1
พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
แกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓
(ฉบับท่ี 4) พ.ศ. ๒๕62
• บงั คบั ใชว้ นั ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2542 มี 9 หมวด 78 มาตรา
ส่งิ ทต่ี ้องรู้
• นายกรฐั มนตรเี ป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พ.ร.บ. ทุกฉบบั
• เป็นกฎหมายแมบ่ ทว่าด้วยการศกึ ษาแหง่ ชาติ
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจรญิ งอกงามของบุคคลและสังคมโดย
การถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้า
ทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุน
ให้บคุ คลเรยี นรูอ้ ยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวิต
“การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน” หมายความวา่ การศึกษาก่อนระดบั อดุ มศึกษา
“การศึกษาตลอดชีวิต” หมายความว่า การศึกษาท่ีเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาใน
ระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพ่ือให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่าง
ต่อเนือ่ งตลอดชวี ิต
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัย โรงเรียน ศนู ยก์ ารเรียน วทิ ยาลยั สถาบัน
มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐหรือของเอกชน ท่ีมีอานาจหน้าท่ีหรือมี
วัตถปุ ระสงค์ในการจดั การศึกษา
“สถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน” หมายความว่า สถานศกึ ษาทจี่ ดั การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน
“มาตรฐานการศึกษา” หมายความว่า ข้อกาหนดเก่ียวกับคุณลักษณะ คุณภาพ ที่พึงประสงค์
และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพ่ือใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสาหรับ
การส่งเสริมและกากับดแู ล การตรวจสอบ การประเมินผล และการประกันคณุ ภาพทางการศึกษา
2
(แทรก) กฎกระทรวง การประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
“การประกันคุณภาพการศึกษา” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบ
คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา แต่ละระดับและประเภทการศึกษา โดยมีกลไกใน
การควบคุม ตรวจสอบ ระบบการบริหารคุณภาพการศึกษาที่สถานศึกษาจัดขึ้น เพ่ือให้เกิดการพัฒนา
และสร้างความเชื่อม่นั ให้แก่ผู้มีส่วนเกยี่ วขอ้ งและสาธารณชนว่าสถานศึกษาน้ัน สามารถจัดการศึกษา
ได้อย่างมีคุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษา และบรรลุเป้าประสงค์ของหน่วยงานต้นสังกัดหรือ
หนว่ ยงานที่กากับดแู ล
ข้อ ๓ ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
โดยการกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาแต่ละระดับ
และประเภทการศึกษาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศกาหนด พร้อมทั้งจัดทา
แผนพัฒนา การจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาและดาเนินการตาม
แผนที่กาหนดไว้ จัดให้มีการประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ติดตามผล
การดาเนินการ เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาและจัดส่งรายงานผลการ
ประเมนิ ตนเอง ใหแ้ ก่หนว่ ยงานต้นสงั กัดหรอื หน่วยงานทีก่ ากบั ดแู ลสถานศกึ ษาเปน็ ประจาทุกปี
เพื่อให้การดาเนินการประกันคุณภาพการศึกษาตามวรรคหนึ่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้
หน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่กากับดูแลสถานศึกษามีหน้าที่ในการให้คาปรึกษา ช่วยเหลือ และ
แนะนาสถานศึกษาเพื่อให้การประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาพัฒนาอย่างต่อเน่ือง (จบการ
แทรกกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ )
“การประกันคุณภาพภายใน” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพ
และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรือโดย
หน่วยงานตน้ สงั กดั ท่ีมีหนา้ ที่กากบั ดูแลสถานศึกษาน้ัน
“การประกันคุณภาพภายนอก” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบ
คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสานักงานรับรองมาตรฐานและ
ประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.)(องค์การมหาชน)หรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกท่ีสานักงาน
ดังกล่าวรับรอง เพ่ือเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษา
“ผสู้ อน” หมายความวา่ ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ
“คร”ู หมายความว่า บุคลากรวชิ าชพี ซึ่งทาหน้าท่ีหลกั ทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริม
การเรยี นรูข้ องผู้เรียนด้วยวธิ กี ารต่าง ๆ ในสถานศกึ ษาท้ังของรัฐและเอกชน
3
“คณาจารย์” หมายความว่า บุคลากรซึ่งทาหน้าท่ีหลักทางด้านการสอนและการวิจัยใน
สถานศกึ ษาระดบั อดุ มศกึ ษาระดบั ปริญญาของรัฐและเอกชน
“ผ้บู ริหารสถานศึกษา” หมายความว่า บคุ ลากรวชิ าชีพท่ีรบั ผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละ
แหง่ ท้ังของรัฐและเอกชน
“ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอก
สถานศกึ ษาต้งั แต่ระดับเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาขึ้นไป
“บุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมท้ัง
ผู้สนับสนุนการศึกษาซ่ึงเป็นผู้ทาหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเน่ืองกับการจัดกระบวนการเรียน
การสอน การนเิ ทศ และการบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานการศึกษาต่าง ๆ
สงิ่ ทตี่ อ้ งรู้
• ระวังนิยามของ “การศกึ ษา” ให้ด.ี ...โจทยจ์ ะถามวา่ ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ วามหมายของการศกึ ษา......
การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์
ความรอู้ นั เกดิ จากการจดั สภาพแวดล้อม สังคม เปน็ ความหมายของการศกึ ษานะครับ.....แต.่ .
การสง่ั สอน...ไม่ใช่ความหมายของการศึกษาตาม พ.ร.บ.นีน้ ะครับ
• ท่องความหมายของ การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน คือ การศกึ ษากอ่ นระดบั อุดมศกึ ษา...........ในปี
พ.ศ. 2558 ออกตวั เลือกหลอกมาว่าเปน็ ปวส. ครับ !!!
• การศึกษาตลอดชวี ติ คอื ผสมสามอย่าง ได้แก่ ในระบบ +นอกระบบ+ อัธยาศัยความหมาย
ของสถานศกึ ษาใหจ้ าสามตัวแรกเรียงกันเลย คือ สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัย โรงเรยี น ศนู ยก์ าร
เรยี น....เพราะจะเกิดประโยชนส์ องต่อในมาตราท่ี 18 อกี ทีครับ.....และสงั เกตว่า พรบ.
การศกึ ษาแห่งชาติ 2542 นจี้ ะรวมมหาวิทยาลัยไวด้ ว้ ย ...แต่ความหมายของสถานศกึ ษาตาม
พรบ.ระเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา 2547 จะไมร่ วมถึง มหาวิทยาลัย....
เพราะในมหาวทิ ยาลัยไมม่ ขี ้าราชการครู !!!....มแี ต่คณาจารย์
• คาสาคญั ของ มาตรฐานการศกึ ษา คือ คาว่า คุณลักษณะ,เทียบเคยี ง.........เจอสองคานี้ทไ่ี หน
จะหมายถึง มาตรฐานการศึกษา
4
สิง่ ทีต่ อ้ งรู้
• ประกนั ภายใน โรงเรยี นต้องทาโดยบคุ ลากรของสถานศกึ ษาน้ันทุกปี และหน่วยงานต้นสงั กดั
จะเข้ามากากับดแู ลอยา่ งน้อย 1 คร้ังในทกุ 3 ปี
• ประกันภายนอก จะมี สมศ. หรือ บุคคลทส่ี มศ.รบั รอง หรอื หนว่ ยงานทสี่ มศ.รบั รอง เขา้ มา
ตรวจสอบอย่างน้อย 1 คร้ังในทุก 5 ป.ี ...
• ครู ผบู้ ริหารสถานศึกษา ผบู้ ริหารการศกึ ษา เป็นบุคลากรวิชาชีพ
• คณาจารย์เป็นบคุ ลากร......แต่ไมม่ ีคาว่าวิชาชีพ !!!
• ความหมายของผู้บริหาร จะมคี าวา่ รับผิดชอบ .....นอกนน้ั จะไม่มีคาวา่ รบั ผิดชอบ
• ครูทาหนา้ ที่ 2 อยา่ ง คือ 1.ดา้ นการเรยี นการสอน 2. ดา้ นสง่ เสรมิ การเรยี นรู้
• ระวัง..!! ครู ....ไม่ใชบ่ ุคลากรทางการศึกษานะครับ !!!
หมวด ๑
บทท่ัวไป
ความมงุ่ หมายและหลกั การ
มาตรา ๖ การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกาย
จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับ
ผู้อ่นื ได้อย่างมีความสขุ
มาตรา ๗ ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสานึกท่ีถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข รจู้ ักรักษาและสง่ เสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ
ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย
รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมท้ังส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ
การกีฬา ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น ภูมปิ ัญญาไทย และความรอู้ นั เปน็ สากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพ รู้จักพ่ึงตนเอง มีความริเร่ิมสร้างสรรค์ ใฝ่รู้และ
เรียนรดู้ ว้ ยตนเองอย่างตอ่ เน่อื ง
มาตรา ๘ การจัดการศึกษาใหย้ ดึ หลักดังนี้ ….ทอ่ งจา
(๑) เปน็ การศกึ ษาตลอดชีวติ สาหรับประชาชน
(๒) ให้สงั คมมีสว่ นร่วมในการจัดการศกึ ษา
(๓) การพฒั นาสาระและกระบวนการเรยี นรใู้ ห้เปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอื่ ง
5
สิง่ ท่ตี อ้ งรู้
• มาตรา 6 คอื ความมุง่ หมายของการจดั การศึกษา ระวัง..!! ไมใ่ ช่จุดมุง่ หมายของการศกึ ษา
• มาตรา 7 คือ กระบวนการเรียนรู.้ ..........สทิ ธ์ิ หน้าที่ ระบอบประชาธิปไตย
• มาตรา 8 คอื หลักการจัดการศกึ ษา .......ให้ท่องจาทั้งสามข้อยอ่ ยใหแ้ มน่ ยาใหม้ ากๆ ออก
ขอ้ สอบทุกครั้ง !!!
• ระวงั !!!...มาตรา 8 วรรค 3 โจทย์จะหลอกว่า....การพัฒนาสาระการเรยี นรู้และกระบวนการ
เรียนรู้ใหเ้ ป็นไปอยา่ งต่อเนือ่ ง....หรือหลอกว่าการพฒั นาสาระและการจัดการเรยี นรใู้ ห้เป็นไป
อยา่ งตอ่ เนื่อง
มาตรา ๙ การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจดั การศกึ ษา ให้ยึดหลกั ดงั น้ี
(๑) มเี อกภาพดา้ นนโยบาย และมคี วามหลากหลายในการปฏิบตั ิ
(๒) มีการกระจายอานาจไปสู่เขตพ้ืนท่ีการศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วน
ทอ้ งถิ่น
(๓) มีการกาหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับ
และประเภทการศกึ ษา
(๔) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และ
การพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษาอย่างต่อเนอื่ ง
(๕) ระดมทรัพยากรจากแหลง่ ตา่ ง ๆ มาใชใ้ นการจัดการศกึ ษา
(๖) การมสี ว่ นรว่ มของบคุ คล ครอบครัว ชมุ ชน องค์กรชุมชน องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น
เอกชน องคก์ รเอกชน องคก์ รวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสงั คมอื่น
ส่งิ ทต่ี อ้ งรู้
• ดคู าทข่ี ดี เส้นใต้ จะเป็นคาสาคญั ในการจาเป็นสตู รของมาตรา 9 โดยเฉพาะ ดังน้ี
“ เอก กระจาย มาตร เสริม ระดม รว่ ม “
• มาตรา 9 วรรค 2 พูดถงึ เร่ืองกระจายอานาจไปที่ เขตพ้นื ท่ีการศึกษา สถานศกึ ษา และ อปท.
ท่องจาใหด้ .ี ...........ซ่ึงต่างจากมาตรา 39 จะกระจายอานาจไปที่ คณะกรรมการศกึ ษาธกิ าร
จังหวดั สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา และสถานศกึ ษา.......ระวัง!!! ถา้ โจทยถ์ ามการกระจาย
อานาจ ตอ้ งดวู ่ากระจายอานาจตามมาตราใด
6
....แนวข้อสอบ...
