ED13302การจัดการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับครูประถมศึกษา
หนังสือE-bookคู่มือสำหรับครูภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่5
อาจารย์ที่ปรึกษา
ผ.ศ สมหวัง นิลพันธ์
คณะผู้จัดทำ
1.นางสาวยุพารัตน์ ศรีสุขโข 6594110005
2.นางสาวปฐมพร มุ่งสระกลาง 6594110027
3.นางสาวนลินนิภา สมบัติ 6594110029
4.นางสาวพรรณพษา ใจกล้า 6594110039
5.นางสาวชนัดดา นนทโคตร 6594110042
หลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์
สาขาวิชาการประถมศึกษา มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ก ข
คำนำ สารบัญ หน้ า
ก
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็ นสื่ อประกอบการเรียนรู้กลุ่มสาระ เรื่อง ข
การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เรื่อง ความรู้- คำนำ 1
ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับหลักสูตรภาษาไทยเรียบเรียงขึ้นมีจุดมุ่ง สารบัญ 2
หมาย บทนำและความเป็ นมา 5
เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ทำความเข้าใจ วิสัยทัศน์ 6
เกี่ยวกับหลักสูตรภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ อีกทั้งได้ หลักการ 7
ฝึกทักษะการอ่าน การเขียน การดู การพูด การคิดวิเคราะห์และ จุดมุ่งหมาย
สังเคราะห์ ส่งเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้ขั้นพื้นฐาน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามศตวรรษที่ ๒๑ 13
ภาษาไทยตามแนวหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานแกนกลางของ สมรรถนะตามศตวรรษที่ ๒๑ 14
กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อประโยชน์แก่ คุณภาพผู้เรียน 16
นักเรียนที่จะได้เกิดทักษะในการฟังการพูด การอ่านการเขียน รายวิชาที่เปิ ดสอน 17
ตลอดจนการคิดวิเคราะห์สามารถนำไปใช้สื่อสารในชีวิตประจำ ทำไมต้องเรียนภาษาไทย 18
วัน และการเรียนรู้ในวิชาต่างๆได้เพราะถือว่าภาษาไทยเป็น เรียนรู้อะไรในภาษาไทย 19
เครื่องมือของการสื่อสารและการเรียนรู้ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 22
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง 24
หากมีข้อผิดพลาดประการใดหรือท่านผู้สนใจมีข้อเสนอแนะ รายวิชาเพิ่มเติม 53
ใดๆจะแจ้งให้ผู้จัดทำทราบเพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขทางผู้จัดทำ คำอธิบายรายวิชาพื้นฐานและโครงสร้างรายวิชาเพิ่มเติม 25-26
ยินดีและเห็นใจน้ อมรับข้อเสนอแนะดังกล่าวอย่างยิ่ง กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้ นผู้เรียนเป็นสำคัญ 54
การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ 60
สื่อและแหล่งการเรียนรู้
คณะผู้จัดทำ
นางสาวปฐมพร มุ่งสระกลาง 6594110027
(พร้อมคณะ)
1 2
บทนำ วิสัยทัศน์
ความเป็ นมา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน
ซึ่งเป็ นกำลังของชาติให้เป็ นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่ม ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและ
เติม (ฉบับที่๒) พ.ศ.๒๕๔๕ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ เป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี-
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุขมีความรู้และทักษะพื้ นฐาน
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ รวมทั้งเจตคติที่จะเป็นต่อการศึกษา การประกอบอาชีพ
ได้กำหนดให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษามีหน้ าที่ใน และการศึกษาตลอดชีวิตโดยมุ่งเน้ นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐาน
การพิจารณา เสนอแผนการศึกษา แห่งชาติที่บูรณาการศาสนาศิลปะ ความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตาม
วัฒนธรรม และกีฬากับการศึกษาทุกระดับ และด้วยเหตุที่แผน ศักยภาพ
การศึกษาแห่งชาติฉบับปรับปรุง(พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๙) จะสิ้นสุด
ในปีพ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนั้นสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจึงได้
จัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ ซึ่งเป็นแผน
ระยะยาว ๒๐ ปี เพื่อเป็นแผนแม่บทสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นำไปใช้เป็นกรอบ แนวทางในการพัฒนาการศึกษาในช่วงระยะเวลา
ดังกล่าว ในการดำเนินการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติได้ให้
ความสำคัญกับการมีสวนรวมของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการรับรู้
ความเข้าใจการ ยอมรับ และเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำ
แผนฯ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อน แผนไปสู่การปฏิบัติได้อย่าง
มีประสิทธิภาพโดยได้ศึกษา สภาวการณ์และบริบทสิ่งแวดล้อม
ที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาการศึกษาของประเทศ
ทั้งด้านความก้าวหน้ าของเทโนโลยีดิจิทัลแบบก้าวกระโดดที่ส่งผล
ต่อระบบเศษฐกิจและสังคมของประเทศภูมิภาคและโลก
3 4
๑.วิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์แห่งชาติ ๒.วิสัยทัศน์หลักสูตรแกนกลาง
(พ.ศ.๒๕๖๑-พ.ศ.๒๕๗๙) (พุทธศักราช ๒๕๖๐)
วิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติไทย คือการนำประเทศไปสู่ความ
"มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" และเป็นประเทศที่พัฒนา ด้วยการนำ
หลักตามปรัชญาแนวคิด"เศรษฐกิจพอเพียง"ประเทศสามารถ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน
ยกระดับการพัฒนาให้บรรลุวิสัยทัศน์และเป้ าหมายการพัฒนา ซึ่งเป็ นกำลังของชาติให้เป็ นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย
ประเทศจึงจำเป็ นต้องกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ความรู้คุณธรรมมีจิตสำนึกในความเป็ นพลเมืองไทยและเป็ นพลโลก
ระยะยาวที่มุ่งเน้ นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาความมั่นคง ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา
เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ กษัตริย์ทรงเป็ นประมุมีความรู้และทักษะพื้ นฐานรวมทั้งเจตคติที่
ได้แก่ จำเป็ นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต
๑.ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง โดยมุ่งเน้ น
๒.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ผู้เรียนเป็ นสำคัญบนพื้ นฐานความเชื่ อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และ
๓.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ พัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
ทรัพยากรมนุษย์ ๓.วิสัยทัศน์ภาษาไทย
๔.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทาง
สังคม (พ.ศ.๒๕๕๐-พ.ศ.๒๕๕๔)
๕.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่
มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย
เป็ นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๖.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหาร ได้อย่างถูกต้อง พัฒนาทักษะสื่อสารอย่างสมวัยเรียนรู้วัฒนธรรม
การใช้ภาษาไทยที่ดีงาม สร้างเจตคติที่ดีในการเรียนวิชาภาษาไทย
จัดการภาครัฐ ชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของภาษาไทยและการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
ตามหลักการใช้ภาษาการเพื่ ออนุรักษ์ภาษาไทยอันเป็ นสมบัติของชาติ
5 6
หลักการ จุดมุ่งหมาย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลักการที่สำคัญ หลักสูตรแกนกลางการศึกษัขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ
พุทธศักราช ๒๕๖๐) ดังนี้ จึงกำหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ (พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ดังนี้
๑.มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์เห็นคุณค่าของตนเอง
มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้ าหมายสำหรับ
พัฒนาเด็กและเยาวชน ให้มีความรู้ทักษะ เจตคติและ มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือ
คุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็น ไทยควบคู่กับความเป็นสากล ศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชนที่ประชาชนทุกคนมี ๒.มีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา
โอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมีคุณภาพ การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต
๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจให้สังคม ๓.มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีมีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย
มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกับสภาพและ ๔.มีความรักชาติมีจิตสานึกในความเป็ นพลเมืองไทยและพลโลก
ความต้องการของท้องถิ่น ยึดมั่นในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมี
๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระ- พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุข
การเรียนรู้เวลาและการจัดการเรียนรู้ ๕.มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์
๕. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้ นผู้เรียนเป็นสำคัญ และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์
๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบและ และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
ตามอัธยาศัย ครอบคลุม ทุกกลุ่มเป้ าหมายสามารถเทียบโอน
ผลการเรียนรู้และประสบการณ์
7 8
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามศตวรรษที่ ๒๑ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามศตวรรษที่ ๒๑(ต่อ)
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) (กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
๖. มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง การศึกษาเรียนรู้เพื่อหาข้อเท็จจริง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์เพื่อให้สามารถอยู่ ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขในฐานะ ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่ความจริงในสิ่งที่ ต้องการเรียนรู้หรือต้องการหา
