The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความผิดทางเพศ (2)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by SA RE NA, 2022-09-15 12:05:13

ความผิดทางเพศ (2)

ความผิดทางเพศ (2)

ความผิดเกี่ยวกับ

เพศ

ประมวลกฎหมายอาญา ภาค2 ลักษณะ 9

641081257 ภาวิณี วงสเหล่

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็ นส่วนหนึ่ งของวิชาอาญาภาคความผิด

คำนำ

ั รายงานสื่ออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชากฎหมายว่าด้วยอาญาภาค
ความผิด0801241ชั้นปีที่2เพื่อมีจุดประสงค์ให้ทุกคนได้เรียนรู้กฎหมายอาญา ลักษณะ 9
ความผิดที่เกี่ยวกับเพศ สื่อฉบับนี้ผู้จัดทำก็ได้รวบรวมนำข้อมูลมาจากสื่อต่างๆนำมา
รวบรวมเพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ข้อมูลที่สำคัญคือประมาลกฎหมาย
อาญา ภาค2 ลักษณะ 9
ผู้จัดทำหวังว่าสื่ อฉบับนี้คงจะเป็ นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจในด้านความผิดเกี่ยวกับเพศ
หรือต้องการหาความรู้ในเรื่ องดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็ นไปตามจุดมุ่งหมาย
และตามหลักการ ขอขอบคุณเว็บไซต์ที่ทางผู้จัดทำได้ใช้หาข้อมูล

ภาวิณี วงสเหล่

สารบัญ

เรื่อง หน้ า

ความเป็ นมาของปั ญหา 1
ความหมายของการข่มขืนกระทำชำรา 2
การกำหนดเหตุเพิ่มโทษใหม่ 3
4
การยกเว้นโทษในกรณีการกระทำชำเราโดยสมัครใจระหว่างเด็กด้วยกัน
ประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ9 5-7
มาตรา 276 8-9
10-11
มาตรา277 12-13
มาตรา 278 14
มาตรา 279 15
มาตรา 281 16
มาตรา 282
มาตรา 284 17-18
มาตรา 286 19-20
มาตรา 287

1.

ความเป็นมาของปัญหา

จากการศึกษาเกี่ยวกับปั ญหาทางกฎหมายในความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับการ
กระทำทางเพศศึกษากรณีการคุกคามทางเพศ พบว่า ในปัจจุบันอาชญากรรมประเภทหน่ึง
ที่มีแนวโน้ ม เพิ่มสูงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคืออาชญากรรมที่เกี่ยวกับความผิดทางเพศซ่ึ่ง
ผลของการอาชญากรรมประเภทนี้นอกจากตัวเหยื่อจะได้รับผลกระทบแล้วยังไดส้่งผลก
ระทบต่อสังคมอย่างเห็นได้ชัดกล่าวคือเป็ นการสะท้อนถึงสภาพสังคมในปั จจุบันนับว่า
ไม่มีความปลอดภัยดังนั้น จึงส่งผลต่อคนในสังคมโดยการให้ความสำคัญ ในปัญหา
อาชญากรรมที่เกี่ยวกับความผิดทางเพศมากยิ่งขึ้นและต้องการให้สังคมไทยมีการแก้ไข
บทบญัติของกฎหมายที่เกี่ยวขอ้งกับ
ความผิดเกี่ยวกับเพศเพื่อป้ องกันและข่มขู่อาชญากร มิไดก้ระทำความผิดอีก ฉะนั้นจะ
เห็นได้ว่า อาชญากรรมเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ที่ได้รับความสนใจมากในสังคมโลกรวม
ถึงสังคมไทยปัจจุบันด้วยคือ“ปัญหาการคุกคามทางเพศ ซ่ึงเป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำ
ความผิดทางเพศอันจะนำ ไปสู่ความผิดทางเพศในฐานข่มขืนกระทำ ชำเราหรือความผิด
ฐานอนาจารและความผิดในฐานอื่นๆ ที่รุนแรงมากขึ้นตามลำดับอีกด้วยการคุมคามทาง
เพศ สามารถเกิดข้ึนได้ทุกเพศ ทุกเวลาและทุกสถานที่โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะว่าจะเกิดการ
คุกคามทางเพศข้ึนระหว่างบุคคลในครอบครัวบุคคลในที่ทำงานหรือ บุคคลในพ้ืนที่
สาธารณะและการคุกคามทางเพศที่พบไดบ่อยคือ การคุกคามทางเพศซ่ึงเกิดขึ้นในสถานที่
ทำงาน และการคุกคามทางเพศซึ่งเกิดข้ึนในสถานศึกษาเนื่องจากสภาวะในการเจริญ
เติบโตของร่างกายรวมทั้งสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยต่อการกระทำ การ
คุกคามทางเพศได้ง่ายขึ้น

ความหมายของการข่มขืนกระทำชำเรา 2.

การข่มขืนกระทำชำเราเป็นการบังคับกระทำชำเรากับผู้อื่นโดยผู้อื่นไม่สมัครใจ ถ้าผู้อื่นยินยอมสมัครใจ
กระทำชำเราด้วย ก็ไม่เรียกว่าเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา คงเป็นเพียงแต่การกระทำชำเรา หรือการมีเพศ
สัมพันธ์โดยสมัครใจที่ไม่มีความผิด เว้นแต่ หากผู้อื่นเป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แม้เด็กยินยอม ผู้กระทำก็มี
ความผิด เพราะเด็กยังอาจตัดสินใจเรื่องทางเพศได้ไม่ดี จึงอาจถูกเอาเปรียบจากผู้ใหญ่
ในอดีต การกระทำชำเรามีความหมายว่า “การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะเพศ
ของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะ
เพศหรือทวารหนักของผู้อื่น ลักษณะการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในอดีตกว้างขวางมาก มีได้
ตั้งแต่ผู้กระทำใช้อวัยวะเพศสอดใส่อวัยวะเพศผู้เสียหาย ไปจนถึงผู้กระทำใช้วัตถุอื่นใดสอดใส่อวัยวะเพศ
ของผู้เสียหาย เป็นต้น

ศาลฎีกาเคยตีความคำว่า “กระทำกับ” ที่ถือว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จ หมายถึง “การล่วงล้ำ” หรือ “การ
สอดใส่ ดังนั้นการที่ผู้กระทำความผิดใช้อวัยวะเพศสัมผัสกับอวัยวะเพศของผู้เสียหายโดยยังไม่มีการล่วงล้ำ
หรือสอดใส่ จึงยังไม่ถือว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จ อาจเป็นเพียงการพยายามข่มขืนกระทำชำเรา หรือ
กระทำอนาจารซึ่งโทษเบากว่า

ความหมายของการกระทำชำเราตามกฎหมายเดิม คล้ายกับที่ปรากฏในประมวลกฎหมายอาญาฝรั่งเศส
มาตรา 222-23 ที่บัญญัติว่า “ข่มขืนกระทำชำเรา หมายถึง ทุกการกระทำที่มีการสอดใส่ทางเพศไม่ว่าด้วย
ลักษณะใด โดยวิธีการประทุษร้าย ทำให้ผู้อื่นขัดขืนไม่ได้ ขู่เข็ญ หรือ ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผู้อื่น

ในปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดความหมายของการกระ
ทำชำเราใหม่ ดังนี้ “กระทำชำเรา หมายความว่า กระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะ
เพศของผู้กระทำล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น

สิ่งที่เปลี่ยนไปจากกฎหมายเดิมคือ การใช้สิ่งอื่นใดหรืออวัยวะอื่นใดของผู้กระทำ สอดใส่อวัยวะเพศหรือทวาร
หนักของผู้เสียหายเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ ได้ถูกย้ายไปเป็นเหตุเพิ่มโทษของการอนาจาร ดังนั้น
การที่ผู้กระทำใช้นิ้วสอดใส่อวัยวะเพศของผู้เสียหาย จากเดิมผู้กระทำเคยมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา
แต่ปัจจุบันผู้กระทำจะมีความผิดฐานอนาจารโดยการล่วงล้ำ ซึ่งเป็นอนาจารที่มีเหตุเพิ่มโทษ การแก้ไขดัง
กล่าวคล้ายกับ ความผิดฐานอนาจารโดยการล่วงล้ำ

3.

