The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by hasanah5558, 2020-11-04 01:49:54

หน่วยที่ 1 -4

หน่วยที่ 1 -4

51

ในส่วนของตัวช้ีวัดกำรนิเทศแบบมีส่วนร่วม มีดังน้ี 1) คุณภำพของกำรจัดกำรศึกษำ 2) กำรบรรลุ
วัตถุประสงค์และเป้ำหมำยของกำรนิเทศ 3) กำรมีส่วนร่วมของผู้รับกำรนิเทศ และ 4) ควำมพึงพอใจของผู้รับ
กำรนิเทศ

แบบฝึกท่ี 4 ตอบคำถำมให้สมบรูณ์

1. ตัวช้ีวัดกำรนเิ ทศแบบมสี ่วนรว่ ม
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

2. รปู แบบของกำรนเิ ทศแบบมีสว่ นร่วมของ อัญชลี ธรรมะวิธกี ลุ มี .......... ข้นั ตอน
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................

3. กำรนิเทศกำรศกึ ษำสง่ เสรมิ
.......................................................................................................................................... ......................
.........................................................................................................................................................

4. กำรนิเทศจะประสบผลสำเร็จได้
ดว้ ย………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

5. ส่ิงที่ทำ่ นคำดหวังจำกกำรนเิ ทศ
................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

52

แบบประเมินตวั เองหลังเรยี น

คาช้ีแจง เลอื กคำตอบทถี่ ูกท่สี ุดดว้ ยกำรทำเครอ่ื งหมำย X บนตวั เลอื กในกระดำษคำตอบ

1. ข้อใดไม่ใชแ่ นวทำงกำรนิเทศแบบคลนิ กิ
1. กำรสรำ้ งบรรยำกำศท่ีดีในกำรนิเทศ
2. กำรเสนอเพอื่ ปรบั ปรุงและกำรสรปุ สกู่ ำรพัฒนำในอนำคต
3. กำรใหข้ ้อมูลยอ้ นกลับ และกำรอภปิ รำยจดุ เด่นและจุดควรพัฒนำ
4. กำรตัดสนิ หรอื ประเมนิ คุณภำพกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนของครูผรู้ บั กำรนเิ ทศ

2. ขอ้ ใดไม่ใชก่ ำรสรำ้ งบรรยำยกำรท่ีดกี ่อนกำรนิเทศ
1. ตรวจเอกสำรชน้ั เรยี น
2. ระบุวิธกี ำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล
3. กำรระบปุ ระเดน็ ทจ่ี ะสังเกตกำรณส์ อน
4. กำรทำควำมเข้ำใจแผนกำรสอนระหวำ่ งผู้นเิ ทศและผู้รบั กำรนิเทศ

3. ขอ้ ใดคอื ข้นั ตอนกำรนิเทศแบบคลนิ กิ
1. ขน้ั กอ่ นกำรสอน ข้นั ระหว่ำงกำรสอน และข้ันหลงั กำรสอน
2. ขั้นก่อนกำรสอน กำรสังเกตกำรณส์ อน ข้นั หลังสังเกตกำรณส์ อน และข้ันวิเครำะห์
3. ขน้ั ก่อนกำรสอน กำรสงั เกตกำรณ์สอน ขนั้ วิเครำะห์ และขั้นหลังสังเกตกำรณ์สอน
4. ขน้ั กอ่ นกำรสอน กำรสงั เกตกำรณส์ อน ข้นั วเิ ครำะห์ ข้ันหลังสงั เกตกำรณ์สอน และขั้นสรปุ

4. ข้อใดไม่ใช่จุดประสงคห์ ลักของกระบวนกำรนเิ ทศ
1. ปรบั ปรุงและพฒั นำกระบวนกำรสอน
2. ใหค้ ำแนะนำ และควำมชว่ ยเหลือครผู ู้สอน
3. ใหเ้ กิดผลดีตอ่ กำรเรยี นรู้และพฒั นำกำรของผูเ้ รยี น
4. สง่ เสรมิ ควำมสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหวำ่ งผนู้ ิเทศและผรู้ บั กำรนเิ ทศ

5. ข้อใดไม่ใชล่ กั ษณะของกำรนิเทศแบบมสี ว่ นรว่ ม
1. ใหอ้ ิสระต่อผรู้ ับกำรนเิ ทศกำหนดประเดน็ นเิ ทศ
2. ตำมวถิ ีประชำธิปไตย และเหมำะสมกับบรบิ ท หรือสถำนกำรณ์
3. ยดึ หลกั กำรพึ่งพำกันระหว่ำงผู้นเิ ทศและผรู้ บั กำรนิเทศ
4. รว่ มแกป้ ญั หำ ร่วมหำแนวทำงในกำรปรบั ปรงุ กำรเรยี นกำรสอน

53

6. ข้อใดไม่ใช่เหตขุ องกำรรับกำรนิเทศ
1. เพือ่ ยกระดบั มำตรฐำนทำงกำรศึกษำ
2. เพอ่ื กำรสร้ำงหลกั ฐำนประเมินวทิ ยฐำนะของครู
3. เพ่ือพฒั นำทำงดำ้ นวิชำกำร ควำมรู้ นวตั กรรมทำงกำรศกึ ษำ หลักสูตร นโยบำยกำรจัดกำรศกึ ษำ
มกี ำรปรบั เปล่ยี นอยำ่ งรวดเร็วและตอ่ เนื่อง
4. เพื่อแก้ไขปัญหำในกำรจัดกำรศึกษำ เพ่ือป้องกันควำมผิดพลำดในกำรจัดกำรศึกษำ
เพื่อก่อให้เกดิ ควำมคดิ สร้ำงสรรคใ์ นกำรจัดกำรศึกษำ

