The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผ้าขิดโฆษาปกE-book

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phetchabun.jmp, 2022-10-09 03:18:23

ผ้าขิดโฆษาปก

ผ้าขิดโฆษาปกE-book

Keywords: มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์,มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเพชรบูรณ์

แบบสำรวจและจดั ฐานข้อมูลมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม
ของสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์

๑. ชือ่ รายการมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม
ชอ่ื รายการ ผา้ ขดิ บา้ นท่าชา้ ง
ชอ่ื เรียกในท้องถนิ่ ขดิ โฆษา
ช่อื ภาษาอ่ืน (ถา้ มี) -

๒. ประเภทมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม
 รายการตัวแทนมรดกภมู ิปญั ญาทางวฒั นธรรม (มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย)
 รายการมรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมทตี่ ้องไดร้ ับการส่งเสริมและรักษาอย่างเร่งด่วน
(เสี่ยงตอ่ การสูญหาย)

๓. ลักษณะมรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม (ตอบได้มากกว่า ๑ หัวข้อ)
 วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ทิ างสงั คม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 ความรแู้ ละการปฏิบัตเิ ก่ียวกับธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี อื ด้งั เดิม
 การเล่นพนื้ บา้ น กีฬาพ้นื บา้ นและศิลปะการต่อสูป้ ้องกันตัว

๔. ประวัตคิ วามเปน็ มาและรายละเอียดมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม
ชือ่ บา้ นนามเมืองบ้านทา่ ชา้ ง
บ้านท่าช้าง ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นหมู่บ้านที่มีอายุเก่าแก่ก่อตั้งมานาน

แล้ว สันนิษฐานว่า บรรพบุรุษดั้งเดิมอพยพมาจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว เดิมบริเวณนี้เป็นป่าดงดิบอุดม
สมบรู ณ์ไปด้วยพชื พันธ์ธุ ัญญาหาร มีแหล่งน้ำท่อี ุดมสมบรู ณ์ มสี ตั ว์ป่าทุกประเภท โดยเฉพาะชา้ งป่าได้มาอาศัย
อยู่เป็นจำนวนมาก จนเลื่องลือไปทั่วจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นถิ่นกำเนิดของช้างเพชรบูรณ์ โดยช้างป่าจะไปหา
อาหารและดินโป่งที่บ้านโป่งช้าง เมื่อกินอาหารแล้วจะเดินลงมากินน้ำที่บริเวณท่าน้ำของบ้านท่าช้าง
ซึ่งบริเวณนี้จะมีลำห้วยขอนแก่นไหลผ่านจากน้ันก็มาอาศัยอาบน้ำพักหลบั นอนอยู่บริเวณนี้ ซึ่งตรงนี้เปน็ ทา่ น้ำ
ทช่ี ้างป่าลงไปกนิ และอาบนำ้ เป็นประจำ จงึ เรียกว่า “บา้ นท่าช้าง”

จากการสบื ประวัติเลา่ ต่อกนั มาได้ความว่า ประมาณกว่า ๔๐๐ ปที แ่ี ลว้ มีชาวไทยกลุม่ หนึ่งได้อพยพมา
จากเวียงจันทน์ หรือกรุงศรีสิตนาคนหุต ลงมาทางใต้ มาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน ปลูกสร้าง ทำไร่ ไถนา อยู่ที่
ละแวกชมุ ชนพุทธนาเวียง อำเภอภเู ขยี ว จงั หวัดชยั ภมู ิ และได้อพยพติดตามกันมาเร่ือย ๆ ทกุ ปี ทำให้ผู้คนมาก
ขึน้ แตท่ ่ที ำกินลดน้อยลง และเปน็ เหตุใหอ้ พยพต่อไปอกี โดยขา้ มเทือกเขามาทางทิศตะวนั ตก เพ่ือแสวงหาที่ทำ
กินตอ่ ไปไดพ้ บผนื แผ่นดินอนั อุดมสมบรู ณ์มแี ม่น้ำและพนื้ ทีร่ าบลุ่มเหมาะแก่การเพาะปลูก จงึ ได้ตัง้ ถน่ิ ฐานขึน้
ครั้งแรกที่บ้านท่าช้าง สันนิษฐานว่าคงเดินทางด้วยขบวนช้างเป็นจำนวนมาก จึงได้สร้างวัดท่าช้างข้ึน
(ปจั จบุ ัน คือวัดโฆษา ทางเขา้ วัดมีรูปช้าง ๒ ตวั เปน็ สญั ลกั ษณ)์