การกำหนดเหตุเพิ่มโทษใหม่

กฎหมายใหม่ได้กำหนดเหตุเพิ่มโทษใหม่ให้กับการข่มขืนกระทำชำเราและการอนาจารในหลายกรณี คือ

2.1 เพิ่มโทษผู้กระทำที่ใช้อาวุธปืนปลอม

ในอดีต กฎหมายเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดข่มขืนกระทำชำเราโดยการมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดในการข่มขืนกระทำ
ชำเราผู้อื่น[10] หรือในการกระทำชำเราเด็ก[11] ดังนั้น หากผู้กระทำได้ใช้ปืนปลอมขู่ผู้เสียหายเพื่อให้ยอมให้กระทำชำเรา
ด้วย ย่อมเป็นการข่มขืนกระทำชำเราทั่วไปที่ไม่อาจเพิ่มโทษได้ตามกฎหมายเดิม เพราะขาดองค์ประกอบภายนอกของเหตุ
เพิ่มโทษ

ในปัจจุบัน ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรค 2 ใหม่ และมาตรา 277 วรรค 3 ใหม่ ได้บัญญัติเพิ่มโทษผู้ข่มขืน
กระทำชำเราที่ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปื นหรือวัตถุระเบิด

การแก้ไขดังกล่าวเป็นสิ่งดีที่คุ้มครองผู้เสียหาย เพราะในช่วงเวลาวิกฤต ผู้เสียหายคงไม่มีโอกาสได้ดูว่าเป็นปืนจริงหรือปืน
ปลอม เหตุที่ผู้เสียหายจำยอมมาจากการกลัวสิ่งที่ผู้กระทำนำมาขู่ทั้งสิ้น

2.2 เพิ่มโทษผู้กระทำที่บันทึกภาพและเสียงขณะข่มขืนหรืออนาจารเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิชอบ

ความน่ากลัวของการข่มขืนกระทำชำเราประการหนึ่งคือ ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความเพราะความอับอาย โดยเฉพาะเมื่อตนเอง
ถูกบันทึกภาพและเสียงไว้ กฎหมายใหม่จึงได้กำหนดเหตุเพิ่มโทษไว้ในมาตรา 280/1 โดยกำหนดให้ผู้กระทำความผิดฐาน
ข่มขืนกระทำชำเราหรือฐานอนาจาร ที่ได้บันทึกภาพหรือเสียงการกระทำชำเราหรือการอนาจารไว้ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดย
มิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษหนักขึ้นหนึ่งในสาม และหากผู้กระทำได้เผยแพร่ส่งต่อภาพหรือเสียงดังกล่าว
ต้องระวางโทษหนักขึ้ นครึ่ งหนึ่ ง

2.3 เพิ่มโทษในกรณีการกระทำกับผู้ซึ่งไม่สามารถปกป้ องตนเองได้

ผู้ซึ่งไม่สามารถปกป้ องตนเองได้ (vulnerable person) เป็นบุคคลที่ผู้กระทำฉวยโอกาสกระทำความผิดข่มขืนหรืออนาจาร
สำเร็จได้มากกว่าบุคคลทั่วไป ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 285/2 ใหม่ จึงได้กำหนดเหตุเพิ่มโทษหนักขึ้นอีกหนึ่งในสามกับ
ผู้ข่มขืนหรืออนาจาร ที่ได้กระทำต่อบุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้ องตนเองได้อันเนื่องมาจากเป็นผู้ทุพพลภาพ ผู้มีจิตบกพร่อง
โรคจิต จิตฟั่นเฟือน คนป่วยเจ็บ คนชรา สตรีมีครรภ์ หรือผู้ซึ่งอยู่ในภาวะไม่สามารถรู้ผิดชอบ

บุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้ต้องมีลักษณะร่วมกัน คือ เป็นบุคคลที่มีสภาพทางกายภาพบอบบางที่ปกป้ องตนเอง
ลำบาก (vulnerable person) เช่น ตั้งครรภ์ต้องตั้งครรภ์ท้องแก่ มิใช่ตั้งครรภ์สองเดือน คนป่วยเจ็บต้องถึงขนาดอ่อนเพลีย
ไม่ใช่แค่เป็ นหวัดเจ็บคอ

การยกเว้นโทษในกรณี การกระทำชำเราโดยสมัครใจระหว่างเด็กด้วยกัน 4.

ในอดีต เด็กกับเด็กมีเพศสัมพันธ์ด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ผู้ใหญ่มักจะเข้ามาแก้ปัญหาด้วยการเรียกค่าเสียหาย
หากค่าเสียหายลงตัว พ่อแม่เด็กก็มักจะไม่เอาเรื่องหรือไม่แจ้งความ หากค่าเสียหายไม่ลงตัว พ่อแม่เด็กผู้หญิงมักจะมีการ
แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเด็กผู้ชายในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แม้เด็กยินยอมก็เป็นความผิดตาม
มาตรา 277 รวมทั้งหากเด็กผู้หญิงอายุเกิน 15 ปี ก็ยังดำเนินคดีกับเด็กผู้ชายด้วยข้อหาพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้
เยาว์เต็มใจไปด้วยก็เป็นความผิดตามมาตรา 319 ทั้งที่มาตรา 277 กับมาตรา 319 น่าจะมีขึ้นเพื่อคุ้มครองเด็กไม่ให้
ผู้ใหญ่มาหลอกลวงไปมีเพศสัมพันธ์

ทั้งสองมาตราดังกล่าว ไม่น่าจะมุ่งหมายใช้ลงโทษเด็กกับเด็กที่ยินยอมมีเพศสัมพันธ์กัน โดยเด็กมีอายุไม่ต่างกันมากและ
ไม่ได้เอาเปรียบกัน การใช้กฎหมายผิดวัตถุประสงค์ดังกล่าวนำไปสู่การลงโทษเด็กที่มีเพศสัมพันธ์กันเองที่ไม่ได้มี
พฤติกรรมเป็นอาชญากร บางคดีเด็กผู้ชายเป็นผู้ต้องหาในความผิดเหล่านี้ ทั้งๆ ที่เด็กผู้หญิงเป็นผู้เริ่มไปหาเด็กผู้ชายก่อน
ด้วยซ้ำ

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคท้ายในกฎหมายเดิม ได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการกำหนดว่าการ
กระทำชำเราด้วยความยินยอมระหว่างเด็ก[12] ที่อายุต่างกันไม่มาก เช่น เด็กชายอายุไม่เกิน 18 ปี เด็กผู้หญิงอายุ 13-
15 ปี ให้ศาลเยาวชนสั่งให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง หรืออนุญาตให้สมรสกันโดยกำหนด
เงื่อนไข เมื่อศาลสั่งอย่างใดแล้ว ศาลจะลงโทษผู้กระทำน้ อยกว่าที่กฎหมายกำหนดเพียงใดก็ได้

หากพิจารณาให้ดีแล้ว มาตรา 277 วรรคท้ายตามกฎหมายเดิม เหมือนเป็นกฎหมายที่ “ลูบหลัง” และ “ตบหัว” เด็ก
ผู้ชาย กล่าวคือ ตอนแรกก็ให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพหรือให้แต่งงานกัน ซึ่งเหมือนกับการเริ่มต้น “ลูบหลัง” ไม่ลงโทษ
เด็กผู้ชาย แต่เมื่อเด็กผู้ชายได้กระทำตามเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว กฎหมายเดิมยังคงกำหนดให้ศาลลงโทษเด็กอยู่โดยลด
โทษให้ ซึ่งเป็นเหมือนการมา “ตบหัว” เด็กผู้ชายภายหลัง

คำถามคือ “แล้วจะให้ไปคุ้มครองสวัสดิภาพหรือให้แต่งงานกันทำไม?” แม้เท่าที่ทราบ ศาลมักจะใช้วิธีการเลี่ยงการ
ลงโทษเด็กผู้ชายในกรณีดังกล่าว แต่ก็ดูเหมือนเป็นมาตราที่เปิดช่องให้นำกฎหมายที่ใช้ลงโทษอาชญากรผู้ใหญ่ที่เป็นภัย
ทางเพศต่อเด็ก (pedophile) มาใช้ลงโทษเด็กกับเด็กด้วยกันเอง แม้บางคนจะยุให้พ่อแม่เด็กผู้ชายที่อายุไม่เกิน 15 ปี
แจ้งข้อหาเด็กผู้หญิงที่มากระทำชำเราเด็กผู้ชายกลับบ้างด้วยข้อหาเดียวกัน แต่วิธีการดังกล่าวคงได้ผลในเชิงกลยุทธ์
เจรจาลดค่าเสียหายระหว่างผู้ใหญ่สองฝ่าย แต่ไม่เป็นผลดีในภาพรวมต่อสังคม เพราะยิ่งจะทำให้ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้
หญิงต้องถูกดำเนินคดีทั้งคู่ แทนที่จะได้กลับไปเรียนหนังสือตามปกติ

