แบบสำรวจและจดั ฐานข้อมูลมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม
ของสภาวัฒนธรรมจงั หวัดเพชรบรู ณ์
๑. ชื่อรายการมรดกภูมปิ ญั ญาทางวฒั นธรรม
ชอ่ื รายการ ศิลปะการแสดงพ้ืนบ้านรำโจ๋ง
ช่ือเรียกในท้องถน่ิ -รำโจง๋
ชือ่ ภาษาอ่ืน (ถา้ มี) -
๒. ประเภทมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
รายการตัวแทนมรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม (มีการปฏิบัตอิ ยา่ งแพรห่ ลาย)
รายการมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมท่ตี ้องไดร้ บั การส่งเสริมและรกั ษาอย่างเรง่ ดว่ น
(เสี่ยงตอ่ การสูญหาย)
๓. ลกั ษณะมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม (ตอบได้มากกว่า ๑ หัวข้อ)
วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏิบตั ิทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
ความรู้และการปฏบิ ัติเก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
งานชา่ งฝีมอื ด้ังเดิม
การเล่นพื้นบ้าน กีฬาพ้นื บ้านและศิลปะการต่อสู้ป้องกันตวั
๔. ประวตั ิความเป็นมาและรายละเอียดมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
การละเล่นรำโทนหรอื ที่ชาวบา้ นนิยมเรียกกนั ว่า “รำโจ๋ง” เป็นการเลน่ ที่ถอื กำเนดิ มาต้ังแต่สมัยกรุงศรี
อยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้ที่คิดค้นขึ้น แต่พอมีเค้าว่า ในสมัยก่อนนั้นชาวเมืองวิเชียรบุรี
มักคิดติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยาหรือเมืองต่าง ๆ แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยอาศัยเส้นทางคมนาคมทาง
ลำน้ำป่าสักอยู่เนือง ๆ จึงนำเอาเครื่องดนตรีประเภทกลองโทน ฆ้อง รวมทั้งท่วงท่ารำจากการละเล่นรำวง
การแสดงกลองยาวหรือลิเกของพื้นภาคกลาง แล้วคิดดัดแปลงท่วงท่ารำใหม่ตามภูมิปัญญาประยุกต์ เข้ากับ
การดำเนินชีวิตประจำวันของตน ที่เมื่อยามหน้าแล้ง ว่างเว้นจากการทำไร่ ทำนา ในช่วงยามเช้าหรือบ่าย
มกั ตอ้ นวัวและควายจากคอกปลอ่ ยออกไปและเล็มกนิ หญ้ากินน้ำตามทุง่ ไร่ทงุ่ นา ทำใหเ้ กิดทา่ ร่ายรำเย้ืองยา่ ง
ช้า ๆ มีกลองโทนและฆ้องคอยตีเพื่อกำกับจังหวะ โดยมีจินตนาการในลักษณะการต้อนวัว ซึ่งแบ่งผู้เล่น
ออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายหญิง กับฝ่ายชายสมมุติให้ฝ่ายชายเป็นวัว ส่วนฝ่ายหญิงเป็นคนต้อนและไล่จับวัว
โดยฝา่ ยหญงิ จะไปตอ้ นฝ่ายชายออกมาทลี ะคน ในขณะท่ไี ล่ต้อนจบั กนั อย่นู น้ั จะมีสญั ญาณโทนตีจงั หวะเสยี งดัง
