Med to Meet You บอกเลากาวทันหมอ คลินิกผูปวยหัวใจลมเหลว การรักษาตอเนื่องเพื่อช�ว�ตที่ดีข�้น จ�ตแพทยดานการเสพติด การฟนฟู ใหกลับมาใชช�ว�ตอยางมีคุณภาพ คลินิกวัยทอง เพ�่อสุขภาพที่ดีของสตร� ปที่ 7 ฉบับที่ 79 ประจําเดือน ตุลาคม 2565
14 18 19 20 22 23 24 26 เจ้าของโดย : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย : (02) 256 4260 งานประชาสัมพันธ์และจัดหารายได้ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : (02) 256 4183, (02) 256 4462 ISSN : 2465-4639 ติดตามอ่านวารสารฉบับออนไลน์ได้ที่ ที่ปรึกษา I รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ศ.พญ.บุรณี กาญจนถวัลย์ ผศ.พญ.ยุวรีย์ พิชิตโชค ศ.ดร.นพ.สิทธิศักดิ์ หรรษาเวก น.ส.เฉลาศรี เสงี่ยม ผศ.(พิเศษ)นพ.สุรินทร์ อัศววิทูรทิพย์ รศ.พญ.กัญญรัตน์ กรัยวิเชียร บรรณาธิการ I ผศ.พญ.สุรัญชนา เลิศศิริโสภณ ผู้ช่วยบรรณาธิการ I นายธีรพร ยินเจริญ นายเสฎฐ์ศุภณัฐ รัศมิทัต กองบรรณาธิการ I นางอัญชลี โสตถิพันธุ์ ภญ.วรรณี อิทธิวัฒนกุล ผศ.ดร.นพ.อมรพันธุ์ เสรีมาศพันธุ์ อ.พญ.ณัฏฐ์กฤตา โพธิพรธวัฒน์ อ.นพ.วรพล จรูญวณิชกุล ผศ.นพ.เสกข์ แทนประเสริฐสุข ผศ.นพ.ธีรยุทธ รุ่งนิรันดร ภญ.พวงเพ็ญ ฤทธิวีรกูล ภญ.พรพรรณ ทวิชชาติวิทยากุล ทพญ.สุธิดา วานิชชานนท์ ทพญ.ทิชา ทองระกาศ น.ส.เนตร์สุวีณ์ เจริญจิตสวัสดิ์ น.ส.นพมาศ แววจินดา น.ส.พรรณทิพย์ โรจนถาวร นางสาวชัชวรรณ วิชัยดิษฐ์ นางสาวอภิชญา ษมาวัตร นสพ.รหัท หลงสมบูรณ์ ฝ่ายประสานงาน I น.ส.วัสยนรรณ วิริยะกิรติการ น.ส.ธนัสมณ พลศร น.ส.วิไลลักษณ์ อยู่ในธรรม น.ส.เกสรา พากเพียร น.ส.จณิสตา ใจธรรม น.ส.สุชาวดี พันคง ศิลปกรรม I นายณฐกร ไกรโสภา นายปฏิวัติ พรหมฤดี ช่างภาพ I นายภัทรวีร์ วรฉัตร นายกศก เอี่ยมส�ำอางค์ นายมงคลชัย หมื่นทวี พิสูจน์อักษร I น.ส.วิไลลักษณ์ อยู่ในธรรม น.ส.วัสยนรรณ วิริยะกิรติการ น.ส.วนิดา บุญวาส น.ส.เกสรา พากเพียร น.ส.จารุวดี กาฬโอฆะ จัดท�ำโดย บริษัท เนเบอร์ มีเดีย จ�ำกัด พิสูจน์อักษร I น.ส.เมธินี ชาญวลิชล ประสานงาน I นายพสธร ขอขจายเกียรติ น.ส.ศรียุพา แพนลา ศิลปกรรม I ว่าที่ ร.ต. ณัฏฐพงศ์ มีเพียร ช่างภาพ I นายศักดิ์สิริ ทรัพย์ยิ่ง พิมพ์ที่ I บริษัท จามจุรีโปรดักส์ จ�ำกัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ช่องทางติดต่อ @chulahospital @prmdcu ChulalongkornHospital คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/ https://www.chula.ac.th/academic/faculty-of-medicine/ MDCU&KCMH คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กองบรรณาธิการ 04 06 08 09 10 11 12 Special Scoop ณ จุฬา Good News Chula Innovation เรื่องเล่าเข้าวอร์ด รอบรั้วบ้านเรา คนจุฬาฯ เรื่องจากปก Med to Meet You More Than A Med Student บอกเล่าก้าวทันหมอ สารพัดเรื่องฟัน สารพันเรื่องยา Chula Round Up Chula Privilege สารบัญ ความรู้และวิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบันมีปริมาณมาก บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับต่างพัฒนาความรู้และทักษะของตน เพื่อให้เกิดความช�ำนาญเฉพาะด้าน หากแต่การดูแลผู้ป่วยให้ได้มาตรฐานสูงสุดนั้น ไม่สามารถอาศัยความรู้ความช�ำนาญของวิชาชีพใด วิชาชีพหนึ่งได้ จ�ำเป็นต้องมีการท�ำงานเป็นทีม มีการดูแลอย่างผสมผสานเพื่อให้สุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้นโดยองค์รวม วารสาร ฬ ฉบับนี้ เสนอเรื่องราวตัวอย่างของการดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพที่ยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วย จนได้รับรางวัล ในระดับนานาชาติ ได้แก่ รางวัล World Stroke Organization Angels Awards 2021 ระดับ Platinum ของศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ด้านโรคหลอดเลือดสมอง และรางวัลจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา American Heart Association Get with the Guidelines ระดับ Bronze Awards ที่มอบให้กับคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว ทั้งสองรางวัลล้วนเป็นการการันตีมาตรฐานการรักษาระดับ นานาชาติและสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นอกจากนี้ วารสาร ฬ ยังขอน�ำเสนอเรื่องราวของ “คลินิกวัยทอง” อีกหนึ่งต้นแบบของการดูแลสหสาขาวิชาชีพ ซึ่งด�ำเนินงานทั้ง การป้องกัน รักษา และยกระดับคุณภาพชีวิตของสตรีวัยทองมาจนครบรอบ 30 ปี ในปี พ.ศ. 2565 นี้ สะท้อนวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ในการเป็น “สถาบันต้นแบบทางการแพทย์ที่มีคุณธรรม ด้วยคุณภาพมาตรฐานในระดับนานาชาติ” อย่างแท้จริง ผศ.พญ.สุรัญชนา เลิศศิริโสภณ ผู้ช่วยผู้อ�ำนวยการฯ ด้านสื่อสารองค์กร บรรณาธิการ 3 ความภูมิใจ แห่งการดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพ
4 Special Scoop เวลา 14.00 น. เสด็จพระราชด�ำเนินถึง อาคารรัตนวิทยพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมี นายเตช บุนนาค เลขาธิการ สภากาชาดไทย คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม เหรัญญิกสภากาชาดไทย ศ.ไพรัช ธัชยพงษ์ รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ สภากาซาดไทย น.ส.เฉลาศรี เสงี่ยม หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ ศ.นพ.ชวลิต เลิศบุษยานุกูล หัวหน้าสาขารังสี รักษาและมะเร็งวิทยา ฝ่ายรังสีวิทยา เฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด�าเนินทรงเปิด “ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศ.นพ.ชวลิต เลิศบุษยานุกูล และ อ.ดร.พญ.ณปภัช อมรวิเชษฐ์ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร หนังสือที่ระลึก และของที่ระลึก เมื่อวันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด�ำเนิน มายังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และทรงเปิด “ศูนย์โปรตอน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” โดยมีพระราชกรณียกิจดังนี้
5 รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กราบบังคมทูลรายงาน ทอดพระเนตรนิทรรศการของศูนย์โปรตอน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยมี ผศ.นพ.ชลเกียรติ ขอประเสริฐ และ อ.ดร.พญ.ณปภัช อมรวิเชษฐ์ เป็นผู้ถวายรายงาน ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย “ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” พร้อมทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก เสด็จลงชั้น B2 ไปยังห้องควบคุม ทรงกดปุ่มเปิดเครื่องและทอดพระเนตรการท�ำงานของเครื่องฉายอนุภาคโปรตอน พร้อมทั้งทอดพระเนตรการท�ำงานของเครื่องโปรตอนโดยใช้หุ่นจ�ำลอง
6 การประชุมผู้แทนสภากาชาดฝ่ายบูรพประเทศครั้งที่1เป็นการประชุม วิชาการนานาชาติด้านการแพทย์และสาธารณสุขครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ สยามประเทศ ในปีพ.ศ. 2465 รัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต อุปนายกผู้อ�ำนวยการ สภากาชาดสยาม ทรงเป็นประธานในการจัดประชุมผู้แทนจากนานาชาติณ ศาลาสหทัย สมาคม กรุงเทพฯ ได้รับผลส�ำเร็จเป็นอย่างดีผู้แทนสภากาชาดนานาชาติได้มาเยี่ยมชมกิจการ ของสภากาชาดไทย ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในภาพเป็นภาพถ่ายร่วมกันที่ตึกวชิรุณหิศ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์การประชุมนานาชาติครั้งแรกในสยามนี้สภากาชาดสยามได้รับ การยกย่องสรรเสริญเป็นอันมาก ต่อมา สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงได้รับเลือกเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกาชาดสากลในปีพ.ศ. 2471 เป็น เกียรติประวัติแก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 อีก100 ปีถัดมา ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสุดยอดผู้น�ำเขต เศรษฐกิจ APEC ซึ่งในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565 มีการจัดประชุมคณะท�ำงานด้านสุขภาพ ของ APEC ครั้งที่2/2565 (APEC Health Working Group 2/2022)กระทรวงสาธารณสุขและ สภากาชาดไทยได้น�ำทีมผู้เข้าร่วมประชุมนานาชาติเข้าเยี่ยมชมกิจการของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อศึกษาดูงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ที่สอดคล้องกับนโยบายแนวคิดเศรษฐกิจ BCG 4 เรื่อง งานด้านมนุษยธรรมการเข้าถึงวัคซีนของ กลุ่มประชากรเปราะบางโดยศึกษาดูงานหน่วยงานต่างๆได้แก่ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ สํานักงาน บรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์สภากาชาดไทย และการน�ำเสนอแอปพลิเคชันหมอพร้อม ของประเทศไทย การจัดประชุมนานาชาติ ในประเทศไทย สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต ผู้เข้าร่วมประชุมเยี่ยมชมโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้เข้าร่วมประชุม ณ บริเวณหน้าศาลาสหทัยสมาคม 108 ปี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เรื่อง : ศ.นพ.สมรัตน์ จารุลักษณานันท์ ณ จุฬา
7 75 ปี คณะแพทยศาสตร์ เรื่อง : ศ.ดร.นพ.สิทธิศักดิ์ หรรษาเวก ตลอดการเดินทางมายาวนานเกือบ 70 ปี ของวารสารทางการแพทย์ที่ชื่อว่าจุฬาลงกรณ์เวชสาร แห่งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มุ่งมั่นสร้างต้นแบบมาตรฐานระดับนานาชาติเสมอมาจนได้รับการอ้างอิงและยอมรับในระดับสากล ปัจจุบันด�ำเนินการตีพิมพ์วารสารจ�ำนวนทั้งสิ้น 3 วารสาร ได้แก่ Asian Biomedicine, Chulalongkorn Medical Journal และ Journal of Medical Bioscience รวบรวมบทความวิชาการทางการแพทย์ สาธารณสุข รวมถึง นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ ส�ำหรับแพทย์ นักวิจัย นักวิชาการทางด้านสาธารณสุข และสหสาขาวิชาชีพทั้งไทยและนานาชาติ ศ.ดร.นพ.สิทธิศักดิ์ หรรษาเวก หัวหน้าหน่วยวารสารและบรรณาธิการจุฬาลงกรณ์เวชสาร กล่าวว่า วารสารทั้ง 3 ฉบับแตกต่างกันด้วยแหล่งอ้างอิง ของบทความที่ตีพิมพ์ ซึ่งจุดประสงค์การจัดท�ำของคณะผู้บริหารทุกสมัยคือ ต้องการยกระดับการแพทย์และสาธารณสุขไทยให้เป็นที่ยอมรับ และเป็นศูนย์รวม คลังปัญญาทางวิชาการของประเทศและภูมิภาค นับแต่ก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดท�ำวารสารฉบับปฐมฤกษ์ ในปี พ.ศ. 2497 และ มีนโยบายขับเคลื่อนพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามล�ำดับ • พ.ศ. 2493 ภายหลังจากก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นผลส�ำเร็จ คณาจารย์แพทย์จึงได้จัดท�ำวารสารวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอข่าววิชาการ เผยแพร่ ความก้าวหน้าของแต่ละแผนกและแต่ละภาควิชา ทั้งยังเป็นจดหมายข่าวส�ำหรับการสื่อสารภายใน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย • พ.ศ. 2497 ตีพิมพ์ฉบับปฐมฤกษ์ จุฬาลงกรณ์เวชสาร ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2497 โดย ศ.นพ.เฉลี่ย วัชรพุกก์ เป็นบรรณาธิการท่านแรกของจุฬาลงกรณ์เวชสาร ตีพิมพ์ ปีละ 3 ฉบับ • พ.ศ. 2503 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดการประชุมวิชาการครั้งแรกใช้ชื่อว่า Refresher Course เป็นการบรรยายวิชาการ แบบฟื้นฟูวิชาให้แก่แพทย์ที่มีความสนใจ และรวบรวมไว้ในวารสารฉบับที่ 1-3 พ.