เป็นพลเมืองไทยและพลโลก ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน คำตอบเพื่อนำคำตอบที่ได้นั้นมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น
๑.รักชาติศาสน์กษัตริย์ หมายถึง มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย การยกระดับ ความรู้การนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือ
นำมาสรุปเป็ นความจริงได้
นิยมไทยปฏิบัติตามคำสั่งสอนของศาสนาเคารพเทิดทูนศาสนา ๗.รักความเป็ นไทย หมายถึง เข้าใจ หวงแหนความเป็นไทยซึ่งถือ
แสดงความจงรักภักดีเทิดทูนพระเกียรติและพระราชกรณียกิจของ เป็นต้นทุนทางสังคมทำให้ทุกศาสนา สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
พระมหากษัตริย์ โดยต้องมีการดำเนินชีวิตโดยกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต
๒.ซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง การประพฤติปฏิบัติอย่างเหมาะสม และตรงต่อ เป็นคุณลักษณะ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสังคมและการมีปฏิสัมพันธ์
ความเป็นจริงประพฤติปฏิบัติ อย่างตรงไปตรงมา ทั้งกาย วาจา ใจ กับผู้อื่น เช่น ความมีกิริยามารยาท การปรับตัว ความตรงต่อเวลา
ต่อตนเองและผู้อื่นรวมตลอดทั้งต่อหน้ าที่การงานและคำมั่นสัญญา ความสุภาพ การมีสัมมาคารวะ การพูดจาไพเราะและอ่อนน้ อมถ่อมตน
ความประพฤติที่ตรงไปตรงมาและจริงใจในสิ่งที่ถูกที่ควร ถูกต้องตาม ๘.มีจิตสาธารณะ หมายถึง คุณลักษณะทางจิตใจของบุคคลเกี่ยวกับ
ทำนองคลองธรรม รวมไปถึงการไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและไม่ การมองเห็นคุณค่าหรือการให้ คุณค่าแก่การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
หลอกลวงนอกจากนี้แล้วความซื่อสัตย์สุจริตยังรวมไปถึง การรักษา และสิ่งต่างๆที่เป็ นสิ่งสาธารณะที่ไม่มีผู้ใดผู้ผู้หนึ่ งเป็ นเจ้าของหรือเป็ น
คำพูดหรือคำมั่นสัญญาและ การปฏิบัติหน้ าที่การงานของตนเองด้วย สิ่งที่คนในสังคมเป็ นเจ้าของร่วมกันเป็ นสิ่งที่สามารถสังเกตได้
ความรับผิดชอบและ ด้วยความซื่อสัตย์ไม่แสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ จากความรู้สึกนึกคิด หรือการกระทำที่แสดงออกมา ได้แก่
ตนเองและพวกพ้องด้วยการใช้อำนาจหน้ าที่โดยมิชอบ ซึ่งความซื่อสัตย์ การหลีกเลี่ยงการใช้หรือการกระทำที่จะทำให้เกิดความชำรุดเสียหาย
สุจริตนี้จะดำเนินไปด้วยความตั้งใจจริง เพื่อทำหน้ าที่ของตนเอง ต่อส่วนรวมที่ใช้ประโยชน์ ร่วมกัน ของกลุ่มการถือเป็นหน้ าที่ที่จะ
ให้สำเร็จลุล่วง ด้วย ความระมัดระวัง และเกิดผลดีต่อตนเองและสังคม มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาของส่วนรวมในวิสัยที่ตนสามารถทำได้
๓.มีวินัย หมายถึง การควบคุมความประพฤติให้ถูกต้องและเหมาะสมกับ และการ เคารพสิทธิในการใช้ของส่วนรวมที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของ
จรรยา มารยาท ข้อบังคับ ข้อตกลง กฎหมายและศีลธรรมการรู้จัก กลุ่ม
ควบคุมตนเองให้ประพฤติปฏิบัติตามข้อตกลง ข้อบังคับ ระเบียบ
แบบแผนและขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามย่อมนำมาซึ่งความสงบสุข
ในชีวิตของตนความเป็ นระเบียบเรียบร้อยของสังคมและประเทศชาติ
๔.ใฝ่ เรียนรู้ หมายถึง การค้นคว้าหาความรู้หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อ
พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
๕.อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง การมีความพอดีในการบริโภค ใช้ทรัพยากร
และเวลาว่างให้เป็นประโยชน์ คำนึงถึงฐานะและเศษฐกิจ คิดก่อนใช้จ่าย
ตามความเหมาะสมรู้จักการเพิ่มพูนทรัพย์ด้วยการเก็บและนำไปใช้ ให้
เกิดประโยชน์ดูแลรักษาบูรณทรัพย์ของตนเอง มีการเก็บออมเงินไว้
ตามสมควร
9 10
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามศตวรรษที่ ๒๑ 8C มีอะไรบ้าง (พ.ศ.๒๕๖๐)
Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะในการคิดวิเคราะห์
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแก้ไขปัญหาได้
Creativity and Innovation : คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม
ในโลกที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุค5.0ข้อมู
ลข่าวสารหาง่ายและเปลี่ยนแปลง Collaboration Teamwork and Leadership : ความร่วมมือ การทำงาน
เป็นทีม และภาวะผู้นำ
เร็ว ประเด็นร้อนในสังคมแทบจะต้องตามฮัปเดตกันรายวันเพราะแค่พริบ Communication Information and Media Literacy : ทักษะในการ
ตาเดียว คุณก็อาจจะตามกระแสสังคมไม่ทันแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเรียกร้อง สื่อสารและการรู้เท่าทันสื่อ
ให้ทุกคนต้อง ปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ทักษะแบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพอถ้า Cross-cultural Understanding : ความเข้าใจความแตกต่างทาง
คุณอยากให้บริษัทก้าวหน้ าไปพร้อมๆกับโลกยุคดิจิทัล เพื่อไม่ให้คุณ ทีม วัฒนธรรมกระบวนการคิดข้ามวัฒนธรรม
งานและบริษัทของคุณต้องตกรถไฟขบวนนี้มารู้จัก 3R8C ทักษะจำเป็น Computing and ICT Literacy : ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และการรู้
แห่งศตวรรษที่ 21 ที่จะช่วยพัฒนาคุณในทุกๆด้าน เท่าทันเทคโนโลยีซึ่งเยาวชนในยุคปั จจุบันมีความสามารถด้าคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยีอย่างมากหรือเป็น Native Digital ส่วนคนรุ่นเก่าหรือผู้สูง
3R8C คือ ชื่อย่อสกิลที่จำเป็นต่อการทำงานในยุคนี้ที่นำเอาอกัษรย่อตัว อายุเปรียบเสมือนเป็นImmigrant Digital แต่เราต้องไม่อายที่จะเรียนรู้
แรกของแต่ละทักษะมาเป็นชื่อเพื่อใช้แรก มีทั้ง Soft skills และ Hard แม้ว่าจะสูงอายุแล้วก็ตาม
Skills Career and Learning Skills : ทักษะทางอาชีพ และการเรียนรู้
3R มีอะไรบ้าง (พ.ศ.๒๕๖๐) Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ซึ่งเป็น
๑. (R)Reading : อ่านออก คุณลักษณะพื้นฐานสำคัญของทักษะขั้นต้นทั้งหมด และเป็นคุณลักษณะที่
๒. (W)Riting : เขียนได้ เด็กไทยจำเป็ นต้องมี
๓. (A)Rithmetic : คิดเลขเป็น
โดยที่ทั้ง 3R จัดเป็นทักษะด้านความรู้ (Hard Skils) พื้นฐานที่ทุกคน
ต้องมีทั้งการอ่านออกเขียนได้จัดเป็ นทักษะที่จะสามารถนำไปสื่ อสาร
เรียนรู้และต่อยอดความรู้ในด้านอื่น ๆ ที่มีอยู่ให้พัฒนามากยิ่งขึ้น ส่วน
ทักษะ Arithmetic หรือการคิดเลขเป็นนั้นถือว่าเป็นทักษะทางคณิตคาส
ตร์ที่ช่วยส่งเสริมระบบความคิดให้มีตรรกะที่ดีขึ้น มีความเป็นเหตุเป็นผล
ซึ่งไม่จำเป็ นต้องคิดเลขได้โดยใช้ความรู้เชิงลึกเพียงแต่ขอให้คิดเลขเป็ น
เข้าใจวิธีคิดก็จะเป็ นพื้ นฐานที่เพียงพอเพื่ อนำไปต่อยอดแล้ว
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
11 สมรรถนะผู้เรียน 12
หลัก3R8C
อ้างอิง : https://sites.google.com/site/khrurwi/kar-cadkar-reiyn-ru-ni-stwrrs-thi-21/3r-8c หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม
: www.jabjai.school/บทความ/นักเรียนยุคใหม่_กับการเรียนรู้ในศตวรรษที่21.html มาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ที่
กำหนดนั้น จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ๕ ประการ ดังนี้
๑.ความสามารถในการสื่ อสาร
ความรู้สึกและทัศนะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์นจะเป็ นประยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม
๒.ความสามารถในการคิด
เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์
ตลอดจนมีวิจารณญาณ และการคิดที่เป็นระบบ
๓.ความสามารถในการแก้ปั ญหา
เป็ นความสามารถในการแก้ปั ญหาและอุปสรรคต่างๆที่เผชิญได้อย่าง
ถูกต้องเหมาะสม เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์
ต่างๆในสังคม
๔.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการดำเนินชีวิต
ประจำวันและการอยู่ร่วมกันในสังคม
๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
เน้ นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมีทักษะ
กระบวนการทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียน
รู้ การสื่อสารการทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสม
และมีคุณธรรม
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
13 คุณภาพผู้เรียน 14
สมรรถนะของผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๓
ในศตวรรษที่๒๑ ๑.อ่านออกเสียง คำคล้องจอง ข้อความ เรื่องสั้นๆและบทร้อยกรองง่ายๆ
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว เข้าใจความหมายของคำและข้อความที่อ่าน
ตั้งถามเชิงเหตุผล ลำดับเหตุการ์ณ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้
ข้อคิดจากเรื่องที่อ่าน ปฏิบัติตามคำสั่ง คำอธิบายจากเรื่องที่อ่านได้
เข้าใจความหมายของข้อมูลจากแผนภาพ แผนที่และแผนภูมิ
อ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอและมีมารยาทในการอ่าน
๒.มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดเขียนบบรรยาย
บันทึกประจำวันเขียนจดหมายลาครูเขียนเรื่องเกี่ยวกับประการณ์
เขียนเรื่องตามจินตนาการ และมีมารยาทในการเขียน
๓.เล่ารายระเอียดและบอกสาระสำคัญ ตั้งคำถาม ตอบคำถาม
รวมทั้งแสดงความคิด ความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดูพูด
สื่อสารเล่าประสบการณ์และผู้แนะนำหรือพูดเชิญชวนให้ผู้อื่นปฏิบัติ
ตาม
และมีมารยาทในการฟัง ดูและพูด
๔.สะกดคำ และเข้าใจของความหมายของคำ ความแตกต่างของคำ
และพยางค์ หน้ าที่ของคำในโยค มีทักษะการใช้พจนานุกรในการ
ค้นหา
ความหมายของคำ แต่งประโยคง่ายๆแต่งคำคล้องจอง แต่งคำขวัญ
และเลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นได้เหมาะสมกับ
กาลเทศะ
๕.เข้าใจและสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรม
เพื่อนำไปใช้ชีวิตประจำวัน แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดี
วรรณกรรมที่อ่าน รู้จักเพลงพื้นบ้าน เพลงกล่อมเด็ก ซึ่งเป็น
(กวัรฒะทนรธวรงรศึมกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
ของท้องถิ่น ร้องบทร้องเล่นสำหรับเด็กในท้องถิ่น ท่องจำบทอาขยาน
และบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจได้
15 16
คุณภาพผู้เรียน(ต่อ) รายวิชาที่เปิ ดสอน
จบชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๖ สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียน
๑.อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วละบทร้อยกรองเป็ นทนองสนาะได้ถูกต้อง รู้และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซึ่งกำหนดให้ผู้เรียนทุกคน
อธิบายความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย ประโยค ข้อความ ในระดับการศึกษาขั้นพื้ นฐานจำเป็ นต้องเรียนรู้
สำนวนโวหาร จากเรื่องที่อ่าน เข้าใจคำแนะนำ คำอธิบายในคู่มือต่างๆ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้
แยกแยะข้อเท็จจริง จับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านและนำความรู้
ความคิดจากเรื่องที่อ่านไปตัดสินใจปัญหาในการดำเนินชีวิต มีมารยาท (กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
และมีนิสัยรักการอ่าน และเห็นคุณค่าสิ่งที่อ่าน
๒.มีทักษะการคัดรายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด
เขียนสะกดคำแต่งประโยคและเขียนข้อความ ตลอดจนเขียนสื่อสาร
โดยใช้ถ้อยคำชัดเจนเหมาะสมใช้แผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพ
ความคิดเพื่อพัฒนางานเขียน เขียนเรียงความ ย่อความ จดหมาย
ส่วนตัว กรอกแบบรายการต่างๆ เขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น
เขียนเรื่องตามจินตนาการอย่างสร้างสรรค์ และมีมารยาทในการเขียน
๓.พูดแสดงความรู้ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู เล่าเรื่องย่อหรือ
สรุปจากเรื่องที่ฟังและดู ตั้งคำถาม ตอบคำถามจากเรื่องที่ฟังและดู
รวมทั้งประเมิความน่าเชื่ อถือจากการฟั งและดูโฆษณาอย่างมีเหตุผล
พูดตามลำดับขั้นตอนเรื่องต่างๆ อย่างชัดเจน พูดรายงาน หรือประเด็น
ค้นคว้าจากการฟัง การดู การสนทนา และพูดโน้ มน้ าวได้อย่างมีเหตุผล
รวมทั้งมีมารยาทในการฟังดู และพูด
๔.สะกดคำและเข้าใจความหมายของคำ สำนวน คำพังเพย และสุภาษิต
และเข้าใจชนิดและหน้ าที่ของคำในประโยค ชนิดของประโยค คำภาษา
ถิ่นและคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทยใช้คำราชาศัพท์และคำสุภาพได้
อย่างเหมาะสม แต่งประโยคแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่
กลอนสุภาพ และกาพย์ยานี ๑๑
๕.เข้าใจและเห็นคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน เล่านิทานพื้นบ้าน
ร้องเพลงพื้นบ้านของท้องถิ่น นำข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่านไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตและท่องจำบทอาขยานตามที่กำหนดได้
17 18
ทำไมต้องเรียนภาษาไทย เรียนรู้อะไรในภาษาไทย
ภาษาไทยเป็ นเอกลักษณ์ของชาติเป็ นสมบัติของวัฒนธรรม ภาษาไทยเป็ นทักษะที่ต้องฝึ กฝนจนเกิดความชำนาญในการใช้
ก่อให้เกิดความเป็ นเอกภาพและเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติ ภาษาเพื่อการสื่อสาร การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อนำไปใช้
ให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจ • การอ่าน การอ่านออกเสียงคำประโยคการอ่านบทร้อยแก้วคำประพันธ์
และความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน
และดำรงชีวิตร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุข ชนิดต่างๆการอ่านในใจเพื่อสร้างความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์
และเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูล สังเคราะห์ เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
สารสนเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาความรู้ กระบวนการคิดวิเคราะห์วิจารณ์ • การเขียน การเขียนสะกดคำตามอักยรวิธีการเขียนสื่อสารรูปแบบ
และสร้างสรรค์ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและความก้าวหน้ า ต่างๆ
ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มี การเขียนเรียงความย่อความเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญาของ เขียนตามจินตนาการเขียนวิเคราะห์วิจารณ์และเขียนเชิงสร้างสรรค์
บรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี สุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้ำค่าควรแก่ • การฟั งการดูและการพูด การฟังการดูอย่างมีวิจารณญาณ
การเรียนรู้ อนุรักษ์ และสืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป การพูดแสดงความคิดเห็นความรู้สึกพูดลำดับเรื่องราวต่างๆ
อย่างเป็ นเหตุเป็ นผลการพูดในโอกาสต่างๆทั้งเป็ นทางการและ
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ไม่เป็ นทางการและการพูด
• หลักการใช้ภาษา ศึกษาธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย
การใช้ภาษาไทยถูกต้องเหมาะสมกับโอกาสและบุคคลการแต่ง
บทประพันธ์ประเภทต่างๆและอิทธิพลของภาษาต่างประเทศใน
ภาษาไทย
• วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม
เพื่อศึกษาข้อมูลแนวความคิดคุณค่าของงานประพันธ์และเพื่อ
ความเพลิดเพลินการเรียนรู้และทำความเข้าใจบทแห่บทร้องเล่น
ของเด็กเพลงพื้ นบ้านที่เป็ นภูมิปั ญญาที่มีคุณค่าของไทยซึ่งได้
ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดค่านิยมขนบธรรมเนียมประเพณีเรื่องราว
ของสังคมในอดีตและความงดงามของภาษาเพื่อให้เกิดความซาบซึ้ง
และภูมิใจในบรรพบุรุษที่ได้สั่งสมสืบทอดมาถึงจุดปั จจุบัน
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑
ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
19 20
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดมาตรฐาน
การเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน ๕ มาตรฐาน ดังนี้
สาระที่ ๑ การอ่าน
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด
เพื่ อนำไปใช้ตัดสินใจแก้ปั ญหาในการดำเนินชีวิตและ
มีนิสัยรักการอ่าน
สาระที่ ๒ การเขียน
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ
ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ
เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษา
ค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ
สาระที่ ๓ การฟั งการดู และการพูด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและ
พูดแสดงความรู้ ความคิดความรู้สึกในโอกาสต่างๆ
อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์
สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย
การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา
ภูมิปั ญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็ นสมบัติ
ของชาติ
สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดี
และวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์
ใช้ในชีวิตจริง
มาตรฐานการเรียนรู้ตัวชี้วัด
ท ๑.๑ ป ๕/๑/๕/๗/๘
ท ๒.๑ ป.๕/๑/๓/๕./๘
ท ๓.๑ ป.๕/๑/๓/๕/๕
ท ๔.๑ ป.๕/๕/๖/๗
ท ๕.๑ ป.๕/๒/๔
21 22
ตัวชี้วัดและสาระเรียนรู้แกนกลาง
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
23 24
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐)
25 26
คำอธิบายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๘๐ ชั่วโมง
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
ศึกษาการอ่านออกเสียงและการบอกความหมายของ บทร้อยแก้ว บทร้อยกรอง คำ ประโยค
ข้อความ ที่เป็นการบรรยาย การพรรณนา ข้อความที่มีความหมายโดยนัย การอ่านบทร้อยกรอง
เป็นทำนองเสนาะ การอ่านจับใจความ การแยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น การวิเคราะห์และ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกั บเรื่องที่อ่าน จากสื่อต่าง ๆ การอ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คาสั่ง ข้อแนะนำ
และปฏิบัติตาม การเลือกอ่านหนังสือตาม ความสนใจ มารยาทในการอ่าน การคัดลายมือตัวบรรจง-
เต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัดตามรูปแบบการเขียน ตัวอักษรไทย การเขียนสื่อสาร การนาแผนภาพ
โครงเรื่องและแผนภาพความคิดไปพัฒนางานเขียน การเขียน ย่อความ การเขียนจดหมายถึง
ผู้ปกครองและญาติ การเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น การกรอกแบบ รายการ การเขียนเรื่อง
ตามจินตนาการ มารยาทในการเขียน การพูดแสดงความรู้ ความคิด การตั้งคำถาม ตอบคำถาม การ
วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากเรื่องที่ฟังและดูจากสื่อต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันอย่างมีเหตุผล
การรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา การพูดลำดับขั้นตอน
การปฏิบัติงาน การพูดลำดับเหตุการณ์ มารยาทในการฟัง การดู และการพูด ชนิดและหน้าที่ของคำ
ประโยค และส่วนประกอบของประโยค ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่น คำราชาศัพท์ คาที่มาจากภาษา
ต่างประเทศ การแต่งบทร้อยกรอง กาพย์ยานี ๑๑ สำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิต การสรุปเรื่อง
ข้อคิด คุณค่าจาก นิทานพื้นบ้านในท้องถิ่น นิทานคติธรรม เพลงพื้นบ้าน วรรณคดีและวรรณกรรม บท
อาขยานและบทร้อยกรอง ที่มีคุณค่า โดยใช้กระบวนการอ่านออกเสียง อธิบายความหมาย จับใจความ
แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น วิเคราะห์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น คัดลายมือ เขียนสื่อสาร เขียน
แผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิด เขียนย่อความเขียนจดหมาย เขียนแสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็น กรอกแบบรายการ เขียนเรื่องตาม จินตนาการ พูดตั้งคำถาม ตอบคำถาม วิเคราะห์ความ
น่าเชื่อถือ รายงาน บอกจำแนก เปรียบเทียบ ใช้คำสำนวน แต่งบทร้อยกรอง สรุปเรื่อง บอกความรู้
และข้อคิด อธิบายคุณค่า และท่องจาบทอาขยานเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจพูด อ่าน
เขียนภาษาไทยได้ถูกต้องตามหลักภาษา สามารถนำ ทักษะทางภาษาไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ตระหนักในวัฒนธรรมการใช้ภาษา และรักความเป็นไทย ภูมิใจและชื่นชมในวรรณคดี
และวรรณกรรมซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวินัยใฝ่ เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทา
งาน ซื่อสัตย์สุจริต มีความสามัคคี อยู่อย่างพอเพียง มีจิตสาธารณะ มีนิสัยรักการอ่าน การเขียน การ
แสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนได้อย่างเหมาะสม มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมี ความ
สุข
27 28
29 30
31 32
33 34
35 36
37 38
39 40
ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้
41 42
ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้
43 44
45 46
47 48
รูปแบบการสอนโดยใช้ Open ทำไมต้อง Open Approuck!
