สื่อการเรยี นการสอนหลกั สตู รนาฏดรุ ยิ างคศิลป์
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ (ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๒)
ชนั้ มธั ยมศกึ ษา ปีที่ ๑
กลมุ่ กสลาุ่มรสะากราะรกเรายี รนเรรยี วู้ นชิ ราคู้ชตีพี ศคลิ ตี ปศ์ไิลทปยไ์ ทย
ภาควชิ าดรุ ยิ างคไ์ ทย วิทยาลัยนาฏศลิ ป
สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม
สสอ่ื ื่อกกาารเรรเยีรยีนนกการาสรสออนนหหลลกั กัสสูตตูรนรนาฏาฏดดรุ ยิรุ ยิางาคงคศศลิ ลิปป์ ์
ระระดดบั บัมมธั ธัยยมมศศกึ ึกษษาตาตออนนตตน้ น้ (ป(ปรับรบัปปรงุรงุ พพุททุธธศศกั ักรารชาช๒๒๕๕๖๖๒๒))
ชชั้น้ันมมธั ธัยยมมศศกึ ึกษษาาปปที ีที่ ๑ี่ ๑
หลักสูตรคตี ศิลปไ์ ทย ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๑
กกลลุม่ ุ่มสสาาระระกการาเรรเยีรยีนนรวู้รวู้ิชิชาชาชพี พีคคตี ตีศศลิ ิลปป์ไท์ไทยย
ภภาคาคววชิ ชิาดาดรุ ยิรุ ยิางาคงคไ์ ทไ์ ทยย ววทิ ทิยยาลาลัยยันนาฏาฏศศลิ ลิปป
สสถถาาบบนั นับบณั ณั ฑฑติ ิตพพฒั ัฒนนศศลิ ิลปป์ ก์ กระระททรวรวงวงวฒั ัฒนนธธรรรมรม
คานา
สื่อการเรียนการสอนดุริยางค์ไทย ตามหลักสูตรนาฏดุริยางคศิลป์ระดับช้ันมัธยมศึกษา
ตอนต้น (ปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๒) ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คีตศิลป์ไทย จัดทาขึ้นเพ่ือเป็น
แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรายวิชาคีตศิลป์ไทย ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้
ครูผู้สอนสามารถจัดกิจกรรมให้บรรลุตามจุดประสงค์ของหลักสูตรท่ีกาหนดไว้ ตลอดจน
ดาเนินการสอนได้อย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้
ของผู้เรียนมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนมากย่ิงข้ึน อีกทั้งยังส่งผลให้
ผู้เรียนมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์และแสดงออกได้อย่างอิสระตามความคิด การจัดทาสื่อ
การเรียนการสอนฉบับนี้ได้ยึดหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๒ ของวิทยาลัยนาฏศิลป
เป็นแนวทางในการจัดทา แต่ได้ปรับปรุงสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับเนื้อหา
รายวิชา
การจัดทาสื่อการเรียนการสอนรู้ฉบับน้ีได้จัดทาระบบการเรียนการสอนท่ีเหมาะสม
กับกลุ่มผู้เรียน และให้เหมาะสมกับยุคสมัยท่ีมีการพัฒนาในการใช้เทคโนโลยีกับใช้การการเรียน
การสอนของปัจจุบัน โดยที่ยังคงลักษณะการจัดการศึกษาตามหลักสูตรนาฏดุริยางค์ศิลป์
ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนต้น พุทธศักราช ๒๕๖๒ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียน
ให้มีความสมดุลทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรู้
ความสามารถทางด้านศิลปะ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ช่ืนชอบและเห็นคุณค่าของศิลปะ
ซ่งึ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาตสิ บื ไป และหวงั เปน็ อยา่ งย่ิงว่าการจัดทาส่ือการเรียนการสอน
ฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์สาหรับครูผู้สอนนาไปใช้และปรับใช้ให้เหมาะสมกับผู้เรียนหาก
มีข้อเสนอแนะที่จะแนะนาให้คู่มือเล่มน้ีสมบูรณ์ย่ิงข้ึนโปรดแจ้งให้ผู้จัดทาทราบด้วยจักเป็น
พระคุณอยา่ งสูงย่งิ
ผ้จู ดั ทา
ครผู สู้ อนกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ตี ศลิ ป์ไทย
ก
สารบัญ ก
ข
คานา ๑
สารบญั ๒
รายวิชาคีตศิลป์ไทย ๑ รหัสวิชา ศ ๒๑๒๑๓ ภาคเรียนที่ ๑ ๔
ตับต้นเพลงฉง่ิ สามชน้ั เพลงต้นเพลงฉ่งิ สามช้ัน ๖
ตับต้นเพลงฉง่ิ สามชั้น เพลงจระเข้หางยาว สามชน้ั ๘
ตบั ตน้ เพลงฉิ่ง สามชน้ั เพลงตวงพระธาตุ สามชนั้ ๑๐
ตบั ต้นเพลงฉงิ่ สามชั้น เพลงนกขมิ้น สามชน้ั ๑๒
เพลงแขกต่อยหมอ้ เถา ๑๔
เพลงนกจาก สองช้ัน
เพลงเตา่ กินผกั บงุ้ สองชั้น ๑๖
๑๗
รายวชิ าคตี ศลิ ป์ไทย ๒ รหสั วิชา ศ ๒๑๒๑๔ ภาคเรียนที่ ๒ ๑๙
เพลงแป๊ะ สามชนั้ ๒๑
เพลงแขกบรเทศ เถา ๒๓
เพลงสร้อยมยรุ า เถา ๒๕
เพลงตวงพระธาตุ สองช้ัน
เพลงสนี วล สองช้ัน
ข
รายวิชาคตี ศลิ ปไ์ ทย ๑ รหสั วชิ า ศ ๒๑๒๑๓
ภาคเรยี นท่ี ๑
๑
ตับต้นเพลงฉงิ่ สามช้ัน
เพลงต้นเพลงฉิ่ง สามชัน
ประวตั คิ วามเปน็ มาของเพลงต้นเพลงฉง่ิ
เพลงต้นเพลงฉิ่ง สามชั้น เป็นเพลงหนึ่งในตับต้นเพลงฉ่ิงสามช้ัน ที่มีด้วยกัน 4 เพลง
คือ เพลงต้นเพลงฉิ่ง เพลงจระเข้หางยาว เพลงตวงพระธาตุ และเพลงนกขมิ้น ซ่ึงแต่เดิมใช้
อัตราจังหวะ สองช้ันเป็นเพลงต้นแบบฉบับ ใช้สาหรับหัดร้องและเล่นมโหรีมาแต่สมัยกรุงศรี
อยุธยา โดยใช้เรื่องรถเสนเป็นบทร้อง มาในสมัยรัชกาลท่ี 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงใช้บท
เรื่องกากี ต่อมาราวๆ สมัยรัชกาลที่ 3 จึงเปล่ียนใช้ทานองอัตรา สามช้ัน เพลงต้นเพลงฉิ่ง
สามช้ัน มี 2 ท่อน ท่อน 1 มี 3 จังหวะ ท่อน 2 มี 2 จังหวะใช้หน้าทับปรบไก่ ส่วนบทร้อง
ต้ังแต่เพลงตน้ เพลงฉิ่ง เพลงจระเขห้ างยาว เพลงตวงพระธาตุ ท่ีกล่าวถึงน้ัน ได้ตัดตอนมาจาก
วรรณคดีเรื่องกากีกลอนสุภาพ ของเจ้าพระยาพระคลัง(หน) กวีเอกในสมัยรัตนโกสินทร์
ส่วนเพลงนกขมน้ิ สามชัน้ เปน็ บทของเก่าไม่ทราบนามผู้แต่ง บทร้องมีความหมายกล่าวถึงนก
