเมินค่า (ดูมาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 6 เรื่อรื่ง การสำ รวจและประเมินค่าแหล่งทรัพยากรแร่ ) หรือรื 1.4 สัมปทาน เหมืองแร่ และแหล่งทรัพยากรแร่ เช่น น้ำ มัน ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากร ธรรมชาติอื่นซึ่งไม่สามารถ ทดแทนได้อย่างไรก็ตาม มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ให้ถือปฏิบัติกับที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ที่ใช้ใน การ พัฒนาหรือรืรักษาสภาพของสินทรัพย์ที่กล่าวไว้ใว้นย่อหน้าที่ 1.2 ถึง 1.4 2. กิจการที่เลือกใช้วิธีวิธีราคาทุนสำ หรับอสังหาริมริทรัพย์เพื่อการลงทุนตามที่กำ หนดในมาตรฐาน การบัญชี ฉบับที่ 40 เรื่อรื่ง อสังหาริมริทรัพย์เพื่อการลงทุน ต้องปฏิบัติตามวิธีวิธีราคาทุนตามที่ ก าหนดไว้ใว้นมาตรฐาน การบัญชีฉบับนี้สำ หรับอสังหาริมริทรัพย์เพื่อการลงทุนที่กิจการเป็นเจ้าของ คำ นิยาม พืชเพื่อการให้ผลิตผล หมายถึง พืชที่มีชีวิตวิซึ่ง : 1)ใช้ในกระบวนการผลิตหรือรืเพื่อจัดหาซึ่งผลิตผลทางการเกษตร 2)คาดว่าว่จะให้ผลิตผลมากกว่าว่หนึ่งรอบระยะเวลาและคู่มืออธิบายมาตรฐานการบัญชีนี้ ไม่ถือเป็นส่วน หนึ่งของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน สภาวิชวิาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ (เผยแพร่ 27 กุมภาพันธ์ 2563) คู่มืออธิบาย TAS 16 หน้า 2 3)มีความเป็นไปได้ที่ยากยิ่งที่จะขายเป็นผลิตผลทางการเกษตร เว้นว้แต่เป็นการขายเศษซากที่เป็น ผลพลอยได้(ย่อหน้าที่ 5ก ถึง 5ข ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 41 เรื่อรื่ง เกษตรกรรม บรรยายอย่าง ละเอียดถึงคำ นิยามของพืชเพื่อการให้ผลิตผล)
ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ หมายถึง สินทรัพย์ที่มีตัวตนซึ่งเข้าเงื่อนไขทุกข้อต่อไปนี้ 1)กิจการมีไว้เว้พื่อใช้ประโยชน์ในการผลิต ในการจำ หน่ายสินค้าหรือรืให้บริกริาร เพื่อให้เช่า หรือรื เพื่อใช้ในการบริหริารงาน 2)กิจการคาดว่าว่จะใช้ประโยชน์มากกว่าว่หนึ่งรอบระยะเวลา ผลกระทบจะเกิดขึ้นต่อกิจการทุกอุตสาหกรรมที่มีสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่าว่งการเตรียรีมความพร้อมและมีการ ผลิตตัวอย่างสินค้าเพื่อทดสอบว่าว่สินทรัพย์นั้นสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมหรือรืไม่ วันวัถือปฏิบัติ : วันวัที่ 1มกราคม 2566 สรุปความเป็นมาปรับรั ปรุงตาม IFRS BV 2022 ปรับปรุงย่อหน้ำ ที่ 17 และ 74 และเพิ่มย่อหน้ำ ที่ 20ก 74ก 80ง และ 81ฑ ส่วนที่ปรับรั ปรุงเพิ่มเติม 17 ต้นทุนในการทดสอบว่าว่สินทรัพย์นั้นสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมหรือรืไม่ (การประเมินการ ใช้งานทางเทคนิคและทางกายภาพของสินทรัพย์ ) 20 ก อาจจะมีการผลิตชิ้นงานในระหว่าว่งการทำ ให้รายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์อยู่ในสถานที่ และสภาพที่พร้อมจะใช้งานได้ตามความประสงค์ของฝ่ายบริหริาร 74 งบกำ รเงินต้องเปิดเผยรายการต่อไปนี้ด้วย 74.1 การมีอยู่และจำ นวนเงินของข้อจำ กัดในกรรมสิทธิ์และที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ที่ใช้เป็น หลักประกันของหนี้สิน 74.2 จำ นวนเงินรายจ่ายที่รับรู้ในมูลค่าตามบัญชีของรายการ ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ที่เกิด ระหว่าว่งการก่อสร้าง 74.3 จำ นวนเงินของภาระผูกพันตามสัญญาเพื่อให้ได้มา ซึ่งที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 74ก หากไม่ได้นำ เสนอแยกจากกันในงบกำ ไรขาดทนุเบ็ดเสร็จงบการเงินต้องเปิดเผยรายการต่อไป นี้ 74ก.1 จำ นวนเงินค่าชดเชยที่ได้รับจากบุคคลที่สาม สำ หรับรายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ที่มีการด้อยค่า สูญหาย หรือรืเลิกใช้ ซึ่งรวมอยู่ในกำ ไรหรือรืขาดทุน 74ก.2 จำ นวนเงินที่ได้รับและต้นทุนที่รวมอยู่นกำ ไรหรือรืขาดทุน ซึ่งเกี่ยวข้องกับชิ้นงานที่ผลิต ที่ไม่ใช้ผลผลิตจากกิจกรรมตามปกติธุรกิจของกิจการ และระบุว่าว่ ได้รวมไว้ใว้นรายการบรรทัดใดบ้างในงบ กำ ไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ 81ฑ ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ – เงินที่ได้รับก่อนพร้อมใช้ตามความประสงค์กิจการต้องถือปฏิบัติ ตามการแก้ไข เพิ่มเติมดังกล่าวสำ หรับรอบระยะเวลารายงานประจำ ปีที่เริ่มริ่เป็นต้นไป (สภาวิชวิาชีพ บัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์,2563) สรุปสาระสำ คัญเรื่อรื่งที่เปลี่ยนแปลง การปรับปรุงดังกล่าวไม่ให้กิจการนำ สิ่งตอบแทนที่จะ ได้รับจากการขายสินค้าที่ผลิตได้ก่อนที่สินทรัพย์จะใช้ได้ ตามประสงค์มาหักจำ กต้นทุนของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ แต่กำ หนดให้กิจการรับรู้สิ่งตอบแทนที่ได้รับจากการขายรายการใด ๆ ดัง กล่าวซึ่งผลิตในระหว่าว่งการเตรียรีมความพร้อมของรายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เพื่อให้อยู่ในสถาน ที่และสภาพที่พร้อมจะใช้งานได้ตามประสงค์ของผู้บริหริาร และต้นทุนของรายการนั้นใน กำ ไรหรือรืขาดทุน
สรุปประเด็นสำ คัญมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 32 เรื่อรื่ง การแสดงรายการเครื่อรื่งมือทางการเงิน มาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 32 กล่าวว่าว่มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ กำ หนดขึ้นโดยมาตรฐานการบัญชีระหว่าว่งประเทศ ฉบับที่ 32 เรื่อรื่งการแสดงรายการเครื่อรื่งมือทางการเงิน ฉบับรวมเล่มปี 2565(IAS 32: FinanciaInstruments: Presentation(Bound volume 2022 Consolidated without early application) ลักษณะสำ คัญของมาตรฐานการรายงานการเงิน ขอบเขต ขอบเขตของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 ได้รับการปรับปรุงให้มีความสอดคล้องอย่าง เหมาะสมกับ ขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อรื่ง เครื่อรื่งมือทางการเงิน หลักการ โดยสรุป การที่ผู้ออกจะพิจารณาว่าว่เครื่อรื่งมือทางการเงินนั้นเป็นหนี้สินทางการเงินหรือรืตราสารทุน