Approach Open Approach เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่
ทำให้นักเรียนมีวิถีและวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่าง
เป็ นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้
ปัญหาปลายเปิด (Open-ended problems) หลากหลาย เป็นการพัฒนาการเรียนรู้ของ
ซึ่งเป็นปัญหาชนิดที่มีคำตอบ หรือมีแนวทางใน ตนเองอย่างทั่วถึงเต็มศักยภาพของแต่ละคน
การแก้ปัญหาได้หลากหลาย การพิจารณาคำ ผู้เรียนได้ยกระดับความรู้ และ ระดับการเรียน
ตอบ ของปัญหาปลายเปิดไม่ใช่ตัดสินเฉพาะ รู้ร่วมกันผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำให้เกิด
ความถูกผิดของคำตอบ หรือ ตัดสินโดยคน การเรียนรู้ในระดับสูงเกิดสมรรถนะฝั งลึกที่จะ
ส่วนมากว่าถูกหรือผิดแต่จะมีการพิจารณาถึง เรียนรู้แก้ปัญหาและสร้างสรรค์ในเรื่องและ ใน
เหตุผลว่ามีความสมเหตุสมผลมากน้ อยเพียงใด เงื่อนไขที่ตนยังไม่เคยรู้จักได้ด้วยตนเองและ
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้ น การใช้ โดยกระบวนการกลุ่มจนเกิดการเปลี่ยนแปลง
ปัญหาปลายเปิดจึงเป็นกิจกรรมหนึ่ง ที่สามารถ ภายในตนเอง (Transformative Learning)
ร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิด อุปนิสัยและ
ตอบสนองต่อความคิดที่หลากหลายของ ความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต อันเป็น
นักเรียนได้เนื่ องจากกิจกรรมการเรียนการสอน ภารกิจหลักประการหนึ่ง ที่จะทำให้นักเรียนเป็น
ที่เน้ นการใช้ปัญหาปลายเปิดสามารถจัด ผู้มีความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
กิจกรรมที่เป็ นการบูรณาการเนื้ อหาหลายๆ
เรื่อง เข้าไว้ในกิจกรรมเดียวกันได้ ซึ่งเป็นการ
จัดสรรเนื้อหาโดยการเน้ นกิจกรรมให้สอดคล้อง
กับเวลาที่มีอยู่นอกจากนี้ สื่อการสอนที่ใช้จะ
เป็ นลักษณะของการดึงเอากระบวนการคิดของ
นักเรียนออกมา ทำให้สามารถศึกษากระบวนการ
คิดของนักเรียนแต่ละคน และส่งเสริมให้มีการ
พัฒนาด้านการให้เหตุผลของนักเรียนได้เป็ น
อย่างดียิ่งอีกด้วย
49 50
ขั้นเตรียมความพร้อม ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1.กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ โดยแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นก 1.นักเรียนได้ทบทวนความรู้เดิมของตนเองที่เกี่ยวกับการอ่าน
ลุ่มกลุ่มละ 5-6 คน 2.นักเรียนได้ความคิดรวบยอดของการอ่านจับใจความและการใช้คำ
2.แนะนำกติกาการเรียนและเอกสารบทอ่านที่กำหนดให้ 3.นักเรียนเกิดทักษะการอ่านการเขียนการฟั งดูชมและการพูด
เป็ นสถานการณ์ประเด็นปั ญหา 4.นักเรียนได้พัฒนาลักษณะนิสัยด้านทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์
ขั้นตอนการสอน
ให้นักเรียนทำกิจกรรมตามลำดับขั้นตอน ดังต่อไปนี้ อย่างมีวิจารณญาณกระบวนการสื่ อสารการอภิปรายการยอมรับฟั ง
1.แต่ละกลุ่มรับเอกสารบทอ่านและทำกิจกรรมตามใบงาน ความคิดเห็นของกลุ่มการทำงานกลุ่ม ถ้านักเรียนได้พัฒนาความคิด
2.บันทึกขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียด สร้างสรรค์ ด้านการเขียนสร้างสรรค์
3.แต่ละกลุ่มนำเสนอขั้นตอนการทำงานและผลงานหน้ า
ชั้น สื่อ/อุปกรณ์ แหล่ขการเรียนรู้
4.นักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงข้อคิดเห็นวิพากษ์
วิจารณ์อย่างมีเหตุผลและอภิปรายประเด็นสาระที่ได้ 1.ใบงาน
จากประเด็นที่ได้ให้นักเรียนและครูร่วมกันเพิ่มเติม 2.บริเวณโรงเรียน
ประเด็นย่อยในแต่ละประเด็นให้ได้จำนวนมากที่สุด 3.ห้องสำนักงาน/โรงเรียน
ขั้นสรุป 4.อุปกรณ์ที่นำเสนอ script Chart
นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายเพื่อสรุปความคิดรวบ 5.เอกสารบทอ่าน
ยอดสาระสำคัญที่ได้แล้วเขียนเป็ นแผนภาพความคิด
เป็ นของตนเอง
สาระการเรียนรู้
1.ความเข้าใจเนื้ อเรื่ อง/การสรุปใจความสำคัญและ
ข้อคิดเห็นที่ได้จากเรื่องที่อ่าน
2.คำศัพท์/คำยาก
3.การใช้ภาษาและการใช้คำ
4.การอ่านการเขียนโครงเรื่องจากการอ่าน
5.ทักษะการฟั งการดูชมการอ่านการเขียนการพูด
6.กระบวนการสื่อสารการเจรจาต่อรองการอภิปราย
แสดงข้อคิดเห็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีเหตุผล
และการยอมรับฟั งข้อคิดเห็นของเพื่ อนกระบวนการ
ทำงานกลุ่มความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับการเขียน
เรื่องสร้างสรรค์จากการอ่าน
51 52
บทบาทสำคัญของครูในการจัดกระบานการเรียนรู้ 5.ขับเคลื่อนและปรับพฤติกรรมผู้เรียนด้วยวิธีการเชิงบวกเมื่อมีผู้เรียนบางคน
แบบOpen Approach ที่ไม่อยู่ในภาวะพร้อมเรียนหรือติดขัดอย่างมากหรือมีพฤติกรรมที่ไม่ส่ง
เสริมการเรียนรู้ หรือรบกวนการเรียนรู้ของเพื่อน ครูจะขับเคลื่อนและปรับ
1.เปิ ดประตูผู้เรียนสู่การเรียนรู้ที่ขับเคลื่ อนด้วยตัวผู้เรียนเอง พฤติกรรมผู้เรียนนั้นด้วยวิธีการเชิงบวก ทั้งนี้ เพื่อรักษาแรงจูงใจด้านบวก
2.ส่งเสริมดูแลเอาใจใส่ให้ผู้เรียนได้แก้ปัญหาและ/หรือสร้างสรรค์ ภายใต้เงื่อน ของผู้เรียนคนนั้นและรักษา บรรยากาศเชิงบวกของชั้นเรียนเอาไว้ให้ต่อเนื่อง
ไข่ของโจทย์อย่างทั่วถึงและต่อเนื่ องโดยการหล่อเลี้ยงแรงขับจับประเด็นตั้ง
คำถามเพิ่มลดหรือปรับประสบการณ์ สนับสนุนอำนวยความสะดวกไม่ดูแล
ความเรียบร้อย แนะนำ ช่วยเพิ่มลดหรือปรับทรัพยากรฯลฯเพื่อให้ผู้เรียนได้นำ
ความรู้ความสามารถ ที่สะสมอยู่ออกมาใช้ให้มากที่สุดจนเกิดการสร้างความรู้
ความสามารถชุดใหม่ขึ้นจากการลองผิดลองถูกเปลี่ยนมุมมองและหาทางให้
ถึงที่สุดด้วยตนเอง และพร้อมๆกันนั้น ครูยังช่วยจัดวางวิธีบันทึกความคิด
ความรู้สึก ความเข้าใจบันทึกวิธีการ บันทึกผลลัพร์ที่สัมพันธ์กับวิธีการช่วยตั้ง
คำถามช่วยตั้งประเด็นให้ผู้เรียน สังเกตเห็นและประเมินวิธีสร้าง ความเข้าใจ
และวิธีทำของตนเองในการแก้ปั ญหาหรือ
การ สร้างสรรค์นั้นๆ(metacognition)
3.ประเมินผู้เรียนในขณะเรียนรู้ โดยการมีสติตั้งใจฟังสังเกตและรู้สึก
อย่างละเอียดอ่อนฉับไวและแม่นยำ เพื่อหยั่งให้ถึงภาวะการนำความรู้ความ
สามารถออกมาใช้ ภาวะการสร้างความรู้ความสามารถชุดใหม่แรงบันดาลใจวิถี
การเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ อาการเข้าใจ ขอบเขตและคุณภาพของความเข้าใจ
พลังความสามารถและ ข้อจำกัดของผู้เรียนแต่ละคนในขณะที่กำลังเรียนรู้ผ่าน
การแก้โจทย์ หรือการสร้างสรรค์ภายใต้เงื่อนไขของโจทย์
เป็ นการประเมินเพื่ อพัฒนาอย่างฉับพลันทันทีไม่ใช่การประเมินเพื่ อตัดสิน
4.ตอบสนองต่อผลการประเมินนั้นอย่างเหมาะสมและทันเวลา
โดยการตั้งคำถามจับประเด็นให้คำแนะนำ ให้ดูตัวอย่างอำนวย
ความสะดวกความช่วยเหลืออื่นๆที่เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน
อย่างสงบ มีสติในจังหวะที่เหมาะสมทันท่วงทีเพื่อช่วยให้ผู้เรียน
หลุดจากภาวะติดขัดหรือการเข้าใจผิดหรือช่วยให้ผู้เรียนเข้าสู่
การเรียนรู้ที่กว้างขวาง ลึกซึ้งมากขึ้นและดำเนินการแก้ปัญหา
หรือสร้างสรรค์ต่อไปได้อย่างราบรื่น
53 กระบวนการจัดการเรียนรู้ 54
รายวิชาเพิ่มเติม การจัดการเรียนรู้เป็ นกระบนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้ นฐานเป็ นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียน
(กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) รู้
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นเป้ าหมาย
สำคัญสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน
ผู้สอนต้องพยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้จัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา
ผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่มสาระเรียนรู้รวมทั้ง
ปลูกฝั งเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์พัฒนาทักษะต่างๆอันเป็ น
สมรรถนะสำคัญที่ต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียน
๑. หลักการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความ
สามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยยึด
หลักว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุดเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และ
พัฒนาตนเองได้ยึดถือประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียนกระบวนการจัดการเรียนรู้
ยังส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมองเน้ นให้ความ
สำคัญทั้งความรู้และคุณธรรม
๒. กระบวนการเรียนรู้การจัดการเรียนรู้ ที่เน้ นผู้เรียนเป็นสำคัญผู้เรียน
จะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายเป็ นเครื่ องมือที่จะนำพา
ตนเองไปสู่เป้ าหมายของหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน
อาทิกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการกระบวนการสร้างความรู้
กระบวนการคิดกระบวนการทางสังคมกระบวนการเผชิญสถานการณ์และ
แก้ปั ญหากระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงกระบวนการปฏิบัติลงมือ
ทำจริงกระบวนการจัดการกระบวนการวิจัยกระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้
ของตนเองกระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัยกระบวนการเหล่านี้เป็ นแนวทาง
ในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึ กฝนผู้สอนจึงจำเป็ นต้องศึกษา
ทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ใน
(กกระาทรรจวัดงศกึกรษะาบธิกวานร กพุทารธศเัรกียรานชรู๒้ไ๕ด๕้อ๑ยฉ่าบังบมปีรปับรปะรุสงิทพุทธิธภศัากพราช ๒๕๖๐)
55 56
๓.การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษา องค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้
ให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ซี้วัดสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด (ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมเป็นผลการเรียนรู้)
โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอนสื่อ/แหล่งเรียนรู้การวัดและ ๒. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ประเมินผลเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรจุตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งเป็นเป้ าหมายที่กำหนด ต้องวิเคราะห์เนื้อหา ความสำคัญในตัวชี้วัด/ผลการเรียน ว่าต้องการให้
๔. บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมี นักเรียนรู้อะไรทำอะไรได้ แล้วทำการสังเคราะห์เป็นแก่นความรู้/เรียกว่า
คุณภาพตามเป้ าหมายของหลักสูตรทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมีบทบาทดังนี้ (สาระสำคัญ)
๔.๑ บทบาทของผู้สอน ๓. สาระการเรียนรู้
๔.๑.๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลแล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน - สาระแกนกลาง
- สาระท้องถิ่น (ถ้ามี)
การจัดการเรียนรู้ที่ท้าทายความสามารถของผู้เรียน ๔. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
๔.๑.๒) กำหนดเป้ าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนด้านความรู้และทักษะ (๑ หน่วยไม่จำเป็นต้องวัดครบทุกข้อแต่ ๑ รายวิชาต้องวัดครบทั้ง ๕ ข้อ)
กระบวนการที่เป็ นความคิดรวบยอดหลักการและความสัมพันธ์รวมทั้ง เลือกสมรรถนะที่สอดคล้องกับมาตรฐาน/ตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
๔.๑.๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่าง (๑ หน่วย ไม่จำเป็นต้องวัดครบทุกข้อแต่ ๑ รายวิชาต้องวัดครบทั้ง ๘ ข้อ)
ระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมองเพื่อนำผู้เรียนไปสู่เป้ าหมาย เลือกคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่สอดคล้องกับกิจกรรมได้ออกแบบให้ผู้เรียนมี
๔.๑.๔) จัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และดูแลช่วยเหลือผู้เรียนให้เกิดการ ซึ่งอาจไม่ครบทั้ง ๘ ประการ
เรียนรู้ ๖. ชิ้นงาน/ภาระงาน (สามารถทำได้จริง)
๔.๑.๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรมนำภูมิปัญญาท้องถิ่น กำหนดชิ้นงานและภาระงานรวบยอดที่เป็นหลักฐานหรือร่องรอย เพื่อแสดงว่า
เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ผู้เรียนได้บรรลุตามมาตรฐาน ตัวชี้วัดที่ระบุไว้ในหน่วย สะท้อนให้เห็นระดับ
๔.๑.๖) ประเมินความก้าวหน้ าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลายเหมาะสม ความรู้ ความเข้าใจ เจตคติ และความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน
กับธรรมชาติของวิชาและระดับพัฒนาการของผู้เรียน ๗. การวัดและประเมินผล
๔.๑.๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียนรวม (วัดตามตัวชี้วัด/วัดตามภาระงาน/ชิ้นงานแต่ภาระงานต้องครอบคลุมตัวชี้วัด)
ทั้งปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของตนเอง ประกอบด้วยการประเมินผลชิ้นงาน ภาระงานรวบยอด
๔.๒ บทบาทของผู้เรียน การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และ
๔.๒.๑) กำหนดเป้ าหมายวางแผนและรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง การประเมินตนเองของผู้เรียน
๔.๒.๒) เสาะแสวงหาความรู้เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้วิเคราะห์สังเคราะห์
ข้อความรู้ตั้งคำถามคิดหาคำตอบหรือหาแนวทางแก้ปั ญหาด้วยวิธีการต่างๆ
๔.๒.๓) ลงมือปฏิบัติจริงสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเองและนำความรู้ไป
ประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ
๔.๒.๔) มีปฏิสัมพันธ์หางานทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มและครู ๆ
๔.๒.๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างต่อเนื่อง
57 การวัดและประเมินผล 58
๘. กิจกรรมการเรียนรู้(เทคนิค รูปแบบ หรือวิธีการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐาน
ที่จะนำผู้เรียนไปสู่การสร้างภาระงาน/ชิ้นงาน เกิดทักษะความ ๒ ประการ คือ การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียนใน
สามารถ การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบผลสำเร็จนั้นผู้เรียนจะต้องได้รับ
ตามสมรรถนะ กระบวนการธรรมชาติของแต่ละวิชา และคุณลักษณะ การพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้สะท้อน
อันพึงประสงค์ของผู้เรียน บรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด) สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้ าหมายหลัก
ประกอบด้วยกิจกรรมน าสู่การเรียน กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ และ ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็ นระดับชั้นเรียนระดับ
กิจกรรมรวบยอด หรือผู้สอนอาจ จัด กิจกรรมตาม สถานศึกษาระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับชาติการวัดและประเมินผลการ
รูปแบบทฤษฎีการเรียนรู้/วิธีสอน/กระบวนการจัดการเรียนรู้/เทคนิค เรียนรู้เป็ นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็ นข้อมูลและ
การสอน/เทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่าง สารสนเทศที่แสดงพัฒนาการความก้าวหน้ าและความสำเร็จทางการเรียนของ
หลากหลายตามความเหมาะสม ซึ่งวิธีการดั่งกล่าวนั้นสามารถทำให้ ผู้เรียนตลอดจนข้อมูลที่เป็ นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและ
ผู้เรียนบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ เรียนรู้อย่างเต็มตามศักยภาพ
๙. สื่อและแหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน
๑๐. เวลาเรียน/จำนวนชั่วโมง ระดับสถานศึกษาระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับชาติมีรายละเอียดดังนี้
๑. การประเมินระดับชั้นเรียน
- หน่วยการเรียนรู้เรื่อง กลุ่มสาระ
- รายวิชา รหัสวิชา ชั้น เป็ นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ผู้สอนดำเนินการ
- เวลาเรียน ชั่วโมง ภาคเรียนที่ เป็ นปกติและสม่ำเสมอในการจัดการเรียนการสอนใช้เทคนิคการประเมินอย่าง
- เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ หลากหลาย เช่น การซักถามการสังเกตการตรวจการบ้านการประเมินโครงงาน
จะต้องวิเคราะห์ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้ให้ การภาระงานแฟ้ มสะสมงานการใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเอง
สอดคล้องกับจำนวนมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ปรากฎในหน่วย หรือปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเองเพื่ อนประเมินเพื่ อนผู้ปกครองร่วมประเมิน
การเรียนรู้จากโครงสร้างรายวิชา การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่าผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้ าใน
การเรียนรู้อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่และมากน้ อย
เพียงใดมีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใดนอกจากนี้ยัง
เป็ นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วยทั้งนี้โดยสอดคล้อง
กับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
59 สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 60
๒. การประเมินระดับสถานศึกษา สื่ อการเรียนรู้เป็ นเครื่ องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวน
เป็นการตรวจสอบผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี / รายภาคผลการ การเรียนรู้ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ทักษะกระบวนการและคุณลักษณะตาม
ประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียนคุณลักษณะอันพึงประสงค์และ มาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพสื่อการเรียนรู้
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและเป็ นการประเมินเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของ มีหลากหลายประเภททั้งสี่อธรรมชาติสื่อสิ่งพิมพ์สื่อเทคโนโลยีและเครือข่าย
สถานศึกษาว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้ าหมายหรือไม่ การเรียนรู้ต่างๆที่มีในท้องถิ่นการเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มีความเหมาะสม
ผู้เรียนมีสิ่งที่ต้องการพัฒนาในด้านโตรวมทั้งสามารถน้ าผลการเรียนของ กับระดับพัฒนาการและลีลาการเรียนรู้ที่หลากหลายการจัดหาสื่อการเรียนรู้
ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติและระดับเขตพื้นที่ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเองหรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี
การศึกษาผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็ นข้อมูลและสารสนเทศเพื่ อการ คุณภาพจากสื่อต่างๆที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่
ปรับปรุงนโยบายหลักสูตรโครงการหรือวิธีการจัดการเรียนการสอนตลอดจนเพื่อ สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยสถานศึกษาควรจัดให้
การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกัน มีอย่างพอเพียงเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงสถานศึกษา
คุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถาน เขตพื้นที่การศึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้ าที่จัดการศึกษาขั้นพื้น
ศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ฐานควรดำเนินการ ดังนี้
ขั้นพื้นฐานผู้ปกครองและชุมชน ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ศูนย์สื่อการเรียนรู้ระบบสารสนเทศการเรียนรู้และ
๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เครือข่ายการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน
เป็ นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้ นที่การศึกษาตามมาตรฐาน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ระหว่าง
การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้ นฐานเพื่ อใช้เป็ นข้อมูลพื้ นฐาน สถานศึกษาท้องถิ่นชุมชนสังคมโลก
ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาตามภาระความรับผิด ๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียนเสริม
ชอบสามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผู้เรียนด้วยวิธีการและเครื่องมือที่ ความรู้ให้ผู้สอนรวมทั้งจัดหาสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้เป็ นสื่ อ
เป็ นมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้ นที่การศึกษาหรือด้วยความร่วม การเรียนรู้
มือกับหน่วยงานต้นสังกัดและหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนอกจากนี้ยังได้จากการ ๓. เลือกและใช้เสี่ยการเรียนรู้ที่มีคุณภาพความเหมาะสมมีความหลาก
ตรวจแอบทบทวนข้อมูลจากการประเมินระดับสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา หลายสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และ
๔. การประเมินระดับชาติ ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน
เป็ นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่
เรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้ารับการประเมินผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการ
เทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่างๆเพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับ
คุณภาพการจัดการศึกษาตลอดจนเป็ นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจในระดับ
นโยบายของประเทศ
61 62
๔. ประเมินคุณภาพของสื่อการเรียนรู้ที่เลือกใช้อย่างเป็นระบบ ภาคผนวก
๕. ศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ
กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
๖. จัดให้มีการกำกับติดตามประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพ
เกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อการเรียนรู้เป็นระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำการเลือกใช้และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียน
รู้
ที่ใช้ในสถานศึกษาควรคำนึงถึงหลักการสำคัญของสื่อ
การเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตรวัตถุประสงค์
การเรียนรู้การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้การจัประสบการณ์
ให้ผู้เรียนเนื้ อหามีความถูกต้องและทันสมัยไม่กระทบ
ความมั่นคงของชาติไม่ขัดต่อศีลธรรมมีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง
รูปแบบการนำเสนอที่เข้าใจง่ายและนำสนใจ
63 64
อภิธานศัพท์ ขุ่นมัว คำศัพท์
ครา
กังวล ไม่แจ่มใส
เกราะ ครั้ง, คราว
โขต เป็ นห่วง
คลอง เครื่องหุ้มสำหรับป้ องกันอันตราย
ดินหรือหินที่สูงขึ้นเป็ นโคกเป็ นเนิน
คลี่คลาย ทางน้ำหรือลำน้ำที่เกิดขึ้นเองหรือขุด
เจริญ ขึ้นเชื่อมกับแม่น้ำหรือทะเล
ชลาลัย เบาบางลงโดยลำดับ
ชลาสินธุ์ เติบโต, งอกงาม
ชโลม แม่น้ำ
ชอุ่ม แม่น้ำ, ทะเล
ชะตา ลูบไล้ให้เปียก, ทำให้ชุ่มชื่น
เซาะ ชุ่ม, สดชื่น
ลักษณะที่แสดงเหตุดีและเหตุร้าย
พสุธา ทำให้กร่อนหรือสึกหรอเข้าไปทีละ
น้ อย
แผ่นดิน
65 66
สาระการเรียนรู้ สมรรถนะของผู้เรียน
สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ 1.ความสามารถในการสื่อสาร
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซึ่งกำหนดให้ผู้เรียนทุกคนในระดับการศึกษา 2. ความสามารถในการคิด
ขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องเรียนรู้ ดังนี้ องค์ความรู้ ทักษะสำคัญและคุณลักษณะ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ภาษาไทย : ความรู้ ทักษะ และวัฒนธรรมการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ความชื่นชม การเห็นคุณค่าภูมิปัญญาไทย และภูมิใจใน 1. รักชาติศาสน์กษัตริย์
ภาษาประจำชาติ 2. ซื่อสัตย์สุจริต
3. มีวินัย
ความสัมพันธ์ของการพัฒนาคุณภาทผู้เรียนตามหลัก 4.ใฝ่ เรียนรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 6. มุ่งมั่นในการทำงาน
7. รักความเป็นไทย
วิสัยทัศน์ 8. มีจิตสาธารณะ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็น
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
กำลังของชาติให้เป็ นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกายความรู้คุณธรรม
มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครอง 1.ภาษาไทย
ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมี ความรู้และ 2.คณิตศาสตร์
ทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ 3.วิทยาศาสตร์
และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้ นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า 4.ภาษาต่างประเทศ
ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ 5.สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
จุดหมาย 6.สุขศึกษาและพลศึกษา
1.มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและ 7.ศิลปะ
ปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลัก 8.การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
2. มีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ 1.กิจกรรมแนะแนว
เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต 2.กิจกรรมนักเรียน
3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีมีสุขนิสัย และรักการออกกาลัง 3.กิจกรรมเพื่อสังคมและสารารณประโยชน์
4. มีความรักชาติมีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึด
มั่นในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา
กษัตริย์ทรงเป็ นประมุข
5. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การ
อนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์และ
สร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
67 68
กระบวนการคิด
การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เป็นกระบวนการคิด
คนที่จะคิดได้ดีต้องเป็นผู้ฟัง ผู้พูด ผู้อ่าน และผู้เขียนที่ดี บุคคลที่จะ
คิดได้ดีจะต้องมีความรู้และประสบการณ์พื้นฐานในการคิด บุคคลจะ
กระบวนการเขียน มีความสามารถในการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง วิเคราะห์
สังเคราะห์ และประเมินค่า จะต้องมีความรู้และประสบการณ์พื้นฐาน
กระบวนการเขียนเป็ นการคิดเรื่ องที่จะเขียนและรวบรวมความรู้ใน ที่นำมาช่วยในการคิดทั้งสิ้น การสอนให้คิดควรให้ผู้เรียนรู้จักคัด
เลือกข้อมูล
การเขียน กระบวนการเขียน มี ๕ ขั้น ดังนี้ ถ่ายทอด รวบรวม และจำข้อมูลต่างๆ สมองของมนุษย์จะเป็น
ผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร และสามารถแปลความข้อมูลข่าวสาร
๑. การเตรียมการเขียน เป็นขั้นเตรียมพร้อมที่จะเขียนโดยเลือก และสามารถนำมาใช้อ้างอิง การเป็นผู้ฟัง ผู้พูดผู้อ่าน และผู้เขียนที่ดี
จะต้องสอนให้เป็ นผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารที่ดีและเป็ นนักคิดที่ดีด้วย
หัวข้อเรื่องที่จะเขียน บนพื้นฐานของประสบการณ์กำหนดรูปแบบการ กระบวนการสอนภาษาจึงต้องสอนให้ผู้เรียนเป็ นผู้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร
และมีทักษะการคิด นำข้อมูลข่าวสารที่ได้จากการฟังและการอ่านนำ
เขียน รวบรวมความคิดในการเขียนอาจใช้วิธีการอ่านหนังสือ สนทนา มาสู่การฝึกทักษะการคิด นำการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
มาสอนในรูปแบบ บูรณาการทักษะ ตัวอย่าง เช่น การเขียนเป็น
จัดหมวดหมู่ความคิด โดยเขียนเป็นแผนภาพความคิด จดบันทึก กระบวนการคิดในการวิเคราะห์ การแยกแยะ การสังเคราะห์
การประเมินค่า การสร้างสรรค์ ผู้เขียนจะนำ ความรู้และ
ความคิดที่จะเขียนเป็นรูปหัวข้อเรื่องใหญ่ หัวข้อย่อย และราย ประสบการณ์สู่การคิดและแสดงออกตามความคิดของตนเสมอ ต้อง
เป็ นผู้อ่านและผู้ฟั งเพื่ อรับรู้ข่าวสารที่จะนำมาวิเคราะห์และสามารถ
ละเอียดคร่าวๆ แสดงทรรศนะได้
๒. การยกร่างข้อเขียน เมื่อเตรียมหัวข้อเรื่องและความคิดรูปแบบการ
เขียนแล้ว ให้นำความคิดมาเขียนตามรูปแบบที่กำหนดเป็นการยกร่าง
ข้อเขียน โดยคำนึงถึงว่าจะเขียนให้ใครอ่าน จะใช้ภาษาอย่างไรให้
เหมาะสมกับเรื่องและเหมาะกับผู้อื่นจะเริ่มต้นเขียนอย่างไร มีหัวข้อ
เรื่องอย่างไร ลำดับความคิดอย่างไร เชื่อมโยงความคิดอย่างไร
๓.การปรับปรุงข้อเขียนเมื่อเขียนยกร่างแล้วอ่านทบทวน เรื่องที่
เขียน ปรับปรุงเรื่องที่เขียนเพิ่มเติมความคิดให้สมบูรณ์ แก้ไขภาษา
สำนวนโวหาร นำไปให้เพื่อนหรือผู้อื่นอ่าน นำข้อเสนอแนะมาปรับปรุง
อีกครั้ง
๔. การบรรณาธิการกิจนำข้อเขียนที่ปรับปรุงแล้วมาตรวจทานคำผิด
แก้ไขให้ถูกต้องแล้วอ่านตรวจทานแก้ไขข้อเขียนอีกครั้ง แก้ไขข้อผิด
พลาดทั้งภาษา ความคิด และการเว้นวรรคตอน
๕.การเขียนให้สมบูรณ์นำเรื่องที่แก้ไขปรับปรุงแล้วมาเขียนเรื่องให้
สมบูรณ์
จัดพิมพ์ วาดรูปประกอบ เขียนให้สมบูรณ์ด้วยลายมือที่สวยงามเป็น
ระเบียบ
เมื่อพิมพ์หรือเขียนแล้วตรวจทานอีกครั้งให้สมบูรณ์ก่อนจัดทำรูปเล่ม
69 70
กระบวนการอ่าน ๕. การขยายความคิดผู้อ่านจะสะท้อนความเข้าใจในการอ่าน
บันทึกข้อคิดเห็น คุณค่าของเรื่อง เชื่อมโยงเรื่องราวในเรื่องกับ
การอ่านเป็ นกระบวนการซึ่งผู้อ่านสร้างความหมายหรือพัฒนาการตีความ ชีวิตจริง ความรู้สึกจากการอ่าน จัดทำโครงงานหลักการอ่าน
ระหว่างการอ่านผู้อ่านจะต้องรู้หัวข้อเรื่อง รู้จุดประสงค์ของการอ่าน มี เช่น วาดภาพ เขียนบทละครเขียนบันทึกรายงานการอ่าน
ความรู้ อ่านเรื่องอื่นๆ ที่ผู้เขียนคนเดียวกันแต่ง อ่านเรื่องเพิ่มเติมเรื่องที่
ทางภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาที่ใช้ในหนังสือที่อ่านโดยใช้ประสบการณ์เดิม เกี่ยวโยงกับเรื่องที่อ่าน เพื่อให้ได้ความรู้ที่ชัดเจนและกว้างขวาง
เป็นประสบการณ์ทำความเข้าใจกับเรื่องที่อ่าน กระบวนการอ่าน มีดังนี้ ขึ้น