2

ประวัติวัดโฆษา
วัดโฆษา ตั้งอยู่เลขที่ ๑๙๑ บ้านท่าช้าง หมู่ที่ ๒ ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัด

คณะสงฆ์มหานิกายมที ่ีดนิ ตงั้ วดั เนื้อท่ปี ระมาณ ๕ ไร่ ๑ งาน ๒๗ ตารงวา อาณาเขต ทิศเหนอื ยาว ๑๕๐ ติดต่อ
กับถนนเข้าหมู่บ้าน ทิศใต้ติดต่อกับคลองห้วยขอนแก่นทิศตะวันออก ติดต่อกับที่ของชาวบ้าน ทิศตะวันตก
ติดต่อกับโรงเรียนบ้านท่าช้างพื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มี อุโบสถกว้าง ๔ เมตร
ยาว ๑๐ เมตร ศาลาการเปรยี ญกวา้ ง ๑๐ เมตร ยาว ๒๒ เมตร สร้างดว้ ยไม้ แต่ทรุดโทรมไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้
งานได้ ในปัจจุบันได้ทำการก่อสร้างหลังใหม่ โดยสร้างแบบอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น กว้าง
๒๒ เมตร ยาว ๓๖ เมตร

วัดโฆษา หรืออีกชื่อหนึ่งชาวบ้านเรียกว่า บ้านท่าช้าง ตามชื่อบ้าน ได้สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่
ประมาณปี พ.ศ. ๒๒๖๓ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในราวประมาณปี พ.ศ. ๒๔๒๗ มีพระภิกษุอยู่จำ
พรรษาประมาณปีละ ๑๐ รูป สามเณร ๓๐ รูป มีหลวงพ่อคำสิงห์ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกและมีพระครูถาวร
พัชรกิจ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน วัดโฆษา บ้านท่าช้าง เป็นสถานที่ตั้งโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน
โครงการ ลานบญุ ลานปัญญา โครงการพุทธศาสนาวนั อาทติ ย์ และศนู ย์ ICT ประจำตำบล

ความเปน็ มาผ้าขิดบา้ นท่าชา้ ง
ประชาชนในหมบู่ า้ นนับถอื ศาสนาพุทธ มวี ัด ๑ แหง่ คอื วัดโฆษา บา้ นทา่ ช้าง วฒั นธรรมดา้ นภาษาพูด

ในชุมชนเป็นสำเนยี งลาวคลา้ ยชาวอำเภอดา่ นซ้าย จังหวัดเลย การแต่งกายของคนในชมุ ชน ผู้หญิงจะนุ่งผา้ ซิ่น
เรยี กวา่ ผา้ ซ่ินมุก หรอื ผา้ ซิน่ ไหมยกขิด ผู้ชายชอบใชผ้ ้าขาวมา้ และโสล่ง โดยสว่ นใหญ่จะทอผ้าไว้ใช้เองซ่ึงเป็น
ฝีมอื ของคนในชมุ ชนโดยเฉพาะ “ผ้าขดิ ”

