“รักแท้หนึ่งเดียวของแม่ คือ หนู” “ปีนั้นลุงไปงานดอกไม้ที่เนเธอร์แลนด์อย่างเคย แม่โทร.มาหา รบเร้าให้ลุงแวะไปที่ลอนดอน ตอนนั้นแม่เริ่ม ฝึกงานแล้ว แบ่งเช่าแฟลตอยู่กับเพื่อนฝรั่งคนหนึ่ง เป็นแอร์โฮสเตส บิน บ่อย แม่บอกว่าลุงมาอยู่ด้วยได้ สัญญาต่างๆนานาว่าจะพา เที่ยว ฟังจากเสียงใสๆ ลุงก็รู้ว่ามีอะไรมากกว่านั้น แล้วก็จริงเสียด้วย แม่ไปรับลุงถึงสนามบิน หัวเราะ กึกกักมาตลอดทางในรถไฟใต้ดิน ลุงยังไม่ทันได้หย่อนก้น ลงบนโซฟาในแฟลตด้วยซ้ำ แม่ก็บอกลุงว่ามีอะไรจะให้ดู รูปเพื่อนชายของแม่ที่กำ ลังคบหากันอยู่ ลุงนึกในใจ ว่าท่าจะ จริงจังกันนะ เพราะที่ผ่านมาแม่ไม่เคยสนใจใครเป็นพิเศษ ชอบพูดทำ นองว่าผู้หญิงแบบแม่ ผู้ชายไม่ ชอบหรอก ยืนยัน ว่าผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต กะทิไม่เข้าใจและคงแสดงออกมาบนใบหน้า น้ เพราะ ลุง ต้องหัวเราะ บอกว่าให้หัดทำ สีหน้า น้ แบบนี้ไว้ โตขึ้นจะ ไม่เหงาใจ "ทีแรกลุงนึกว่าเป็นคนไทย แม่บอกว่าไม่ใช่ ประเทศ เพื่อนบ้านต่างหาก แต่โตที่อังกฤษนี่แหละ ตัวจริงก็ดูดี ยิ่ง กว่าในรูปอีกนะ หนูอยากดูไหม ไปหยิบอัลบั้มในลิ้นชัก แถวที่สามชั้นล่างสุดมาส ลิ้นชักนี้มีตัวเลขพ.ศ.กำ กับ พร้อมกับชื่อภาษาอังกฤษ ที่กะทิเข้าใจว่าเป็นสำ นักงานกฎหมายที่แม่ฝึกงานในปี นั้น แม่ยิ้มสดใสอยู่เคียงข้างชายร่างสูงผมตาดำ คนหนึ่ง กะทิรู้สึกแปลกๆ ที่จ้องมองคนแปลกหน้า น้ คนนี้ จึงเสพินิจดู รายละเอียดเครื่องแต่งกายของแม่ เสียงลุงต้องบรรยายว่า ออกเที่ยวด้วยกันครั้งแรกในงานแสดงคอนเสิร์ต การกุศล เรื่องคาร์เมน ที่พระราชวังแฮมป์ตันคอร์ต หรูซะไม่มี ทั้งงานประดับดอกลิลี่สีขาว เป็นงานการกุศลที่ อิ่มใจอิ่มบุญ แม่ใส่ชุดสีดำ เปิดไหล่เก๋ไก่ รวบผมอวดต้นคอระหง เพชร เม็ดจ้อยที่ติ่งหูดูจะทอแสงเจิดจ้าไม่เท่า แววตาของแม่ แอนโทนี่ ซัมเมอร์เป็นเว็บมาสเตอร์รู้จักกับแม่ ที่เริ่มงานกฎหมายเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต น็ ลุงตองจำ ได้ ไม่ ลืมว่า แม่มีความสุขแค่ไหน จึงไม่แปลกใจที่ไม่นานแม่ ก็บอกว่าจะแต่งงาน ที่จริงลุงตองคิดว่าแม่อาจจะ แต่งงาน เร็วกว่านั้น แต่บังเอิญแม่ถูกส่งตัวให้ไปดูงานที่ฮ่องกง “ลุงตองเชื่อเรื่องจังหวะชีวิตของคนนะ หนูที แม่ โทร.มาปรึกษาลุงต้องยืดยาวว่าจะไปหรือไม่ไปฮ่องกงดี แม่ หนูคิดอะไรเป็นระบบอยู่แล้ว แค่อยากได้คนฟัง ลุงก็ฮือๆ ออๆ แต่ก็พูดออกไป หนึ่งว่า รักแท้ไม่แพ้ระยะทาง รอก ถ้าแพ้ก็เป็นรักเทียม ดีเสียอีก จะได้รู้กัน "ลุงไปเจอแม่ที่ฮ่องกงด้วยนะ ก็ใกล้กว่าลอนดอน ตั้งเยอะ มองปราดเดียวลุงก็รู้ว่าแม่คิดถูกที่มาดูงาน อนาคต ของแม่หนูไม่ธรรมดาแน่ เจ้านายก็คงเห็นแววในตัวแม่ ถึงให้ โอกาสนี้ เราสนุก นุ กันมากเขียวที่ฮ่องกง” ลุงต้อง นิ่งไปนาน เหมือนระลึกถึงความสุขเมื่อครั้งที่อนาคตข้างหน้า น้ ยังมีอีก ยาวไกล จู่ๆ ลุงตองก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงลุกขึ้นไปที่ตู้ ฝั่งตรงข้ามที่มีชั้นหนังสืออัดแน่นเสียเป็นส่วนใหญ่ กะทิเพิ่ง สังเกตว่ามีตู้ใส่ของอยู่ติดกันด้วย ลุงต้องเปิดตู้และหยิบของ ชิ้นหนึ่งออกมา นี่ไง กระเป๋า ป๋ เดินทางไปโปรดของแม่ กะทัดรัดดีไหม ช่วงนั้นแม่หนูยังกับกินรี บินเป็นว่าเล่น ไปแทบทุก ประเทศ ในเอเชียนี่แหละ ลุงเป็นคนเลือกกระเป๋า ป๋ใบนี้ให้เอง ใช้งาน จนคุ้มเชียวละ กะทิฟังผ่านหูขณะที่สายตาไล่ไปตามรูปถ่ายในอัลบั้ม บนตัก มีรูปสวมแหวน เข้าโบสถ์ แม่ในชุดเจ้าสาวแสน สวย เคียงข้างตากับยาย กะที่นึกไม่ออกว่าตากับยายรู้สึกอย่างไร ทีลูกสาวคนเดียวแต่งงานในแดนไกล และ ไม่มีวี่แววว่าจะ กลับสู่มาตุภูมิในอนาคตอันใกล้ นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่สาว อยุธยารับรักหนุ่ม นุ่ ที่มีวงศ์วานอยู่มัณฑะ เลย์ โชคชะตาชอบเล่นตลกกับคนนะ หนูที กะทิเงยหน้า น้ ขึ้นได้ยินประโยคนี้พอดี "กระเป๋า ป๋ใบนี้แหละที่แม่เอาติดตัวมาเพียงอย่างเดียว วันที่ตัดสินใจกลับเมืองไทย อ้อ...รวมหนูในท้องด้วย”
กระจกเงา 25
"หนูคือคำ ตอบในชีวิตของแม่" กะทิ ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรท่าให้คนสองคนตัดสินใจอยู่ ด้วยกัน และอะไรทำ ให้ตัดสินใจแยกทางจากกัน กะ สบตาตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ในห้องนอน ของแม่ ดิน น้า น้ กับกะทิจะนอนด้วยกันในห้องนี้ ลุงทอง จะนอนในห้องพักแขก ส่วนน้า น้ กันต์ยึดโซฟาห้องกลางไว้ เรียบร้อยแล้ว เงาสะท้อนตรงหน้า น้ หลีกทางให้ภาพจากอัลบั้ม กะทิเปิล อาย อันนีมูน เล ดี ดี เทียวฤดูร้อน ลก แลนด์ บนจุดชมวิวที่ฮ่องกง แม่ดูมีความสุขดีอย่างเห็นได้ชัด คน างกายก็ จะ มี หากลงไปในใจแล้ว แต่ไม่ใช่ ชีวิตที่พ่อเลาะแวงหา "คนบาง วิ่งไล่ความฝันไปเรื่อยๆ จนไม่รู้จริงๆ ว่า ความฝันทีว่าอยู่ใกล้คิว เอง เดอะพูดเรี่อยๆ ขณะจูงมือ กะทิชมสวน เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา น้า น้ กันต์เสนอให้เดินไปรับ ประทานอาหารเย็น โรงแรมใกล้ ๆ กะทิจะได้ เปลี่ยน บรรยากาศ น้า น้ จะได้ไม่ต้องล้างจานด้วยไง” น้า น้ กันต์ตบท้าย มๆ กลากันเถมครึม เพียง ห้า นาที ผ่านป้อ ป้ มยามเช้าสู่โรงแรม สูงดอง หน้า น้ กับน้า น้ กัน ล่วงหน้า น้ไปจองโต๊ะก่อน ให้เหตุผลว่าจะพากะ เดินเล่น เพราะยังไม่หิว พอคล้อยหลัง ลุงตองก็พูดลอยๆ ว่า “ให้จู่จู่กันบ้าง แหม...กว่าจะลงเอย ฝ่า ฝ่ ยหนึ่งก็สงวน ท่าที อีกฝาย ไม่งักมองใกล้ๆ ว กะทิไม่ได้ตั้งใจฟัง เพราะกำ าลังแหวน อ า ต้นไม้ ราก อยู่ ดอย ดอก โต สีเหลือง กลีบซ้อน เป็นชั้นๆ ลองบอกว่าดอกสุพรรณิการ์ โชคดีที่กะทิเมื่อย คอ ก้มหน้า น้ ลงจึง เห็นดอกร่วงๆ ลองเก็บมาดูก็เห็นว่ายังไม่ช้า คอบอกว่ารู้จักกับคนสวนที่นิ เคยมาจักลูกไม้บ่อยๆ เดี๋ยวจะรอให้ เอาไปลอง ในรามแก้ว สวน กะทิไม่เคยเข้าไปในร้าน บริการ..