งานเขียนเชิงวิชาการ เรื่อง วิวัฒนาการของวาฬ โดย นางสาว ณัฐกาญจน์ ห่อกาญจนา เลขที่ ๑๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๗ เสนอ อาจารย์ พิสมัย สืบเลย รายงานเชิงวิชาการนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยพื้นฐาน (ท๓๒๑๐๒) ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๕ โรงเรียนสีชมพูศึกษา องค์กรบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
งานเขียนเชิงวิชาการ เรื่อง วิวัฒนาการของวาฬ โดย นางสาว ณัฐกาญจน์ ห่อกาญจนา เลขที่๑๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๗ เสนอ อาจารย์ พิสมัย สืบเลย รายงานเชิงวิชาการนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยพื้นฐาน (ท๓๒๑๐๒) ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๕ โรงเรียนสีชมพูศึกษา องค์กรบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
เมื่อขึ้นมาบนบกแล้วสิ่งมีชีวิตก็ปรับตัวให้สามารถปีนต้นไม้หรือบางชนิดก็สามารถบินได้ เลย แต่การวิวัฒนาการไม่ได้เรียงลำดับว่า จากน้ำต้องไปบนบกและจากบกต้องไปยังท้องฟ้า แต่การวิวัฒนาการนั้นไม่ได้จัดเรียงลำดับอะไรเลย อะไรที่ทำให้อยู่รอดได้ดีกว่า หาอาหารได้ ง่ายกว่าและสืบพันธุ์ได้มากกว่า สิ่งมีชีวิตก็จะเลือกแบบนั้นโดยที่ไม่ได้สนใจว่าจะบนบกหรือใน น้ำ อย่างบรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่สามารถบินได้แต่ปัจจุบันกลับต้องมาเดิน ว่ายน้ำ หรือดำน้ำหาอาหารเป็นหลัก รวมถึงสัตว์บกบางชนิดที่หวนคืนสู่น้ำจนไม่สามารถกลับมาใช้ ชีวิตบนบกได้อีกต่อไป เช่น สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Cetacea(ซิ-เท-เซีย)หรือสิ่งมีชีวิตประเภท วาฬ โลมา และ พอร์พอยส์(วาฬมีฟันขนาดเล็ก) คำ นำ เมื่อสามพันล้านปีที่ผ่านมา สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ก็ได้ปรับตัวเพื่อให้มีชีวิตรอดบนโลกใบนี้ ใครสามารถปรับตัวได้ดีก็จะอยู่รอดมีโอกาสสืบพันธุ์ แต่ใครที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็จำเป็นต้อง สูญพันธุ์ไปในที่สุด นี่คือหลักการพื้นฐานในการวิวัฒนาการตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต และหนึ่ง ในการวิวัฒนาการที่ดีที่สุด คือการที่วิวัฒนาการจากในน้ำไปบนบกและจากบนบกไปในน้ำ เมื่อสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการจากในน้ำขึ้นมาบนบกนั้นไม่ได้แปลว่ามันจะวิวัฒนาการได้ทันที เมื่อขึ้นมาบนบก แต่อาจจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีเพื่อที่จะเริ่มมีการวิวัฒนาการจากในน้ำขึ้น มาบนบกได้เพียงระยะเวลาหนึ่งก่อน และกลับลงไปสู่แหล่งน้ำดังเดิมเช่นเดียวกับปลาตีน และ กลายเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำไปในที่สุด และอีกหลายร้อยปีมันก็วิวัฒนาการกลายเป็นสัตว์เลื้อย คลาน และเรารู้ได้อย่างไรว่า วาฬ โลมา และ พอร์พอยส์เคยดำรงชีวิตอยู่บนบกมาก่อน มีการ ศึกษาและหลักฐานอะไรบ้าง ผู้จัดทำจึงได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำรายงานเนื่องมาจากเป็นเรื่อง ที่น่าสนใจและผู้จัดทำต้องขอขอบคุณอาจารย์พิสมัย สืบเลย ที่ได้ให้คำปรึกษา ผู้ให้ความรู้ และชี้แนะแนวทางและหวังว่ารายงานฉบับนี้จะได้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านและผู้ที่ สนใจ
สารบัญ เรื่อง หน้า Anatomy Whales ๑ ความแตกต่างระหว่างวาฬกับปลา ๓ ลักษณะนิสัยของวาฬ บรรพบุรุษของวาฬ ๔ ๕ สายพันธุ์ของวาฬ ๖
วิธีการสืบค้นร่องรอยที่พื้นฐานที่สุดคือ การเปรียบเทียบโครงสร้างร่างกาย หรือ Anatomy รูปร่างภายนอกของวาฬอาจจะดูเหมือนปลาขนาดใหญทั่วไป แต่ถ้าเรามา วิเคาระห์โครงสร้างของวาฬให้ลึก จริง ๆ แล้ว โครงสร้างภายในของวาฬ เช่น กระดูกของวาฬ ไม่มีความเหมือนปลาเลย กระดูกของวาฬมีความเหมือนสัตว์เลี้ยง ลูกด้วยนมที่อยู่บนบกมากกว่าในน้ำ โดยสังเกตจาก กระดูกที่ครีบของวาฬ จะมี โครงสร้างแบบกระดูกแขน โดยจะมีแขน ข้อมือ และ นิ้วมือ ซึ่งเหมือนกับกระดูก สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมบนบก โดยจะมีกระดูกแขนบน 1 ชิ้น กระดูกแขนล่าง 2 ชิ้น กระดูกข้อมือที่เป็นเม็ด ๆ แล้วตามด้วย กระดูกมือ และ กระดูกนิ้วมือ ซึ่งต่างจาก กระดูกครีบปลาโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าวาฬในปัจจุบันจะไม่มีขา แต่เราก็เห็นโครงสร้างของกระดูกบางอย่างที่ ควรจะเป็นขาของสัตว์บก เช่น กระดูกด้านหลังของวาฬหัวสรที่เป็นร่องรอยว่า ตรง ส่วนนี้เลยมีขามาก่อนเหมือนกับกระดูกก้นกบมนุษย์เป็นร่องรอยว่าเราเคยมีหางมา ก่อน นอกจากโครงและข้อสังเกตที่ชัดเจนอีกอย่างก็คือ เวลาวาฬตั้งครรภ์นั้นจะ ออกลูกเป็นตัวและมีการให้น้ำนมลูกอีกด้วย และ ยังเป็นสัตว์เลือดอุ่น ซึ่งปกติมาก สำหรับสัตว์เบี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่บนบก แต่หาได้ยากสำหรับปลา และอีกสิ่งที่เด่นชัด มากๆ คือ วาฬไม่มีเหงือกในการหายใจใต้น้ำ จึงทำให้เหล่าวาฬและโลมาต้องขึ้นมา หายใจบนผิวน้ำเป็นพัก ๆ วาฬบางสายพันธุ์ก็สามารถกั้นหายใจได้นานเป็นชั่วโมง เลยที่เดียว ๑ Anotomy whales https://www.kroobannok.com
๒ จมูกของวาฬเรียกว่า Blowhole โดย Blowhole จะมีทั้งแบบ 1 รูและ 2 รูตาม แบบและสายพันธุ์ของวาฬ แต่ไม่ว่าวาฬจะมี Blowhole 1 หรือ 2 รูเมื่อมาดูโครงสร้าง ด้านใน Blowhole จะมี 2 ช่องเสมอ และ Blowhole นี้เคยเป็นจมูกแบบสัตว์เลี้ยงลูกด้วย นมมาก่อน แหล่งที่มา mgronline.com https://www.blockdit.com/posts/5d10ef... Anatomy whale Fossil whale