เครื่อรื่งมือทางการเงินดังกล่าวจะถือเป็นตราสารทุนก็ต่อเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง (1) และ (2) เท่านั้น (1)เครื่อรื่งมือทางการเงินนั้นไม่มีภาระผูกพันตามสัญญา (1.1) ในการส่งมอบเงินสดหรือรืสินทรัพย์ทางการเงินอื่นให้กับกิจการอื่น (1.2) ในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินหรือรืหนี้สินทางการเงินกับกิจการ อื่นภายใต้เงื่อนไข ที่อาจทำ ให้ผู้ออกเสียประโยชน์ (2) หากกิจการจะชำ ระหรือรือาจจะชำ ระเครื่อรื่งมือทางการเงินดังกล่าวด้วยตราสารทุนที่กิจการเป็นผู้ออก นั้น เครื่อรื่งมือทางการเงินดังกล่าวถือเป็น (2.1) รายการที่ไม่ใช่อนุพันธ์ซึ่งผู้ออกไม่มีภาระผูกพันตามสัญญาในการส่งมอบตราสารทุนของ ผู้ออกเองในจำ นวนหุ้นที่ผันแปรหรือรื (2.2) อนุพันธ์ที่ผู้ออกจะชำ ระโดยการแลกเปลี่ยนระหว่าว่งเงินสดหรือรืสินทรัพย์ทางการเงินที่มี จำ นวนเงินคงที่กับตราสารทุนของกิจการเองในจำ นวนหุ้นที่คงที่ในการออกตราสารทุนเพื่อวัตวัถุประสงค์นี้ ตราสารทุนที่กิจการ เป็นผู้ออกนั้นไม่รวมถึงเครื่อรื่งมือทางการเงินที่มีข้อตกลงตามสัญญา ที่จะได้รับหรือรืส่ง มอบตราสารทุนของผู้ออกในอนาคตสภาวิชวิาชีพบัญชีสรุปว่าว่มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 เรื่อรื่ง การแสดง รายการเครื่อรื่งมือทางการเงินใช้แทนมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 107 (ปรับปรุง 2559) เรื่อรื่ง การแสดง รายการและการเปิดเผยข้อมูลเครื่อรื่งมือทางการเงินมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ให้ถือปฏิบัติกับงบการเงิน สำ หรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มริ่ต้นในหรือรืหลังวันวัที่ 1 มกราคม 2563 อย่างไรก็ตาม หากกิจการใดจะถือ ปฏิบัติก่อนวันวัที่มีผลบังคับใช้ก็สามารถกระทำ ได้ นอกจากนี้เมื่อกิจการผู้ออกเครื่อรื่งมือทางการเงินมีภาระผูกพันตามสัญญาในการซื้อหุ้นของ กิจการเองโดยใช้เงินสดหรือรืสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ ถือว่าว่กิจการมีภาระหนี้สินตามจำ นวนเงินที่ผู้ออก เครื่อรื่งมือทางการเงินมีภาระผูกพันที่จะต้องชำ ระ (จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล,2561)
วันวัถือปฏิบัติ : วันวัที่ 1 มกราคม 2566 สรุปสาระสำ คัญเรื่อรื่งที่เปลี่ยนแปลง : ตัดปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลงที่เป็นทางเลือกสำ หรับประเทศไทยออก สรุปการปรับรั ปรุง : ปรับปรุงย่อหน้าที่ 97 โดยตัดการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลงที่เป็นทางเลือกสำ หรับประเทศไทยออก ผลกระทบ : ไม่มีผลกระทบ (สภาวิชวิาชีพ,2561,น.2-3) รายละเอียดสาระสำ คัญเรื่อรื่งที่เพิ่มเติม มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ต้องถือปฏิบัติโดยปรับย้อนหลัง ทั้งนี้สำ หรับการถือปฏิบัติสำ หรับงบการเงิน ประจำ ปีที่เริ่มริ่ในปี 2563 กิจการอาจจะเลือกปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้โดย พิจารณาตามข้อกำ หนดของมาตรฐานฉบับนี้ และผลกระทบสะสมที่เกิดจากการปฏิบัติตามมาตรฐาน รายงานทางเงินฉบับนี้เป็นครั้งแรก เป็นรายการปรับปรุงกับกำ ไรสะสมหรือรืองค์ประกอบอื่นของส่วนของผู้ ถือหุ้น (ตามความเหมาะสม) ณ วันวัแรกที่มีการถือปฏิบัติตามมาตรฐาน ทั้งนี้ให้เปิดเผยข้อเท็จจริงริดังกล่าว
สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 37 เรื่อรื่งประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น โดยปรับรั ปรุงตาม IFRS BV 2022 วันวัถือปฏิบัติ : วันวัที่ 1 มกราคม 2566 สภาวิชวิาชีพได้กล่าวไว้ว่ว้าว่มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้มีวัตวัถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าว่กิจการนำ เกณฑ์การ รับรู้รายการและการวัดวัมูลค่ามาปฏิบัติกับประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้นและสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น อย่างเหมาะสม และมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการดังกล่าวในหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างเพียง พอ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งบการเงิน เข้าใจถึงลักษณะ จังหวะเวลา และจำ นวนที่แสดงอยู่ในงบการเงินนั้น การรับรัรู้รรู้ายการ ประมาณการหนี้สินประมาณการหนี้สินจะต้องรับรู้ก็ต่อเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อดังต่อไปนี้ 1.กิจการมีภาระผูกพันธ์ในปัจจุบันซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์ในอดีตไม่ว่าว่ภาระผูกพันนั้นจะเป็นภาระผูกพันธ์ตา มกฏหมายหรือรืภาระผูกพันธ์จากการอนุมาน 2.มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจต่อกิจการเพื่อจ่ายชำ ระ ภาระผูกพันดังกล่าวและสามารถประมาณจำ นวนของภาระผูกพันธ์ได้อย่างน่าเชื่อถือ มาตรฐานการรายงานทางการเงินได้กล่าวไว้ว่ว้าว่ภาระผูกพันในปัจจุบันในกรณีที่ยากยิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีความ ไม่ชัดเจนว่าว่กิจการมีภาระผูกพันในปัจจุบัน ณ วันวัสิ้นรอบระยะเวลารายงานหรือรืไม่ให้กิจการ พิจารณาจาก หลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ หากหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าว่เหตุการณ์ในอดีต น่าจะมีผลทำ ให้กิจการมีภาระ ผูกพันในปัจจุบันอยู่ ณ วันวัสิ้นรอบระยะเวลารายงานมากกว่าว่ที่ไม่น่าจะมีอยู่ การเปลี่ยนแปลงประมาณการหนี้สิน 1.กิจการต้องทบทวนประมาณการหนี้สิน ณ วันวัสิ้นรอบระยะเวลารายงานและปรับปรุงประมาณการหนี้สินดัง กล่าวเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประมาณการที่ดีที่สุดในปัจจุบันกิจการต้องกลับ บัญชีประมาณการ หนี้สินหากไม่มี ความน่าจะเป็นที่กิจการจะสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจเพื่อ จ่ายชำ ระภาระผูกพันอีกต่อไป 2.หากกิจการมีการคิดลดกระแสเงินสดที่เกี่ยวกับประมาณการหนี้สินมูลค่าตามบัญชีของประมาณการหนี้สินจะ เพิ่มขึ้นในแต่ละงวดตามเวลาที่ผ่านไปกิจการต้องรับรู้การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นต้นทุนการกู้ยืม 1.กิจการต้องรับรู้ประมาณการหนี้สินสำ หรับภาระผูกพันในปัจจุบันที่พิจารณาว่าว่เป็นไปตามเกณฑ์ การรับรู้ แล้วเห็นว่าว่น่าจะมีอยู่มากกว่าว่ ไม่น่าจะมีอยู่นะวันวัสิ้นรอบระยะเวลารายงานหากภาระผูกพันดังกล่าวเป็นไปตาม เกณฑ์ การรับรู้รายการ 2.กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นสำ หรับภาระผูกพันที่พิจารณาแล้วเห็นว่าว่ ไม่น่าจะมี อยู่ มากกว่าว่น่าจะมีอยู่นะวันวัสิ้นรอบระยะเวลารายงานเว้นว้แต่กรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่าว่ความน่าจะเป็นที่กิจการ จะสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจเพื่อจ่ายชำ ระภาระผูกพันนั้นอยู่ในระดับที่ ไม่น่าจะเป็นไปได้