ศ. 2502 ในปีที่ 6 • พ.ศ. 2550 คณะผู้บริหารมีนโยบายสนับสนุนและผลักดันจุฬาลงกรณ์เวชสารให้เป็นวารสารระดับนานาชาติ โดยจัดพิมพ์วารสารอีก 1 ฉบับ ใช้ชื่อ ว่า Asian Biomedicine จัดพิมพ์ปีละ 6 ฉบับ ปัจจุบันก�ำลังเข้ารับการพิจารณาเพื่ออยู่ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติ PubMed Central เนื้อหาเกี่ยวกับวิชาการ ทางการแพทย์และการสาธารณสุข รวบรวมบทความจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะบทความจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย จากจดหมายเหตุทางแพทย์ฯ สู่จุฬาลงกรณ์เวชสาร และ Asian Biomedicine ศ.ดร.นพ.สิทธิศักดิ์ กล่าวอีกว่า คุณภาพการยอมรับในระดับสูงย่อมผ่านกระบวนการกลั่นกรองส�ำคัญ เมื่อกองบรรณาธิการได้รับบทความจากการส่ง เข้ามาในระบบบนเว็บไซต์ของวารสารแล้ว จะส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิวิเคราะห์วิจารณ์บทความอย่างน้อย 2 – 3 ท่าน เพื่อให้ข้อแนะน�ำปรับปรุงแก้ไข หลังจากนั้นเมื่อ บทความได้รับการแก้ไขจนสมบูรณ์แล้ว จึงตอบรับและตีพิมพ์ลงในวารสารและปรากฏอยู่บนเว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้ถือเป็นหัวใจ ความส�ำเร็จของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อการพัฒนาวารสารเพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ โดยในปัจจุบัน วารสาร Chulalongkorn Medical Journal และ Journal of Medical Bioscience ได้รับการยอมรับและปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลอ้างอิงระดับชาติ Thailand Citation Index (TCI) กลุ่มที่ 1 ทั้ง 2 วารสาร บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารทั้ง 2 นี้สามารถน�ำไปขอก�ำหนดต�ำแหน่งทางวิชาการได้ จุฬาลงกรณ์เวชสารจากอดีตจนถึงปัจจุบัน วารสารทั้ง 3 ได้ยังคุณประโยชน์ถึงการเป็นสื่อกลางให้ความรู้และความก้าวหน้าทางวิชาการแก่บรรดาแพทย์ นักวิจัย นักวิชาการด้านสาธารณสุขและสหสาขาวิชาชีพทั้งด้านวิชาการและภารกิจขององค์กร ด้วยมุ่งมั่นพัฒนาให้วารสารต่างๆ ก้าวไปสู่ฐานข้อมูลที่สูงขึ้นในระดับ สากล เพื่อยกระดับคลังความรู้ของชาติด้วยการสั่งสมบทความทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ทรงคุณค่าเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนให้มากยิ่งขึ้นต่อไป จากจุฬาลงกรณ์เวชสาร สู่ Chulalongkorn Medical Journal และ Journal of Medical Bioscience คลังความรู้ทางการแพทย์อันทรงคุณค่า แห่งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์เวชสาร จุฬาลงกรณ์เวชสาร
8 โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากทั่วโลกรวมทั้ง ประเทศไทย และในประเทศไทยยังเป็นโรคที่ท�ำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นอันดับ หนึ่ง รวมถึงเกิดการสูญเสียปีสุขภาวะในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทั้งในเพศชาย และเพศหญิงเป็นอันดับหนึ่ง การให้การดูแลรักษาอย่างถูกต้องและทันเวลาจึง เป็นสิ่งส�ำคัญอย่างยิ่งเพื่อลดการเสียชีวิตและความพิการของผู้ป่วย การดูแล รักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองให้มีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยการร่วมแรง ร่วมใจของบุคลากรสหสาขาวิชาชีพ และมีการพัฒนาทั้งบุคลากรและระบบ ต่างๆ โดยปัจจุบันได้มีการประเมินการดูแลรักษาโรคสมองขาดเลือดในระยะ เฉียบพลันเพื่อให้มีมาตรฐานในระดับทัดเทียมกันทั่วโลก เพื่อให้ประสิทธิภาพ การรักษาผู้ป่วยได้ผลที่ดีที่สุด ในปีนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้รับรางวัล WSO Angels Awards 2021 ในระดับ Diamond จากองค์การโรคหลอดเลือด สมองโลก (World Stroke Organization) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่องค์การโรค หลอดเลือดสมองโลกก�ำหนดขึ้น รศ.(พิเศษ) พญ.อรอุมา ชุติเนตร หัวหน้า ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคหลอดเลือดสมองแบบครบวงจร แห่ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงเกณฑ์การประเมิน WSO Angels Awards ว่า มี 10 หัวข้อ ในแต่ละหัวข้อจะแบ่งสัดส่วนเกณฑ์การ ประเมินในระดับ Gold ระดับ Platinum และระดับ Diamond ที่แตกต่างกัน ซึ่งหลายหัวข้อที่ประเมินจะใช้เวลาการดูแลรักษาผู้ป่วยในขั้นตอนต่างๆ มา ประเมินด้วย เนื่องจาก “Time is brain., Time loss is brain loss.” คือ เวลา จะมีผลต่อสมอง เวลายิ่งสูญเสียไปก่อนการรักษานานเท่าไหร่ จะท�ำให้สมอง เสียหายไปมากขึ้นด้วย ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันมาถึง โรงพยาบาลจะต้องมีระบบให้การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างรวดเร็วที่สุด และยัง ต้องการให้แต่ละโรงพยาบาลมีการให้ความรู้เรื่องโรคหลอดเลือดสมองแก่ ประชาชน โดยเน้นการรู้จักอาการและการรีบมาโรงพยาบาลให้เร็วตั้งแต่เริ่ม มีอาการ เพื่อจะมีโอกาสได้รับยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดด�ำหรือได้รับ การใส่อุปกรณ์เพื่อไปน�ำลิ่มเลือดที่อุดตันออกจากหลอดเลือดสมอง นอกจาก นี้ยังมีการประเมินเรื่องของการตรวจด้วย CT หรือ MRI การประเมินการกลืน การได้รับยาต้านเกล็ดเลือด การได้รับยาป้องกันเลือดแข็งตัวในผู้ป่วยที่มีภาวะ atrial fibrillation และการดูแลผู้ป่วยในหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จากเกณฑ์การประเมินนี้สะท้อนให้เห็นได้ว่า เวลาเป็นสิ่งส�ำคัญ ในการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง รศ.(พิเศษ) พญ.อรอุมา อธิบายให้ ฟังว่า “เวลามีความส�ำคัญมากเพราะหากได้รับการรักษาเร็วย่อมลดโอกาส ที่จะเกิดความพิการและโอกาสการเสียชีวิตได้ เรียกว่าทุกนาทีมีค่าต่อชีวิต” ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคหลอดเลือดสมองจึงมุ่งพัฒนาบริการ โดยมีการให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดด�ำและการรักษาด้วยการใส่ อุปกรณ์เพื่อไปน�ำลิ่มเลือดที่อุดตันออกจากหลอดเลือดสมอง ด้วยบุคลากรที่มี ความเชี่ยวชาญและระบบที่มีความพร้อมในการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง การดูแลต่อเนื่องในหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโดยบุคลากรสหสาขา วิชาชีพต่างๆ เป็นส่วนส�ำคัญในการดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วยทั้งด้านร่างกายและ จิตใจ รวมถึงป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองซ�้ำ รางวัลนี้เป็นเสมือนตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพการรักษาของ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ที่มีความสามารถทัดเทียมนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นการ เพิ่มก�ำลังใจให้กับบุคลากรสหสาขาที่มาท�ำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมองว่าสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีมาตรฐานระดับ โลก รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งความมั่นใจที่มอบให้กับผู้ป่วยทุกคน Good News เรื่อง : รศ.พญ.อรอุมา ชุติเนตร มาตรฐานการรักษาโรคหลอดเลือดสมองในระดับสูงสุด ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รางวัล WSO Angels ระดับ Diamond รางวัล WSO Angels ระดับ Diamond
9 จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทยก�ำลังเผชิญกับ ปัญหาโรคซึมเศร้าจนน�ำไปสู่การฆ่าตัวตายในระดับที่น่ากังวล ในปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา มีคนไทยอย่างน้อย 1.5 ล้านคน ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่โดยเฉลี่ยแล้วผู้ป่วย 100 คน มี เพียง 28 คนเท่านั้นที่เข้าถึงการรักษา และมีสถิติผู้พยายามฆ่าตัวตายอยู่ที่ 6 คนต่อชั่วโมง ทั้งนี้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีอัตราการฆ่าตัวตายส�ำเร็จสูงกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า และร้อยละ 70 ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร คาดการณ์ว่าในอีก 18 ปีข้างหน้าจะ ส่งผลกระทบจนกลายเป็นภาระการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยสถิติและเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นท�ำให้จิตแพทย์ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ ด่านหน้าอย่าง รศ.พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องการที่จะพัฒนานวัตกรรมเพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวให้ บรรเทาเบาบางลง จึงได้พัฒนา DMIND Application ส�ำหรับคัดกรองผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า ร่วมกับ รศ.ดร.พีรพล เวทีกูล ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และบริษัทแอ็กนอสเฮลท์ จ�ำกัด ซึ่ง D ย่อมาจากค�ำว่า Depression หรือโรคซึมเศร้านั่นเอง ลักษณะการท�ำงานของระบบ DMIND จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็น ตัวแอปพลิเคชันในหมอพร้อม หรือ Automate Avatar ที่เป็น Mobile Application ที่ ผู้ใช้เข้ามาใช้งาน เมื่อมีการพูดคุยกับผู้ใช้งานผ่านแอปพลิเคชันก็จะได้ข้อมูลออกมาเป็นไฟล์ วิดีโอ ซึ่งไฟล์นี้จะถูกส่งต่อไปให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิเคราะห์ในส่วนที่สอง และส่วน สุดท้ายคือ Web Base ที่แพทย์สามารถเข้ามาตรวจสอบย้อนหลังได้ หากมีผู้ใช้งานคนใด ที่ดูแล้วมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงก็จะมีจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจากสายด่วนกรมสุขภาพจิต เข้าไปติดตามให้การดูแลต่อไป รศ.พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ รศ.ดร.พีรพล เวทีกูล DMIND : Detection and Monitoring Intelligence Network for Depression นวัตกรรมที่ท�ำให้ใจมีสุขดี จุดเด่นของ DMIND Application • ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถ วิเคราะห์ข้อมูล สีหน้า ท่าทาง น�้ำเสียง และอารมณ์ได้อย่าง แม่นย�ำในระดับ Direct Bio Tracker และมีการวิเคราะห์ด้วย ข้อมูลจ�ำนวนมหาศาล จึงมีความแม่นย�ำสูง • เป็นแอปพลิเคชันหนึ่งเดียวของไทยที่พัฒนามาเพื่อ คนไทยโดยเฉพาะ ใช้ข้อมูลที่เก็บและท�ำวิจัยจากเคสของคน ไทยโดยตรง • ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของจิตแพทย์ และนักจิตวิทยา ทั้งเรื่องของการดูแลผู้ป่วย การติดตามการ รักษา การเปลี่ยนยา ใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีจิตบ�ำบัด และ สามารถน�ำข้อมูลไปต่อยอดงานวิจัยเพื่อป้องกันและรักษาโรค ซึมเศร้าในอนาคต • เข้าถึงง่ายผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม ใช้งานง่าย และเป็นมิตรต่อผู้ใช้ ท�ำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีปัญหาโรค ซึมเศร้าทุกคนสามารถขอรับความช่วยเหลือได้ทันท่วงที Chula Innovation โดย : ศ.นพ.รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร เรื่อง : รศ.พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ เรียบเรียง : ศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์ และการประกอบการ (CMICe) ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึง DMIND Application ได้ง่ายๆ โดยการสแกนผ่าน QR Code นี้