ในการทำลายขิดส่วนมากแล้วชาวบ้านจะทำลายที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีอยู่ในชุมชน
เกี่ยวกับความเชื่อ ชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการกิน การอยู่ การประกอบอาชีพ และที่สำคัญชาวบ้าน
บา้ นทา่ ชา้ งนยิ มทำลายชิดช้าง เน่ืองจาก สภาพภูมศิ าสตร์ และวิถีชีวิตของชาวบ้านท่ีมคี วามผูกพันกับช้างเป็น
อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพชาวบา้ นจะนำช้างมาลากซุง และภายในหมู่บา้ นจะมีช้างมาอาศัยอยู่
มากชุมชนท้องถิ่นของบ้านท่าช้างจึงได้นำรูปของช้างมาเป็นลายทอของผ้าขิดและที่สำคัญตรงกับประวัติของ
บ้านท่าช้าง ฉะนั้น ชาวบ้านจึงนำช้างมาทอเป็น ผ้าขิดลายช้าง แสดงสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน รวมถึงเป็น
สญั ลกั ษณข์ องวดั โฆษา บา้ นทา่ ช้าง อกี

เส้ือลายขดิ บ้านท่าช้าง
ผ้าขิดบ้านท่าช้าง มีลักษณะการทอที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มนับว่าเป็นศิลปะพื้นฐานที่สะท้อนให้

เห็นภาพ ลักษณะ ลวดลายและวิวัฒนาการของท้องถิ่นเดิมของไทยที่มีมาแต่โบราณการทอผ้าขิดต้องอาศัย
ความชำนาญและมีชั้นเชิงทางฝีมือสูงกว่าการทอผ้าอย่างอื่น ๆ เพราะทอยากมากมีเทคนิคการทอที่ซับซ้อน
มากกว่าการทอผ้าธรรมดา เพราะต้องใช้เวลา ความอดทนและความละเอียด ลออ มีกรรมวิธีที่ยุ่งยากทอได้ช้า
และผู้ทอต้องมปี ระสบการณ์และพรสวรรค์ ในการทอสว่ นใหญ่ลายผ้าขดิ บ้านทา่ ชา้ งจะเป็นลักษณะของการ บ่ง
บอกถึงความเชื่อและแสดงเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่า เพราะว่า ลายขิดที่ทอได้ดัดแปลงคิดค้นมาจากวิถีชีวิต
สภาพความเป็นอยู่ อาชีพ สิง่ ของเคร่ืองใช้และธรรมชาติรอบตวั ของท้องถ่ินในชุมชนที่อาศัยอยู่เนื่องจากชุมชน
ดั้งเดิมที่อพยพมา เป็นชนเผ่ามาจากประเทศลาวได้นิยมทอผ้าตกแต่งเป็นลายขิดของเสื้อผ้าที่สวมใส่
จนกลายเป็นสญั ลกั ษณข์ องชนเผา่ นั้นๆ ลักษณะของลาย ลายทเี่ ดน่ ชัดจะเป็นรปู ขิดเส้นเหล่ียมตง้ั เรียงกัน
เป็นแถว โดยล้อมรอบขิดด้านใน ขิดกั้นรอบนอกเป็นขิดลวดลายต่าง ๆ แล้วแต่ความชอบและนิยมกัน เช่น
ขิดช้าง ขิดใบผักแว่น ขิดดอกแก้ว ขิดปูน้อย ขิดอดกกจัน ขิดช่อฟ้า ฯลฯ แต่เดิมผ้าทอลายขิดจะย้อมสีด้วย
สียอ้ มจากธรรมชาติ จากเปลือกไม้พรรณไม้ซึ่งมอี ยู่ท่ัวไป

3

ความหมายของขดิ

คำว่า ขิด เป็นภาษาพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาจากคำว่า สะกิด หมายถึง
การงัดช้อนขึ้น สะกิดขึ้น ขิดสันนิษฐานมาจากคำภาษาบาลีว่า ขจิต แปลว่าทำให้วิจิตร งดงาม ดังนั้น
ผ้าขิดจึงหมายถงึ ผ้าที่ทอโดยวธิ ใี ช้ไม้เขี่ย หรือสะกิดช้อนเสน้ ด้ายยืนขึน้ แล้วสอดเส้นด้ายพุ่งไปตามแนวเส้นยนื
ทถ่ี ูกงดั ชอ้ นขนึ้ นั้นจงั หวะของการสอดเส้นพุง่ ซึ่งถี่หา่ งไม่เทา่ กนั