สรุปประเด็นสำ คัญมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 41 เรื่อรื่ง เกษตรกรรม เพิ่มข้อความในส่วนเนื้อหาเล็กน้อย มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 41 กล่าวว่า มาตรฐานการบัญชี ฉบับนี้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำ หนดขึ้นโดยมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศฉบับที่ 41 เรื่อรื่ง เกษตรกรรม ฉบับรวมเล่มปี 2565 (IAS 41: Agriculture (Bound volume 2022 Consolidated without early application)) วัตวัถุประสงค์ มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้มีวัตวัถุประสงค์เพื่อกำ หนดวิธีวิธีปฏิบัติทางบัญชีและการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับกิจกรรมทางเกษตร ขอบเขต มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ต้องถือปฏิบัติกับการบันทึกบัญชีของรายการต่อไปนี้ เมื่อรายการดังกล่าว เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเกษตร 1.สินทรัพย์ชีวภาพ เว้นว้แต่พืชเพื่อการให้ผลิตผล 2. ผลิตผลทางการเกษตร ณ จุดเก็บเกี่ยว 3.เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ตามที่กล่าวในย่อหน้าที่ 34 และ 35 มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ไม่ถือปฏิบัติ 1.ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเกษตร (ดูมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 16 เรื่อรื่ง ที่ดิน อาคารและ อุปกรณ์ และมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 40 เรื่อรื่งอสังหาริมริทรัพย์เพื่อการลงทุน) 2.เพื่อการให้ผลิตผลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเกษตร (ดูมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 16) อย่างไรก็ตาม มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ ให้ถือปฏิบัติกับผลิตผลที่เจริญริเติบโตจากพืชเพื่อการให้ผลิตผลดังกล่าว 3.เงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับพืชเพื่อการให้ผลิตผล (ดูมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 20 เรื่อรื่ง การบัญชีสำ หรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลและการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับความช่วยเหลือจากรัฐบาล) 4.สินทรัพย์ไม่มีตัวตนซึ่งเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเกษตร (ดูมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 38 เรื่อรื่ง สินทรัพย์ไม่มีตัวตน) 5.สินทรัพย์สิทธิการใช้ที่เกิดจากสัญญาเช่าที่ดินที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเกษตร (ดูมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อรื่งสัญญาเช่า) มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ให้ถือปฏิบัติกับผลิตผลทางการเกษตรซึ่งเป็นเดือนนี้แต่ผลที่เก็บเกี่ยวจาก สินทรัพย์ชีวภาพของกิจการ ณ จุดเก็บเกี่ยว หลังจากเวลานั้นให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 2 เรื่อรื่งสินค้าคงเหลือ หรือรืมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับอื่นที่เกี่ยวข้อง มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้จึงไม่ ถือปฏิบัติกับกระบวนการแปรรูปภายหลังการเก็บเกี่ยวผลิตผลทางการเกษตร
คำ นิยาม คำ นิยามเกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม คำ ศัพท์ที่ใช้ในมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้มีความหมายโดยเฉพาะ ดังนี้ กิจกรรมทางการเกษตร หมายถึง การบริหริารการเปลี่ยนรูปเชิงชีวภาพและการ เก็บเกี่ยวของสินทรัพย์ ชีวภาพเพื่อการขายหรือรืเพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นผลิตผลทางการเกษตรหรือรืเพื่อเพิ่มจำ นวนสินทรัพย์ชีวภาพ ผลิตผลทางการเกษตร หมายถึง ผลิตผลที่เก็บเกี่ยวได้จากสินทรัพย์ชีวภาพของกิจการ พืชเพื่อการให้ผลิตผล หมายถึง พืชที่มีชีวิตวิ 1 ใช้ในกระบวนการผลิตหรือรืเพื่อจัดหาซึ่งผลิตผลทางการเกษตร 2 คาดว่าว่จะให้ผลิตผลมากกว่าว่หนึ่งรอบระยะเวลา 3 มีความเป็นไปได้ที่ยากยิ่งที่จะขายเป็นผลิตผลทางการเกษตร เว้นว้แต่เป็นการขายเศษซากที่เป็น ผลพลอยได้ สินทรัพย์ชีวภาพ หมายถึง สัตว์หว์รือรืพืชที่มีชีวิตวิ การเปลี่ยนรูปเชิงชีวภาพ หมายถึง กระบวนการซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพหรือรื ปริมริาณของสินทรัพย์ชีวภาพประกอบด้วยการเจริญริเติบโต การเสื่อมถอยการให้ผลิตผล และการขยายพันธุ์ ต้นทุนในการขาย หมายถึง ต้นทุนส่วนเพิ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการจำ หน่ายสินทรัพย์ โดยไม่รวมถึง ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ กลุ่มของสินทรัพย์ชีวภาพ หมายถึง การรวมกลุ่มของสัตว์หว์รือรืพืชที่มีชีวิตวิที่คล้ายคลึงกันเป็นกลุ่มเดียวกัน การเก็บเกี่ยว หมายถึง การแยกผลิตผลออกจากสินทรัพย์ชีวภาพหรือรืการยุติกระบวนการดำ รงชีวิตวิของ สินทรัพย์ชีวภาพ คำ นิยามทั่วไป คำ ศัพท์ที่ใช้ในมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้มีความหมายโดยเฉพาะดังนี้ มูลค่าตามบัญชี หมายถึง จำ นวนเงินของสินทรัพย์ที่รับรู้ในงบฐานะการเงิน มูลค่ายุติธรรม หมายถึง ราคาที่จะได้รับจากการขายสินทรัพย์หรือรืจะจ่ายเพื่อโอนหนี้สินในรายการที่เกิด ขึ้นในสภาพปกติระหว่าว่งผู้ร่วมตลาด ณ วันวัที่วัดวัมูลค่า (ดูมาตรฐานและการรายงานการเงินฉบับที่ 13 เรื่อรื่ง การวัดวัมูลค่ายุติธรรม) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล หมายถึง ให้เป็นไปตามที่นิยามไว้ใว้นมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 20 (มาตรฐาน การบัญชีฉบับที่ 41.//2566:/ออนไลน์)