๓ ความแตกต่างระหว่างวาฬและปลา วาฬ ปลา มีเหงือก หายใจด้วยเหงือก ออกลูกเป็นไข่ ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม มีจมูก หรือ Blowhole หายใจด้วยปอด ออกลูกเป็นตัว เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ที่มา https://m.youtube.com
๔ ลักษณะนิสัยของวาฬ วาฬเป็นสัตวตัวใหญ่ใจดีกล่าวกันว่า นิสัยจริง ๆ ของวาฬ ไม่ได้ดุร้าย แต่ กลับใจดีรักสันโดษ ชอบความสงบ แสนสุภาพกับเพื่อนในท้องทะเล และไม่เป็น อันตรายต่อนักประดาน้ำ คือ นิสัยดูสุภาพบุรุษมาก ๆ ส่วนมากวาฬจะกิน อาหาร ขนาดเล็ก เป็นสัตว์ที่ไม่กินเนื้อปลาเป็นตัว ๆ เหมือนฉลาม แต่กินสัตว์ จำพวกแพลงก์ตอน หรือไข่ปลาที่ลอยมาตามน้ำ วาฬ ได้ฉายาว่า เป็นนักเดิน ทาง เพราะในช่วงชีวิตหนึ่ง ๆ ฉลามวาฬนั้นเดินทางกว่า 1 ล้านกิโลเมตร หรือ มากกว่า 25 รอบของโลกเลย นอกจากนี้ปลาวาฬยังถือว่าเป็นสัตว์นำโชคอีก ด้วย ลาย ๆ ประเทศเชื่อว่าปลาฉลามวาฬเป็นสัตว์นำโชค อย่างเช่นใน เอเชีย ของเรา ประเทศญี่ปุ่นก็เชื่อว่า Jinbei Zame (ชื่อ เรียกของฉลามวาฬในภาษา ญี่ปุ่น) เป็นสัตว์นำโชค ประเทศอินโดนีเซียก็เช่นกัน แหล่งที่มา https://m.facebook.com
ทีมวิจัย ระบุว่า ฟอสซิลวาฬอายุ 43 ล้านปีนี้ ชื่อว่า ไฟโอมิซีตัส อะนูบิส (Phiomicetus Anubis) มีลักษณะเป็นวาฬ 4 ขา สามารถ เดินบนบกและว่าย น้ำได้ ช่วงลำตัวยาว 3 เมตร น้ำหนักราว 600 กิโลกรัม และคาดว่า จะเป็น สัตว์นักล่าชั้นยอด เมื่อวิเคราะห์จาก ส่วนกระโหลกของมันมีลักษณะคล้ายกับ วาฬโพรโตเซติดยุคแรกที่พบในแอฟริกา ๕ บรรพบุรุษของวาฬ เป็นสัตว์กินเนื้อบนบกมี 4 ขา ในยุค พาลีโอจีน เมื่อ ประมาณ 65 ล้านปีก่อน มีชื่อว่า "มีโซนิก" จากนั้นก็วิวัฒนาการเริ่มใช้ชีวิต แบบสัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า ภายในเวลาเพียง 10 ล้านปีต่อมาในยุคอีโอซีน หรือ เมื่อ ประมาณ 55 ล้านปีก่อน โดยจากสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจากนั้น ขาหลังก็ ค่อยหดและเล็กลงจนต่อมาเมื่อประมาณ 24-26 ล้านปีก่อนกระดูกและข้อ ต่อก็หดเล็กลงจนไม่มีโผล่ออกมา ให้เห็น แต่ในปัจจุบันกระดูกส่วนของขาหลังก็ ยังคงมีอยู่ โดยเป็นอวัยวะภายในที่มีขนาดเล็ก และทำหน้าที่เพียงเป็น ที่ยึดติด ของอวัยวะสืบพันธุ์เท่านั้น วาฬเป็นสัตว์ที่มีขนาด ใหญ่ นับเป็นสัตว์ที่มีขนาด ใหญ่ที่สุดในโลก บรรพบุรุษของวาฬ แหล่งที่มา https://www.voathai.com