บบท มาก่อน อาหารมากมายละลานตาละลานใจ นาฎาพาดูป้า ป้ ย ชื่อและ เปิดฝาภาชนะที่อุ่นร้อนจากตะเกียงแอลกอฮอ ให้ กะทิ ระงับ 1 เสียงอยู่ข้างหลังว่า ชอบ อะไรก็ต้ก มาเลยหนึ่งจาน อีกจานเป็นของอยากชิม แยกไว้อย่าบ่นกัน ชิมแล้วชอบค่อยตักอีกที กะทิทำ ตาปริบ ๆ ของง่าย ๆ ลุงสองก็ต้องหา บซ้อนเสียอย่างนั้นเอง กะทิ น้า น้ กะเป๊บ ป๊ เดียวก็ เรียบร้อย นั่น คลี่ผ้าเช็ดปากปูลงบน ก ให้กะทิ เท่านี้อาหารอร่อยก็ดูจะทำ ให้ชีวิตอื่นรมย์ขึ้นใน ทันที กะทิพ ทรี พาแปรง อ างใจลอย ภาพสะท้อน ในกระจกเข้าแทน ภาพเหตุการณ์เ ณ์ มื่อหัวค่ำ า เดี๋ยวนี้กะทิ รู้แก้วว่าคาโตๆ บางวงเหมือน ของใคร คิดถึงแม่จัง แม่คงเคยจ้องมองเงาตัวเองในกระจก บาน มานับครั้งไม่ถ้วน กะทิเชื่อว่านับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน ภาพเงาจากอดีตจะผุดขึ้นต่อหน้า น้ให้แม่ ได้เห็น เพียงแต่ กะทิไม่รู้เลยว่าแม่รู้สึกอย่างไรกับอดีต โหยหาอาลัย รุ่น แค้นใจ หวนให้อาดูร กะทิ อยากมีมนตร์วิเศษถามกระจกว่า "กระจกวิเศษ กา แม่มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร สูญเสีย ความรักไปครั้ง นั้น
ดินสอสี 26
" ความรัก มีหลากหลายรูปแบบ และสีสัน" ห้างสรรพสินค้าเย็นฉ่ากว้างขวาง น้า น้ ฎาพาเดินมาจากบ้าน กลางเมือง สินค้าสารพัดชนิดเชิญชวนให้เลือกซื้อ กะทิ เดินชมอย่างเพลินตาจนเสียงใครคนหนึ่งร้องทักน้า น้ กา “น้อ น้ งฎา แหม....ดีใจจังที่ได้เจอ” ผู้หญิงรุ่นราว คราวเดียวกับแม่ จูงมือเด็กผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกับกะทิปราด เข้ามาใกล้แทบจะจับน้า น้ ตาเขย่า สายตามองมาที่กะทิ พร้อม คำ ถามเสียงดังฟังชัดว่า “ลูกสาวภัทรใช่ไหม ตาย หน้า น้ ตา น่าเอ็นดู เคยเห็นสมัย แค่นี้เอง” คนพูดทำ มือประกอบ ดูจากระดับความสูง กะทิคงต้องไม่เกินสามขวบแน่ๆ ถาม จ อ า จ จะชัย เลิกหญิงผู้เป็นแม่เรียกว่า “น้อ น้ งทิ้ง เริ่ม หน้า น้ งอและดึงมือ “หม่าม้า” ให้ออกเดินไปยังจุดหมาย กะทิ กามไปให้ อีกฝ่า ฝ่ ยหน้า น้ นิ่งๆ อบกลับมา แ แววอารมณ์เ ณ์ สียบนใบหน้า น้ ดูจะจางลง เล็กน้อ น้ ย “จริงสิ ชวนกะทิไปด้วยดีกว่า มีมุมศิลปะข้างบน ให้เด็กประดิษฐ์ของ ไปด้วยกันไหมจ๊ะ” น้า น้ มาหันมาสบตากะทิ ในใจคงคิดว่าน่าจะดีที่กะทิ ลาเดียวกันบ้าง กะทิเกียใน ทั้งค์ระบายสี พี่เลี้ยงทุกคน ดูอารมณ์ดี ณ์ ดี แจ่มใส ผู้ใหญ่จึงปลีกตัวไปจิบกาแฟก่อนจะกลับ รับในอีกหนึ่งชั่วโมง ข้างหน้า น้ “ถ้าอยากกลับก่อนก็บอกนะ เรามีมือถือ เรียก หม่าม้ามารับได้” ลิ้งค์หยิบโทรศัพท์น่าใช้ออกมาอวด กะทิลอสมาธิอยู่กับ เส้นในในและกระบะ ลูกปัดสารพัด ใจจะร้อยเส้นยาวๆ ให้ สองเอาไปทัน แจกันใส่ดอกไม้ น่าจะแปลกตาดี ถ้ามีเวลาก็จะ ร้อยสร้อยคอ เก๋ ๆ ให้น้า น้ มาสักเส้น เอาไว้ใส่กับเสื้อเอวลอยลายเม็กซิกัน ตัวใหม่ที่เพิ่งเลือกซื้อด้วยกัน กะทิเพลินกับงาน ในมือ แล้ว