10 เรื่อง : นางฐิติพร คงฉิม หัวหน้าศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วย เรื่องเล่า เข้าวอร์ด โดย : ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพราะทุกนาทีคือชีวิต ระยะวิกฤติของการเจ็บป่วยจึงส�ำคัญ คอลัมน์ “เรื่องเล่า เข้าวอร์ด” ฉบับนี้ ขอพาท่านผู้อ่านมารู้จักกับบทบาทหน้าที่และ ภารกิจของศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วย (Referral Center) โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย บ่อยครั้งที่บุคลากรจ�ำนวนไม่น้อยจะเจอกับค�ำถาม ที่ว่า “ถ้าจะย้ายผู้ป่วยมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ต้องติดต่อหน่วยงาน ใด และต้องท�ำอย่างไร?” ค�ำถามนี้มีค�ำตอบเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและการ แนะน�ำที่ถูกทางจะน�ำไปสู่ประโยชน์สูงสุดของการรับ-ส่งต่อผู้ป่วยมารักษาที่โรง พยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้อย่างทันท่วงที และกลับสู่โรงพยาบาลปลายทางได้อย่าง มีประสิทธิภาพและปลอดภัย งานประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วยเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เดิมนั้น เป็นการท�ำงานร่วมกับหน่วยงานอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน ต่อมาในปี พ.ศ. 2564 เปิด ด�ำเนินการเป็นศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วยเพื่อให้เป็นระบบที่ชัดเจนยิ่ง ขึ้น ซึ่งการให้บริการประสานงานผู้ป่วยเฉพาะโรค เฉพาะทาง เช่น กลุ่มผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Fast Track) ที่ต้องเข้าถึงการรักษาอย่างรวดเร็ว และทันท่วงที ศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วยการันตีเวลาการติดต่อประสาน งานไม่เกิน 15 นาที ส่วนกรณีโรคอื่นๆ ที่ไมใช่ Sensitive Time Disease จะ ช่วยติดตามผลทุก 1 ชั่วโมง ศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นศูนย์ ประสานงานรับย้ายผู้ป่วย (Refer In) จากโรงพยาบาลเครือข่ายฝั่งตะวันออก และเขตสุขภาพที่ 6 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมีหน้าที่หลักคือ ประสานงานระหว่างโรงพยาบาลในการ รับ-ส่งต่อผู้ป่วยเพื่อท�ำการตรวจรักษา หรือฟื้นฟูสภาพร่างกาย รวมถึงประสาน งานส่งต่อผู้ป่วยกลับไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลตามสิทธิ์การรักษา (Refer Out) ปัจจุบันศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วยตั้งอยู่ที่ชั้น M อาคารภูมิสิริมังคลา นุสรณ์ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ท้ายที่สุด เรามุ่งหวังให้ผู้ป่วยทุกรายได้เข้าถึงการรักษาเฉพาะทางได้ ทันเวลาและปลอดภัย พึงพอใจกับงานบริการของศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อ ผู้ป่วย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วย (Referral Center) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย Q ขั้นตอนการประสานงานส่งต่อผู้ป่วยมารักษาที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (Refer In) ต้องท�าอย่างไร? 1. โทรศัพท์ประสานงานติดต่อได้ที่หมายเลข (02) 256 4000 ต่อ 80146-8 ตลอด 24 ชั่วโมง 2. ศูนย์ฯ จะติดต่อประสานงานแพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาตอบรับหรือปฏิเสธ 3. กรณีตอบรับผู้ป่วย ศูนย์ฯ จะโทรศัพท์แจ้งโรงพยาบาลต้นทาง เพื่อยืนยันและนัดหมายเวลา 4. ศูนย์ฯ จะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมรับผู้ป่วย 5. ศูนย์ฯ น�ำส่งผู้ป่วยที่จุดคัดแยกอาการที่หน่วยอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน ชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ Q การประสานงานส่งต่อผู้ป่วยกลับไปยังโรงพยาบาล ตามสิทธิ์การรักษา (Refer Out) มีหรือไม่? ปัจจุบันการประสานงานส่งต่อผู้ป่วยกลับไปยังโรงพยาบาล ตามสิทธิ์การรักษาเพิ่งเริ่มด�ำเนินงาน ยังเปิดให้บริการไม่ครอบคลุม ทุกหน่วยงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับขยายงานบริการของศูนย์ ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วยในระยะต่อไป Q ข้อมูลที่จ�าเป็นของผู้ป่วยส�าหรับการประสานงาน ส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มีอะไรบ้าง? • ชื่อ-สกุล อายุ เพศ และสิทธิการรักษา • อาการส�ำคัญ ประวัติการเจ็บป่วย • การวินิจฉัยโรค และปัญหาที่คงค้าง • หัตถการที่ได้รับและสัญญาณชีพล่าสุด Q บทบาทพยาบาลของศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วย ต้องให้ความส�าคัญในเรื่องใดบ้าง? 1. ต้องพิจารณาข้อมูลผู้ป่วยที่ได้รับมาว่าถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ 2. ผู้ป่วยมีความเร่งด่วนมากน้อยเพียงใด และสามารถเคลื่อนย้าย ผู้ป่วยมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ 3. การน�ำส่งข้อมูลให้แก่แพทย์และติดตามผลโดยใช้ระยะเวลา น้อยที่สุดเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดในการรักษา
11 อีกก้าวแห่งความส�ำเร็จด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม จากนโยบายและรูปแบบ ดําเนินงานอย่างครบวงจรในปี พ.ศ. 2564 เพื่อก�ำหนดทิศทางลดปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังเนื่องจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คือโรงเรียนแพทย์และสถานพยาบาล ขนาดใหญ่ รองรับผู้ใช้บริการและบุคลากรจ�ำนวนมาก กิจกรรมที่เกิดภายใน พื้นที่ อาทิ การใช้พลังงานไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ก๊าซดมสลบ การบ�ำบัดน�้ำเสีย การใช้ ปุ๋ยเคมี รวมถึงการก�ำจัดขยะและของเสีย ล้วนเป็นปัจจัยส�ำคัญที่ส่งผลต่อ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศหลายรูปแบบ ผศ.(พิเศษ)นพ.มนินธ์ อัศวจินตจิตร์ ผู้ช่วยผู้อ�ำนวยการฯ ด้าน บริหารพื้นที่ ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย กล่าวถึง ความส�ำเร็จจากกลุ่มอาคารหอพักแพทย์และพยาบาลทั้ง 4 หลัง ได้แก่ อาคาร กุลพิพัฒน์ อาคารพยาบาลสถิต อาคารนวไชยยันต์ และอาคารนวราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นสถานที่พักอาศัยของผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล ทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ รวมกันมากกว่า 3,500 คน มีกิจกรรมอุปโภคบริโภคทรัพยากร ต่างๆ ในระดับสูงเป็นประจ�ำทุกวัน เกิดขยะและของเสียปริมาณมากที่จ�ำเป็น ต่อการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เป็นที่มาให้ผู้บริหารฝ่ายกายภาพ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ก�ำหนดเป้าหมายในการลดปริมาณ ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยนโยบายลดปริมาณขยะ คัดแยก และรีไซเคิล รณรงค์ ผ่านกิจกรรม “Big cleaning week” “สัปดาห์ความปลอดภัยในการท�ำงาน” และ “การประกวดนวัตกรรมจากวัสดุเหลือใช้” การจัดตั้งโครงการธนาคารขยะ เพื่อรับซื้อขยะรีไซเคิล และการสนับสนุนให้มีบุคลากรประจ�ำ อุปกรณ์เครื่องมือ และพื้นที่ในการจัดการขยะอย่างเพียงพอ นายดนุนันท์ ดอกบัว ผู้จัดการอาคาร กลุ่มอาคารหอพัก บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จ�ำกัด กล่าวว่า นโยบายการจัดการขยะของโรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะ มูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559 - 2564) คือ การลดการเกิดขยะมูลฝอยหรือ ของเสียอันตรายที่แหล่งก�ำเนิด การน�ำของเสียกลับมาใช้ซ�้ำและใช้ประโยชน์ใหม่ ณ แหล่งก�ำเนิด ตามหลักการ 5Rs (Reduce Reuse Repair Recycle Reject) เพื่อให้เกิดการจัดการขยะมูลฝอยอย่างยั่งยืน เกิดผลดีทางเศรษฐกิจ และที่ส�ำคัญ คือช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อผู้บริหารมอบนโยบายแก่ผู้จัดการกลุ่มอาคารหอพักแพทย์และ พยาบาล โดยให้จัดหาถังขยะอย่างเพียงพอ ดูแลสถานที่จัดเก็บขยะ อบรมให้ ความรู้ขั้นตอนการคัดแยกขยะแก่เจ้าหน้าที่อาคาร รวมถึงรณรงค์การทิ้งขยะให้ ถูกประเภท จึงเกิดการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อส่งต่อจนถึงปลายทาง ดังนี้ • คัดแยกขยะ 2 รอบต่อวัน ได้แก่ รอบเช้า 08.00 - 09.00 น. และ รอบบ่าย 16.00 - 17.00 น. • ขยะทั่วไป จะถูกส่งไปยังโรงพักขยะส่วนกลางของโรงพยาบาล เพื่อ ให้ส�ำนักงานเขตรับไปด�ำเนินการตามขั้นตอน • ขยะรีไซเคิล จะถูกคัดแยกและเก็บรวบรวมที่จุดพักขยะรีไซเคิลของ กลุ่มอาคารหอพักฯ เพื่อจ�ำหน่ายให้ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัดมิสไนติงเกล เฮลท์แคร์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และน�ำไปแปรรูปหรือใช้งานต่อไป • ฝ่ายบริหารอาคาร สรุปรายงานและบันทึกประเภทและน�้ำหนักขยะ ลงในแบบฟอร์มที่องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ก�ำหนด • ผลที่ได้จากการด�ำเนินกิจกรรมช่วงวันที่ 1 พ.ย. 2564 – 30 เม.ย. พ.ศ. 2565 ประมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 42,548.36 kgCO2eq การด�ำเนินงานตลอดระยะเวลา 1 ปี เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ชัดเจน ฝ่ายอาคารและหอพักจึงร่วมส่งผลงานภายใต้โครงการสนับสนุนกิจกรรม ลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) ดังนี้ • บันทึกข้อมูลปริมาณขยะรีไซเคิลตามจริงทุกเดือน ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป • หลักฐานการรับซื้อขยะรีไซเคิลจากบริษัทฯ ที่มีใบอนุญาตตัวแทน จากนั้น องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกด�ำเนินการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัล โดยพิจารณาจากปริมาณขยะรีไซเคิลน�ำมาค�ำนวณเป็นการลดการปล่อยก๊าซ เรือนกระจก และยังพิจารณาจากประสิทธิภาพในการด�ำเนินโครงการ รวมถึง ความร่วมมือร่วมใจของผู้พักอาศัยภายในอาคาร ผศ.(พิเศษ)นพ.มนินธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นของ ผู้พักอาศัยในอาคารทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในทิ้งขยะให้ถูกประเภท รวมถึง เจ้าหน้าที่อาคารที่ช่วยเก็บรวบรวมและคัดแยกขยะเป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จาก อัตราส่วนของขยะรีไซเคิลต่อขยะทั่วไปที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ในล�ำดับต่อไป ฝ่ายกายภาพ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งเป้าขยายกิจกรรม คัดแยกขยะรีไซเคิลไปยังอาคารอื่นๆ ของโรงพยาบาล และด�ำเนินมาตรการอื่นๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ลดการใช้ ปุ๋ยเคมี และก�ำกับการบ�ำบัดน�้ำเสียให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รอบรั้วบ้านเรา เรื่อง : ผศ.(พิเศษ)นพ.มนินธ์ อัศวจินตจิตร์ แนวทางการปฏิบัติงานและผลสัมฤทธิ์ ด้านการจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรม รางวัล ประเภทการจัดการของเสีย ในโครงการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล ภายใต้โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ประเภทการจัดการของเสีย ในโครงการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ประเภทการจัดการของเสีย ในโครงการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล
12 คนจุฬาฯ เรื่อง : นายเกรียงศักดิ์ กาญจนารักษ์ นางสุภาวดี กาญจนารักษ์ “การให้” “การให้” คติประจ�าใจของครอบครัวกาญจนารักษ์ งานจิตอาสา กิจกรรมที่เข้ามาเติมเต็มกิจกรรมของครอบครัว นายเกรียงศักดิ์ กาญจนารักษ์ หัวหน้างานบริหารระบบกายภาพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการท�ำกิจกรรมในพื้นที่ต่างจังหวัดว่า ครอบครัวชอบการท่องเที่ยวตาม ต่างจังหวัด ตามป่าเขา ไปกางเต้นท์อยู่เป็นประจ�ำ เพราะอยากให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้เรียนรู้และ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในต่างจังหวัด จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น จิตอาสา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการที่ครอบครัวเราไปท่องเที่ยว แต่ยังได้เรียนรู้การให้และเข้าใจชีวิตผู้อื่น มากขึ้นด้วย นางสุภาวดี กาญจนารักษ์ หัวหน้าหน่วยการเงิน งานคลัง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ผู้เป็นภรรยายังกล่าวเสริมถึงจุดเริ่มต้นการท�ำกิจกรรมจิตอาสาว่า มาจากการที่ นางอุไร ศาสตร์มูล ซึ่งท�ำงานด้วยกันชักชวนให้เข้าร่วม “ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นทรายทอง” ในการน�ำสิ่งของ อุปกรณ์การเรียน เลี้ยงอาหารเด็กนักเรียนที่ยากไร้ในถิ่นทุรกันดารที่ยังขาดแคลนสิ่งของที่จ�ำเป็น เรียนรู้ความสุขจากการให้ ร่วมกับการเป็นสมาชิกชมรมนักวิทยุฯ นายเกรียงศักดิ์ เล่าถึงการท�ำกิจกรรมในชมรมนักวิทยุสมัครเล่นทรายทองว่า สมาชิกจะต้อง ส�ำรวจสถานที่หรือโรงเรียนที่จะไปกันในปีนั้น บางครั้งการน�ำสิ่งของไปบริจาคครั้งหนึ่งอาจไปถึง 3-4 โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่ไกลกันมากนัก จึงต้องมีการส�ำรวจโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย สมาชิกของ ชมรมจะคัดเลือกโรงเรียนตามที่มีผู้เสนอมา โดยพิจารณาถึงปัญหาความเดือดร้อน ขนาดโรงเรียน จ�ำนวน ครูนักเรียน รวมถึงการวางแผนเส้นทางการเดินทาง ก่อนจะสรุปแผนการท�ำกิจกรรมในปีนั้นๆ การร่วมท�ำกิจกรรมกับชมรมนักวิทยุสมัครเล่นทรายทองนี้ ท�ำให้ครอบครัวกาญจนารักษ์ได้รับ รู้และได้เห็นการแบ่งปัน การช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยความจริงใจ สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือการพบเจอคนที่มี ทัศนคติที่ตรงกัน เมื่อได้ “รับ” แล้วก็ต้องรู้จัก “ให้” คืนกลับ คือ คติประจ�าใจของครอบครัวกาญจนารักษ์ ยึดมั่นถือมั่น เพื่อเป็นการตอบแทน สังคมและองค์กร โดย นายเกรียงศักดิ์ กาญจนารักษ์ และ นางสุภาวดี กาญจนารักษ์ 2 บุคลากรที่ท�างานในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มากว่า 20 ปี อีกมุมหนึ่งยังมีเรื่องราวที่น่าประทับใจ จากการหยิบยื่นและปันน�้าใจให้กับผู้อื่น
13 รอยยิ้มที่ได้จากการให้ ส่งต่อไปยังสมาชิกในครอบครัว เรื่องราวประทับใจและจดจ�าไม่ลืม ตลอดการร่วมกิจกรรมจิตอาสาเหล่านี้ มีเหตุการณ์ประทับใจที่จ�ำไม่ลืมของ นายเกรียงศักดิ์ คือเมื่อ ครั้งเดินทางไปท�ำกิจกรรมที่โรงเรียนใน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ช่วงขากลับเกิดเหตุการณ์เครื่องยนต์ขัดข้อง น�้ำมันหมด ก็ได้รับน�้ำใจจากคนในหมู่บ้านชาวเขาและสมาชิกชมรมนักวิทยุฯ ช่วยกัน ซึ่งรถจิ๊ปใช้แก๊สและ แก๊สหมดระหว่างทาง จึงต้องเรียนรู้ที่จะต่อแก๊สหุงต้มใช้กับรถยนต์ ขณะที่คุณครูบนดอยยังช่วยขี่มอเตอร์ไซค์ ไปซื้อน�้ำมันมาเติมให้ ใช้เวลากว่าครึ่งวันเพื่อซ่อมรถจึงเดินทางกลับได้ ท�ำให้ได้เรียนรู้ที่จะเตรียมความพร้อม ในครั้งต่อไป เช่นเดียวกันกับ นางสุภาวดี ที่เล่าถึงช่วงเดินทางที่ค่อนข้างมืด เส้นทางขรุขระ มีทางโค้งที่ ลาดชันมาก ท�ำให้รถที่ใช้เดินทางเกือบตกเหวข้างทาง สมาชิกในครอบครัวทั้ง 4 คนต้องลงจากรถเพราะน�้ำหนัก ของเราอาจจะท�ำให้รถร่วงตกเหวได้ แต่เมื่อสมาชิกในชมรมนักวิทยุฯทราบเรื่องก็รีบมาช่วยกันรวมถึงชาวบ้าน ในพื้นที่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่จดจ�ำไม่ลืม นางสุภาวดี กล่าวถึงความสุขใจจากการท�ำกิจกรรมนี้คือ หลายครั้งที่เรามีความสุขจากการให้ โดย เฉพาะอย่างยิ่งการได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ และประทับใจจนตราตรึงคือ เมื่อครั้งที่ลูกสาวอายุประมาณ 5 ขวบ ก็ได้บอกว่าจะพาลูกไปร่วมทริปบริจาคสิ่งของด้วย เขาดีใจมากและจัดเตรียมสิ่งของโดยเฉพาะเสื้อผ้ารองเท้า ที่สภาพดี เอาไปบริจาคให้เด็กๆ เขาเดินเอาไปให้น้องด้วยตัวเอง และเมื่อถึงตอนค�่ำ ทางโรงเรียนได้จัดการ แสดงเพื่อต้อนรับและขอบคุณพวกเรา ลูกสาวเห็นเด็กน้อยคนนั้นใส่รองเท้าที่มอบให้ และเดินเข้ามาขอบคุณ เขาดีใจมากที่เห็นน้องใส่ เป็นความปลื้มใจที่เราปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้แก่ลูก นอกจากนี้ นายเกรียงศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ผลตอบแทนจากการท�ำกิจกรรมอาสาคือรอยยิ้มบนใบหน้า ของผู้คนมากมาย เพราะยิ่งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มจากเด็กๆ ซึ่งเป็นเด็กชาติพันธุ์ ชนกลุ่มน้อย จ�ำนวนเป็นสิบเป็น ร้อยคนมารอรับสิ่งของบริจาค เมื่อเราได้เห็นรอยยิ้มพวกเขาก็เกิดความอิ่มใจ และได้ใช้เวลาตรงนี้เพื่อสอน ลูกเราด้วย ในเรื่องของการให้ไม่ใช่รับอย่างเดียว เมื่อรับแล้วก็ต้องให้ด้วย และสอนให้เขาได้รู้ว่าโลกภายนอก มีเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายให้ได้เรียนรู้ ความสุขใจจากการให้นี้ นายเกรียงศักดิ์ ยังฝากถึงบุคลากรทุกคนว่า ถ้า ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันก็จะเป็นพลังที่จะส่งต่อการให้ ท่านที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่งานบริหารระบบกายภาพ เรียนรู้ที่จะฝ่าฟันเพื่อส่งต่อความสุขให้ผู้อื่น หลายครั้งในการท�ำกิจกรรมอาสา นางสุภาวดี กล่าวว่า ทุกเส้นทางที่ไป ยอมรับว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบ กุหลาบ บางเส้นทางกว่าจะเข้าไปถึงโรงเรียน มีทั้งล�ำบาก เหนื่อยและไกล บางครั้งฝนตกถนนลื่น บางเส้นทาง บางแห่งไม่มีถนนก็ต้องเดินเท้า แบกสัมภาระสิ่งของเข้าไป แต่โชคดีที่สมาชิกชมรมนักวิทยุฯ เป็นเหมือน ครอบครัว เมื่อเจอปัญหาหรืออุปสรรคในการเดินทางก็ช่วยเหลือกัน เพื่อปลายทางที่จะได้เห็นภาพรอยยิ้ม ของเด็กๆ ที่ดีใจที่เห็นทีมพวกเราเข้าไป ซึ่งเป็นภาพจ�ำ เป็นภาพที่เราอยากเห็น กิจกรรมการส่งมอบความสุขของสมาชิกในชมรมนักวิทยุฯ มักจะเป็นการชักชวนผู้ที่มีจิตกุศลที่อยาก จะช่วยเหลือท�ำบุญด้วยการบริจาคสิ่งของอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา รวมไปถึงการมอบทุนการศึกษาให้ กับนักเรียนด้วย ซึ่งอาจจะไม่มากมายนัก แต่ช่วยต่อยอดความรู้แก่เด็กๆ นอกจากนี้ยังมีการออกร้านเลี้ยง อาหารกลางวัน โดยสมาชิกในชมรมนักวิทยุฯ ก็จะจัดเตรียมอาหารปรุงสุกเพื่อให้ทุกคนได้อิ่มอร่อยกัน
14 เรื่องจากปก เรื่อง : คลินิกวัยทอง ร่างกายมีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงตามช่วงวัย ต่างๆ ในความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อร่างกายและการ ใช้ชีวิตของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่เตรียมเปลี่ยนผ่าน เข้าสู่วัยทอง เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลากหลายด้านและ จ�ำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ “คลินิกวัยทอง โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย” จึงจัดตั้งขึ้นเพื่อพันธกิจส�ำคัญนี้ ศ.กิตติคุณ พญ.คุณหญิงกอบจิตต์ ลิมปพยอม ผู้ก่อตั้งคลินิกวัยทองกล่าวถึงกลไกความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของผู้หญิงว่า ในระบบ สืบพันธุ์ของผู้หญิงจะมีรังไข่ซึ่งเป็นที่เจริญเติบโตของไข่ในทุกเดือน และเป็นกลไกส�ำคัญของการสร้างฮอร์โมนโดยเฉพาะเอสโตรเจน ท�ำให้ร่างกาย ของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงและมีประจ�ำเดือน แต่เมื่อถึงวัย 35-40 ปี เอสโตรเจนในผู้หญิงบางรายมีจ�ำนวนลดน้อยลงส่งผลให้เริ่มมีอาการหงุดหงิดง่าย ร้อนวูบวาบ รอบประจ�ำเดือนมาไม่ปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณของผู้หญิงที่เตรียมเข้าสู่วัยหมดประจ�ำเดือน องค์ความรู้นี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ส�ำหรับคนใน ยุคปัจจุบัน หากแต่ย้อนกลับไปในช่วง 30 ปีก่อน การดูแลสุขภาพของผู้หญิงกลุ่มนี้ยังไม่มีการด�ำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม จึงท�ำให้ ศ.กิตติคุณ พญ.คุณหญิงกอบจิตต์ เล็งเห็นถึงความส�ำคัญของการจัดตั้งคลินิกเฉพาะทางเพื่อดูแลรักษาผู้หญิงวัยทองที่มีอาการร้อนเนื้อร้อนตัว วูบวาบ หงุดหงิด ง่าย ระบายอารมณ์กับคนใกล้เคียง นอนไม่หลับ เป็นต้น เพราะ “อาการที่ว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากเป็นคนท�ำงาน ส่วนใหญ่ย่อมอยู่ในระดับบริหารหรือหัวหน้างานแทบทั้งนั้น เมื่อมีสิ่งนี้เกิดขึ้นในที่ท�ำงานหรือแม้แต่ที่บ้าน คิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น” และได้ตั้งชื่อ ในตอนแรกว่า “คลินิกวัยหมดระดู” ซึ่งเป็นคลินิกแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ ณ ชั้น 7 อาคาร ภปร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดให้บริการในเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 “เมื่อคลินิกวัยหมดระดูได้เปิดให้บริการในโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งมาระยะหนึ่ง และในช่วงเวลานั้นรัฐบาลก�ำลังวางแผนเพื่อรองรับ การดูแลผู้หญิงที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เนื่องจากผู้หญิงมีอายุยืนมากขึ้นและเตรียมรับสถานการณ์สังคมสูงอายุ จึงเล็งเห็นว่าผู้หญิง อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ควรละเลยคือในช่วงอายุ 45-60 ปี เพราะหากผู้หญิงวัยนี้ขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพของตนเองในช่วงวัยเปลี่ยนสู่ วัยทอง (Peri-Menopause) หรือในช่วงที่รังไข่เริ่มจะเลิกท�ำงาน โดยรอจนมาเริ่มดูแลสุขภาพในช่วงวัยสูงอายุแล้วบางโรคอาจดูแลรักษาได้ยาก เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกระดูกพรุน เป็นต้น” ด้วยบริบทเช่นนี้จึงท�ำให้ ศ.กิตติคุณ พญ.คุณหญิงกอบจิตต์ ท�ำงานร่วมกับกระทรวง สาธารณสุขจนกระทั่งสามารถก�ำหนดแผนดูแลสุขภาพผู้หญิงตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ได้ส�ำเร็จ ต่อจากนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงจัดตั้งคลินิกวัยทองในโรงพยาบาลประจ�ำจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นช่องทางในการดูแลและสร้างความรู้ความเข้าใจ ที่ถูกต้องให้แก่ผู้หญิงเพื่อเตรียมเข้าสู่วัยทองอย่างเหมาะสม และพัฒนาการดูแลสุขภาพของผู้หญิงวัยทองเตรียมรองรับวัยสูงอายุตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ในช่วงแรกเริ่มของการก่อตั้งคลินิกวัยทองในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจนในบางวันมีผู้มารอรับค�ำปรึกษามากถึง 200 ราย ภายในครึ่งวันบ่ายเท่านั้น นอกจากนี้เครื่องตรวจความหนาแน่นของกระดูกเครื่องแรกของประเทศไทยที่ ศ.กิตติคุณ พญ.มาคุ้มครอง โปษยะจินดา เป็นผู้ริเริ่มการตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคกระดูกพรุนและน�ำเข้ามาในประเทศไทย ท�ำให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สามารถดูแลผู้หญิงวัยทองได้ตามมาตรฐาน สากลและเป็นจุดเริ่มต้นของงานวิจัยโรคกระดูกพรุนอีกด้วย ศ.กิตติคุณ พญ.คุณหญิงกอบจิตต์ ลิมปพยอม รศ.พญ.สุกัญญา ชัยกิตติศิลป์ อ.พญ.นลินา ออประยูร