มาตรา 277 วรรค 5 และวรรค 6 ใหม่ได้มาแทนที่มาตรา 277 วรรคท้ายเดิม โดยยกเลิกกระบวนการ “ลูบหลัง” และ
“ตบหัว” เด็กที่สมัครใจมีเพศสัมพันธ์กัน โดยให้ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองสวัสดิภาพตาม
กฎหมายคุ้มครองเด็ก ซึ่งเป็นกระบวนการทางปกครองไม่มีโทษอาญา ไม่มีการส่งสถานพินิจ และหากเด็กปฏิบัติตาม
เงื่อนไขสำเร็จ ให้ยกเว้นโทษอาญากับเด็กที่สมัครใจมีเพศสัมพันธ์กัน

ส่วนเรื่องค่าเสียหายทางแพ่งระหว่างพ่อแม่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ยังคงดำเนินการเรียกร้องในคดีแพ่งได้ตามปกติตาม
สิทธิที่พึงมี โดยไม่ต้องนำคดีอาญามาบีบบังคับเรื่องค่าเสียหายกัน หากผู้ใหญ่จะเรียกเงินกัน ทำไมต้องมาทำลายอนาคต
เด็กที่ไม่ได้เป็นอาชญากร นอกจากนี้ในกฎหมายใหม่ยังได้ยกเลิกอำนาจศาลในการอนุญาตให้เด็กสมรสกัน ซึ่งน่าจะเป็น
แนวทางที่ดีที่สอดคล้องกับอนุสัญญาสิทธิเด็ก และสอดคล้องกับความเป็นจริงที่ว่าเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ควรจะเป็นวัย
เรียน ไม่ใช่วัยแห่งการตั้งครอบครัวที่ต้องรับภาระหน้ าที่แบบสามีภรรยา

แม้จะมีการแก้ไขเรื่องดังกล่าวในมาตรา 277 วรรค 5 และ วรรค 6 ใหม่ แต่ยังมีเรื่องที่ควรต้องดำเนินการอีกสองเรื่อง
คือ

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2) 5

มาตรา 276 ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่น
นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวาง
โทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธ
ปืนหรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสน
บาท

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้
อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหรือกระทำกับชายในลักษณะ
เดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุก
ตลอดชีวิต

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำความผิดระหว่างคู่สมรส และคู่สมรสนั้น
ยังประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษน้ อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะ
กำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและ
คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาต่อไป และประสงค์จะหย่า ให้คู่สมรสฝ่าย
นั้นแจ้งให้ศาลทราบ และให้ศาลแจ้งพนักงานอัยการให้ดำเนินการฟ้ องหย่าให้

องค์ประกอบความผิด

1.ข่มขืนกระทำชำเรา

กระทำชำเรา
หมายความว่าการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้ กระทำ

กระทำกับอวัยวะเพศทวารหนักหรือช่องปากของผู้อื่นเท่านั้นการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือ
ทางทวารหนักของผู้อื่ นนั้นเป็ นไปเพื่ อสนองความใคร่ของผู้กระทำอาจเป็ นอวัยวะแซ็งเป็ นสิ่งอื่ นสิ่งของ
เช่นอวัยวะเที่ยม ไม้ ขวดสิ่งอื่นใดการกระทำเช่นนี้นั้นกฎหมายใหม่ได้ถือว่าเป็นเพียงความผิดฐาน
อนาจารเท่านั้น
และสิ่งที่ล่วงล้ำไปน้ นต้องเป็ยอวัยวะสืบพันธ์ ทหารหนักก ช่องปากเท่านั้น หากเป็นการกระทำต่อสิ่ง
อื่น เช่น ตามซอกของร่างกาย ย่อมไม่ถือว่าเป็นการกระทำชำเรา

2.ผู้อื่ น.

ก่อนหน้ านี้กฎหมายได้บัญญัติในรูปแบบของคำว่าหญิงมิใช่ภริยาของตนคือการที่จะเป็นความ
ผิดตามมาตรานี้นั้นต้องเป็ นการปลุกเราหญิงซึ่งไม่ใช่ภริยาของตนและต้องเป็ นผู้หญิงโดยกำเนิด
เท่านั้นไม่รวมถึงสาวประเภทสองแม่จะได้ทำการผ่าตัดเป็ นหญิงแล้วก็ตามคำว่าภริยาต้องเป็ นภรรยาที่
ถูกต้องตามกฎหมายภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายจึงถือว่าเป็ นบุคคลซึ่งมิใช่ภริยาของตนภริยาที่ไม่ชอบ
ด้วยกฎหมายจึงเป็ นความผิดตามมาตรานี้แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้นได้เปลี่ยนเป็ นคำว่าผู้อื่ นเพราะ
ฉะนั้นการจะกระทำการคมคืนกระทำชำเราบุคคลใดก็แล้วแต่ก็ย่อมเป็ นความผิดทั้งหมด

6.

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2)

3.โดยขู่เข็นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยหญิงไม่สามารถขัดขืนได้
หรือทำให้หญิงเข้าใจผิดคิดว่าเป็ นบุคคลอื่น

คำว่าโดยขู่เข็ญด้วยประการใดใดขู่เข็ญหมายความถึงทำให้กลัวว่าจะได้รับในอนาคตซึ่งอาจเป็ นการขู่ว่าจะ
กระทำอันตรายต่อเองหรือต่อผู้อื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้นั้นเช่นขู่ว่าจะฆ่าบุตรของผู้นั้น

คำว่าโดยใช้กำลังประทุษร้ายมีความหมายตามวรรค 1 (6) เป็นการกระทำแก่กายหรือจิตใจ

คำว่าโดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดคืนได้หมายถึงสภาวะที่ผู้นั้นจำต้องยอมอันมิใช่
โดยสมัครใจโดยอาจเป็นภาวะที่ผู้หญิงมีอยู่ก่อนกระทำ เช่น เจ็บป่วยเป็นโรค มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว หรือผู้
กระทำเป็นฝ่ายทำให้เกิดภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เช่นใช้ยาทำให้มึนเมาหรือสะกดจิต

คำว่าโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดคิดว่าเป็ นบุคคลอื่น หมายถึงเป็นการทำให้สำคัญผิดในตัวบุคคลเป็นคนละ
คน ไม่ใช่ทำให้เข้าใจผิดในคุณสมบัติของบุคคคลผู้นั้น

4.เจตนาตามมาตรา 59

แซ็คงือก่รูอ้สนำนหึกนใ้นานกี้ากรฎกรหะมทำามยีคไวด้าบมัญปรญะัสตงิใค์นจะรูใปห้แอวบัยบวขะเอพงศคขำอวง่ตาหนลญ่ิวงงมล้ิำใเชข่้ภาไรปิยในาอขวัอยงวตะเนพคศืทอวกาารรหทนีั่จกปะาเปก็ขนอง
ควผู้าอืม่นผนัิ้นดแตมา้วม่ามจะาไตม่รสาานมี้านัร้ถนอตว้ัอยงวเะปเ็พนศกเขา้ารไปปลใุนกทเวราารหหญนัิกงหซึ่รืงอไปมา่กใชข่ภองรผิูย้อื่านขไดอ้สงำตเรน็จแก็เลป็ะนตค้อวางมเปผ็ิดนใผนู้ขหั้นญิงโดย
กำพเนยิาดยเาทม่าแนตั้่นถ้าไมมี่เจรตวนมาถเึพงียสงาจวะปใชร้เะวเลภาเทลขสผอู้องื่นแเมป็่นจคะวไาด้มทผิำดกฐาานรอผ่นาาตจัดา เป็ นหญิงแล้วก็ตามคำว่าภริยาต้อง

เป็ นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายจึงถือว่าเป็ นบุคคลซึ่งมิใช่ภริยาของ

ตนภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงเป็ นความผิดตามมาตรานี้แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้นได้

เปลี่ยนเป็ นคำว่าผู้อื่ นเพราะฉะนั้นการจะกระทำการคมคืนกระทำชำเราบุคคลใดก็แล้วแต่ก็ย่อม

เป็ นความผิดทั้งหมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง 7

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2559

แม้โจทก์และจำเลยเป็นสามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1461 วรรคหนึ่ง ซึ่งจะต้อง
มีการร่วมประเวณีกันบ้าง แต่การร่วมประเวณีต้องเกิดจากความยินยอมของทั้งสองฝ่าย หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมก็
ไม่อาจบังคับได้ หากขืนใจถือเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276