การทอผ้าลายขิด คอื การทอผา้ ท่ีทอแบบ "เก็บขดิ " หรือ "เก็บดอก"เหมือนผ้าท่ีมีการปักดอกการทอผ้า
ดอกเรียกกันว่า " การทอผ้าเก็บขิด"ลวดลายของขิดแต่ละลายจะมีรูปแบบที่สวยงาม มีความมันวาว นูนลอย
ออกมาบนผืนผ้าส่วนใหญ่เป็นลวดลายที่ผู้ทอได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความเชื่อ
แต่เดิมนิยมทอลวดลายขิดด้วยเส้นใยฝ้ายสีคราม ส่วนปัจจุบันนิยมใช้สีสันสดใส และพัฒนาการย้อมด้วยสี
ธรรมชาตจิ ากเปลือกไม้ ใบไม้

กระบวนการผลิต

วตั ถดุ บิ และส่วนประกอบ
ฝ้ายที่ปลูกกันเองทมี่ อี ยู่ในชมุ ชน

อุปกรณใ์ นการทอผา้ ฝา้ ย
๑. กี่
๒. หลา
๓. หลักโคน้
๔. หลกั เครือ
๕. กวัก ใช้สำหรับกวักเส้นยนื
๖. กงปน่ั ฝ้ายใช้สำหรับป่ันฝ้าย
๗. หลา ใชส้ ำหรบั ปัน่ หลอด
๘. กี่ ฟมื ใช้สำหรับตำ่ (ทอ)

การยอ้ มสีผ้า

เปน็ การยอ้ มมาจากสีธรรมชาตทิ ี่ไดจ้ ากตน้ ไม้ ไดแ้ ก่ ราก แก่น เปลอื ก ตน้ ผล ดอก เมล็ด ใบ

เปน็ ต้น ซึง่ ตน้ ไม้แตล่ ะชนิดให้โทนสตี ่างกนั ข้ึนอยูก่ ับคุณสมบตั ขิ องต้นไมน้ ัน้ ๆ ซงึ่ จะขอยกมาเป็นตวั อย่าง เป็น

บางสว่ น ดงั นี้

- สีแดง ได้จาก รากยอ แก่นฝาง เปลือกสมอ คร่ัง

- สีคราม ได้จาก ต้นคราม

- สีเหลือง ได้จาก แก่นขนุน ขมน้ิ ดอกดาวเรือง

- สดี ำ ไดจ้ าก ผลมะเกลือ ผลกระจาก ผลและเปลือกสมอ

- สีสม้ ไดจ้ าก เปลือกและรากยอ ดอกกรรณิการ์ (ส่วนทีเ่ ปน็ หลอดสสี ้ม)

- สเี หลอื งอมส้ม ได้จาก ดอกคำฝอย

- สีม่วงออ่ น ได้จาก ลูกหว้า

- สชี มพู ไดจ้ าก ตน้ ฝาง

- สนี ำ้ ตาล ได้จาก เปลือกไมโ้ กงกาง เปลือกผลมังคุด

- สีเขยี ว ไดจ้ าก เปลือกตน้ มะรดิ ไม้ ใบหกู วาง เปลือกสมอ

4
๕. พื้นที่ปฏิบัติมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (พื้นที่ที่ปรากฏหรือชุมชนที่มีการปฏิบัติมรดกภูมิปัญญาทาง
วัฒนธรรม)

วดั โฆษา บา้ นท่าชา้ ง อำเภอหล่มสกั จังหวัดเพชรบรู ณ์
16.811615845971527, 101.32134814156879

๖. คุณคา่ และความสำคัญของมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมในแตล่ ะระดับ
 ระดบั ปัจเจกบคุ คล