ก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นผลงานศิลปะของพิงค์เข้า น่าจะเรียกว่าศิลเปรอะเสียมากกว่า มีรอยดำ ๆ จาก ปลายดินสอสีป้า ป้ ยเป็นปืนใหญ่ ๆ เหมือนเจ้าตัววาดอะไร แล้วเปลี่ยนใจ ทาสีดำ ทับลงไปแทน น่าจะเป็นรูปผู้ชายสองคน วโต ก น เล็กๆ ไฟลุกท่านอยู่ ด้านหลัง หน้า น้ ตาคนวางตั้งอกตั้งใจให้ออก มาเป็นแบบนั้น พิงค์คงเห็นสายตาของกะทิ จึงปุ๋ย ปุ๋ ใช้ทำ นองอธิบายว่า “วาดรูป พ่อกับน้อ น้ งพาย อยากรักกันดีนัก ทิ้งให้เรา อยู่กับหม่าม้า สองคน แล้วตัวเองหนีไปอยู่บ้าน มากับผู้หญิงใหม่ นี่ .... นี่วาดให้น่าเกลียดน่ากลัวแบบนี้แหละ กะทินึกสงสารกระดาษขาวแผ่นนั้นที่ต้องมารองรับ อารมณ์ แต่นึกอีกทีก็ดีเหมือนกัน จึงค์จะได้ไม่เก็บอัดอั้น ไว้ในใจ ระบายออกมาแบบนี้ดีแล้ว แต่ถ้ากะทิมีดินสอสี ในมือบ้าง รูปวาดของยา คงไม่มี ละเลงเปี้ยนปรอะแน่ๆ กะทินึกแปลกใจเหมือนกันที่ในใจของตัวเองไร้เมฆหมอกใดๆ ขากลับบ้าน กะทิถามน้า น้ ยาว่า “แม่เกลียดพ่อไหมคะ” น้า น้ มาชะงักก่อนจะก้มลงมองหน้า น้ กะทิ แล้วตอบว่า “แม่ไม่เคยพูดถึงพ่อให้น้า น้ฟังเลย น้า น้ ก็ไม่เคยถาม เพราะมา รู้จักแม่ที่หลังแล้ว แต่น้า น้ ก็ไม่คิดว่าแม่จะเกลียดใครนะ โดยการ ทีท่าให้แม่ไ หนูนา แม่รักหนูมากจริงๆ เลย ลดเวลาว่า ทุกอย่างในชีวิตของแม่” ถ้ามีดินสอสี กะทิจะวาดภาพแม่ในชุดสีชมพูหวานๆ มีปีกบางใส และถือคทาเหมือนนางฟ้า ฟ้ กะทิเชื่อจริง ๆ ว่า ป่า ป่ แม่มีความ แล้วในโลกใหม่ และในอนาคตเราจะได้ พบกันอีก
ชิงช้า 27
" ค ว า ม สุ ข ข อ ง คนรอบข้าง คือ ความสุขของเราด้วย” สวนลอยฟ้า ฟ้ บนชั้นเก้าสวยงามเหลือเชื่อจริงๆ แทบจะดู ไม่ออกว่าอยู่บนยอดตึกกลางกรุง กะทิ ก้าวออกจากลิฟต์ พร้อมกับน้า น้ กันต์ สระว่ายน้ำ สีฟ้า ฟ้ใสปรากฏอยู่ตรงหน้า น้ เก้าอี้ยาวปูเบาะสีขาวตั้ง ไว้เป็นระยะ ร่มลายริ้วฟ้า ฟ้ ขาวกางกั้น บังแดดอยู่ตามมุมต่างๆ ทางเดินนำ ไปสู่ศาลาฉลุไม้โปร่งตา มีเถากันภัยมหิดลเลื้อยพัน อวดดอกสีชมพูขาว กะทิยังไม่ทันตัดสินใจว่าจะเดินชมสวนริมสระก่อน หรือลงเล่นน้ำ ให้คลายร้อนดี ประตูกระจกทาง ซ้ายมือก็เปิด ออก ไอเย็นฉ่ำ พุ่งออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมคล้ายน้ำ มันตะไคร้ ผู้หญิงคนหนึ่งใน ชุดขาวคล้ายพยาบาลเดินมาไหว้ น้า น้ กันต์และยิ้มให้กะทิ น้า น้ กันต์ก้มลงบอกว่า “คุณตุ๊กรู้จัก พี่ภัทร ดี...” น้า น้ กันต์พูดไม่จบ คุณตุ๊กก็พูดต่อว่า "ตุ๊กเคย นวดให้คุณภัทรประจำ ตั้งแต่ยังไม่ป่ว ป่ ยจน กระทั่งย้ายไป หัวหิน คุณตุ๊กทำ ตาแดงๆ “คุณภัทรพูดถึงคุณหนูบ่อยมาก จนเหมือนตุ๊กรู้จัก คุณหนูเป็นเด็กดีนะคะ คุณแม่จะได้ดีใจ หมดห่วง มีอะไรให้ตุ๊กรับใช้ คุณกันต์ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ตุ๊กยินดีเสมอ คุณ ภัทรมีบุญคุณกับตุ๊กค่ะ ตุ๊กไม่เคยลืมเลย ประโยคท้ายๆ คุณตุ๊กพูดกับน้า น้ กันต์ น้า น้ กันต์มาบอกทีหลังว่าสามีของคุณตุ๊กติดการพนัน มีเท่าไหร่ก็หมด คุณตุ๊กจึงแยกทาง และต้อง เลี้ยงลูกชาย ตามลำ พัง แม่เคยให้ความช่วยเหลือไปหลายครั้ง โดยเฉพาะ เรื่องค่าเล่าเรียนของ ลูก แม่ดูจะทำ ให้คนรอบตัวมีความสุข ได้อย่างน่าชื่นชม กะทิภูมิใจที่เป็นลูกของแม่ ชิงช้าเล็กๆ แอบซ่อนอยู่ใกล้ซุ้มไม้เลื้อย น้า น้ กันต์ลงไป ว่ายน้ำ ในสระแล้ว กะทิเดินไปรอบๆ และ มาหยุดที่ชิงช้านี้ โล้ชิงช้าบนตึกสูงให้ความรู้สึกประหลาด เหมือนจะลอยขึ้นไป จนถึงหมู่เมฆ กะทิปลดปล่อยอารมณ์ใณ์ ห้เพลินไปกับลมเย็นๆ วิวเมืองหลวงแปลกตา ขณะนึกย้อนไปถึงซอง จดหมายที่ ลุงตองส่งให้เมื่อตอนบ่าย จดหมายจ่าหน้า น้ ซองด้วยลายมือของแม่ ชื่อผู้รับไม่ใช่ ใครอื่น พ่อของกะทินั่นเอง ได้พบพ่อ ลุงตองบอกว่า เพียงหย่อนจดหมายนี้ลงตู้ กะทิก็จะ กะทิคิดถึงแม่เหลือเกิน แม่เตรียมทุกอย่างไว้ให้กะทิ แต่ก็ยอมให้กะทิตัดสินใจด้วยตัวเองไป พร้อมๆ กัน ชิงช้าโล้ขึ้นสูงทุกทีๆ ส่ง ไม่ส่ง ส่ง ไม่ส่ง กะทิ ท่องอยู่ในใจตามจังหวะชิงช้า ที่จริงกะทิรู้อยู่แล้วว่า ต้องการอะไร แต่ด้วยวิธีไหน ต่างหากที่กะทิต้องคิดหนัก
ตู้ไปรษณีย์ 28
" ขอเพียงหัวใจเป็นสุข" ลุงตองพูดผิด จดหมายยังไม่ได้ติดแสตมป์ย่อมทิ้งลงตู้ ไปรษณีย์ไม่ได้ ถ้ากะที่ต้องการส่งจดหมายของแม่ ก็จะต้อง ไปที่ทำ การ ไปรษณีย์ก่อน ซึ่งอยู่ไม่ไกลที่พัก เดินไปไม่ถึง ห้านาที ดูเหมือนทุกคนรอการตัดสินใจของกะทิอย่างจดจ่อ ทีเดียว แม้จะไม่มีใครเอ่ยปากถามหรือเร่งรัด เมื่อกะทิเตรียมการพร้อมแล้วก็ออกมาจากห้องนอน และบอกน้า น้ ยาว่าจะขอไปที่ ไปรษณีย์ ทั้งน้า น้ ฎา น้า น้ กันต์ และ ลุงตอง ลุกขึ้นยืนพรึบพร้อมเพรียงกันเหมือนตอนที่พี่ทอง นั่งทับลงไปบนรังมดแดงที่โคนต้น มะม่วงไม่มีผิด ถ้าอยู่ใน สถานการณ์อื่ ณ์ อื่นกะทิคงหัวเราะ เพราะผู้ใหญ่ทั้งสามคนทำ ทำ รีรอเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำ อะไรดี สุดท้าย ลุงตอง กระแอมและบอกว่าบังเอิญมีธุระต้องออกไปซื้อของอยู่พอดี เลยจะเดินออกไปกับกะทิด้วย น้า น้ กันต์ พูดดื่มทำ นอง ว่า จะไปช่วยลุงต้องถือของ เพราะลุงต้องแก่แล้ว จะถือไม่ไหว ถ้าไม่หน้า น้ สิ่วหน้า น้ ขวานแบบนี้ ลุงตองคง “เม้ง น้า น้ กันต์จน เพดาน ห้องสะเทือนแน่ๆ เรื่องวัยวุฒิหรือความเป็นอาวุโส เป็นสิ่งสุดท้ายที่ใครจะมาพาดพิงถึงต่อหน้า น้ ลุงดองได้ เป็นอันว่าสี่ชีวิตกขบวน เดินเรียงหนึ่งตามกันลงลิฟต์ มา และเปลี่ยนเป็นเรียงหน้า น้ กระดานเมื่อออกสู่ถนนในซอย กะทิหยุดกึกเมื่อถึงทางเข้าที่ทำ การไปรษณีย์ และหันไปบอกว่า “หนู ขอเข้าไปคนเดียวได้ไหมคะ” “ได้สิ ได้” สามเสียงตอบ พร้อมกัน แม้จะด้วยเสียงสูงต่ำ ต่างกันไป กะทิเดินเข้าไปยืนต่อแถวและยื่นจดหมายที่ต้องการ ส่งให้เจ้าหน้า น้ ที่ ชำ ระเงินเรียบร้อยแล้วก็รับแสตมป์มาปิด ลงบนของ แล้วจึง ถือของจดหมายเดินมาหย่อนลงตู้ ตอนนี้ ก็มีเพียงตู้ไปรษณีย์กับกะทิที่รู้ความลับนี้ กะทิจ้องมองช่อง รับจดหมาย และรู้สึกเหมือน ตู้ไปรษณีย์หลิ่วตาให้กะทิ อย่างคนเข้าใจกัน กะทิยิ้มออกมา และเดินมาสมทบกับ คณะพรรคที่รออยู่ นับจากนาทีนั้น ชีวิตที่บ้านกลางเมืองผ่านไปใน บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยการรอคอย เสียงโทรศัพท์ดัง ก็จะมีอาการสะดุ้ง ตาม มาด้วยการเกี่ยงว่าใครจะเป็นคนรับ มีการลงไปตรวจดูว่าบุรุษไปรษณีย์เอาจดหมายมาส่งหรือยัง วันละสามสี่เที่ยว กะทอดขำ ไม่ได้ เพราะเท่าที่เจ้าหน้า น้ ที่ บอกไว้ กว่าจดหมายจะเดินทางไปถึงเกาะอังกฤษก็ต้องใช้ เวลาสี่วัน แล้วใครจะรู้ว่าคนรับจะกระตือรือร้น ตอบกลับมา ในทันทีหรือเปล่า ที่สำ คัญ แม่สั่งไว้ว่า ถ้าครบเจ็ดวันแล้ว ไม่มีคำ ตอบ ก็ให้กลับไปที่บ้านริมคลองได้เลย กะที่ไม่ปล่อยเวลาให้หมดไปกับการรอคอย แต่ชักชวน และคะยั้นคะยอให้น้า น้ กันต์พากะทิไปเที่ยวท้องฟ้า ฟ้ จำ ลอง ไป พิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ และสุดท้ายไปเข้าค่ายดูดาวที่คณะ วิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน น่าเสียดายที่ท้องฟ้า ฟ้ กลางกรุงเต็มไปด้วยมลภาวะจน หมู่ดาวไม่อาจปรากฏให้เห็นได้อย่างที่ผู้จัดตั้งใจ แต่กะทิก็ สุขใจกับการเฝ้า ฝ้ มองท้องฟ้า ฟ้ กะทิรู้สึกดีและสัญญากับตัวเอง ว่าจะทำ บ่อยๆ จักรวาลนี้กว้างใหญ่นัก มนุษ นุ ย์ตัวน้อ น้ ยจะมี อ้านาจอะไร เพียงแหงนมอง ฟ้า ฟ้ ก็ดูจะปลดศักดาและความ มุ่งหวังเกินตัวให้หมดสิ้นไปได้ในบัดดล เหลือเพียงหัวใจดวง เล็กๆ ในอกที่เต้นอย่างเจียมเนื้อเจียม ตัวและใฝ่ห ฝ่ าความสุข ตามอัตภาพ ไม่ต้องการสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องการสิ่งใด ที่อยู่ไกลตัว กะทิยังเล็กเกินกว่าจะนอนในเต้นท์กับพี่ๆ ทั้งคืน แต่ น้า น้ กันต์ก็ยอมตามใจให้ผ่านค่ำ คืนนั้นร่วมกับคนอื่นๆ และ พากันกลับมาเมื่อ รุ่ง กะทิหลับมาในรถ และรู้สึกตัวเมื่อถูกอุ้มพาขึ้นที่พัก กะทิแกล้งหลับและนอนนิ่งบนเตียง ขณะที่น้า น้ ฎาสาละวน ห่มผ้าให้กะทิ “พรุ่งนี้ครบกำ หนดแล้วนะฎา แกจะเสียใจไหมถ้ายัง มีแต่ความเงียบแบบนี้ “คงเสียใจค่ะ แต่ทำ ยังไงได้คะ" น้า น้ ตาลูบผมกะทิ เสียงของน้า น้ สั่น กะทิ กอยากลืมตาและสารภาพความจริง ออกไป ก็พอดีได้ยิน เสียงของลุงตองดังขึ้นว่า “กะทิเป็น ลูกสาวของภัทร แกไม่อ่อนแออย่างที่เราคิดหรอก แกได้ ความรักจากเราทุกคน แกอยู่ใต้สบายมาก ดูเหมือนลุงดองพูดแทนใจของกะทิได้ครบถ้วนแล้ว กะที่พลิกตัวและหลับไปในนาทีนั้นเอง
บ้านทรงไทย 29