การที่จำเลยเรียกบุตรผู้เยาว์มาฟังคำด่าจนโจทก์ยอมให้จำเลยร่วมประเวณีเพื่อให้บุตรผู้เยาว์ไปพักผ่อน เช่นนี้จะ
ถือว่าโจทก์ยอมให้จำเลยร่วมประเวณีไม่ได้ และการที่โจทก์มดลูกอักเสบจากการร่วมประเวณีของจำเลย จำเลย
ทราบแต่ไม่หยุดร่วมประเวณีกับโจทก์ จนโจทก์ต้องหนีออกจากบ้าน พฤติกรรมของจำเลยถือเป็นการทำร้ายหรือ
ทรมานจิตใจโจทก์อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (3) และยังถือเป็นพฤติการณ์ที่เป็น

ปฏิปักษ์ต่อกาแรซเ็ป็งนกส่อามนีภหรินย้ าากนัี้นกอฎย่หางมร้าายยแไรดง้บตัญามญัปต.ิพใน.พค. ำมพาิตพราาก1ษ51า6ศา(6ล)ฎีด้กวายที่ 10007/2557
ผู้เสียหายที่ 1 ยอมให้จำเลยกระทำชำเราเพราะหลงเชื่อในอุบายของจำเลยที่ทำนายว่า ผู้เสียหาย
ทีค่ำ1พิพดาวกงษชาศะาตลาฎีไกมา่ทดีี่ 1จ0ะ0ต0้7อ/ง2ท55ำ7พิธีกรรมเพื่อสะเดาะเคราะห์เพื่อที่บิดาผู้เสียหายทั้งสองที่เลิกรากับ
มารดาผู้เสียหายทั้งสองจะส่งเงินให้แก่ผู้เสียหายที่ 1 แสดงว่าผู้เสียหายที่ 1 เยาว์วัยอ่อนต่อโลก
มีผูค้เสวียาหมาโยงท่ีเ่ข1ลยาอเมบใาหป้ัจญำเลญยากหระลทงำเชชืำ่อเรอายเ่พารงางะมหลงงาเยชื่วอ่าในจอำุบเลายยขสอางมจำาเรลถยทที่ำทพำินธีาสยะว่เาดผูา้เะสีเยคหราายะที่ห์1ต่ดอวดงวชงะตชาะตา
จไนม่สด่ีงจเสะตร้ิอมงใทหำ้พบิิธดีการสร่งมเเงพิื่นอสมะาเใดหา้ะไเดค้รดาัะงหน์ัเ้พนื่อทกี่บาิดรทาีผู่ผ้เู้สเียสีหยาหยาทัย้งสที่อง1ที่เยลิอกมราใกหับ้จมำาเรลดยาผกู้เรสีะยทหาำยชทัำ้งเสรอางหจละสา่ยง ครั้ง
วเม่งิาินไจดำใ้หเเ้ลแกยิกด่สผูาจ้เมสาีากยรหคถาทวยำาทีพม่ิธ1สีสมแะัสเคดดรางะใวจเ่าคแผูร้เลาสะีะยหอ์หต่ยาูอ่ยใดทนีว่ งภ1ชาะเวยตะาาวทจ์ีว่นัไยสม่อ่ง่อสเสนารตมิ่มอาใโรหล้ถบกิดขัมาีดสค่ขงวืเานงิมนไโมดง้่าเขใกหล้าไารดเ้บทีด่าัจปงัำนญั้เนลญยากหาเรลลิทงกี่เผูชเ้ื่เสอืส้ีออยยขห่าาองยงงทมีผู่้งเ1าสยีย
หยอามยใทหี้่จ1ำเลขึย้นกรใะชท้ปำชาำกเรกาาหเลขีายยคนรัท้ีง่มหิไนด้้าเกอิดกจทาี่กตัคววาแมลสะมัใคชร้ในจ้ำแมลัะนอทยู่าในตัภวาผูว้เะสทีี่ยไมห่สาายมทาี่รถ1ขัถดขอืนดไกด้ากงาเรกทีง่จขำเอลงยผู้
เลสิีกยเหสื้อาขยอทีง่ผู1้เสีแยหล้าวยจทีำ่ เ1ลขยึ้นสอใชด้ปใาสก่อกวาัเยขีวยะนเทพี่หศน้ขาออกงทจี่ตำัวเลแยลเะขใ้ชา้นไ้ปำมใันนทอาวตััยวผวู้เะสีเยพหศายขทอี่ ง1ผูถ้เอสีดยกหางาเยกทงี่ขอ1งผชูั้ ก
เเสขี้ยาหชัากยอที่อ1กแจลน้วสจำำเเลร็ยจสคอวดาใมส่อใวคัยรว่ ะถเืพอศไขด้อว่งาจเำป็เลนยกเขา้ราไใปช้ใกนำอลวััยงวปะรเพะทศุขษอรง้าผูย้เสเียป็หนาเยหทีต่ ุ1ใหช้ัผกู้เเขส้ีายชัหกอาอยกทีจ่น1 อยู่
สำเร็จความใคร่ ถือได้ว่าเป็นการใช้กำลัใงนปรภะาทุวษะร้ทาี่ยไเมป่็สนาเหมตุาใรห้ถผู้ขเัสีดยขหืานยไทีด่้1 อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
รูปแบบของคำว่าหญิงมิใช่ภริยาของตนคือการที่จะเป็ นความผิดตามมาตรานี้นั้นต้องเป็ นการปลุก
เครำาพิหพญาิกงษซึา่งศไาลม่ฎใีกช่าภที่ริ8ย4า1ข2อ/2ง5ต57นและต้องเป็ นผู้หญิงโดยกำเนิดเท่านั้นไม่รวมถึงสาวประเภทสองแม่
พจวะกไขดอ้ทงจำำกเลายรไผด่้าร่ตวัมดกเับป็จนำหเลญยิหงาแมลผู้้วเสกี็ยตหาามยขคึ้นำไว่ปาใภนรหิ้ยองาบต้นอชัง้นเสป็อนงภเพื่รอรทีย่จาะทขี่่มถูขกืนตก้อระงทตำาชมำเกรฎามหาตมั้งาแยต่ภแรริกยาที่
ครัช้นอจำบเดล้ยวขย่มกขฎืนหกมระาทยำจชึำงเถรืาอเวส่รา็จเปแ็ลนะบอุอคกคจลากซึ่หง้อมิงใลชง่ภไปรชิัย้นาล่ขางองพตวกนขภอรงิจยำาเทลี่ยไเมด่ินชขอึ้นบมด้าวแยละกขฎ่มหขืมนกายระจทึงำเชปำ็ นเรา
ผู้คเสวียาหมาผยิตด่อตทัานมทีมในาตช่วรงาเนวี้ลแาตที่่อต่อย่เานืง่ อไงรกักน็ตแาสมดใงนว่าตจอำเนลนยี้กนัับ้นพไวดก้เรู้ปกัลนี่โยดนยเใปห็้จนำคเลำยว่ขา่มผูข้อืืน่ นกเรพะทรำาชะำฉเระานัเ้ปน็ นกคานรแจระก
พวกของจำเลกยรเะป็ทนำคนกทาี่รสคองมถคืือนไกด้วร่าะจทำเำลชยำกัเบรพาวบุกคร่ควมลขใ่ดมขกื็นแกล้รวะแทำต่ชกำ็เยร่อาผมู้เสเีปย็ นหาคยวด้าวมยกผัินดอทััน้งมีหลัมกษดณะเป็นการ

โทรมหญิงแล้ว

8.