ขมิน้ ตามช่ือเพลง
เรื่องย่อเร่ืองกากี มีอยู่ว่า พระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี มีมเหสีช่ือว่านางกากี
นางมีรูปโฉมท่ีงดงามท้ังยังมีกล่ินกายหอม ใครท่ีได้แตะต้องตัวนางกลิ่นหอมน้ันจะติดตัวไป
7 วัน พระเจ้าพรหมทัตเป็น ผู้ท่ีโปรดการเล่นสกามากและผู้ท่ีชอบมาเล่นสกากับพระองค์ก็
คือพญาครุฑ ซ่ึงแปลงกายเป็นมานพรูปงามมาเล่นสกาทุกๆ 7 วัน วันหนึ่งมเหสีกากีเดินผ่าน
มา มานพแปลงเห็นเข้าก็หลงใหลในรูปโฉม พอเล่นสกาเสร็จก็แปลงกายเป็นพญาครุฑ
เข้าไปหานางและลักพาตัวนางข้ึนไปบนวิมานของตนทันที บทที่นามาขับร้องในตับน้ีเป็น
คาพูดของกากี กล่าวตัดพ้อพญาครุฑท่ีบังอาจพานางมาโดยไม่เกรงกลัวพระเจ้าพรหมทัต
พระสวามีของนางเลย
๒
ตับต้นเพลงฉิ่ง สามชน้ั
บทรอ้ งเพลงตน้ เพลงฉง่ิ สามช้ัน
กากปี ้องปดั สลดั กร ชายเนตรคมค้อนใหป้ กั ษา
เหตไุ ฉนใยจึงอาจอหงั การ์ มาเออ้ื นอรรถวจั นาทุกส่งิ อัน
เจ้าพระยาพระคลงั (หน)
๓
ตบั ต้นเพลงฉง่ิ สามชัน้
เพลงจระเขห้ างยาว สามชัน
ประวัตคิ วามเป็นมาของเพลงจระเขห้ างยาว สามช้ัน
เพลงจระเขห้ างยาว สามชั้น เป็นเพลงที่ ๒ ซึ่งอยู่ในตับต้นเพลงฉ่ิงสามช้ัน ที่มีด้วยกัน
๔ เพลง สาหรับฝึกหัดขับร้องเบื้องต้น นอกจากนี้ยังเป็นเพลงที่อยู่ในแบบแผนการบรรเลงป่ี
พาทย์เสภาอีกด้วย เนื้อร้องเพลงน้ีนามาจากเร่ืองกากีกลอนสุภาพของเจ้าพระยาพระคลัง
(หน)เพลงจระเข้หางยาวสามชั้น มี ๓ ท่อน ท่อนละ ๒ จังหวะ
๔
ตับต้นเพลงฉง่ิ สามชน้ั
บทร้องเพลงจระเข้หางยาว สามชั้น
ไมเ่ กรงองคน์ รินทรป์ ่นิ ธเรศ อันเรืองเดชเกรียงไกรมไหศวรรย์
มานพจบเจนสกาพนัน ใครหมายมน่ั มงุ่ มาดใหม้ ามี
เธอกเ็ ป็นพญาครุฑอดุ มเดช วิสัยเพศพงศ์ราชปกั ษี
เนาวส์ ถานพิมานฉิมพลี เพราะบารมีอบรมสรา้ งสมมา
เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
๕
ตบั ตน้ เพลงฉงิ่ สามชนั้
เพลงตวงพระธาตุ สามชัน
ประวัตคิ วามเปน็ มาของเพลงตวงพระธาตุ สามชัน้
เพลงตวงพระธาตุ สามช้ัน เป็นเพลงท่ี ๓ ใน ๔ ของเพลงตับต้นเพลงฉิ่ง สามช้ัน
ใช้สาหรับหัดขับร้องเบื้องต้นและร้องประกอบการแสดงละคร ใช้หน้าทับปรบไก่ มี ๒ ท่อน
ท่อนละ ๒ จังหวะ ส่วนเน้ือร้องตัดตอนมาจากวรรณคดีเรื่องกากีกลอนสุภาพของเจ้าพระยา
พระคลัง (หน) ในเน้อื รอ้ งเปน็ คาพูดของพญาครฑุ พดู กบั กากีด้วยความรัก
๖
ตับต้นเพลงฉิง่ สามชัน้
บทรอ้ งเพลงตวงพระธาตุ สามชน้ั
พญาครุฑฟังนุชสุดสวาท ประคองนาฏรบั ขวญั ขนิษฐา
เจ้างามคมสมศรสี นุ ทรา ทง้ั วาจาจัดแจ่มเมื่อแยม้ พราย
เจา้ พระยาพระคลัง(หน)