ข้อใดเป็นความมงุ่ หมายของการจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
ก.เพื่อพัฒนาคนไทยใหเ้ ป็นมนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณ์
ข.เพอื่ พัฒนาผ้เู รียนให้เป็นมนษุ ย์ท่ีสมบรู ณ์
ค.เพอ่ื พฒั นาประชาชนไทยให้เปน็ มนษุ ย์ทส่ี มบูรณ์
ง.เพ่อื พฒั นาคนไทยให้เปน็ มนุษย์ทีส่ มดุล
หมวด ๒
เฉลย ก.เพอื่ พัฒนาคนไทยใหเ้ ปสน็ิทมธนแิ ษุละยหท์ น่ีสม้าทบ่ีทรู ณาง์ การศกึ ษา
มาตรา ๑๐ การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับ
การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานไม่นอ้ ยกว่าสิบสองปที ่ีรัฐตอ้ งจดั ให้อยา่ งทว่ั ถงึ และมีคุณภาพโดยไม่เก็บคา่ ใชจ้ ่าย
การจัดการศึกษาสาหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์
สังคม การส่ือสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพ่ึงตนเอง
ได้หรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาข้ันพื้นฐาน
เปน็ พิเศษ
การศกึ ษาสาหรับคนพิการในวรรคสอง ให้จัดตง้ั แต่แรกเกิดหรอื พบความพิการโดยไม่เสยี
ค่าใช้จ่าย และให้บุคคลดังกลา่ วมีสทิ ธิได้รับสิ่งอานวยความสะดวก ส่ือ บริการ และความช่วยเหลืออืน่ ใด
ทางการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการท่กี าหนดในกฎกระทรวง
การจัดการศึกษาสาหรับบุคคลซึ่งมีความสามารถพิเศษ ต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม
โดยคานงึ ถงึ ความสามารถของบคุ คลนน้ั
7
สิ่งทต่ี อ้ งรู้
• มาตรา 10 พดู เรือ่ ง สิทธแิ ละโอกาสในการรบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน....ที่เนน้ ใช้คาวา่ ....ไม่น้อยกวา่
สิบสองปี...น่นั หมายความว่า รัฐจะจดั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน 12 ปีพอดกี ็ได้ จะจดั 13 ปีกไ็ ด้ หรอื
14 ปีก็ได้ ไม่ผิด !!!...แต่หา้ มต่ากวา่ 12 ปี....และมีคาสาคญั คอื ....ท่ัวถึง , มีคุณภาพ , ไมเ่ กบ็
คา่ ใชจ้ า่ ย
• ระวัง.!!!.....จาและจับคูค่ าเหลา่ นไ้ี ว้ครับ................
• คนบกพร่อง ตอ้ งจดั เป็นพเิ ศษ
• คนพกิ าร ต้องจัด ตั้งแตแ่ รกเกิดหรือพบความพิการ
• คนที่มคี วามสามารถพิเศษ ตอ้ งจัด รูปแบบที่เหมาะสม
• คนพกิ ารจะได้รบั สทิ ธอิ ะไร ใหด้ ูในกฎกระทรวง.......ระวงั !!!...โจทย์จะหลอกเป็นประกาศ
กระทรวง.....หรือระเบียบ สพฐ.....
• มาตรา 11 กบั มาตรา 17 จะตอ้ งดูคกู่ นั ......กลา่ วถึงหนา้ ท่ีของผปู้ กครองทจี่ ะต้องสง่ ลูกเขา้ เรียน
ในการศึกษาภาคบังคับ
• ระวัง.!!!....... การศกึ ษาภาคบงั คบั หมายถงึ กฎหมายบังคับให้ผู้ปกครองสง่ ลูกเขา้ เรียน เป็นหน้าท่ี
ของผู้ปกครองที่ต้องสง่ ลกู เข้าเรียน......ไมใ่ ช่สทิ ธิของผู้ปกครอง..........เป็นหน้าที่ ไม่ใช่สิทธิ…ถ้าไม่
สง่ ลูกเข้าเรยี น...ถูกปรบั ไมเ่ กิน 1,000 บาท
• ถ้าเด็กเรียนจบ ม.3 แล้ว ต้องการเรียนต่อ ข้ึนอยูก่ บั ....ความพรอ้ มของครอบครัว.....ระวัง!!!
โจทย์จะหลอกเป็นตามความพร้อมของนักเรียน
มาตรา ๑๑ บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าท่ีจัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับ
การศึกษาภาคบังคับตามมาตรา ๑๗ และตามกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องตลอดจนให้ได้รับการศึกษา
นอกเหนอื จากการศกึ ษาภาคบงั คับ ตามความพรอ้ มของครอบครัว
มาตรา ๑๒ นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ให้บุคคล ครอบครัว
องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืน มี
สทิ ธใิ นการจดั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน ทงั้ นี้ ใหเ้ ป็นไปตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง
8
มาตรา ๑๓ บดิ า มารดา หรอื ผูป้ กครองมสี ิทธิได้รบั สิทธิประโยชน์ ดังตอ่ ไปน้ี
(๑) การสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ความสามารถในการอบรมเล้ียงดู และการให้การศึกษาแก่
บตุ รหรือบุคคลซ่งึ อย่ใู นความดแู ล
(๒) เงินอุดหนุนจากรัฐสาหรับการจัดการศึกษาขั้นพนื้ ฐานของบุตรหรือบุคคลซ่ึงอยู่ในความดแู ล
ทีค่ รอบครัวจัดให้ ทัง้ นี้ ตามทีก่ ฎหมายกาหนด
(๓) การลดหยอ่ นหรอื ยกเว้นภาษีสาหรบั ค่าใช้จา่ ยการศกึ ษาตามทีก่ ฎหมายกาหนด
มาตรา ๑๔ บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา
สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืน ซ่ึงสนับสนุนหรือจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีสิทธิได้รับสิทธิ
ประโยชน์ตามควรแกก่ รณี ดังตอ่ ไปน้ี
(๑) การสนับสนุนจากรัฐให้มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดูบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล
รับผดิ ชอบ
(๒) เงนิ อุดหนนุ จากรัฐสาหรับการจัดการศึกษาข้นั พน้ื ฐานตามท่ีกฎหมายกาหนด
(๓) การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษสี าหรบั คา่ ใชจ้ า่ ยการศกึ ษาตามทีก่ ฎหมายกาหนด
ส่งิ ทีต่ ้องรู้
• มาตรา 13 และมาตรา 14 สรปุ รวมว่า บิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคล ครอบครัว ชมุ ชน องค์กร
วิชาชีพ ........มสี ิทธไิ ด้รับ 3 อยา่ ง ดังนี้
• 1.การสนับสนุนจากรัฐ............. ใหม้ ีความรู้
• 2.ไดร้ ับเงนิ อุดหนุนจากรัฐสาหรับการจดั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานเท่าน้ัน...ระวัง!!!.....โจทยจ์ ะหลอก
เป็น ...ได้รบั เงินอดุ หนนุ จากรัฐสาหรบั คา่ ใชจ้ ่ายท่ัวไปของบตุ ร……ไม่ใช่ท่ัวไปนะครับ
• 3.การลดหยอ่ นหรือยกเวน้ ภาษีสาหรับคา่ ใช้จ่ายการศกึ ษา...ระวงั !!!..โจทย์จะหลอกเป็นการ
ลดหยอ่ นภาษหี รอื ยกเว้นภาษสี าหรบั คา่ ใช้จา่ ยทัว่ ไป........ไม่ใชท่ ว่ั ไปนะครับ
หมวด ๓
ระบบการศึกษา
มาตรา ๑๕ การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และ
การศกึ ษาตามอธั ยาศยั
(๑) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาท่ีกาหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา
ของการศกึ ษา การวดั และประเมินผล ซึง่ เป็นเง่อื นไขของการสาเร็จการศึกษาท่ีแน่นอน
9
(๒) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาท่ีมีความยืดหยุ่นในการกาหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ
วธิ กี ารจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศกึ ษา การวัดและประเมนิ ผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสาคญั ของการสาเร็จ
การศึกษา โดยเนอ้ื หาและหลักสตู รจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปญั หาและความต้องการ
ของบุคคลแต่ละกลุ่ม
(๓) การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาท่ีให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ
ศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม สื่อ หรือ
แหล่งความรอู้ น่ื ๆ
"สถานศกึ ษาอาจจดั การศึกษาในรูปแบบใดรปู แบบหนง่ึ หรือท้ังสามรูปแบบก็ได้"
ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ ไม่
ว่าจะเป็นผลการเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมท้ังจากการเรียนรู้นอกระบบ ตาม
อัธยาศยั การฝึกอาชพี หรือจากประสบการณ์การทางาน
สง่ิ ทตี่ อ้ งรู้
• มาตรา 15 การจดั การศึกษามี 3 รปู แบบ คือ ในระบบ นอกระบบ อัธยาศัย
• การศกึ ษาในระบบ มคี าสาคัญ คือ เง่ือนไขการสาเร็จการศึกษาท่ีแนน่ อน
• การศกึ ษานอกระบบ มีคาสาคัญ คอื มคี วามยืดหย่นุ
• การศึกษาตามอธั ยาศัยมคี าสาคัญ คือ ตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส
• จาประโยคทัง้ สามต่อไปนี้ไว้ครบั ........แสดงถงึ สิทธใิ นการจัดการศึกษาของ สถานศกึ ษา อปท. และเอกชน
• มาตรา 15 สถานศึกษา อาจจัดการศึกษารปู แบบใดรูปแบบหน่ึงหรือทั้งสามรูปแบบกไ็ ด้
• มาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ มีสิทธิจดั การศึกษาในระดบั ใดระดับหนึ่งหรือทกุ ระดบั
• มาตรา 45 สถานศกึ ษาเอกชน จัดการศึกษาไดท้ ุกระดับและทุกประเภท
10
มาตรา ๑๖ การศึกษาในระบบมีสองระดับ คือ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และการศึกษา
ระดับอดุ มศกึ ษา
การศึกษาขั้นพนื้ ฐานประกอบด้วย การศกึ ษาซ่ึงจัดไม่นอ้ ยกว่าสิบสองปีกอ่ นระดับอดุ มศึกษา การ
แบง่ ระดับและประเภทของการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน ใหเ้ ป็นไปตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง
การศกึ ษาระดับอุดมศึกษาแบ่งเปน็ สองระดับ คือ ระดับต่ากวา่ ปริญญา และระดับปรญิ ญา
การแบ่งระดับหรือการเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัย ให้เป็นไป
ตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๗ ให้มีการศึกษาภาคบังคบั จานวนเกา้ ปี โดยใหเ้ ดก็ ซ่งึ มีอายุย่างเขา้ ปีที่เจ็ด เข้าเรยี นใน
สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานจนอายุย่างเข้าปีท่ีสิบหก เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ
หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารนับอายุให้เป็นไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๘ การจดั การศกึ ษาปฐมวยั และการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานใหจ้ ดั ในสถานศึกษา ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์
ของสถาบันศาสนา ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มของเด็กพิการและเด็กซ่ึงมีความต้องการพิเศษ
หรอื สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ทเี่ รียกช่ืออย่างอ่ืน
(๒) โรงเรยี น ได้แก่ โรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนทส่ี งั กัดสถาบนั พุทธศาสนาหรือ
ศาสนาอ่นื
(๓) ศูนย์การเรียน ได้แก่ สถานที่เรียนท่ีหน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล ครอบครัว
ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ... .....สถาบันศาสนา
สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบนั สังคมอื่นเปน็ ผ้จู ดั
...แนวข้อสอบ... ข.ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กก่อนเกณฑ์ของสถาบนั ศาสนา
ข้อใดเป็นศนู ย์การเรียน ง.โรงพยาบาล
ก.ศนู ย์พฒั นาเด็กเล็ก
ค.โรงเรยี นของรฐั
เฉลย ง. โรงพยาบาล
11
...แนวขอ้ สอบ...
ขอ้ ใด ผทู้ ป่ี ฏิบตั ิงานดา้ นการสอนต้องมใี บอนญุ าตประกอบวิชาชพี ครู
ก.องค์กรชมุ ชน ข.องคก์ รเอกชน
ค.ศนู ยพ์ ัฒนาเด็กเลก็ ง.สถาบนั ทางการแพทย์
เฉลย ค.ศูนย์พฒั นาเด็กเลก็
ส่ิงทตี่ อ้ งรู้
• มาตรา 16 การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ คือ ขัน้ พนื้ ฐาน + อุดมศกึ ษา.......ระวงั !! โจทยจ์ ะหลอกเป็น ประถมกบั
มธั ยม หรอื ไมก่ ็หลอกเป็น สามญั กบั อาชีวศกึ ษา หรอื ไมก่ ็หลอกเป็นกอ่ นอดุ มศกึ ษากบั อดุ มศกึ ษา
• มาตรา 16 ในระดบั อุดมศกึ ษากแ็ บ่งเป็ น 2 ระดับอกี คอื ระดับปรญิ ญาและต่ากว่าปริญญา ระวงั โจทยจ์ ะหลอก
เป็นระดบั ปรญิ ญาตรแี ละสงู กวา่ ปรญิ ญาตรี
• มาตรา 17 ตอ้ งอา่ นคกู่ บั มาตรา 11 ครบั เป็นเรอ่ื งการศกึ ษาภาคบงั คบั เหมอื นกนั .....โดยท่ีการศกึ ษาภาคบงั คบั จานวน 9
ปี แตถ่ า้ การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานจะใชค้ าวา่ ....ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 ปี…
• มาตรา 17 ใหจ้ าประโยคทว่ี า่ ...
ใหเ้ ดก็ ซง่ึ มีอายยุ า่ งเขา้ ปีท่ี 7 เขา้ เรยี นในสถานศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานจนอายยุ า่ งเขา้ ปีที่ 16 เวน้ แตส่ อบไดช้ นั้ ปี ทเี่ ก้าของ
การศกึ ษาภาคบงั คับ…………….(ถกู )
ระวงั !!!........โจทยจ์ ะหลอกเป็น
ใหเ้ ดก็ ซงึ่ มอี ายยุ า่ งเขา้ ปีท่ี 7 เขา้ เรยี นในสถานศกึ ษาภาคบงั คับจนอายยุ า่ งเขา้ ปีท่ี 16 เวน้ แตส่ อบไดช้ ้นั มัธยมศึกษาปี
ท่ี 3 ของการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน……(ผิด)
• มาตรา 18 จะมี 3 วรรค คอื 1.สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั 2.โรงเรยี น 3.ศนู ยก์ ารเรยี น
• มาตรา 18 ควรอา่ นคกู่ บั มาตรา 40 (คณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน) และมาตรา 53 (ใบอนญุ าตประกอบ
วชิ าชีพ)..... โดยดวู า่ วรรคใดตอ้ งมีใบอนญุ าตหรอื มคี ณะกรรมการสถานศกึ ษาบา้ ง ซงึ่ สรุปไดด้ งั นี้
•
1.สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ตอ้ งมใี บอนุญาตประกอบวชิ าชพี
2.โรงเรียน ต้องมีใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี + คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั
พืน้ ฐาน
3.ศนู ยก์ ารเรยี น ไม่ตอ้ งมีอะไรเลย
12
• การคานวณวา่ เดก็ จะตอ้ งเขา้ เรียนการศกึ ษาภาคบงั คบั (ป.1)ในปี พ.ศ.ใด ใหน้ าปี พ.ศ.ท่ีเดก็ เกิดบวก
ดว้ ย 7 เชน่ เด็กเกิดปี พ.ศ. 2563 ดงั นนั้ ผปู้ กครองตอ้ งสง่ เดก็ เข้าเรียน ป.1 ในปี พ.ศ. 2563 +7 =
2570
มาตรา ๑๙ การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้จัดในมหาวิทยาลัย สถาบัน วิทยาลัย หรือ
หนว่ ยงานที่เรียกช่ืออย่างอ่ืน ทงั้ นี้ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายเกย่ี วกับสถานศึกษาระดับอดุ มศึกษา กฎหมาย
วา่ ด้วยการจดั ตง้ั สถานศึกษาน้ัน ๆ และกฎหมายท่ีเกยี่ วขอ้ ง
มาตรา ๒๐ การจดั การอาชีวศึกษา การฝึกอบรมวชิ าชพี ใหจ้ ัดในสถานศึกษาของรฐั สถานศึกษา
ของเอกชน สถานประกอบการ หรือโดยความร่วมมือระหว่างสถานศกึ ษากับสถานประกอบการ ท้ังน้ี ให้
เป็นไปตามกฎหมายว่าดว้ ยการอาชีวศึกษาและกฎหมายทเ่ี กีย่ วข้อง
มาตรา ๒๑ กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอ่ืนของรัฐ อาจจัดการศึกษา
เฉพาะทางตามความต้องการและความชานาญของหน่วยงานนั้นได้ โดยคานึงถึงนโยบายและมาตรฐาน
การศึกษาของชาติ ท้งั น้ี ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่อื นไขทก่ี าหนดในกฎกระทรวง
หมวด ๔
แนวการจดั การศกึ ษา
มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา
ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถ
พฒั นาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศักยภาพ
มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษา ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตาม
อัธยาศัย ต้องเน้นความสาคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความ
เหมาะสมของแต่ละระดบั การศกึ ษาในเรอื่ งตอ่ ไปน้ี
(๑) ความรู้เร่ืองเกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน
ชาติ และสังคมโลก รวมถึงความรู้เก่ียวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสังคมไทยและระบบการเมือง
การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ
(๒) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ความเข้าใจและ
ประสบการณ์เรื่องการจัดการ การบารุงรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและ
สงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งสมดลุ ย่ังยนื
(๓) ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย และการประยุกต์ใช้ภูมิ
ปัญญา
(๔) ความรู้ และทกั ษะดา้ นคณิตศาสตร์ และดา้ นภาษา เนน้ การใชภ้ าษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ ง
(๕) ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพและการดารงชวี ติ อย่างมคี วามสขุ
13
สงิ่ ทต่ี ้องรู้
• มาตรา 22 เป็นหวั ใจสาคญั ของการจดั การเรียนรูท้ ่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั Child Center
• มาตรา 23 ทาใหเ้ กิด 8 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ และเนน้ ใหจ้ ดั แบบบูรณาการ
• มาตรา 23 เนน้ การใชภ้ าษาไทยใหถ้ กู ตอ้ ง และสอดคลอ้ งกบั นโยบายใหเ้ ดก็ ป.1 อ่านออก เขียนได้
• มาตรา 23 เนน้ ความรู้ (K) คุณธรรม(A) กระบวนการเรยี นรู้ (P) สอดคลอ้ งกบั มาตรา 6 ความมงุ่
หมายการจดั การศกึ ษา
มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ให้สถานศกึ ษาและหนว่ ยงานที่เกย่ี วข้องดาเนนิ การ
ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) จัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดย
คานงึ ถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
(๒) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้
เพือ่ ป้องกนั และแก้ไขปัญหา
(๓) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเป็น
รักการอา่ นและเกิดการใฝ่รู้อยา่ งตอ่ เนือ่ ง
(๔) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน
รวมทง้ั ปลูกฝังคณุ ธรรม ค่านิยมทีด่ ีงามและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคไ์ วใ้ นทุกวชิ า
(๕) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอานวย
ความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมคี วามรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหน่ึงของ
กระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอนและแหล่ง
วทิ ยาการประเภทตา่ ง ๆ
(๖) จัดการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนได้ทุกเวลาทุกสถานท่ี มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา
ผปู้ กครอง และบุคคลในชมุ ชนทกุ ฝ่าย เพื่อร่วมกนั พัฒนาผ้เู รียนตามศักยภาพ
มาตรา ๒๕ รัฐต้องส่งเสริมการดาเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ
ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬาและนันทนาการ แหล่งข้อมูล และแหล่งการเรียนรู้อ่ืนอย่าง
พอเพียงและมีประสทิ ธิภาพ
14
มาตรา ๒๖ ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความ
ประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียน
การสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรปู แบบการศึกษา
ให้สถานศึกษาใช้วธิ ีการที่หลากหลายในการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อ และให้นาผลการประเมนิ
ผเู้ รยี นตามวรรคหน่ึงมาใช้ประกอบการพิจารณาดว้ ย
ส่งิ ทตี่ อ้ งรู้
• มาตรา 24 เนน้ การจัดการเรียนรูต้ ามสภาพจรงิ และเน้นให้ผ้เู รยี นสามารถทาวิจัยด้วยตนเองได้ สอดคล้อง
กบั รายวชิ า IS ของโรงเรียน
มาตรา ๒๗ ใหค้ ณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน(กพฐ.)กาหนดหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา
ข้นั พ้ืนฐานเพ่อื ความเป็นไทย ความเปน็ พลเมอื งที่ดขี องชาติ การดารงชีวิต และการประกอบอาชพี
ตลอดจนเพอ่ื การศึกษาตอ่
ใหส้ ถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐานมหี นา้ ที่จดั ทาสาระของหลักสตู รตามวตั ถปุ ระสงค์ในวรรคหนง่ึ ในส่วน
ท่เี ก่ยี วกบั สภาพปญั หาในชุมชนและสังคม ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคเ์ พ่อื เปน็ สมาชิกท่ี
ดีของครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
ส่ิงทต่ี อ้ งรู้
• มาตรา 25 กลา่ วถึงรฐั ตอ้ งจดั แหลง่ เรยี นรู้ ......ระวงั !!! ศนู ยก์ ีฬาและนนั ทนาการ ก็เป็นแหลง่ เรยี นรูด้ ว้ ย และสถานท่ีใดจะ
เป็นแหลง่ เรยี นรูต้ อ้ งไดร้ บั การประกาศสานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาตามมาตรา 4 พรบ.ระเบียบขา้ ราชการครูและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษา 2547 ในเรอื่ งนยิ ามของหนว่ ยงานการศกึ ษา
• มาตรา 26 กลา่ วถึงการประเมนิ ผเู้ รยี น โดยเรยี งตามความสาคญั เป็นสตู ร ดงั นี้
พฒั พฤติ สงั ร่วม สอบ
โดยใหค้ วามสาคญั ตอ่ พฒั นาการของผเู้ รยี นมากทสี่ ดุ และใหค้ วามสาคญั กบั การสอบนอ้ ยที่สดุ .......และ ตอ้ งใชว้ ธิ ี
ประเมนิ ทห่ี ลากหลาย
• มาตรา 26 ไมไ่ ดก้ ลา่ วถงึ เวลาเรยี น แตเ่ วลาเรยี นจะกลา่ วถึงในระเบยี บการวัดผล......
• มาตรา 27 คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน (กพฐ.) เป็นผกู้ าหนดหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 2551
ระวงั !!!.....กพฐ. กาหนดนะครบั โจทยจ์ ะหลอกวา่ สพฐ.กาหนด...
15
• มาตรา 27 กลา่ วถึงการกาหนดจดุ มงุ่ หมายของการทาหลกั สตู รแกนกลาง ทอ่ งเป็นสตู รไดด้ งั นี้
ไทย ดี ชี ชีพ ษา
• มาตรา 27 .....ใหร้ ะวงั คาถามวา่ ใครมหี นา้ ที่จดั ทาสาระหลกั สูตร ตอบ สถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน
มาตรา ๒๘ หลักสูตรการศึกษาระดับต่าง ๆ รวมทั้งหลักสูตรการศึกษาสาหรับบุคคลตามมาตรา
๑๐ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ ต้องมีลักษณะหลากหลาย ท้ังน้ี ให้จัดตามความเหมาะสมของแต่
ละระดับโดยมุง่ พัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของบคุ คลให้เหมาะสมแก่วัยและศักยภาพ
สาระของหลกั สตู ร ทั้งท่เี ป็นวิชาการ และวชิ าชีพ ต้องมุง่ พัฒนาคนให้มีความสมดุล ท้ังดา้ น
ความรู้ ความคดิ ความสามารถ ความดงี าม และความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม
สาหรบั หลกั สูตรการศึกษาระดบั อดุ มศกึ ษา นอกจากคณุ ลักษณะในวรรคหนงึ่ และวรรคสอง
แล้วยงั มคี วามมงุ่ หมายเฉพาะทจ่ี ะพฒั นาวชิ าการ วิชาชพี ชน้ั สงู และการคน้ คว้า วจิ ยั เพ่ือพฒั นาองค์
ความรู้และพฒั นาสงั คม
ส่งิ ทตี่ อ้ งรู้
• มาตรา 28 กลา่ ววา่ หลกั สตู รตอ้ งมลี กั ษณะหลากหลาย ตามความเหมาะสมของแตล่ ะระดบั มงุ่ พฒั นาคนใหม้ ีความ
สมดุล .......