“ทิ้งอดีตไว้ให้เป็นเพียงเงา" การเดินทางรองกะทีนสุดลงเมื่อรถจอดที่บ้านริมคลอง ที่จริงแล้วกะทีอยากจะเรียกว่าเป็นการสิ้นสุดการผจญภัย ใน โลกกว้างเสียมากกว่า แบบที่ต้องสืบค้นและคลี่ปมปริศนา เหมือนในหนังสือที่กะทิเคยอ่าน ครั้งหนึ่งแม่บอกว่าคนเรา ก็ไม่ต่างจากตัวละครในหนังสือ ที่ต้องเผชิญกับเรื่องราว ต่างๆ ในชีวิต และเมื่อผ่านพ้นมาได้ก็จะมีความลุ่มลึกใน เนื้อ จามณี น น มากขึ้น และม ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม่ชอบใช้ “คำ ใหญ่” กับกะทิ ฟังดูดี แม้บางทีจะเข้าใจยาก แต่ 4 นาที กะ จริงๆว่าตัวเอง โต อ้อมแขนของตาและยายอบอุ่นและให้ความรู้สึก ปลอดภัยเหมือนที่จะจำ ได้ ที่ไหนจะสุขใจเกินไปกว่าที่บ้าน ย่อมไม่มี และบ้านริมคลองหลังนี้คือ “บ้าน” ของกะทิโดยแท้ บ้านหลังนี้มีประวัติยาวนาน สร้างตั้งแต่เมีย กรุ ทาเล่าว่า แต่เดิม เป็นเรียนไทยเต็มรูปแบบ เรียกว่าเรียนหมู่ ทรงไทย ใหญ่โต โอ่อ่า งดงาม เป็นที่กล่าวขวัญถึงทั่ว ทั้งบาง ทุกส่วน สร้างอย่างประณีต มีครบทั้งเรือนนอน เรือนรี เรือนขวาง ตลอดจนเรือนครัว และหอนก ทุกเรือน เชื่อมต่อกันด้วย ซานเปิดโล่ง ร่มครึ้มด้วยไม้ใหญ่ อย่างเช่น ขนุน นุ มะม่วง จำ ปี จำ ปา ทุกสิ่งเสื่อมถอยตามกาลเวลา กว่าเรือนไทยจะตกมา ถึงมือของตา ก็ทรุดโทรมผุพังไปมาก ตานำ เงินทองที่เก็บ สะสม จากการทำ งานนานปีมาใช้ซ่อมแซมอย่างไม่นึกเสียดาย และ ทอน เหอเทียนไทย ง ยอย ช่างสมัยใหม่ย่อม ช่างยุค เก่าไม่ได้ แต่ก็ ความพยายาม เก็บรักษารายละเอียดไว้ให้ได้มากที่สุด บ้านริมคลองหลังนี้ มิห า ว ก ก บรากันสาด และปั้นลม กะทิรักทุกอย่างที่บ้านหลังนี้ พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ทั้งหมดนี้ และไม่มี ส่วนในชีวิต นพสัตหายให้ ต้องติดตามหาอีกแล้ว กะทิ ง น ท่าน้ำ ในใจร้องทักทายสายน้ำ หมู่ไม้ และแสงแดดรอบตัว ตาเดินมานั่งลงข้างๆ และรั้งตัวกะทิ ไปกอดไว้ แน่นอีกครั้ง ราวกับก่อนหน้า น้ นี้ยังกอดไม่สมรัก "พี่วัดพูดกันว่าอาทิตย์หน้า น้ หลวง ก็จะกลับมาแล้ว ทองคงจะมาในโรงเรียนเปิดพอดีนะ กะทินับวันอยู่ในใจ นั่นก็เท่ากับว่ามีเวลาอีกหลายวัน กว่าลวง กับ ทองจะออกเดินทาง ทีทองบอกไว้ จะ ออกหัว เดินลายไปตามแต่ญาติโยมจะนิมนต์หลวงลุง แต่ สุดท้ายจะกลับมาที่วัดนาทีไปพักครั้งแรก วัดทองให้ ที่อยู่กับกะที่ไว้ “เห็นยายว่าจะทําบุญใหญ่สักครั้งที่วัด แต่รถให้ หลวงลุงกลับมาก่อน ก็ดี ยายจะได้มีอะไรให้มองไปข้างหน้า น้ บ้าง เห็น ว่าจะทำ อาหารคาวหวานเต็มที่ สร้างสรรค์ตามเคย สร้างสรรค์งานให้คนอื่นทำ กันถ้วนหน้า น้ไง” ตาหัวเราะกับคำ ที่ ตัวเองเลือกใช้ จริงทีเดียว กะทิสังเกตเห็นมะพร้าวทะลายใหญ่ที่ ใต้ถุน แล้วก็ยังมีกล้วยตากอยู่ในถาดใบโต ไหใส่มะม่วง คงวาแอบ อา แบไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่าๆ กะทิ กว่าบรรยากาศในบ้านไม่หมองเศร้าจนชานพ แม้จะมีรอยอาลัยจางๆ ใน แววตาของตาและยาย แต่ความ เจ็บปวดและความหวาดกลัวในสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ รู้ว่าต้องเกิดขึ้นอย่าง หลีกหนีไม่ได้นั้นหายไปแล้ว จริงอย่างทีตาทุก มองไปข้างหน้า น้ ดีที่สุด
" บทส่งท้าย " 30