๗
ตบั ตน้ เพลงฉิง่ สามชัน้
เพลงนกขมนิ้ สามชัน
ประวัติความเปน็ มาของเพลงนกขม้นิ สามชัน้
เพลงนกขมิ้น อัตรา ๒ ช้ัน ของเก่าหน้าทับปรบไก่มี ๓ ท่อน ๑ ท่อน มี ๓ จังหวะ
ท่อน ๒ และ ท่อน ๓ มีท่อนละ ๒ จังหวะ ในราวรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ครูเพ็งได้นาเพลงนกขมิ้นอัตรา ๒ ช้ัน มาแต่งขยายข้ึนเป็นอัตรา ๓ ชั้น และ
สอดแทรกเพิ่มการร้องและเป่าปี่ว่าดอกตามเสียงร้องในท่อน ๓ ทาให้ไพเราะยิ่งข้ึน
ในท่อน ๓ เดิมมี ๒ จังหวะ เมื่อเพ่ิมการว่าดอกอีก ๒ จังหวะจึงเป็น ๔ จังหวะ ความหมาย
ของบทร้อง บรรยายความเป็นอยู่ของนกขมิ้นตามชื่อเพลง
๘
ตบั ตน้ เพลงฉ่ิง สามชั้น
บทรอ้ งเพลงนกขมิ้น สามชนั้
เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อน คา่ ลงแล้วเจ้าจะนอนท่รี งั ไหน
นอนไหนก็นอนได้ สุมทมุ พุ่มไม้ท่ีเคยนอน
ลมพดั มาออ่ นออ่ น เจ้าก็รอ่ นไปตามลมเอย
ดอกขจร
ดอกเอ๋ย ค่าแลว้ จะนอนไหนเอย
นกขมน้ิ เหลอื งอ่อน
(จากบทของเกา่ ไม่ทราบนามผแู้ ตง่ )
๙
เพลงแขกตอ่ ยหมอ้ เถา
ประวัตคิ วามเปน็ มาของเพลงแขกต่อยหมอ้ เถา
เพลงแขกตอ่ ยหมอ้ นี้ เป็นอตั รา ๒ ชน้ั และชัน้ เดียว เป็นเพลงไทยสมัยโบราณซึ่งเป็น
อตั รา ๒ ช้นั บรรเลงเป็นเพลงสองไม้ และอตั ราชั้นเดียวบรรเลงเป็นเพลงเร็ว รวมอยู่ในเร่ือง
เพลงมอญแปลง ทั้งสองอัตราดาเนินทานองเป็นพื้นๆ ซ่ึงเหมาะสมกับกรณีท่ีใช้ ต่อมา
ภายหลังจึงมีผู้นาเอาทานองเพลงแขกต่อยหม้ออัตรา ๒ ช้ัน ไปทาเป็นเพลงประกอบการ
แสดงโขน ละครในบางโอกาส เพลงแขกต่อยหม้อท่ีนาไปร้องในการแสดงโขนละครนั้น
มักจะใช้ร้องในตอนที่ตัวละครเริ่มจะเปลี่ยนอิริยาบทอย่างใดอย่างหน่ึง เช่น จะไป จะมา
หรือจะแปลงตัวเป็นต้น
เพลงแขกต่อยหม้อนี้มาแต่งทานองดนตรีและทานองร้องเป็นอัตรา ๓ ชั้น
โดยประดิษฐ์ทานองดนตรีให้เป็นสาเนียงแขก เพ่ือบรรเลงร่วมกับ ๒ ช้ันและชั้นเดียว
ของเดิมให้ครบเป็นเถาแต่คร้ันเม่ือได้ทดลองร้องและบรรจุเพลงแล้ว จึงเห็นว่าทานองสอง
ช้ันและชั้นเดียวของเดิมเป็นทางพ้ืน ๆ น้ัน เม่ือบรรเลงติดต่อกันกับอัตรา ๓ ชั้นซ่ึงแต่งขึ้น
ใหม่เป็นสาเนียงแขก เข้ากันไม่สนิท จึงได้แก่ไขดัดแปลงแต่งทานองอัตรา ๒ ชั้นและชั้น
เดยี วขนึ้ ใหม่ให้เป็นสาเนยี งแขกเชน่ เดยี วกนั จึงบรรเลงตดิ ตอ่ กลมกลืนกันได้ท้ังเถา (๓ ชั้น ๒
ชั้น และช้ันเดียว) ก็ได้รับความนิยมนาไปร้องและบรรเลงกันโดยท่ัวไป ส่วนบทร้องน้ัน
ข้าเจ้าได้เลือกเอาบทกลอนในเสภาเรื่อง อาบูหะซัน ซ่ึงบรรดากวีหลายท่านได้แต่งข้ึนโดย
พระราชกระแสรับสั่งในรัชกาลท่ี ๕ ดาเนินตามเค้าโครงพระราชนิพนธ์ลิลิต เรื่องนิทรา