มาตรา ๒๙ ใหส้ ถานศึกษารว่ มกบั บคุ คล ครอบครัว ชุมชน องคก์ รชุมชน องคก์ รปกครองสว่ น
ท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น
ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนโดยจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีการจัด
การศึกษาอบรม มีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร และรู้จักเลือกสรรภูมิปัญญาและวิทยาการต่าง ๆ
เพื่อพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการ รวมท้ังหาวิธีการสนับสนุนให้มีการ
แลกเปล่ียนประสบการณ์การพฒั นาระหว่างชุมชน
มาตรา ๓๐ ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนท่ีมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการ
สง่ เสริมใหผ้ ู้สอนสามารถวิจยั เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกบั ผ้เู รยี นในแต่ละระดับการศึกษา
สงิ่ ทตี่ ้องรู้
• มาตรา 29 ระวงั ..!!! โจทยจ์ ะถามวา่ ใหส้ ถานศกึ ษาสง่ เสรมิ ความเขม้ แขง็ ชมุ ชนโดยวธิ ีการอยา่ งไร ...ตอบเลยนะครบั วา่
โดยจัดกระบวนการเรยี นรู้ภายในชุมชน
• มาตรา 30 ใหผ้ สู้ อนวิจยั เพ่ือพฒั นาการเรยี นรู…้ …ระวงั !!! ตา่ งจากมาตรา 24 ตรงทว่ี า่ มาตรา 24 ใหผ้ เู้ รยี นวจิ ยั
16
หมวด ๕
การบริหารและการจัดการศกึ ษา
ส่วนที่ ๑
การบรหิ ารและการจดั การศกึ ษาของรัฐ
มาตรา ๓๑ กระทรวงมอี านาจหน้าท่ีเกี่ยวกับการส่งเสริมและกากบั ดแู ลการศกึ ษาทกุ ระดับ ทกุ
ประเภท และการอาชีวศึกษา แต่ไม่รวมถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่อยู่ในอานาจหน้าที่ของ
กระทรวงอื่น ที่มีกฎหมายกาหนดไว้เป็นการเฉพาะ กาหนดนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา
สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา ส่งเสริมและประสานงานการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการกีฬา
ท้ังนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับการศึกษา รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษา และ
ราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกาหนดให้เปน็ อานาจหน้าที่ของกระทรวงหรอื ส่วนราชการท่ีสังกดั กระทรวง
(แทรก มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ.2561)
สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ได้จัดทามาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 และผา่ น
ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ในรูปของผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาและ
หน่วยงานที่เก่ียวข้องในการจัดการศึกษา ใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาและจัดทามาตรฐาน
การศึกษาข้ันต่าที่จาเป็นของแต่ละระดับและประเภทการศึกษา เพื่อให้เกิด “คุณลักษณะของคนไทย
๔.๐”ที่มีคุณลักษณะ ๓ ด้าน โดยเป็นคุณลักษณะข้ันต่า ที่สามารถสร้างความม่ันคง ม่ังคั่ง และย่ังยืน
ให้กบั ประเทศ ดงั นี้
17
มาตรา ๓๒ การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวงให้มีองค์กรหลักท่ีเป็นคณะบุคคลในรูป
สภาหรือในรูปคณะกรรมการจานวนสามองค์กร ได้แก่ สภาการศึกษา คณะกรรมการการศึกษาขั้น
พน้ื ฐาน และคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา เพือ่ พิจารณาให้ความเห็นหรือใหค้ าแนะนาแก่รัฐมนตรีหรือ
คณะรฐั มนตรี และมีอานาจหน้าท่ีอน่ื ตามทกี่ ฎหมายกาหนด
“มาตรา ๓๒/๑ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีอานาจหน้าที่
เกี่ยวกับการส่งเสริม สนับสนุน และกากับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ การวิจัยและการสร้างสรรค์
นวัตกรรม เพ่ือให้การพัฒนาประเทศเท่าทันการเปล่ียนแปลงของโลกและราชการอ่ืนตามที่มีกฎหมาย
กาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือส่วน
ราชการทสี่ งั กัดกระทรวงการอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรม
18
รปู จากเวบ็ http://www.onec.go.th/ ขอ้ มลู วนั ท่ี 6 มีนาคม 2564
19
สง่ิ ท่ตี อ้ งรู้
• มาตรา 31 ระวงั !!!...โจทยจ์ ะถามวา่ ใครมอี านาจหนา้ ทเี่ กี่ยวกบั การสง่ เสรมิ และกากบั ดแู ลการศกึ ษาทุกระดับและทุก
ประเภท ..... เม่อื เหน็ คาวา่ ทกุ ระดบั และทกุ ประเภทใหต้ อบวา่ กระทรวง ......แตถ่ า้ โจทยถ์ ามวา่ ใครมีหนา้ ทีส่ ง่ เสรมิ
และกากบั ดแู ลการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน ใหต้ อบวา่ สพฐ.
• มาตรา 32 เกิดองคก์ รหลกั ทีเ่ ป็นคณะบคุ ลในรูปคณะกรรมการ 3 องคก์ ร คือ
1.สภาการศกึ ษา 2.กพฐ. 3.กอส.
มาตรา ๓๓ สภาการศกึ ษา มหี นา้ ที่
(๑) พิจารณาเสนอแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติที่บูรณาการศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรม และกฬี ากบั
การศึกษาทุกระดบั
(๒) พจิ ารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศกึ ษาเพือ่ ดาเนินการใหเ้ ป็นไปตามแผนตาม
(๑)
(๓) พิจารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนบั สนนุ ทรพั ยากรเพอื่ การศกึ ษา
(๔) ดาเนินการประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษาตาม (๑)
(๕) ใหค้ วามเห็นหรือคาแนะนาเกยี่ วกบั กฎหมายและกฎกระทรวงท่อี อกตามความใน
พระราชบญั ญตั นิ ี้
การเสนอนโยบาย แผนการศึกษาแห่งชาติ และมาตรฐานการศกึ ษา ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี
ให้คณะกรรมการสภาการศึกษา ประกอบด้วย รัฐมนตรีเป็นประธาน กรรมการโดยตาแหน่งจาก
หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
พระภิกษุซงึ่ เปน็ ผู้แทนคณะสงฆ์ ผแู้ ทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผแู้ ทนองค์กรศาสนา
อ่ืนและกรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิ ซ่ึงมจี านวนไม่น้อยกวา่ จานวนกรรมการประเภทอื่นรวมกนั
ให้สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นนิติบุคคล และให้เลขาธิการสภาเป็นกรรมการและ
เลขานกุ าร
สิง่ ท่ตี อ้ งรู้
• มาตรา 33 ระวงั !!!....โจทยจ์ ะถามวา่ ใครมหี นา้ ท่ีเสนอแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ....ตอบเลยนะครบั วา่ ....... สภา
การศกึ ษา เนน้ ยา้ อกี ทีวา่ สภาการศกึ ษา ไมใ่ ชส่ ภาการศกึ ษาแหง่ ชาตนิ ะครบั เพราะเราไมม่ ีสภาการศกึ ษาแหง่ ชาตคิ รบั
• มาตรา 33 การเสนอแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติตอ้ งเสนอตอ่ คณะรัฐมนตรี .....ระวงั !!! โจทยจ์ ะหลอกวา่ เสนอตอ่ รฐั มนตรี
นะครบั
20
มาตรา ๓๕/๑ ให้มีคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีหน้าท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนาและ
มาตรฐานการอุดมศึกษาท่ีสอดคล้องกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและ
แผนการศกึ ษาแห่งชาติ การสนบั สนนุ ทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา
ระดับอุดมศึกษา โดยคานึงถึงความเป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการของสถานศึกษาระดับ
ปรญิ ญาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจัดตั้งสถานศึกษาแต่ละแหง่ และกฎหมายที่เกีย่ วข้อง
มาตรา ๓๖ ให้สถานศึกษาของรัฐท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาเป็นนิติบุคคล และอาจจัดเป็นส่วน
ราชการหรอื เป็นหน่วยงานในกากับของรฐั ยกเว้นสถานศกึ ษาเฉพาะทางตามมาตรา ๒๑
ให้สถานศึกษาดังกล่าวดาเนินกิจการได้โดยอิสระ สามารถพัฒนาระบบบริหาร และการจัดการที่
เปน็ ของตนเอง มคี วามคลอ่ งตัว มีเสรีภาพทางวิชาการ และอยภู่ ายใตก้ ารกากับดแู ลของสภาสถานศึกษา
ตามกฎหมายว่าด้วยการจดั ตง้ั สถานศึกษานั้น ๆ
สิ่งทตี่ ้องรู้
• มาตรา 36 พรบ.การศกึ ษาแหง่ ชาติ 2542 สง่ ผลให.้ ...มหาวิทยาลยั เป็ นนิติบคุ คล......
• แต.่ ......โรงเรยี นเป็ นนิติบุคคลตามมาตรา 35 พรบ.ระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ 2546
• มาตรา 37 ระวงั โจทยจ์ ะถามวา่ การบรหิ ารและการจดั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานใหย้ ดึ อะไร.....ตอบเลยครบั วา่ .....ยดึ เขต
พืน้ ท่ีการศกึ ษา….โดยคานงึ ถึง...ระดบั ของการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน (สาคญั ทสี่ ดุ ) จานวนสถานศกึ ษา จานวนประชากร
วฒั นธรรมและความเหมาะสมดา้ นอน่ื (สาคญั นอ้ ยท่สี ดุ )......ระวงั !!! โจทยจ์ ะหลอกวา่ เป็น จานวนนักเรยี น...(ผดิ นะ
ครบั !!!)
• มาตรา 37 ทอ่ งประโยคนใี้ หไ้ ดค้ รบั ....รัฐมนตรโี ดยคาแนะนาของสภาการศกึ ษามอี านาจประกาศเขตพนื้ ท่ี
การศกึ ษา….ระวงั !!! โจทยจ์ ะหลอกเป็น คณะรฐั มนตรโี ดยคายนิ ยอมของสภาการศกึ ษามอี านาจประกาศเขตพืน้ ที่
การศกึ ษา............
มาตรา ๓๗ การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพ้ืนที่การศึกษาโดยคานึงถึง
ระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวนสถานศกึ ษา จานวนประชากร วัฒนธรรมและความเหมาะสมด้าน
อืน่ ด้วย เวน้ แตก่ ารจดั การศึกษาข้ันพน้ื ฐานตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศกึ ษา
ให้รัฐมนตรีโดยคาแนะนาของสภาการศึกษา มีอานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากาหนดเขต
พ้ืนท่ีการศึกษาเพื่อการบริหารและการจดั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน แบ่งเป็นเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา
และเขตพ้ืนที่การศกึ ษามธั ยมศึกษา
ในกรณีที่สถานศึกษาใดจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานทั้งระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา การ
กาหนดให้สถานศึกษาแห่งนั้นอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาใด ให้ยึดระดับการศึกษาของสถานศึกษานั้นเป็น
สาคัญ ท้ังน้ี ตามทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศกาหนดโดยคาแนะนาของคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
21
ในกรณีท่ีเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาไมอ่ าจบรหิ ารและจัดการได้ตามวรรคหน่งึ กระทรวงอาจจัดให้มี
การศึกษาขนั้ พ้ืนฐานดังตอ่ ไปนเ้ี พอื่ เสริมการบรหิ ารและการจัดการของเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาก็ได้
สิ่งทต่ี อ้ งรู้
• มาตรา 37 โรงเรยี นใดจะอยเู่ ขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาใด ใหย้ ดึ ระดับการศกึ ษาของสถานศกึ ษานนั้ ตามทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศ
โดยคาแนะนาของคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ( กพฐ. )….ระวงั !!! จะแตกตา่ งจากการประกาศเขตพืน้ ท่ี
• มาตรา 37 ระวงั ...!!! โจทยจ์ ะถามวา่ ถา้ เขตพืน้ ท่ไี มอ่ าจบรหิ ารจดั การได้ จะใหใ้ ครบรหิ ารจดั การศกึ ษาขนั้ พนื้ บานแทน...
ตอบเลยครบั วา่ ....กระทรวง..
มาตรา ๓๘ ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ให้มีคณะกรรมการและสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามี
อานาจหน้าท่ีในการกากับดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่การศึกษา
ประสาน ส่งเสริมและสนับสนุนสถานศึกษาเอกชนในเขตพื้นท่ีการศึกษา ประสานและส่งเสริมองค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่นิ ใหส้ ามารถจัดการศกึ ษาสอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษา ส่งเสริมและ
สนับสนุนการจัดการศึกษาของบุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน
ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษาในรูปแบบท่ีหลากหลายในเขตพื้นท่ี
การศึกษา
ในการดาเนินการตามวรรคหนึ่งในส่วนท่ีเก่ียวกับสถานศึกษาเอกชนและองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นว่าจะอยู่ในอานาจหน้าท่ีของเขตพ้ืนที่การศึกษาใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกาหนดโดย
คาแนะนาของคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน
ส่งิ ทตี่ อ้ งรู้
• มาตรา 38 ระวงั ...ขอ้ สอบเกา่ ปี 2555 !!! โจทยจ์ ะถามวา่ ใครมีอานาจในการยบุ รวม เลิกโรงเรยี น ......ใหต้ อบทงั้ 2
นะครบั คือ คณะกรรมการศึกษาธิการจงั หวัด (กศจ.) + สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษา (สพท.)