ครึ่ม ครึ่ม ครึ่ม เมื่อจับได้แล้ว ฝ่ายหญิงจะควบคุมไว้ แล้วไล่ต้อนจับฝ่ายชายคนต่อไปจนหมด แล้วจึงชวนกัน
ออกมารำฝ่ายหญิงจะรำเป็นวงกลมอยูร่ อบนอก ฝ่ายชายจะรำอยู่วงในทำทีเหมือนถูกล้อมคอก ท่ารำท่อนน้ีจะ
เปลี่ยนไปตามจังหวะการตีของกลองโทน เสียงดัง โจงจะโจง ครึ่ม ๆ จำนวน 7 เที่ยว แล้วเปลี่ยนเป็นครึ่ม
1 เที่ยว ในช่วงนี้ฝ่ายชายจะเปลี่ยนคู่รำ อาจจะไปข้างหน้าหรือถอยมารำกับคนข้างหลังก็ได้ พอร่ายรำกันจน
เหนื่อยแล้วจึงพักพูดคุยกันหรือแยกย้ายกนั กลับบ้านเรอื นของตน ครั้นเมือ่ ภายหลงั สงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ก็ได้มี
ผู้นำเอาการเลน่ รำโจง๋ ไปประยุกตเ์ ป็นการละเลน่ ตา่ ง ๆ เชน่ รำเทิ่งบ้อง รำวงประยกุ ต์ เป็นต้น
ปัจจุบันแสดงในงานประเพณีสงกรานต์ จะรำที่วัด รำงานประเพณีบวงสรวงดวงพระวิญาณสมเด็จ
พระนเรศวรมหาราช งานประเพณอี ้มุ พระสรงน้ำอำเภอวเิ ชยี รบุรี รำแกบ้ นในความเช่อื ของชาวอำเภอวิเชียรบรุ ี
และรำงานกิจกรรมสำคัญของอำเภอ เผยแพร่งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำจังหวัดเพชรบูรณ์ และที่สำคัญอบรม
ให้นกั เรียน และประชาชนในเขตอำเภอเป็นประจำทกุ ปี
2
อุปกรณ์
๑. กลองโทน
ไม่จำกดั จำนวน จะอยู่ระหวา่ ง ๒ – ๔ ลกู ลักษณะโครงสร้างของ กลองโทน ซงึ่ ทำจากเครอ่ื งปนั้ ดินเผา
ส่วนที่ทำให้เสียงดัง โดยการขึงหนัง ด้วยหวาย ดั้งเดิม หนังที่ใช้ คือ หนังแลน หรือหนังตะกวด ในการตั้งเสียง
ให้ไพเราะนั้น ไม่มีหลักเกณฑ์ใด ๆ อาศัยประสบการณ์ภูมิปัญญา และการฟังเสียงเท่านั้นในปัจจุบัน ทำด้วย
หนังงูเหลอื ม เน่ืองจากหนังแลน หรอื ตะกวดหายาก
วิธีการตกี ลองโทน
ลักษณะการตี ไม่กำหนดตายตัวว่าจะนั่งที่ที่จัดไว้ เช่น เก้าอี้ หรือนั่งที่เสื่ออาจจะทั้งนั่งที่เสื่อ หากเหนื่อย ก็
อาจจะเปลยี่ นอริ ิยาบทการนั่งบ้างกไ็ ด้
กลอง โดยใชก้ ลองวางไวท้ ต่ี กั ใช้มือตีท้ัง ๒ มอื
ฆอ้ งโหม่ง มอื หน่งึ ถือฆ้อง อกี มือหนึ่งตี
๒. ฆอ้ งโหม่ง
จะใช้ฆ้องโหม่ง เพียง ๑ อันเท่านั้น ลักษณะของฆ้องโหม่ง เป็นโลหะ ลงรัก สวยงาม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ ๖ – ๘ น้วิ ในการตฆี อ้ ง จะใช้ไมก้ ลึงสวยงาม หวั ของไมต้ ี จะพันด้วยผา้ ให้แนน่ ทำใหเ้ สยี งนุม่
ลักษณะการตีฆ้อง
การตีฆ้อง จะต้องให้ผิวของฆ้องลอยตัว เพื่อให้เสียงกังวาลในการละเล่นพื้นบ้าน “รำโจ๋ง” ทั้งผู้แสดงและนัก
ดนตรี จะเป็นศลิ ปินกลุ่มเดยี วกนั เวลาแสดงจะอยู่ใกล้ ๆ กัน
ลกั ษณะการแตง่ กาย
ปจั จุบันการรำโจ๋ง นยิ มการแต่งกาย ดังน้ี
๑. ฝ่ายหญิงนุง่ ผ้าโจงกระเบน สวมเส้ือแขนกระบอก และห่มสไบ
๒. ฝ่ายชายน่งุ ผา้ โจงกระเบน สวมเสอื้ คอกลม ผ้าสไบคลอ้ งคอ