สรุปประเด็นสำ คัญของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 1 เรื่อรื่งการนำ มาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้เป็นครั้งแรก สภาวิชวิาชีพบัญชีได้กล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 1 ปรับปรุง ปี 2565ไว้ว่ว้าว่มีการให้ทางเลือกในการวัดวัมูลค่าส่วนต่างจากการแปลงค่าสะสมสำ หรับหน่วยงานต่างประเทศ ในงบการเงินของบริษัริษัทย่อย โดยมีการปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศ เรื่อรื่งส่วนต่างจากการแปลงค่า สะสม การปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศประจําปี 2561 ถึง 2563 ที่ออกใน เดือนพฤษภาคมปี 2563 ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ในปี 2555 โดยแก้ไขเพิ่มเติมเรื่อรื่งส่วน ต่างจากการแปลงค่าสะสม กิจการต้องถือปฏิบัติตามการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวสําหรับรอบระยะเวลา รายงานประจำ ปีที่เริ่มริ่ในหรือรืหลังวันวัที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้อนุญาตให้กิจการถือปฏิบัติได้ก่อน วันวับังคับใช้หากกิจการถือปฏิบัติตามการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวสําหรับรอบระยะเวลาก่อนวันวับังคับใช้กิจการ ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงริดังกล่าว (สภาวิชวิาชีพบัญชี, 2565, น.15) ส่วนต่างจากการแปลงค่าสะสม มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 21 กำ หนดให้กิจการ 1.รับรู้ส่วนต่างจากการแปลงค่าในกำ ไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นและสะสมส่วนต่างดังกล่าวเป็นส่วนประกอบ ต่างหากในส่วนของเจ้าของ และ 2.ในการจำ หน่ายหน่วยงานต่างประเทศ ให้กิจการจัดประเภทรายการใหม่สำ หรับส่วนต่างจากการ แปลงค่าสะสมสำ หรับหน่วยงานต่างประเทศดังกล่าว (รวมถึงผลกำ ไร และขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่สามารถปฏิบัติได้) จากส่วนของเจ้าของไปเป็นกำ ไรหรือรืขาดทุนในส่วนของกำ ไรหรือรื ขาดทุนจากการจำ หน่าย อย่างไรก็ตาม ผู้นำ มาใช้เป็นครั้งแรกไม่จำ เป็นต้องปฎิบัติตามข้อกำ หนดดังกล่าวสำ หรับส่วนต่างจาก การแปลงค่าสะสมที่มีอยู่ ณ วันวัที่เปลี่ยนผ่านมาใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ในกรณีที่ผู้นำ มาใช้เป็น ครั้งแรกใช้ข้อยกเว้นว้นี้ 1.ส่วนต่างจากการแปลงค่าสะสมสำ หรับหน่วยงานต่างประเทศทั้งหมดให้ถือเป็นศูนย์ ณ วันวัที่เปลี่ยน ผ่านมาใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน และ 2.ผลกำ ไรหรือรืขาดทุนซึ่งเป็นผลจากการจำ หน่ายหน่วยงานต่างประเทศในเวลาต่อมา ต้องไม่รวมส่วน ต่างจากการแปลงค่าที่เกิดขึ้นก่อนวันวัที่เปลี่ยนผ่านมาใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินและต้องรวมส่วน ต่างจากการแปลงค่าที่เกิดขึ้นในภายหลัง โดยแทนที่จะถือปฏิบัติตาม 2 ย่อหน้าข้างต้น บริษัริษัทย่อยที่ใช้ข้อยกเว้นว้ ในกรณีที่บริษัริษัทย่อยปรับใช้ เป็นครั้งแรกหลังจากบริษัริษัทใหญ่ บริษัริษัทย่อยต้องวัดวัมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินในงบการเงินของกิจการโดยใช้ วิธีวิธีมูลค่าตามบัญชีที่นำ ไปรวมอยู่ในงบการเงินรวมของบริษัริษัทใหญ่ ณ วันวัที่ บริษัริษัทใหญ่เปลี่ยนผ่านมาใช้ มาตรฐานการรายงานทางการเงินในกรณีที่ไม่มีรายการปรับปรุงสําหรับการจัดทํางบการเงินรวมและไม่มีผลก ระทบจากการรวมธุรกิจที่บริษัริษัทใหญ่ได้มาซึ่งบริษัริษัทย่อย
ผลกระทบ : กระทบเฉพาะกิจการที่จะเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินครั้งแรก วันวัถือปฏิบัติ : วันวัที่ 1 มกราคม 2566 โดยได้ปรับรั ปรุงตาม : IFRS BV 2022 กล่าวโดยสรุป การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 1 ปี 2565 เรื่อรื่งการนำ มาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้เป็นครั้งแรก ได้ให้ทางเลือกในการวัดวัมูลค่าส่วนต่างจากการแปลงค่า สะสมสำ หรับหน่วยงานต่างประเทศในงบการเงินของบริษัริษัทย่อย โดยอาจเลือกวัดวัมูลค่าส่วนต่างจากการแปลง ค่าสะสมสำ หรับหน่วยงานต่างประเทศทั้งหมดในงบการเงินของบริษัริษัทย่อยด้วยมูลค่าตามบัญชีเดียวกันกับที่ นำ ไปรวมอยู่ในงบการเงินรวมของบริษัริษัทใหญ่ ณ วันวัที่เปลี่ยนผ่านมาใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ของบริษัริษัทใหญ่ ไม่มีการปรับปรุงสำ หรับการจัดทำ งบการเงินรวมและสำ หรับผลกระทบจากการรวมธุรกิจที่ บริษัริษัทใหญ่ได้มาซึ่งบริษัริษัทย่อย การเลือกที่คล้ายคลึงกันนี้สามารถนำ ไปใช้กับบริษัริษัทร่วมหรือรืกิจการร่วมค้าที่ใช้ ข้อยกเว้นว้ อาจเลือกวัดวัมูลค่าส่วนต่างจากการแปลงค่าสะสมสำ หรับหน่วยงานต่างประเทศทั้งหมดในงบการเงิน ของบริษัริษัทย่อยด้วยมูลค่าตามบัญชีเดียวกันกับที่นำ ไปรวมอยู่ในงบการเงินรวมของบริษัริษัทใหญ่ ณ วันวัที่ เปลี่ยนผ่านมาใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินของบริษัริษัทใหญ่ ไม่มีการปรับปรุงสำ หรับการจัดทำ งบการ เงินรวมและสำ หรับผลกระทบจากการรวมธุรกิจที่บริษัริษัทใหญ่ได้มาซึ่งบริษัริษัทย่อย การเลือกที่คล้ายคลึงกันนี้ สามารถนำ ไปใช้กับบริษัริษัทร่วมหรือรืกิจการร่วมค้าที่ใช้ข้อยกเว้นว้ (สภาวิชวิาชีพบัญชี, 2565, น.33-35)
