The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ E-Book เด็กแนว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khnakrkhngpaen, 2022-09-26 07:41:15

หนังสือ E-Book เด็กแนว

หนังสือ E-Book เด็กแนว

เ ด็ ก แ น ว
เ ด็ ก แ น ว
เ ด็ ก แ น ว
เ ด็ ก แ น ว

โดย:
ด.ช.คุณากร คงแป้น เลขที่2 ชั้นม.2.9
ด.ช.วรัญญู สุรทัตวรเมธ เลขที่14 ชั้นม.2.9

เ ด็ ก แ น ว
สมุดเล่มเล็ก

คำนำ

สมุดเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่2

เพื่อให้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องจัดทำหนังสือเล่มเล็กและได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อ
เป็นประโยชน์กับการเรียน

หากมีข้อแนะนำหรือผิดพลาดประการใด ผู้จัดข้อน้อมรับและขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ผู้จัดทำ
ด.ช.คุณากร คงแป้น
ด.ช.วรัญญู สุรทัตวรเมธ

แบ๊งค์ งามอรุณโชติ 1.




เมื่อ "ความดัง" ไล่ล่าคุณ...

ชีวิตที่ "เลือก" แล้วของ แบ๊งค์ งามอรุณโชติ




เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เชื่ออย่างสนิทใจว่าชีวิตคนเรา"เลือกเองได้"

เด็กอัจฉริยะอย่าง จารุพล สถิรพงษะสุทธิ บอกว่าผู้ชายคนนี้"เฉียบ"

หลังจากสัมภาษณ์พบว่าแบ๊งค์ไม่ใช่แค่"เฉียบ"

แต่ยัง"คม" "ชัด" และ"ลึก"มาก




ก่อนดัง




23 มิถุนายน 2547 กรุงเทพฯ

เวลา 07.00 น. ในรถเบนซ์สีทองคันหนึ่งมีครอบครัวงามอรุณโชติกำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม นี่คือช่วง

เวลาอันอบอุ่นของครอบครัว ที่บ้าน...แบ๊งค์ น้องสาวทั้งสองเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิท รัก เข้าใจและเติมเต็มซึ่งกัน

และกันตลอดมา ทุกเช้าพ่อจะไปส่งแบ๊งค์ที่มหาลัยและจะไปรับตอนเย็น พ่อให้อิสระกับแบ๊งค์เสมอแบ๊งค์เรียนที่


โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนตั้งแต่ประถมจนมัธยมปลาย แบ๊งค์มีเพื่อนเยอะมากชนิด"ไม่เคยมีคำว่า"เหงา"น้อง

สาวทั้งสองคนเรียนที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเเวนต์ แบ๊งค์ไม่เห็นด้วยที่สังคมชื่นชมคนเรียนเก่งเป็นหลัก

โดยที่ไม่ได้มองว่าเขาค้นพบกับความต้องการที่แท้จริงหรือยัง แบ๊งค์เป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์


คณะเศรษฐศาสตร์ครอบครัวของแบ๊งค์มีเพียงแค่พ่อ แบ๊งค์และน้องสาวสองคน ส่วนแม่ของแบ๊งค์นั้นท่านเสีย

ชีวิตไปตั้งแต่แบ๊งยังเรียนป.6

เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พ่อของแบงค์โศกเศร้าแบ๊งค์เลยตั้งใจเรียนเพื่อให้คุณพ่อสบายใจ แบ๊งค์ตั้งเป้า

หมายไว้ว่าภายใน 3 ปีจะต้องขึ้นมาอยู่ในระดับท๊อป 20 เพื่อให้พ่อภูมิใจ เมื่อได้ลำดับที่พอใจแล้วแบ๊งค์โหยหา


สังคมเก่าๆที่มีเพื่อนมากมาย แบ๊งค์เลย"เลือก"ที่จะเรียกสังคมเก่าๆกลับคืนมา แบ๊งค์เรียกสังคมกลับมาด้วยวิธี

สอนพิเศษให้เพื่อนๆหลังเลิกเรียนซึ่งวิธีนี้ทำให้แบ๊งค์ได้เจอผู้คนมากมาย ทุกคนรับรู้ถึงความจริงใจของแบ๊งค์


ม.3 แบ๊งค์"เลือก"ที่จะสมัครเป็นสมาชิกสภานักเรียนตามคำชวนของเพื่อน แบ๊งค์ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนน

สูงสุดในชั้นหลังจากเป็นสมาชิกสภานักเรียนแบ๊งค์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบ

โรงอาหาร นับได้ว่าแบ๊งค์ได้รับการยอมรับอย่างมากทีเดียว ตลอดการดำรงตำแหน่งแบ๊งค์ได้เข้าร่วมเป็นคณะ


ทำงานให้แก่สภาฯ หลากหลายหน้าที่




ถ้าวันนั้นแบ๊ง"เลือก"ที่จะไม่เรียนหนังสือ แบ๊งค์อาจเป็นคนเกเรไปเลยก็ได้
ถ้าวันนั้นแบ๊ง"เลือก"ที่จะเรียนอย่างเดียวก็คงไม่มีแบ๊งค์ในวันนี้
วันหนึ่งอาจารย์เข้ามาประชาสัมพันธ์การสอบคัดเลือกโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาตร์ระดับชั้นม.ต้น

ขณะนั้นการเรียนของแบ๊งค์คงตัวแล้วแบ๊งเลยเลือกที่จะตักตวงประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้แบ๊ง"เลือก"ที่จะกรอก

ใบสมัครเข้าร่วมโครงการฯ แบ๊งค์ได้รับการคัดเลือก โครงการได้สอนให้แบ๊งค์เริ่มต้นที่จะเป็นคนโดยสมบูรณ์

โครงการได้เสนอวิจัยสองโครงงานด้วยกัน ซึ่งทั้งสองโครงงานเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืช แบ๊งค์

ค่อยๆหลงเสน่ห์ของงานวิจัย แบ๊งค์เลย"เลือก"เข้าเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายคณิตวิทย์ อีกโครงการหนึ่งที่


แบ๊งค์ได้เข้าร่วมคือโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางภาษาไทยหรือ GIFTED THAI แบ๊งค์เป็นรุ่นแรกที่เข้าร่วม

โครงการ

2.

ทำไมดัง

แบ๊งค์ดังได้เพราะได้ไปออกรายการพูดคุยเรื่องต่างๆจนเป็นที่รู้จักแบ๊งค์นับว่าเป็นเยาวชนที่ปรากฏตัวหน้าจอ
โทรทัศน์มากครั้งที่สุดในประเทศไทยแบงค์เลือกที่จะเติมเต็มความสามารถของตนในทุกด้านทุกมุมนักกีฬานัก
ร้องประสานเสียงนักดนตรีคลาสสิกผู้กำกับการแสดงนักแสดงละครรำและความดีที่เขาเคยทำมาหมดเรื่องง
วัฒนธรรมเขาเข้าร่วมงานกระทรวงวัฒนธรรมด้านการศึกษาเขาออกต่างจังหวัดไปภูมิภาคขาดแคลนเพื่อนำสื่อ
การเรียนรู้ต่างๆไปให้และไปออกค่ายช่วยสอนหนังสือเป็นประจำทุกปีงานที่เขาทำให้แก่สภาระหว่างโรงเรียนส่วน
มากจะเน้นเรื่องการศึกษาเช่นออกไปสอนหนังสือเด็กต่างจังหวัดเอาสื่อการเรียนรู้ต่างๆไปให้ไปสร้างห้องสมุดซึ่ง
เป็นการลงพื้นที่จริงๆจนเมื่อเกิดประเด็นโต้แย้งครั้งใหญ่ทางการศึกษาเมื่อปลายปี 2546 เรื่องการเพิ่มค่าคะแนน
เฉลี่ยสะสม GPA ในการสอบ Entrance เขาก็ได้รับการชักชวนจากพันโท แพทย์หญิงกมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี
ประธานเครือข่ายพ่อแม่และเยาวชนเพื่อการปฏิรูปการศึกษาให้ไปแถลงข่าวคัดค้านร่วมกับครูประทีป อึ้งทรงธรรม
วันหนึ่งเขาได้รับโทรศัพท์จากทีมงานรายการถึงลูกถึงคนติดต่อขอให้ไปออกรายการสดในประเด็นนี้ก่อนหน้าเขา
เคยได้ไปออกรายการถึง 3 ครั้งแล้วแต่เป็นรายการเกี่ยวกับอัจฉริยภาพทางภาษาไทยทั้งสิ้นหลัง เพราะเขาเลือกที่
จะทำกิจกรรมและแสดงความคิดเห็นเรื่องราวพัฒนาการศึกษาอย่างต่อเนื่องนี่เองทำให้เขาเป็นที่รู้จักของบรรดา
สื่อมวลชนทั่วไปเพราะสื่อมวลชนรู้จักโอกาสจึงเปิดเขาเลือกที่จะสร้างโอกาสต่อไปด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่หนักแต่
น่าสนใจด้วยท่าทีที่แข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกร้าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอแล้วด้วยความนุ่มนวลแต่หนัก
แน่นเขาจึงค่อยๆโด่งดังขึ้นไปเรื่อยๆโดยที่เขาเองยังแทบไม่รู้ตัว