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2)

มาตรา 277 ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่
ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษจำ
คุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมี
อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำ
คุกตลอดชีวิต

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดย
ใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงหรือกระทำกับเด็กชายในลักษณะ
เดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต

แควซ็างมกผ่ิดอตนาหมทนี้่บาัญนี้ญกัตฎิไหว้ใมนาวยรรไคดห้บนัึ่ญง ถญ้ัาตเปิ็ในนกคารำกพริพะทาำกโดษยาบศุคาคลลฎอีากยุาไทมี่่เก1ิน0สิ0บ0แ7ป/ด2ปี5ก5ระ7ทำต่อเด็ก
ผู้เซึส่งียมีอหาายุยกทวี่า่ สิ1บสยาอมปมีแใตห่้ยจังำไเม่ลเกยินกสิรบะห้ทาปำี ชโดำยเรเดา็กเพนั้นรยาิะนหยอลมงเศชืา่ลอทใี่นมีออำุบนาจยพขิจอารงณจาำคเดลีเยยาทีว่ทชนำแนลาะยควร่อาบผคู้รเัสวีจยะหาย
ที่พิ1จารดณวางใหช้มะีกตาารไคุ้มม่คดีรอจงะสตว้ัสอดงิภทาำพพขิธอีงกเดร็กรผมู้ถเูกพื่กอรสะทะำเหดราือะผูเ้กครระาทะำหค์วเพาืม่อผิทดี่ตบิาดมากผฎู้เหสมียายหว่าายด้วทัย้งกสารอคุง้มทีค่เรลอิกงเรด็ากกับ
มแสุาขทรภนดากาพาผรู้ภลเสงาีวโยทะหแษหาก่็งยไจดิท้ตั้ใงนนสิกสัอายรงพอจิาจะชาีสพร่ณงสเิา่งงขิแนอวงใดศหล้า้แอลมกใ่ขหผู้อ้คเงำสผีนู้ยึกงหรถึะงาทอยำาทคยีุ่วปา1มระผแิวดัสตแิดลคงะวเวาด่ม็ากปผูผู้ร้เถะสูกีพยกฤหรติะาทสยำติทปีคั่ญว1าญมเาสยักมาาพวัร์นศวึัธกย์รษอะ่าหออวนบ่ารงตม่ผูอ้ โลก
มีกครวะาทมำคโวง่าเมขผลิดากัเบบเาด็ปกั ผญู้ถูญกการหะลทำงเหชืร่ือออเหยตุ่าอื่งนงอัมนงคาวยรเวพื่่าอจปำรเะลโยยชสน์าขมอางเรด็ถกทผู้ำถูกพิกธีรสะทะำเดด้วายะเคราะห์ต่อดวงชะตา
จนส่งเสริมใหใ้นบกิดรณาีสที่่งไดเ้งมิีนกามราดใำหเน้ิไนดก้ าดรัคงุ้มนั้คนรอกงสาวรัสทีด่ิผภู้เาสพียขอหงาเดย็กทีผู่้ถ1ูกกยรอะมทำใหห้รืจอำผู้เกลรยะทกำรคะวทามำผชิดำตเารมาหลายครั้ง

มกสิำฎไเดหร้็จมเกาศิยดาวล่จาจาดะ้กวลยคงกโวทาารษมคุผู้ม้สกคมรรัะคอทงรำเคใด็จวกาแแมลล้ผวิะดอผนู้้กยอู่รยใะนกทวภำ่าคทาีว่วกาฎะมทหผีิ่มดไาไมยม่่สกต้ำาอหมงนราับดรโไถทว้ขสษัำดหแขตรัื่บถน้คาไกวดาา้มรคกผุ้ิมดาครนั้รทนีอ่เจงพีำสยวเังลสใดยดิภกเ็ลาไิพดก้ดใัเงนสืก้กอลา่ขารวอไงม่ผู้เสีย
หพิาจยารทีณ่ า1ขอขึง้นศาลใชใ้หป้คาำกนึกงถาึเงขเีหยตุนตาทีม่หวรน้ราคอห้กาดท้ีว่ตยัว และใช้น้ำมันทาตัวผู้เสียหายที่ 1 ถอดกางเกงของผู้
เสียหายที่ 1 แล้วจำเลยสอดใส่อวัยวะเพศของจำเลยเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 ชัก

เข้าชักออกจนสำเร็จความใคร่ ถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 อยู่

ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้

รูปแบบของคำว่าหญิงมิใช่ภริยาของตนคือการที่จะเป็ นความผิดตามมาตรานี้นั้นต้องเป็ นการปลุก

เราหญิงซึ่งไม่ใช่ภริยาของตนและต้องเป็ นผู้หญิงโดยกำเนิดเท่านั้นไม่รวมถึงสาวประเภทสองแม่

จะได้ทำการผ่าตัดเป็ นหญิงแล้วก็ตามคำว่าภริยาต้องเป็ นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายภริยาที่

ชอบด้วยกฎหมายจึงถือว่าเป็ นบุคคลซึ่งมิใช่ภริยาของตนภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงเป็ น

ความผิดตามมาตรานี้แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้นได้เปลี่ยนเป็ นคำว่าผู้อื่ นเพราะฉะนั้นการจะ

กระทำการคมคืนกระทำชำเราบุคคลใดก็แล้วแต่ก็ย่อมเป็ นความผิดทั้งหมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง 9

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6098/2564

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคสาม (เดิม) จำคุก 25 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาล
อุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคหนึ่ง (เดิม) จำคุก 2 ปี เป็นการ
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้วรรคของความผิดในบทมาตราเดียวกัน ไม่ถือเป็นการแก้บทความผิด แม้ศาล
อุทธรณ์ภาค 2 จะแก้โทษด้วยก็เป็นการแก้ไขเล็กน้ อย และคงให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้คู่
ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าพยานหลัก

ฐาน
โจทก์ยังฟั งไม่ได้ว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายโดยใช้อาวุธมีดขู่บังคับขณะกระทำชำเราเท่ากับศาลอุทธรณ์
หภาายคคจ2ำำพฟเิัลพงยขา้ถอืกอเทอษ็าจาวจุศธริามงีลวด่าฎอีจยกูำ่ใเานลทมยีื่ไอ5มย่่4มอี6อมา9ทวำุ/ธ2ใมห5ี้ดผ6ู้ใเ4นสียขหณาะยกเรกิะดทคำวชาำมเรกาลัผูว้เสฎีียกหาาขยองโโจจททก์กฎ์ีจึกงาเวป่็านขกณาระโกต้รเถะีทยำงดชุำลเพริานิผูจ้เใสนีย
การ
รับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม
บท
บัญญัติมาตราดังกล่าว

2. ค
ำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5469/2564


โจทก์ยื่นคำร้องโดยมุ่งประสงค์ขอให้ศาลทำการไต่สวนและออกหมายเรียกจำเลยทั้งสองกับบุคคลอื่นมาให้
ถ้อยคำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 277 โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 ขายสินค้าแล้วนำเงินเข้าฝากในบัญชีเงินฝากของ
จำเลยที่ 2 กับบุคคลอื่นอันเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า ทรัพย์สินใดเป็นของจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ตามคำพิพากษา
หรือไม่ ซึ่งมาตรา 277 บัญญัติให้ศาลทำการไต่สวนออกหมายเรียกลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่เชื่อว่า
อยู่ในฐานะที่จะให้ถ้อยคำอันจะเป็ นประโยชน์มาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหรือวัตถุพยานซึ่งอยู่ในความยึดถือหรือ
อำนาจของผู้นั้นเพื่อให้ได้ความเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อประโยชน์ในการ
บังคับคดีตามคำพิพากษาเท่านั้น เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งเรียกบุคคลผู้เคยเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นและ
พนักงานบัญชีของจำเลยที่ 1 มาให้ถ้อยคำและทำการไต่สวนเกี่ยวกับการขายสินค้าและการนำเงินเข้าบัญชีเงิน
ฝากดังกล่าวอันเป็นการอนุญาตตามคำร้องของโจทก์แล้ว ศาลจึงไม่จำต้องมีคำสั่งใด ๆ ตามคำร้องของโจทก์อีก
ส่วนการที่ตามทางไต่สวนจะได้ข้อเท็จจริงเป็ นประการใดเป็ นเรื่ องที่โจทก์ซึ่งเป็ นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้อง
ไปดำเนินการขอยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามที่พิจารณาได้ความต่อเจ้าพนักงานบังคับ
คดีตามมาตรา 298 ต่อไป โดยมาตรา 277 หาได้บัญญัติให้อำนาจศาลในการมีคำวินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดเป็นของ
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไปเสียทีเดียวดังที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษามาไม่ ที่
ศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยว่า เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นของจำเลยที่ 1 และมีคำพิพากษาให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง
อายัดเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารทั้งสองดังกล่าวโดยให้โจทก์วางเงินประกันความเสียหายมานั้น เป็นการไม่
ชอบ

3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2564

การยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 เป็นการใช้สิทธิยื่นคำร้องในคดี
อาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ มิใช่คดีที่ผู้เสียหายฟ้ องเองโดยตรง จึงต้องถือว่าคำพิพากษาในส่วนที่เรียกค่า
สินไหมทดแทนเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาในคดีส่วนอาญา ทั้งการพิพากษาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาล
จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ดังนั้น สิทธิในการอุทธรณ์
ฎีกาเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนในคดีส่วนแพ่งต้องถือคดีส่วนอาญาเป็นหลัก หากคดีอาญาขึ้นมาสู่การพิจารณาของ

ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา คดีส่วนแพ่งก็ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์หรือฎีกา

10.