สรุปประเด็นสำ คัญมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 3 เรื่อรื่ง การรวมธุรกิจ สภาวิชวิาชีพบัญชีได้กล่าวถึง มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 3 ไว้ว่ว้าว่ “ การรวมธุรกิจ หมายถึง รายการหรือรืเหตุการณ์อื่นใดซึ่งทำ ให้ผู้ซื้อได้อำ นาจในการควบคุมธุรกิจหรือรืกลุ่มธุรกิจ รายการซึ่ง เป็นการควบรวมจริงริ “ true mergers ” หรือรืเทียบเท่าการควบรวม “ mergers of equals ” ถือเป็น การรวมธุรกิจ ” มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ให้คำ นิยามการรวมธุรกิจว่าว่เป็นรายการหรือรืเหตุการณ์อื่น ใด ซึ่งทำ ให้ผู้ซื้อได้อำ นาจในการควบคุมธุรกิจหรือรืกลุ่มธุรกิจ ผู้ซื้ออาจดำ เนินการในหลาย รูปแบบเพื่อให้ได้ อำ นาจในการควบคุมจากผู้ถูกซื้อ เช่น 1.โดยการโอนเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด หรือรืสินทรัพย์อื่น (รวมถึงสินทรัพย์สุทธิที่ประกอบกัน เป็นธุรกิจ) 2.โดยการก่อหนี้สิน 3.โดยการออกส่วนได้เสียในส่วนของเจ้าของ 4.โดยการให้สิ่งตอบแทนมากกว่าว่หนึ่งรูปแบบ 5. โดยไม่มีการโอนสิ่งตอบแทนให้ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 3 เรื่อรื่ง การรวมธุรกิจ เป็นการปรับปรุงการอ้างอิงกรอบ แนวคิดให้เป็นฉบับปัจจุบัน โดยไม่มีผลกับเนื้อหาของ TFRS 3 และเพิ่มเนื้อหาการพิจารณาหนี้สินและหนี้ สินที่อาจจะเกิดขึ้นที่รับมาจากการรวมธุรกิจ และระบุเพิ่มถึงสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจว่าว่ ไม่ สามารถรับรู้ได้ ตัวอย่างข้อความที่ปรับรั ปรุง 14 ภาคผนวก ข ย่อหน้าที่ ข31 ถึง ข40 ให้แนวทางในการรับรู้ สินทรัพย์ไม่มีตัวตน ย่อหน้าที่ 21ก ถึง 28ข ระบุประเภทของ สินทรัพย์ที่ระบุได้และหนี้สินที่รวมรายการซึ่งมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับนี้ได้ให้ข้อยกเว้นว้อย่างจำ กัดสำ หรับหลักการและเงื่อนไขในการรับรู้รายการ 21 มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ให้ข้อยกเว้นว้อย่างจำ กัดสำ หรับ หลักการรับรู้รายการและ การวัดวัมูลค่า ย่อหน้าที่ 21ก ถึง 31 ระบุทั้ง รายการที่ได้รับการยกเว้นว้และธรรมชาติของข้อยกเว้นว้เหล่านั้น ผู้ซื้อต้อง ปฏิบัติกับรายการเหล่านั้นตามข้อกำ หนดในย่อหน้าที่ 21ก ถึง 31 กล่าวโดยสรุป การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 3 ปี 2565 เรื่อรื่งปรับการ อ้างอิงกรอบแนวคิดให้เป็นฉบับปัจจุบัน โดยไม่มีผลกับเนื้อหาของ TFRS และเพิ่มเนื้อหาการพิจารณาหนี้ สิน และหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้นที่รับมาจากการรวมธุรกิจ ระบุเพิ่มถึงสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจ ว่าว่ ไม่สามารถรับรู้ได้และไม่เกิดผลกระทบ เพราะเป็นการปรับการอ้างอิงกรอบแนวคิด เพิ่มเนื้อหาการ วิเวิคราะห์หนี้สิน และหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นให้ชัดเจน วันวัถือปฏิบัติ : วันวัที่ 1 มกราคม 2566
สรุปประเด็นสำ คัญมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 7 เรื่อรื่งการเปิดปิเผยข้อมูลเครื่อรื่งมือทางการเงิน มาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 กล่าวว่าว่มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้เป็นไป ตามเกณฑ์ที่กำ หนดขึ้นโดยมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศฉบับที่ 7 เรื่อรื่งการเปิดเผย ข้อมูลเครื่อรื่งมือทางการเงิน ฉบับรวมเล่มปี 2565 (IFRS 7: Financial Instruments: Disclosures ( Bound volume 2022 Consolidated without early application)) ลักษณะสำ คัญของมาตรฐานการรายงานการเงิน มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ให้ถือปฏิบัติกับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเครื่อรื่งมือ ทางการเงินทุกรายการยกเว้นว้รายการที่กำ หนดไว้ใว้นย่อหน้าที 3 ทั้งนี้มาตรฐานได้การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ให้ถือปฏิบัติกับทุกกิจการทั้งที่เป็นกิจการที่มีเครื่อรื่งมือทางการเงินจำ นวนน้อยรายการ(เช่น ผู้ผลิต สินค้าที่มีเครื่อรื่งมือทางการเงินเพียงลูกหนี้การค้าและเจ้าหนี้การค้าและกิจการที่มีเครื่อรื่งมือทางการเงินจำ นวน มากรายการเช่นสถาบันการเงินซึ่งมีสินทรัพย์และหนี้สินส่วนใหญ่เป็นเครื่อรื่งมือทางการเงิน) อย่างไรก็ตาม ระดับของการเปิดเผยข้อมูลที่กิจการต้องเปิดเผยจะขึ้นอยู่กับระดับของการใช้เครื่อรื่งมือทางการเงินและฐานะ เปิดต่อความเสี่ยงของกิจการนั้น วัตวัถุประสงค์ มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้มีวัตวัถุประสงค์เพื่อกำ หนดให้กิจการเปิดเผยข้อมูลในงบการ เงินเพื่อให้ผู้ใช้งบการเงินสามารถประเมินเกี่ยวกับ 1. ความมีนัยสำ คัญของเครื่อรื่งมือทางการเงินที่มีต่อฐานะการเงินและผลการดำ เนินงานของกิจการและ 2. ธรรมชาติและระดับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากเครื่อรื่งมือทางการเงินที่กิจการเปิดรับระหว่าว่งรอบระยะ เวลารายงานและ ณ วันวัสิ้นรอบระยะเวลารายงานรวมทั้งแนวทางการบริหริารความเสี่ยงดังกล่าว หลักการในมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้เสริมริกับหลักฐานในการรับรู้รายการวัดวัมูลค่า และการแสดงรายการสินทรัพย์ทางการเงิน และหนี้สินทางการเงินทางตามที่กำ หนดในมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 เรื่อรื่งการแสดงรายการเครื่อรื่งมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 เรื่อรื่งเครื่อรื่งมือทางการเงิน ขอบเขต มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ต้องถือปฏิบัติกับเครื่อรื่งมือทางการเงินทุกประเภทของทุก กิจการ ยกเว้นว้รายการต่อไปนี้
ประกาศสภาวิชวิาชีพบัญชีกล่าวว่าว่ วันวัถือปฏิบัติ : วันวัที่ 1 มกราคม 2566 สรุปสาระสำ คัญเรื่อรื่งที่เปลี่ยนแปลง : 1. ปรับปรุงเกี่ยวกับการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลงที่เป็นทางเลือกสำ หรับประเทศไทย 2. ปรับปรุงถ้อยคำ การแปลเพิ่มเติมโดยไม่ได้แก้ไขเนื้อหาสาระ สรุปการปรับรั ปรุง : ย่อหน้า 42ฌ และ 42ญ เพิ่มเติมการแปลวรรคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสากลที่ มีการอ้างอิงหลักการตาม TFRS 9 ย่อหน้า 7.2.2 ย่อหน้า 42ฏ.1 และ 42ต ปรับปรุงถ้อยคำ ให้ชัดเจนมากขึ้น ย่อหน้า 42ณ แก้ไขคำ สะกดผิด ย่อหน้า 42ท ปรับปรุงเกี่ยวกับการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลงที่เป็นทางเลือกสำ หรับประเทศไทย ย่อหน้า 44ร 44ล 44ว เพิ่มเติมการแปลข้อความ issued in Month 20XX โดยใช้คำ ว่าว่ (ที่ ปรับปรุงในปี 25XX) ผลกระทบ : ไม่มีผลกระทบ