7. ข้อใดคือแนวคดิ กำรนเิ ทศของ สงัด อทุ รำนนท์
1. พัฒนำคน พฒั นำงำน และสร้ำงกำรประสำนสัมพนั ธ์
2. พฒั นำคน พฒั นำงำน สร้ำงควำมปรองดอง และส่งเสริมวชิ ำชีพ
3. พัฒนำคน พัฒนำงำน สรำ้ งกำรประสำนสัมพันธ์ และเพื่อขวัญกำลังใจ
4. พฒั นำคน พัฒนำงำน สร้ำงกำรประสำนสัมพันธ์ เพื่อขวัญกำลังใจ และสง่ เสรมิ วิชำชีพ

8. ขอ้ ใดคือองค์ประกอบของกำรมสี ่วนร่วมตำมแนวคิดของอัญชลี ธรรมะวธิ ีกลุ
1. ผนู้ เิ ทศ ผู้รับกำรนิเทศ เนอื้ หำสำระทนี่ เิ ทศ
2. ผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี น ผนู้ ิเทศ ผรู้ บั กำรนเิ ทศ และเนื้อหำสำระท่ีนเิ ทศ
3. ผู้นเิ ทศ ผู้รับกำรนเิ ทศ เน้อื หำสำระทนี่ เิ ทศ และรูปแบบของกำรนิเทศ
4. ผู้อำนวยกำรโรงเรยี น ผนู้ เิ ทศ ผูร้ บั กำรนเิ ทศ เน้ือหำสำระที่นิเทศ และรปู แบบของกำรนิเทศ

9. ข้อใดคอื แนวคดิ กำรนเิ ทศของ สงัด อทุ รำนนท์
1. พฒั นำคน พฒั นำงำน และสร้ำงกำรประสำนสัมพันธ์
2. พฒั นำคน พัฒนำงำน สร้ำงควำมปรองดอง และส่งเสริมวชิ ำชพี
3. พัฒนำคน พฒั นำงำน สรำ้ งกำรประสำนสัมพันธ์ และเพื่อขวญั กำลังใจ
4. พัฒนำคน พัฒนำงำน สรำ้ งกำรประสำนสมั พันธ์ เพ่อื ขวัญกำลังใจ และส่งเสริมวิชำชพี

10. ขอ้ ใดคอื องคป์ ระกอบของกำรมสี ว่ นร่วมตำมแนวคดิ ของอัญชลี ธรรมะวธิ กี ุล
1. ผ้นู เิ ทศ ผูร้ ับกำรนเิ ทศ เนอ้ื หำสำระท่ีนเิ ทศ
2. ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียน ผู้นิเทศ ผูร้ บั กำรนิเทศ และเนื้อหำสำระท่นี เิ ทศ
3. ผนู้ เิ ทศ ผู้รับกำรนเิ ทศ เนอ้ื หำสำระทีน่ ิเทศ และรูปแบบของกำรนิเทศ
4. ผู้อำนวยกำรโรงเรียน ผ้นู ิเทศ ผรู้ ับกำรนเิ ทศ เนื้อหำสำระที่นเิ ทศ และรปู แบบของกำรนเิ ทศ

54

เฉลย

แบบประเมนิ ตนเองก่อนเรยี น 3. (3) 4. (1) 5. (3)
1. (4) 2. (2) 8. (2) 9. (3) 10. (3)
6. (4) 7. (1)

แบบประเมนิ ตนเองหลงั เรยี น 3. (2) 4. (3) 5. (3)
1. (1) 2. (4) 8. (3) 9. (3) 10. (1)
6. (4) 7. (2)

แบบฝึกที่ 1
แบบฝีกท่ี 2. 1. แนวคดิ กำรนิเทศแบบมีส่วนรว่ ม

2. แนวคิดกำรนเิ ทศแบบประชำธิปไตย
3. แนวคิดกำรนิเทศเพอื่ กำรเปล่ียนแปลง
4. แนวคดิ กำรนเิ ทศกำรสอนภำยในโรงเรยี น

แบบฝกึ ท่ี 3 1. (/) 2. (/) 3. (/) 4. (X) 5. (X)
6. (/) 7. (/) 8. (X) 9. (X) 10. (/)

แบบฝกึ ท่ี 4 แนวทำงกำรตอบ
1. มีดังนี้ 1) คุณภำพของกำรจัดกำรศึกษำ 2) กำรบรรลุวัตถุประสงค์และเป้ำหมำยของกำรนิเทศ
3) กำรมีสว่ นรว่ มของผรู้ ับกำรนิเทศ และ 4) ควำมพงึ พอใจชองผู้รับกำรนเิ ทศ
2. 6 ข้ันตอนดังน้ี 1) กำรเตรียมกำรนิเทศ 2) รูปแบบและแนวทำงกำรนิเทศ 3) กำหนดเคร่ืองมือนิเทศ
4) ดำเนนิ กำรนิเทศ 5) กำรประชุม และ 6) กำรประเมนิ ผล
3. บุคลำกรทำงกำรศึกษำได้จัดกระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ส่งเสริมผู้เรียนให้มีสมรรถนะตำมควำม
ต้องกำรของหลักสูตรและนโยบำยกำรศกึ ษำแห่งชำติ
4. ปัจจัยควำมเหมำะสมด้ำนสภำพแวดล้อม ควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล และควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ำย
โดยจัดปฏทิ ินทกี่ ำหนดภำรกิจท่ีจะทำกำรนเิ ทศ วนั เดือน ปี เวลำ ชอ่ื ผรู้ บั กำรนิเทศ และผูน้ ิเทศ
5. แนวทำงกำรตอบ กำรพัฒนำวิชำชีพตน กำรสะท้อนกำรจัดกำรเรียนกำรสอน กำรวัดและ
ประเมินผลผู้เรยี น กำรพฒั นำคุณภำพผู้เรยี น