๑.การเตรียมการอ่านผู้อ่านจะต้องอ่านชื่อเรื่องหัวข้อย่อยจากสารบัญเรื่อง
อ่านคำนำให้ทราบจุดมุ่งหมายของหนังสือตั้งจุดประสงค์ของการอ่านจะ
อ่านเพื่อความเพลิดเพลินหรืออ่านเพื่อหาความรู้ วางแผนการอ่านโดยอ่าน
หนังสือตอนใดตอนหนึ่ งว่าความยากง่ายอย่างไรหนังสือมีความยากมาก
น้ อยเพียงใดรูปแบบของหนังสือเป็นอย่างไร เหมาะกับผู้อ่านประเภทใด
เดาความว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรเตรียมสมุด ดินสอสำหรับจดบันทึก
ข้อความหรือเนื้ อเรื่ องที่สำคัญขณะอ่าน
๒.การอ่านผู้อ่านจะอ่านหนังสือให้ตลอดเล่มหรือเฉพาะตอนที่ต้องการอ่าน
ขณะอ่านผู้อ่านจะใช้ความรู้จากการอ่านคำความหมายของคำมาใช้ในการ
อ่านรวมทั้งการรู้จักแบ่งวรรคตอนด้วยการอ่านเร็วจะมีส่วนช่วยให้ผู้อ่าน
เข้าใจเรื่องได้ดีกว่าผู้อ่านช้าซึ่งจะสะกดคำอ่านหรืออ่านย้อนไปย้อนมาผู้อ่าน
จะใช้บริบทหรือคำแวดล้อมช่วยในการตีความหมายของคำเพื่อทำความ
เข้าใจเรื่องที่อ่าน
๓.การแสดงความคิดเห็น ผู้อ่านจะจดบันทึกข้อความที่มีความสำคัญหรือ
เขียนแสดง ความคิดเห็น ตีความข้อความที่อ่าน อ่านซ้ำในตอนที่ไม่
เข้าใจเพื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้องขยายความคิดจากการอ่านจับคู่กับเพื่อน
สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตั้งข้อสังเกตจากเรื่องที่อ่านถ้าเป็นการ
อ่านบทกลอนจะต้องอ่านทำนองเสนาะดังๆเพื่ อฟั งเสียงการอ่านและเกิด
จินตนาการ
4.การอ่านสำรวจผู้อ่านจะอ่านซ้ำโดยเลือกอ่านตอนใดตอนหนึ่ง ตรวจสอบ
คำและภาษาที่ใช้สำรวจโครงเรื่องของหนังสือเปรียบเทียบหนังสือที่อ่านกับ
หนังสือที่เคยอ่าน สำรวจและเชื่อมโยงเหตุการณ์ในเรื่องและการลำดับเรื่อง
และสำรวจคำสำคัญที่ใช้ในหนังสือ
71 72
การเขียนเชิงสร้างสรรค์ การตีความ
การเขียนเชิงสร้างสรรค์เป็นการเขียนโดยใช้ความรู้ประสบการณ์ และ
จินตนาการในการเขียน เช่น การเขียนเรียงความ นิทาน เรื่องสั้น นวนิยาย การตีความเป็นการใช้ความรู้และประสบการณ์ของผู้อ่านและการใช้บริบท ได้แก่
และบทร้อยกรอง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ผู้เขียนจะต้อง คำที่แวดล้อมข้อความทำความเข้าใจข้อความ หรือกำหนดความหมายของคำให้
มีความคิดดี มีจินตนาการดี มีคลังค าอย่างหลากหลายสามารถนำคำมาใช้ใน ถูกต้องพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายว่า
การเขียน ต้องใช้เทคนิคการเขียน และใช้ถ้อยคำอย่างสละสลวย การตีความหมายชี้หรือกำหนดความหมาย ให้ความหมายหรืออธิบาย ใช้หรือปรับ
ให้เข้าใจเจตนา และความมุ่งหมายเพื่อความถูกต้องการเปลี่ยนแปลงของภาษา
การดู ภาษาย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาหนึ่ งในสมัยหนึ่ งเขียนอย่างหนึ่ งอีก
สมัยหนึ่งเขียนอีกอย่างหนึ่งคำว่า ประเทศ แต่เดิมเขียน ประเทศ คำว่า ปักษ์ใต้
การดูเป็นการรับสารจากสื่อภาพและเสียง แ ละแสดงทรรศนะได้จากการรับรู้ แต่เดิมเขียน ปักใต้ ในปัจจุบันเขียนปักษ์ใต้ภาษาจึงมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งความ
สารตีความ แปลความ วิเคราะห์ และประเมินคุณค่าสารจากสื่อ เช่น การดู หมายและการเขียนบางคำ เช่น คำว่า หล่อน เป็นคำสรรพนามแสดงถึงคำพูด
โทรทัศน์ การดูคอมพิวเตอร์ การดูละคร การดูภาพยนตร์ การดูหนังสือการ์ตูน สรรพนามบุรุษที่ 3 ที่เป็นคำสุภาพ แต่เดี๋ยวนี้คำว่าหล่อน มีความหมายในเชิงดู
( แม้ไม่มีเสียงแต่มีถ้อยคำอ่านแทนเสียงพูด ) ผู้ดูจะต้องรับรู้สาร จากการดู แคลน์ เป็นต้น การสร้างสรรค์
และนำมาวิเคราะห์ ตีความ และประเมินคุณค่าของสารที่เป็นเนื้อเรื่องโดยใช้
หลักการพิจารณาวรรณคดีหรือการวิเคราะห์วรรณคดีเบื้องต้น เช่น แนวคิด การสร้างสรรค์
ของเรื่อง ฉากที่ประกอบเรื่องสมเหตุสมผล กิริยาท่าทาง และการแสดงออก
ของตัวละครมีความสมจริงกับบทบาท โครงเรื่อง เพลง แสง สี เสียง ที่ใช้ การสร้างสรรค์ คือ การรู้จักเลือกความรู้ประสบการณ์ที่มีอยู่เดิมมาเป็น
ประกอบการแสดงให้อารมณ์แก่ผู้ดูสมจริงและสอดคล้องกับยุคสมัยของ พื้นฐานในการสร้างความรู้ความคิดใหม่ หรือสิ่งแปลกใหม่ที่มีคุณภาพและมี
เหตุการณ์ที่จำลองสู่บทละครคุณค่าทางจริยธรรม คุณธรรมและคุณค่าทาง ประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม บุคคลที่จะมีความสามารถในการสร้างสรรค์จะต้อง
สังคมที่มีอิทธิพลต่อผู้ดูหรือ เป็นบุคคลที่มีความคิดอิสระอยู่เสมอ มีความเชื่อมั่นในตนเอง มองโลกในแง่
ผู้ชม ถ้าเป็นการดูข่าวและเหตุการณ์ หรือการอภิปราย การใช้ความรู้หรือเรื่อง ดี คิดไตร่ตรองไม่ตัดสินใจสิ่งใดง่าย ๆ การ สร้างสรรค์ของมนุษย์ จะเกี่ยว
ที่เป็นสารคดี การโฆษณาทางสื่อจะต้องพิจารณาเนื้อหาสาระว่าสมควรเชื่อถือ เนื่องกันกับความคิด การพูด การเขียนและการกระทำเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจะ
ได้หรือไม่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ ความคิดสำคัญและมีอิทธิพลต่อการ ต้องมีการคิดเชิงสร้างสรรค์เป็ นพื้ นฐานความคิดเชิงสร้างสรรค์เป็ นความคิดที่
เรียนรู้มาก และการดูละครเวทีละครโทรทัศน์ ดูข่าวทางโทรทัศน์จะเป็น พัฒนามา จากความรู้และประสบการณ์เดิม ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของการพูด
ประโยชน์ได้รับความสนุกสนาน ต้องดูและวิเคราะห์ ประเมินค่าสามารถแสดง การเขียน และการกระทำเชิงสร้างสรรค์การพูดและการเขียนเชิงสร้างสรรค์
ทรรศนะของตนได้อย่างมีเหตุผล เป็นการแสดงออกทางภาษาที่ใช้ภาษาขัดเกลาให้ไพเราะงดงาม เหมาะสม
ถูกต้องตามเนื้อหาที่พูดและเขียนการกระทำเชิงสร้างสรรค์ เป็นการกระทำ
ที่ไม่ซ้ำแบบเดิม และคิดค้นใหม่แปลกไปจากเดิมและเป็นประโยชน์ที่สูงขึ้น
ข้อมูลสารสนเทศข้อมูลสารสนเทศ หมายถึง เรื่องราว ข้อเท็จจริง ข้อมูล
หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่สามารถ สื่อความหมายด้วยการพูดบอกเล่า บันทึกเป็น
เอกสาร รายงาน หนังสือแผนที่ แผนภาพ ภาพถ่าย บันทึกด้วยเสียงและ
ภาพบันทึกด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเก็บเรื่องราวต่าง ๆ
บันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วยวิธีต่าง ๆ
73 74
ความหมายของคำ คุณค่าของงานประพันธ์
คำที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารมีความหมายแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
1. ความหมายโดยตรง เป็นความหมายที่ใช้พูดจากันตรงตาม เมื่อผู้อ่านอ่านวรรณคดีหรือวรรณกรรมแล้วจะต้องประเมินงานประพันธ์
ความหมาย คำหนึ่ง ๆ นั้น อาจมีความหมายได้หลายความหมาย ให้เห็นคุณค่าของงานประพันธ์ทำให้ผู้านอ่านอย่างสนุก และได้รับประโยชน์
เช่น คำว่า กา อาจมีความ หมายถึง ภาชนะใส่น้ำหรืออาจหมายถึง จาการอ่านงานประพันธ์ คุณค่าของงานประพันธ์แบ่งได้เป็น 2ประการ คือ
นกชนิดหนึ่ง ตัวสีดำร้องกา กา เป็นความหมายโดยตรง 1.คุณค่าด้านวรรณศิลถ้าอ่านบทร้อยกรองก็จะพิจารณากลวิธีการแต่ง
2. ความหมายแฝง คำอาจมีความหมายแฝงเพิ่มจากความหมาย การเลือกถ้อยคำมาใช้ได้ไพเราะมีความคิดสร้างสรรค์ และให้ความสะเทือน
โดยตรง มักเป็นความหมายเกี่ยวกับความรู้สึก เช่น คำว่า ขี้ อารมณ์ ถ้าเป็นบทร้อยแก้วประเภทสารคดี รูปแบบการเขียนจะเหมาะสม
เหนียว กับ ประหยัด หมายถึง ไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เป็นความ กับเนื้อเรื่อง วิธีการนำเสนอน่าสนใจ เนื้อหามีความถูกต้อง ใช้ภาษาสละ
หมายตรงแต่ความรู้สึกต่างกัน ประหยัดเป็นสิ่งดี แต่ขี้เหนียวเป็น สลวยชัดเจนการนำเสนอมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเป็นร้อยแก้วประเภท
สิ่งไม่ดี บันเทิงคดี
3. ความหมายในบริบท คำบางคำมีความหมายตรง เมื่อร่วมกับ องค์ประกอบของเรื่องไม่ว่าเรื่องสั้น นวนิยาย นิทาน จะมีแก่นเรื่อง โครง
คำอื่นจะมีความหมายเพิ่มเติมกว้างขึ้น หรือแคบลงได้ เช่น เรื่อง ตัวละครมีความสัมพันธ์กันกลวิธีการแต่งแปลกใหม่ น่า สนใจปม
คำว่า ดี เด็กดี หมายถึง ว่านอนสอนง่าย ขัดแย้งในการแต่งสร้างความสะเทือนอารมณ์การใช้ถ้อยคำสร้างภาพ
เสียงดี หมายถึง ไพเราะ ดินสอดี หมายถึงเขียนได้ดี ได้ชัดเจน คำพูดในเรื่องเหมาะสมกับบุคลิกของตัวละครมีความคิด
สุขภาพดี หมายถึง ไม่มีโรค ความหมายบริบทเป็น สร้างสรรค์เกี่ยวกับชีวิตและสังคมคุณค่าด้านสังคม เป็นคุณค่าทางด้าน
ความหมายเช่นเดียวกับความหมายแฝง วัฒนธรรม
ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ และคุณค่า
ทางจริยธรรม
2.คุณค่าด้านสังคม เป็นคุณค่าที่ผู้อ่านจะเข้าใจชีวิตทั้งในโลกทัศน์และ
ชีวทัศน์เข้าใจการดำเนินชีวิตและเข้าใจเพื่อนมนุษย์ดีขึ้น เนื้อหา
ย่อมเกี่ยวข้องกับการช่วยจรรโลงใจแก่ผู้อ่าน ช่วยพัฒนาสังคม
ช่วยอนุรักษ์สิ่งมีคุณค่าของชาติบ้านเมือง และสนับสนุนค่านิยมอันดีงาม
75 76
โครงงาน ธรรมชาติของภาษา
โครงงานเป็ นการจัดการเรียนรู้วิธีหนึ่ งที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนด้วย ธรรมชาติของภาษาเป็นคุณสมบัติของภาษาที่สำคัญ มีคุณสมบัติพอสรุปได้ คือ
การค้นคว้า ลงมือปฏิบัติจริงในลักษณะของการสำรวจ ค้นคว้า ทดลอง ประการที่หนึ่งทุกภาษาจะประกอบด้วยเสียงและความหมาย โดยมีระเบียบ
ประดิษฐ์คิดคั้น ผู้เรียนจะรวบรวมข้อมูลนำมาวิเคราะห์ ทดสอบเพื่อแก้ แบบแผนหรือกฎเกณฑ์ในการใช้อย่างเป็นระบบประการที่สอง ภาษามีพลัง
ปัญหาข้องใจ ผู้เรียนจะนำความรู้ จากชั้นเรียน มาบูรณาการในการ ในการงอกงามมิรู้สิ้นสุด หมายถึงมนุษย์สามารถใช้ภาษาสื่อความหมายได้
แก้ปัญหา ค้นหาคำตอบเป็นกระบวนการค้นพบนำไปสู่การเรียนรู้ โดยไม่สิ้นสุดประการที่สาม ภาษาเป็นเรื่องของการใช้สัญลักษณ์ร่วมกันหรือ
ผู้เรียนจะเกิดทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะการจัดการผู้สอนจะ สมมติร่วมกันและมีการรับรู้สัญลักษณ์หรือสมมติร่วมกัน เพื่อสร้างความเข้าใจ
เข้าใจผู้เรียน เห็นรูปแบบการเรียนรู้ การคิด วิธีการทำงานของผู้เรียน ตรงกัน ประการที่สี่ภาษาสามารถใช้ภาษาพูดในการติดต่อสื่อสาร ไม่จำกัด