สรุปประเด็นสำ คัญของ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อรื่ง เครื่อรื่งมือทางการเงิน สภาวิชวิาชีพบัญชีได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 ปี 2565 ไว้ว่ว้าว่ ในการพิจารณาตัดรายการหนี้สินทางการเงินด้วยวิธีวิธีร้อยละ 10 ให้พิจารณาค่าธรรมเนียมจ่าย สุทธิจากค่าธรรมเนียมรับ โดยให้รวมเฉพาะค่าธรรมเนียมที่เกิดระหว่าว่งผู้กู้ยืมและผู้ให้ยืมรวมถึงค่า ธรรมเนียมจ่ายหรือรืรับที่ออกให้นามของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น เงื่อนไขถือว่าว่มีความแตกต่างอย่างยิ่งหากมูลค่าปัจจุบันคิดลดของกระแสเงินสดภายใต้เงื่อนไขใหม่ซึ่ง รวมค่าธรรมเนียมจ่ายใด ๆ สุทธิด้วยค่าธรรมเนียมรับใด ๆ และคิดลดโดยใช้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงริเดิม มี ความแตกต่างอย่างน้อยร้อยละ 10 จากมูลค่าปัจจุบันคิดลดของกระแสเงินสดคงเหลือของหนี้สินทางการ เงินเดิม ในการพิจารณาค่าธรรมเนียมจ่ายสุทธิด้วยค่าธรรมเนียมรับ ให้ผู้กู้ยืมรวมเพียงค่าธรรมเนียมจ่าย หรือรืรับระหว่าว่งผู้กู้ยืมและผู้ให้กู้ยืมเท่านั้นโดยรวมค่าธรรมเนียมจ่ายหรือรืรับที่ผู้กู้ยืมหรือรืผู้ให้กู้ยืมกระทำ ใน นามของผู้อื่นด้วย ผลกระทบ คือ กระทบกับหนี้ในทางการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรือรืมีการแลกเปลี่ยนและ ไม่มีผลกระทบจากการติดการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลงที่เป็นทางเลือกสำ หรับประเทศไทยออก วันวัถือปฏิบัติ วันวัที่ 1 มกราคม 2566 อนุญาตให้ถือปฏิบัติก่อนวันวัที่มีผลบังคับใช้ได้ กล่าวโดยสรุป การแก้ไขเพิ่มเติมมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าว่งประเทศประจำ ปี 2561- 2563 ที่ออกในเดือน พฤษภาคมปี 2563 ทำ ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับ นี้ในปี 2565 โดยกิจการต้องถือปฏิบัติตามการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้กับ หนี้สินทางการเงิน ที่มีการปรับแต่งหรือรืมีการแลกเปลี่ยนในหรือรืหลังวันวัเริ่มริ่ต้นของรอบระยะเวลารายงาน ประจำ ปีที่กิจการ ไม่ปฏิบัติตามการแก้ไขเพิ่มเติมที่กล่าวเป็นครั้งแรก หากการแลกเปลี่ยนตราสารหนี้หรือรืการปรับแต่งเงื่อนไขได้ถือว่าว่เป็นการสิ้นสุดของหนี้สิน ให้รับรู้ ต้นทุน หรือรืค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของผลกำ ไรหรือรืผลขาดทุนจากการสิ้นสุดของหนี้สิน หาก การ แลกเปลี่ยนหรือรืการปรับแต่งเงื่อนไขไม่ถือว่าว่เป็นการสิ้นสุดของหนี้สิน ให้ปรับปรุงต้นทุนหรือรืค่า ธรรมเนียมที่เกิดขึ้นกับมูลค่าตามบัญชีของหนี้สินและตัดจำ หน่ายตลอดระยะเวลาคงเหลือของหนี้สินที่มีการ ปรับแต่ง (สภาวิชวิาชีพบัญชี,2565,น.20-35)
แนวปฏิบัติทางการบัญชี เรื่อรื่ง เครื่อรื่งมือทางการเงิน และการเปิดปิเผย ข้อมูลสำ หรับธุรกิจประกันภัย สรุปความเป็นมา : ปรับปรุงตาม IFRS 9 BV 2022 วันวัถือปฏิบัติ : วันวัที่ 1 มกราคม 2566 สรุปการปรับรั ปรุง : โดยเพิ่มย่อหน้าที่ 7.1.7 7.2.26 และ ข3.3.6ก และแก้ไขเพิ่มเติมย่อหน้าที่ ข.3.3.6 และแก้ไขเพิ่ม เติมย่อหน้าที่ 7.2.1 7.2.3 7.2.4 ถึง 7.2.6 7.2.12 ถึง 7.2.13 7.2.19 และ 8.35ฏ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 7.1.7 การปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ระหว่าว่งประเทศประจำ ปี 2561-2563 ที่ ออกในเดือน พฤษภาคมปี 2563 ทำ ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมแนวปฏิบัติทางการบัญชีฉบับนี้ในปี 2565 โดย เพิ่มย่อหน้าที่ 7.2.26 และ ข3.3.6ก และแก้ไขเพิ่มเติมย่อหน้าที่ ข3.3.6 กิจการต้องถือปฏิบัติตามการแก้ไข เพิ่มเติมดังกล่าวสำ หรับรอบระยะเวลารายงานประจำ ปีที่เริ่มริ่ในหรือรืหลังวันวัที่ 1 มกราคม 2566 ทั้งนี้ อนุญาตให้กิจการถือปฏิบัติได้ก่อนวันวับังคับใช้ หากกิจการถือปฏิบัติตามการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวสำ หรับ รอบระยะเวลาก่อนวันวับังคับใช้ กิจการต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงริดังกล่าว 7.2.26 กิจการต้องถือปฏิบัติตามการแก้ไขเพิ่มเติมแนวปฏิบัติทางการบัญชีฉบับนี้กับหนี้สิน ทางการเงินที่มีการปรับแต่งหรือรืมีการเปลี่ยนในหรือรืหลังวันวัเริ่มริ่ต้นของรอบระยะเวลารายงานประจำ ปีที่ กิจการถือปฏิบัติตามการแก้ไขเพิ่มเติมดีงกล่าวเป็นครั้งแรก ข3.3.6ก หากการเปลี่ยนตราสารหนี้หรือรืการปรับแต่งเงื่อนไขได้ถือว่าว่เป็นการสิ้นสุดของหนี้สิน ให้รับรู้ต้นทุนหรือรืค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของผลกำ ไรหรือรืผลขาดทุนจากการสิ้นสุดของหนี้สิน หากการแลกเปลี่ยนหรือรืการปรับแต่งเงื่อนไขไม่ถือว่าว่เป็นการสิ้นสุดของหนี้สิน ให้ปรับปรุงต้นทุนหรือรืค่า ธรรมเนียมที่เกิดขึ้นกับมูลค่าตามบัญชีของหนี้สินและตัดจำ หน่ายตลอดระยะเวลาคงเหลือของหนี้สิน ที่มีการ ปรับแต่ง ข3.3.6 เพื่อวัตวัถุประสงค์ของย่อหน้าที่ 3.3.2 เงื่อนไขถือว่าว่มีความแตกต่างอย่างยิ่งหากมูลค่า ปัจจุบันคิดลดของกระแสเงินสดภายใต้เงื่อนไขใหม่ซึ่งรวมค่าธรรมเนียมจ่ายใด ๆ สุทธิด้วยค่าธรรมเนียมรับ ใด ๆ และคิดลดโดยใช้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงริเดิม มีความแตกต่างอย่างน้อยร้อยละ 10 จากมูลค่าปัจจุบัน คิดลดของกระแสเงินสดคงเหลือของหนี้สินทางการเงินเดิมในการพิจารณาค่าธรรมเนียมจ่ายสุทธิด้วย ค่า ธรรมเนียมรับ 7.2.1 กิจการต้องปฏิบัติตามแนวปฏิบัติทางการบัญชีฉบับนี้แบบปรับปรุงย้อนหลังตามมาตรฐาน การบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อรื่ง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงการประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด 7.2.3 ณ วันวัที่เริ่มริ่ต้นใช้แนวปฏิบัติทางการบัญชีครั้งแรก กิจการอาจเลือกกำ หนดให้สินทรัพย์ ทางการเงินวัดวัมูลค่าด้วยราคายุติธรรมผ่านกำ ไรหรือรืขาดทุนตามที่กำ หนดในย่อหน้า 4.1.8 การเลือกกำ หนดดังกล่าวต้องมาจากพื้นฐานข้อเท็จจริงริและสถานการณ์ที่มีอยู่ ณ วันวัที่เริ่มริ่ต้น ใช้แนว ปฏิบัติทางการบัญชีครั้งแรก การจัดประเภทรายการต้องมีการปรับย้อนหลัง