15 “วัยทอง” ค�านี้ที่เหมาะสม เมื่อกล่าวถึงค�ำว่า “วัยทอง” ที่มาของค�ำนี้มาจากครั้ง หนึ่งผู้ป่วยขอนัดพบ ศ.กิตติคุณ พญ.คุณหญิงกอบจิตต์ ที่คลินิก วัยหมดระดู โดยแจ้งว่า “จะมาหาหมอกอบจิตต์ คลินิกวัยหมดอายุ” ประโยคนี้จึงท�ำให้ต้องกลับมาพิจารณาค�ำให้เหมาะสม จึงเลือกใช้ ค�ำที่คนสมัยก่อนนิยมพูดกันบ่อยครั้งว่า “คนวัยทองวัยท้าย” ศ.กิตติคุณ พญ.คุณหญิงกอบจิตต์ ผู้บัญญัติค�ำ “วัยทอง” ให้ ทรรศนะว่า การเรียกผู้หญิงวัยหมดระดูว่าเป็นวัยทอง เป็นค�ำที่ เหมาะสมกับวัยที่เข้าสู่ความเป็นผู้อาวุโส ความเป็นผู้น่านับถือ และถือเป็นชื่อที่ท�ำให้คนมองวัยหมดระดูไปในเชิงบวก ขณะที่ ค�ำว่า “วัยหมดประจ�ำเดือน” อาจฟังดูแล้วหดหู่มากกว่า ทั้งยัง สอดคล้องกับภาษาอังกฤษที่เรียกว่า “Golden Age” อีกด้วย ดังนั้นค�ำว่า “วัยทอง”จึงเป็นที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย เหมาะสมกับผู้หญิงไทยที่สุด สร้างความเข้าใจและ สร้างองค์ความรู้ใหม่ ด้านสุขภาพของผู้หญิงวัยทอง นอกจากในระยะแรกคลินิกวัยทองจะมีบทบาทใน การถ่ายทอดความรู้ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องด้านการดูแลสุขภาพ ของผู้หญิงเพื่อเตรียมเข้าสู่วัยทองอย่างมีคุณภาพแล้ว บุคลากร ทุกคนยังมุ่งมั่นที่จะเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาเป็นองค์ความรู้ใหม่ ให้กับวงการวิชาการอีกด้วย โดยในช่วง 5 ปีแรกมีการเก็บข้อมูล ผู้หญิงจากทั่วประเทศจนพบว่า ปัญหาส�ำคัญประการหนึ่งที่ผู้หญิง ต้องเผชิญอย่างมากในช่วงเวลานั้นคือ มวลกระดูกที่เบาบางลงเมื่อ อายุมากขึ้น จากความรู้หลากหลายด้านที่สั่งสมจนท�ำให้ในช่วงปี พ.ศ. 2541 บุคลากรจากคลินิกวัยทองจึงได้เข้าร่วมประชุมวิชาการ ระดับนานาชาติ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะมาร่วมริเริ่ม การจัดประชุมวิชาการในระดับเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย อ.พญ.สมสุข สันติเบ็ญจกุล รศ.นพ.อรรณพ ใจส�าราญ บทบาทการส่งเสริมความรู้ ทางวิชาการในระดับ ประเทศและนานาชาติ รศ.นพ.อรรณพ ใจส�ำราญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้ร่วมขับเคลื่อน คลินิกวัยทองมาตั้งแต่ในระยะแรก กล่าวถึงอีกบทบาทของคลินิก วัยทองในการส่งเสริมงานวิชาการเรื่องผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทอง ในระดับประเทศและนานาชาติ เพราะเรื่องของวัยทองไม่ใช่เพียง กระแสนิยมที่พูดถึงกันแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นข้อเท็จจริง ในระดับภูมิภาคและสังคมไทยต่างให้ความส�ำคัญกับเรื่องนี้ บุคลากรของคลินิกวัยทองจึงมีส่วนในการร่วมก่อตั้งชมรมสตรี วัยหมดระดูแห่งประเทศไทย โดยรวบรวมนักวิชาการที่สนใจเกี่ยวกับ วัยทองมาท�ำงานร่วมกัน ในเวลาต่อมาได้ยกระดับเป็นสมาคม วัยหมดระดูแห่งประเทศไทย อีกทั้งบุคลากรของคลินิกวัยทองยัง มีบทบาทเป็นคณะกรรมการขององค์กรวิชาชีพในระดับภูมิภาค เช่น Asia Pacific Menopause Federation และท�ำงานร่วมกับ International Menopause Society หรือสมาคมวัยหมดระดู นานาชาติอีกด้วย อีกหนึ่งการขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรมอย่างเด่นชัดคือ บทบาทในองค์การอนามัยโลก ซึ่งบุคลากรของคลินิกวัยทองได้ มีโอกาสเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะร่วมออกแบบแนวทางและเอกสาร ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับวัยทอง
16 ส่งเสริมการดูแลผู้หญิงวัยทองในระดับประเทศ อีกหนึ่งการขับเคลื่อนของคลินิกวัยทองคือ การเป็น ต้นแบบให้มีการจัดตั้งคลินิกวัยทองเพื่อดูแลสุขภาพผู้หญิงในวัย ทองทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น กล่าวว่าได้ว่าคลินิกวัยทองเป็นผู้บุกเบิก และมีบทบาทในการร่วมก�ำหนดนโยบายการดูแลผู้หญิงวัยทอง ให้แก่ภาครัฐ โดยมีส่วนร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่ ดูแลด้านนี้ของกระทรวงสาธารณสุข เพราะไม่เพียงแค่ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องจากภาคประชาชนและบริการทางด้าน สาธารณสุขยังต้องได้รับแรงสนับสนุนจากภาครัฐจึงจะส่งเสริม ให้เกิดการดูแลผู้หญิงวัยทองที่ครอบคลุมอย่างรอบด้านและทั่วถึง รศ.นพ.อรรณพ กล่าวว่า “หากผู้หญิงได้รับความรู้ความเข้าใจ ที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว แต่ยังขาดแรงสนับสนุนจากนโยบาย ของภาครัฐ เราก็เอาตัวเราเข้าไปมีส่วนร่วมกับภาครัฐเพื่อที่จะ ช่วยก�ำหนดนโยบายต่างๆ ออกมา รวมถึงผลักดันให้ผู้หญิง วัยทองได้รับสิทธิประโยชน์ในการรักษามากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยดูแล ผู้หญิงวัยทองได้อย่างครบถ้วน” จากอดีตสู่ปัจจุบันการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างมีความพร้อม ปัจจุบันสังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่การวางรากฐานและ เตรียมความพร้อมในยุคบุกเบิกนับว่าเป็นสิ่งส�ำคัญอย่างยิ่ง ประกอบกับสภาพ สังคมที่เปลี่ยนไปท�ำให้ผู้หญิงมีบทบาทหน้าที่หลากหลายมากขึ้น เมื่อถึง ช่วงเปลี่ยนผ่านของอายุจึงจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้หญิงควรจะได้รับการดูแลและ เตรียมความพร้อมอย่างดี รศ.พญ.สุกัญญา ชัยกิตติศิลป์ หัวหน้าคลินิก วัยทองกล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมของผู้หญิงเพื่อเข้าสู่วัยทองควร ค�ำนึงถึง 5 ระบบที่ส�ำคัญ ได้แก่ 1. ระบบประสาทอัตโนมัติ ได้แก่ ร้อบวูบวาบ เหงื่อแตก การนอนหลับ แย่ลง อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายกระทบความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว 2. ระบบปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ (Genitourinary Syndrome in Menopause หรือ GSM) โดยเฉพาะอาการช่องคลอดแห้งและเจ็บเวลา มีเพศสัมพันธ์ 3. ระบบกระดูก เนื่องจากในวัยทองระดับเอสโตรเจนลดลงมาก ท�ำให้มวลกระดูกลดลงเร็ว อาจท�ำให้เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนหรือเสี่ยงต่อ กระดูกหักในวัยสูงอายุได้ 4. ระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะกลุ่มอาการทางเมตาบอลิก หรืออ้วนลงพุงซึ่งพบมากขึ้นในวัยทอง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด หัวใจอุดตันหรือโรคเบาหวาน เป็นต้น 5. ระบบสมอง เนื่องจากในวัยทองมักพบอาการหลงลืมง่ายบ่อยขึ้น ซึ่งอาจมีหลายสาเหตุ หากได้รับการคัดกรองอย่างเหมาะสมและฝึกฝนการ ท�ำงานของสมองโดยเฉพาะ cognitive function อยู่เป็นประจ�ำ อาจช่วย ชะลอสมองเสื่อมในวัยสูงอายุได้ ดังนั้น คลินิกวัยหมดระดู ได้ย้ายจาก ชั้น 7 อาคาร ภปร มาเปิดให้ บริการ ณ ชั้น 4 อาคาร ส.ธ. โดยท�ำงานเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ความเป็นเลิศทาง การแพทย์ด้านการดูแลผู้สูงอายุ ร่วมกับคลินิกผู้สูงวัยสุขภาพดี และเปลี่ยน ชื่อเป็น “คลินิกวัยทอง” ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา บริการของคลินิกวัยทองในปัจจุบันนอกจากจะดูแลรักษาสองข้อ แรกซึ่งเกี่ยวข้องกับวัยทองโดยตรงแล้ว ยังมุ่งเน้นการดูแลผู้หญิงวัยทอง อย่างรอบด้านและตามลักษณะของผู้เข้ารับค�ำปรึกษาแต่ละคน โดยมีระบบ คัดกรองอาการเบื้องต้น ได้แก่ แบบคัดกรองอาการวัยทองโดยเฉพาะ แบบ คัดกรองของอาการช่องคลอดแห้ง แบบคัดกรองปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ใน วัยทอง แบบคัดกรองความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แบบคัดกรอง คุณภาพการนอนหลับ แบบคัดกรองประสิทธิภาพของการรู้คิด รวมทั้งการคัด กรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น ภายหลังจากการตรวจอย่างรอบด้านแล้ว แพทย์ จะให้ค�ำปรึกษาอย่างเหมาะสมและดูแลรักษาโดยทีมสหสาชาวิชาชีพต่อไป อีกหนึ่งแรงก�ำลังของคลินิกวัยทองคือ บุคลากรพยาบาลที่มีส่วนใน การท�ำงานมาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยได้แสดงศักยภาพในการสอนการดูแลสุขภาพ และให้ค�ำแนะน�ำหลายด้านแก่ผู้หญิงวัยทอง เก็บข้อมูลงานวิจัย ซักประวัติ ผู้ป่วยได้อย่างดีและเข้าใจ กล่าวได้ว่าพยาบาลจะเป็นส่วนหนึ่งในทีมท�ำงาน ที่ส�ำคัญของคลินิกวัยทองมาตั้งแต่ก่อตั้งคลินิก รศ.พญ.สุกัญญา กล่าวด้วยว่า “เมื่อก่อนทุกคนอยากมีอายุ ยืนยาว แต่ปัจจุบันอายุยืนอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเป็นผู้สูงวัยที่มีอายุ ยืนยาวและสุขภาพดี คลินิกวัยทองเริ่มตระหนักเรื่องการเตรียมตัว ในวัยทองมาเมื่อ 30 ปีก่อน จนปัจจุบันประเทศไทยเป็นสังคมสูงอายุ เต็มรูปแบบแล้ว คลินิกวัยทองขอเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษา สร้าง ความใส่ใจในการดูแลตนเองของผู้หญิงวัยทองและวัยสูงอายุทุกคน” ส�ำหรับแนวทางการพัฒนาต่อของคลินิกวัยทองเพื่อเป็นไปตามนโยบายของ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คือ พัฒนาการดูแลรักษาผู้หญิงวัยทองอย่างเป็นเลิศ และเป็นต้นแบบ จึงได้เริ่มจัดตั้งคลินิกวัยทองที่ดูแลเฉพาะโรค ได้แก่ คลินิก โรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยทอง ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2563 คาดว่าจะสามารถ ด�ำเนินการได้อย่างครบวงจรในปี พ.ศ. 2566