ดังแล้วยังไง

เขาเลือกที่จะสนับสนุนรุ่นน้องไม่ใช่ตัวเองต้องขึ้นไปอยู่ในแนวหน้าทุกครั้งนี่คือสิ่งที่เขาเลือกเขาเรียกว่าเป็น
ปณิธานเลยทีเดียวเขาเห็นว่ายิ่งโตขึ้นจะต้องยิ่งพูดน้อยลงแต่เด็กในวันนี้จะต้องให้พูดมากขึ้น ใครคิดว่าเขาอยาก
เป็นข่าวถ้าถามเขาเขาเลือกที่จะไม่เป็นข่าวมากกว่าถึงแบ๊งค์จะดังแล้วแต่ทุกครั้งที่ไปพูดแบงค์ก็ยังเลือกที่จะ
เตรียมตัวเองให้พร้อมที่สุดเหมือนเดิมด้วยความเชื่อว่าการพูดเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนตลอดและต้องเต็มที่กับมัน
เสมอ ปัจุบันเขาเป็นนิสิตชั้นปีที่ 1 คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาฯและเป็นกรรมการชั้นปีของคณะเศรษฐศาสตร์

24 มิถุนายน 2547 กรุงเทพมหานคร
7.00 น. อรุณเบิกฟ้า
ตารางที่อัดแน่นเช่นนี้ คือสิ่งที่เขา "เลือก" แล้ว
เด็กหนุ่มคนหนึ่งไม่ต้องการความดัง แต่ความดังก็ยังไล่ล่าเขา
ทว่าความดังไม่อาจเปลี่ยนเขาได้ แบ๊งค์ในวันนี้ พรุ่งนี้ หรือกี่ปี
ผ่านไป ก็ยังคงเป็นแบ๊งค์คนเดิม
คืออีกสิ่งหนึ่งที่เขา "เลือก" แล้วเช่นกัน

จารุพล สถิรพงษะสุทธิ 3.




"A Beautiful Mind"




เข้าใจตัวตน... จารุพล สถิรพงษะสุทธิ



บุญเก่าแต่ก่อนมา เกิดเป็นฟ้าที่ภูมิใจ
“สะดุดตาอยู่ที่ใบงานผลการเรียนใบหนึ่งมีตัวเลขกลมๆในช่องระดับผลการเรียน
วิชาคณิตศาสตร์ภาคเรียนที่สอง” สิ่งที่พริกเด็กที่ได้เกรดศูนย์ให้กลายเป็นเด็กที่เก่ง
เลขที่สุดคนหนึ่งของประเทศวันนี้จํา ได้พอผมทั้งเกรดคณิตศาสตร์ได้ดีคุณพ่อคุณ
แม่ท่านดีใจมากผมเห็นท่านมีความสุขก็อยากให้ท่านมีความสุขแบบนี้ตลอดไป
อยากเห็นรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจบนใบหน้าของท่านตลอดไป ผมจึงเริ่มเป็น
เด็กขยัน
"ตกเลข"นำสู่ชัย บวชเรียนได้รู้ความจริง
ก้าวหน้าและกว้างไกล เพราะ"ตั้งใจ"จึงเยี่ยมยิ่ง
เส้นทางที่แท้จริง ได้ค้นหาพาตริตรอง
มีพลาดมีผิดหวัง ใช่เป็นดังที่ตั้งปอง
สังเกตและทดลอง เกิดกิ้งกือลือเค้าโครง
สังคมไทยสำคัญ ก่อความฝันเจิดจรรโลง
สำเร็จที่ยาวโยง และปลายโค้งควรคำนึง




กลางปี 2547
ชื่อจารุพลและเพื่อนในทีมอีกสองคนปรากฎบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ หลังจากที่ "คลื่นการเดินของกิ้งกือ" โครงงาน

วิทยาศาสตร์ที่เขาเป็นหัวหน้าทีม สามารถคว้ารางวัลทางวิทยาศาสตร์ระดับโลกมาครองได้สำเร็จ นับว่าโครงงานนี้สร้างชื่อ
เสียงให้แก่ประเทศชาติอย่างมาก ส่งผลให้"ทีมกิ้งกือบันลือโลก" กลายเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน
อะไรคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เป็น "จารุพล" อย่างทุกวันนี้ ชีวิตเขามีจังหวะการก้าวเดินอย่างไร ทำไมเขาจึงเชื่อในศาสนา
เชื่อและศรัทธาอย่างสุดหัวใจย้อนกลับไปดูประวัติ จารุพลเป็นเลิศในหลายๆวิชา แสดงว่าเขาต้องทุ่มเทให้แก่การเรียน
อย่างหนัก ส่วนอีกด้านจารุพลก็สามารถทำกิจกรรมมากมาย

"เขาคิดว่าสิ่งที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะบุญเก่าของเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำให้เขาได้เกิดเป็นลูกของคุณ
พ่อคุณแม่" ฟ้าเป็นบุตรคนที่ 2 ของนายแพทย์เกรียงไกร สถิรพงษะสุทธิและคุณแม่นิลวดี สถิรพงษะสุทธิ ไม่ใช่เพียง
พันธุกรรมที่ทำให้เขาเก่งวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ แต่เป็นเพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวและแนวทางที่ได้รับกปลูกฝังจาก
ท่านทั้งสองตั้งแต่ฟ้ายังเด็ก"คุณพ่อคุณแม่พยายามหัดเขาให้ใช้ความคิดตลอด ให้คิดอย่างเป็นระบบ ให้รู้ว่าสิ่งนี้ถ้าทำแล้ว
จะเกิดผลอย่างไร ดีหรือไม่ดี สอนให้วิเคราะห์"

ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่เห็นความสำคัญของโรงเรียนเป็นอย่างมาก โรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของฟ้าคือโรงเรียนเยร
ประสิทธิ์ศาสตร์ แล้วมาต่อระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยสอบได้ที่โหล่ และ โทมัส อัลวา เอดิสันยังเคยถูกใครๆ ตราหน้าว่าเป็น "เด็กหัวขี้เลื่อย" จะ
แปลกอะไรถ้านักเรียนอันดับ 1 ของประเทศไทยในปัจจุบันก็เคยได้เกรด 0 พอได้ 0 ก็เป็นแรงผลักดันให้ผมไต้ตั้งใจ
เป็นพิเศษ" จนขึ้นป.5เกรดของเขากลับกลายเป็นเลข4 พอเริ่มเรียนคณิตศาสตร์ได้ดี ผลการเรียนวิชาอื่นๆก็ดีขึ้น

เลข 0 ตอนป.4 จึงเป็นเลขนำชัยชนะทางวิชาการของฟ้าโดยกาลต่อๆมา
ตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ ฟ้าก็ขอคุณพ่อคุณแม่ไปบวชที่วัดบวรนิเวศวิหาร โดยได้บวชต่อเนื่องทุกปิดเทอมในช่วงที่เรียน ป.
3-ป. 5 รวมทั้งสิ้นสี่ครั้ง

4.

การบวชยังทำให้ฟ้ารักและเห็นความสำคัญของภาษาไทย เขาจึงเป็นนักเรียนที่เขียนภาษาไทยได้สละสลวย ฟ้า
เขียนบทความต่างๆ เป็นจำนวนมาก และเคยได้คะแนนวิชาภาษาไทยสูงสุดในชั้นหลายต่อหลายครั้ง

"แนวคิดของฟ้าเรื่องการแบ่งเวลา คือ หนึ่ง เราต้องรู้จักตัวเอง สอง คือ ต้องรู้ข้อจำกัดของตัวเอง และสิ่ง
สำคัยที่สุดก็คือ 'ความตั้งใจ' ที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้"

ฟ้าเคยอยากเป็นหมอเหมือนคุณพ่อและพี่สาว ปัจจุบันพี่สาวของฟ้ากำลังศึกษาอยู่ที่คณะแพทยศาสตร์
รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลทว่าการได้เข้าฝึกงานด้านการวิจัย ในโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทาง
วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กและเยาวชน ทำให้ฟ้าได้ค้นพบ "ความใฝ่ฝัน"และเส้นทางเดินที่แท้จริงของตัวเอง

