The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณีบุญบั้งไฟบ้านหนองแจง ตำบลหนองแจง อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phetchabun.jmp, 2023-06-28 00:27:08

ประเพณีบุญบั้งไฟบ้านหนองแจง ตำบลหนองแจง อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

ประเพณีบุญบั้งไฟบ้านหนองแจง ตำบลหนองแจง อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

Keywords: ประเพณีบุญบั้งไฟบ้านหนองแจง

จัจัดจัจัทำทำทำทำทำทำโดย นางสาวณัณัฐณัณัธยาน์น์น์น์กางถิ่ถิ่ถิ่ถิ่น เจ้จ้าจ้จ้หน้น้าน้น้ที่ที่ ที่ที่ มรดกภูภูมิมิภูภูปัปัมิมิ ปัปัญญาทางวัวัฒวัวันธรรม ตำตำตำตำตำตำบล หนอ ง แ จ ง อำอำอำอำอำอำเภอบึบึบึบึบึบึง ส ามพัพัพัพัพัพัน จัจัจัจัจัจัง ห วัวัวัวัวัวัดเพช รบูบูบูบูบูบูรณ์ณ์ณ์ณ์ณ์ณ์ มรดกภูภูภูภูมิมิมิมิปัปัปัปัญญาทา ง วัวัวัวัฒนธ ร รม ด้ด้ด้ด้านแนวปฏิฏิฏิฏิบับับับัติติติติทา ง สัสัสัสังคม พิพิพิพิธีธีธีธีกร รม ปร ะเพณีณีณีณีแ ล ะเทศกา ล


แบบสำรวจและจัดฐานข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ของสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ๑. ชื่อรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ชื่อรายการ ประเพณีบุญบั้งไฟบ้านหนองแจง ชื่อเรียกในท้องถิ่น - ชื่อภาษาอื่น (ถ้ามี) - ๒. ประเภทมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย) รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ต้องได้รับการส่งเสริมและรักษาอย่างเร่งด่วน (เสี่ยงต่อการสูญหาย) ๓. ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (ตอบได้มากกว่า ๑ หัวข้อ) วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ศิลปะการแสดง แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล ความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล งานช่างฝีมือดั้งเดิม การเล่นพื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้านและศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ๔. ประวัติความเป็นมาและรายละเอียดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม บ้านหนองแจงก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๒ โดยมีกลุ่มครอบครัวอพยพมาจาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ บริเวณที่ตั้งหมู่บ้านมีหนองน้ำและมีต้นแจงขึ้นอยู่ เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า บ้านหนองแจง ชาวบ้านบางส่วนที่อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือน ในหมู่บ้านนั้นมีกลุ่มที่มาจากภาคอีสาน และได้นำเอาวัฒนธรรมประเพณีของตนมาสืบทอดปฏิบัติกัน คือ งานประเพณีบุญบั้งไฟที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือน ๖ ของทุกปี โดยมีนายคำอ้าย ศรภักดี เป็นผู้ริเริ่ม ชาวบ้าน หนองแจงที่มีเชื้อสายชาวอีสาน ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรรมที่ส่วนมากต้องอาศัยฟ้าฝนในการทำการเกษตร โดยเฉพาะการทำนา ดังนั้นจึงมีประเพณีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการขอฝน เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ ซึ่งเป็น ประเพณีพื้นบ้านของชาวอีสานที่ผูกพันกับความเชื่อในเรื่องการขอฝน ด้วยการทำบั้งไฟจุดขึ้นไปบนฟ้าเพื่อ ขอฝนเดือนหกมาสืบทอดเป็นที่สนุกสนาน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงานหนัก และผ่อนคลาย ความคิดถึงถิ่นเดิมที่จากมา อีกทั้งเป็นการเชื่อมความสามัคคีระหว่างกลุ่มชาวบ้าน เนื่องจากบั้งไฟเป็นงาน ศิลปะ ต้องใช้แรงงานเตรียมการหลายขั้นตอน เมื่อมีชาวบ้านจากที่ต่าง ๆ เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่บ้านหนองแจงเกิดเป็นชุมชนแล้ว จึงได้ร่วมกันกับคณะ พระสงฆ์จัดสร้างวัดหนองแจงขึ้น โดยมีพระสงฆ์ที่เริ่มก่อตั้งวัดหนองแจง ได้แก่ พระครูเวฬุคณารักษ์ (เวิน) กลฺลยาณธมฺโม, พระครูวิสิฐพัชณจาร (ฉิม ปารคู), พระครูพัชรญาณโสภณ (บัวภา จนฺทสโร), พระครูพัชรธฺรรมา ภรณ์ (บุญ จิตติคุตฺ) ละชาวบ้านรวมกลุ่มกัน ปรึกษาหารือกับคณะพระสงฆ์เกี่ยวประเพณีต่าง ๆ หนึ่งใน ประเพณีนั้นคือ ประเพณีบุญบั้งไฟ กลุ่มชาวบ้านนำโดย พ่อใหญ่คำอ้าย ศรภักดี เป็นผู้สืบทอดประเพณีบุญบั้งไฟหมู่บ้านหนองแจงพร้อม ด้วย กลุ่มชางบ้านที่อพยพมาจากร้อยเอ็ดกลุ่มยโสธร กลุ่มเขารวก กลุ่มสุพรรณบุรี และคนอื่น ๆ จากกลุ่ม อยุธยา พิจิตร เป็นแรงงาน ทุนทรัพย์ และแรงใจช่วยกันด้วยความสามัคคี โดยก่อนการจัดงานบุญบั้งไฟจะมี