• มาตรา 38 เวลาจะย่นื ใหย้ นื่ ตอ่ สพท. แต่ กศจ.จะเป็นผพู้ ิจารณา แตอ่ านาจในการ จดั ตงั้ ยบุ รวม เลกิ เป็นของทงั้
กศจ.+สพท.
• มาตรา 38 สง่ ผลใหเ้ กิด กพท. (ปัจจบุ นั ไมม่ แี ลว้ และอานาจหนา้ ท่ีถกู โอนไปให้ กศจ. ตามคาส่งั ของ คสช.)
• มาตรา 38 ระวงั !!! จะพจิ ารณาวา่ โรงเรยี นเอกชนและ อปท. อยใู่ นเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาใด.ใหใ้ ครเป็นผพู้ ิจารณา ...ตอบ
เลยครบั วา่ ใหร้ ฐั มนตรปี ระกาศกาหนดโดยคาแนะนาของคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน
22
สิ่งทต่ี ้องรู้
• มาตรา 38 กลา่ วถงึ กศจ.+สพท. จะตอ้ งทาหนา้ ท่ี
• ส่งเสรมิ + สนับสนุน โรงเรยี นเอกชน
• ประสาน + สง่ เสริม อปท.
• สง่ เสรมิ + สนับสนุน บคุ คล ครอบครวั ชุมชน
....สนบั สนนุ คือการใหเ้ งิน ทรพั ยากร
....ระวงั ...!!! กศจ.+สพท. ไมต่ อ้ งสนบั สนนุ ใหเ้ งิน ทรพั ยากรแก่ อปท.
มาตรา ๓๙ ให้กระทรวงกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทั้งด้านวิชาการ
งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารท่ัวไปไปยังคณะกรรมการ และสานักงานเขตพืน้ ที่
การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาโดยตรง
หลักเกณฑแ์ ละวิธีการกระจายอานาจดังกลา่ ว ให้เป็นไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง
สิ่งทตี่ ้องรู้
• มาตรา 39 กลา่ วถงึ การกระจายอานาจ 4 ดา้ น คือ ดา้ นวชิ าการ ด้านงบประมาณ ดา้ นการบริหารงานบคุ คล ด้าน
การบริหารท่วั ไป .....จาชื่อดา้ นแตล่ ะดา้ นใหด้ ๆี นะครบั ....ระวงั โจทยจ์ ะหลอกเป็นดา้ นบรหิ ารวชิ าการ ดา้ นบรหิ ารบคุ คล
ดา้ นบรหิ ารท่วั ไป....ผิดนะครบั
• มาตรา 39 ผทู้ ีก่ ระจายอานาจคือ......กระทรวงศกึ ษาธิการ....
• มาตรา 39 ระวงั !!! ใหท้ อ่ งจาเลยครบั วา่ กระทรวงกระจายอานาจ 4 ดา้ นไปยงั กศจ.+สพท.+สถานศึกษาโดยตรง…..ซง่ึ
ตา่ งจาก มาตรา 9 วรรค 2 ท่กี ระจายอานาจไปยงั เขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา สถานศึกษา และ อปท.
มาตรา ๔๐ ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับ
ต่ากว่าปริญญา และสถานศึกษาอาชีวศึกษาของแต่ละสถานศึกษาเพ่ือทาหน้าท่ีกากับและส่งเสริม
สนับสนุนกิจการของสถานศกึ ษา ประกอบด้วย ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครู ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนศิษย์เก่าของสถานศึกษา ผู้แทนพระภิกษุสงฆ์หรือผู้แทนองค์กร
ศาสนาอืน่ ในพนื้ ท่ี และผทู้ รงคุณวุฒิ
ใหผ้ ู้บรหิ ารสถานศกึ ษาเปน็ กรรมการและเลขานกุ ารของคณะกรรมการสถานศึกษา
สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ากว่าปริญญาและสถานศึกษาอาชีวศึกษาอาจมี
กรรมการเพม่ิ ขึ้นได้ ทงั้ นี้ ตามทกี่ ฎหมายกาหนด
23
สง่ิ ทต่ี ้องรู้
• มาตรา 40 สง่ ผลใหเ้ กิดคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน มีหนา้ ที่ กากับ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ กิจการสถานศกึ ษา...ขอ้
ควรสงั เกต หนา้ ทข่ี องคณะกรรมการชดุ นี้ จะมคี าวา่ กากบั ไมม่ คี าวา่ ควบคมุ ....เพราะคาวา่ ..ควบคมุ ..จะใชก้ บั
ผบู้ งั คบั บญั ชาของเราเทา่ นนั้ เช่น อานาจ หนา้ ทขี่ องผบู้ รหิ าร ตามมาตรา 27 พรบ.ระเบียบขา้ ราชการครูและบคุ ลากร
ทางการศกึ ษา 2547 วรรรค 1 จะขนึ้ ดว้ ยคาวา่ ควบคมุ ดแู ล
• มาตรา 40 ...ตอ้ งจาวา่ ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นกรรมการและเลขานกุ าร ....ระวงั !!! โจทยจ์ ะหลอกเป็น.. หวั หนา้
สถานศกึ ษา ผดิ นะครบั ...
• มาตรา 40 คือ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานจะไมบ่ งั คบั ใชแ้ ก่ มาตรา 18 วรรค 1 คือ สถานพฒั นาเด็กปฐมวยั
และไมบ่ ังคับใช้แก่ มาตรา 18 วรรค 3 คือ ศนู ยก์ ารเรยี น
• (((ควรกลบั ไปอ่านมาตรา 18 ควบคกู่ ับมาตรา 40 ให้เขา้ ใจ)))
ส่วนท่ี ๒
การบริหารและการจัดการศึกษาขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่
มาตรา ๔๑ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดระดับหน่ึงหรือทุกระดับ
ตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถน่ิ
มาตรา ๔๒ ให้กระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษา
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีหน้าท่ีในการประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้
สามารถจัดการศึกษา สอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา รวมทั้งการเสนอแนะการจัดสรร
งบประมาณอุดหนุนการจัดการศกึ ษาขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ
สงิ่ ทีต่ อ้ งรู้
• มาตรา 41 ระวงั !!!...อปท.มีสทิ ธิ์ในการจดั การศกึ ษาในระดบั ใดไดบ้ า้ ง...ตอบเลยครบั วา่ ในระดบั ใดระดบั หนึ่งหรอื ทกุ
ระดบั ครับ
• ควรดมู าตรา 15 มาตรา 41 มาตรา 45 ประกอบกนั ครบั
• มาตรา 42 ระวงั !!! ...คาถาม... ใหใ้ ครกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการประเมินความพรอ้ มในการจดั การศกึ ษาของ อปท.
ตอบ.....กระทรวงศกึ ษาธิการ
24
สิง่ ทตี่ ้องรู้
• มาตรา 44 สง่ ผลใหส้ ถานศกึ ษาเอกชนเป็นนติ ิบคุ คล ......ซง่ึ โรงเรยี นเอกชนจะแตกตา่ งจากโรงเรยี นรฐั บาลคอื จะมี ผ้รู บั
ใบอนุญาต รวมอยดู่ ว้ ย
• ควรทบทวน มาตรา 18 ทงั้ 3 วรรค เพ่ือความแมน่ ยาอกี ครงั้
• มาตรา 45 เอกชนสามารถจดั การศกึ ษาไดท้ ุกระดับและทุกประเภท
มาตรา ๔๗ ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
ของการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน และการศกึ ษาระดับอุดมศกึ ษา ประกอบด้วย ระบบการประกันคณุ ภาพภายใน
และระบบการประกันคณุ ภาพภายนอก
มาตรา ๔๙ ใหม้ ีสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา มฐี านะเป็น
องค์การมหาชนทาหน้าท่ีพัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทาการประเมินผลการจัด
การศึกษา ท่ีมิใช่การจัดการอุดมศึกษาซ่ึงอยู่ในอานาจหน้าที่ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม หรือกระทรวงอ่ืน เพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยคานึงถึงความ
มุง่ หมาย หลักการ และแนวการจดั การศกึ ษาในแตล่ ะระดับตามท่ีกาหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั ินี้
ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหน่ึงครั้งในทุกห้าปีนับต้ังแต่
การประเมินครัง้ สดุ ท้าย และเสนอผลการประเมนิ ต่อหนว่ ยงานท่เี ก่ียวข้องและสาธารณชน
มาตรา ๕๑ ในกรณีท่ีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้ตามมาตรฐานที่กาหนดให้
สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา จัดทาข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไขต่อ
หน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาท่ีกาหนด หากมิได้ดาเนินการ
ดงั กล่าวใหส้ านกั งานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษารายงานตอ่ คณะกรรมการการศึกษา
ขน้ั พ้นื ฐาน หรอื คณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพอ่ื ดาเนินการให้มกี ารปรบั ปรุงแก้ไข
มาตรา ๕๑/๑ คาวา่ “คณาจารย์” ในหมวดนี้ ให้หมายความว่า บคุ ลากรซง่ึ ทาหนา้ ทห่ี ลัก
ทางดา้ นการสอนและการวิจยั ในสถานศึกษาระดับอุดมศกึ ษาระดบั ปริญญาของรัฐและเอกชน แต่
ไมร่ วมถงึ บคุ ลากรซง่ึ สังกดั กระทรวงการอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม
สง่ิ ทตี่ อ้ งรู้
• หมวด 6 เป็นเรอ่ื งของประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา
• มาตรา 47 สง่ ผลใหเ้ กดิ ระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาทงั้ ภายใน และภายนอก
• มาตรา 48 สง่ ผลใหเ้ กิดระบบประกนั คณุ ภาพภายใน ซงึ่ จดั โดยหน่วยงานตน้ สงั กัด + สถานศึกษา
• จาประโยคทวี่ า่ ...ให้ถอื วา่ การประกันคุณภาพภายในเป็ นสว่ นหนึ่งของกระบวนการบรหิ ารการศึกษา
• ประกนั ภายในตอ้ งจดั ทารายงานประจาปี(SAR) เสนอตอ่ 3 ที่ คอื
หน่วยงานตน้ สังกดั + หน่วยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ ง + เปิ ดเผยตอ่ สาธารณชน
25
หมวด ๗
ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา ๕๒ ให้กระทรวงส่งเสริมให้มีระบบ กระบวนการผลิต การพัฒนาครู คณาจารย์ และ
บุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานท่ีเหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพช้ันสูง โดยการกากับ
และประสานให้สถาบนั ที่ทาหน้าที่ผลิตและพฒั นาครู คณาจารย์ รวมทงั้ บคุ ลากรทางการศึกษาให้มีความ
พรอ้ มและมีความเขม้ แข็งในการเตรียมบุคลากรใหมแ่ ละการพฒั นาบคุ ลากรประจาการอย่างต่อเนอ่ื ง
รัฐพงึ จดั สรรงบประมาณและจดั ตงั้ กองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาอยา่ ง
เพยี งพอ
มาตรา ๕๓ ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็น
องค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ ในกากับของกระทรวง มีอานาจหน้าที่กาหนด
มาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กากับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและ
จรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมท้งั การพฒั นาวิชาชีพครู ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาและผบู้ ริหารการศกึ ษา
ให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ท้ังของรัฐและ
เอกชนต้องมใี บอนุญาตประกอบวิชาชีพตามทีก่ ฎหมายกาหนด
มาตรา ๕๔ ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดยให้ครูและบุคลากรทางการ
ศึกษาท้ังของหน่วยงานทางการศึกษาในระดับสถานศึกษาของรัฐ และระดับเขตพื้นท่ีการศึกษาเป็น
ข้าราชการในสังกัดองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดยยึดหลักการกระจายอานาจการ
บรหิ ารงานบุคคลสเู่ ขตพ้ืนท่ีการศึกษา และสถานศึกษา ทงั้ น้ี ใหเ้ ปน็ ไปตามทกี่ ฎหมายกาหนด
หมวด ๘
ทรัพยากรและการลงทุนเพ่ือการศึกษา
มาตรา ๕๘ ให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน ท้ัง
จากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชนเอกชน องค์กรเอกชน องค์กร
วิชาชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ สถาบันสงั คมอ่ืน และตา่ งประเทศมาใชจ้ ดั การศกึ ษาดงั นี้
(๑) ให้รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ระดมทรัพยากรเพือ่ การศึกษา โดยอาจจดั เก็บภาษเี พ่อื
การศกึ ษาไดต้ ามความเหมาะสม ท้งั นี้ ใหเ้ ป็นไปตามที่กฎหมายกาหนด
(๒) ให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเอกชน องค์กรเอกชน
องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืน ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา
โดยเป็นผจู้ ัดและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา บริจาคทรพั ย์สินและทรพั ยากรอนื่ ให้แก่สถานศึกษา และ
มีส่วนร่วมรบั ภาระค่าใช้จา่ ยทางการศกึ ษาตามความเหมาะสมและความจาเป็น
26
ท้ังน้ี ให้รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมและให้แรงจูงใจในการระดมทรัพยากร
ดังกล่าว โดยการสนับสนุน การอุดหนุนและใช้มาตรการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี ตามความเหมาะสม
และความจาเป็น ท้งั นี้ ใหเ้ ปน็ ไปตามทก่ี ฎหมายกาหนด
มาตรา ๕๙ ให้สถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล มีอานาจในการปกครอง ดูแล บารุงรักษา ใช้
และจดั หาผลประโยชน์จากทรพั ย์สินของสถานศึกษา ทง้ั ทีเ่ ป็นท่ีราชพัสดุ ตามกฎหมายวา่ ด้วยที่ราชพัสดุ
และที่เป็นทรพั ย์สินอน่ื รวมท้ังจัดหารายได้จากบรกิ ารของสถานศึกษา และเก็บคา่ ธรรมเนยี มการศึกษาที่
ไมข่ ัดหรอื แย้งกับนโยบาย วตั ถุประสงค์ และภารกจิ หลกั ของสถานศึกษา
บรรดาอสังหาริมทรัพย์ท่ีสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลได้มาโดยมีผู้อุทิศให้ หรือโดยการซ้ือ
หรือแลกเปล่ยี นจากรายได้ของสถานศกึ ษา ไมถ่ ือเป็นทีร่ าชพัสดุ และให้เป็นกรรมสิทธิข์ องสถานศกึ ษา
บรรดารายได้และผลประโยชน์ของสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล รวมทั้งผลประโยชน์ที่เกิด
จากที่ราชพัสดุ เบ้ียปรับท่ีเกิดจากการผิดสัญญาลาศึกษา และเบ้ียปรับที่เกิดจากการผิดสัญญาการซื้อ
ทรัพย์สินหรือจ้างทาของท่ีดาเนินการโดยใช้เงินงบประมาณไม่เป็นรายได้ท่ีต้องนาส่งกระทรวงการคลัง
ตามกฎหมายวา่ ด้วยเงินคงคลงั และกฎหมายวา่ ด้วยวิธกี ารงบประมาณ
บรรดารายไดแ้ ละผลประโยชนข์ องสถานศกึ ษาของรัฐทไี่ ม่เปน็ นติ ิบุคคล รวมทัง้ ผลประโยชน์ท่ี
เกดิ จากทรี่ าชพัสดุ เบยี้ ปรบั ทเ่ี กิดจากการผิดสญั ญาลาศึกษา และเบี้ยปรับท่เี กดิ จากการผิดสัญญาการซื้อ
ทรัพย์สินหรือจ้างทาของท่ีดาเนินการโดยใช้เงินงบประมาณให้สถานศึกษาสามารถจัดสรรเป็นค่าใช้จ่าย
ในการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษานน้ั ๆ ได้ตามระเบยี บท่ีกระทรวงการคลงั กาหนด
มาตรา ๖๐ ให้รัฐจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษาในฐานะที่มีความสาคัญสูงสุดต่อ
การพฒั นาท่ยี ั่งยืนของประเทศโดยจัดสรรเปน็ เงินงบประมาณเพ่อื การศึกษา
หมวด ๙
เทคโนโลยีเพอ่ื การศึกษา
มาตรา ๖๓ รัฐต้องจัดสรรคลื่นความถ่ี ส่ือตัวนาและโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่จาเป็นต่อการส่ง
วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการส่ือสารในรูปอ่ืน เพ่ือใช้ประโยชน์สาหรับ
การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การทะนุบารุงศาสนา ศิลปะและ
วฒั นธรรมตามความจาเปน็
มาตรา ๖๖ ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
ในโอกาสแรกท่ีทาได้ เพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการแสวงหา
ความรูด้ ว้ ยตนเองได้อย่างตอ่ เนื่องตลอดชวี ิต
***************************************************************
27
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
กาหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาอบรม และสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม
จัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง
ทางเศรษฐกจิ และสงั คม สร้างเสริมความรแู้ ละปลกู ฝงั จติ สานึกท่ีถกู ตอ้ งเกย่ี วกับการเมืองการปกครองใน
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สนับสนุนการค้นคว้าวิจัยในศิลปวิทยาการ
ต่าง ๆ เร่งรัดการศกึ ษาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีเพื่อการพฒั นาประเทศ พฒั นาวิชาชพี ครู และสง่ เสรมิ
ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ รวมท้ังในการจัดการศึกษาของรัฐ ให้คานึงถึงการมสี ่วน
ร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชน ตามท่ีกฎหมายบัญญัติและให้ความคุ้มครองการจัด
การศึกษาอบรมขององค์กรวชิ าชีพและเอกชนภายใต้การกากบั ดูแลของรัฐ ดงั นัน้ จึงสมควรมีกฎหมายว่า
ด้วยการศึกษาแห่งชาติ เพื่อเป็นกฎหมายแม่บทในการบริหารและจัดการการศึกษาอบรมให้สอดคล้อง
กบั บทบญั ญตั ขิ องรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยดงั กล่าว จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เน่ืองจากรัฐบาลมีนโยบาย
ปฏิรูประบบราชการ โดยให้แยกภารกิจเก่ียวกับงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม ไปจัดตั้งเป็นกระทรวง
วัฒนธรรม และโดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงการบริหารและการจัดการศึกษาของเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประกอบกับสมควรให้มีคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทาหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา
มาตรฐานและหลักสูตรการอาชีวศึกษาทุกระดับที่สอดคล้องกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ สนับสนุนทรัพยากร ติดตามตรวจสอบ และประเมินผล
การจัดการอาชวี ศึกษาดว้ ย จึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบัญญตั นิ ี้
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีการจัดการศึกษาขั้น
พ้ืนฐานประกอบด้วยการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ซ่ึงมีระบบการบริหารและการ
จัดการศึกษาของทั้งสองระดับรวมอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละเขตพ้ืนที่การศึกษา ทาให้การบริหาร
และการจดั การศกึ ษาข้ันพื้นฐานเกดิ ความไม่คลอ่ งตัวและเกิดปัญหาการพัฒนาการศึกษา สมควรแยกเขต
พ้ืนที่การศึกษาออกเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เพ่ือให้
28
การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการพัฒนาการศึกษาแก่นักเรียนในช่วงชั้น
ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาใหส้ มั ฤทธิผลและมีคุณภาพยงิ่ ข้ึน จึงจาเป็นต้องตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี
เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. ๒๕62
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีเป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย
วา่ ดว้ ยการศกึ ษาแห่งชาติ เพ่อื กาหนดขอบเขตในการดาเนนิ การของกระทรวงศกึ ษาธิการ และหนว่ ยงาน
อื่นให้สอดคล้องกับอานาจหน้าที่ท่ีเปลี่ยนแปลงไป เน่ืองจากมีการจัดต้ังกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญตั ิน้ี
***********************************************************************************************************************************
Note……….
29
พระราชบญั ญัตกิ ารจดั การศึกษาสาหรบั คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๑
บังคับใชว้ ันท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.2551
ให้ 1.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ
2.รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรม
รักษาการตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้
มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญัตินี้
“คนพิการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งมีข้อจากัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจาวันหรือเข้า
ไปมีส่วนร่วมทางสังคม เน่ืองจากมีความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว การสื่อสาร
จิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม สติปัญญา การเรียนรู้ หรือความบกพร่องอ่ืนใดประกอบกับมีอุปสรรคในด้าน
ต่าง ๆ และมีความต้องการจาเป็นพิเศษทางการศึกษาที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือด้านหน่ึงด้านใด
เพื่อให้สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจาวันหรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคมได้อย่างบุคคลท่ัวไปทั้งน้ี
ตามประเภทและหลกั เกณฑ์ทรี่ ฐั มนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ ารประกาศกาหนด
ตวั อย่างข้อสอบ
ข้อใดไม่ใช่คนพิการ
ก. ด.ช.แดงไม่สามารถอ่าน เขยี นได้ตามปกตเิ หมอื นเดก็ คนอ่นื
ข. ด.ช.ดาประสบอุบัติเหตุ ทาใหต้ ง่ิ หดู า้ นซา้ ยขาดแหว่งไป
ค. ด.ญ.ฟ้ามีกระดกู หัวเข่าผดิ ปกติจนไม่สามารถขนึ้ บนั ไดด้วยตนเองได้
ง. ด.ญ.ชมพูมอี ารมณ์รุนแรงควบคมุ อารมณ์ตนเองไมไ่ ด้ เนอ่ื งจากเปน็ โรคสมองเสอ่ื ม
ตอบ ข.
“แผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบุคคล” (Individualized Education Program) IEP หมายความ
ว่า แผนซึ่งกาหนดแนวทางการจัดการศึกษาท่ีสอดคล้องกับความต้องการจาเป็นพิเศษของคนพิการ
ตลอดจนกาหนดเทคโนโลยี สิ่งอานวยความสะดวกส่ือ บริการ และความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการศึกษา
เฉพาะบุคคล
ตวั อย่างขอ้ สอบ 30
ขอ้ ใดคอื แผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบคุ คล
ข. IIP
ก. IEP ง. SAR
ค. AAR
ตอบ ก. ข. โปรแกรมการจัดการเรียนรู้เฉพาะ
IEP หมายถึงอะไร ง. แผนการสอนเฉพาะบุคคล
ก. โปรแกรมการจัดการศึกษาเฉพาะบคุ คล
บุคคล
ค. แผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบุคคล
ตอบ ค.
“ครูการศึกษาพิเศษ” หมายความว่า ครูท่ีมีวุฒิทางการศึกษาพิเศษสูงกว่าระดับปริญญาตรีข้ึน
ไปหรือครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษระดับปริญญาตรีที่ผ่านการประเมินทักษะการสอนคนพิการตามที่
คณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการกาหนด และปฏิบัติหน้าที่สอน จัดการศึกษา
นิเทศ หรอื หน้าท่อี ่ืนเกีย่ วกบั การจัดการศกึ ษาสาหรบั คนพิการในสถานศึกษาท้ังของรัฐและเอกชน”
“การเรียนรว่ ม” หมายความวา่ การจดั ใหค้ นพิการไดเ้ ขา้ ศกึ ษาในระบบการศึกษาท่ัวไป
ทกุ ระดับและหลากหลายรูปแบบ รวมถงึ การจัดการศกึ ษา ใหส้ ามารถรองรบั การเรยี นการสอนสาหรับคน
ทุกกล่มุ รวมทง้ั คนพกิ าร
ตัวอยา่ งขอ้ สอบ
ข้อใดไม่สามารถเป็นครูการศกึ ษาพิเศษได้
ก. ครทู ่มี ีวฒุ ทิ างการศึกษาพเิ ศษสงู กว่าระดบั ปริญญาตรี
ข. ครูที่มวี ฒุ ปิ ริญญาโททางการศกึ ษาพเิ ศษ
ค. ครทู ี่มีวุฒิทางการศึกษาพเิ ศษระดบั ปริญญาตรีที่ผา่ นการประเมินทกั ษะการสอนคนพกิ าร
ง. ครูทมี่ วี ฒุ ปิ ริญญาเอกทางสาขาหลักสูตรและการสอน
ตอบ ง.