ฟ้าเป็นนักเรียนแนวหน้าของโรงเรียนและได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันคณิตศาตร์ใน
ระดับนานาชาติฟ้าสอบผ่านเข้าค่ายอบรมรอบสุดท้ายเพื่อคัดเลือกผู้แทนนักเรียนไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์
โอลิมปิกระหว่างประเทศติดต่อกันทั้ง 3 ปี โดยผลคะแนนอยู่ในระดับต้นๆ แต่พอสอบคัดเลือกครั้งสุดท้าย
จริงๆ เขากลับพลาดหวังทั้งสามครั้ง ด้วยผลต่างคะแนนที่แสนเฉียดฉิว

แม้จะไม่เคยได้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันโอลิมปีกวิชาการแต่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่แพ้กันก็เป็น
ของฟ้าจนได้เริ่มต้นจากนิสัยช่างสังเกต เมื่อปลายปี 2545 เขาและเพื่อนๆร่วมโรงเรียนอีกสองคน คือ ณัฐ
ดนัย ปุณณะนิธิและ ภูมิยศวิมลกิตติวัฒน์ได้สังเกตการเดินของกิ้งกือและเกิดสนใจขึ้นมาว่าขากิ้งกือจำนวน
มากนั้นเดินได้อย่างไรโดยไม่สะดุดขาตัวเอง ทั้งสามคนจึงสร้างโครงงานขึ้นมา โครงงานชิ้นนี้ได้รับรางวัลชนะ
เลิศในงานสัปดาห์วันวิทยาศาสตร์และได้รับเลือกเป็นตัวแทนไปประกวดโครงงานวิทยาศาตร์

ผลจากความสามารถคว้ารางวัลในระดับนานาชาติ ทำให้นานาประเทศประจักษ์ในความสามารถของกลุ่ม
นักเรียนไทยซึ่งเป็นการสร้าชื่อเสียงด้านการศึกษาให้แก่ประเทศ จึงได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากสำนักงาน
ส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ ให้เป็นกลุ่มเยาวชนดีเด่นแห่ง
ชาติ สาขาคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี และสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ประจำปี 2547
ดังนั้นในฐานะหัวหน้าทีม ชื่อของ จารุพลสถิรพงษะสุทธิ จึงได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อมวลชนทุกแขนง

ปลายปี 2546 ฟ้าเข้าสอบแข่งขันเพื่อรับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งการได้รับพระราชทานทุนนี้นับ
เป็นเกียรติยศสูงสุดของชีวิตการเป็นนักเรียน ผลการสอบปรากฎว่าเขาผ่านการประเมินให้เข้ารับพระราชทาน
ทุนเล่าเรียนหลวงด้วยคะแนนสูงสุด

ความสำเร็จของฟ้าจึงเป็น "สำเร็จที่ยาวโยง" คือไม่ใช่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้วก็จบลงไป ดังเช่นการชนะ
เลิศการแข่งขันต่างๆ แต่เป็นความสำเร็จที่ทอด "ยาว" และเชื่อม "โยง" ถึงเส้นทางที่ชัดเจนแล้วในชีวิตข้าง
หน้าของตน

ส่วน "และปลายโค้งควรคะนึง" คือความเข้าใจที่กระจ่างแจ้งในใจของเขาว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ท้ายสุด
ก็คือการกลับคืนสู่ต้นกำเนิดหรือธรรมชาติ เป็นการกลับคืนสู่ธรรมหรือความจริงนั่นเอง ฉะนั้นฟ้าจึงมีความ
มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะไปให้ถึงจุดหมายที่เป็นแก่นแท้ของความจริง

วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล 5.




คนตรา"สิงห์" กลั่นกรองกว่าจะเป็น
.......วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล




"ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปและกลายเป็นคนที่สมบูรณ์ขึ้น"




ชีวิตแต่ละครต่างก็มีส่วนผสมและผ่านการหล่อหลอมแตกต่างกันไป
ส่วนผสมของคนตรา"สิงห์"ซึ่งได้พบ ได้สัมภาษณ์ น่าจะเป็นดังนี้ 100 % ความจริงจัง เข้มข้นในการกระทำ บริสุทธิ์ใน
เจตนา ผ่านการกลั่น-กรองด้วยประสบการณ์ชีวิตหลายขั้นหลายตอน...
ตั้งแต่... ครอบครัวกดให้แกร่ง วัยเด็ก "แรง" "ซ่า" และ "ซน"

AFS* หาตัวดน เป็นคนใหม่ไม่เหมือนเดิม
จนได้... วาดฝันที่ปลายรุ้ง และมั่นมุ่งผลุงเผดิม

ทัศนะที่ต่อเติม และเดิบใดอย่างเต็มตัว !!!
เขาเรียนปริญญาโทวิทยาศาสตร์การประมงอยู่ที่จุฬาฯ
พ่อแม่หวังให้สิงห์เป็นคนดี พ่อแม่ของสิงห์ไม่โอเคเกี่ยวกับการไปประกอบธุรกิจ หรือผันตัวเองไปเป็นชนชั้นนายทุนที่
อยู่บนยิดพีระมิดของระบบทุนนิยมซึ่งคนพวกนี้ข่มเหงคนเรื่อยมา พ่อแม่ของสิงห์อยากให้สิ่งค์เป็นคนทำอะไรเพื่อสังคม

หรือทำเพราะรักที่จะทำมากกว่าทำเพราะเงินนี้คือสิ่งที่สิงค์ยึดถือเป็นแนวทางอยู่แล้ว
พ่อของสิงค์บอกว่าอิสระไม่ใช้การที่ทำอะไรตามใจก็ได้ แต่คือการกล้าี่จะผูกมัดตัวเองกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งและทำสิ่งนันไป
ซึ่งสิ่งนี้ผมต้องหามาด้วยตัวเอง ณ เวลานี้สิงค์ไม่ได้หาอิสรภาพ แต่สิงค์พยายามผูกมัดตัวเองกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
สิ่งนั้นคืออุดมการณ์ สิงค์เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ ครอบครัวของสิงค์แต่ละคนมีวิถีชีวิตไม่เหมือนกันดังนั้นเราจึงมีอิสระ

ที่แตกต่างกัน
สิงค์รับรู้เหตุการณ์เดือนตุลาเหมือนกับคนอื่ นๆไม่ได้รู้เบื้ องลึกเบื้ องหลังอะไรและไม่อยากสอบถามพ่อแม่เพราะมัน
ไม่ใช่ความทรงจำที่สวยงามนักสำหรับพ่อและแม่
ข้อดีของการมีพ่อชื่อ"เสกสรรค์"และแม่ชื่อ"จิระนันท์"คือการมีครูดีอยู่ในบ้าน ความรู้พวกท่านมีเยอะ เป็นตัวอย่างที่ดี
ให้สิงค์มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เพราะพ่อและแม่ก็มีความเป็นตัวเองสูงเหมือนกัน ทุกคนมีโลกของตัวเองห่วงใยกัน
แต่ไม่เคยก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกันและกัน
สิงค์เข้าเรียนประถมที่ที่ราชวินิต เขาเป็นเด็กธรรมดาที่เรียนเก่งเท่านั้น พอมัธยมสิงค์เข้าเรียนที่สามเสนวิทยาลัยเพราะ
ใกล้บ้านและพี่ชายเรียน ชื่อเสียงดี และพ่อแม่ว่าไงก็ว่าอย่างนั้น พอเข้าไปสิงค์ก้โดนกดดันสูงเพราะพี่เป็นคนเก่งของ
โรงเรียนเข้าไปแรกๆสิงค์ก็เป็นเด็กธรรมดาจับสลากได้คัดห้องก็ไม่ตั้งใจเลยได้เรียนห้องบ๊วย ม.ต้นเป็นเด็กเกเรแต่พอ
ม.ปลายคิดได้เลยเรียนดีขึ้นตอนออกกับตอนเข้าคนละคนกันเลย เพราะสภาพแวดล้อมมีส่วนที่ทำให้สิงค์เกเรด้วยเป็น

เด็กเลยไม่คิดอะไรมากเท่าไหร่ เพราะความเนียนพ่อแม่เลยจับไม่ได้ว่าเกเร สิงค์ไม่สนใจอาจารย์เท่าไหร่เพราะความต่อต้าน

ด้วย

สิงค์ไป AFS ตอน ม.5 เพราะพ่อเคยไปและสิงค์ก็เบื่อโรงเรียนไทยเหมือนกันเลยเลือกที่จะไป สิงค์เจอสิ่งที่ค้นหาใน
ระดับหนึ่งเพราะไป AFS สิงค์ได้อยู่กับตัวเองมากชึ้น เลยได้คิดอะไรๆหลายอย่าง

6.