17 คลินิกวัยทอง ในอนาคตสู่การรองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ อ.พญ.นลินา ออประยูร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายสูติศาสตร์- นรีเวชวิทยา กล่าวถึงการให้บริการของคลินิกวัยทองในปัจจุบันว่า เนื่องจาก ปัจจุบันโรคที่เกิดขึ้นกับวัยทองมีความก้าวหน้าและลึกซึ้งมากขึ้น การดูแล รักษาเกี่ยวพันกับระบบอื่นๆ จึงจ�ำเป็นต้องมีการบูรณาการความรู้จากแพทย์ ในหลากหลายสาขา ปัจจุบันคลินิกวัยทองได้จัดตั้งส่วนที่จะมาดูแลในเรื่องกระดูกพรุน ในผู้หญิงวัยทองเพื่อยกระดับสู่การให้บริการดูแลโรคกระดูกพรุนในผู้หญิง วัยทองอย่างครบวงจร โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์หลายสาขา เช่น สูติ นรีแพทย์ อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อ แพทย์ออร์โธปิดิกส์จะร่วมดูแลอย่างเจาะลึก และต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีทีมสหสาขาวิชาชีพทั้งพยาบาล นักโภชนาการ ทีมกายภาพบ�ำบัดจะมาช่วยในการส่งเสริม เช่น หากพบผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง ก็สามารถให้ค�ำแนะน�ำในการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมได้ ในอนาคตคลินิกวัยทองยังมุ่งพัฒนาทั้งในแนวกว้างและแนวลึก แนวกว้างคือไม่จ�ำกัดเฉพาะอาการที่เกี่ยวกับวัยทองเท่านั้น แต่จะมีการขยาย งานไปถึงการดูแลครอบคลุมเรื่องของสุขภาพผู้หญิงที่กว้างขึ้นภายหลังการรักษา โรคมะเร็งต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็งของผู้หญิง ในขณะที่แนวลึกจะมุ่งเน้นการ ให้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาซึ่งจะช่วยให้ผู้หญิงที่ยังไม่มีอาการ ใดๆ สามารถดูแลตนเองยังมีสุขภาพดีเพื่อเป็นวัยทองอย่างมีคุณภาพ ในขณะ ที่ผู้หญิงวัยทองที่มีอาการหรือเป็นโรคจะส่งเสริมให้ได้รับการดูแลรักษาที่ดีขึ้น อีกหนึ่งความก้าวหน้าที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปคือ การพัฒนา แอปพลิเคชันเพื่อให้ผู้ป่วยท�ำแบบประเมินก่อนจะมาพบแพทย์ได้ เนื่องจาก หลายๆ คนไม่ทราบว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่ควรเข้ารับค�ำปรึกษาและไม่มี อาการ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ทราบถึงความเสี่ยงได้ เช่น การประเมิน ความเสี่ยงจากมะเร็งเต้านม การประเมินความเสี่ยงในด้านความเปราะบาง ของกระดูกหรือกระดูกพรุน การประเมินความเสี่ยงอาการวัยทอง การประเมิน ความเสี่ยงระบบประสาทและสมอง สิ่งเหล่านี้หากตรวจพบตั้งแต่ในช่วง ระยะแรก กระบวนการดูแลและรักษาย่อมสามารถท�ำได้อย่างทันท่วงที อ.พญ.นลินา ยังกล่าวเสริมว่า “อยากจะให้ทุกคนเปลี่ยนกรอบ ความคิดว่าการเข้าสู่วัยทองเป็นโรครุมเร้า แท้จริงแล้ววัยทองคือภาวะ ที่ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญ ดังนั้นการเข้ารับค�ำปรึกษาเป็นสิ่งที่ทุกคนควรเข้าถึง ไม่จ�ำเป็นต้องรอให้มีโรคหรืออาการที่บ่งชี้ แต่สามารถมารับค�ำปรึกษาได้” ขณะเดียวกันการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยทองของผู้หญิงนอกจากการดูแลที่ดี ด้านการแพทย์แล้ว ก�ำลังใจและความเข้าใจจากครอบครัวนับว่าเป็นสิ่งที่ ส�ำคัญยิ่ง สมาชิกในครอบครัวควรปรับความคิดและท�ำความเข้าใจว่าวัยทอง เป็นช่วงเวลาหนึ่งของผู้หญิงที่ต้องเผชิญเท่านั้น และอาจมีความเปลี่ยนแปลง ทางพฤติกรรมและอารมณ์ คนรอบข้างควรจะให้แรงสนับสนุนทางด้านจิตใจ ด้วยการให้ก�ำลังใจและเป็นแรงสนับสนุนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ในการใช้ชีวิต ปัจจัยสนับสนุนทั้งด้านการแพทย์และคนรอบข้างจะช่วยส่งเสริม ให้ผู้หญิงทุกคนดูแลตนเองได้อย่างมีคุณภาพ
เรื่อง : รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ Med to Meet You จิตแพทย์ด้านการเสพติด บทบาทของการฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ป่วยติดสารเสพติด ให้กลับมามีชีวิตที่ดีอีกครั้ง รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ กระบวนการฟื้นฟูดูแลผู้ติดสารเสพติด บุคลากรทางการแพทย์ที่มีบทบาทอย่างยิ่งแต่อาจ ไม่เป็นที่รู้จักคือ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์การเสพติด เพราะสารเสพติดคือสิ่งที่ออกฤทธิ์ ต่อจิตประสาท เพราะฉะนั้นจึงส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ การคิดอ่าน และพฤติกรรมร่วมด้วย จิตแพทย์ผู้ศึกษาในด้านนี้นับตั้งแต่ช่วงบุกเบิกในไทยท่านหนึ่งคือ รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ จิตแพทย์ฝ่ายจิตเวชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การท�ำงานด้านจิตเวชศาสตร์ร่วมกับผู้ป่วยที่มี อาการเสพติดทั้งแอลกอฮอล์บุหรี่รวมถึงสารเสพติดทุกประเภทจะมุ่งเน้นในเรื่องของการท�ำความเข้าใจ กับผู้ป ่วยว ่าปัจจัยในการใช้สารเสพติดคืออะไร ผลกระทบหลังการเสพติด รวมถึงท�ำความเข้าใจ สภาพแวดล้อมทางสังคมและโรคทางกายอื่นๆ ด้วยเช ่นกัน จากนั้นแพทย์จะท�ำการประเมินถึง ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และทางจิตเพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันของแพทย์และผู้ป่วย โดยมีผู้ ป่วยเป็นศูนย์กลางในการออกแบบการรักษา รูปแบบการรักษามีทั้งการใช้ยา ใช้กระบวนการจิตบ�ำบัด กระบวนการเสริมสร้างแรงจูงใจซึ่งแต่ละวิธีจะต้องใช้การรักษาที่ต่อเนื่องและมีความถี่ในการพบแพทย์ มากในช่วงระยะแรก ผู้ป่วยบางรายต้องดูแลในระยะยาวเป็น 10 ปีรวมถึงบางรายที่หายจากการติด สารเสพติดแต่มีอาการทางจิตที่ยังคงอยู่ก็จ�ำเป็นต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง จากเส้นทางการท�ำงานในปัจจุบันหากย้อนกลับไป ณ จุดเริ่มต้นของการเป็นจิตแพทย์ รศ.พญ.รัศมน เล่าว่ามีความสนใจในด้านจิตเวชศาสตร์มาตั้งแต่สมัยเรียน เพราะโรคทางจิตเวชในช่วงเวลานั้นยังถือว่า เป็นโรคที่แปลกและไม่ค่อยรู้จักในไทยมาก และภายหลังจากส�ำเร็จการศึกษาและท�ำงานในภาควิชา จิตเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้รับคัดเลือกให้ได้รับทุนในการฝึกอบรมด้านการวิจัยเกี่ยวกับ การติดสารเสพติด ณ มหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 3 ปี และได้ตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยว กับจิตเวชศาสตร์การใช้สารเสพติดตลอดช่วงเวลาที่ศึกษา ช่วง 20 ปีก่อน ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นปัญหาส�ำคัญของประเทศ แต่ยังไม่มีจิตแพทย์ ที่ศึกษาเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการเสพติด รศ.พญ.รัศมน จึงพยายามผลักดันให้มีการเรียนการสอน ด้านจิตเวชศาสตร์การเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดจะเริ่มมีการอบรมแพทย์ประจ�ำบ้านต่อยอด ในด้านนี้ โดยเฉพาะในปีการศึกษาหน้า เพื่อให้มีบุคลากรทางการแพทย์ที่พร้อมสนับสนุนกระบวนการ การฟื้นฟูผู้ป่วยสารเสพติดอย่างเป็นระบบ จากประสบการณ์การท�ำงานที่ผ่านมา รศ.พญ.รัศมน มองว่า จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์การเสพติดมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก ปัจจุบันมีจ�ำนวนผู้ป่วยที่ติดสารเสพติดเป็นจ�ำนวนนับแสนคนต่อปี ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ในสมัยก่อนที่มีข้อบังคับให้เข้ารับการบ�ำบัดก็อาจได้รับการบ�ำบัดที่อาจ ไม่ได้รับการดูแลทางสุขภาพจิตที่เหมาะสม ปัจจุบันระบบสาธารณสุขจึงเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นโดยมุ่งหวังให้ “การดูแลรักษานี้จะเป็นการฟื้นฟูให้ผู้ป่วย มีศักยภาพในการหยุดใช้สารเสพติด และมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อีกครั้ง” 18
รจ ู ก ั กบ ั ประธานนสิติแพทย CU-MEDi คณะแพทยศาสตร จฬ ุ าลงกรณม หาวทิยาลย ั กลบัมาพบกนัอกีเชนเคยกบัคอลมัน“More Than A Med Student” ฉบบันจีะพาทกทานไปรจกักบันสิติแพทย หลกัสตรแพทยศาสตรบณัฑติ (หลกัสตรนานาชาต)ิคณะแพทยศาสตรจฬาลงกรณมหาวทิยาลยัหรอืทรีจกักนัในชอื CU-MEDi นสพ.ภาคยรฐัรศัมโีกเมน ชอืเลน “พ”ีนสิติแพทยชนัปที1 หลกัสตรแพทยศาสตรบณัฑติ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะแพทยศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย หรือหลักสูตร CU-MEDi ปจจบนัดํารงตําแหนงเปน ประธานนสิติแพทย ของหลกัสตร CU-MEDi มสีวนรวมในการชวยจดังานตางๆใหกบันสิติแพทยของหลกัสตร เชนงาน White Coat Ceremony งานรบันอง CU-MEDiครบั Q: ชวยแนะนําตวัเองใหพวกเราไดรจกัมากขนึ? สมัยเด็กเริ่มทํากิจกรรมครั้งแรกคือ กิจกรรมของชมรมลูกเสือของโรงเรียน เปนประสบการณเล็กๆ ในวัยเยาว แตกลบัมสีวนสําคญัททีําใหผมชอบทํากจิกรรมเมอืโตขนึจากจดเรมิตนนนัชวยใหผมกลาแสดงออกในเรอืงตางๆ มากขนึ สวนกจิกรรมทปีระทบัใจคอืกจิกรรมรบันองรน 2ของหลกัสตร CU-MEDi เนอืงจากเปนรนแรกทไีดจดักจิกรรม ใหนองๆ ทเีพงิเขามาใหมเรยีกไดวาเปนรนทตีองกําหนดมาตรฐานใหกบันองๆ รนตอ ไป ซงึตอนทจีดักจิกรรมนนั มีอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะเรื่องเวลาที่มีไมมาก อีกทั้งยังตองเตรียมสอบดวย ทุกอยางจึงเปนเรื่องทาทาย แตสุดทายแลวเปนการจัดกิจกรรมที่นาประทับใจมาก แสดงใหเห็นวาเพื่อนๆ ในหลักสูตร CU-MEDi ทุกคน สามารถรวมตวักนัไดมคีวามสามคัคแีละทําใหไดรจกัเพอืนๆ มากขนึ ในขณะทนีองๆ กม็คีวามสขกบักจิกรรม ทจีดัขนึเชนกจิกรรม Talent Show ทงัยงัทําใหนองๆ สนทิสนมกนัมากยงิขนึ Q: ทผีานมาเคยทํากจิกรรมอะไรมาบาง? ในอีก 10 ปขางหนา ผมอาจจะกําลังจบการศึกษาแพทยประจําบานตอยอด (Fellow) และมคีรอบครวัครบัผมอยากจะไปศกึษาตอ ในระดบั Residency หรอื Fellowship สาขาการสาธารณสข และกฎหมายที่ตางประเทศ หลังจากนั้นก็กลับมาทํางานที่ประเทศไทย ตอ ยอดการเปนแพทยควบคู ไปกบังานดานบรหิารครบัเพราะกอนทจีะเขามาศกึษาตอ ในหลกัสตร CU-MEDi ผมศกึษาดานปรชัญามา จงึมคีวามสนใจดานบรหิารและกฎหมายครบั Q: นกึภาพตวัเองในอกี 10 ปขางหนาคดิวาชวีติจะเปนอยางไร? ผมเรยีนสาขาปรชัญามา คดิวาเรอืงนสีามารถนํามาใชตอยอดกบัเรอืง Biomedical Ethics รวมถงึอาจนําไปใชในการบรหิาร และการเขยีนกฎหมาย ทางการแพทยไดครบัดวยเหตทคีวามรทางปรชัญาเปนตวัสงเสรมิระบบความคดิใหเราสามารถรบัขอมลและรบั ฟงความเหน็ทหีลายหลากมากขนึรวมถงึ ยังชวยในเรื่องการสื่อสารระหวางผูปวยกับแพทยดวย ยิ่งไปกวานั้นการที่นิสิตแพทยหลักสูตร CU-MEDi มีความสามารถและมุมมองที่หลากหลาย เปนสงิทมีปีระโยชนตอการอภปิราย (discussion) เพราะจะไดแงมมทเีปดกวางมากขนึจากคนหลายๆ คนทมีภีมหิลงัทแีตกตางกนัดวยครบั ทุกครั้งที่ผิดหวังหรือลมเหลวกับสิ่งที่ทําใหพยายามทําสิ่งนั้นตอไปครับ อยากบอกตัวเองและทุกคนวา “Ever tried. Ever failed. No matter. Try again. Failed again. Failed better.” เพราะความลมเหลวไมใชสงิทจีะหยดเราไดแมจะลมเหลวกคีรงักไ็มเ ปน ไร สงิสําคญัคอืเมอืลมเหลวแลวเราดขีนึ หรอืไมนนัคอืบทเรยีนทจีะทําใหเราไดเรยีนรและเตบิโตในแบบทสีมบรณครบั Q: จากองคความรหลากหลายทไีดศกึษามากอนทจีะเขาศกึษาในหลกัสตร CU-MEDi คดิวาความรเหลานนัสามารถนํามาตอยอดกบัการเรยีนแพทยไดอยางไร? Q: อยากจะบอกอะไรกบัตวัเองในวยัเดก็หรอืผอานบาง? นสพ.ณัฐชนน วัตนะกุล นิสิตแพทย์ ชั้นปีที่ 3 นสพ.ศศธมล วงศ์พานิช นิสิตแพทย์ ชั้นปีที่ 3 นสพ.พลอยรุ้ง จงกล นิสิตแพทย์ ชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย : More Than A Med Student 19
บอกเล่าก้าวทันหมอ เรื่อง : รศ.พญ.ศริญญา ภูวนันท์ ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure) เป็นภาวะที่มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูง และมีโอกาสที่ผู้ป่วยจะกลับเข้ามารักษาตัวใน โรงพยาบาลเมื่อมีอาการ การรักษาจึงเป็นการรักษาแบบตั้งรับคือ เมื่อผู้ป่วยมีอาการจึงรักษาให้มีอาการดีขึ้นแต่ไม่ได้มีการรักษาที่ต่อเนื่อง คลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวได้จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวอย่างเป็นระบบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสหสาขาเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิด อาการของโรค รวมทั้งยังช่วยดูแลให้ผู้ป่วยอยู่ในแผนการรักษาอย่างต่อเนื่อง 20 คลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว การรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วย