-2- การประชุม คณะสงฆ์วัดหนองแจง ผู้นำชุมชน และประชาชนชาวตำบลหนองแจง เพื่อวางแผน และแต่งตั้ง คณะดำเนินงานฝ่ายต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและประสานการดำเนินงานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี บุญบั้งไฟบ้านหนองแจง นำสูตรดินปืน ศิลปะการเอ้การประกวดบั้งไฟสวยงาม บั้งไฟขึ้นสูง ขบวนเซิ้ง ขบวนแห่ตามประเพณีเดิมอย่างไม่ตกหล่น มีตลกขบขัน สมัยก่อนผู้แพ้บั้งไฟ ไม่ขึ้นก็จะถูกจับตัวลงคลุกขี้โคลน เป็นที่สนุกสนาน และมีการพัฒนาปรับปรุงการจัดงานขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นประเพณีมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมประเพณีที่เกิดขึ้นกับชุมชนหนองแจงนี้ แสดงให้เห็นว่าชุมชนหนองแจงนั้นมีความเข้มแข็ง จึงเกิดการ รวมกลุ่มจัดงานประเพณีต่าง ๆ ขึ้นในชุมชน เพื่อให้ลูกหลานได้สืบทอดประเพณีต่อไป รวมทั้งยังเป็นการสร้าง ความสมัครสมานสามัคคีให้คนในชุมชนอีกด้วย งานประเพณีบุญบั้งไฟหนองแจง ประกอบด้วย ๑. บั้งไฟ บั้งไฟมีรูปทรงคล้ายเครื่องดนตรีพื้นบ้านชนิดหนึ่งเรียกว่า โหวดบั้งไฟแบบดั้งเดิมใช้ลำไม้ไผ่ มามัดเป็นลำดับบั้งไฟ ใช้มีดตัดส่วนบั้งไฟให้หัวเป็นปากฉลาม เมื่อจุดบั้งไฟให้พุ่งขึ้นลงจากฟ้าปากฉลามปะทะ กับแรงลม ทำให้เกิดเสียงดังโหยหวนคล้ายเสียงโหวดจากรูป ทรงบั้งไฟโหวดนี้เองทำให้ช่างทำบั้งไฟถือเป็น โครงสร้างของบั้งไฟต่อมา บั้งไฟแต่ละลำประกอบด้วยส่วนสำคัญสามส่วน คือ เลา หาง และลูกบั้งไฟ มีรายละเอียดต่อไปนี้ 1.๑. เลาบั้งไฟ เลาบั้งไฟคือส่วนประกอบที่ทำหน้าที่บรรจุดินปืนมีลักษณะเป็นรูป ทรงกระบอกกลมยาว มีความยาวประมาณ ๑.