31
“สถานศึกษาเฉพาะความพิการ” หมายความว่า สถานศึกษาของรัฐหรือเอกชนที่จัดการศึกษา
สาหรบั คนพิการโดยเฉพาะ ท้งั ในลักษณะอยปู่ ระจา ไป กลบั และรบั บรกิ ารทบ่ี ้าน
“ศูนย์การศึกษาพิเศษ” หมายความว่า สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษานอกระบบ หรือตาม
อัธยาศัยแก่คนพิการ ตั้งแต่แรกเกิดหรือแรกพบความพิการจนตลอดชีวิต และจัดการศึกษาอบรมแก่
ผูด้ ูแลคนพิการ ครู บคุ ลากรและชุมชน รวมท้ังการจดั สื่อ เทคโนโลยี ส่ิงอานวยความสะดวก บริการ และ
ความชว่ ยเหลอื อื่นใด ตลอดจนปฏบิ ตั ิหนา้ ที่อ่นื ตามทก่ี าหนดในประกาศกระทรวง
“ศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ” หมายความว่า สถานศึกษาท่ีจัดการศึกษานอกระบบ หรือ
ตามอัธยาศัยแก่คนพิการโดยเฉพาะ โดยหน่วยงานการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล ครอบครัว ชุมชน
องค์กรเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ
โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์และสถาบันทางสังคมอ่ืนเป็นผู้จัด ต้ังแต่ระดับ
การศกึ ษาปฐมวยั การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน อาชวี ศึกษา อุดมศึกษาและหลกั สตู รระยะสัน้
***(เทคนคิ การจา ดูความหมายทปี่ ระโยคแรก)***
สถานศึกษาเฉพาะความพกิ าร = มีคาว่า “รัฐหรอื เอกชน”
ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษ = มีคาว่า “รัฐ”
ศูนยก์ ารเรียนเฉพาะความพกิ าร = ไม่มีอะไรเลย
ตัวอยา่ งข้อสอบ
สถานศกึ ษาของรัฐที่จัดการศึกษานอกระบบ หรอื ตามอัธยาศัยแกค่ นพิการ หมายถึงข้อใด
ก. สถานศึกษาเฉพาะความพกิ าร ข. ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษ
ค. ศูนย์การเรียนเฉพาะความพกิ าร ง. โรงเรียนการศึกษาพเิ ศษ
ตอบ ข.
มาตรา ๕ คนพิการมสี ทิ ธิทางการศึกษาดังนี้
(๑) ได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการจนตลอดชีวิต
พร้อมท้ังได้รบั เทคโนโลยี สิง่ อานวยความสะดวก ส่อื บรกิ ารและความช่วยเหลืออ่นื ใดทางการศึกษา
(๒) เลือกบริการทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบและรูปแบบการศึกษา โดยคานึงถึง
ความสามารถ ความสนใจ ความถนัดและความต้องการจาเป็นพิเศษของบุคคลน้ัน
32
(๓) ได้รับการศึกษาท่ีมีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา รวมทั้งการจัดหลักสูตร
กระบวนการเรียนรู้ การทดสอบทางการศึกษา ที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการจาเป็นพิเศษของ
คนพกิ ารแต่ละประเภทและบุคคล
มาตรา ๖ ให้ครูการศึกษาพิเศษในทุกสังกัดมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษตามที่กฎหมาย
กาหนด
ใหม้ ีคณะกรรมการคณะหนงึ่ เรียกว'า “คณะกรรมการพจิ ารณาให้คนพิการได้รบั สิทธิ
ช่วยเหลือทางการศกึ ษา” ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ
ใหผ้ อู้ านวยการสานักบริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ตัวอย่างขอ้ สอบ
ขอ้ ใดไม่ใชส่ ิทธทิ างการศกึ ษาของคนพิการ
ก. ได้รับเทคโนโลยี ส่ิงอานวยความสะดวก สื่อ บรกิ ารและความชว่ ยเหลอื อืน่ ใดทางการศึกษา
ข. เลือกบรกิ ารทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบและรูปแบบการศกึ ษา
ค. ได้รบั การศึกษาท่มี ีมาตรฐานและประกันคณุ ภาพการศกึ ษา
ง. ได้รบั ทนุ การศึกษา
ตอบ ง.
มาตรา ๑๑ ใหม้ คี ณะกรรมการคณะหน่งึ เรยี กว่า
“คณะกรรมการสง่ เสริมการจดั การศกึ ษาสาหรับคนพิการ” ประกอบด้วย 28 คน
รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการ เปน็ ประธานกรรมการ
รฐั มนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปน็ รองประธานกรรมการ คนท่หี นึง่
และผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึงรัฐมนตรีแต่งตั้งจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึงเป็นผู้แทนขององค์การคนพิการ
เป็นรองประธานกรรมการ คนท่ีสอง
ใหผ้ อู้ านวยการสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ เปน็ กรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๑๓ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสามปี และอาจได้รับแต่งต้ังอีก
ได้ แตต่ ้องไม่เกินสองวาระติดตอ่ กัน
33
ตัวอย่างข้อสอบ
ใครเป็นรองประธานกรรมการคนทห่ี นงึ่ ของคณะกรรมการสง่ เสรมิ การจดั การศกึ ษาสาหรบั คนพิการ
ก. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร ข. นายกรฐั มนตรี
ค. รฐั มนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงมหาดไทย ง. ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ค.
กรรมการผ้ทู รงคุณวฒุ ิของคณะกรรมการสง่ เสริมการจดั การศึกษาสาหรบั คนพิการ มวี าระอยใู่ น
ตาแหน่งคราวละก่ีปี
ก. 3 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 7 ปี
ตอบ ก.
มาตรา ๑๙ ใหส้ านักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษา มีหนา้ ท่ดี าเนนิ การจัดการศึกษาโดยเฉพาะการจัดการเรียน
ร่วม การนิเทศ กากับ ติดตาม เพ่ือให้คนพิการได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพตามท่ีกฎหมาย
กาหนด
มาตรา ๒๐ ให้สถานศึกษาเฉพาะความพิการของรฐั มหี น้าทีจ่ ดั การศึกษาตามภารกจิ
แก่คนพิการ โดยมีฐานะเป็นนติ บิ คุ คล
ตวั อย่างข้อสอบ
ข้อใดมหี นา้ ที่ดาเนินการจดั การศกึ ษาโดยเฉพาะการจดั การเรยี นร่วม การนิเทศ กากบั ตดิ ตาม เพ่อื ให้
คนพกิ ารได้รบั การศกึ ษาอยา่ งทว่ั ถงึ และมีคณุ ภาพ
ก. กระทรวงศึกษาธกิ าร ข. สพฐ.
ค. สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษา ง. สถานศกึ ษา
ตอบ ค.
มาตรา ๒๑ ให้จัดตัง้ กองทนุ ขน้ึ เรียกวา่ “กองทุนส่งเสริมและพฒั นาการศกึ ษาสาหรับ
คนพิการ” ในสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานเพ่ือใช้จ่ายในการส่งเสริมสนับสนุน และ
พัฒนาการศึกษาสาหรับคนพกิ ารอย่างเปน็ ธรรมและท่ัวถึง
มาตรา ๒๒ ให้มี "คณะกรรมการบรหิ ารกองทุน" คณะหนึ่ง ประกอบด้วย
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน เป็นประธานกรรมการ
รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานท่ีเลขาธิการคณะ กรรมการการศึกษาข้ันพื้ นฐาน
มอบหมาย เปน็ รองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง
ผูท้ รงคุณวฒุ ทิ ี่เปน็ ผู้แทนองคก์ ารคนพิการหนึ่งคน เปน็ รองประธานกรรมการคนท่สี อง
34
มาตรา ๒๕ ใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารกองทุนจดั ทางบการเงนิ ส่งผู้สอบบัญชีตรวจสอบ
ภายในเก้าสิบวันนับแต่วนั สิน้ ปบี ัญชีทกุ ปี
ใหส้ านกั งานการตรวจเงินแผ่นดินเปน็ ผูส้ อบบัญชีของกองทุนทกุ รอบปแี ลว้ ทารายงานผลการสอบ
บญั ชขี องกองทุนเสนอตอ่ คณะกรรมการสง่ เสริมการจดั การศกึ ษาสาหรบั คนพิการ
ตัวอย่างข้อสอบ
ใครเปน็ ประธานกรรมการกองทุนสง่ เสรมิ และพัฒนาการศกึ ษาสาหรบั คนพิการ
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ง. เลขาธกิ าร กพฐ.
ตอบ ง.
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑
(ฉบับที่ 1) คือ โดยท่ีการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการมีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากการจัดการศึกษา
สาหรับบุคคลทั่วไป จึงจาเป็นต้องจัดให้คนพิการมีสิทธิและโอกาสได้รับการบริการและความช่วยเหลือ
ทางการศึกษาเป็นพิเศษตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการ ดังนั้น เพ่ือให้การบริการและการให้ความ
ช่วยเหลือแก่คนพิการในดา้ นการศึกษาเป็นไปอย่างทั่วถึงทุกระบบและทุกระดบั การศึกษา จึงจาเป็นต้อง
ตราพระราชบญั ญัตนิ ี้
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕6 (ฉบับที่ 2) คือ
โดยที่พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้บัญญัติให้ครูการศึกษาพิเศษซ่ึง
ทาการสอนคนพิการต้องมีวุฒิทางการศึกษาพิเศษสูงกว่าระดับปริญญาตรีข้ึนไป ทาให้ไม่สามารถแต่งตั้ง
ครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษระดับปริญญาตรีเป็นครูการศึกษาพิเศษได้ มีผลให้ครูการศึกษาพิเศษซ่งึ ทา
การสอนคนพิการมีไม่เพียงพอ ดังน้ัน สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคาว่า “ครูการศึกษาพิเศษ” ให้มี
ความหมายกว้างข้ึนและครอบคลุมครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษระดับปริญญาตรีท่ีผ่านการประเมิน
ทักษะการสอนคนพิการตามท่ีคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการกาหนด และ
ปฏิบัติหน้าท่ีสอน จัดการศึกษา นิเทศหรือหน้าที่อ่ืนเกี่ยวกับการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการใน
สถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน” รวมท้ังเห็นควรปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริม
การจัดการศึกษาสาหรับคนพิการให้เหมาะสมยิ่งขึ้นให้ผู้อานวยการสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
เปน็ กรรมการและเลขานุการ จึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี
35
ตัวอยา่ งข้อสอบ
ข้อใดคือเหตผุ ลในการประกาศใช้ พ.ร.บ. การจัดการศึกษาสาหรับคนพกิ าร (ฉบับท่ี 1) พ.ศ. 2551
ก. ครกู ารศกึ ษาพิเศษซ่ึงทาการสอนคนพกิ ารต้องมวี ุฒทิ างการศกึ ษาพิเศษสงู กว่าระดบั ปรญิ ญา
ตรีขึน้ ไป ทาใหไ้ ม่สามารถแตง่ ต้ังครูทีม่ วี ฒุ ิทางการศึกษาพิเศษระดับปรญิ ญาตรเี ป็นครกู ารศึกษาพเิ ศษได้
มีผลให้ครกู ารศึกษาพเิ ศษซง่ึ ทาการสอนคนพกิ ารมไี มเ่ พียงพอ
ข. เห็นควรปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสง่ เสรมิ การจดั การศกึ ษาสาหรบั คนพกิ าร
ให้เหมาะสมยง่ิ ขึน้
ค. สมควรแก้ไขเพ่ิมเติมบทนยิ ามคาว่า “ครกู ารศกึ ษาพิเศษ” ใหม้ คี วามหมายกว้างขึ้นและ
ครอบคลุมครูท่มี ีวฒุ ิทางการศกึ ษาพิเศษระดบั ปรญิ ญาตรี
ง. การจดั การศกึ ษาสาหรบั คนพกิ ารมลี ักษณะเฉพาะแตกตา่ งจากการจดั การศึกษาสาหรบั
บคุ คลทวั่ ไป จึงจาเป็นต้องจดั ใหค้ นพกิ ารมสี ทิ ธแิ ละโอกาสไดร้ ับการบริการและความชว่ ยเหลอื ทาง
การศกึ ษาเปน็ พิเศษต้ังแตแ่ รกเกิดหรือพบความพิการ
ตอบ ง.
ข้อใดไม่ใชเ่ หตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ. การจดั การศึกษาสาหรับคนพิการ พ.ศ. 2551 (ฉบบั ท่ี
1)
ก. เพอ่ื ใหก้ ารบริการและการใหค้ วามชว่ ยเหลอื แกค่ นพิการในดา้ นการศกึ ษาเป็นไปอยา่ งทัว่ ถึง
ทุกระบบและทกุ ระดบั การศึกษา
ข. การจัดการศึกษาสาหรับคนพิการมลี ักษณะเฉพาะแตกต่างจากการจัดการศึกษาสาหรับ
บคุ คลทว่ั ไป
ค. เพือ่ ให้มแี ผนซึง่ กาหนดแนวทางการจดั การศกึ ษาท่สี อดคล้องกบั ความต้องการจาเป็นพิเศษ
ของคนพิการ
ง. จาเปน็ ต้องจดั ให้คนพิการมีสิทธิและโอกาสไดร้ ับการบริการและความช่วยเหลอื ทางการศึกษา
เปน็ พเิ ศษตงั้ แต่แรกเกิดหรอื พบความพิการ
ตอบ ค.