 ระดบั ครอบครัว

 ระดบั ชุมชนท้องถ่ิน

 ระดับประเทศ

7. รายช่อื ผ้สู ืบทอด / ผคู้ รอง / ผู้ท่เี กี่ยวขอ้ งหลักในปจั จุบัน

รายขอ่ื บุคคล/หัวหนา้ คณะ/ อาย/ุ อาชีพ ทอี่ ยู่ (สถานทตี่ ิดต่อ) / หมายเลขโทรศัพท์
กล่มุ /สมาคม/ชมุ ชน
เจ้าอาวาสวัดโฆษา วัดโฆษาท่าช้าง 191 หมทู่ ่ี 2 ตำบลหว้ ยไร่
พระครถู าวรพชั รกิจ บ้านทา่ ชา้ ง อำเภอหล่มสัก จังหวดั เพชรบรู ณ์ 67110
โทร. 081-7858916
นายวรี พล วนั เสน ประธานกลุ่ม บา้ นเลขท่ี 3/2 หมูท่ ่ี 10 ตำบลหว้ ยไร่
นายธนพฒั น์ คำโสม หตั ถกรรมทอผา้ ขิด อำเภอหลม่ สกั จังหวดั เพชรบูรณ์ 67110
โทร. 084-4904910
วดั โฆษา
อายุ 30 ปี บ้านเลขท่ี 1 หมู่ 11 ตำบลบ้านต้ิว
อำเภอหล่มสกั จงั หวัดเพชรบรู ณ์ 67110
กรรมการกลมุ่ โทร. 089-3497692
หัตถกรรมทอผา้ ขิด

วดั โฆษา
อายุ 29 ปี

8. ปัจจุบนั รายงานมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรมได้รับการประกาศข้นึ บญั ชีในระดบั ใด
 ยังไมเ่ คยไดร้ ับการประกาศขึ้นบัญชี (รายการสำรวจและจัดเก็บใหม่)

 ระดับจงั หวดั (รายการเบื้องตน้ มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม)
 ระดบั ชาติ
 ระดับนานาชาติ (ยเู นสโก)

5
9. จากข้อ 8 ควรจะเสนอรายการมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรมไดร้ บั การประกาศขน้ึ บัญชใี นระดับใด

 สำรวจและจัดเก็บเทา่ น้นั (ยังไม่ควรไดร้ ับการประกาศข้ึนบญั ชี)
 ระดับจังหวดั (รายการเบ้ืองตน้ มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม)
 ระดบั ชาติ
 ระดับนานชาติ (ยูเนสโก)

10. เอกสารอา้ งองิ และ/หรอื ผลงานที่เกีย่ วข้องในการสง่ เสริมและรักษามรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม
สัมภาษณ์พระครูถาวรพัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดโฆษา บ้านท่าช้าง ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก

เมือ่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2565
สัมภาษณ์นายวีรพล วันเสน ที่วัดโฆษา บ้านท่าช้าง ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก

เม่ือวันที่ 22 กรกฎาคม 2565
สัมภาษณ์นายธนพัฒน์ คำโสม วัดโฆษา บ้านท่าช้าง ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก

เมื่อวนั ที่ 22 กรกฎาคม 2565
ประวตั คิ วามเป็นมาของผ้าขดิ วดั โฆษาบา้ นทา่ ชา้ ง จากสำนักงานวัฒนธรรมจงั หวัดเพชรบูรณ์

11. รูปภาพ พรอ้ มคำอธบิ ายใตภ้ าพจำนวน 10 ภาพ
ภาพท่ี 1

ฝ้ายท่ปี ลูกกันเองที่มีอยู่ในชุมชน

6
ภาพท่ี 2

ขนั้ ตอนท่ี ๑ อ้วิ
ภาพที่ 3

ขนั้ ตอนที่ 2 ดีด
ภาพท่ี 4

ภาพท่ี 1
ขั้นตอนท่ี 3 ล้อฝา้ ย

7
ภาพท่ี 5

ขั้นตอนที่ 4 กวักฝา้ ย
ภาพท่ี 6

ขน้ั ตอนที่ 5 ป่ันหลอด
ภาพที่ 7

ขนั้ ตอนที่ 7 ทอเปน็ ผนื

8
ภาพที่ 8

ภาพวัดโฆษา บ้านท่าช้างซุ้มประตทู างเขา้ วดั มชี า้ ง ๒ ตวั เปน็ สญั ลกั ษณข์ องวดั
ภาพท่ี 9