๕ - ๗ มตร ทำด้วยลำไม้ไผ่ แล้วใช้ริ้วไม้ไผ่ (ตอก) ปิดเป็นเกลียว เชือก พันรอบเลาบั้งไฟอีกครั้งหนึ่งให้แน่น และใช้ดินปืนอัดให้แน่นลงไปในเลาบั้งไฟด้วยวิธีใช้สากตำแล้วเจาะรู สายชนวน เสร็จแล้วนำทั้งไฟไปมัดเข้ากับส่วนหางบั้งไฟ ในสมัยต่อมานิยมนำวัสดุอื่นมาใช้เป็นเลาบั้งไฟแทนไม้ ไผ่ ได้แก่ ท่อเหล็ก ท่อพลาสติก เป็นต้น เรียกว่า เลาเหล็ก ซึ่งสามารถอัดดินปืนได้แน่น และมีประสิทธิภาพใน การยิงได้สูงกว่า 1.๒. หางมั้งไฟ หางบั้งไฟถือเป็นส่วนสำคัญทำหน้าที่คล้ายหางเสือของเรือ คือ สร้างความ สมดุลให้กับบั้งไฟคอยบังคับทิศทางบั้งไฟให้ยิงขึ้นไปในทิศทางตรงและสูง บั้งไฟแบบเดิมนั้นทำจากไม้ไผ่ทั้งลำ ต่อมาพัฒนาเป็นหางท่อนเหล็กและหางท่อนไม้ไผ่ติดกัน หางท่อนเหล็กมีลักษณะเป็นท่อนกลมทรงกระบอกมี ความยาวประมาณ ๘ - ๑๒ เมตร ทำหน้าที่เป็นคานงัดยกลำตัวบั้งไฟซูโด่ง ชี้เอียงไปข้างหน้าทำมุมประมาณ ๓๐ - ๔0 องศากับพื้นดิน โดยบั้งไฟจะยื่นไปข้างหน้ายาวประมาณ ๗ - ๘ เมตร ปลายหางด้านหนึ่งตั้งอยู่บน ฐานที่ตั้งบั้งไฟ 1.3. ลูกบั้งไฟ เป็นลำไม้ไผ่ที่นำมาประกอบเลาบั้งไฟโดยมัดรอบลำบั้งไฟ บั้งไฟลำหนึ่งจะ ประกอบด้วยลูกบั้งไฟประมาณ ๘ – ๑๕ ลูก ขึ้นอยู่กับขนาดของบั้งไฟ เดิมลูกบั้งไฟมีแปดลูกมีชื่อเรียกเรียง ตามลำดับคู่ขนาดใหญ่ไปหาคู่ที่มีขนาดเล็กกว่า ได้แก่ ลูกโอ้ ลูกกลาง ลูกนาง และลูกก้อย ลูกบั้งไฟช่วยให้ รูปทรงของบั้งไฟกลมเรียวสวยงาม นอกจากนี้ลูกบั้งไฟยังเป็นพื้นผิวรองรับการเอ้หรือการตกแต่งลวดลายปะติด กระดาษ ๒. ปลัดขิก หรือบักแบ้น สัญญลักษณ์ที่ใช้อันสื่อไปทางเพศ โดยการใช้ไม้มาแกะสลักเป็นอวัยวะเพศ ชาย เพื่อนำเข้าร่วมขบวนแห่ และหุ่นไม้ (การแสดงการสังวาส นี่ก็อีกหนึ่งสัญลักษณ์งานบุญบั้งไฟ) สัญลักษณ์นี้ เป็นเครื่องหมายของความสัมพันธ์ระหว่างฟ้ากับดิน หญิงกับชายที่เป็นพลัง ก่อกำเนิดชีวิตและเป็นพลังแห่ง ความอุดมสมบูรณ์ จึงมีความสัมพันธ์กับการขอฝนซึ่งเป็นที่มาของพลังแห่งการเติบโตของพืช และด้วยเหตุนี้ อวัยวะเพศและเพศสัมพันธ์เป็นสัญลักษณ์สำคัญของงานบุญ จึงถือว่าบุญบั้งไฟเป็นงานบุญของพญามาร