36
ข้อใดไมใ่ ชเ่ หตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ. การจดั การศึกษาสาหรบั คนพกิ าร (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.
2556
ก. สมควรแกไ้ ขเพ่มิ เติมบทนิยามคาว่า “ครูการศึกษาพิเศษ” ให้มีความหมายกวา้ งขึ้นและ
ครอบคลมุ ครทู ม่ี ีวุฒทิ างการศกึ ษาพเิ ศษระดับปรญิ ญาตรี
ข. เหน็ ควรปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสง่ เสริมการจัดการศึกษาสาหรบั คนพิการให้
เหมาะสมย่ิงข้ึน
ค. พ.ร.บ. การจดั การศึกษาสาหรับคนพิการ พ.ศ. 2551 ได้บญั ญตั ใิ หค้ รูการศกึ ษาพิเศษซึ่งทา
การสอนคนพกิ ารตอ้ งมีวุฒทิ างการศึกษาพิเศษสงู กว่าระดับปริญญาตรีขึ้นไป ทาใหไ้ มส่ ามารถแตง่ ตัง้ ครทู ่ี
มวี ฒุ ทิ างการศกึ ษาพเิ ศษระดับปรญิ ญาตรีเป็นครูการศกึ ษาพิเศษได้ มีผลให้ครูการศึกษาพิเศษซึง่ ทาการ
สอนคนพิการมีไมเ่ พียงพอ
ง. การจดั การศกึ ษาสาหรับคนพกิ ารมีลกั ษณะเฉพาะแตกต่างจากการจัดการศึกษาสาหรบั บุคคล
ท่วั ไป จึงจาเป็นต้องจัดให้คนพิการมีสิทธิและโอกาสได้รบั การบรกิ ารและความช่วยเหลือทางการศกึ ษา
เปน็ พิเศษตง้ั แต่แรกเกิดหรือพบความพิการ
ตอบ ง.
ประเภทของคนพิการทางการศึกษา ๙ ประเภทตามประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการเรื่อง กาหนดประเภท
และหลกั เกณฑข์ องคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๒
ได้แก่ บคุ คลท่ีมีความบกพร่อง
1. ทางการเหน็ (ตาบอด, เหน็ เลือนราง)
2. การได้ยิน (หูหนวก , หูตึง)
3. ทางสติปญั ญา (แสดงอาการก่อนอายุ 18 ปี)
4. ทางร่างกาย หรือการเคล่อื นไหว หรอื สุขภาพ
(บุคคลที่มคี วามบกพรอ่ งทางรา่ งกาย หรอื การเคลอื่ นไหว ได้แก่ บุคคลท่มี ี
อวัยวะไมส่ มสว่ นหรอื ขาดหายไป กระดกู หรือกล้ามเนอ้ื ผดิ ปกติ)
(บคุ คลทีม่ คี วามบกพรอ่ งทางสุขภาพ ไดแ้ ก่ บุคคลทม่ี ีความเจบ็ ป่วยเรอ้ื รังหรือ
มีโรคประจาตัวซ่งึ จาเป็นต้องได้รบั การรักษาอย่างต่อเน่อื ง)
5. ทางการเรยี นรู้ (บกพร่องทาง 1.การอา่ น 2.การเขียน 3.การคดิ คานวณ
ทั้งทม่ี ีระดับสตปิ ัญญาปกติ)
37
6. ทางการพดู และภาษา
7. ทางพฤติกรรม หรอื อารมณ์
8. ออทสิ ตกิ (แสดงอาการก่อนอายุ 30 เดือน)
9. และพิการซอ้ น
เหน็ ยนิ ญา กาย รู้ ษา กรรม ทิส ซ้อน
ตวั อย่างขอ้ สอบ
ข้อใดไมใ่ ช่ประเภทของคนพกิ าร
ก. พกิ ารทางการเห็น ข. พิการทางการไดย้ นิ
ค. พกิ ารทางสตปิ ัญญา ง. พกิ ารทางสมอง
ตอบ ง.
คนพิการมกี ีป่ ระเภท
ก. 5 ประเภท ข. 7 ประเภท
ค. 9 ประเภท ง. 11 ประเภท
ตอบ ค.
บุคคลออทิสติก ได้แก่ บุคคลที่มีความผิดปกติของระบบการทางานของสมองบางส่วนซึ่งส่งผลต่อ
ความบกพร่องทางพัฒนาการด้านภาษา ดา้ นสงั คมและการปฏิสัมพันธท์ างสงั คม และมีข้อจากัดด้าน
พฤติกรรม หรือมีความสนใจจากัดเฉพาะเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง โดยความผิดปกติน้ันค้นพบได้ก่อนอายุก่ี
เดอื น
ก. 20 เดอื น ข. 25 เดือน ค. 30 เดอื น ง. 35 เดือน
ตอบ ค.
บุคคลทม่ี คี วามบกพรอ่ งทางสติปญั ญา ได้แก่ บคุ คลทมี่ ีความจากัดอยา่ งชัดเจนในการปฏบิ ตั ิตน ทง้ั น้ี
จะแสดงอาการดังกล่าวก่อนอายกุ ่ปี ี
ก. 7 ปี ข. 10 ปี ค. 15 ปี ง. 18 ปี
ตอบ ง.
38
ขอ้ ใดหมายถงึ บุคคลทีม่ คี วามบกพรอ่ งทางสุขภาพ
ก.บุคคลท่ีแขนขาด ข.บคุ คลท่ขี าขาด
ค. กระดูกหรือกลา้ มเนอ้ื ผิดปกติ ง.บุคคลที่มคี วามเจบ็ ป่วยเร้อื รัง
ตอบ ง.
บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ได้แก่ บุคคลที่สูญเสียการได้ยินตั้งแต่ระดับหูตึงน้อยจนถึงหู
หนวก ซ่ึงแบง่ เปน็ ก่ีประเภท
ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท
ตอบ ก.
เงินเพ่ิมสาหรับตาแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่
สอนคนพิการ (พ.ค.ก.) โดยอนุมัติจาก กศจ.ให้ได้รับเดือนละ 2,500 บาท และมีเวลาทาการสอนดังน้ี
(ต้องเป็นสถานศึกษาที่เปิดสอนเฉพาะคนพิการ ถ้าเป็นโรงเรียนท่ัวไปจะมีสิทธิได้เฉพาะผู้สอน แต่ รองฯ
ผอ. กบั ผอ.สถานศึกษาจะไม่ไดร้ บั เงิน พ.ค.ก.)
ผู้สอน 18 ช่วั โมง/สปั ดาห์
รอง ผอ.สถานศึกษา 8 ชัว่ โมง/สัปดาห์
ผอ.สถานศกึ ษา 5 ชัว่ โมง/สปั ดาห์
ตัวอยา่ งข้อสอบ
เงินเพิ่มสาหรับตาแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีปฏิบัติหน้าที่สอนคนพิการ
(พ.ค.ก.) โดยอนุมัตจิ าก กศจ.ให้ได้รับเดือนละเทา่ ใด
ก. 2,000 บาท ข. 2,500 บาท
ค. 3,000 บาท ง. 3,500 บาท
ตอบ ข.
ผูส้ อนท่ปี ฏบิ ตั ิหน้าทสี่ อนคนพิการ และได้รับเงนิ พ.ค.ก. ตอ้ งมีจานวนช่ัวโมงสอนตอ่ สปั ดาหเ์ ท่าใด
ก. 12 ช่ัวโมง/สัปดาห์ ข. 15 ช่ัวโมง/สปั ดาห์
ค. 18 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ง. 20 ชวั่ โมง/สัปดาห์
ตอบ ค.
39
กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิ ในคณะกรรมการส่งเสริมการจดั การศึกษาสาหรบั คนพิการ มวี าระอยูใ่ น
ตาแหนง่ คราวละกปี่ ี
ก. 5 ปี ข. 3 ปี ค. 4 ปี ง. 2 ปี
ตอบ ข.
ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ ิทธทิ างการศึกษาของคนพกิ าร
ก.เลอื กบริการทางการศึกษา สถานศกึ ษา ระบบและรปู แบบการศกึ ษา โดยคานงึ ถึง
ความสามารถ ความสนใจ ความถนดั และความตอ้ งการจาเปน็ พเิ ศษของบุคคลนน้ั
ข.ไดร้ บั สิทธเิ ขา้ รว่ มกองทุนเงินให้กูย้ มื เพอื่ การศึกษาเพอื่ เป็นค่าใช้จ่ายท่ีเกยี่ วเนื่องกบั การศึกษา
และคา่ ใช้จา่ ยท่ีจาเป็นในการครองชีพระหว่างศกึ ษา
ค.ไดร้ ับการศกึ ษาโดยไมเ่ สยี ค่าใชจ้ า่ ยตั้งแตแ่ รกเกดิ หรอื พบความพิการจนตลอดชวี ิตพร้อมทั้ง
ไดร้ บั เทคโนโลยี ส่งิ อานวยความสะดวก ส่อื บรกิ ารและความชว่ ยเหลืออืน่ ใดทางการศึกษา
ง.ได้รับการศกึ ษาทม่ี ีมาตรฐานและประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา รวมทั้งการจดั หลักสตู ร
กระบวนการเรยี นรู้ การทดสอบทางการศึกษา ทเี่ หมาะสมสอดลอ้ งกับความต้องการจาเป็นพิเศษของคน
พกิ ารแต่ละประเภทและบุคคล
ตอบ ข.
การเรยี นรว่ ม หมายถึงอะไร
ก.การใหค้ รูไปสอนคนพิการ
ข.การใหค้ นพกิ ารเรียนร้จู ากผปู้ กครอง โดยมีครดู แู ลรว่ มดว้ ย
ค.การใหค้ นพกิ ารเรยี นร่วมกับคนปกติ
ง.การใหค้ นพิการไปเรยี นรว่ มกบั คนพเิ ศษ
ตอบ ค.
ขอ้ ใดไม่ใชร่ ะบบการศกึ ษาทีจ่ ัดในศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษและศนู ยก์ ารเรียนเฉพาะความพกิ าร
ก. การศกึ ษาในระบบ ข. การศกึ ษานอกระบบ
ค. การศึกษาตามอธั ยาศยั ง. จดั การศกึ ษาทงั้ สามระบบ
ตอบ ก.
ขอ้ ใดไม่ใช่ศูนยก์ ารเรียนเฉพาะความพกิ าร
ก. บคุ คล ข. ครอบครวั
ค. ชุมชน ง. ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษ
ตอบ ง.
40
ใครรกั ษาการพระราชบญั ญัตกิ ารจัดการศึกษาสาหรบั คนพิการ พ.ศ.2551
ก. นายกรัฐมนตรี
ข.รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ
ค. รฐั มนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร
ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ข.
การได้รับสิทธเิ ลอื กบรกิ ารทางการศกึ ษาสาหรับคนพกิ าร ไมต่ อ้ งคานึงถงึ ขอ้ ใด
ก. ความตอ้ งการจาเปน็ พิเศษ ข. อายุ
ค. ความถนดั ความสนใจ ง. ความสามารถ
ตอบ ข.
ปัจจุบนั คณะกรรมการส่งเสรมิ การจัดการศึกษาสาหรบั คนพิการ มกี ี่คน
ก. 26 คน ข. 27 คน ค. 28 คน ง. 29 คน
ตอบ ค.
สานกั บริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ อยู่ในหนว่ ยงานใด
ก. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. สานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ค. สานักบรหิ ารงานเดก็ พิการ
ง. สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษา
ตอบ ก.
ข้อใดมหี นา้ ทจ่ี ัดการศึกษาตามภารกจิ แก่เด็กพิการ
ก. โรงเรียน ข. สานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา
ค. สถานศึกษาเฉพาะความพิการ ง. กระทรวงศกึ ษาธิการ
ตอบ ค.
แผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบคุ คล (IEP) ตอ้ งมคี วามสอดคลอ้ งกบั ข้อใดมากท่สี ุด
ก. หลักสตู รสถานศกึ ษา ข. หลกั สตู รแกนกลาง ฯ
ค. ความต้องการของผูป้ กครอง ง. ความต้องการจาเป็นพิเศษ
ตอบ ง.
******************************************************************************************
41