พรุ่งนี้โรงเรียนจะเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่แล้ว กะทิใจ ที่จะได้เจอเพื่อน ๆ แต่สำ หรับวันนี้ กะทิก็มีเรื่องให้ดีใจ เหมือนกัน เพราะพี่ทอพายเรือให้หลวง มารับบท แต่เช้า เพื่อหัว อ น น ง า เสียงพายกระท ท่ามกลางความเละไอจางๆของ ที่คันก่อน ลืมทิ้งไว้ รอยยิ้มของ ทองเรียกรอยยิ้มจากทุก คนที่ได้ เห็นเหมือนเดิม ตาถึงกับหัวเราะไปร้องทักไปพร้อมๆ กันว่า “เอ๊ย ว่าไงอเมริกันบอย ซุบตัวที่เมืองนอกมาแล้ว สินะ” พี่ทองยกมือไหว้นอบน้อ น้ มเกินเหตุอย่างเคย และมี แต่รอยยิ้มแทนคำ ตอบ ตาจึงหันไปหาหลวงลุง กะทิได้ยิน เสียงนัดแนะวันที่จะไปทำ บุญ ยายสั่งนักสั่งหนาว่าตาอย่าลืม ถามวันจากหลวงลุง ขึ้นลืม มีหวังเช้านี้ไม่ตาก็กะทิคงต้อง มีกรดในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติระหว่างมื้ออาหารเช้า เพราะยายคงบ่นไม่เลิก พี่ทองบอกว่ามีของมาฝากกะทิด้วย หนังสือดูดาว นั่นเอง เล่มโต ปกแข็ง ภาพสีชวนอ่าน ราวกับรู้ใจ พี่ทอง รีบบอกว่าไม่แพงเลย หนังสือที่โน่นน่าซื้อน่าอ่านทั้งนั้น แต่ นมาไม่ไหว กะทียบคุณ ทอง และมองดูพี่ทองพายเรือ จากไป กว่ากะทิจะมีเวลาว่างเปิดดูหนังสือดาราศาสตร์ก็ค่ำ แล้ว ที อยากรู้ว่า ทีม กับทีมบาย ในหนัง จะเหมือนกันไหม แต่ยังไม่ทันจะลองสะกดอ่านภาษาอังกฤษ พบกระดาษฝาก อดอยู่หน้า น้ แรกๆ รอ หนังสือ ที่จริงไม่ใช่กระดาษ แต่เป็นโปสต์การ์ดภาพท้องฟ้า ฟ้ ยามค่ำ คืนที่ไหนสักแห่ง ลายมือของพี่ทองจ่าชื่อที่อยู่ของกะทิ เรียบร้อย แถมยังติดแสตมป์ไว้ด้วย หวัดดี กะทิ ดั่งใจจะหย่านโบ่ การ์ดใบนี้ แต่ว่า เลียนแบบใคร กศน นนทะว่า ขอบใจนะสำ หรับจดหมายที่ส่งมา และขอบใจที่ทำ ให้ พี่มีบทเล่นในละครของกะทิ กะทิ นใจยังไง กะว่า ถูกแล้ว ที่เปิด อย่างนั้นนะ มีเรื่องอยากเล่าให้ฟังเยอะเลย ไว้ค่อยเล่าตอน พี่ทอง (สุวรรณ) ลายมือพี่ทองตัวโตแบบที่เรียกว่าโตเท่าหม้อแกง ที่เรียนมาได้หลายประโยคนี้กัดแบบนี้เก่งแล้ว กะทิดีใจที่พี่ทองเข้าใจกะทิ และไม่โกรธที่กะทิทำ ลงไปแบบนั้น คืนนั้น กะทิเปิดกล่องขนมเก่าๆ ที่ใช้เก็บของส่วนตัว ใส่โปสต์การ์ดของพี่ทองลงไปรวมกับจดหมายของแม่ จดหมายฉบับที่แม่เขียนถึงพ่อ จดหมายฉบับที่กะทิตัดสินใจ ไม่ส่งไปรษณีย์ วันนั้นกะทิส่งจดหมายไปต่างประเทศก็จริง แต่เป็นจดหมายที่ส่งไปถึงพี่ทอง วิธีนี้ทำ ให้กะทิไม่ต้อง อธิบายให้ลุงตอง น้า น้ กัน และน้า น้ ฎาฟังว่ากะทิ ดสินใจ เช่นนี้เพราะอะไร บางทีชีวิตก็ไม่มีคำ อธิบาย แม่เคยบอกไว้อย่างนั้น ไม่ใช่หรือ และระหว่างแม่กับกะทิ กะทิก็เชื่อว่าแม่เข้าใจได้ โดยที่กะทิ ไม่ต้องอธิบาย กะ กราบพระก่อนนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไป โรงเรียน ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วเลยจะหวรอง ยายก็จะปลุกให้กะทิอื่นในโลก อีกครั้ง เจอกัน
" ผู้จัดทำ " กันตวิชญ์ ชูดำ เลขที่ 1 ธนโชติ ศรีถะภูมิ เลขที่ 9 ม.1/11 31
" ขอขอบคุณครับ " 32