55

เอกสารอา้ งอิง
รัตนา นครเทพ. (2552). การนาเสนอรูปแบบการนิเทศภายในโดยการประยกุ ต์ใชแ้ บบกัลยาณมติ รใน

สถานศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน. สงั กดั สำนักงำนเขตพื้นทกี่ ำรศึกษำอุบลรำชธำนเี ขต 2.
รุ่งรัชชดำพร เวหะชำติ. (2557). กำรนเิ ทศกำรศึกษำ. พิมพค์ ร้ังท่ี 5. สงขลำ: เทมกำรพิมพ.์
วัชรำ เลำ่ เรียนด.ี (2553). การนิเทศการสอน (Supervision of Instruction). นครปฐม: โรงพมิ พ์

มหำวทิ ยำลัยศิลปำกร.
วัชรำ เลำ่ เรยี นดี. (2556). ศาสตรก์ ารนิเทศการสอนและการโคช้ การพฒั นาวิชาชีพ: ทฤษฎี กลยุทธ์ สู่การ

ปฏิบัติ. นครปฐม: โรงพมิ พ์มหำวทิ ยำลัยศิลปำกร.
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พน้ื ฐำน. (2550). คมู่ อื ดาเนนิ การพฒั นาหลักสตู รการพฒั นาผูน้ าการ

เปล่ยี นแปลงเพื่อรองรับการกระจายอานาจสาหรบั ครแู ละศกึ ษานิเทศก์. กรุงเทพมหำนคร:
สำนักพิมพ์คณะรฐั มนตรแี ละรำชกิจจำนเุ บกษำ.
สำเร็จ ยุรชยั และคณะ. (2560). กำรพัฒนำแนวทำงกำรนิเทศภำยในแบบมีสว่ นรว่ ม สำหรับสถำนศึกษำ
ขนำดเล็ก สงั กดั สำนกั งำนเขตพนื้ ที่กำรศึกษำประถมศึกษำขอนแกน่ เขต 1. วำรสำรวิทยำลัยบณั ฑิต
เอเชีย. ปีท่ี 7 ฉบับพิเศษ. (เดือนพฤศจิกำยน 2560).
สทิ ธพิ ล พรมมนิ ทร์. (2553). รปู แบบกำรนเิ ทศภำยในโรงเรียน สังกดั สำนักงำนเขตพืน้ ท่ีกำรศกึ ษำน่ำน เขต 2.
วทิ ยานิพนธค์ รศุ าสตร์หาบณั ฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดติ ถ์.
อัญชลี ธรรมะวิธีกุล. (2552). ควำมรู้เบื้องต้นเก่ียวกับกำรนิเทศกำรศึกษำ. สืบค้นเม่ือ 31/10/2561

https://panchalee.wordpress.com/2010/01/15/participatory_supervision

56

หน่วยท่ี 4 การนเิ ทศการสอนการอ่านเชงิ วพิ ากษ์
แบบประเมนิ ตนเองกอ่ นเรียน (Pre-test)

คาช้แี จง เลือกคำตอบทีถ่ กู ทีส่ ุดดว้ ยกำรทำเครือ่ งหมำย X บนตวั เลอื กในกระดำษคำตอบ

1. ข้อใดคอื องค์ประกอบสำคญั ของรำยกำรในเครอ่ื งมอื นิเทศแบบตรวจสอบรำยกำร
1. ช่อื ครูผู้สอน วิชำ วันเดือนปที ี่สอน รำยกำรประเมิน และระดบั คุณภำพ
2. ช่ือครูผู้สอน วิชำ วันเดือนปี จำนวนช่ัวโมง ทีส่ อน และชือ่ ผ้นู ิเทศ
3. ช่ือครผู สู้ อน วิชำ วนั เดอื นปีท่ีสอน ระดบั คุณภำพ และกำรบนั ทึกข้อสงั เกต
4. ชอื่ ครผู ู้สอน วิชำ วนั เดอื นปที ่ีสอน กำรบนั ทึกข้อสงั เกต และแผนผงั ทน่ี ั่งในชนั้ เรยี น

2. เหตผุ ลของกำรมีรอ่ งรอยกำรจดั ท่นี ่งั ของนักเรยี นในกำรนิเทศ
1. เพ่ือรำยละเอียดของบรรยำกำศชนั้ เรยี น
2. เพ่ือบนั ทึกกำรเดนิ ควบคุมช้ันเรียนของครผู ้สู อน
3. เพื่อเปน็ ร่องรอยในกำรสะท้อนกำรจัดกิจกรรมของครู
4. เพื่อเปน็ กำรตรวจสอบครูผู้สอนได้ดำเนินกำรในช้นั เรียนอย่ำงไรบ้ำง

ใชข้ อ้ มลู ในตำรำงตอบข้อ 3-4

Critical-literacy checklist questions for each lesson

Lesson focus: …………………………………………………………….

The four dimensions Is it evident? Examples of students’ responses Not evident

model for critical (มรี อ่ งรอย) (ตวั อย่ำงของกำรตอบสนองของผู้เรียน) ไมม่ รี อ่ งรอย

literacy

(4องค์ประกอบของกำร

สอนอ่ำนเชิงวพิ ำกษ)์

57

3. ข้อใดไม่ใช่ร่องรอยในกำรใชอ้ งคป์ ระกอบกำรสอนกำรอ่ำนเชงิ วพิ ำกษ์
1. นกั เรียนหำข้อสรปุ ร่วมกันเพ่ือเปลีย่ นบทอ่ำนให้มหี ลำยมุมมอง
2. กำรตงั้ ประเด็นคำถำมเช่อื มโยงประสบกำรณผ์ เู้ รยี นต่อเร่ืองทอี่ ำ่ น
3. กำรสนทนำแลกเปลย่ี นมุมมองทีห่ ลำกหลำยของผเู้ รียนดว้ ยเหตผุ ล
4. ผู้เรียนปฏบิ ตั ิตำมคำสงั่ ครูในกำรเปลย่ี นแปลงสง่ิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น