สิงค์คิดว่าการค้นหาตัวเองไม่ได้สบายเลยประสบการณ์ก็มีส่วนให้สิงค์ได้ค้นหาตัวเองเหมือนกัน
สิงค์อยู่กับครอบครัวอุปถัมป์พวกเขาค่อนข้างยึดเสรีภาพของตัวเองสูงทำให้เกิดกำแพงระหว่างกัน พอครอบครัว
แรกมีปัญหาสิงค์เลยย้ายมาอยู่กับครอบของเพื่อนที่โรงเรียนแต่เกิดปัญหาเพราะพวกเขาไล่สิงค์ออกจากบ้านเพราะไม่
ชอบอะไรในตัวสิงค์จนสิงค์เจึงป็นคนเชื่อใจคนยากจนถึงปัจจุบัน
สิงค์เจออุปสรรอีกอย่างคือการเหยีดสีผิวของพวกฝรั่งและการแบ่งพรรคแบ่งพวกซึ่งในโรงเรียนไทยไม่ขนาดนั้น
ทำให้สิงค์ต้องปรับตัวอย่างมาก
สิงค์ชอบการศึกษาของเขาเพราะอาจารย์มีความยืดหยุ่นมากกว่า แต่เด็ที่นั้นไม่ค่อยใช่ประโยชน์จากระบบที่ดีเท่าไหร่
สิงค์อยาอยู่ไทยมากกว่าเพราะสังคมคนละแบบกัน
สรุปว่าสิงค์ได้ค้นหาตัวเองเองมากขึ้นจากการไปครั้งนี้ แต่สำหรับสิงค์ประเทศไทยสนุกกว่า
สิงค์และครอบครัวไม่ค่อยชอบระบบเอนทรานซ์ซักเท่าไหร่นักเพราะเหตุผลหลายๆอย่าง
ตอนนี้สิงค์ทำงานในวงการบันเทิงอยู่สองอย่าคือรายการของแกรมมี่และของยูบีซี สิงค์เริ่มจากจากตอนอายุ 17 มี
แมวมองมาถามว่าสนใจไป cast ไหมสิงค์คิดว่ามันโก้ดีเลยไป ตอนนี้สิงค์คิดว่าวงการบันเทิงสามารถเปลี่ยนคนให้
กลายเป็นสินค้าที่บริโภคได้และพยายามหากำไรถึงที่สุดจากระบบทุนนิยม สิงค์ไม่ชอบวงการนี้เท่าไหร่ก็จริงแต่สิงค์ก็
ต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อหาเลี้ยงตัวเองเหมือนกันการเข้าวงการทำให้สิงค์มีอะไรมากขึ้นตอนแรกมองว่าเลิศหรูตอนนี้มอง
อีกแบบเลย
ตอนนี้สิงค์เขียนคอลัมม์ของพราวสุดสัปดาห์และเขียนใน GM PLUS สิงค์หยิบการมองต่างมาเป็นการเขียนเรื่อง
ราวในหนังสือเหมือนกัน สิงค์เขียนหนังสือเพราะชอบและอยากให้คนอื่นได้ยินเสียงเล็กๆของสิงค์เหมือนกัน คนอ่าน
หนังสือบ้านเราน้อยแต่สิงค์คิดว่าไม่ได้บังคับให้ใครมาอ่าน ถ้าเขาอ่านแสดงว่าเค้าสนใจที่เราเขียนจริงๆ
อยู่โรเรียนเก่าสิงค์ได้ทำวารสาร หนังสือรุ่น ช่วยงานกีฬาสี และเล่านดนตรีกับเพื่อนแต่ไม่ได้ทีกิจกรรมใหญ่โตนอก
โรงเรียน พอเข้ามหาลัยสิงค์ก็ได้ช่วงยงานองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สิงค์เข้าะรรมศาสตร์เพราะ
หวังว่าจะมีส่วนร่วมกับสังคมได้บ้างถึงธรรมศาสตร์จะไม่มีพลังเหมือนแต่ก่อน
สิงค์ทำงาน กิจกรรม และเรียนหนักมาก สิงค์แบ่งเวลาเป็น4ชม.นอนอีก20ชม.ทำงานสิงทุมเทให้ทุกอย่างเต็มที่
ห้ามมีงานไม่ดีเด็ดขาด
สิงค์ทุ่มเทให้การเรียนมากที่สุดเพื่อการศึกษาต่อ เคล็ดลับในการเรียนของสิงค์การเรียนหนัก พยายามเข้าทุกคาบ
ไม่ทิ้งการเรียนเด็ดขาด การงานต้องไม่ขวางการเรียน สิงค์วางแผนชีวิตคือจบแล้วต่อโทหาทุนเพื่อต่อให้ถึงเอก สิงค์
ไม่สนใจเล่นการเมืองแต่สิงค์อยากเป็นนักวิชาการสอนหนังสือคนถ้านักวิชาการเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้แต่คุณค่าอยู่
ที่จิตใจสำหรับสิงค์
คำว่า"ประสบความสำเร็จ"ในทัศนะคติของสิงค์คือคำว่าไม่มีเพราะสิงคืคิดว่าการประสบความสำเร็จจริงๆคือการตาย
อย่างคุ้มค่ากับการได้ใช่ชีวิตทั้งหมดไป
สิงค์ไม่ยึดถือใครเป็นแบบอย่างแต่ยึดถือตัวเองเป็นหลัก แต่สิงค์คิดว่าเขาเป็นคนจริงจังทำให้ขาดคนคอยแคร์มาก
สิงค์คิดว่า การที่ผู้ใหญ่ชอบบ่นว่าวัยรุ่นไทยกำลังไปในทิศทางที่เรียกว่า"ไร้ตัวตนและไร้สมอง"คอืไม่มีความเป็นตัว
ของตัวเองนั้นกำลังกลายเป็นเรื่องจริง
จุดยืนของสิงค์คือการยอมหักดีกว่ายอมงอ บางคนที่เขายอมงอไปก่อน เขาคิดว่าเมื่อได้ไปสู่จุดจุดหนึ่งที่เขา
ต้องการแล้ว เขาสามารถทำอะไรเพื่อสังคมได้มากขึ้นกว่าเดิม สิงค์คิดต่างจากนั้น
"เราไม่ได้เห็นสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็น แต่เราเห็นสิ่งต่างๆ ตามที่เราเป็น" เพราะฉะนั้นถ้าเราเป็นคนที่ว่างเปล่า เรามอง
ไปในชีวิตของเรา มันก็จะว่างเปล่าเหมือนกัน
อยากให้สร้าง "ตัวเอง" ให้ดี เพราะอย่างน้อยที่สุด เราก็ต้องอยู่กับ "คนคนนี้" ไปทั้งชีวิต

ทศพล เชี่ยวชาญประพันธ์ 7.




การเมืองเรื่องไม่น่าเบื่อ

: เล่น msn กับแฟนพันธุ์แท้การเมืองไหน




การเมืองไม่ได้สกปรก การเมื่องเป็นการอุทิศตน เป็นพลังของชาติได้แต่คนที่มาทำงานการเมืองต่าง
หากที่มีปัญหาทศพลเป็นแฟนพันธุ์แท้การเมืองได้โดยการสมัครไปที่รายการแฟนพันธุแท้เรื่อง
การเมืองตอน ม.5 ขึ้น ม.6 โดยมีเพื่อนช่วยในเรื่องการสมัครเข้าร่วมรายการ รายการคัดเลือกโดยการ
เอาคำถามที่เราตั้งมาถามเราแล้วให้เรามาอธิบายอย่างละเอียด ทศพลผ่านเข้ารอบแต่เพื่อนที่ติดต่อ
รายการไปไม่ผ่านเข้ารอบ ทศพลมีเวลาเตรียมตัวน้อยมากและกลัวว่าชื่อมันจะติดอยู่ที่ปาก เขาไม่อยาก
ตกรอบแรกเพราะจะรู้สึกผิดต่อเพื่อนที่มาเชียร์ทศพลสนใจการเมืองตั้งแต่ประถม และก็ไม่เบื่อเลย
เพราะเป็นเด็กคนเดียวในหมู่ผู้ใหญ่สิบคน ผู้ใหญ่ชอบพูดเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคมกันทำให้
ทศพลซึมซับมา ทศพลชอบอ่านหนังสือ อ่านนิทาน ความรู้รอบตัว สังคม สารคดี แต่ไม่อ่านหนังสือ
การ์ตูนหรือเล่นเกมส์เพราะไม่ชอบและที่บ้านไม่ได้ซื้อให้ทศพลเรียนเซนต์คาเบรียลมาตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.3
เป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอดช่วงแรกๆทศพลสนใจการเมืองแต่พอ ม.2 ก็เริ่มสนใจการศึกษาเพราะได้
เข้าร่วมประชุมของสกศ.พอทศพลได้เป็นประธานสภาเยาชนก็มีคนรู้จักเพิ่มขึ้นจากจุดนี้ หน้าที่ของ
ประธานสภาคือต้องออกจุลสารสภาฯในที่ประชุม หลังจากนั้นทศพลก็ได้ไปรายการเจาะใจจากพี่ที่
สกศ.แนะนำให้ไปทศพลได้เขียนหนังสือชื่อ การปฎิรูปการศึกษาในมุมมองของเด็กไทยโดยมี สกศ.ช่วย
จัดการมีการตีพิมพ์4ครั้งครั้งละ2,000เล่มรวมเป็น8,000เล่ม เป็นหนังสือแจกฟรี ทศพลเดินสายแจก
ตามห้องสมุดตามต่างจังหวัด ส่วนใหญ่มีคนเห็นด้วยกับหนังสือที่เขียนแต่บางคนไม่เห็นด้วยคิดว่าแรง
เกินไปแต่เป็นส่วนน้อยพอม.4ทศพลออกมาอยู่เตรียมฯเพื่อต่อแผนศิลป์ภาษาเพราะโรงเรียนเก่าไม่มี
ทศพลเลือกเรียนศิลป์ฝรั่งเศษเพราะคิดว่ามันต่อยอดได้มากกว่าเพราะทศพลจะเรียนรัฐศาสตร์