๕. พื้นที่ปฏิบัติมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (พื้นที่ที่ปรากฏหรือชุมชนที่มีการปฏิบัติมรดกภูมิปัญญาทาง
วัฒนธรรม)
อำเภอวเิ ชยี รบุรี จงั หวัดเพชรบูรณ์
15.688870337519575, 101.17599033569756
๖. คุณค่าและความสำคัญของมรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรมในแต่ละระดบั
ระดบั ปัจเจกบคุ คล
ระดบั ครอบครัว
ระดับชมุ ชนทอ้ งถิ่น
ระดบั ประเทศ
3
7. รายชอ่ื ผู้สบื ทอด / ผู้ครอง / ผทู้ ี่เกยี่ วข้องหลกั ในปจั จุบัน
รายข่ือบุคคล/หัวหนา้ คณะ/ อาย/ุ อาชีพ ท่ีอยู่ (สถานที่ติดต่อ) / หมายเลขโทรศัพท์
กลุม่ /สมาคม/ชุมชน
บ้านเลขที่ 901 หมูท่ ่ี 13 ตำบลทา่ โรง
นางภทั ธริ า เพช็ รวงศ์ 67 ปี อำเภอวิเชยี รบุรี จังหวัดเพชรบรู ณ์ 67130
โทร 0862107440
8. ปัจจบุ ันรายงานมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรมได้รบั การประกาศขนึ้ บญั ชีในระดับใด
ยังไม่เคยได้รบั การประกาศขน้ึ บัญชี (รายการสำรวจและจัดเก็บใหม่)
ระดับจงั หวัด (รายการเบื้องต้นมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม)
ระดบั ชาติ
ระดบั นานาชาติ (ยเู นสโก)
9. จากขอ้ 8 ควรจะเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมได้รับการประกาศข้นึ บัญชใี นระดับใด
สำรวจและจัดเก็บเทา่ น้ัน (ยังไม่ควรได้รับการประกาศข้ึนบัญชี)
ระดับจังหวดั (รายการเบ้ืองต้นมรดกภมู ิปญั ญาทางวฒั นธรรม)
ระดับชาติ
ระดับนานชาติ (ยูเนสโก)
10. เอกสารอา้ งองิ และ/หรอื ผลงานทเ่ี กย่ี วข้องในการส่งเสรมิ และรกั ษามรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม
สัมภาษณ์ นางนางภทั ธิรา เพ็ชรวงศ์ หวั หนา้ คณะการแสดงพนื้ บ้านรำโจ๋ง เมื่อวันท่ี 10 มีนาคม 2565
11. รูปภาพ พร้อมคำอธิบายใตภ้ าพจำนวน 10 ภาพ
ภาพท่ี 1
การละเล่นรำโทนหรือทชี่ าวบ้านนยิ มเรยี กกนั ว่า “รำโจง๋ ” เป็นการเล่นที่ถือกำเนดิ มาตง้ั แตส่ มัยกรุงศรีอยุธยา
ไมป่ รากฏหลักฐานวา่ ผ้ใู ดเป็นผ้ทู ี่คิดค้นขน้ึ แตพ่ อมเี คา้ ว่า ในสมยั ก่อนนัน้ ชาวเมืองวิเชยี รบุรี
4
ภาพท่ี 2
ทีม่ าของชอ่ื รำโจง๋ มาจากการนำฆ้องและโทนมาตเี ปน็ จังหวะ จากน้ันจะได้ยินเสียงเปน็ โจ๋ จะ้ โจ๋ ครืง
จงึ ได้มาเป็น คำวา่ โจ๋ง
ภาพท่ี 3
การรำโจ๋งจะรำเฉพาะประเพณสี งกรานต์ จะรบั ในเฉพาะวงแคบ บริเวณวัดปา่ เรไรซึ่งเป็นวดั แรกของอำเภอ
วิเชียรบุรีและ ศาลสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ทเี่ ป็นสถานท่ีศักด์ิสทิ ธิ์คู่บ้านคเู่ มืองของชาวอำเภอวเิ ชยี รบรุ ี
5
ภาพท่ี 4