ผลกระทบ กระทบกับหนี้สินทางการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือรืมีการแลกเปลี่ยนและไม่มีผลกระ ทบจากการตัดการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลงที่เป็นทางเลือกสำ หรับประเทศไทยออก(สภาวิชวิาชีพบัญชี, 2556, น.62-98) สรุปสาระสำ คัญเรื่อรื่งที่เปลี่ยนแปลง : -การพิจารณารายการหนี้สิ้นทางการเงิน โดยขยายความว่าว่การประเมินว่าว่เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงหนี้สิน ทางการเงินหรือรืหนี้สินทางการเงินใหม่มีความแตกต่างจากหนี้สินทางการเงินเดิมอย่างมากหรือรืไม่ให้ พิจารณารวามค่าธรรมเนียม -ตัดการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนผ่านที่เป็นทางเลือกสำ หรับประเทศไทยออก 7.2.4 ณ วันวัที่เริ่มริ่ต้นใช้แนวปฏิบัติทางการบัญชีครั้งแรก กิจการ 7.2.4.1 ต้องยกเลิกการเลือกกำ หนดให้สินทรัพย์ทางการเงินวัดวัมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่าน กำ ไรหรือรืขาดทุนที่ได้เคยกำ หนดไว้ใว้นอดีต หากสินทรัพย์ทางการเงินนั้นไม่เข้าเงื่อนไขตามย่อหน้าที่ 4.1.8 7.2.4.2 อาจเลือกที่จะยกเลิกการเลือกกำ หนดให้สินทรัพย์ทางการเงินวัดวัมูลค่าด้วยมูลค่า ยุติธรรมผ่าน กำ ไรหรือรืขาดทุนที่ได้เคยกำ หนดไว้ใว้นอดีต แม้ว่าว่สินทรัพย์ทางการเงินนั้นเข้าเงื่อนไขตาม ย่อหน้าที่ 4.1.8 การยกเลิกการกำ หนดการแสดงรายการดังกล่าวต้องมาจากพื้นฐานข้อเท็จจริงริและ สถานการณ์ที่มีอยู่ ณ วันวัที่เริ่มริ่ 7.2.12 กิจการต้องถือปฏิบัติตามข้อกา หนดเกี่ยวกับการด้อยค่าในหมวดที่ 5.5 โดย ปรับปรุงย้อนหลัง ตามข้อ กำ หนดของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 ตามย่อหน้าที่ 7.2.10 และ 7.2.13 ถึง 7.2.15 7.2.13 ณ วันวัที่เริ่มริ่ต้นใช้แนวปฏิบัติทางการบัญชีครั้งแรก กิจการต้องใช้ข้อมูลสนับสนุน และสมเหตุสมผลที่สามารถหาได้โดยไม่ใช้ต้นทุนหรือรืความพยายามที่มากเกินไปที่จะกำ หนดความเสี่ยงด้าน เครดิต ณ วันวัที่เครื่อรื่งมือทางการเงินมีการรับรู้เมื่อเริ่มริ่แรก (หรือรืณ วันวัที่กิจการเป็นคู่สัญญาที่ไม่ สามารถ ยกเลิก สัญญาได้สำ หรับภาระผูกพันวงเงินสินเชื่อและสัญญาค้ำ ประกันทางการเงิน ตามย่อหน้า ที่ 5.5.7) และเปรียรีบเทียบความเสี่ยงข้างต้นกับความเสี่ยงด้านเครดิต ณ วันวัที่เริ่มริ่ต้นใช้แนวปฏิบัติ ทางการบัญชีครั้งแรก 7.2.19 ในกรณีที่กิจการมีการป้องกันความเสี่ยงก่อนวันวัที่ถือปฏิบัติตามแนวปฏิบัติทางการ บัญชีฉบับนี้ เป็นครั้ง แรกและการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขของการบัญชีป้องกัน ความเสี่ยงตามแนว ปฏิบัติทางการบัญชีฉบับนี้ (ดูย่อหน้าที่ 6.4.1) หลังจากที่คำ นึงถึงการปรับ สมดุล ของความสัมพันธ์ของการป้องกันความเสี่ยงในช่วงการเปลี่ยนผ่านแล้ว (ดูย่อหน้าที่ 7.2.20.2) กิจการ สามารถใช้การบัญชีป้องกันความเสี่ยงตามแนวปฏิบัติทางการบัญชีฉบับนี้ ต่อไปได้ 8.35ฏ หากกิจการเลือกใช้นโยบายการบัญชีป้องกันความเสี่ยงโดยถือปฏิบัติตามแนวปฏิบัติ ที่ใช้อยู่ต่อไป ตามที่กำ หนดในแนวปฏิบัติทางการบัญชีฉบับนี้ ให้กิจการเปิดเผยข้อเท็จจริงริดังกล่าว
สรุปประเด็นสำ คัญร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับ การเปิดปิเผยด้านความยั่งยั่ยืน ฉบับที่ 1 เรื่อรื่ง ข้อกำ หนดทั่วทั่ไปสำ หรับการเปิดปิเผยข้อมูลทางการเงิน เกี่ยวกับความยั่งยั่ยืน (TFRS S1) สภาวิชวิาชีพบัญชี. (2565) ได้กล่าวถึงวัตวัถุประสงค์ของฉบับร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงิน เกี่ยวกับการเปิดเผยด้านความมั่นคง ฉบับที่ 1 ไว้ว่ว้าว่มีวัตวัถุประสงค์เพื่อกำ หนดให้กิจการเปิดเผยข้อมูลความ เสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนที่มีนัยสำ คัญ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ใช้รายงานทางการเงินเพื่อ วัตวัถุประสงค์ทั่วไปเมื่อผู้ใช้งบการเงินประเมินมูลค่าของกิจการ และตัดสินใจว่าว่จะจัดหาทรัพยากรให้กิจการ หรือรืไม่ กิจการที่เสนอรายงานต้องเปิดเผยข้อมูลที่มีสาระสำ คัญเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับ ความยั่งยืนที่มีนัยสำ คัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยในการระเมินความมีสาระสำ คัญของรายการต้องประเมินใน บริบริทความจำ เป็นของผู้ใช้รายงานทางการเงินเพื่อวัตวัถุประสงค์ทั่วในการประเมินมูลค่าของกิจการ ข้อมูล ทางการเงินที่กิจการเปิดเผยจะต้องครบถ้วน เป็นกลาง และถูกต้อง และมูลค่ากิจการสะท้อนต่อความคาด หวังวัต่อจำ นวนเงิน จังหวะเวลาและความแน่นอนของกระแสเงินสดในอนาคตตลอดระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว และมูลค่าของกระแสเงินสดตามลักษณะความเสี่ยงของบริษัริษัทและการเข้าถึงข็อมูลการจัดหาเงินและ ต้นทุนเงินทุน ข้อมูลที่จำ เป็นต่อการประเมินมูลค่ากิจการ รวมถึงข้อมูลที่กิจการให้ในงบการเงินและข้อมูล ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ขอบเขต กิจการต้องใช้มาตรฐานฉบับนี้ในการจัดทำ และเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืนตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการเปิดเผยด้านความยั่งยืน กิจการอาจใข้มาตรฐานฉบับนี้เมื่องบ การเงินจัดทำ ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน หรือรืหลักการบัญชีอื่นที่รับรองทั่วไป ความเสี่ยงและ โอกาสที่เกี่ยวช้องกับความยั่งยืนที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างสมเหตุสมผลซึ่งกระทบกับการประเมินมูลค่า กิจการของผู้ใช้รายงานทางการเงินเพื่อวัตวัถุประสงค์ทั่วไป ไม่อยู่ภายใต้ขอบเขตของมาตรฐานฉบับนี้และ มาตรฐานฉบับนี้ใช้คำ ศัพท์ซึ่งเหมาะกับกิจการที่แสวงหารผลกำ ไร ดังนั้นถ้าธุรกิจภาคเอกชน หรือรืภาครัฐที่ไม่ แสวงหาผลกำ ไรจะนำ มาใช้ อาจจะต้องมีการปรับปรุงคำ อธิบาย หัวข้อหลัก 1.การกำ กับดูแล กระบวนการกำ กับดูแล ควบคุม และขั้นตอนที่กิจการใช้ติดตามจัดการความเสี่ยงและ โอกาสที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน 2.กลยุทธ์ วิธีวิธีการในการรับมือความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนที่อาจกระทบกับโมเดลทาง ธุรกิจของกิจการ และกลยุทธ์ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว 3.การบริหริารความเสี่ยง การะบวนการที่กิจการใช้ในการระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวกับ ความยั่งยืน 4.ตัวชี้วัดวัและเป้าหมาย ข้อมูลที่ใช้ในการประเมิน จัดการ และติดตามผลการดำ เนินงานของบริษัริษัทใน ด้านความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนตลอดช่วงเวลา