4. ข้อใดไม่ใช่ร่องรอยกำรตอบสนองของผู้เรยี นในกำรเรียนกำรอ่ำนเชงิ วพิ ำกษ์
1. ผเู้ รยี นเลำ่ ถึงสภำพปญั หำในชุมชนของนักเรยี น
2. ผเู้ รียนเชือ่ มโยงสภำพปัญหำสังคมใกล้ตวั กับบทอำ่ น
3. ผเู้ รยี นสนทนำอย่ำงเสรี และอ่ำนตำมควำมสนใจ
4. ผูเ้ รียนเสำะหำมมุ มองทตี่ ่ำงจำกควำมคิดของผเู้ ขยี นที่นำเสนอ

5. ข้อใดเหมำะสมต่อกำรสรำ้ งบรรยำกำศท่ีดีก่อนกำรนเิ ทศ
1. กลำ่ วทกั ทำยดว้ ยมำรยำททำงสงั คม
2. กลำ่ วทกั ทำยและถำมเร่ืองทั่วไปเกีย่ วกับครูผรู้ ับกำรนเิ ทศ
3. สอบถำมควำมคืบหนำ้ ในปญั หำชีวติ ของครผู ้รู บั กำรนเิ ทศ
4. สอบถำมปัญหำกำรจดั กำรจดั เรียนและเร่อื งท่ัวไปในโรงเรียน

6. ขอ้ ใดเหมำะสมในกำรปฏบิ ัติหลังกำรสังเกตกำรณส์ อนก่อนกำรสะท้อนคิดกบั ครูผ้สู อน
1. ให้ครูผรู้ ับกำรนเิ ทศพักผอ่ น
2. หลงั ครผู ู้รบั กำรนเิ ทศผ่อนคลำย เร่มิ ต้นสะท้อนประเดน็ สังเกตกำรณส์ อน
3. ใหค้ รสู ะท้อนจุดเดน่ และจุดพัฒนำของตนเอง โดยผูร้ ับกำรนเิ ทศรับฟัง
4. ชวนสนทนำ แลกเปล่ียนแนวปฏิบตั ิในกำรสอน และบันทึกทุกประเด็น

7. ข้อใดไม่ควรปฏบิ ตั ิระหวำ่ งกำรสังเกตกำรณ์สอน
1. ขดั จังหวะกำรสอนเม่ือมีขอ้ สงั เกต
2. สถำนท่ีนงั่ ควรเป็นหลังชน้ั เรียน
3. กำรระบุประเดน็ ที่จะสังเกตกำรณส์ อน
4. กำรทำควำมเข้ำใจแผนกำรสอนระหว่ำงผูน้ เิ ทศและผ้รู ับกำรนเิ ทศ

58

8. ขอ้ ใดถกู ตอ้ งท่สี ดุ
1. ผ้นู เิ ทศตดั สินจดุ เดน่ /จดุ ท่ีต้องพัฒนำของผู้รบั กำรนเิ ทศ
2. ผรู้ ับกำรนิเทศควรได้รบั โอกำสในกำรสะทอ้ นตนเองก่อน
3. กำหนดกำรนเิ ทศเป็นไปตำมปฏิทินนดั หมำยอยำ่ งเครง่ ครดั
4. ผู้นิเทศกำหนดแนวทำงกำรพฒั นำงำนใหผ้ รู้ ับกำรนิเทศทันทหี ลงั กำรสะท้อนคดิ

9. ประเด็นสำคญั ที่ผรู้ ับกำรนเิ ทศตอ้ งรับรู้กอ่ นกำรนิเทศคือ
1. ประเด็นทจ่ี ะสังเกตกำรณส์ อนและวิธกี ำรเก็บรวบรวมข้อมลู
2. รปู แบบของกำรจดั ทำแผนกำรสอนและกำรวดั และประเมนิ ผล
3. กำรสรำ้ งเครื่องมือนเิ ทศ รูปแบบของกำรนเิ ทศ และกำรสรปุ ผลกำรนิเทศ
4. ผลกำรประเมินกำรนิเทศกำรสอนส่งผลตอ่ ผลกำรปฏบิ ตั ิงำนในโรงเรียนหรือไม่

10. ข้อใดคือลักษณะของกำรปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่ำงครูผสู้ อนและนักเรยี นระหวำ่ งทำกำรสอน
1. ครผู ู้สอนดูแลเอำใจใสผ่ เู้ รยี นทกุ คน
2. ครูผสู้ อนควบคุมช้นั เรียนได้อยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพ
3. ครูผูส้ อนจัดกิจกรรมสนองควำมต้องกำรของผู้เรยี น
4. ครูผสู้ อนตอบคำถำม เสรมิ แรง และอำนวยควำมรแู้ ก่ผูเ้ รยี น

เครื่องมือการนเิ ทศการสอนอ่านเชงิ วพิ ากษ์แบบตรวจสอบรายการ

แบบบันทกึ กำรสังเกตกำรสอนกำรอำ่ นเชิงวพิ ำกษ์

ชอื่ -สกลุ ผ้รู บั กำรนิเทศ...........................................................โรงเรียน................................

ชัน้ ท่ีทำกำรสอน......................................................เน้อื หำ....................................................

วนั เดอื น ปี..........................................................จำนวนเวลำทสี่ งั เกตกำรสอน...............