21 การท�ำงานที่ดูแลผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวอย่างต่อเนื่องและมีมาตรฐาน นี้เอง จึงท�ำให้คลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวได้รับรางวัล American Heart Association Get with the Guidelines (AHA GWTG) in Heart Failure ใน ระดับ Bronze Awards เป็นแห่งแรกของประเทศไทย รางวัลนี้เป็นการประเมิน คุณภาพในการดูแลผู้ป่วยให้ได้มาตรฐานตามแนวทางเวชปฏิบัติในการดูแล ผู้ป่วยของ AHA ได้แก่ การได้รับยาที่มีหลักฐานจากการศึกษาว่าสามารถ ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว การติดตามผู้ป่วย หลังออกจากโรงพยาบาล และการประเมินความสามารถการท�ำงานของหัวใจ รศ.พญ.ศริญญา ภูวนันท์ หัวหน้าคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว กล่าวถึงความ ส�ำเร็จในครั้งนี้ว่า เป็นรูปธรรมของค�ำว่า “ทีมเวิร์ค” ของแพทย์และบุคลากร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งก้าวของการยกระดับด้านคุณภาพ การรักษาเทียบเท่าระดับสากล ความส�าเร็จของการรักษา สู่รางวัลระดับสากล ผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษาในคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว ส่วนหนึ่ง จะเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ที่ผ่านการประเมินจากอายุรแพทย์ หัวใจแล้วว่าควรได้รับการดูแล ขณะที่ผู้ป่วยนอก แพทย์จากโรงพยาบาลอื่น ยังสามารถส่งต่อผู้ป่วยเข้ามาได้โดยติดต่อประสานกับพยาบาลที่ดูแลเฉพาะ ทางด้านนี้โดยเฉพาะ หรือ Heart Failure Nurse Navigator ได้ กระบวนการดูแลผู้ป่วยของคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวเป็นการจัด ทีมสหสาขาวิชาชีพมาดูแลผู้ป่วยอย่างครอบคลุมทุกมิติในการใช้ชีวิตของ ผู้ป่วย โดยมีพยาบาลโทรติดตามอาการ แนะน�ำการดูแลตนเอง นอกจากนี้ยังมี เภสัชกรให้ค�ำแนะน�ำเรื่องยา ตรวจสอบการรับประทานยาที่ถูกต้องสม�่ำเสมอ นักโภชนาการที่ร่วมดูแลในเรื่องอาหารโดยเฉพาะเรื่องปริมาณโซเดียม ในอาหารที่เหมาะสม และมีนักกายภาพที่มาร่วมดูแลเรื่องการออกก�ำลังให้ กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แข็งแรงมากยิ่งขึ้น จะเห็นว่าบริการของคลินิกมุ่งเน้น การดูแลแบบครอบครัว คือ วางแผนการดูแลแบบต่อเนื่องติดตามผู้ป่วย ทุกจุดที่ผู้ป่วยเคลื่อนไหวในเชิงความรุนแรงของโรค ตั้งแต่เข้ารับบริการจน กระทั่งเสียชีวิต กระบวนการรักษาและดูแลผู้ป่วย หัวใจล้มเหลวอย่างรอบด้าน รูปแบบการดูแลของคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวนี้ยังเป็นต้นแบบให้ กับโรงพยาบาลอีกหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดอบรมการดูแล ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวที่ใช้ชื่อว่า Heart Failure Clinic Preceptorship Program มีโรงพยาบาลเข้าร่วมการอบรมกว่า 60 โรงพยาบาล และได้น�ำไป ขยายผลต่อจัดตั้งเป็นคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวในภูมิภาคต่างๆ สอดคล้อง กับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่ส่งเสริมการดูแลผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว เครือข่ายคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวนี้มีส่วนในการช่วยดูแลผู้ป่วยด้วยการ แนะน�ำผู้ป่วยบางรายที่มาจากต่างจังหวัดและมีโรงพยาบาลที่จัดตั้งคลินิก ลักษณะเดียวกัน ให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในจังหวัดของตนเองเพื่อ ความสะดวกในการติดตามอาการ รศ.พญ.ศริญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า ความส�ำเร็จและการดูแลผู้ป่วย ของคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวที่ผ่านมา มีศักยภาพในการพัฒนาเพื่อตอบสนอง ต่อการดูแลทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกในอนาคตต่อไปให้มากยิ่งขึ้น จากต้นแบบสู่การขยายแผนการรักษา ไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ หนึ่งรางวัลที่มีให้แก่บุคลากรทุกคนเสมอมาคือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเสียงตอบรับจากผู้ป่วยที่มาเข้ารับบริการ โดยภาพรวมของผู้ป่วยหลาย รายที่เข้ามารับบริการดูแลผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว พบว่าสามารถกลับ ไปท�ำงานได้ ไม่เหนื่อย สามารถนอนหลับได้ ใช้ชีวิตประจ�ำวัน ใช้ชีวิตนอก บ้านได้ ไม่ต้องมานอนโรงพยาบาลเป็นประจ�ำเหมือนช่วงก่อนหน้า บางราย สามารถกลับมาออกก�ำลังกายได้ รศ.พญ.ศริญญา ยังกล่าวว่า “เราจะมีความ สุขมากเมื่อเจอผู้ป่วยบอกว่า หมอ ผมดีขึ้น ผมเดินรอบสวนลุมพินีได้ ผมกลับ ไปท�ำงานแล้ว บางรายบอกว่าอันนี้คือดีที่สุดในรอบ 2 ปีของหนู ก่อนหน้านี้ หนูไม่เคยนอนราบได้เลย ตอนนี้หนูนอนได้ หายใจไม่เหนื่อย” รางวัลการันตี คือคุณภาพชีวิต ที่ดีของผู้ป่วย
แปรงฟนแหง ขั้นตอน การแปรงฟนแหง กำจัดเศษอาหาร 5 ตามซอกฟนออกดวย ไหมขัดฟนหรืออุปกรณ ทำความสะอาดอื่นๆ หลังการแปรงฟนใหบวนน้ำลาย และฟองยาสีฟนออก เช็ดคราบ ยาสีฟนที่ติดอยูบริเวณรอบริมฝปาก โดยไมตองบวนน้ำตาม เพื่อลางยาสีฟน ออกซ้ำอีก บีบยาสีฟนลงบนแปรง โดยไมตองทำใหแปรงสีฟน เปยกน้ำ หลังจากแปรงฟนเสร็จ ควรงดรับประทานอาหาร และน้ำอยางนอย 30 นาที เพื่อใหฟลูออไรดเคลือบผิวฟน และทำงานไดอยางเต็ม ประสิทธิภาพ แปรงฟนใหทั่วถึงทุกซี่ นานอยางนอย 2 นาที แปรงฟนแหงคืออะไร? การแปรงฟนดวยยาสีฟนที่มีฟลูออไรดเปนวิธีการปองกันฟนผุที่มีประสิทธิภาพ โดยฟลูออไรดจะชวยลดการยอยสลายแรธาตุ และเพิ่มความตานทานตอกรดใหผิวเคลือบฟน แตภายหลังการแปรงฟนหากบวนน้ำในปริมาณมากจะทำใหประสิทธิภาพของฟลูออไรด ลดลง การเพิ่มประสิทธิภาพของฟลูออไรดใหคงอยูไดนานขึ้นสามารถทำไดดวยวิธีที่เรียกวา “แปรงฟนแหง” คอลัมน “สารพัดเรื่องฟน” ฉบับนี้จะพาทุกทานมารูจักกับการแปรงฟนแหงคะ แปรงฟนแหง คือ การแปรงฟนโดยไมใชน้ำในขั้นตอนตางๆ ทั้งกอนแปรงฟน และหลังแปรงฟน การแปรงฟนแหงสามารถทำไดทั้งในเด็กและผูใหญ สำหรับยาสีฟนที่ใชนั้นเนนย้ำวาตอง เปนยาสีฟนชนิดที่ผสมฟลูออไรด ซึ่งปจจุบันมียาสีฟนที่ผลิตมาเพื่อการแปรงแหงโดยเฉพาะ ซึ่งมีฟลูออไรดเขมขนและลดสารที่กอใหเกิดฟอง อยางไรก็ตามการแปรงฟนที่ถูกวิธีและการลด การรับประทานอาหารประเภทน้ำตาลยังคงเปนปจจัยหลักที่ชวยลดการเกิดฟนผุ การแปรงฟนแหง เปนวิธีที่ชวยเพิ่มประสิทธิภาพของฟลูออไรดใหมากขึ้น ซึ่งสามารถปรับใชไดตามความเหมาะสม ในแตละบุคคล 1 2 3 4 5 22 สารพัดเรื่องฟัน โดย : ฝ่ายทันตกรรม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เรื่อง : ทพญ . นิศากร เวศย์วิริยะกูล
ยาทา Minoxidil Lotion รักษาผมรวง ศีรษะลาน โดยปกติแลวเสนผมของมนุษยจะหลุดรวงตามวงจรของเสนผมวันละ 50 – 100 เสน และจะงอกขึ้นใหมได แตในรายที่เปนโรคผมรวงจะมีเสนผมหลุดรวง ตั้งแต 100 – 1,000 เสนตอวัน สงผลกระทบตอจิตใจ เกิดความวิตกกังวลและขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเองเปนอยางมาก ผมรวงแบบฉับพลัน (Telogan effluvium) มักมีปจจัยกระตุน เชน ภาวะผมรวงที่สัมพันธกับไทรอยด โรคโลหิตจางที่ขาดธาตุเหล็ก ขาดสารอาหาร วิตามินหรือแรธาตุบางชนิด ความเครียด ความวิตกกังวล รวมถึงผลขางเคียงจากการใชยา ซึ่งผมรวงแบบฉับพลันจะหายไดเองเมื่อไมมีปจจัยกระตุนแลว ผมรวงแบบระยะเจริญรวง (Anagen effluvium) ปจจัยที่ทำใหเกิดผมรวงชนิดนี้ เชน กรรมพันธุ ยาหรือสารเคมีนานาชนิดจะสงผลกระทบตอการเจริญ ของรากผม จึงทำใหเกิดผมรวงไดทั่วศีรษะ เชน ผมบางจากกรรมพันธุ (Androgenic alopecia) การไดรับยาเคมีบำบัด การดัด ทำสี หรือยืดผม เปนตน ผูที่มีปญหาผมรวงสามารถปรึกษาแพทยผูเชี่ยวชาญเพื่อรักษาตั้งแตเริ่มรูสึกวาผมมีปริมาณลดลง การรักษาผมรวงนั้นมีหลายวิธี ในที่นี้จะขอกลาวถึง ยาทาที่ใชกันมานาน คือ มิน็อกซิดิล (Minoxidil) ตัวยานี้มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิต เมื่อนำมาใชทาที่หนังศีรษะจะเกิดทำใหเสนผมงอก ไดเร็วขึ้นและเพิ่มความหนาของเสนผมได ขอดีของยาทามิน็อกซิดิล คือ สามารถทาเฉพาะบริเวณที่ตองการใหเสนผมขึ้น โดยหนวยผลิตยาทั่วไป กลุมงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ ไดพัฒนาสูตร Minoxidil Lotion ทั้งแบบ 3% และ 5% เพื่อใชกับผูปวยของโรงพยาบาล นอกจากนี้แลว การพักผอนใหเพียงพอ การลดความเครียด รวมถึงการรับประทานอาหาร ที่เปนประโยชน เชน โปรตีน จะชวยลดอาการผมรวงใหดีขึ้นได คำแนะนำในการใชยาทาหนังศีรษะ Minoxidil Lotion - ทาเฉพาะบริเวณหนังศีรษะเทานั้น ไมใชกับสวนอื่นๆ ของรางกาย - ไมควรใชปริมาณที่เกินจากแพทยสั่ง เพราะไมชวยใหผมงอกเร็วขึ้น แตจะทำใหเกิดอาการ ขางเคียงมากขึ้น - หยดยาตรงกลางบริเวณหนังศีรษะที่ผมบางแลวเกลี่ยทาบางๆ ออกโดยรอบ - หลังทายาแลวควรลางมือดวยสบูและน้ำใหสะอาดทุกครั้ง - ไมควรใชเครื่องเปาผม เปาบริเวณที่ทายาไว - หากทายาตอนกอนนอน ควรทายาอยางนอย 30 นาทีกอนที่จะลงนอน - การใชยาทาอื่นๆ ที่บริเวณเดียวกัน อาจทำใหฤทธิ์ยามิน็อกซิดิล (Minoxidil) ลดลง - ควรแจงใหแพทยทราบดวยหากรับประทานยาลดความดัน เชน มิน็อกซิดิล (Minoxidil), ดิลไทอะเซม(Diltiazem), เมโทโพรลอล (Metoprolol), ไนเฟดิพีน(Nifedipine), โพรพราโนลอล (Propranolol), เวอราพามิล (Verapamil) เปนตน เนื่องจากยามิน็อกซิดิล ที่ใชทาจะสามารถดูดซึม เขาสูรางกายได การใชยารวมกันจะมีโอกาสเพิ่มผลขางเคียง ไดมากขึ้น - ควรกลับมาพบแพทยหากเกิดอาการแพยาหรืออาการขางเคียงจากยา เชน ผื่นขึ้น คัน หนาหรือ แขนบวม มีอาการเจ็บแปลบๆ บวมในปากหรือคอ แนนหนาอก หายใจลำบาก เจ็บหนาอก วิงเวียน เปนตน 23 สารพันเรื่องยา โดย : กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เรื่อง : ภญ.สุปาณี ศุภพิมลวรรณ
กิจกรรมตรวจสุขภาพสตรีเฉลิมพระเกียรติฯ “วันแม่แห่งชาติ” นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานเปิด กิจกรรมโครงการตรวจสุขภาพสตรีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา และวันแม่แห่งชาติ โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วม กิจกรรม เมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ณ อาคาร ภปร โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งกิจกรรมตรวจสุขภาพสตรีเฉลิมพระเกียรติฯ ประกอบด้วย การตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษามะเร็งเต้านม การตรวจ วินิจฉัยรักษามะเร็งปากมดลูก และนิทรรศการจัดแสดงพระราชกรณียกิจด้าน ต่างๆ เพื่อน้อมส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อพสกนิกร ชาวไทย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย งาน Medication Safety Week 2022 : World Patient Safety Day 2022 รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นประธานเปิดงาน Medication Safety Week 2022 : World Patient Safety Day 2022 และปล่อยขบวนรณรงค์มาตรการเรื่องยา เพื่อป้องกันหรือลดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาซึ่งอาจจะเกิดอันตราย ร้ายแรงกับผู้ป่วย ภายใต้การด�ำเนินการของคณะกรรมการพัฒนาระบบยา ที่ก�ำหนดแนวทาง ก�ำกับดูแล ติดตาม ส่งเสริม สนับสนุนในด้าน Medication Safety ให้เป็นระบบที่น�ำไปสู่ความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรอย่าง ต่อเนื่อง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2565 ณ อาคารรัตนวิทยาพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สัปดาห์เวชศาสตร์ฟื้นฟู “ก้าวทันโรคไปกับเวชศาสตร์ฟื้นฟู” ฝ่ายเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จัด กิจกรรมสัปดาห์เวชศาสตร์ฟื้นฟู “ก้าวทันโรคไปกับเวชศาสตร์ฟื้นฟู” โดยมี ศ.