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2)

มาตรา 278 ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลัง
ประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคล
อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศ
ล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของบุคคลนั้น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่
แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท๖

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสอง ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืน
หรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท๗

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสอง ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยใช้อาวุธ
หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็ นการโทรมหญิงหรือกระทำกับชายในลักษณะเดียวกัน
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต๘

[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
อาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]

องค์ประกอบของความผิด

1.กระทำอนาจาร




คำ อนาจาร หมายถึง การประพฤติชั่ว น่าอาย นอกรีตนอกแบบ ลามก น่าบัดสี ทำให้อับอาย เป็นที่น่า

รังเกีจแก่
ผู้อื่นในด้านความความดีงาม แต่เนื่องจากกฎหมายมาตรานี้เป็นกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับ เพศ

ฉะนั้นในทางกฎหมาย คำว่าอนาจาร จะต้องเป็นการประพฤติตนที่ไม่สมควรหรือชั่วในทางเพศ



การกระทำอนาจาร คือ การกระทำที่ไม่สมควรทางประเพณีนิยมโดยมุ่งหมายในเชิงแระเวณีหรือใน
ทางเพศโดยการทำอนาจารนั้นต้องเป็นการกระทำต่อร่างกายโดยตรง ไม่ใช่เพียงการพูดหรือเขียนภาพ



ตามกฎหมายใหม่ การทำอนาจารนั้นรวมไปถึง การใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่น ซึ่งมิใช่อวัยวะเพศ เช่นนิ้ว
หรือ สิ่งของต่างๆล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของบุคคลอื่น ก็ถือว่าเป็นการกระทำอนาจาร
แต่อย่างไรก็ตามไม่รวมถึงกรณีที่ล่วงล้ำเข้าไปในปากของผู้อื่น ตามวรรคสอง

2.แก่บุคคลอายุมากกว่าสิบห้าปี

ต้องเป็นการกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปีโดยผู้กระทำอนาจารนั้นอาจเป็นผู้ชาย
หรือหญิงก็ได้

11.

3.โดยขู่เข็นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยหญิงไม่สามารถขัดขืนได้
หรือทำให้หญิงเข้าใจผิดคิดว่าเป็ นบุคคลอื่น

คำว่าโดยขู่เข็ญด้วยประการใดใดขู่เข็ญหมายความถึงทำให้กลัวว่าจะได้รับในอนาคตซึ่งอาจเป็ นการขู่ว่าจะ
กระทำอันตรายต่อเองหรือต่อผู้อื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้นั้นเช่นขู่ว่าจะฆ่าบุตรของผู้นั้น

คำว่าโดยใช้กำลังประทุษร้ายมีความหมายตามวรรค 1 (6) เป็นการกระทำแก่กายหรือจิตใจ

คำว่าโดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดคืนได้หมายถึงสภาวะที่ผู้นั้นจำต้องยอมอันมิใช่
โดยสมัครใจโดยอาจเป็นภาวะที่ผู้หญิงมีอยู่ก่อนกระทำ เช่น เจ็บป่วยเป็นโรค มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว หรือผู้
กระทำเป็นฝ่ายทำให้เกิดภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เช่นใช้ยาทำให้มึนเมาหรือสะกดจิต

คำว่าโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดคิดว่าเป็ นบุคคลอื่น หมายถึงเป็นการทำให้สำคัญผิดในตัวบุคคลเป็นคนละ
คน ไม่ใช่ทำให้เข้าใจผิดในคุณสมบัติของบุคคคลผู้นั้น

4.เจตนาตามมาตรา 59
คือรู้สำนึกในการกระทำมีความประสงค์จะให้อวัยวะเพศของตนล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศทวารหนักปากของ

ผู้อื
่ นนั้นแม้ว่าจะไม่สามารถอวัยวะเพศเข้าไปในทวารหนักหรือปากของผู้อื่ นได้สำเร็จก็เป็ นความผิดในขั้น
พยาคยำามแต่ถ้ามีเจตนาเพียงจะใช้เวลาเลขผู้อื่ นเป็ นความผิดฐานอนาจา

12

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2)

มาตรา 279 ผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำ
คุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษจำคุก
ตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ผู้กระทำได้กระทำโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดย
ใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสาม เป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมิใช่
อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของเด็กนั้น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับ
ตั้งแต่หนึ่ งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสี่ เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษจำคุก
ตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสี่หรือวรรคห้า ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธ
ปืนหรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุก
ตลอดชีวิต

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสี่หรือวรรคห้า ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้อาวุธ
หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็ นการโทรมเด็กหญิงหรือกระทำกับเด็กชายในลักษณะเดียวกัน

ต้อง
ระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต

คำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง 13

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15832/2555

จำเลยใช้อวัยวะเพศถูไถที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 จนมีน้ำสีขาวขุ่นออกมาจากอวัยวะเพศของจำเลยถูกที่
ขาของผู้เสียหายที่ 1 ตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลไม่พบบาดแผลภายนอก อวัยวะเพศไม่พบรอย
ฟกช้ำหรือฉีกขาด เยื่อพรหมจารีไม่ฉีกขาด ส่งสารคัดหลั่งในช่องคลอดไปตรวจที่สถาบันนิติเวชวิทยา ไม่พบร่อง
รอยการร่วมประเวณีหรือสอดใส่อวัยวะเพศเข้าสู่ช่องคลอดของผู้เสียหายที่ 1 ข้อเท็จจริงบ่งชี้ว่า อวัยวะเพศของ
จำเลยมิได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 จึงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถ
สัมผัสอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 โดยไม่มีเจตนาสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 จำเลยจึงไม่มี
ความผิดฐานกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 คงมีความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ศาลมีอำนาจ
ลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3577/2551

โจทก์บรรยายฟ้ องระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่

เกิ
น 15 ปี โดยจำเลยเอาอวัยวะเพศของจำเลยถูไถบริเวณอวัยะเพศของผู้เสียหาย และใช้มือลูบคลำอวัยะเพศ
ของคผูำ้เสียหายหลายครั้งอันเป็นการกระทำอนาจารโดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เมื่อจำเลย

ให้การรับสารภาพตามฟ้ องจึงต้องรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน
15 ปี โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา
279 วรรคสอง






https://mgronline.com/tags

14

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2)

มาตรา 281 ความผิดตามมาตราดังต่อไปนี้ เป็นความผิดอันยอมความได้
(1) มาตรา 276 วรรคหนึ่ง และมาตรา278 วรรคสอง ซึ่งเป็นการกระทำระหว่างคู่สมรส ถ้ามิได้เกิด

ต่อหน้ าธารกำนัล หรือไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย
(2) มาตรา 278 วรรคหนึ่ง ถ้ามิได้เกิดต่อหน้ าธารกำนัล ไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัส

หรือถึงแก่ความตาย หรือมิได้เป็นการกระทำแก่บุคคลดังระบุไว้ในมาตรา ๒๘๕ และมาตรา ๒๘๕/๒

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4906/2543, http://deka.supremecourt.or.th, ความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 276 วรรคแรกเป็นความผิดอันยอมความได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา
281 พนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนได้ต่อเมื่อมีคำร้องทุกข์ตามระเบียบ ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญามาตรา 121 วรรคสอง แต่ปรากฏจากรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานและคำเบิก

คอยว่าา
มงใขดอกงาพรนรัับกแงจา้นงคสวอาบมสแวมน้จว่ะามผูี้คเสำียว่หารา้อยงแทจุ้กงขค์วอายูม่ด้รว้อยงทกุ็กไมข่์ถไืวอ้กว่่อาเนป็เนพื่คอำเรป้็อนงหทุลกักขฐ์ตานามเทป่ารนะั้มนวมลิไกดฎ้มหอมบาคยดวีิแธีต่
พิจาครณำ าความอาญา มาตรา 2(7) เพราะยังมิได้กระทำโดยเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ การสอบสวน

ความผิดฐานนี้จึงไม่ชอบ พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้ องจำเลยในความผิดฐานนี้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2) 15

มาตรา 282 ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้น
จะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ผู้
กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ผู้กระทำต้องระวางโทษจำ
คุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น รับตัวบุคคลซึ่งมีผู้จัดหา ล่อไป หรือพาไปตามวรรคแรก วรรคสอง หรือ
วรรคสาม หรือสนับสนุนในการกระทำความผิดดังกล่าว ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในวรรคแรก วรรคสอง หรือ
วรรคสาม แล้วแต่กรณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2564