คำชแี้ จง ระดับกำรประเมนิ 1 ไม่ปรำกฏ 2 เลก็ นอ้ ย 3 ปำนกลำง 4 มำก 5 มำกท่สี ดุ

ที่ รำยกำรประเมิน 12345 หมำยเหตุ

1. กระตุ้นประสบกำรณเ์ ดิมผู้เรยี น

2. กำรใช้คำถำมเชื่อมโยง

ประสบกำรณ์เดมิ กบั บทอ่ำน

59

ท่ี รำยกำรประเมนิ 12345 หมำยเหตุ

3. บทอ่ำนเน้นสภำพปัญหำด้ำน

สงั คมในบรบิ ทของผเู้ รียน

4. กำรสอนคำศัพท์ใหม่ด้วยกำร

ถอดรหัส (Decoding)

5. ส่งเสริมกำรแลกเปลี่ยนควำม

คดิ เห็น ระหว่ำงผ้เู รียน

6. ส่งเสรมิ กำรสร้ำงควำมหมำย

บ ท อ่ ำ น จ ำ ก ก ำ ร ตี ค ว ำ ม ข อ ง

ผูอ้ ่ำน

7. ผู้เรียนประยุกต์ใช้โครงสร้ำงรูป

ประโยคในบทอำ่ นได้

8. ปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงครูและ

นักเรยี น (รำยบุคคล รำยกลุ่ม)

9. จัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ีกระตุ้น

ใ ห้ ร ะ ด ม ค ว ำ ม คิ ด ใ น ก ำ ร

สร้ำงสรรคส์ ังคม

10. ผู้เรียนทุกคนได้มีส่วนร่วมใน

กิจกรรม

11. มีกำรประเมนิ ผู้เรียน -ทำงกำร/ไมเ่ ป็นทำงกำร

ก่อน/ระหวำ่ ง/หลัง เรียน

12. กิจกรรมในช้ันเรียนส่งเสริมให้

ผเู้ รียนไดใ้ ชอ้ งค์ควำมรใู้ นชุมชน

13. จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้

เสนอแนวควำมคิด สะท้อนคิด

แ ล ะ ย อ ม รั บ ค ว ำ ม คิ ด เ ห็ น ท่ี

แตกตำ่ ง

14. ก ำ ร เ ปิ ด โ อ ก ำ ส ใ ช้ ภ ำ ษ ำ

วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ผเู้ รยี น

60

ที่ รำยกำรประเมิน 12345 หมำยเหตุ

ใ น ก ำ ร เ ข้ ำ ใ จ บ ท อ่ ำ น

ภำษำองั กฤษ

15. กำรสรุปองค์ควำมรู้เพ่ือพฒั นำ

ตอ่ ยอด

Total

การจัดทน่ี ั่ง

บันทกึ

..............................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

61

แบบฝึกที่ 1 Micro Teaching โดยใช้เคร่ืองมือการนิเทศการสอนอ่านเชิงวิพากษ์แบบตรวจสอบ
รายการ

เกณฑ์ประเมินคณุ ภำพในปฏบิ ัติ

พฤติกรรมกำร กำรบนั ทึกในแบบ กำรบันทึกเพ่มิ เติม คะแนนรวม ระดับคุณภำพ
นิเทศ ตรวจสอบรำยกำร (10)
(3) 9-10 ดี
(3) (4) 7-8 พอใช้
5-6 ผ่ำน
0-4 ไมผ่ ่ำน

พฤติกรรมกำรนเิ ทศ
1 คะแนน สังเกตกำรณส์ อนหลงั ชน้ั อยำ่ งสงบ
2 คะแนน ก่อนและกำรสังเกตกำรณ์สอนมีปฏสิ ัมพันธ์กับครผู ู้สอน และบนั ทึกกิจกรรมกำรสอน
3 คะแนน กอ่ นและกำรสงั เกตกำรณส์ อนมปี ฏิสมั พันธ์กับครผู สู้ อน บนั ทกึ กจิ กรรมกำรสอน

และแลกเปล่ยี นเรยี นรู้กบั ครผู ู้สอนหลังกำรสอน

กำรบนั ทกึ ในแบบตรวจสอบรำยกำร
1 คะแนน บันทึกแบบตรวจสอบไดค้ รบถ้วนทุกรำยกำร
2 คะแนน บนั ทึกแบบตรวจสอบได้ครบถว้ นทุกรำยกำร และสอดคล้องกับพฤติกรรมกำรสอนของครู
3 คะแนน บันทกึ แบบตรวจสอบไดค้ รบถ้วนทุกรำยกำร สอดคล้องกับพฤติกรรมกำรสอนของครู และมี

ขอ้ สงั เกตเพิ่มเตมิ

กำรบนั ทกึ เพม่ิ เติม
1 คะแนน บนั ทึก 1-2 ประเดน็
2 คะแนน บนั ทกึ มำกกว่ำ 2 ประเด็น
3 คะแนน บนั ทกึ มำกกวำ่ 3 ประเดน็ พร้อมขอ้ เสนอแนะ

62

เครอ่ื งมอื การนเิ ทศการสอนอา่ นเชิงวิพากษแ์ บบบนั ทกึ พฤติกรรมการสอน

แบบบันทึกการนิเทศการสอนการอ่านเชงิ วพิ ากษใ์ นแตล่ ะบทเรยี น

Critical-literacy checklist questions for each lesson

Lesson focus: …………………………………………………………….