๖ 1.วาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุดและอาจจะเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดที่อาศัย อยู่บนโลก แม้กระทั่งไดโนเสาร์ตัวโตที่สุดยังตัวเล็กกว่าวาฬสีน้ำเงิน ทั้งนี้เคยพบ วาฬชนิดนี้ที่มีขนาดยาวถึง 33 เมตร และหนัก 190 ตัน แต่โดยปกติมีขนาดเฉลี่ย 25-26.2 เมตร และหนัก 100-120 ตัน วาฬสีน้ำเงินอยู่สถานภาพใกล้สูญพันธุ์ (Endangered) โดยในช่วงศตวรรษที่ 20 ถูกล่าจนเกือบสูญพันธุ์ และได้เริ่มปกป้องสัตว์ใหญ่แห่งท้องทะเลในช่วงกลาง ทศวรรษ 1960 และเร็วๆ นี้ประมาณว่าเหลืออยู่ในซีกโลกใต้ประมาณ 2,300 ตัว และยังมีหลักฐานว่าประชากรของวาฬขนาดใหญ่นี้เพิ่มขึ้นปีละ 7% แต่การ ประมาณประชากรในส่วนอื่นๆ ของโลกยังมีตัวเลขไม่ชัดเจน สายพันธุ์ของวาฬ แหล่งที่มา https://www.voathai.com
3.วาฬไรท์ (Right whale) เป็นวาฬใหญ่เป็นอันดับ 3 โดยมีขนาดเฉลี่ย 13.5-18 เมตร และหนัก 40-80 ตัน และเนื่องจากวาฬไรท์เคลื่อนที่ช้า ว่ายน้ำใกล้ชายฝั่ง และลอยน้ำเมื่อถูกฆ่า จึงเป็นที่มาของชื่อซึ่งหมายถึงเป็นที่ “หมายปอง” ในการล่าของมนุษย์ สถานภาพในแอตแลนติกเหนือและแปซิฟิกเหนือใกล้สูญพันธุ์โดยมีประชากร ประมาณ 200-400 ตัว แต่ทางซีกโลกใต้ไม่อยู่ในข่ายถูกคุกคาม โดยมี ประชากรประมาณ 8,000-10,000 ตัว แหล่งที่มา https://www.voathai.com ๗ 2.วาฬฟิน (Fin whale) เป็นวาฬขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง มีขนาดเฉลี่ย 19-22.3 เมตร หนัก 45-75 ตัน และทราบว่ามีวาฬลูกผสมระหว่างวาฬฟินและวาฬสีน้ำเงินด้วย สถานภาพ ของวาฬชนิดนี้ใกล้สูญพันธุ์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ยังไม่มีตัวเลขประชากรที่แน่ชัด แต่ มีสัญญาณประชากรเพิ่มขึ้นในซีกโลกใต้นับแต่เริ่มปกป้องในปี 1976 แต่ชนเผ่าพื้น เมืองของกรีนแลนด์จะล่าวาฬฟินปีละ 19 ตัว และ 2-3 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นและ ไอซ์แลนด์เริ่มล่าวาฬชนิดนี้บ้างแล้ว
5.วาฬหัวทุย (Sperm whale) เป็นวาฬขนาดใหญ่ชนิดเดียวที่มีฟัน มีขนาด 11-15 เมตร หนัก 20-45 ตัน ใน อดีตน้ำมันของวาฬชนิดนี้ถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงจุดตะเกียงให้เมืองใหญ่ๆ ของ สหรัฐฯ และยุโรป และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกล่ามากถึงปีละ 30,000 ตัว จนกระทั่งในปี 1982 จึงได้รับการคุ้มครอง ปัจจุบันตกอยู่ในสถานภาพมี แนวโน้มเสี่ยงสูญพันธุ์ (Vulnerable) ๘ แหล่งที่มา https://www.voathai.com 4.วาฬเซ (Sei whale) เป็นวาฬที่ว่ายน้ำเร็วและในช่วงปี 1960 ถูกล่าเป็นอันดับต้นๆ เช่นเดียวกับ วาฬสีน้ำเงิน วาฬฟินและวาฬหลังค่อม โดยญี่ปุ่นได้รับอนุญาตให้ล่าวาฬชนิด นี้เพื่อการวิจัยได้ 100 ตัว ทั้งนี้ไม่มีตัวเลขจำนวนประชากรที่แน่ชัด แต่ตกอยู่ สถานภาพใกล้สูญพันธุ์มีขนาดเฉลี่ย 13.6-16 เมตร หนัก 20-25 ตัน