ผู้เสีย
หายพักอาศัยอยู่ห้องเช่ากับจำเลยโดยออกค่าเช่าคนละครึ่ง ม. กับชายคนหนึ่งติดต่อผู้เสียหายไปขาย
บบรริิกกาาครรททำาางงเเพพศศเโพดื่ยอจจำะเไลด้ยมีไเมง่ินไดม้มาีชส่ำวรนะรค่ว่ามเชร่ับาหก้อางรพตัิดกต่แอลตะกร่ลวงมดเ้ดวินยทแาตง่จไำปเทลี่โยรพงูดแสรมนักบับสผนูุ้เนสีใยห้หผูา้เยสีใยนหลาักยษไปณขะาพยาไป

ขายบริการทางเพศเนื่องจากผู้เสียหายอายุ 16 ปี อาจมีปัญหาในการเข้าใช้บริการโรงแรม ทั้งเมื่อเข้าไปในห้อง
พักสายลับล่อซื้อถามว่าคนไหนจะมาบริการ จำเลยบอกว่าเป็นผู้เสียหาย สายลับจึงมอบเงินที่ใช้ล่อซื้อให้จำเลย
และ
เมื่อจับกุมตรวจค้นจำเลยก็พบเงินที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในกระเป๋ าสะพายของจำเลย บ่งชี้ว่าจำเลยมีส่วนร่วมรู้เห็น
ร่วม
วางแผนตัดสินใจร่วมกันหรือแบ่งหน้ าที่กันทำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4983/2563

แม้ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 มาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านของจำเลยเองโดยจำเลยไม่ได้ชักชวน แต่ขณะอยู่กับ
จำเลยที่ร้านก็ถือว่าผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ยังอยู่ในอำนาจปกครองของผู้เสียหายที่ 3 และที่ 4 บิดาตลอดเวลา การ

ที่จำเลยรู้เห็นยินยอมให้ลูกค้าใช้ร้านจำเลยเป็นสถานที่ติดต่อพาผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ออกจากร้านไปทำการค้า
ประเวณีเพื่อสำเร็จความใคร่ที่อื่น โดยจำเลยได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยมิชอบจากค่าสุราอาหารที่ลูกค้าต้องสั่งเพิ่ม
พิเศษและลูกค้าต้องชำระค่าเสียเวลาให้แก่จำเลย ถือว่าจำเลยกระทำการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของผู้เสียหายที่

3 และที่ 4 จำเลยจึงมีความผิดฐานปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดาเพื่อการ
อนาจารแม้โจทก์จะบรรยายฟ้ องว่าจำเลยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก ก็ถือว่าโจทก์บรรยายฟ้ องข้อเท็จ

จริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
มาตรา 26 วรรคหนึ่ง (5) ครบถ้วนแล้ว เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ป้ องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551

มาตรา 4 (เดิม) การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบก็คือการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีนั่นเอง

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2) 16

มาตรา 284 ผู้ใดพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำ
ผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สอง
หมื่นบาทถึงสองแสนบาท

ผู้ใดซ่อนเร้นบุคคลซึ่งถูกพาไปตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พาไปนั้น ความผิดตามมาตรา
นี้ เป็นความผิดอันยอมความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4038/2563

จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของกลางพาผู้เสียหายไปยังที่เกิดเหตุ จากนั้นใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้เสียหายตกอยู่ใน
ภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เป็นความผิดฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารและ
ฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงพาหนะที่ใช้พาไปยังที่เกิดเหตุเท่านั้น ไม่ใช่
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง จึงไม่อาจริบได้



คำคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7142/2562

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7142/2562

ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารเป็นความผิดนับแต่จำเลยทั้งสองกับพวกเริ่มพรากผู้เสียหายที่ 1 ขณะที่ผู้เสีย

หา
ยที่ 1 อยู่นอกราชอาณาจักร และเป็นความผิดต่อเนื่องติดต่อกันตลอดมาในท้องที่ต่าง ๆ หลายท้องที่ตลอดเวลาที่จำเลย
ทั้ง
สองกับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายที่ 1 เข้ามาในราชอาณาจักรและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายที่ 1 ไว้เพื่อการค้าประเวณีที่

จังหวัดตราด ถือได้ว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อเนื่องเกิดขึ้นหลายท้องที่ทั้งนอกราชอาณาจักรและในราชอาณาจักร
โจทก์จึงมีอำนาจฟ้ องตามมาตรา 5 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ความผิดฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคแรก (เดิม)
และฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือ
ใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ตามมาตรา 284 วรรคแรก (เดิม) ต้องเป็นการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของตนเองหรือผู้
ร่วมกระทำความผิดกับตน เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นธุระจัดหาและพาผู้เสียหายที่ 1 ไปเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี อัน
เป็นการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น มิใช่เพื่อสนองความใคร่ของจำเลยทั้งสองกับพวก การกระทำของจำเลยทั้งสอง
จึงไม่เป็ นความผิดสองฐานนี้

ความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแล หรือผู้จัดการกิจการการค้าประเวณีหรือสถานการค้าประเวณี
กับความผิดฐานร่วมกันดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี เมื่อจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของ ผู้ดูแล
หรือผู้จัดการสถานการค้าประเวณีและดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณีของ
จำเลยทั้งสองนั้นเอง จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น มี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 แก้ไขอัตราโทษตาม
ป.อ. มาตรา 286 วรรคแรก และมาตรา 318 วรรคสาม แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสอง จึงต้องใช้
กฎหมายเดิมในขณะที่จำเลยทั้งสองกระทำความผิด แต่ต่อมาในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา มี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 27) พ.ศ.2562 ให้ยกเลิกความในมาตรา 286 ซึ่งกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิด
ยังคงบัญญัติให้การกระทำความผิดตามฟ้ องเป็นความผิดอยู่ แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณเฉพาะในส่วนโทษจำคุก จึงต้อง
ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณไม่ว่าในทางใด ตาม ป.อ. มาตรา 3

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2) 17

มาตรา 286 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินยี่สิบปี และปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือจำ
คุกตลอดชีวิต

(1) ช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่น
(2) รับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี
(3) บังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือใช้อำนาจครอบงำผู้อื่น หรือรับผู้อื่นเข้าทำงานเพื่อการค้าประเวณี
(4) จัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ใช้บริการ
(5) ปกปิดหรืออำพรางแหล่งที่มาของรายได้หรือทรัพย์สินซึ่งได้มาจากการค้าประเวณี
(6) อยู่ร่วมกับผู้ซึ่งค้าประเวณีหรือสมาคมกับผู้ซึ่งค้าประเวณีคนเดียวหรือหลายคนเป็นอาจิณ และไม่สามารถ
แสดงที่มาของรายได้ในการดำรงชีพของตน
(7) ขัดขวางการดำเนินการของหน่วยงานที่ดูแลในการป้ องกัน ควบคุม ช่วยเหลือ หรือให้การศึกษาแก่ผู้ซึ่งค้า
ประเวณี ผู้ซึ่งจะเข้าร่วมในการค้าประเวณี หรือผู้ซึ่งอาจได้รับอันตรายจากการค้าประเวณี
ความในวรรคหนึ่ง (2) และ (6) มิให้ใช้บังคับแก่ผู้รับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดซึ่งพึงได้รับตามกฎหมายหรือตาม
ธรรมจรรยา

เกี่ยวกับการขยายบทลงโทษคนที่แสวงหาประโยชน์ จากโสเภณี




ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 286 เดิมได้กำหนดบทลงโทษของผู้ดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้

ของผคู้ซำึ่งคคำ้าพปิรพะาเวกณษี เาชศ่นาลหาฎีกกไมา่ทมีี่งา7น1ท4ำ2แ/ล2ะ5เล6ี้ย2งชีพตนเองอยู่ได้โดยเงินที่โสเภณีให้จะเป็นความผิดตามมาตรานี้

ซึ่งแนวคำพิพากษาศาลฎีกาได้ตีความว่า หากมีงานทำเป็นลูกจ้างมีเงินเดือนประจำ และเป็นผู้จัดหาโสเภณีให้ผู้อื่น
และรับผลประโยชน์จากโสเภณีก็จะไม่ผิดมาตรา 286 นี้ เช่น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2535[16] แนวคำ
พิพ
ากษาศาลฎีกาดังกล่าวทำให้เกิดผลที่ว่า หากรับเงินจากโสเภณี ต้องมีงานทำ จึงจะไม่ผิด หากตกงานจะผิด ซึ่ง
ไม่
น่าจะตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการลงโทษผู้ที่แสวงหาประโยชน์จากโสเภณีไม่ว่ากรณีใดๆ

มาตรา 286 ใหม่[17] จึงได้แก้ไขปัญหาจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว โดยนำแนวคิดการลงโทษผู้แสวงหา
ประโยชน์จากโสเภณี (proxénétisme) แบบที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาฝรั่งเศสมาตรา 225-5 และ
มาตรา 225-6 ซึ่งมีแนวคิดคือ โสเภณีไม่มีความผิด แต่คนที่หาประโยชน์รายรอบโสเภณี เช่น รับส่วนแบ่ง เงินหรือ
ผลประโยชน์ คุ้มครอง จัดหาโสเภณีเป็นลักษณะของ proxénétisme ที่ต้องถูกลงโทษ เป็นการกระทำที่ขัดศักดิ์ศรี
ความเป็นมนุษย์ การแก้ไขมาตรา 286 นี้จึงเป็นการขยายบทลงโทษจากเดิมลงโทษเฉพาะผู้ที่ดำรงชีพจากรายได้
โสเภณีเป็นการลงโทษผู้ที่แสวงหาประโยชน์จากโสเภณีในทุกรูปแบบที่กว้างขวางขึ้น แม้บางลักษณะการกระทำจะ
ซ้อนกับพระราชบัญญัติป้ องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 แต่การกำหนดฐานความผิดหลักให้ครบ
ถ้วนในประมวลกฎหมายอาญาก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำตามระบบประมวลกฎหมาย ส่วนการซ้ำซ้อนบางกรณีก็ควร
ตีความว่าเป็ นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท

จากแนวคิดดังกล่าว มาตรา 286(2) ใหม่ที่บัญญัติห้ามรับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือ
จากผู้ซึ่งค้าประเวณี จึงไม่ได้หมายความถึง แม่ค้าที่รับเงินจากโสเภณีที่ไปซื้อข้าวกินตามสัญญาทางแพ่งทั่วไป หรือ
พระที่รับเงินบริจาคที่โสเภณีมาทำบุญตามปกติวิสัย เพราะผู้รับเงินจากโสเภณีดังกล่าวไม่ใช่ผู้หาประโยชน์รายรอบ
โสเภณี

18

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7142/2562

ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารเป็นความผิดนับแต่จำเลยทั้งสองกับพวกเริ่มพรากผู้เสียหายที่ 1 ขณะที่ผู้เสีย
หายที่ 1 อยู่นอกราชอาณาจักร และเป็นความผิดต่อเนื่องติดต่อกันตลอดมาในท้องที่ต่าง ๆ หลายท้องที่ตลอดเวลาที่จำเลย
ทั้งสองกับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายที่ 1 เข้ามาในราชอาณาจักรและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายที่ 1 ไว้เพื่อการค้าประเวณี
ที่จังหวัดตราด ถือได้ว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อเนื่องเกิดขึ้นหลายท้องที่ทั้งนอกราชอาณาจักรและในราช
อาณาจักร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้ องตามมาตรา 5 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ความผิดฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคแรก (เดิม)
และฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือ
ใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ตามมาตรา 284 วรรคแรก (เดิม) ต้องเป็นการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของตนเองหรือ
ผู้ร่วมกระทำความผิดกับตน เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นธุระจัดหาและพาผู้เสียหายที่ 1 ไปเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี
อันเป็นการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น มิใช่เพื่อสนองความใคร่ของจำเลยทั้งสองกับพวก การกระทำของจำเลยทั้ง
สองจึงไม่เป็ นความผิดสองฐานนี้

ความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแล หรือผู้จัดการกิจการการค้าประเวณีหรือสถานการค้าประเวณี

กับค
วามผิดฐานร่วมกันดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี เมื่อจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของ ผู้ดูแล
ขหอรืองจผู้คำจัเำดลกคยาำทัร้พงสิสถพอางานนกัก้นาษเรอคา้งศาปจาึรงละเปเฎ็วีนกณกีาแารทลีก่ะรด7ะำ1ทรำง4ชกี2พร/รอ2มยู5่เแด6ีมย้2เวพีเยป็งนบคาวงาสม่วผนิดจตา่กอกราฎยหไมด้าขยอหงลผู้าซึย่งบค้ทาประเวณีในสถานการค้าประเวณี

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น มี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 แก้ไขอัตราโทษ

ตาม
ป.อ. มาตรา 286 วรรคแรก และมาตรา 318 วรรคสาม แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสอง จึงต้องใช้
กฎห
มายเดิมในขณะที่จำเลยทั้งสองกระทำความผิด แต่ต่อมาในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา มี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 27) พ.ศ.2562 ให้ยกเลิกความในมาตรา 286 ซึ่งกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความ
ผิดยังคงบัญญัติให้การกระทำความผิดตามฟ้ องเป็นความผิดอยู่ แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณเฉพาะในส่วนโทษจำคุก
จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณไม่ว่าในทางใด ตาม ป.อ. มาตรา 3

ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276- 287/2) 19

มาตรา 287 ผู้ใด
(1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน

ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยัง
ให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ
ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก

(2) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว
จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น

(3) เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว โฆษณาหรือไขข่าว
โดยประการใด ๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าวัตถุ หรือสิ่งของ
ลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 287/1 ผู้ใดครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเอง
หรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
เจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



คำคำพิพ(ม๑าา)ตกเรพษืา่อา2คศ8ว7าา/ลม2ฎปีผูรก้ใะดาสทงี่ค์7แห1่ง4ก2า/ร2ค้5า6ห2รือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน

ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยัง
ให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก


(๒) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก จ่ายแจกหรือ
แส
ดงอวดแก่ประชาชนหรือให้เช่าสื่อลามกอนาจารเด็ก

(๓) เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าสื่อลามกอนาจารเด็กแล้ว โฆษณาหรือไขข่าวโดย
ประการใด ๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าสื่อลามกอนาจารเด็กดัง
กล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

https://mgronline.com/tags

20

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17849/2555

การกระทำของจำเลยในความผิดฐานมีไว้ซึ่งภาพยนตร์ลามกเพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้าและ
ฐานจำหน่ายภาพยนตร์ที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์
และวีดิทัศน์ เป็นความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับ มีองค์ประกอบความผิดที่แตกต่างกัน ทั้งเจตนาในการกระ
ทำความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวสามารถแยกต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม
ต่างกัน มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวกันตาม ป.อ. มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2554

ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเป็นความผิดอันยอมความได้หรือเป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์
ร่วมถอนคำร้องทุกข์โดยชอบแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้ องในข้อหานี้จึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)

การที่จำเลยส่งเอกสารที่มีข้อความประณามว่าโจทก์ร่วมมีชู้และพฤติกรรมทางเพศของโจทก์ร่วม ภาพถ่าย
เปลือยกายของโจทก์ร่วม ภาพถ่ายและแถบบันทึกเสียงการร่วมเพศของโจทก์ร่วมกับจำเลยอันเป็นสิ่งลามก


างไปรษณีย์ไปยังราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ถือได้ว่าเป็นการทำให้แพร่หลายโดยมีเจตนาเพื่อการแจกจ่าย
กเ
อากรสการระทรำวขมอทัง้งจภำาเลพยถ่จาึงยเแป็ลนะคแวถาบมบผัินดทฐึากนเสทียำงใหจ้ะแไพม่ร่ไหด้ลอ่าายนซึเ่องสกิ่งสลารามหกรือแดูมภ้ราาพษถฎ่ารยใหนรหือมูฟ่ับง้าแนถทีบ่เบกัินดทเึหกตเุสไีดย้รงับก็ถือว่า

เป็นความผิดสำเร็จในความผิดฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกตาม ป.อ. มาตรา 287 (1)

21

อ้างอิง

คำพิพากษาศาลฎีกา
http://deka.supremecourt.or.th/

ความหมายของการกระทำชำเรา
การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเรื่องเพศ : เมื่อคดีข่มขืนยอมความไม่ได้อีกต่อไป
ปกป้ อง ศรีสนิท 22 Aug 2019

ประมวลกฎหมายอาญา

https://www.canva.com/design/DAFMKgJ0h_s/3E1QGknCj_O8J_FVMNgX2g/ed it#



คำคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7142/2562


Click to View FlipBook Version