-3- ๓. แห ไซ สุ่ม (อุปกรณ์ในการทำมาหากินของชาวอีสานที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำ) นำมาร่วมขบวนแห่ประกอบการรำ เพื่อเป็นการขอความอุดมสมบูรณ์ ข้าว ปลา อาหาร ๔. ขบวนแห่ ผู้ร่วมขบวนจะตั้งใจละเมิดกฎเกณฑ์ปรกติ เช่น ชายแต่งกายเป็นหญิงหรือเอาโคลนพอกหน้า บางคน ผูกปลัดขิกไว้รอบเอวหลายอัน มีสายสำหรับชักให้กระดกขึ้นได้ แต่งตัวเป็นท้าวผาแดง นางไอ่ ขี่ม้า ๕. การเซิ้งบั้งไฟ การเซิ้งบั้งไฟเป็นการฟ้อนประกอบการขับกาพย์ กาพย์เซิ้งบั้งไฟมีทั้งกาพย์เซิ้งเล่านิทานหรือตำนาน เช่น ตำนานผาแดงนางไอ่ ตำนานพญาคันคาก หรือเล่านิทานท้องถิ่น เช่นนิทานเรื่องกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ และกาพย์เซิ้งประเภทคำสอน เช่น กาพย์เซิ้งพระมุณีนอกจากนี้ยังมีกาพย์เซิ้งขอบริจาคจตุปัจจัย กาพย์เซิ้ง อวยพร กาพย์เซิ้งประเภทตลกหยาบโลน เป็นต้น วันจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ การจัดงานจัดขึ้น ๒ วัน วันแรกเรียกว่า วันสุกดิบ วันที่สอง เรียกว่า วันจุดบั้งไฟ โดยช่วงเช้าของ วันแรก ชาวบ้านตำบลหนองแจง นางรำทั้งหลายจะต้องไปตั้งขบวนจากหน้าโรงเรียนหนองแจง แห่ไป วัดหนองแจง เพื่อเป็นการเชิญชวนผู้คนให้มาร่วมงาน จะมีการประกวดขบวนรถและการตกแต่งบั้งไฟสวยงาม (บึ้งเอ้) การประกวดฟ้อนรำ (เซิ้งบั้งไฟ) การประกวดแข่งขันการละเล่นพื้นเมือง การประกวดตกแต่งขบวนรถวิถีชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง การละเล่นต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน การแข่งขันกีฬา ได้แก่ เปตอง ในบางปีก็จะมีการแข่งขัน เตะตะกร้อด้วย (บางปีไม่มีการแข่งขันกีฬา) ช่วงเวลากลางคืนมีมหรสพต่าง ๆ ฉลองตลอดคืน วันที่สอง ประชาชนจะนำอาหารมาทำบุญถวายภัตตาหารพระ และทอดผ้าป่าสามัคคี เวลา 0๙.0๐ น. - ๑๖.๐๐ น. ทำการประกวดจุดบั้งไฟขึ้นสูงการแข่งขันการจุดบั้งไฟขึ้นสูง บั้งไฟใครสามารถขึ้นได้สูงและใช้เวลา อยู่บนฟ้านานที่สุดก็จะชนะ ซึ่งจะมีรางวัลเป็นเงินให้แก่ผู้ที่ชนะการแข่งขัน ในวันนี้จะมีการเล่นรื่นเริง มีคณะ แม่บ้านจากหมู่ต่าง ๆ มาร่วมงาน คณะต่าง ๆ จะนำบั้งไฟของตนมาที่บริเวณงานบางคนจะนำบั้งไฟมามัดหาง เจาะรูบั้งไฟในวันนั้น บางพื้นที่จะมีการพนันบั้งไฟขึ้นสูงด้วยซึ่งเป็นการเล่นสนุกสนาน นอกจากบั้งไฟแล้ว ยังมีคณะตลกและดนตรีมาร่วมในงาน ทำให้งานครึกครื้นมากยิ่งขึ้น ๕. พื้นที่ปฏิบัติมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (พื้นที่ที่ปรากฏหรือชุมชนที่มีการปฏิบัติมรดกภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรม) V277+WJ 111 หมู่ที่ 7 ถนน สระบุรี-หล่มสัก ตำบลหนองแจง อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ 67160 15.97316598919582, 101.17616672045729 ๖. คุณค่าและความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในแต่ละระดับ ระดับปัจเจกบุคคล ระดับครอบครัว ระดับชุมชนท้องถิ่น ระดับประเทศ