ช่วงแรกๆที่ย้ายทศพลปรับตัวไม่ได้แต่มีเพื่อนๆคอยให้กำลังใจ ตอนม.4ทศพลเข้าไปปุ๊ปก็ลงสมัครตำ
แหน่งเลขาฯคณะกรรมการนักเรียนเลย เพราะคิดว่าจะลงประธานแต่อยากเก็บประสบการณ์ก่อนโดย
การลงสมัครเลขาฯพอม.5มีปัญหากับเพื่อนทศพลเลยผันตัวเองมาทำงานวิชาการแทน เป็นรอง
ประธานชมรมกฎหมาย งานกรรมการนักเรียนไม่ได้ทำแล้ว พอม.6ทศพลก็ได้เป็นสมาชิกสภานักเรียนที่
ไม่ลงประธานเพราะคิดว่าตัวเองไม่เหมาะเพราะช่วงม.5ได้ว่างเว้นไปคิดว่าตัวเองไร้ประสบการณ์ในการ
ทำงาน

งานที่ทศพลภูมีใจที่สุดคือการจัดค่ายเกี่ยวกับการเมืองที่จัดกับโรงเรียนเซนฯเพราะจัดการเอง
ทั้งหมดตอนแรกไม่อยากจัดใหญ่เลยรับเด็กเตรียมฯ 30 คน เด็กเซนฯ 30 คนเพราะเป็นครั้งแรกเลย
อยากทดลองก่อน โดยในการสนับสนุนคือโรงเรียนเตรียมฯให้งบมา 1 แสนบาท เซนฯสนับสนุนเรื่อง
ที่พัก ส่วนอุปกรณ์ทศพลได้มาจากยูนิเซฟและสถาบันพระปกเกล้าฯและเพื่อนฝูงช่วยกันลงขัน ส่วน
ทศพลลงขันไป10,000บาททศพลคิดว่าทำกิจกรรมได้ให้คุณค่า รู้สึกว่าคนอื่นเก่งเราเก่งคนเดียวไม่ได้
ทำกิจกรรมแล้วคิดว่าคนอื่ นมีค่าและมองตัวเองว่ามีค่าไม่ได้มาเรียนอย่างเดียวแต่เรามีค่าเมื่ อได้ทำ
ประโยชน์ให้สังคมตอนนี้ทศพลเป็นนิสิตคณะรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ เพราะชอบ
การเมืองเลยและชอบเรื่องต่างประเทศก็เลยอยามองสถานการณ์ของโลกให้ออกเพราะผู้นำต้องมีวิสัย
ทัศน์ที่กว้างไกล

8.

อนาคตทศพลอยากเป็นอาจารย์และถ้าเป็นไปได้ก็อยากเล่านการเมืองเมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างพร้อม ทั้งเรื่อง
ฐานะ การงาน ความรู้ ประสบการณ์ ถ้าเป็นอาจารย์ก็ได้สร้างคนสอนคน ทศพลคิดว่านักการเมืองเป็นหน้าที่
เป็นการอาสาเข้าไปทำงานให้ส่วนรวม เป็นอาชีพแห่งอุดมการณ์ ไม่ใช่ธุรกิจ ไม่ใช่สถานที่เล่นเกมส์

"ไทยจะเฟื่ อง ไทยจะรุ่งเรือง ก็เพราะการเมืองดี"เป็นท่อนที่ทศพลศรัทธาในเพลงประจำมหาลัยวัทยาลัย
ธรรมศาสตร์

คติประจำใจของทศพลคือเราเป็นคนชอบศึกษาอดีต แต่อย่าไปจมปลักกับมัน เอามาเป็นบทเรียนในการจะก้าว
ต่อไปในอนาคต ชีวิตนั้นสั้น ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ก็ต้องรีบๆทำ วันหนึ่งเราจะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีขึ้น
จุดยืนของเราคือทำทุกอย่างที่ถูกต้องและไม่เดือดร้อนใครไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรก็ตาม จะลำบาก จะมีคนขัด
เยอะก็ต้องยืนหยัดทำถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องไม่งั้นการกระทำของเราจะมีคุณค่าได้อย่างไร ถ้าเราเอาแต่ทำเพื่อเอาตัว
รอดอย่างเดียวมันฉาบฉวยเกินไป

นายอย่าเพิ่งเบื่อการเมืองก็แล้วกัน อย่าท้อแท้ อย่าหมดหวัง เราต้องเชื่อว่าด้วยสองมือของเราทุกคนร่วมมือ
กัน เราสามารถว่าสังคมไทยในอุดมคติให้เป็นจริงได้ จำไว้ คนดีๆ ต้องช่วยกันเข้าไปทำงานการเมือง เพื่อชาติ
เพื่อประชาชนและไว้เรามาร่วมงานกัน

พิเชษฐ พิณทอง 9.




"อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด"




"วัยรุ่นขายตัวมีสูตรว่า 14 เสียตัว 14 มีผัว 16 กลัวท้อง 17 กลัวท้อง 18 กลัวท้อง 19 อ้าว...ลูกสามแล้ว"
"ที่เขาขายตัวเพราะไม่มีโอกาสดีๆ อย่างพวกเรา ไม่มีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่มีการศึกษา"
ผู้พูดลดเสียงลง ทั้งห้องเงียบกริบ

เบื้องหลังความคิดและบทเรียนที่นำมาบรรยายในวันนี้คือ 23 ปีแห่งการต่อสู้ฟันฝ่าของคนคนหนึ่งซึ่งตั้งใจอุทิศตน
ให้แก่ความดี ความถูกต้อง และถิ่นฐานบ้านเมือง ยืนหยัดท้าแดดฝนอย่างไม่ระย่อท่ามกลางโชคชะตาที่พลิกผันไม่สิ้น
สุด
...นี่คือเรื่องราวของเขาคนนั้น

แม้ครอบครัวมีฐานะยากจน แต่ครอบครัวก็ดูแลเขาด้วยความรัก บ้านที่อยู่กันก็เป็นบ้านไม้มุงสังกะสีเก่าๆ ปู่ของเขา
เป็นคนอดทนและมีความพยายาม ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต เขาศรัทธาในตัวปู่ของเขามาก

ถึงแม้จะไม่ร่ำรวย แต่พ่อและแม่ก็ให้ความสำคัญกับการศึกษา พวกท่านส่งเสียให้เขาเข้าเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียน
รถไฟเมื่อกลับจากโรงเรียนเขาจะทำการบ้านโดยมีแม่คอยสอนตกเย็นก็รับประทานอาหารร่วมกันทั้งครอบครัวแม่บ้านที่
อยู่จะไม่ใหญ่แต่ก็อบอุ่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอยู่ทุกวัน ผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านต้องทำงานหนักเขาทำงานหลายอย่างทั้ง
ก่อสร้างขายลูกโป่งขายถ่านและอื่นๆ ถ้าเป็นอาชีพสุจริตแล้วพวกเขาทำได้หมดส่วนใหญ่จบเพียงป.4 และทุกคนใน
ครอบครัวก็ขยันในการทำงานพัฒนาฝีมือของตน จนสามารถดัดแปลงสิ่งที่ใช้ไม่ได้แล้วให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง

ความคิดสร้างสรรค์และเลือดนักสู้ในตัวปู่และพ่อค่อยๆซึมซับเข้าสู่ใจของพิเชษฐ ท่านทั้งสองเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า
"ขอเพียงกล้าคิดกล้าทำและกล้าลงมือทำสิ่งที่ดูเหมือน'เป็นไปไม่ได้'ก็ยัง'เป็นไปได้'ทั้งนั้น"

ความยากจนไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำความดีตั้งแต่เล็กจนโตเขาจำได้ว่าที่บ้านจะไปทำบุญที่วัดอยู่เสมอ ผลบุญนี้
เองที่เป็นสิ่งส่งเสริมให้ครอบครัวรักใคร่สามัคคีจนทำให้ฐานะที่ยากจนของเราเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เขาจำได้ว่าสมัยนั้นพวก
เขาเก็บเงินสดไว้ในโอ่งใบใหญ่ทำอะไรก็มีความสุขสบาย แม้เวลาไปเที่ยวก็ไปด้วยกันทั้งครอบครัว รถวิ่งต่อกันยาวเป็น
ขบวน พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุข

วิกฤตในครอบครัวเริ่มต้นจากการที่ครอบครัวถูกโกงเงินค่ารับเหมาก่อสร้างจึงทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินจาก
ที่เคยสะดวกสบายก็เริ่มมีปัญหา มรสุมปัญหาเริ่มพัดโหมกระหน่ำอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อถูกโกงค่าเงินรับเหมาก่อสร้าง
พวกเขาต้องนำบ้านไปจำนองเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายดอกเบี้ยธนาคารก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ หลังจากนั้น
ครอบครัวของเขาก็พบเจอ
ปัญหามากมาทั้งขโมยขึ้นบ้านและไฟไหม้บ้าน

การเผชิญวิกฤตของคนในครอบครัวเป็นเคราะห์กรรมก็จริงบางครั้งเขารู้สึกว่าสิ่งนั้นๆที่ไม่คาดฝันทำไมต้องมาเกิด
กับพวกเขาทั้งๆที่ทำความดีมาตลอดไม่ถึงประโยคที่ว่าวิกฤตคือโอกาสเหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นวิกฤตที่หนักที่สุดในนับ
เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเขาเหมือนกันอย่างน้อยก็ได้ทบทวนและตรวจสอบความผิดพลาดที่ผ่านมา

ชีวิตนักเรียนโรงเรียนดอนเมืองจาตุรจินดาของเขามีทุกรสชาติทั้งสุข ทุกข์ รอยยิ้ม คราบน้ำตามีมิตรและผู้ที่ไม่ใช่
มิตรตั้งแต่ม.1 จนถึงม.6 ตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมา เขารักและเคารพครูทุกคนมากที่ได้สอนวิชาการความรู้และสอนการ
เป็นคนที่สมบูรณ์ ให้รู้จักทำความดีช่วยเหลือผู้อื่น เขารู้สึกขอบคุณครูทุกคนมากๆ

10.

ต่อมาเขาก็ได้ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทเกษมช่วงหนึ่งเขาได้ไปฝึกอบรมเรื่องการพูดทางการ

เมืองที่พรรคไทยรักไทยก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมยื่นแผ่นพับค่ายยุวชนประชาธิปไตยให้และบอก

ว่าถ้าสนใจกลางเมืองให้ลองไปสมัครดู ในแผ่นพับให้รายละเอียดว่า"เป็นค่ายสำหรับผู้นํานักเรียนส่งเสริมให้

รักสถาบันชาติ ศาสน์กษัตริย์ เข้าใจหลักการและยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย"เขาอยากเข้าค่ายดังกล่าวขึ้น

จึงโทรไปที่รัฐสภาด้วยความหวังในใจว่าคงได้เข้าค่ายที่มีเนื้อหาการอบรมเกี่ยวข้องกับสังคม เศรษฐกิจและ

การเมืองซึ่งเป็นเรื่องที่เขาสนใจ และแล้วเขาก็สมหวังเมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งมาว่าเขาได้รับคัดเลือกให้เข้าค่ายยุวชน

ประชาธิปไตย เขาได้ความรู้มากมายจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งนักการเมืองตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ

และอื่นๆ หลังเข้าค่ายยุวชนประชาธิปไตยเขารู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าขึ้นมากจากที่เคยทำงานในระดับโรงเรียนก็

เริ่มมีส่วนร่วมทำประโยชน์ให้แก่สังคมมากขึ้น การทำงานอย่างเต็มที่ทำให้เขาได้รับคัดเลือกให้เป็นเยาวชนคน

เก่งในโครงการด้วยรักและห่วงใยในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เขาดีใจจน

บอกไม่ถูกเพราะเป็นรางวัลอันเป็นสิริมงคลสูงสุดในชีวิตของเขา ต่อมาเขาก็ได้รับคัดเลือกให้เข้ารับ

พระราชทานรางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ

ทุกครั้งที่จัดกิจกรรมเขาจะนึกถึงคำสำคัญอยู่ 3 คำคือชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เด็กทุกคนต้องพึ่งตัวเองให้ได้

แล้วพูดให้เขาเห็นว่าสถาบันทั้ง 3 ทำให้ประเทศไทยอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้คือศรัทธาด้วยประจักษ์แก่ตนเองว่า

ชาติ ศาสน์กษัตริย์คือหลักค้ำไทย

ในชีวิตของคนเราต่างก็มีเป้าหมายสูงสุดไม่เหมือนกันบ้างคือการเป็นเศรษฐีเงินล้าน เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่บางคนก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายขอแค่มีครอบครัวที่อบอุ่น เขาก็ไม่ต่างจากพวกคนเหล่านั้นชีวิตของเขา

ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากครอบครัวประสบปัญหาไม่หยุดหย่อนในวันนี้เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอให้ได้

รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทก็เพียงพอแล้วในฐานะประชาชนธรรมดาคนหนึ่งที่รักผืนแผ่นดินเกิดอย่างสุดหัวใจ

และพร้อมทำความดีถวายเป็นราชสักการะเท่าที่ความสามารถของตนจะทำได้




"อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด"

คมศักดิ์ ชุ่มปลั่ง 11.




The Letter




บ้านคอนแวนต์

กรุงเทพฯ

หนูนิดน้องรัก

พี่อ่านจดหมายของนิดแล้วตกใจมาก นิดระบายความในใจว่าเกิดมาโชคร้ายกำพร้าพ่อแม่ดูเหมือนสิ่งที่เผชิญ
อยู่จะเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับนิดเหลือเกิน พี่อยากจะบอกน้องรักของพี่ว่า คนเราอยู่ที่ตัวเองไม่ได้อยู่ที่ชาติ

กำเนิดหรือสภาพแวดล้อมเพื่อเป็นข้อคิดให้แก่นิดพี่ขอเล่าถึงชีวิตของเพื่อนพี่คนหนึ่งซึ่งที่เคยไปเยี่ยมเยียนเขา
ถึงที่บ้านเพื่อนพี่คนนี้ชื่อคมศักดิ์ ชุ่มปลั่ง

คมศักดิ์ไม่เคยเห็นหน้าแม่เลยตลอดชีวิตส่วนพ่อนั้นเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติด จากพื้นฐานตรงนี้ถ้าเขามัว
คิดว่าตัวเองโชคร้ายและทดท้อกับชะตาชีวิตเขาคงไม่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมากที่สุดคน
หนึ่งแต่เขาเลือกที่จะอดทนต่ออุปสรรคจนผ่านพ้นมาได้

"เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เราต้องมองไปข้างหน้าและเก็บสิ่งที่อยู่ข้างหลังไว้เป็นบทเรียนที่มีคุณค่า
ต่ออนาคตที่รอเราอยู่ต้องคอยเตือนตัวเองว่าเรามีบทเรียนอย่างนี้นะแล้วทำวันต่อๆไปให้ดีที่สุดไม่ใช่จมปลักอยู่
กับปัญหา"

รักและคิดถึง
พี่นพ

บ้านคอนแวนต์
กรุงเทพฯ
หนูนิดน้องรัก

พี่ดีใจที่นิมิตรเห็นว่าเรื่องของคมสันต์น่าสนใจและให้กำลังใจแก่นี้จดหมายฉบับล่าสุดของนิดบอกพี่ว่ายังปรับ
ตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่โรงเรียนใหม่ไม่ได้ พี่ก็อยากจะเล่าเรื่องของคมศักดิ์ให้นิดฟังอีกครั้งหนึ่งเผื่อนิดจะได้
เห็นว่าสิ่งที่นิดเจออยู่นั้นเป็นเรื่องที่ใครๆก็เจอแต่อยู่ที่ว่าเราจะหาทางแก้ไขมันอย่างไร แรกๆคมศักดิ์ไม่ได้สนใจ
การเรียนเท่าที่ควรเช่นกันเพราะเขาอยากจะช่วยย่าหาเงินจึงทุ่มเทเวลาช่วยย่าทำงานมากกว่าจะสนใจการเรียน
พอขึ้นป.5 เขาจึงเริ่มหันมาสนใจการ
เรียนมากขึ้น เพราะการศึกษาเป็นสิ่งเดียวที่จะยกระดับฐานะทางสังคมรวมทั้งความคิดความอ่านของตัวเราได้
ต่อมาเขาสอบเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาได้ที่โรงเรียนสตรีสมุทรปราการที่นี่ทำให้เขาได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม
มากมายซึ่งช่วยเปิด
ความคิดให้เขาได้เห็นโลกกว้างทำให้รู้สึกว่าเราต้องแข่งกับตัวเองต้องพัฒนาตัวเองให้ดี คมศักดิ์ทำกิจกรรมและ
ได้รับรางวัลจากการประกวดงานเขียนมากมายนอกจากนี้เขายังได้เข้าร่วมโครงการต่างๆภายนอกโรงเรียน ผล
งานที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดก็คือการที่เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานนักเรียนและเป็นประธานเยาวชนกลุ่ม
ปิยมิตรของโรงเรียน นิดคงเห็นแล้วว่ากิจกรรมมีอยู่มากมายและเราจะต้องไม่ปิดโอกาสในการเรียนรู้ของ
ตนเอง นิดเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ตัวนิดเองทั้งสิ้น

รักและคิดถึง
พี่นพ

บ้านคอนแวนต์ 12.