The four dimensions model Is it evident? Examples of students’ responses Not evident
ไมม่ รี อ่ งรอย
for critical literacy (มรี อ่ งรอย) (ตวั อยำ่ งของกำรตอบสนองของผ้เู รียน)

(4องค์ประกอบของกำรสอน

อ่ำนเชิงวิพำกษ)์

Disrupting the commonplace

(กำรแตกประเดน็ สำมัญ)

Interrogating multiple views
point
(เสำะหำมุมมองทห่ี ลำกหลำย)

Focusing on socio-political
issues
(เน้นประเดน็ ทำงสงั คม)

Taking Action
(ปฏิบตั กิ ำรเพือ่ กำรเปล่ียนแปลง)

(Adapted from Lewison et al, 2006 ดดั แปลงจำก ลวู สิ ันและคณะ 2006)
(..................................................) Observer

63

แบบฝกึ ท่ี 2 Micro Teaching โดยใช้เคร่อื งมือการนิเทศการสอนอา่ นเชงิ วพิ ากษแ์ บบบนั ทกึ พฤตกิ รรม

การสอน

กำรบนั ทกึ กำรสงั เกตกำรณ์สอน

ระดับคุณภำพ รำยกำรบันทกึ

9-10 ดี ครบทกุ รำยกำร มีรำยละเอียดทุกประเดน็

7-8 พอใช้ ครบทุกรำยกำร มีรำยละเอียดบำงประเด็น

5-6 ผ่ำน ครบทุกรำยกำร รำยละเอยี ดไมค่ รอบคลุม

0-4 ไมผ่ ำ่ น ไม่ครบทกุ รำยกำร

รปู แบบขัน้ ตอนการนเิ ทศแบบคลินกิ

ทบทวนประเด็นในแตล่ ะขนั้ ตอนของการนิเทศแบบคลนิ กิ
1.ขน้ั ตอนกอ่ นการสังเกตการสอน
1.5. กำรสรำ้ งบรรยำกำศทดี่ กี ่อนกำรนิเทศ (Climate Setting)
1.6. กำรทำควำมเขำ้ ใจแผนกำรสอนระหว่ำงผ้นู เิ ทศและผู้รับกำรนิเทศ
(Clarifying lesson plan)
1.7. กำรระบปุ ระเด็นทีจ่ ะสงั เกตกำรณ์สอน (Identifying focus of observation)
1.8. วิธีกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู (Method of collecting evidence)

2.ข้ันตอนการสงั เกตการสอน
2.4. ตกลงร่วมกนั ระหว่ำงผู้นเิ ทศและผู้รับกำรนิเทศในประเดน็ ทจี่ ะทำกำรนิเทศ
2.5. กำหนดเครื่องมือท่ีใช้ในกำรนิเทศ (กำรออกแบบเคร่ืองมือนิเทศควรดำเนิน กำร
ก่อนกำรนเิ ทศ)
2.6. สังเกตกำรณ์สอนตำมประเด็น และเคร่ืองมือท่ีตกลงกนั ระหวำ่ งผรู้ บั กำรนิเทศและผนู้ เิ ทศ

3.ข้นั ตอนหลงั สงั เกตการสอน
3.1 สร้ำงบรรยำกำศทดี่ กี อ่ นกำรใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั
3.2 ใหผ้ ้รู ับกำรนิเทศไดส้ ะทอ้ นจดุ เดน่ และจุดทค่ี วรพฒั นำของตนเอง
3.3 ร่วมหำแนวทำงพฒั นำโดยใช้รอ่ งรอยหลักฐำนประกอบกำรสนทนำและสะท้อนคดิ
3.4 กำหนดเป้ำหมำยในกำรพฒั นำในอนำคต

64

ขอ้ พึงระวังในการสังเกตการณส์ อน
เคร่อื งมือ เหมำะสม สอดคลอ้ งกบั ประเดน็ ทจ่ี ะสงั เกต
บนั ทึกตำมสภำพจริง เกบ็ ข้อมูลครอบคลมุ ประเดน็ ที่สงั เกต
ไม่นำเสนอควำมคดิ เห็นของผู้นเิ ทศ
สถำนทน่ี ั่งควรเปน็ หลังชนั้ เรยี น
ไม่รบกวนและขดั จงั หวะกำรสอน
สังเกตครบกระบวนกำรทต่ี กกนั ก่อนกำรนิเทศ
ระมดั ระวังกำรใช้สีหนำ้ แววตำ อำกปั กริ ิยำ

แบบฝึกท่ี 3 บทบาทสมมตุ ใิ นขน้ั ก่อนการสังเกตการณส์ อน

กำรประเมนิ บทบำทสมมุติ

ระดบั คุณภำพ รำยกำรบนั ทกึ

9-10 ดี ดำเนนิ กำรตำมขน้ั ตอน ส่ือสำรไดด้ ี และเป็น

กัลยำณมิตรกับผู้รบั กำรนิเทศ

7-8 พอใช้ ดำเนินกำรตำมข้ันตอน และสื่อสำรไดด้ ี

5-6 ผำ่ น ดำเนนิ กำรตำมขน้ั ตอนไม่ติดขัด

0-4 ไม่ผ่ำน ติดขัดในกำรสอ่ื สำร ไม่สำมำรถดำเนินกำรตำมขน้ั ตอน

การสะท้อนผลการจดั การเรยี นการสอน

ขั้นหลังกำรสังเกตกำรณ์สอนใช้กำรบันทึกในกำรสะท้อนผลกำรจัดกำรเรียนกำรสอนโดยกำรสร้ำง
บรรยำกำศที่ดีกอ่ นกำรใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั

จดุ เด่น/จุดทีต่ อ้ งพฒั นำของผู้รับกำรนิเทศ หลกั ฐำน ร่องรอย ข้อมลู ท่รี วบรวมได้
จดุ เด่น .......................................................................
.......................................................................
.................................................................... .......................................................................
....................................................................
....................................................................
จดุ ทตี่ อ้ งพฒั นำ
...................................................................

.......