๙ แหล่งที่มา https://www.voathai.com 6.วาฬหัวบาตร (Bowhead whale) เป็นวาฬที่อยู่ในทะเลขั้วโลกเหนือ และมีหัวขนาดใหญ่และมีกะโหลกที่แข็งแรง พอที่จะทำให้แผ่นน้ำแข็งในทะเลแตกได้มีขนาดใหญ่ 14-15 เมตร หนัก 50-60 ตัน ประมาณว่ามีวาฬชนิดนี้อยู่ 17,000 ตัว และไม่อยู่ในสถานภาพใกล้ถูก คุกคาม โดยคณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬระหว่างประเทศ (International Whaling Commission) หรือไอดับเบิลยูซี (IWC) อนุญาตให้มีการล่าวาฬชนิดนี้ ในอะแลสกา ชูตอตตา (Chukotka) และกรีนแลนด์ในแต่ละรัฐได้ไม่เกินปีละ 69 ตัว 7.วาฬบรูดา (Bryde's whale) เป็นวาฬที่พบทะเลเขตร้อน มีขนาด 13.7-14.5 เมตร หนัก 16-18.5 ตัน มีรูป ร่างคล้ายวาฬเซจนเป็นที่สับสน ทั้งนี้ไม่มีข้อมูลเพียงพอสำหรับประมาณจำนวน วาฬชนิดนี้ แต่เชื่อว่ามีมากถึง 25,000 ตัวในแปซิฟิกเหนือฝั่งตะวันตก โดย ญี่ปุ่นจะล่าวาฬชนิดนี้เพื่องานวิจัยปีละไม่เกิน 50 ตัว
9.วาฬสีเทา (Gray whale) เป็นวาฬที่แยกเป็น 2 กลุ่มประชากรในมหาสมุทรแปซิฟิก คือกลุ่มประชากรใน แปซิฟิกเหนือฝั่งตะวันตก ซึ่งมีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์โดยมีจำนวนเพียง 130 ตัว ส่วนกลุ่มประชากรในแปซิฟิกตะวันออกมีจำนวนมากถึง 20,000 ตัว และ วาฬชนิดนี้เป็นรู้จักในด้านการอพยพเพื่อหนีหนาวจากทะเลเบอริง (Bering) ใน มหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลชุกกี (Chukchi) ในมหาสมุทรอาร์กติกไปยังเขตน้ำ อุ่นในเม็กซิโก เพื่อผสมพันธุ์และออกลูก คิดเป็นระยะทางไป-กลับไกลถึง 20,000 กิโลเมตร ๑๐ แหล่งที่มา https://www.voathai.com 8.วาฬหลังค่อม (Humpback whale) เป็นวาฬที่ไม่อยู่สถานภาพใกล้ถูกคุกคาม คาดว่าอาศัยอยู่ในซีกโลกใต้ แอตแลนติกเหนือและแปซิฟิกเหนือราว 73,000 ตัว มีขนาด 12-14 เมตร หนัก 25-30 ตัน
แหล่งที่มา https://www.voathai.com ๑๑ 10.วาฬมิงก์ (Minke whale) เป็นวาฬที่ถูกล่ามากที่สุดในโลก โดยญี่ปุ่นล่าวาฬชนิดนี้เพื่อวิจัยมากถึงปีละ 950 ตัว ส่วนนอร์เวย์ได้รับโควตาให้ล่าเพื่อการค้าได้ปีละ 1,000 ตัว ส่วนเรือ ประมงของไอซ์แลนด์จับวาฬมิงก์ปีละ 50 ตัว ส่วนชาวอินูอิตของกรีนแลนด์ล่า วาฬมิงก์เพื่อยังชีพได้มากถึง 212 ตัว วาฬขนาดเล็กที่สุดนี้ยังไม่อยู่ในสถานภาพ ใกล้ถูกคุกคาม โดยคาดว่ามีจำนวนประชากรในซีกโลกใต้มากถึง 450,000 ตัว และในแอตแลนติกเหนือมีจำนวนมากกว่า 145,000 ตัว ส่วนแปซฟิกเหนือคาด ว่ามีอยู่ 25,000 ตัว
บรรณานุกรม เนื้อหาเรียบเรียงโดย : โลกสีฟ้าป.ปลาตัวจิ๋ว วันที่ 25 มิ.ย. พ.ศ.2562 ที่มา:mgronline.com ที่มา:วิวัฒนาการของวาฬและโลมา https://www.blockdit.com/posts/5d10ef... เรียบเรียงโดย ช่างสงสัย ที่มา:https://youtu.be/pmiFSgaky6Y
WHALE