ชาคริต มาเปน็ บทรอ้ งเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของอาหรับเข้ากันกับสาเนียงของทานองดนตรี
โดยเฉพาะตอนท่ีข้าพเจ้าเลือกมาเป็นบทร้องเพลงแขกต่อยหม้อน้ีเป็นตอนท่ีพระยา
มหาอามาตย์ (หรุ่น ศรีเพ็ญ) เป็นผู้แต่ง แต่ใช้คากลอนเสภาน้ีจะร้องได้โดยสะดวกและสนิท
สนมก็เฉพาะแต่อัตรา ๓ ชั้น กับ ๒ ชั้น เท่านั้น ส่วนอัตราชั้นเดียวหากร้องด้วยคากลอนจะ
ไม่สะดวกและไม่กระทัดรัดเหมาะสมกับทานอง ข้าพเจ้าจึงต้องดัดแปลงบทเสภาส่วนที่จะ
รอ้ งชัน้ เดยี วจากกลอนที่วา่
๑๐
เพลงแขกต่อยหมอ้ เถา
บทร้องเพลงแขกตอ่ ยหมอ้ เถา
๓ ชน้ั ดาเนินพลางทางมองทกุ ชอ่ งฉาก ล้วนแลหลากลวดลายระบายเขยี น
๒ ชั้น กนกแนมแกมมาศดาษเดยี ร ผนังเนยี นทาสีมลี ายทอง
ชน้ั เดียว ตดิ กระจกเงางามไว้ตามท่ี มมี ่ลู ี่บังไวม้ ิให้หมอง
ไขวสิ ูตรสองบานพธุ ตาลกรอง มีภูท่ องหอ้ ยประจาล้วนคาพราย
พดานมาศประหลาดแพร้ว ระยา้ แก้วแพรวเฉดิ ฉาย
ฉลุลวดประกวดลาย โคมแขวนรายอยพู่ รายตา
๑๑
เพลงนกจาก สองชั้น
ประวตั ิความเปน็ มาของเพลงนกจาก สองช้นั
เพลงนกจากเปน็ อัตราจงั หวะสองชนั้ ประเภทหน้าทบั ปรบไก่ มีทอ่ นเดียว ๔ จังหวะ
เป็นเพลงท่ีมีมาแต่เดิม ไม่ทราบนามผู้แต่ง ใช้ร้องและประกอบการแสดงโขนละคร ความ
ไพเราะของเพลงนกจากสองช้ัน ทาให้มีผู้นาไปแต่งเป็นเพลงเถา ถึง ๓ ทางด้วยกัน คือ
ทางของหลวงบารุงจิตเจริญ (ธูป สาตนะวิลัย) ทางของหลวงประดิษฐไพเราะ
(ศร ศลิ ปบรรเลง) ทางของครูประสทิ ธ์ ถาวร
๑๒
บทรอ้ งเพลงนกจาก สองชั้น
อันอาภรณ์แพรผ้าสารพดั เป็นสมบัตภิ ายนอกหลอกให้หลง
ถงึ แต่งงามตามสมยั กไ็ มค่ ง อยยู่ นื ยงเหมือนวชิ าเป็นอาภรณ์
อันวชิ าพาตนใหค้ นชอบ ใครจะลอบครา่ ฉดุ ใหห้ ลดุ ถอน
ตดิ ตัวทรงคงสวยไมม่ ้วยมร เป็นอาภรณล์ า้ เลศิ ประเสริฐเอยฯ
๑๓
เพลงเตา่ กนิ ผกั บุ้ง สองช้ัน
ประวัตคิ วามเปน็ มาของเพลงเต่ากินผักบงุ้ สองชั้น
ตามประเพณีการแสดงดนตรีไทยนั้น มักจบลงด้วยเพลงใดเพลงหนึ่งท่ีแต่งขึ้นเฉพาะไว้
สาหรับเป็นเพลงลา อาทิ เพลงเต่ากินผักบุ้ง สองชั้น เพลงพระอาทิตย์ชิงดวง สองช้ัน
เพลงอกทะเล เถา เพลงปลาทอง เถา เป็นต้น
เพลงเต่ากินผกั บงุ้ เปน็ เพลงอัตราสองชัน้ ประเภทหน้าทับปรบไก่ ทานองเก่าสมัยอยุธยา
ใช้เป็นเพลง ลา โบราณจารย์ทางดนตรีไทยนาเพลงนี้เรียบเรียงไว้ในเพลงช้า เร่ืองเต่ากินผักบุ้ง
ประกอบด้วยเพลง เตา่ กนิ ผักบงุ้ เต่าเห่ เต่าทอง เพลงเร็วเตา่ กินผกั บงุ้ และเพลงลา เฉพาะทานอง
เพลงเต่ากินผักบุ้ง มี ๓ ท่อน ท่อนที่ ๑ มี ๔ จังหวะ ท่อนท่ี ๒ และ ๓ มี ๒ จังหวะ ในการ