นพ.ยิ่งยศ อวิหิงสานนท์ รองผู้อ�ำนวยการฯ ฝ่ายการแพทย์และวิจัย เป็น ประธานเปิดงาน และ รศ.นพ.วสุวัฒน์ กิติสมประยูรกุล หัวหน้าฝ่ายเวชศาสตร์ ฟื้นฟู กล่าวรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ณ ชั้น M อาคารรัตนวิทยาพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งภายในงาน มีกิจกรรมมากมายจากผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ปรึกษาอาการออฟฟิศซินโดรม ปวดคอ หลัง เข่า ไหล่ ตรวจวัดไขมันในร่างกายด้วยเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์ไขมัน และให้ ค�ำแนะน�ำการออกก�ำลังกายลดน�้ำหนัก ปรึกษาปัญหานิ้วล็อก ชามือ วัดแรง บีบมือ ตัวบ่งชี้สุขภาพในผู้สูงอายุ ประเมินการทรงตัวและความเสี่ยงในการ หกล้ม ฝึกการทรงตัวด้วยเกมและเครื่องมือที่ทันสมัย วัดมวลกระดูก คัดกรอง ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน ตรวจสุขภาพเท้าและแนะน�ำรองเท้าสุขภาพ รวมถึง จ�ำหน่ายรองเท้าเพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งกิจกรรมเวทีเสวนาให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ เช่น ป้องกันล้มและกระดูกพรุน กิจกรรมบ�ำบัด...คลายนิ้วล็อก ง่ายนิดเดียว รู้จักเท้า เข้าใจเลือกรองเท้าให้เหมาะสม, Rehab Chula กับนวัตกรรมและ เทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟู การฟื้นฟูสมรรถภาพในผู้ป่วยหลังจากหายจากการ ติดเชื้อโควิด-19 ออกก�ำลังกายป้องกันออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูง APEC Health Working Group เยี่ยมชม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนานโยบาย เทคโนโลยีสารสนเทศ สภากาชาดไทย รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อ�ำนวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศ.กิตติคุณ นพ.จรัญ มหาทุมะรัตน์ หัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและ กะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ผศ.นพ.ชลเกียรติ ขอประเสริฐ หัวหน้าศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และส�ำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมให้การต้อนรับคณะผู้แทน APEC Health Working Group ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้า และกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ส�ำนักงานบรรเทาทุกข์ และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย และ “หมอพร้อม” ดิจิทัลแพลตฟอร์ม สุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เพื่อศึกษาดูงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ก้าวหน้าทันสมัย เมื่อวันพุธที่ 24 สิงหาคม 24 พ.ศ. 2565 ณ อาคารรัตนวิทยาพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
งานเกษียณ...เกษมสุข 2565 ศ.พญ.บุรณี กาญจนถวัลย์ รองคณบดี ฝ่ายบริหาร ผู้แทนคณบดี คณะ แพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานกล่าวเปิดงานเกษียณ... เกษมสุข ประจ�ำปี 2565 ซึ่งจัดขึ้นในโอกาสที่บุคลากรคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ พนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ พนักงานมหาวิทยาลัยสายปฏิบัติการ และลูกจ้างประจ�ำเงินงบประมาณ แผ่นดิน เกษียณอายุการท�ำงาน เพื่อแสดงมุทิตาจิตและยกย่องเชิดชูเกียรติใน ความทุ่มเทตลอดชีวิตการท�ำงาน โดยมี นางสุชิรา ปัญญาสันติกุล ผู้อ�ำนวยการ ฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้กล่าวรายงาน เมื่อวันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565 ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร แพทยพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย MDCU Research Awards 2022 รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เป็นประธานมอบรางวัล MDCU Research Awards 2022 รางวัลด้านการวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจ�ำปี พ.ศ. 2565 ให้แก่ภาควิชา นักวิจัย และคณาจารย์ เมื่อวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ณ ห้องประชุมยาใจ ณ สงขลา ชั้น 25 อาคารหอพัก และพัฒนาคณาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ผู้ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้ • Dean’s Award for Outstanding Research driven Department ได้แก่ ภาควิชาชีวเคมี • MDCU Prestigious Publication Award ได้แก่ “Implications of TP53 allelic state for genome stability, clinical presentation and outcomes in myelodysplastic syndromes. Nature medicine. 2020 Oct;26(10):1549-56.” โดย รศ.พญ.จันทนา ผลประเสริฐ • MDCU Distinguished Researcher Awards: - MDCU Distinguished International Researcher Award ได้แก่ Prof. Dr.Michael Maes, MD, Ph.D. - MDCU Rising Star Research Award ได้แก่ รศ.นพ.นภชาญ เอื้อประเสริฐ - MDCU Distinguished Young Researcher Awards for Pre-clinical departments ได้แก่ อ.นพ.สดุดี พีรพรรัตนา - MDCU Distinguished Young Researcher Awards for Clinical departments ได้แก่ รศ.พญ.รภัส พิทยานนท์ พิธีอาจาริยปูชา ประจ�ำปีการศึกษา 2565 รศ.ดร.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ รองคณบดี ฝ่ายวางแผนและพัฒนา ผู้แทนคณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานในพิธี อาจาริยปูชา ประจ�ำปีการศึกษา 2565 จัดขึ้นโดยภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และนิสิตแพทย์ ชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อ ขอขมาร่างอาจารย์ใหญ่ก่อนเข้าศึกษาภาคปฏิบัติการมหกายวิภาคศาสตร์ ส�ำหรับในปีการศึกษานี้มีร่างอาจารย์ใหญ่ทั้งสิ้น 51 ท่าน เมื่อวันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ณ ห้องปฏิบัติการมหกายวิภาคศาสตร์ ชั้น 5 อาคาร แพทยพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวเปิดตัวนวัตกรรม DMIND Application ส�ำหรับคัดกรอง ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อ�ำนวยการสถาบันสุขภาพจิต เด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อ�ำนวยการส�ำนักสนับสนุน การควบคุมปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) อ.ดร.ศันธยา กิตติโกวิท ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ ผู้ช่วยคณบดี ด้านนวัตกรรมการศึกษาและสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ศ.ดร.อนงค์นาฏ สมหวังธนโรจน์ รองคณบดี ฝ่ายวิจัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.พีรพล เวทีกูล อาจารย์ประจ�ำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกัน แถลงข่าวเปิดตัวนวัตกรรม DMIND Application ส�ำหรับคัดกรองผู้ที่มีภาวะ ซึมเศร้า ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยง ของภาวะซึมเศร้าจากลักษณะการแสดงออกทางหน้าตา น�้ำเสียงและข้อความ เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าเบื้องต้นให้บุคคลทั่วไปหรือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้โดย อัตโนมัติและมีความถูกต้องแม่นย�ำ ช่วยลดขั้นตอนในการวินิจฉัยของแพทย์ โดยมี ผศ.ดร.ณัฐวุฒิ หนูไพโรจน์ ผู้อ�ำนวยการศูนย์ปัญญาประดิษฐ์เพื่องาน วิศวกรรม เป็นผู้ด�ำเนินรายการ และ นายเตชินท์ พลอยเพชร (ดีเจมะตูม) เข้าร่วมงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ณ ห้องเธียเตอร์ อาคาร หอสมุด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 25
26 นายวสุธร กรุณายาวงศ์ และ นางสุวรรณา วิศาลเรืองเดช บริจาคเงินจ�ำนวน 1,000,000 บาท เพื่อศูนย์บูรณาการด้านการแพทย์ และสาธารณสุข อาคาร ภปร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมี รศ.นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ รองผู้อ�ำนวยการฯ ฝ่ายสนับสนุนบริการ รับมอบ ณ ศาลาทินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นายสุวัฒน์ บุญบรรดารสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็น.ซี.อาร์. รับเบอร์อินดัสตรี้ จ�ำกัด บริจาคเงินจ�ำนวน 5,000,000 บาท เพื่อสมทบทุนอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับมอบ ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคารอานันทมหิดล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นางอรุณศรี พัฒนสุวิภากุล บริจาคเงินจ�ำนวน 1,000,000 บาท เพื่อบ�ำรุงและจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมี นายอ�ำภล ศรีอภิรัฐ หัวหน้าฝ่ายพิธีการ รับมอบ ณ อาคารวชิรญาณวงศ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นายวสันต์ เจริญนวรัตน์ บริจาคเงินจ�ำนวน 1,000,000 บาท เพื่อพัฒนาการรักษาและช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งทางเดินอาหาร ที่ยากไร้ และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนการสอน งานวิจัยของภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ.นพ.ชฎิล ธาระเวช หัวหน้าหน่วยศัลยศาสตร์ทั่วไป G3 ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับมอบ ณ ศาลาทินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ และครอบครัว พร้อมกัลยาณมิตร บริจาคเงินจ�ำนวน 800,000 บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมี นางอัญชลี โสตถิพันธุ์ ผู้ช่วยผู้อ�ำนวยการฯ ด้านกิจการองค์กร รับมอบ ณ ศาลาทินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นพ.วิสุทธิ์ - พญ.อนงค์ศิลป์ พิทักษ์สิทธิ์ และ นายวรเศรษฐ์ พิทักษ์สิทธิ์ บริจาครถตู้ Toyota Commuter จ�ำนวน 1 คัน ให้แก่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.นพ.ศักนัน มะโนทัย รองคณบดี ฝ่ายวิชาการ และ ผศ.นพ.กวิรัช ตันติวงษ์ รองคณบดี ฝ่ายกายภาพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับมอบ ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคารอานันทมหิดล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายฤทธิชัย ศรีวิจารย์ ประธานกรรมการ และ น.ส.นทพร บุญบุบผา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จ�ำกัด บริจาคชุดตรวจ Standard Q COVID-19 Ag Home Test จ�ำนวน 1,000 ชุด เพื่อมอบให้แก่แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น�ำไปใช้ในการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ผศ.นพ.กวิรัช ตันติวงษ์ รองคณบดี ฝ่ายกายภาพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับมอบ ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคารอานันทมหิดล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “รวมหัวใจแฟนทริอาช เพื่อหัวใจคนไทย” ทริอาช The Series ซีรีส์วายแนวการแพทย์และแฟนตาซีจาก TV Thunder บริจาค เงินจ�ำนวน 487,031 บาท จากการขายบัตรชมซีรีส์ ตอนที่ 10 โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อร่วมสมทบทุนช่วยโครงการผ่าตัดโรคหัวใจ ศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รับมอบ ณ โรงภาพยนตร์ Mastercard Cinema เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์