ผา้ ขดิ ลายชา้ ง

ความเปน็ มาของลาย : เนอื่ งจาก สภาพภูมิศาสตร์ และวิถีชวี ิตของชาวบา้ นที่มคี วามผูกพนั กบั ชา้ งเป็น
อย่างมากไม่วา่ จะเปน็ การประกอบอาชพี ชาวบ้านจะนำชา้ งมาลากซุง และภายใน
หมบู่ ้านจะมชี ้างมาอาศยั อยมู่ าก และทส่ี ำคัญตรงกบั ประวัตขิ องบ้านท่าช้าง ฉะนั้น
ชาวบา้ นจึงนำชา้ งมามาทอเป็น ผ้าขดิ ลายชา้ ง และถือเป็นสญั ลักษณข์ องชุมชนด้วย

9
ภาพที่ 10
ลายเหล่ียมตะขอ (ขดิ ใบผกั แว่น)

ความเปน็ มา : ได้มาจากธรรมชาติตามสภาพแวดล้อม สิง่ ของเครื่องใช้ และความเป็นอยู่ มาประดบั เป็น
ลวดลายที่นิยมทอตกแตง่ เครื่องแต่งกาย หรือเครอ่ื งประดับตกแต่ง เชน่ ผ้าปูทน่ี อน ผา้ ปโู ตะ๊
ผา้ ม่าน ลักษณะของลายท่ีทอ เปน็ รูปสเ่ี หลยี มต้งั ล้อมรอบตัวตะขอไวด้ ้านใน ขิดเส้น
รอยปะค่ันเส้นสีทอระหว่างขิดลายดอกผักแว่นเล็ก
ภาพที่ 11
ลาย เอื้อยดอกจนั (ขิดเลื้อย + ขดิ ดนุ้ รอยปะ)

ความเปน็ มา : ลกั ษณะของลายท่ีทอ เป็นรปู สเี่ หลียมต้ังลอ้ มรอบตัวตะขอไวด้ า้ นใน ขดิ เส้น
รอยปะผสมระหว่างเส้นเลอ้ื ยค่นั เส้นสที อระหวา่ งขดิ นยิ มทอตกแต่งเคร่ืองแต่งกาย หรือ
เครอ่ื งประดบั ตกแตง่ เช่น ผา้ ปทู ่ีนอน ผา้ ปูโตะ๊ ผา้ ม่าน

10
ภาพท่ี 12
ลาย เอือ้ ยตะขอล้อม (ขดิ ดุ้นรอยปะ+ขดิ ชอ่ ฟา้ )

ความเป็นมา : เนอื่ งจากชมุ ชนดั้งเดมิ ท่ีอพยพมา เป็นชนเผา่ มาจากประเทศลาวไดน้ ิยมทอผา้ ตกแตง่ เป็น
ลายขิดของเส้ือผา้ ที่สวมใสจ่ นกลายเปน็ สญั ลักษณข์ องชนเผา่ นัน้ ๆ ลักษณะของลาย ลายท่ี
เดน่ ชดั จะเปน็ รปู ขิด รอยปะสองเส้นสเี่ หลย่ี มตัง้ เรียงกนั เป็นแถว โดยล้อมขิดตะขอดา้ นใน
ขิดก้นั รอบนอกเป็นเส้นทอสี ขิดด้านบนเปน็ สามเหลี่ยมตั้งลักษณะของธรรมชาติ คือภเู ขา
และ นก เส้นทอสี กน้ั ระหว่าง ขิดรอยปะ สว่ นดา้ นล่าง เป็นลายขิดชอ่ ฟ้า

ภาพท่ี 13
ลาย เอือ้ ยดอกจนั (ขดิ ลายหมากฮ๊อต)

ความเป็นมา : เน่อื งจากชมุ ชนดั้งเดมิ ท่ีอพยพมา เปน็ ชนเผ่าไดน้ ิยมทอผา้ ตกแต่งเป็นลายขิดของเสื้อผา้
ท่สี วมใสจ่ นกลายเป็นสญั ลักษณ์ของชนเผ่านัน้ ๆ ลักษณะ ขดิ ประกอบด้านบนและด้านล่าง
เปน็ ขดิ ด้นุ รอยปะ+ ขดิ ดอกทานตะวัน

