The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับสำหรับกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง

คู่มือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับสำหรับกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง

46 บรรณำนุกรม เกศินี แซ่เลา, &วิชิต คนึงสุขเกษม. (2555). ผลของการออกก าลังกายด้วยการแกว่งแขน การเดิน และการเดิน ตามด้วยการแกว่งแขนที่มีต่อสุขสมรรถนะของผู้สูงอายุหญิง. วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและ สุขภาพ 1(13), 92-103. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2555). ระบบการเฝ้าระวังพฤติกรรม สุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มปกติ/เสี่ยง/ป่วย โรคเบาหวานความดันโลหิตสูง ในประเทศไทย: นโยบายสู่การปฏิบัติ ส าหรับสถานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ. กรุงเทพฯ: มปป. ชาตรี จุติตรี. (2555) ผลของโปรแกรมการผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบโพรเกรสิพร่วมกับการให้ความรู้ต่อ ความเครียดและความดันโลหิตในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงแผนกผู้ป่วยนอก. วิทยานิพนธ์ พย.ม. (สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์) กรุงเทพมหานคร : บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ญาตา แก่นเผือก, สุวรรณา จันทร์ประเสริฐ, &วรรณิภา อัศวชัยสุวิกรม. (2557). ผลลัพธ์ของการก ากับตนเอง ในการรับประทานอาหารและการเดินเร็วเพื่อควบคุมน้ าหนักของหญิงที่มีน้ าหนักเกิน. วารสาร สาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา 1(9), 104-116. ดาวลอย กลิ่นสีสุข. (2551). การเสริมศักยภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้านการบริโภคอาหารและ การออกก าลังกายในผู้ใช้บริการที่มีภาวะอ้วนลงพุง. ขอนแก่น: ศูนย์อนามัยที่ 6 ขอนแก่น. ทัศนีย์ บุญอริยเทพ, นงนุช โอบะ, &ศิริเกษม ศิริลักษณ์. (2007). ผลของการออกก าลังกายแบบเดินเร็วอย่างมี แบบแผนต่อระดับฮีโมโกลบินเอวันซีในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. Journal of Community Development Research 1(2), 17-29. เนติมา คูนีย์. (2555). แนวทางเวชปฏิบัติการออกก าลังกายในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมป์. บุปผาชาติ ทีงาม, เยาวภา ติอัชสุวรรณ และช่อทิพย์ บรมธนรัตน์. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติ ในการป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงของประชากรกลุ่มเสี่ยงในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ของสถานีอนามัยบ้านโพนม่วง อ าเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ, 5(3), 127-134. ผ่องพรรณ อรุณแสง. (2552). การพยาบาลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด. (พิมพ์ครั้งที่ 6). ขอนแก่น: คลังนานา มูลนิธิรัศมีธรรม. (2554). กายบริหารแกว่งแขนเพื่อบ าบัดโรค. เชียงใหม่ : ธีรสาส์นพับลิชเซอร์ สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2558). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงใน เวชปฏิบัติทั่วไป กรุงเทพ มหานคร: บริษัท ฮัวน้ าพริ้นติ้งจ ากัด ส านักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2554) รายงานประจ าปี 2564. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์. สุพรรณิการ์ ลดาวัลย์. (2551). ผลการออกก าลังกายแบบแกว่งแขนต่อเมแทบอลิซึมและการเปลี่ยนแปลง อัตราการเต้นของหัวใจในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น).


47 สมบัติ ตาปัญญา. (2526). คู่มือคลายเครียด. กรุงเทพฯ : เหรียญบุญการพิมพ์. อภิชญา เสียงลือชา, ภัทราวุธ อินทรก าแหง, &ถนอมศักดิ์ เสนาค า. (2551). การศึกษาระดับความหนักเบาของ การออกก าลังกายแบบแกว่งแขนขณะนั่งและยืนในคนปกติ. เวชศาสตร์ฟื้นฟูสาร 18(3), 90-97 อัจฉรา ดลวิทยาคุณ. (2558). พื้นฐานโภชนบ าบัด. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์โอเดียนสโตร์. อัมพร ไวยโภคา.(2555). การพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต าบลบ้านสันมะนะ ต าบลธงชัย อ าเภอเมือง จังหวัดล าพูน. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหา บัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่, เชียงใหม่. อัญชลีศรีจ าเริญ. (2553). อาหารและโภชนาการ : การ ป้องกันและบ าบัดโรค. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. American Heart Association [AHA]. (2000). Exercise standards for testing and training a statement for healthcare professionals from American Heart Association. Circulation, 104(2), 1694 - 1739. American College of Sports Medicine. (2000). ACSM’s resource manual for guidelines for exercise testing and prescription.(6th ed.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins. Alberti, K. G. M. M., Zimmet, P., & Shaw, J. (2006). Metabolic syndrome—a new world-wide definition. A Consensus Statement from the International Diabetes Federation. Diabetic Medicine, 23(5), 469-480. Bonaiuti, D., Shea, B., & Lovine, R. (2003). Review: Exercise reduces bone loss from the spine in postmenopausal women. Evidence-Based Nursing, 50(6), 1-3. Jacob, R. G, & Pelham, W. H. (2000). Behavior therapy. In B. J. Sadock & W. A. Sadock (Eds.). Comprehensive textbook of psychiatry: Philadelphia: Lippincott: Williams & Wilkins, II(7), 2080-2128. Kaplan, N. M. (2006). Kaplan’s Clinical hypertension (9th ed.). Philadelphia, PA: Lippincott Williams & Wilkins. Reed A. (2010). Recognizing pre-diabetes. Practice Nursing, 21, 28-32. Rinder, M. R., Spina, R. J., Peterson, L. R., Koenig, C. J., Florence, C. R., & Ehsani, A. A. (2004). Comparison of effects of exercise and diuretic on left ventricular geometry, mass, and insulin resistance in older hypertensive adults. American Journal of Physiology - Regulatory, Integrative and Comparative Physiology, 287(2), R360-R368. . Tully, M. A., Cupples, M. E., Chan, W. S., McGlade, K., & Young, I. S. (2005). Brisk walking, fitness, and cardiovascular risk: A randomized controlled trial in primary care. Preventive Medicine, 41(2), 622-628. Van Rooijen, A. J., Rheeder, P., Eales, C. J., & Becker, P. J. (2004). Effect of exercise versus relaxation on haemoglobin A1C in Black females with type 2 diabetes mellitus (Vol. 97).


48


Click to View FlipBook Version