กรุงเทพฯ

หนูนิดน้องรัก




อ่านจดหมายของนิดแล้วรู้สึกว่าตอนนี้นิดมีความสุขมากได้เริ่มทำกิจกรรมเรื่องการทำกิจกรรมฟังดูสนุกสนานเที่ยวนิดไม่

ต้องขอบคุณพี่ที่ทำให้นิดมีวันนี้เพราะความจริงแล้วการกระทำของนิดต่างหากที่ทำให้มีวันนี้ พี่ว่างๆอยู่เลยคิดว่าจะเล่าเรื่อง

คมศักดิ์ให้นิดฟังต่ออีกสักหน่อย นิดควรจะรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่สิ่งที่เรา"เป็น"แต่คือสิ่งที่เรา"ทำ"ขอให้นิด"ทำ"ให้ดีที่สุด

ในสิ่งที่ตน"เป็น" ดังเช่นเมื่อคมศักดิ์ได้รับเลือกตั้งให้"เป็น"ผู้นำนักเรียนเขาและเพื่อนก็ได้คิดริเริ่มและ"ทำ"โครงการที่มี

ประโยชน์ต่อโรงเรียนมากมายเขายังริเริ่มใช้จุลินทรีย์ชีวภาพมาหมักขยะเพื่อทำเป็นปุ๋ยอีกทั้งคมสั่งได้รับเลือกตั้งจาก

เพื่อนๆและน้องๆให้เป็นประธานเยาวชนกลุ่มปิยะมิตรของโรงเรียนซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนใช้เวลาว่างให้

เกิดประโยชน์สำหรับคมศักดิ์นั้นด้วยพ่อของเขาเคยตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดทำให้เขารู้สึกถึงพิษภัยของยาเสพติดและ

ตระหนักดีว่าปัญหาของยาเสพติดนั้นรุนแรงแค่ไหนโดยเฉพาะกับคนวัยเดียวกับเขาที่น่าสนใจคือเขาได้คิดริเริ่มทำโครงการ

ศิลปะประยุกต์เพื่อการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดเขาได้รับเชิญจากสำนักงานตำรวจภูธรอำเภอเมืองสมุทรปราการให้ไปเป็น

ผู้บรรยายในโครงการ DARE เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของยาเสพติดโรงเรียนประถมศึกษาทุกแห่งในจังหวัด

สมุทรปราการ

นิดรู้ไหมว่าคมศักดิ์มีคติประจำใจว่าอย่างไร "ผมไม่เชื่อและถือคติว่าพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ถ้าเราไม่นิ่งเฉยและกล้าที่จะ

เปลี่ยนแปลง"




รัก

พี่นพ

บ้านคอนแวนต์

กรุงเทพฯ

หนูนิดน้องรัก

แปลกดีนะอยู่ๆนิดก็ถามว่าอะไรคือสิ่งที่พี่คิดว่าเป็นคุณธรรมสำคัญที่สุดซึ่งแยก"บุคคลที่ประสบความสำเร็จ"ออก


จาก"บุคคลที่ล้มเหลว"พี่ขอตอบเลยนะครับว่าคุณธรรมข้อนั้นตามความคิดของพี่คือ ความอุตสาหะพยายาม

นิดได้ทราบแล้วว่าฐานะครอบครัวของคมศักดิ์ลำบากขนาดไหน ยังโชคดีว่าผู้เป็นย่าหาเลี้ยงครอบครัวด้วยความอุตสาหะ


พยายามจึงสามารถส่งเสียเขาให้ได้เรียนหนังสือ ความอุตสาหพยายามอีกประการหนึ่งของคมศักดิ์คือการที่เขาทบทวนการกระ


ทำของตนอย่างสม่ำเสมอและจดบันทึกเรื่องราวและความคิดดีๆที่แล่นเข้ามาในหัวสมอง สิ่งต่อมาเป็นเรื่องที่พี่ชื่นชมเขามาก


ที่สุดก็คือความอุตสาหะพยายามที่จะพัฒนาตนเองตลอดเวลาโดยเฉพาะในเรื่องที่รู้ว่าตนด้อยความสามารถอยู่ คมศักดิ์รู้ตัวดีว่า


เป็นคนด้วยเทคโนโลยีมากแต่เขาก็พัฒนาตนเองพยายามเรียนรู้การใช้งานและโปรแกรมต่างๆ ภาษาอังกฤษนั้นเขาเริ่มเรียน


เมื่อตอนป.5 ก็จริงแต่ปัจจุบันเขาสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องภาษาคือการนำไปใช้หากเราหมั่น


ฝึกฝนและพูดออกมาก็จะเป็นความรู้ที่ฝังแน่นในสมองของเรา

ถ้านิดมีเวลาว่างก็ใช้ความอุตสาหะพยายามพัฒนาความสามารถด้านต่างๆของตนเองใช้เวลาให้คุ้มค่าเพราะเวลาเป็น

ของมีค่านะครับ

เป็นกำลังใจให้นิดเสมอ

พี่นพ

ยึดคมศักดิ์เป็นแบบอย่างพี่เชื่อว่านิดจะค้นหาตัวเองพบและมีโอกาสที่ดีในการศึกษาต่อที่มั่นใจในตัวนิดของพี่เช่นนี้จริงๆ

"เชื่อมั่นในตัวน้องของพี่"

วิชุดา บาริศรี 13.

"บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งแผ่นดิน"

ดอกไม้ป่า...วิชุดา บาริศรี

ณ หมู่บ้านโนนสมบูรณ์ ตำบลห้วยสามพาด กิ่งอำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธาณี เคยมีภาพสายลม
แสงแดดทุ่งนากว้างขวางสุดลูกหูลูกตายังคงอยู่แต่ว่าวันนี้เสียงหัวเราะความเข้าใจรอยยิ้มค่อยๆจืดจางลงภาพ
ชาวบ้านลงแขกทํานาคนละไม้คนละมือและมิตรไมตรีอย่างพี่อย่างน้องนั้นหาดูได้ยากเต็มทีนับตั้งแต่มีเรื่องเหมือง
แร่โพแทชเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ใต้พื้นดินของตำบลโนนสูงตำบลน้ำม่วงตำบลหนองไผ่และตำบลห้วยสามพาดมี
แร่โพแทชกว่า 300 ล้านซ่อนตัวอยู่มาเนิ่นนานรัฐบาลเล็งเห็นสิ่งนี้เลยจะขุดมันไปใช้ประโยชน์ปี 2543 เริ่มมีเจ้า
หน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนและนักวิชาการเดินทางไปสำรวจพื้นที่และพูดคุยกับชาวบ้านเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
หากทำเหมืองแร่ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูผลประโยชน์ตกอยู่กับบริษัทต่างชาติแต่ผลกระทบและความ
เสื่อมโทรมของแผ่นดินจะตกอยู่กับชาวบ้านในพื้นที่ตลอดไปช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาบรรยากาศในหมู่บ้านจึงอบอวลไป
ด้วยกลิ่นอายความขัดแย้ง บ้างก็สนับสนุน บ้างก็ออกโรงคัดค้านสุดตัวความเห็นที่แตกต่างระหว่างเป็นความขัด
แย้งของคนในหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงล้วนรู้จักวิชุดา

บาริศรีหรือต้าจากการลุกขึ้นมาต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่โพแทส ซึ่งเธอยืนหยัดร่วมกับผู้ใหญ่ในแนวหน้าและ
ได้ดึงเพื่อนๆและน้องๆอีกกว่าร้อยมาเป็นแนวร่วมในการต่อสู้เพื่อชุมชนครอบครัวของต้ามีอยู่ด้วยกัน 4 คนพ่อ
แม่ ลูกชาย ลูกสาวต้าเป็นลูกคนเล็กพี่ชายอายุมากกว่าต้า 2 ปีพ่อได้รับการไว้วางใจจากคนในหมู่บ้านให้เป็นผู้ใหญ่
บ้านแต่ยังคงดำรงอาชีพทำนาเป็นหลักส่วนแม่เป็นแม่บ้านรับจ้างเล็กๆน้อยๆ