11
ภาพที่ 14
ลายเอื้อยดอกจนั (ขิดดุ้นดอกทานตะวัน)

ความเปน็ มา : เน่ืองจากชุมชนด้งั เดิมท่ีอพยพมา เปน็ ชนเผา่ ได้นยิ มทอผา้ ตกแตง่ เป็นลายขดิ ของเสื้อผ้า
ท่สี วมใสจ่ นกลายเป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่านัน้ ๆ
ลักษณะขดิ ประกอบดา้ นบนและด้านล่างเป็นขิดดนุ้ รอยปะ+ ขดิ ดอกทานตะวัน
ภาพที่ 15
ลายเอ้ือยตะขอ (ขดิ ดอกแก้ว)

ความเป็นมา : เนื่องจากชมุ ชนดัง้ เดิมทอี่ พยพมา เปน็ ชนเผ่าไดน้ ิยมทอผ้าตกแตง่ เป็นลายขิดของเสือ้ ผา้
ทส่ี วมใสจ่ นกลายเปน็ สัญลักษณข์ องชนเผา่ นน้ั ๆ ลักษณะขิดเด่น เป็นลายเออ้ื ยล้อมตะขอ
ส่วนดา้ นนอกรอยหยักชว่ งตอ่ เปน็ รปู ดอกจนั ค่ันระหวา่ งลาย ขิดดา้ นบนและด้านลา่ งเป็นขดิ
ด้นุ รอยปะ + ขดิ ดอกแก้วเล็ก

12
ภาพท่ี 16
ลายเอ้อื ยขา้ วหลามตดั ดอกจิก (ขิดหมากฮ๊อต)

ความเปน็ มา : ลักษณะของลาย ลายต่อเน่ืองกันเปน็ สามเหลย่ี มข้าวหลามตดั ส่วนลายขดิ ดา้ นบนและ
ด้านลา่ งเป็นขิดลายดนุ้ รอยปะ+ดอกทานตะวนั
ภาพที่ 17
ลายเอ้ือยดอกจนั

ความเปน็ มา : ลกั ษณะของลายเปน็ ลายเอื้อยรปู เหล่ยี มข้าวหลามตัดตง้ั ล้อมดอกจัน
ส่วนขดิ ดา้ นบนและดา้ นลา่ งเปน็ ขดิ ดนุ้ รอยปะผสมกับขิดเลื้อย

13
ภาพท่ี 18
ลายเอ้อื ยดอกจิก (ขดิ ช่อฟ้า ปูนอ้ ย+ดอกแก้ว)

ความเปน็ มา : ลกั ษณะขดิ เด่นเป็นทรงเหลยี่ มตอ่ กนั ส่วนขดิ ด้านบนเป็นขิดรูปปูนอ้ ยสลบั
ดอกแก้ว ขดิ ด้านล่างเปน็ ทรงขิดช่อฟ้า

12. ข้ออมูลภาพถ่าย ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว หรือข้อมูลเสียง (ระบุประเภทของสื่อที่แนบไฟล์มาพร้อม
คำอธิบาย)

 ข้อมลู ภาพถา่ ย ได้แก่ 18 ภาพ
 ข้อมลู ภาพเคล่ือนไหว
 ข้อมลู เสยี ง

13. ข้อมลู ผ้สู ำรวจและจดั เก็บ
ชื่อ – สกุล นางสาวณัฐธยาน์ กางถ่ิน (เจ้าหนา้ ที่มรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม)
หนว่ ยงาน สภาวฒั นธรรมจงั หวัดเพชรบรู ณ์
เลขที่ 999 อาคาร 2 ชัน้ 4 ตำบลสะเดยี ง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
จังหวัดเพชรบูรณ์ 67000
โทรศพั ท์ 096 179 3686
อเี มล์ [email protected]


Click to View FlipBook Version