คิดดดั แปลงท่วงทา่ รำใหม่ตามภูมปิ ญั ญาประยุกต์ เขา้ กบั การดำเนนิ ชวี ิตประจำวันของตน ท่เี ม่ือยามหนา้ แลง้
ว่างเว้นจากการทำไร่ ทำนา ในช่วงยามเชา้ หรือบ่ายมักตอ้ นวัวและควายจากคอกปล่อยออกไปและเล็มกนิ หญ้า
กินน้ำตามทุง่ ไร่ทงุ่ นา ทำให้เกิดท่ารา่ ยรำเยื้องย่างชา้ ๆ
ภาพท่ี 5
มกี ลองโทนและฆ้องคอยตเี พ่ือกำกับจงั หวะ โดยมจี ินตนาการในลักษณะการตอ้ นวัว ซึง่ แบง่ ผเู้ ล่น
ออกเปน็ 2 ฝา่ ย คอื ฝา่ ยหญิง กบั ฝา่ ยชายสมมตุ ิใหฝ้ า่ ยชายเปน็ วัว ส่วนฝ่ายหญิงเป็นคนต้อนและไล่จับวัว
โดยฝา่ ยหญงิ จะไปต้อนฝา่ ยชายออกมาทีละคน
5
ภาพท่ี 6
ในขณะที่ไลต่ อ้ นจับกนั อยู่น้นั จะมสี ัญญาณโทนตีจงั หวะเสยี งดงั ครึม่ ครม่ึ ครึ่ม เม่ือจับได้แล้ว ฝา่ ยหญงิ จะ
ควบคุมไว้ แล้วไล่ต้อนจบั ฝา่ ยชายคนต่อไปจนหมด แลว้ จึงชวนกันออกมารำฝ่ายหญิงจะรำเปน็ วงกลมอยูร่ อบ
นอก ฝ่ายชายจะรำอยูว่ งในทำทเี หมอื นถกู ล้อมคอก ทา่ รำท่อนนจี้ ะเปลีย่ นไปตามจังหวะการตีของกลองโทน
เสียงดัง โจงจะโจง คร่ึม ๆ จำนวน 7 เทยี่ ว แลว้ เปลย่ี นเป็นครึม่ 1 เทย่ี ว
ภาพที่ 7
กลองโทน
ไมจ่ ำกัดจำนวน จะอย่รู ะหวา่ ง ๒ – ๔ ลกู ลกั ษณะโครงสร้างของ กลองโทน ซ่ึงทำจาก
เคร่อื งป้นั ดนิ เผา ส่วนที่ทำให้เสียงดงั โดยการขึงหนงั ดว้ ยหวาย ดง้ั เดมิ หนงั ทีใ่ ช้ คือ หนังแลน หรือหนงั ตะกวด
6
ภาพท่ี 8
การแต่งกาย ฝา่ ยหญิงนงุ่ ผา้ โจงกระเบน สวมเสื้อแขนกระบอก และหม่ สไบ ฝา่ ยชายนุง่ ผา้ โจงกระเบน
สวมเสอ้ื คอกลม ผา้ สไบคล้องคอ
ภาพที่ 9
ดา้ นการสบื ทอด จะมผี ้เู ฒ่าผู้แก่ที่เชีย่ วชาญดา้ นรำโจ๋งมาสอนให้อบรมใหน้ กั เรียน
และประชาชนในเขตอำเภอวิเชยี รบุรีเปน็ ประจำทกุ ปี
7
ภาพท่ี 10
ปจั จบุ ันสภาวฒั นธรรมจงั หวัดเพชรบรู ณ์ ร่วมกับสภาวัฒนธรรมอำเภอวเิ ชยี รบุรี และเทศบาลเมืองวเิ ชียรบรุ ี
ร่วมกันอนุรักษ์พร้อมสนบั สนุนอุดหนดุ งบประมาณเพื่อสืบสานการแสดงพ้ืนบา้ รำโจ๋งเป็นประจำทุกปี
ทำให้เปน็ ที่รจู้ ักของเยาวชนในพ้นื ทแ่ี ละพื้นทีใ่ กล้เคียง
12. ข้ออมูลภาพถ่าย ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว หรือข้อมูลเสียง (ระบุประเภทของสื่อที่แนบไฟล์มาพร้อม
คำอธบิ าย)
ข้อมลู ภาพถา่ ย ได้แก่ 10 ภาพ
ข้อมลู ภาพเคล่ือนไหว
ข้อมูลเสียง
13. ข้อมลู ผู้สำรวจและจัดเก็บ
ชอื่ – สกลุ นางสาวณัฐธยาน์ กางถน่ิ
หนว่ ยงาน สภาวฒั นธรรมจงั หวดั เพชรบูรณ์
เลขที่ 999 อาคาร 2 ช้นั 4 ตำบลสะเดยี ง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
จงั หวดั เพชรบรู ณ์ 67000
โทรศพั ท์ 096 179 3686
อเี มล์ [email protected]