ปัจจุบันต้าอยู่ชั้นม.6 โรงเรียนสามพาดพิทยาคารซึ่งเป็นโรงเรียนประจำตำบลแม้จะเรียนหนักด้วยเห็นว่าการ
เรียนคือ
หน้าที่ที่สำคัญที่สุดแต่เธอยังทำหน้าที่ลูกที่ดีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องต้าเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆอยู่ใน
ครอบครัวที่ไม่อัตตาคัดถือว่าฐานะปานกลางหมู่บ้านโนนสมบูรณ์อยู่ห่างจากตัวเมือง 30 กิโลเมตรมีสมาชิกราว
200 หลังคาเรือนเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ในละแวกใกล้เคียงมีอาชีพทำนาเช่นเดียวกับบ้านต้า ต้าเป็นเด็กร่าเริงทำให้
คนในหมู่บ้านนั้นเอ็นดู คนในหมู่บ้านช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่กันอย่างอบอุ่นภาพจำที่เธอจดจำประทับใจแม้ว่าวัน
นี้มันจะเลือนหายจนแทบไม่เหลือร่องรอยอีกแล้ว2 ปีแล้วที่พ่อของต้าเหยียบย่ำในนาเพียงแค่คนเดียวเมื่อก่อนจะ
มีการลงแขกช่วยการเก็บเกี่ยวข้าวแต่ตอนนี้ไม่มีเพราะมีการแบ่งฝั่ งกันระหว่างฝั่ งที่สนับสนุนและฝั่ งที่ไม่สนับสนุน
กับการขุดเหมืองแร่โพแทสทำให้ชาวบ้านไม่สามัคคีกันตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนหากมี
เหมืองแร่เกิดขึ้นจริงทุ่งนาหลายร้อยไร่อาจสูญสิ้นทั้งหมดแต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงเชื่อข้อมูลที่บริษัทฯ
ประชาสัมพันธ์ว่าเหมืองแร่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวดินหลายร้อยเมตรการขุดเจาะใต้ดินไม่น่าจะมีผลกระทบทางสิ่ง
แวดล้อมด้วยความเชื่อว่าทุกอย่างย่อมมีทั้งประโยชน์และโทษเมื่อได้ฟังการบรรยายของนักวิชาการและเจ้าหน้าที่
องค์การพัฒนาเอกชนหลายคนเริ่มมีความคิดเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ต้าเองเมื่อได้ยินเรื่องเหมืองแร่
ครั้งแรกก็เชื่อและดีใจเพราะแม่เธอจะได้มีงานทำ

เพื่อนของแม่ได้รู้ด้านมืดของเหมืองแร่มาก็เลยมาบอกให้แม่ของต้าฟังแม่ของต้าสนใจเลยไปบ้านของประจวบ
แสนพงษ์ประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อดูวีดีโอการทำเหมืองแร่โพแทสในต่างประเทศและต้าได้ติดตามแม่
ไปด้วยทำให้ต้าได้รู้ด้านมืดของเหมืองแร่โพแทสต้าเลยเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้

14.

ต้าตัดสินใจเข้าร่วมคัดค้านเหมืองแร่ส่วนพ่อนั้นต้องเป็นกลางเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเวลามีคนมาสอบถามถึงเรื่อง
เหมืองแร่พ่อจะมอบหมายให้แม่และต้าเป็นผู้ให้ข้อมูลแทนพอแม่นำเอกสารเรื่องเหมืองแร่มาให้อ่านเพิ่มเติมทำให้ต้ายิ่ง
เข้าใจและเห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากขึ้นเธอตัดสินใจชักชวนเพื่อนที่โรงเรียนให้มาร่วมคัดค้านด้วยกัน

ต้าเริ่มโดยการพูดกับเพื่อนด้วยการเล่าเรื่องเหมืองแร่โพแทสให้เพื่อนฟัง เพื่อนไปเล่าให้พ่อแม่ฟังอีกทอดหนึ่งและ
หลังจากนั้นต้าและเพื่อนเริ่มกันวางแผนเพื่อคัดค้านเกี่ยวกับเรื่องเหมืองแร่โพแทส เพื่อนกว่า 20 คนในห้องและรุ่นน้อง
กว่าร้อยร่วมมือกับเธอช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเหมืองแร่โพแทสและแสดงพลังเด็กรุ่นใหม่ร่วมเดินขบวน
ต่อต้านเหมืองแร่โพแทสกับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ต้าได้คุยกับอาจารย์ซึ่งมีน้องชายทำงานให้แก่บริษัทเอเชีย แปซิฟิค โพแทส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของ
โครงการเหมืองแร่โพแทสถึงอาจารย์จะมีความเห็นไม่ตรงกับเธอแต่อาจารย์รับฟังเธอและยังเอ็นดูเธอเหมือนเดิมเธอ
ค่อยๆเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องไปเรื่อยๆจนวันหนึ่ง เธอได้รับการเชิญจากกลุ่มนิเวศวัฒธรรมศึกษาที่เกิดจากการรวมตัวของ
ชาวบ้านให้ไปพูดวิทยุสื่อสารเพื่อให้คนหมู่มากได้รู้เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของเหมืองแร่โพแทสซึ่งเสียงตอบรับที่ต้าได้
กลับมามันดีมาก

อาจารย์สุวิทย์เป็นเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอที่เข้ามาในหมู่บ้านของเธอเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ
เหมืองแร่โพแทส ตอนแรกต้าก็ไม่ไว้ใจองค์กรแต่พอได้ร่วมมือกับองค์กรทำให้ต้าเชื่อใจองค์กรจากใจจริง

มีข่าว ฯพณฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะมาเยี่ยมเยียนประชาชนในจังหวัดอุดรในเดือนพฤษภาคมปี
2547 พ่อประธานเลยเรียกประชุมชาวบ้านในกลุ่มมีการเสนอให้นำหนังสือคัดค้านการทำเหมืองแร่ไปยื่นต่อท่านนายกที่
ประชุมหารือกันว่าจะให้ต้าไปยื่นหนังสือ หลังจากที่ต้าได้ไปยื่นหนังสือก็มีกลุ่มสนับสนุนการทำเหมืองแร่โพแทสไปยื่น
หนังสือเหมือนกันท่านนายกฯได้ส่งหนังสือกลับมาถึงพ่อประธานว่ารัฐบาลขอเวลาพิจารณาการทำเหมืองแร่โพแทสและ
ยืนยันว่าจะให้ความยุติธรรมแก่ชาวบ้านแน่นอนเกือบ 2 ปีแล้วที่ต้าคัดค้านการทำเหมืองแร่ตอนนี้ต้าทั้งเรียนหนักและ
ทำงานหนักมากขึ้นต้าไม่ย่อท้อและจะสู้ต่อไป

ภาพที่ต้าอยากเห็นคือหมู่บ้านกลับมาเป็นเหมือนเดิมรักกัน สามัคคีกันเหมือนก่อนที่จะมีเรื่องเหมืองแร่เข้ามาอยากให้
ทุกคนมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันตอนนี้มีฝ่ายสนับสนุนอยู่แค่ 30%จากร้อยเปอร์เซ็นต์และมีฝ่ายที่คัดค้านถึง 70% ตอนนี้
ต้ายังไม่ย่อท้อและฟันฝ่าต่อไปเพื่อให้ชนะอำนาจขอเงิน ต้าเคยสนับสนุนเหมืองแร่มาก่อนเพราะเงินแต่ตอนนี้ได้เห็นแล้ว
ว่าสิ่งแวดล้อมดีกว่าเป็นไหนๆ

บริษัทเอเชียแปซิฟิก โพแทส คอร์ปอเรชั่น จำกัดยื่นขอประทานบัตรจากกระทรวงอุตสาหกรรมปรากฏว่ารายงานของ
บริษัทถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งจากนักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชนและชาวบ้านว่ายังมีข้อบกพร่องและไม่ตรงกับข้อ
เท็จจริงอยู่มาก จนในที่สุดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้สรุปสาระสำคัญของข้อบกพร่องออกมาทั้งสิ้น
26 ข้อและไม่อนุมัติประทานบัตรตามที่บริษัทดังกล่าวร้องขอเมื่อปลายปี 2546 แต่บริษัทยังไม่ยอมแพ้โดยได้เตรียมคณะ
ทำงานจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ขึ้นชาวบ้านเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน

ในวันที่เพื่อนเที่ยวเล่นต้ากลับต่อสู้เพื่อชุมชนซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเธอต้าคิดว่าไม่จำเป็นที่จะเที่ยวเล่นเพราะ
บ้านเกิดเมืองนอนของเธอจำเป็นกว่ามาก

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
E-Book ของพวกเราครับ



"วัยรุ่นเป็นวัยแห่งความสับสนไม่เข้าใจตัวเองเป็น
วัยแห่งความท้าทายและทางเลือก"



อาร์ม ตั้งนิรันดร


Click to View FlipBook Version