จากการสังเกตการทำงานของผู้เรียนการเรียนแบบโครงงานเป็ น เพศของผู้ส่งสาร ไม่ว่าหญิง ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ สามารถผลัดกันในการส่งสาร
การเรียนแบบศึกษาค้นคว้าวิธีการหนึ่ง แต่เป็นการศึกษาค้นคว้าที่ใช้ และรับสารได้ประการที่ห้า ภาษาพูดย่อมใช้ได้ทั้งในปัจจุบัน อดีต และอนาคต
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ปัญหา เป็นการพัฒนาผู้ ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ประการที่หกภาษาเป็นเครื่องมือการถ่ายทอด
เรียนให้เป็นคนมีเหตุผล สรุปเรื่องราวอย่างมีกฎเกณฑ์ ทำงานอย่าง วัฒนธรรม และวิชาความรู้นานาประการ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
มีระบบ การเรียนแบบโครงงานไม่ใช่การศึกษาค้นคว้าจัดทำรายงาน และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
เพียงอย่างเดียว ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูล
แนวคิดในวรรณกรรม
ทักษะการสื่ อสาร
แนวคิดในวรรณกรรมหรือแนวเรื่ องในวรรณกรรมเป็ นความคิดสำคัญในการผูก
ทักษะการสื่อสาร ได้แก่ ทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน เรื่องให้ ดำเนินเรื่องไปตามแนวคิด หรือเป็นความคิดที่สอดแทรกในเรื่องใหญ่
ซึ่งเป็นเครื่องมือของการส่งสารและการรับสาร การส่งสาร ได้แก่ แนวคิดย่อมเกี่ยวข้องกับมนุษย์และสังคม เป็นสารที่ผู้เขียนส่งให้ผู้อ่าน เช่น
การส่งความรู้ ความเชื่อ ความคิด ความรู้สึกด้วยการพูด และการเขียน ความดีย่อมชนะความชั่ว ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ความยุติธรรมทำให้โลกสันติสุข
ส่วนการรับสาร ได้แก่ การรับความรู้ ความเชื่อ ความคิด ด้วยการอ่าน คนเราพัน ความตายไปไม่ได้ เป็นต้น ฉะนั้นแนวคิดเป็นสารที่ผู้เขียนต้องการ
และการฟัง การฝึกทักษะการสื่อสารจึงเป็นการฝึกทักษะการพูด การฟัง ส่งให้ผู้อื่นทราบ เช่น ความดีความยุติธรรม ความรัก เป็นต้น
การอ่าน และการเขียน ให้สามารถรับสารและส่งสารอย่างมี
ประสิทธิภาพ
77 78
ภาษาพูดกับภาษาเขียน ระดับภาษา
ภาษาพูดเป็นภาษาที่ใช้พูดจากัน ไม่เป็นแบบแผนภาษา ไม่ ภาษาเป็ นวัฒนธรรมที่คนในสังคมจะต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องกับสถานการณ์
พิถีพิถันในการใช้แต่ใช้สื่ อสารกันได้ดีสร้างความรู้สึกที่เป็ นกันเอง และโอกาสที่ใช้ภาษาบุคคลและประชุมชน การใช้ภาษาจึงแบ่งออกเป็นระดับ
ใช้ในหมู่เพื่อนฝูง ในครอบครัวและติดต่อสื่อสารกันอย่างไม่เป็น ของการใช้ภาษาได้หลายรูปแบบตำราแต่ละเล่มจะแบ่งระดับภาษาแตกต่าง
ทางการ กันตามลักษณะของสัมพันธภาพของบุคคลและสถานการณ์การแบ่งระดับ
การใช้ภาษาพูดจะใช้ภาษาที่เป็นกันเองและสุภาพ ขณะเดียวกันก็ ภาษา
คำนึงว่าพูดกับบุคคลที่มีฐานะต่างกัน การใช้ถ้อยคำก็ต่างกันไปด้วย ประมวลได้ ดังนี้
ไม่คำนึงถึงหลักภาษาหรือระเบียบแบบแผนการใช้ภาษามากนักส่วน 1. การแบ่งระดับภาษาที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ภาษาเขียนเป็ นภาษาที่ใช้เคร่งครัดต่อการใช้ถ้อยคำและคำนึงถึง 11 ภาษาที่ไม่เป็นทางการหรือภาษาที่เป็นแบบแผน เช่น การใช้ภาษาใน
หลักภาษาเพื่อใช้ในการสื่อสารให้ถูกต้องและใช้ในการเขียน
มากกว่าพูด ต้องใช้ถ้อยคำที่สุภาพ เขียนให้เป็นประโยคเลือกใช้ การประชุม ในการกล่าวสุนทรพจน์ เป็นต้น
ถ้อยคำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในการสื่ อสารเป็ นภาษาที่ใช้ใน 1.2 ภาษาที่ไม่เป็นทางการหรือภาษาที่ไม่เป็นแบบแผน เช่น การใช้ภาษาใน
พิธีการต่าง ๆ เช่น การกล่าวรายงานกล่าวปราศรัยกล่าวสดุดี การ การสนทนา การใช้ภาษาในการเขียนจดหมายถึงผู้คุ้นเคย การใช้ภาษาใน
ประชุมอภิปราย การเล่าเรื่องหรือประสบการณ์
2. การแบ่งระดับภาษาที่เป็นพิธีการกับระดับภาษาที่ไม่เป็นพิธีการ การแบ่ง
หการืรอปกาาฐรกเลถ่นาคจำะจรนะกมัลดารยะภเูวปัม็งินกปักาญรารใญชพู้คดาำหทที้ร่ืไออมเ่งขจถีำิย่เนนป็เนล่หนรๆือ คำฟุ่มเฟือย ภาษาแบบนี้เป็นการแบ่งภาษาตามความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นระดับ ดังนี้
2.1 ภาษาระดับพิธีการ เป็นภาษาแบบแผน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น ( Local Wisdom ) บางครั้ง เรียกว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน 2.2 ภาษาระดับกึ่งพิธีการ เป็นภาษากึ่งแบบแผน
เป็นกระบวนทัศน์( Paradigm ) ของคนในท้องถิ่นที่มีความสัมพันธ์ 2.3 ภาษาระดับที่ไม่เป็นพิธีการ เป็นภาษาไม่เป็นแบบแผน
ระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติ เพื่อความอยู่รอดแต่คนในท้องถิ่น 3. การแบ่งระดับภาษาตามสภาพแวดล้อม โดยแบ่งระดับภาษาในระดับย่อย
จะสร้างความรู้จากประสบการณ์และจากการปฏิบัติ เป็นความรู้ ความคิดที่
นำมาใช้ในท้องถิ่นของตนเพื่อการดำรงชีวิตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับ เป็น 5 ระดับ คือ
ธรรมชาติ ผู้รู้จึงกลายเป็น ปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้เกี่ยวกับภาษา 3.1 ภาษาระดับพิธีการ เช่น การกล่าวปราศรัย การกล่าวเปิดงาน
ยารักษาโรคและการดำเนินชีวิตในหมู่บ้านอย่างสงบสุข 3.2 ภาษาระดับทางการ เช่น การรายงาน การอภิปราย
3.3 ภาษาระดับกึ่งทางการ เช่น การประชุมอภิปราย การปาฐกถา
ภูมิปั ญญาทางภาษา 3.4 ภาษาระดับการสนทนา เช่น การสนทนากับบุคคลอย่างเป็นทางการ
3.5 ภาษาระดับกันเอง เช่น การสนทนาพูดคุยในหมู่เพื่อนฝูงในครอบครัว
ภูมิปัญญาทางภาษาเป็นความรู้ทางภาษา วรรณกรรมท้องถิ่น บทเพลง
สุภาษิต คำพังเพยในแต่ละท้องถิ่น ที่ได้ใช้ภาษาในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ วิจารณญาณ
เพื่ อใช้ประโยชน์ในกิจกรรมทางสังคมที่ต่างกันโดยนำภูมิปั ญญาทางภาษาใน
การสั่งสอนอบรมพิธีการต่าง ๆ การบันเทิงหรือการละเล่นมีการแต่งเป็น วิจารณญาณ หมายถึง การใช้ความรู้ ความคิด ทำความเข้าใจเรื่องใด
คำประพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนิทาน ตำนาน บทเพลง บทร้องเล่น เรื่ องหนึ่ งอย่างมีเหตุผลการมีวิจารณญาณต้องอาศัยประสบการณ์ใน
บทเห่กล่อม บทสวดต่างๆ บททำขวัญ เพื่อประโยชน์ทางสังคมและ การพิจารณาตัดสินสารด้วยความรอบคอบ และอย่างชาญฉลาด
เป็ นส่วนหนึ่ งของวัฒนธรรมประจำถิ่น เป็ นเหตุเป็ นผล
79 80
บริบท ภาษาถิ่น
บริบทเป็น คำที่แวดล้อมข้อความที่อ่าน ผู้อ่านจะใช้ความรู้สึกและ ภาษาถิ่นเป็นภาษาพื้นเมืองหรือภาษาที่ใช้ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นภาษาดั้งเดิม
ประสบการณ์มากำหนดความหมายหรือความเข้าใจ โดยนำคำแวดล้อม ของชาวพื้นบ้านที่ใช้พูดจากันในหมู่เหล่าของตน บางครั้งจะใช้คำที่มีความ
มาช่วยประกอบความรู้และประสบการณ์ เพื่อทำความเข้าใจหรือความ หมายต่างกันไปเฉพาะถิ่น บางครั้งคำที่ใช้พูดจากันเป็นคำเดียวความหมาย
หมายของคำ ต่างกันแล้วยังใช้สำเนียงที่ต่างกัน จึงมีคำกล่าวที่ว่า "สำเนียง บอกภาษา"
สำเนียงจะบอกว่าเป็นภาษาอะไร และผู้พูดเป็นคนถิ่นใด อย่างไรก็ตามภาษา
พลังของภาษา ถิ่นในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็ นภาษาถิ่นเหนือ
ถิ่นอีสานถิ่นใต้สามารถสื่อสารเข้าใจกันได้ เพียงแต่สำเนียงแตกต่างกันไป
ภาษาเป็ นเครื่ องมือในการดำรงชีวิตของมนุษย์มนุษย์จึงสามารถเรียนรู้ เท่านั้น
ภาษาเพื่ อการดำรงชีวิตเป็ นเครื่ องมือของการสื่ อสารและสามารถพัฒนา
ภาษาของตนได้ ภาษาช่วยให้คนรู้จักคิดและแสดงออกของความ ภาษาไทยมาตรฐาน
คิดด้วยการพูด การเขียน และการกระทำซึ่งเป็นผลจากการคิด ถ้าไม่มี
ภาษา คนจะคิดไม่ได้ ถ้าคนมีภาษาน้ อย มีคำศัพท์น้ อย ความคิดของ ภาษาไทยมาตรฐานหรือบางทีเรียกว่า ภาษาไทยกลางหรือภาษาราชการ
คนก็จะแคบไม่กว้างไกล คนที่ใช้ภาษาได้ดีจะมีความคิดดีด้วย คนจะใช้ เป็นภาษาที่ใช้ สื่อสารกันทั่วประเทศและเป็นภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอน
ความคิดและแสดงออกทางความคิดเป็นภาษา ซึ่งส่งผลไปสู่การกระทำ เพื่อให้คนไทยสามารถใช้ภาษาราชการ ในการติดต่อสื่อสารสร้างความเป็น
ผลของการกระทำส่งผลไปสู่ความคิดซึ่งเป็นพลังของภาษา ภาษาจึงมี ชาติไทย ภาษาไทยมาตรฐานก็คือภาษาที่ใช้กันในเมืองหลวง ที่ใช้ติดต่อกัน
บทบาทสำคัญต่อมนุษย์ช่วยให้มนุษย์พัฒนาความคิด ช่วยดำรงสังคม ทั้งประเทศ มีคำและสำเนียงภาษาที่เป็นมาตรฐาน ต้องพูดให้ชัดถ้อยชัดคำ
ให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข มีไมตรีต่อกัน ช่วยเหลือกัน ได้ตามมาตรฐานของภาษาไทย ภาษากลางหรือภาษาไทยมาตรฐานมีความ
ด้วยการใช้ภาษาติดต่อสื่อสารกัน ช่วยให้คนปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ สำคัญในการสร้างความเป็นปีกแผ่น วรรณคดีมีการถ่ายทอดกันมาเป็น
ของสังคม ภาษาช่วยให้มนุษย์เกิดการพัฒนา ใช้ภาษาในการแลก วรรณคดีประจำชาติจะใช้ภาษาที่เป็ นภาษาไทยมาตรฐานในการสร้างสรรค์
เปลี่ยนความคิดเห็นการอภิปรายโต้แย้ง เพื่อนำไปสู่ผลสรุป มนุษย์ใช้ งานประพันธ์ ทำให้วรรณคดีเป็นเครื่องมือในการศึกษาภาษาไทยมาตรฐาน
ภาษาใน ได้
การเรียนรู้ จดบันทึกความรู้ แสวงหาความรู้และช่วยจรรโลงใจด้วย
การอ่านบทกลอน ร้องเพลง ภาษายังมีพลังในตัวของมันเอง เพราะ
ภาพย่อมประกอบด้วยเสียงและความหมาย การใช้ภาษาใช้ถ้อยคำ
ทำให้เกิด
ความรู้สึกต่อผู้รับสาร ให้เกิดความจงเกลียดจงชังหรือเกิดความชื่น
ชอบ ความรักย่อมเกิดจากภาษาทั้งสิ้น ที่นำไปสู่ผลสรุปที่มี
ประสิทธิภาพ
81 คณะผู้จัดทำ
ที่มา 1. นางสาวยุพารัตน์ ศรีสุขโข 6594110005
2. นางสาวปฐมพร มุ่งสระกลาง 6594110027
https://www.google.co.th/url? 3. นางสาวนลินนิภา สมบัติ 6594110029
sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=&ved=2ah 4. นางสาวพรรณพษา ใจกล้า 6594110039
UKEwjbxeKH3s36AhWd2nMBHTZuBTEQFnoECA0 5. นางสาวชนัดดา นนทโคตร
QAQ&url=http%3A%2F%2Facademic.obec.go.th%2
Fimages%2Fdocument%2F1559878925_d_1.pdf&u
sg=AOvVaw15dKsW7wcDcgE5WZdYq0k3