นาเพลงเต่ากินผักบุ้งสองช้ันมาร้องเป็นเพลงลานั้น นักดนตรีได้สร้างทานองการร้องว่า “ดอก”
ไว้ในทานองท่อนที่ ๒ เพื่อเปิดโอกาสให้เครื่องดนตรี เช่น ป่ี ซอ ฯลฯ ได้เป่าหรือสีแสดง
ความสามารถในการเลียนเสียงร้องและอวดความสามารถทางดนตรีของตน เพลงเต่ากินผักบุ้ง
สองชั้นน้ี มีนักดนตรีนาทานองไปแต่งขยายเป็นอัตรา สามช้ัน โดยคงการว่า “ดอก” ไว้ตาม
ลกั ษณะทานองของอตั ราสองช้ัน มีประวัติอธิบายสองนัย คือ ครูเพ็ง นักดนตรีไทยมีชื่อท่านหนึ่ง
ในสมัย รัชกาลที่ ๓ แต่งขยายเป็นอัตราสามช้ันทางหนึ่งเรียกชื่อเพลงใหม่ว่า เพลงปลาทอง
อีกท่านหนึ่งคือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงนิพนธ์ขยาย
เป็นอัตราสามชั้นไว้ทางหน่ึง เพื่อให้แตร วงมหาดเล็กบรรเลงถวายพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทานองท่ีทรงนิพนธ์ขยายน้ี ได้เรียกชื่อ ใหม่ว่า เพลงปลาทอง ต่อมาใน
พ.ศ. ๒๔๗๕ นายมนตรี ตราโมท นาทานองสองชั้นมาแต่งตัดเป็นอัตราชั้น เดียว และนาทานอง
ทัง้ สามอัตราชนั้ มาบรรเลงติดต่อกันเปน็ เพลงเถา ส่วนชื่อของเพลงยังคงเรียกเหมือนเดิมว่า เพลง
ปลาทอง
๑๔
บทร้องเพลงเตา่ กนิ ผักบุ้ง สองช้ัน
ยามเรียนเราจะเรยี นเพียรศกึ ษา เพ่อื กา้ วหนา้ ต่อไปไม่ถอ้ ยหลัง
จะเหนื่อยยากสกั เท่าไรไม่หยดุ ย้งั จะกระท่ังสาเรจ็ เสร็จสมใจ
*ดอกเอ๋ย ดอกมะไฟ
จิตมงุ่ มั่นอันใด ไม่แคล้วไปเลยเอย
ผลแห่งความผยายาม จะตามสนอง
สง่ิ ใดที่ใฝ่ปอง ต้องเสร็จสมอารมเอย
๑๕
รายวิชาคตี ศลิ ปไ์ ทย ๒ รหสั วชิ า ศ ๒๑๒๑๔
ภาคเรยี นท่ี ๒
๑๖
เพลงแปะ๊ สามชน้ั
ประวัติความเป็นมาของเพลงแปะ๊ สามชัน้
เพลงนี้ทานอง ๒ ชั้น ได้ใช้ร้องประกอบการแสดงละครและนักดนตรีบางท่านก็มัก
ใช้บรรเลงตดิ ต่อกัน อยู่ในเรือ่ งเพลงจีนแส พระประดษิ ฐไพเราะ (มี ดุรยิ างกรู หรือครมู แี ขก)
เปน็ ผแู้ ตง่ ขึ้นเปน็ ๓ ชั้น ให้เขา้ ชุดกบั เพลงทีแ่ ปลงมาจากเพลงจนี ของท่าน กาเนิดของเพลง
น้ีมีว่า คร้ังหนึ่งขณะท่ีพระประดิษฐไพเราะกาลังเดินกลับมาจากการสอนศิษย์ ได้ยินเสียง
ชาวจีนกาลังบรรเลงดนตรีจีนกันอยู่ มีเพลงไพเราะ ซ่ึงท่านเกิดความสนใจอยากได้
ทานองเพลงน้ีไว้ จึงสั่งให้บรรดาศิษย์ที่ติดตามไปด้วย คือ ครูสิน ศิลปบรรเลง กับครูรอด
ช่วยกันจาทานองเพลงไว้ ต่อมาภายหลังจึงได้แต่งข้ึนเป็นเพลง ๓ ชั้น เป็นชุดเพลงจีน
เช่นอาเฮีย ชมสวนสวรรค์และแป๊ะเพลงแป๊ะนี้เคยได้ยินบางท่านเรียกว่า แป๊ะปลัดแหล
หรือแป๊ะปะและแหลก็มี ซ่ึงจะมีประวัติและที่มาอย่างไรยังค้นไม่พบความหมายของเพลง