-4- 7. รายชื่อผู้สืบทอด / ผู้ครอง / ผู้ที่เกี่ยวข้องหลักในปัจจุบัน รายขื่อบุคคล/หัวหน้าคณะ/ กลุ่ม/สมาคม/ชุมชน อายุ/อาชีพ ที่อยู่ (สถานที่ติดต่อ) / หมายเลข โทรศัพท์ พระครูประคุณพัขรสรณ์ ฉายา จนฺทสโร อายุ 53 พรรษา เจ้าอาวาสวัดหนองแจง วัดหนองแจง ตำบลหนองแจง อำเภอ บึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ นายคำภาส บุญเติม อายุ 54 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนวังพิกุล พิทยาคม 96 หมู่ที่ 2 ต.หนองแจง อ.บึงสามพันจ.เพชรบูรณ์ 67160 โทร. 087-8434808 8. ปัจจุบันรายงานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมได้รับการประกาศขึ้นบัญชีในระดับใด ยังไม่เคยได้รับการประกาศขึ้นบัญชี (รายการสำรวจและจัดเก็บใหม่) ระดับจังหวัด (รายการเบื้องต้นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม) ระดับชาติ ระดับนานาชาติ(ยูเนสโก) 9. จากข้อ 8 ควรจะเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมได้รับการประกาศขึ้นบัญชีในระดับใด สำรวจและจัดเก็บเท่านั้น (ยังไม่ควรได้รับการประกาศขึ้นบัญชี) ระดับจังหวัด (รายการเบื้องต้นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม) ระดับชาติ ระดับนานชาติ (ยูเนสโก) 10. เอกสารอ้างอิงและ/หรือผลงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม มัลลิกา อุฤทธิ์.(2563). ประเพณีบุญบั้งไฟหนองแจง ตำบลหนองแจง อำเภอบึงสามพัน จังหวัด เพชรบูรณ์ หน้า 157 หนังสือสมบัติเมืองเพชรบูรณ์ เล่ม 4 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ เพชรบูรณ์ นายคำภาส บุญเติม. (2566). อายุ 54 ปีบ้านเลขที่ 96 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแจง อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ สัมภาษณ์, 19 มิถุนายน พระครูประคุณพัขรสรณ์ ฉายา จนฺทสโร ตำบลหนองแจง อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ตำบลหนองแจง อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ สัมภาษณ์, 19 มิถุนายน 11. รูปภาพ พร้อมคำอธิบายใต้ภาพจำนวน 10 ภาพ