65

แบบฝึกท่ี 4 บทบาทสมมุติในการสะท้อนผลการจัดการเรียนการสอน

กำรประเมินบทบำทสมมุติ

ระดบั คณุ ภำพ รำยกำรบันทึก
9-10 ดี ดำเนินกำรตำมขน้ั ตอน ส่อื สำรได้ดี และเป็น
กลั ยำณมติ รกบั ผรู้ บั กำรนเิ ทศ
7-8 พอใช้ ดำเนนิ กำรตำมขน้ั ตอน และส่ือสำรได้ดี
5-6 ผ่ำน ดำเนนิ กำรตำมขน้ั ตอนไมต่ ิดขัด
0-4 ไม่ผ่ำน ติดขดั ในกำรส่ือสำร ไมส่ ำมำรถดำเนนิ กำรตำมข้ันตอน

66

แบบทดสอบหลังเรยี น

คาช้แี จง เลอื กคำตอบทีถ่ กู ท่สี ุดดว้ ยกำรทำเคร่อื งหมำย X บนตัวเลอื กในกระดำษคำตอบ

1. ขอ้ ใดคือ องค์ประกอบสำคญั ของรำยกำรในเคร่ืองมอื นิเทศแบบตรวจสอบรำยกำร
1. ช่อื ครผู สู้ อน วชิ ำ วนั เดือนปที ี่สอน รำยกำรประเมิน และระดับคุณภำพ
2. ช่อื ครผู สู้ อน วิชำ วนั เดอื นปี จำนวนชั่วโมง ท่สี อน และชือ่ ผู้นิเทศ
3. ชอ่ื ครผู ู้สอน วิชำ วนั เดอื นปีท่ีสอน ระดับคุณภำพ และกำรบนั ทกึ ข้อสังเกต
4. ชอ่ื ครูผูส้ อน วิชำ วันเดือนปที ่ีสอน กำรบันทึกข้อสังเกต และแผนผงั ท่ีน่ังในช้ันเรียน

2. เหตผุ ลของกำรมีรอ่ งรอยกำรจดั ท่นี ัง่ ของนักเรยี นในกำรนิเทศ
1. เพอ่ื รำยละเอยี ดของบรรยำกำศชั้นเรียน
2. เพือ่ บันทกึ กำรเดนิ ควบคุมชน้ั เรียนของครผู สู้ อน
3. เพ่ือเป็นร่องรอยในกำรสะท้อนกำรจดั กจิ กรรมของครู
4. เพอ่ื เปน็ กำรตรวจสอบครูผสู้ อนได้ดำเนินกำรในช้ันเรยี นอย่ำงไรบ้ำง

ใช้ขอ้ มลู ในตำรำงตอบข้อ 3-4

Critical-literacy checklist questions for each lesson

Lesson focus: …………………………………………………………….

The four dimensions Is it evident? Examples of students’ responses Not evident

model for critical (มรี ่องรอย) (ตัวอย่ำงของกำรตอบสนองของผเู้ รียน) ไมม่ ีร่องรอย

literacy

(4องค์ประกอบของกำร

สอนอำ่ นเชิงวพิ ำกษ์)

3. ข้อใดไม่ใช่ร่องรอยในกำรใชอ้ งคป์ ระกอบกำรสอนกำรอ่ำนเชงิ วิพำกษ์
1. นกั เรียนหำข้อสรปุ รว่ มกันเพื่อเปล่ยี นบทอ่ำนให้มีหลำยมมุ มอง
2. กำรตงั้ ประเดน็ คำถำมเชื่อมโยงประสบกำรณ์ผู้เรยี นต่อเรื่องทีอ่ ่ำน
3. กำรสนทนำแลกเปล่ียนมุมมองท่หี ลำกหลำยของผู้เรยี นดว้ ยเหตผุ ล
4. ผเู้ รยี นปฏบิ ตั ิตำมคำสัง่ ครูในกำรเปล่ยี นแปลงสงิ่ แวดล้อมในโรงเรยี น

67

4. ขอ้ ใดไม่ใช่ร่องรอยกำรตอบสนองของผู้เรยี นในกำรเรียนกำรอ่ำนเชิงวพิ ำกษ์
1. ผเู้ รียนเล่ำถึงสภำพปญั หำในชุมชนของนักเรยี น
2. ผู้เรยี นเชือ่ มโยงสภำพปัญหำสังคมใกล้ตวั กับบทอ่ำน
3. ผู้เรยี นสนทนำอยำ่ งเสรี และอ่ำนตำมควำมสนใจ
4. ผู้เรยี นเสำะหำมมุ มองท่ตี ่ำงจำกควำมคิดของผเู้ ขยี นท่นี ำเสนอ

5. ข้อใดเหมำะสมต่อกำรสรำ้ งบรรยำกำศที่ดีก่อนกำรนิเทศ
1. กล่ำวทกั ทำยดว้ ยมำรยำททำงสังคม
2. กลำ่ วทักทำยและถำมเร่ืองทัว่ ไปเก่ียวกบั ครผู รู้ บั กำรนิเทศ
3. สอบถำมควำมคืบหนำ้ ในปญั หำชวี ติ ของครผู ู้รบั กำรนเิ ทศ
4. สอบถำมปัญหำกำรจดั กำรจดั เรยี นและเร่ืองทั่วไปในโรงเรียน

6. ข้อใดเหมำะสมในกำรปฏิบตั หิ ลงั กำรสงั เกตกำรณ์สอนก่อนกำรสะท้อนคดิ กับครูผ้สู อน
1. ให้ครผู ูร้ ับกำรนเิ ทศพักผ่อน
2. หลังครผู รู้ ับกำรนเิ ทศผ่อนคลำย เร่มิ ตน้ สะท้อนประเด็นสงั เกตกำรณ์สอน
3. ให้ครสู ะท้อนจดุ เด่น และจุดพัฒนำของตนเอง โดยผู้รบั กำรนิเทศรบั ฟัง
4. ชวนสนทนำ แลกเปลี่ยนแนวปฏบิ ัตใิ นกำรสอน และบันทึกทุกประเดน็

7. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติระหว่ำงกำรสังเกตกำรณ์สอน
1. ขดั จังหวะกำรสอนเม่ือมีขอ้ สังเกต
2. สถำนท่ีนั่งควรเปน็ หลังชน้ั เรียน
3. กำรระบปุ ระเดน็ ที่จะสงั เกตกำรณ์สอน
4. กำรทำควำมเข้ำใจแผนกำรสอนระหวำ่ งผูน้ เิ ทศและผ้รู บั กำรนเิ ทศ

8. ข้อใดถกู ตอ้ งทส่ี ุด
1. ผู้นิเทศตัดสินจุดเด่น/จดุ ที่ต้องพัฒนำของผู้รบั กำรนเิ ทศ
2. ผรู้ ับกำรนเิ ทศควรได้รับโอกำสในกำรสะทอ้ นตนเองก่อน
3. กำหนดกำรนิเทศเป็นไปตำมปฏทิ ินนดั หมำยอย่ำงเคร่งครดั
4. ผนู้ ิเทศกำหนดแนวทำงกำรพัฒนำงำนใหผ้ รู้ บั กำรนิเทศทันทีหลังกำรสะทอ้ นคดิ

68

9. ประเด็นสำคัญท่ผี รู้ ับกำรนเิ ทศตอ้ งรับรกู้ ่อนกำรนิเทศคือ
1. ประเด็นทีจ่ ะสงั เกตกำรณส์ อนและวิธีกำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
2. รูปแบบของกำรจัดทำแผนกำรสอนและกำรวดั และประเมินผล
3. กำรสรำ้ งเคร่ืองมือนิเทศ รูปแบบของกำรนเิ ทศ และกำรสรปุ ผลกำรนิเทศ
4. ผลกำรประเมินกำรนเิ ทศกำรสอนส่งผลต่อผลกำรปฏิบตั ิงำนในโรงเรียนหรอื ไม่

10. ข้อใดคือลักษณะของกำรปฏิสมั พันธร์ ะหว่ำงครผู ้สู อนและนักเรียนระหว่ำงทำกำรสอน
1. ครูผ้สู อนดูแลเอำใจใสผ่ ู้เรียนทุกคน
2. ครผู ูส้ อนควบคุมชน้ั เรียนได้อยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพ
3. ครผู ้สู อนจัดกจิ กรรมสนองควำมต้องกำรของผ้เู รียน
4. ครูผู้สอนตอบคำถำม เสริมแรง และอำนวยควำมร้แู ก่ผู้เรยี น

69

เฉลย

แบบประเมนิ ตนเองก่อนเรียน 3. (4) 4. (3) 5. (2)
1. (1) 2. (3) 8. (2) 9. (1) 10. (4)
6. (2) 7. (1)

แบบประเมนิ ตนเองหลงั เรยี น 3. (2) 4. (2) 5. (1)
1. (1) 2. (3) 8. (1) 9. (4) 10. (2)
6. (4) 7. (3)

แบบฝกึ ท่ี 1 – 4 คะแนนตำมเกณฑ์ประเมนิ และระดับคุณภำพท่กี ำหนดในแตล่ ะแบบฝึก

70

เอกสารอา้ งอิง

รัตนา นครเทพ. (2552). การนาเสนอรปู แบบการนิเทศภายในโดยการประยกุ ตใ์ ช้แบบกลั ยาณมิตรใน
สถานศึกษาข้นั พ้นื ฐาน. สังกดั สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศกึ ษำอบุ ลรำชธำนีเขต 2.

รงุ่ รัชชดำพร เวหะชำติ. (2557). กำรนเิ ทศกำรศึกษำ. พมิ พค์ รั้งท่ี 5. สงขลำ: เทมกำรพมิ พ.์
วัชรำ เล่ำเรยี นด.ี (2553). การนิเทศการสอน (Supervision of Instruction). นครปฐม: โรงพมิ พ์

มหำวทิ ยำลัยศลิ ปำกร.
วชั รำ เล่ำเรียนด.ี (2556). ศาสตร์การนเิ ทศการสอนและการโค้ช การพัฒนาวิชาชีพ: ทฤษฎี กลยุทธ์ สู่การ

ปฏิบตั ิ. นครปฐม: โรงพมิ พม์ หำวิทยำลัยศิลปำกร.
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพ้ืนฐำน. (2550). คู่มอื ดาเนนิ การพฒั นาหลกั สตู รการพฒั นาผูน้ าการ

เปลีย่ นแปลงเพอ่ื รองรับการกระจายอานาจสาหรับครูและศกึ ษานิเทศก.์ กรุงเทพมหำนคร:
สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและรำชกจิ จำนเุ บกษำ.
สำเรจ็ ยุรชัย และคณะ. (2560). กำรพฒั นำแนวทำงกำรนิเทศภำยในแบบมสี ว่ นรว่ ม สำหรบั สถำนศกึ ษำ
ขนำดเล็ก สงั กัดสำนกั งำนเขตพื้นที่กำรศึกษำประถมศึกษำขอนแก่น เขต 1. วำรสำรวิทยำลัยบณั ฑติ
เอเชยี . ปีที่ 7 ฉบับพิเศษ. (เดอื นพฤศจิกำยน 2560).
สิทธิพล พรมมินทร.์ (2553). รปู แบบกำรนิเทศภำยในโรงเรียน สังกดั สำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศกึ ษำน่ำน เขต 2.

วิทยานพิ นธค์ รศุ าสตร์หาบัณฑติ มหาวิทยาลัยราชภฏั อตุ รดิตถ์.

Lewison, M., Flint, S.A., Sluys,V.K. (2002). Taking on critical literacy: The journey of

newcomers and novices. Language Arts, 79(5), 382-392.

Lewison, M., Leland,C., & Harst, J.C. (2015). Creating critical classroom reading and

writing with an edge. Taylor & Francis.

71


Click to View FlipBook Version