แปะ๊ เป็นไปในทางความหว่ งใยกงั วลใจอาลัยรกั
๑๗
บทรอ้ งเพลงแปะ๊ สามช้นั
โอ้จันทร์เอย๋ เคยสว่างกระจา่ งหล้า ไฉนดับลับฟ้าเวหาหาย
มทิ อแสงแข่งโลกโศกเสียดาย ดารารายรมุ แข่งกลบแสงจันทร์
(สร้อย) เขยี วขจโี อไ้ มม่ ีแสง หายโชติโรจนแ์ รงเจียวหนอศศธิ ร
จิตใจใฝ่ฝันหาจันทร์มิจร โอแ้ สนอาวรณท์ รวงเอย
หมายประชดิ ศศธิ รคอ่ นจะขัน
ดาราเอ๋ยไฉนเลยระเริงฤทธ์ิ ขอเชญิ จันทรแ์ จม่ ฟา้ กลับมาเยอื น
จงดว่ นดับลับหล้าอยา่ ประชัน หอมนามงามเตือนตรึงอุรา
(สร้อย) หอมอะไรก็ไมห่ อมเหมอื น หอมไมร่ าโรยเอย
หอมกลน่ิ งามหมอนามวิชา
๑๘
เพลงแขกบรเทศ เถา
ประวัติความเปน็ มาของเพลงแขกบรเทศ เถา
เพลงแขกบรเทศ อัตรา ๒ ชัน้ และชั้นเดยี ว ประเภทหนา้ ทบั สองไม้ มี ๒ ท่อน ต่อมา
พระประดิษฐไพเราะ (มี ดุรยิ างกรู หรอื ครูมีแขก) ได้แต่งขยายข้ึนเป็นอัตรา ๓ ช้ัน และตัด
ทอนลงเปน็ ช้ันเดียว ครบเป็นเพลงเถา ใช้บรรเลงตอ่ ท้ายเพลงเชิดจนี ซึ่งท่านเปน็ ผแู้ ต่ง
๑๙
บทรอ้ งเพลงแขกบรเทศ เถา
๓ ชน้ั นี่อะไรตกใจไปเปลา่ เปลา่ นจิ จาเจา้ ชา่ งไมเ่ ช่ือนา้ ใจผวั
๒ ชัน้ โดดข้นึ หลงั ม้าเจา้ อยา่ กลัว ประคองตวั เจ้าวันทองยอ่ งเหยียบโกลน
ชน้ั เดยี ว นางหวน่ั หว่นั ครั่นคร้ามไมข่ ้ึนได้ ขุนแผนหนว่ งสหี มอกไว้มใิ ห้โผน
ม้าดีฝเี ทา้ ไมก้ า้ วโจน นางกลวั ตวั โอนเขา้ แนบชดิ
สองมอื กอดผวั ให้ตัวแนน่ ขนุ แผนยิม้ หยอกศอกสะกิด
เบอื นหน้าวา่ เจ้าเข้าใหช้ ิด ขอจูบนิดหนึ่งแล้วจะรีบไป
๒๐
เพลงสรอ้ ยมยุรา เถา
ประวตั ิความเป็นมาของเพลงสรอ้ ยมยุรา เถา
เพลงสร้อยมยุรา อัตรา ๒ ช้ัน ได้แต่งข้ึนจากเพลงสร้อยเพลง ๒ ชั้น ของเก่า
ประเภทหน้าทับปรบไก่ มีท่อนเดียว ๔ จังหวะ ดาเนินทานองเป็นทางเรียบๆ ไม่ทราบนาม
ผูแ้ ตง่ ทั้งในอัตรา ๓ ชัน้ และ ๒ ชน้ั สว่ นชน้ั เดียวไดม้ ีผู้แต่งไวม้ ตี ดั แตง่ หลายทางด้วยกนั
๒๑
บทรอ้ งเพลงสร้อยมยรุ า เถา
๓ ชั้น แม้แตเ่ ดิมเร่มิ รคู้ วามตระหนกั จะห้ามหกั จติ ไวใ้ หห้ นักหนา
๒ ชน้ั
ชั้นเดียว ไมช่ ิงรกั หักหาญดวงกานดา เพราะความแสนเสนห่ าอาลยั
ถึงจะยอมออมอดไมอ่ าจเออ้ื ม ก็ไมเ่ สอ่ื มซาคดิ พิสมัย
จะฝังรักสลกั รปู ไวภ้ ายใน นา่ นอ้ ยใจกลบั มาพาเจ้าตาย
อันความผดิ ของพนี่ ่เี หลือล้า ให้ชอกชา้ แสนวติ กอกสลาย
ครวญพลางทางทุม่ ทอดกาย กอดศพโฉมฉายร่าโศกา
( บทละครเรือ่ งเงาะป่า )
๒๒
เพลงตวงพระธาตุ สองช้นั
ประวตั ิความเปน็ มาของเพลงตวงพระธาตุ สองชั้น
ตวงพระธาตุ เพลงอัตราจังหวะ ๒ ชั้น ทานองเก่า ช่ือและอารมณ์ของเพลง
มีความหมาย ถึงความศักดิ์สิทธิ์หรือสิริมงคล ใช้ประกอบการแสดงละคร และใช้เป็นเพลง