-5- ภาพที่ 1 – 2 เมื่อถึงวันงานบุญบั้งไฟ ชาวบ้านตำบลหนองแจงแต่ละหมู่บ้าน และนางรำทั้งหลายจะไปตั้งขบวนจากหน้าโรงเรียน หนองแจง แห่ไปยังวัดหนองแจง ภาพที่ 2 – 3 ในปี 2564 ได้อัญเชิญหลวงพ่อบึงสามพัน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ชาวบึงสามพันศรัทธาเป็นอย่างมาก มาร่วมขบวนแห่ให้ประชาชนได้สักการะ ซึ่งจะเป็นรถคันแรก ของขบวน แห่บุญบั้งไฟ จะประกอบด้วย เทวดา 4 องค์ และพระสงฆ์ 2 รูป ภาพที่ 4 - 5 ในขบวนแห่จะประกอบด้วย ดังนี้


-6- 1. แห ไซ สุ่ม (อุปกรณ์ในการทำมาหากินของชาวอีสานที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำ) นำมาร่วมขบวนแห่ประกอบการรำ เพื่อเป็นการขอความอุดมสมบูรณ์ ข้าว ปลา อาหาร 2. ขบวนแห่ ผู้ร่วมขบวนจะตั้งใจละเมิดกฎเกณฑ์ปรกติ เช่น ชายแต่งกายเป็นหญิงหรือเอาโคลนพอกหน้า บางคน ผูกปลัดขิกไว้รอบเอวหลายอัน มีสายสำหรับชักให้กระดกขึ้นได้ แต่งตัวเป็นท้าวผาแดง นางไอ่ ขี่ม้า ภาพที่ 6 เมื่อขบวนแห่มาถึงวัดหนองแจง ก็จะจอดรถเรียงตามหมู่บ้าน เนื่องจากจะมีการประกวดขบวนรถ และการตกแต่งบั้งไฟสวยงาม (บึ้งเอ้) ภาพที่ 7 - 10


-7- เมื่อถึงวัดหนองแจงจะมีพิธีการเปิดงานและ บวงสรวงเจ้าพ่อบึงสามพัน พญาแถนและนางไอ่ โดย นายสมพงษ์ ทองหนูนุ้ย นายอำเภอบึงสามพัน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี กล่าวเปิดงาน และเยี่ยมชม ขบวนรถบุญบั้งไฟ พร้อมทั้งให้กำลังใจประชาชนผู้เข้าร่วมกิจกรรม ภาพที่ 11 – 12 เมื่อพิธีการเสร็จสิ้น จะเป็นการเซิ้งบั้งไฟเป็นการฟ้อนประกอบการขับกาพย์ กาพย์เซิ้งบั้งไฟมีทั้งกาพย์ เซิ้งเล่านิทานหรือตำนาน เช่น ตำนานผาแดงนางไอ่ ตำนานพญาคันคาก หรือเล่านิทานท้องถิ่น เช่นนิทานเรื่อง กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ และกาพย์เซิ้งประเภทคำสอน เช่น กาพย์เซิ้งพระมุณีนอกจากนี้ยังมีกาพย์เซิ้งขอบริจาค จตุปัจจัย กาพย์เซิ้งอวยพร กาพย์เซิ้งประเภทตลกหยาบโลน เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการประกวดฟ้อนรำ (เซิ้งบั้งไฟ) การประกวดแข่งขันการละเล่นพื้นเมือง การประกวด ตกแต่งขบวนรถวิถีชีวิตการละเล่นต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน การแข่งขันกีฬา ได้แก่ เปตอง ในบางปีก็จะมีการ แข่งขันเตะตะกร้อด้วย (บางปีไม่มีการแข่งขันกีฬา) และช่วงเวลากลางคืนมีมหรสพต่าง ๆ ฉลองตลอดคืน 12. ข้ออมูลภาพถ่าย ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว หรือข้อมูลเสียง (ระบุประเภทของสื่อที่แนบไฟล์มาพร้อม คำอธิบาย) ข้อมูลภาพถ่าย ได้แก่ 12 ภาพ ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว - ข้อมูลเสียง – 13. ข้อมูลผู้สำรวจและจัดเก็บ ชื่อ – สกุล นางสาวณัฐธยาน์ กางถิ่น หน่วยงาน สภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เลขที่ 999 อาคาร 2 ชั้น 4 ตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67000 โทรศัพท์ 096 179 3686 อีเมล์ [email protected]


Click to View FlipBook Version