สรุปประเด็นสำ คัญร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการเปิดปิเผยด้านความยั่งยั่ยืน ฉบับที่ 2 เรื่อรื่ง การเปิดปิเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (TFRS S2) สภาวิชวิาชีพบัญชี. (2565) ได้กล่าวถึงวัตวัถุประสงค์ของฉบับร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงิน เกี่ยวกับการเปิดเผยด้านความมั่นคง ฉบับที่ 2 ไว้ว่ว้าว่มีวัตวัถุประสงค์เพื่อกำ หนดให้กิจการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยว กับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำ คัญซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ใช้รายการทางการเงิน เพื่อวัตวัถุประสงค์ทั่วไป เพื่อประเมินผลกระทบของความเสี่ยงและโอกาสเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำ คัญ ต่อมูลค่าของกิจการ นอกจากนี้ยังเพื่อให้เข้าใจวิธีวิธีการใช้ทรัพยากรและปัยจัยต่างๆ กิจกรรม ผลได้และ ผลลัพธ์ที่สนุบสนุนการตอบสนอง และกลยุทธ์เพื่อจัดการโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ที่มีนัยสำ คัญ และเพื่อประเมินความสามารถของกิจการในการปรับแผนโมเดลธุรกิจ และการดำ เนินงานตาม ความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำ คัญ ขอบเขต มาตรฐานฉบับยี้ใช้สำ หรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่กิจการต้องเผชิญซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำ กัดเฉพาะ คือความเสี่ยงทางกายภาพจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนผ่านสุ่แนวคิดเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่กิจการมี หัวข้อหลัก 1.การกำ กับดูแล กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงสนกำ กับดูแล โดยมีหน้าที่กำ กับดูแลความเสี่ยง และโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศและข้อมูลที่เกี่ยวกับบทบาทของฝ่ายจัดการในกระบวนการนั้น 2.กลยุทธ์ กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลดังนี้ ความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำ คัญซึ่ง คาดการณ์ไว้อว้ย่างสมเหตุสมผลว่าว่อาจจะส่งผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจ กลยุทธ์ กระแสเงินสด ห่วงโซ่คุณค่า แผนการเปลี่ยนแปลง ฐานะการเงิน ผลการดำ เนินงาน และผลกระทบที่คาดว่าว่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น ระยะ กลาง และระยะยาว รวมถึงความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศได้ถูกรวมอยู่ในแผนงานทาง หารเงินของกิจการอย่างไร 3.ความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้รายงานทางการ เงินเพื่อวัตวัถุประสงค์ทั่วไปเข้าใจความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวของกับสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำ คัญ ซึ่งสามารถ คาดการณ์ด้อย่างสมเหตุสมผลว่าว่ความเสี่ยงเหล่านั้นจะส่งผลต่อกิจการ 4.ความยืดหยุ่นด้านสภาพภูมิอากาศ กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้รายงานทางการเงินเพื่อ วัตวัถุประสงค์ทั่วไปสมารถเข้าใจความยืดหยุ่นของกลยุทธ์ของกิจการต่อการเปลี่ยนแปลง การพัฒนา หรือรื ความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ โดยคำ นึงถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถระบุได้ กิจการต้องใช้การวิเวิคราะห์สถานการณ์จำ ลองที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเพื่อประเมินความยืดหยุ่นด้าน สภาพภูมิอากาศ 5.การบริหริารความเสี่ยง กิจการจะต้องเปิดเผยกระบวนการต่างๆที่ใช้ในการระบุสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวกับ ความเสี่ยงและโอกาส กิจการประเมินความเป็นไปได้และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงนั้น และต้องจัด สำ ดับความสำ คัญของความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเปรียรีบเทียบกับความเสี่ยงประเภทอื่นๆ ซึ่ง รวมถึงการใช้เครื่อรื่งมือประเมินความเสี่ยง
6.ตัวชี้วัดวัและเป้าหมาย กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลดังนี้ ข้อมูลที่เกี่ยวกับประเภทตัวชี้วัดวัต่างๆ ระหว่าว่ง อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการโดยไม่คำ นึงถึงอุตสาหกรรมและโมเดลธุรกิจ ตัวชี้วัดวัราบอุตสาหกรรมที่ เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและเกี่ยวข้องกับกิจการที่ประกอบอยู่ในอุตสาหกรรม และตัวชี้วัดวัอื่นๆที่คณะ กรรมการหรือรืผู้บริหริารใช้ความคืบหน้าเพื่อนไปสู่เป้าหมาย สรุปใจความสรุปประเด็นสำ คัญร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการเปิดเผยด้านความ ยั่งยืน ฉบับที่ 2 เรื่อรื่ง การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (TFRS S2) ได้ความว่าว่กิจการต้องเปิด เผยข้อมูลทางการเงินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ หรือรืความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศต่อผู้ใช้ รายงานทางการเงิน เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับกิจการ นอกจากนี้ยังเพื่อทำ ความเข้าใจและ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับธุรกิจอันมีผลมาจากสภาพภูมิอากาศ