ประจากณั ฑ์หมิ พานต์ ในเทศน์มหาชาติ
๒๓
บทรอ้ งเพลงตวงพระธาตุ สองช้นั
เราช่วยกันซอื้ ผา้ มาทาธง เรียกไตรรงคส์ วยงามด้วยสามสี
นา้ เงนิ ใหญ่อยู่ในสดใสดี สองขา้ งมีขาวพาดสะอาดตา
สองแถบแดงแบง่ วางขา้ งขวาซา้ ย สามสีหมายกษตั ริย์ชาติศาสนา
ทาเสรจ็ เชญิ ขน้ึ เสาแล้วเราพา กันหันหนา้ ยืนตรงให้ธงไทย
ผู้แตง่ บทร้อง : นายยง อิงเวทย์
๒๔
เพลงสนี วล สองชนั้
ประวตั ิความเป็นมาของเพลงสีนวล สองชั้น
เป็นลีลาการร่าราในศิลปะแบบพื้นเมืองของไทย ที่แสดงถึงบรรยากาศอันร่ืนเริง
สนุกสนาน ในบทจะมีความหมายถึงสีสันของธรรมชาติที่สวยงาม แต่เดิมนั้นการราสีนวล
จะเป็นการแสดงที่นามาจากละคร เร่ืองไชยเชษฐ์ เนื่องจากเป็นชุดท่ีมีเน้ือเพลงส้ัน
กระทดั รดั และท่าราง่าย จงึ นิยมนามาฝกึ หดั กัน และใช้แสดงเป็นหมู่คณะ การแต่งกายแต่ง
ไดห้ ลายแบบ เพลงท่ีจะบรรเลงออกตอนท้าย จะให้ใช้อยู่หลายประเภท เช่น ออกด้วยเพลง
เร็ว –ลา ออกด้วยวรเชษฐ์ และออกด้วยเพลงสีนวลอาหนู ๒ ชั้น ซึ่งเป็นเพลงจีนของเก่า
ท่ีได้ดัดแปลงมาจากเพลงจีนเพลงหนึ่ง ทราบกับว่า ครูปุย ปาบุยะวาทย์ เป็นผู้แต่งทานอง
เพลงและทา่ นผหู้ ญงิ แผว้ สนิทวงศ์เสนี นาเอาเพลงอาหนูมาประดิษฐ์ท่าราให้เข้ากับบทร้อง
และทานอง ใช้ราตอ่ จากราสีนวล “เรียกว่าสีนวลออกอาหนู”
๒๕
บทร้องเพลงสีนวล สองชนั้
สนี วลชวนชื่นเมอ่ื ยามเช้า รักเจ้าสาวสนี วลหวนคิดถงึ
แม้นไมแ่ ลเห็นเจ้าเฝ้าคะนงึ อยากให้ถงึ วนั ท่รี าสีนวล
๒๖
กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ตี ศิลปไ์ ทย
ขอขอบพระคณุ
นายกติ ติ อตั ถาผล
ผู้อานวยการวิทยาลัยนาฏศลิ ป
ขอขอบพระคุณ
นายมนตรี เปรมปรีดา
ปฏบิ ัติหน้าท่หี วั หน้าภาควชิ าดรุ ิยางคไ์ ทย
ขอขอบพระคณุ
นายพนั ธศ์ กั ดิ์ เอ่ียมจรญู
หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ปี่พาทย์
ขอขอบพระคณุ
คุณครูทศั นยี ์ ขุนทอง (ศลิ ปินแหง่ ชาติ)
คุณครูวฒั นา โกศนิ านนท์
คูณครูประคอง ชลานภุ าพ
คุณครพู ชิ ญ์ญา สินธุแ์ กว้
ผเู้ ชยี วชาญทางด้านคีตศิลป์ไทยท่คี อยให้คาปรึกษา
๒๔๗๙๒๗
สื่อการเรยี นการสอนหลักสตู รนาฏดรุ ยิ างคศลิ ป์
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ (ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒)
ชน้ั มธั ยมศึกษา ปีที่ ๑
กล่มุ กสลามุ่ รสะากราะรกเรายี รนเรรยี วู้ นชิ ราคู้ชตีพี ศคลิ ตี ปศไ์ ลิ ทปยไ์ ทย
ภาควชิ าดรุ ยิ างคไ์ ทย วิทยาลยั นาฏศิลป ๒๔๗๙๒๘
สถาบนั บณั ฑิตพฒั นศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม