The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทพากย์เอราวัณ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aum2407amornwan, 2024-06-20 13:05:25

บทพากย์เอราวัณ

บทพากย์เอราวัณ

บทพากย์ย์ ย์ เย์ เอราวัวั วั ณวั ณ ชั้ชั้ชั้ นชั้ นมัมั มั ธมั ธยมศึศึศึ ก ศึ กษาปีปีปี ที่ ปี ที่ ที่ที่ ๓ นางสาวอมรวรรณ กันทองสุข เลขที่ 29 รหัสนิสิต63414576


สื่อการเรียนการสอนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เรื่องบทพากย์เอราวัณ เล่มนี้เป็นส่วน หนึ่งของรายวิชา ๓๖๖๓๐๗ ภาษาและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนานวัตกรรม โดยภายในหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้กล่าวถึงเนื้อหาเรื่อง บทพากย์เอราวัณ ซึ่งเป็นวรรณคดีเรื่องหนึ่งในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ผู้แต่ง ลักษณะคำ ประพันธ์ เนื้อเรื่อง บทประพันธ์ ตัวละครสำ คัญ คุณค่า คำ ศัพท์และความหมาย ซึ่งจัดทำ ขึ้นเพื่อพินิจวรรณคดี และใช้เป็นเอกสารประกอบการเรียนการสอน สำ หรับนักเรียน นิสิตนักศึกษา และบุคคลที่สนใจ ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สื่อการเรียนการสอนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องบทพากย์เอราวัณ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องบทพากย์เอราวัณเป็นอย่างมาก หากสื่อการ เรียนการสอนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้มีข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำ ขอน้อมรับไว้และขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัดทำ อมรวรรณ กันทองสุข คำ นำ


หน้า ประวัติความเป็นมา ๑ผู้แต่ง ๑ลักษณะคำ ประพันธ์ ๒เนื้อเรื่อง ๓ตัวละครสำ คัญ ๓บทพากย์เอราวัณ ๖ชวนอ่านคิด พินิจวรรณคดี ๑๑เรียนรู้คำ จำ ความหมาย ๑๖สารบัญ


พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) เป็นพระราชโอรสในพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี สมัยของพระองค์เป็นสมัยที่ศิลปวัฒนธรรมมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงส่งเสริมและทำ นุบำ รุงศิลปะในแขนงต่าง ๆ อีกทั้ง พระองค์ยังทรงเป็นกวี โดยทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีขึ้นหลายเรื่อง เช่น บทละครในเรื่อง รามเกียรติ์ อิเหนา ฯลฯ ๒. ผู้แต่ง ในสมัยอยุธยาจะนำ เนื้อเรื่องรามเกียรติ์บางตอนมาแต่งสำ หรับการแสดงหนังใหญ่ และโขน เรียกว่า “บทพากย์หรือคำ พากย์” รูปแบบคำ ประพันธ์มักจะเป็นกาพย์ยานี ๑๑ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) ได้ทรง ทำ นุบำ รุงการละครและนาฏศิลป์ ซึ่งโขนก็นับเป็นนาฏศิลป์สำ คัญที่พระองค์ทรงส่งเสริม จึงทรงพระราชนิพนธ์บทพากย์ขึ้น เพื่อใช้สำ หรับการแสดงโขน ได้แก่ บทพากย์นางลอย บทพากย์พรหมาสตร์ บทพากย์นาคบาศ และบทพากย์เอราวัณ ซึ่งได้เค้าโครงเรื่อง มาจาก “รามายณะ” ของอินเดีย ๑. ประวัติความเป็นมา ๑


ฉันทลักษณ์กาพย์ฉบัง ๑๖ ดังตัวอย่าง “งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี เจ็ดกออุบลบันดาล กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งแบ่งบาน มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา” บทพากย์เอราวัณ แต่งด้วยคำ ประพันธ์ประเภทกาพย์ฉบัง ๑๖ มีลักษณะดังนี้ คือ ๑ บท มี ๑๖ คำ แบ่งออกเป็น ๓ วรรค วรรคแรกมี ๖ คำ วรรคที่สองมี ๔ คำ และวรรคสุดท้าย มี ๖ คำ สัมผัสบังคับ ได้แก่ คำ สุดท้ายของวรรคแรก สัมผัสกับคำ สุดท้ายของวรรคที่ ๒ สัมผัสระหว่างบท คือ คำ สุดท้ายของบทแรกสัมผัสกับคำ สุดท้ายของวรรคแรกในบท ต่อไป ๓. ลักษณะคำ ประพันธ์ ๒


บทพากย์เอราวัณ มีเนื้อหามาจากเรื่องรามเกียรติ์ตอนศึกอินทรชิต กล่าวถึงอินทรชิต แปลงกายเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณเสด็จมายังสนามรบ พระลักษมณ์พร้อมด้วยกองทัพลิง ต่างคิดว่าเป็นกองทัพของพระอินทร์ หลงเพลินมัวดูไม่ทันได้ระวังองค์ จึงถูกศรพรหมมาศของ พระอินทร์แปลงสลบไปตามกัน ฝ่ายพระรามได้เสด็จออกจากพลับพลา มาตามหาพระลักษมณ์ เห็นพระลักษมณ์สลบอยู่ คิดว่าพระลักษมณ์ตายด้วยพิษศรพรหมมาศ ก็ร้องไห้คร่ำ ครวญคิดถึง พระลักษมณ์จนสลบไป ๔. เนื้อเรื่อง ๕. ตัวละครสำ คัญ ๕.๑ อินทรชิต อินทรชิต เป็นยักษ์มีกายสีเขียว มีนามเดิมว่า “รณพักตร์” เป็นโอรสของทศกัณฐ์กับ นางมณโฑ มีชายาชื่อนางสุวรรณกันยุมา มีโอรส 2 องค์ ชื่อ ยามลิวันและกันยุเวก รณพักตร์ได้รับพรและอาวุธวิเศษจากพระเป็นเจ้า โดยพระอิศวรประทานศรพรหมา สตร์และบอกเวทแปลงกายเป็นพระอินทร์ พระพรหมประทานศรนาคบาศ และให้พรว่า เมื่อตายขอให้ตายบนอากาศ ถ้าหัวขาดจากตัวตกถึง พื้นดิน ให้กลายเป็นไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก ต่อเมื่อได้ พานแว่นฟ้าทิพย์จากพระองค์มารองรับจึงจะไม่เกิด ไฟไหม้ ในส่วนพระนารายณ์ก็ทรงประทานศรวิษณุ ปาณัมให้ เมื่อได้รับพรจากพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามแล้ว ทศกัณฐ์จึงได้สั่งให้ขึ้นไปปราบพระอินทร์ ซึ่งสามารถ นำ จักรแก้วของพระอินทร์มาถวายให้แก่ทศกัณฐ์ได้ ทศกัณฐ์ก็พอใจมากจึงเปลี่ยนชื่อให้เป็น “อินทรชิต” แปลว่า “ผู้ชนะพระอินทร์” ๓


๕. ตัวละครสำ คัญ ๕.๒ พระลักษมณ์ พระลักษมณ์เป็นโอรสของท้าวทศรถกับนางสมุทรชา มีน้องร่วมท้องเดียวกัน คือ พระสัตรุด โดยพระลักษณ์ คือ บัลลังก์นาคของพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นอนุชาคู่ใจของ พระราม เมื่อพระรามต้องออกเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี พระลักษณ์ก็ขอตามเสด็จไปรับใช้ด้วย และเป็นผู้ที่ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่พระรามตลอด ศึกลงกา และหลายครั้งก็ได้เป็นผู้นำ ทัพตามคำ บัญชา ของพระราม เช่น เมื่อครั้งทำ ศึกสงครามกับอินทรชิต หลังเสร็จศึกลงกาแล้วพระรามให้พระลักษณ์ไปครอง เมืองโรมคัล ซึ่งเคยเป็นเมืองของพญาขร ๕. ตัวละครสำ คัญ ๕.๓ สุครีพ สุครีพเป็นพญาวานรโอรสของพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา เป็นน้องชายแม่ เดียวกันกับพาลี มีชายาชื่อนางดารา ซึ่งพระอิศวรประทานให้โดยฝากพาลีไป แต่นางตก เป็นของพาลีก่อน หลังจากพระรามสังหารพาลีแล้ว ได้ตั้งให้สุครีพเป็นเจ้าเมืองขีดขิน ต่อมาได้ร่วมทัพ กับพระรามไปปราบทศกัณฐ์ โดยได้เป็นแม่กองใน การจองถนนไปกรุงลงกา ครั้นเสร็จศึกลงกาแล้วสุ ครีพได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพญาไวยวง ศามหาสุรเดช เจ้านครขีดขิน ๔


๕. ตัวละครสำ คัญ ๕.๔ ช้างเอราวัณ เป็นช้างทรงของพระอินทร์ที่ทรงพลังมาก มีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนภูเขา มีผิวกาย เผือก และเป็นเจ้าชายแห่งช้างทั้งหลาย ซึ่งในศาสนาฮินดูเชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตร องค์หนึ่งชื่อไอราวัณ เมื่อพระอินทร์ต้องการเสด็จไปไหน ไอราวัณก็จะแปลงกายเป็นช้าง เผือก ๕


๏ อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์ ทรงคชเอราวัณ ๏ ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ สีสังข์สะอาดโอฬาร์ ๏ สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา ดั่งเพชรรัตน์รูจี ๏ งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี เจ็ดกออุบลบันดาล ๏ กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งแบ่งบาน มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา ๏ กลีบหนึ่งมีเทพธิดา เจ็ดองค์โสภา แน่งน้อยลำ เพานงพาล ๏ นางหนึ่งย่อมมีบริวาร อีกเจ็ดเยาวมาลย์ ล้วนรูปนิรมิตมายา ๏ จับระบำ รำ ร่ายส่ายหา ชำ เลืองหางตา ทำ ทีดังเทพอัปสร ๏ มีวิมานแก้วงามบวร ทุกเกศกุญชร ดังเวไชยันต์อมรินทร์ บทพากย์เอราวัณ อินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ พร้อมกับทรงช้างเอราวัณที่แข็งแกร่งและสวยงาม มีผิวสี ขาวสะอาดเหมือนหอยสังข์ มีเศียรงดงาม ๓๓ เศียร แต่ละเศียรมีงา ๗ กิ่ง สวยงามราวกับเพชร งา แต่ละกิ่งมีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระมีกอบัว ๗ กอ แต่ละกอมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ละดอกมีกลีบบัวบาน ๗ กลีบ แต่ละกลีบมีนางฟ้ารูปงาม ๗ องค์ นางฟ้าแต่ละองค์มีบริวารที่เป็นหญิงงาม ๗ นาง แต่ละนาง ก็กำ ลังร่ายรำ ด้วยท่าทางสวยงามอย่างนางฟ้า เศียรแต่ละเศียรของช้างเอราวัณยังมีวิมานแก้วสวยงาม ราวกับวิมานเวไชยันต์ของพระอินทร์ ถอดคำ ประพันธ์ ๖


๏ เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน สร้อยสายชนักถักทอง ๏ ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพย์ปกตระพอง ห้อยพู่ทุกหูคชสาร ๏ โลทันสารถีขุนมาร เป็นเทพบุตรควาญ ขับท้ายที่นั่งช้างทรง ๏ บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง เป็นเทพไทเทวัญ ๏ ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ กินนรนาคนาคา ๏ ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา ตั้งตามตำ รับทัพชัย ๏ ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรชัย พระขรรค์คทาถ้วนตน ๏ ลอยฟ้ามาในเวหน รีบเร่งรี้พล มาถึงสมรภูมิชัย ฯ บทพากย์เอราวัณ วิมานแก้วนั้นระดับตกแต่งด้วยแก้วเก้าประการ ได้แก่ เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ ซองหาง และกระวินของช้างเอราวัณถูกถักร้อยด้วย สร้อยทอง และมีผ้าทิพย์ปกตระพองซึ่งร้อยประดับด้วยเพชร มีสายสร้อยห้อยเป็นพู่ลงทั่วทุก หูช้าง ขุนมารโลทัน สารถีของอินทรชิตแปลงกายเป็นเทพบุตรนั่งบังคับช้างอยู่ท้ายช้าง ทัพทั้ง ๔ เหล่าต่างแปลงกายเป็นเทพและอมนุษย์ผู้มีฤทธิ์ ทัพหน้าคือเทพารักษ์ ทัพหลังคือครุฑ กินนร และนาค ปีกซ้ายคือฤๅษีและวิทยาธร ปีกขวาคือคนธรรพ์ การจัดกระบวนทัพเป็นไปตามตำ รา สงคราม ทหารทั้ง ๔ เหล่าทัพต่างถืออาวุธครบครัน ได้แก่ หอก ธนู ดาบ กระบอง เหาะเหินบน ฟ้าเคลื่อนทัพมาถึงสนามรบ ถอดคำ ประพันธ์ ๗


๏ เมื่อนั้นจึงพระจักรี พอพระสุริย์ศรี อรุณเรืองเมฆา ๏ ลมหวนอวลกลิ่นมาลา เฟื่องฟุ้งวนา นิวาสแถวแนวดง ๏ ผึ้งภู่หมู่คณาเหมหงส์ ร่อนราถาลง แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี ๏ ดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริย์ศรี ไก่ขันปีกตี กู่ก้องในท้องดงดาน ๏ ปักษาตื่นตาขันขาน หาคู่เคียงประสาน สำ เนียงเสนาะในไพร ๏ เดือนดาวดับเศร้าแสงใส สร่างแสงอโณทัย ก็ผ่านพยับรองเรือง ๏ จับฟ้าอากาศแลเหลือง ธิบดินทร์เธอบรรเทือง บรรทมฟื้นจากไสยา ๏ เสด็จทรงรถแก้วโกสีย์ ไพโรจน์รูจี จะแข่งซึ่งแสงสุริย์ใส ๏ เทียมสินธพอาชาไนย เริงร้องถวายชัย ชันหูระเหิดหฤหรรษ์ ๏ มาตลีสารถีเทวัญ กรกุมพระขรรค์ ขับรถมากลางจัตุรงค์ ๏ เพลารอยพลอยประดับดุมวง กึกก้องกำ กง กระทบกระทั่งธรณี บทพากย์เอราวัณ เมื่อถึงรุ่งเช้านกดุเหว่าและไก่ขันร้องตีปีกไปทั่วเป็นสัญญาณว่าเช้าตรู่แล้ว พระรามจึงจัด เตรียมกองทัพ แล้วจึงขึ้นรถทรงที่พระอินทร์ประทานให้ รถม้าส่งเสียงร้อง ม้าชันหูสูงส่งสัญญาณ พร้อมที่จะออกรบ มาตลีเป็นสารถีขับรถทรงมากลางกองทัพทั้ง ๔ เหล่า มือถือพระขรรค์ รถทรง ประดับพลอยตามเพลาและดุม เสียงรถวิ่งดังกึกก้องทั้งแผ่นดิน ถอดคำ ประพันธ์ ๘


๏ มยุรฉัตรชุมสายพรายศรี พัดโบกพัชนี กบี่ระบายโบกลม ๏ อึงอินทเภรีตีระงม แตรสังข์เสียงประสม ประสานเสนาะในไพร ๏ เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน พิภพเพียงทำ ลาย ๏ สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย ประนอมประนมชมชัย ๏ พสุธาอากาศหวาดไหว เนื้อนกตกใจ ซุกซ่อนประหวั่นขวัญหนี ๏ ลูกครุฑพลัดตกฉิมพลี หัสดินอินทรี คาบช้างก็วางไอยรา ๏ วานรสำ แดงเดชา หักถอนพฤกษา ถือต่างอาวุธยุทธยง ๏ ไม้ไหล้ยูงยางกลางดง แหลกลู่ล้มลง ละเอียดด้วยฤทธิโยธี ๏ อากาศบดบังสุริย์ศรี เทวัญจันทรี ทุกชั้นอำ นวยอวยชัย ๏ บ้างเปิดแกลแก้วแววไว โปรยทิพมาลัย ซ้องสาธุการบูชา ๏ ชักรถรี่เรื่อยเฉื่อยมา พุ่มบุษปมาลา กงรถไม่จดธรณินทร์ ๏ เร่งพลโยธาพานรินทร์ เร่งรัดหัสดิน วานรให้เร่งรีบมา ๏ เมื่อนั้นพระศรีอนุชา เอื้อนอรรถวัจนา ตรัสถามสุครีพขุนพล ๏ เหตุไฉนสหัสนัยน์เสด็จดล สมรภูมิไพรสณฑ์ เธอมาด้วยกลอันใด บทพากย์เอราวัณ ๙


๏ สุครีพทูลทัดเฉลยไข ทุกทีสหัสนัยน์ เสด็จด้วยหมู่เทวา ๏ อวยชัยถวายทิพมาลา บัดนี้เธอมา เห็นวิปริตดูฉงน ๏ ทรงเครื่องศัสตราแย่งยล ฤๅจะกลับเป็นกล ไปเข้าด้วยราพณ์อาธรรมม์ ๏ พระผู้เรืองฤทธิแข็งขัน คอยดูสำ คัญ อย่าไว้พระทัยไพรี ๏ เมื่อนั้นอินทรชิตยักษี ตรัสสั่งเสนี ให้จับระบำ รำ ถวาย ๏ ให้องค์อนุชานารายณ์ เคลิบเคลิ้มวรกาย จะแผลงซึ่งศัสตรศรพล ๏ อินทรชิตสถิตเหนือเอรา วัณทอดทัศนา เห็นองค์พระลักษณ์ฤทธิรงค์ ๏ เคลิบเคลิ้มหฤทัยใหลหลง จึงจับศรทรง พรหมาสตร์อันเรืองเดชา ๏ ทูนเหนือเศียรเกล้ายักษา หมายองค์พระอนุชา ก็แผลงสำ แดงฤทธิรณ ๏ อากาศก้องโกลาหล โลกลั่นอึงอล อำ นาจสะท้านธรณี ๏ ศรเต็มไปทั่วราศี ต้ององค์อินทรีย์ พระลักษณ์ก็กลิ้งกลางพล บทพากย์เอราวัณ สุครีพเตือนพระรามว่าอย่าได้ไว้วางใจข้าศึกเด็ดขาด ฝ่ายอินทรชิตก็สั่งให้ยักษ์ ฟ้อนรำ ถวายพระลักษมณ์ เพื่อให้พระลักษมณ์เคลิบเคลิ้มและจะได้แผลงศรฆ่าให้ตาย อินทรชิตนั่งอยู่บน ช้างเอราวัณ เห็นพระลักษมณ์กำ ลังหลงใหลเคลิบเคลิ้ม จึงแผลงศรออกไป ทันใดนั้นอากาศก็ แปรปรวนเสียงดังกึกก้องสะท้านแผ่นดิน ศรพรหมาสตร์กระจายไปทั่วท้องฟ้า พระลักษมณ์ถูกศร ของอินทรชิตแล้วล้มลงกลางไพร่พลในสนามรบ ถอดคำ ประพันธ์ ๑๐


๑. คุณค่าด้านเนื้อหา วรรณคดีเรื่องนี้แม้ไม่เด่นด้านเนื้อเรื่อง แต่ก็ทรงคุณค่าในประวัติความเป็นมา ทำ ให้เห็นได้ ว่ามีการสานต่อวรรณคดีเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นราชูปโภคของกษัตริย์ กษัตริย์ไทยทรงใช้วรรณคดีใน การสร้างเอกลักษณ์ความเป็นชาติ ๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ การใช้โวหาร ความโดดเด่นทางวรรณศิลป์ของบทพากย์เอราวัณ ช่วยสร้างจินตนาการให้ เกิดขึ้นแก่ผู้อ่าน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงใช้ถ้อยคำ ที่ช่วยสร้างภาพให้เกิดขึ้น ในจินตนาการอย่างแจ่มชัด ดังตัวอย่าง การพรรณนากองทัพของอินทรชิตก็แสดงให้เห็นถึงความ ยิ่งใหญ่และความพร้อมเพรียงกันของกองทัพ ซึ่งประกอบไปด้วยพลทหารยักษ์สี่เหล่าทัพที่แปลง กายเป็นอมนุษย์ต่าง ๆ คือ ทัพหน้าเป็นเทพารักษ์ ทัพหลังเป็นครุฑ กินนร นาค ปีกซ้ายเป็นวิทยา ธร ปีกขวาเป็นคนธรรพ์ ถืออาวุธพร้อมสรรพ ดังความว่า ชวนอ่านคิด พินิจวรรณคดี “บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง เป็นเทพไทเทวัญ ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ กินนรนาคนาคา ปีกซ้ายฤๅษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา ตั้งตามตำ รับทัพชัย ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรชัย พระขรรค์คทาถ้วนตน ลอยฟ้ามาในเวหน รีบเร่งรี้พล มาถึงสมรภูมิชัย” ๑๑


การใช้ภาพพจน์ บทพากย์เอราวัณ ปรากฏการใช้ภาพพจน์ ในสองลักษณะ คือ การใช้ อติพจน์ และการใช้บุคลาธิษฐาน การใช้อติพจน์ หรือการกล่าวเกินจริง ทั้งนี้ ไม่ใช่เพราะกวีต้องการจะหลอกลวงผู้ อ่าน แต่ต้องการให้ผู้อ่านสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่และอลังการของบทประพันธ์ ดังตัวอย่าง ชวนอ่านคิด พินิจวรรณคดี “เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน พิภพเพียงทำ ลาย” บทประพันธ์นี้กวีใช้อติพจน์เปรียบเทียบเกินจริงเพื่อต้องการให้ผู้อ่านทราบว่าเสียง โห่ร้องของไพร่พลในกองทัพดังมากขนาดไหน ซึ่งผู้อ่านก็ไม่จำ เป็นต้องหาคำ ตอบ เพราะทราบ อยู่แล้วว่าเสียงดังจนพิภพจะพังทลาย การใช้บุคลาธิษฐาน คือ การสมมติให้สิ่งที่ไม่มีชีวิต มีอาการกิริยาประหนึ่งว่ามีชีวิต หรือสมมติให้สัตว์ต่างๆ พูดได้ และมีความรู้สึกอย่างเดียวกับคนทั่วไป ดังตัวอย่าง “สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย ประนอมประนมชมชัย” บทประพันธ์นี้ ได้แสดงให้เห็นถึงอากัปกิริยาของภูเขาอันเป็นสิ่งไม่มีชีวิต แต่กำ ลัง กระทำ อาการแบบสิ่งมีชีวิต นั่นคือ น้อมยอดลงมาเพื่อประนมมือไหว้ (พระราม) ๑๒


๓. คุณค่าด้านความรู้ ความรู้เรื่องการพากย์โขน โขนใช้การพากย์เป็นการดำ เนินเรื่อง คำ พากย์เป็นบท ประพันธ์ประเภทกาพย์ คือ กาพย์ยานีและกาพย์ฉบัง ไม่ว่าจะพากย์ชนิดใดๆ เมื่อพากย์จบ กาพย์ยานีไปบทหนึ่งๆ ผู้ตีกลองตะโพนจะต้องตีท้า ให้ผู้ตีกลองทัดตีรับ 2 ที แล้วพวกคนแสดง ภายในโรงก็ต้องรับด้วยคำ ว่า “เพ้ย” พร้อมกันทุกบท เช่น ถ้าพากย์เป็นกาพย์ฉบังว่า ชวนอ่านคิด พินิจวรรณคดี “ลูกครุฑพลัดตกฉิมพลี หัสดินอินทรี คาบช้างก็วางไอยรา” ตะโพนก็ตีท้าและกลองทัดตีต่อจากตะโพน 2 ที แล้วก็รับ “เพ้ย” ทีหนึ่งและเป็น เช่นนี้เรื่อยไป ความรู้เรื่องพระอินทร์และช้างเอราวัณ กล่าวคือ ทำ ให้ผู้อ่านทราบว่าพระอินทร์มี ช้างทรงที่มีลักษณะมหัศจรรย์ชื่อ ช้างไอยราพตหรือไอยราพัณ ซึ่งความจริงแล้ว คือ ไอยราพัณ เทพบุตร ได้เนรมิตกายเป็นช้างเผือกสำ หรับพระอินทร์เสด็จประทับไปยังที่ต่างๆ ช้างไอยรา พัณนี้เรารู้จักกันในชื่อว่า ช้างเอราวัณ เป็นช้างสูงใหญ่มหึมา มี 33 เศียร เมื่อใดที่พระอินทร์ เสด็จประทับเหนือแท่นแก้วบนเศียรช้างเอราวัณนั้น ชายาทั้ง 4 ของพระอินทร์จะตามเสด็จมา ด้วยเสมอ นอกจากนี้ก็ยังมีนางฟ้าองค์อื่นๆ ที่เป็นชายาอีก 92 องค์ ตามเสด็จด้วย และมี บรรดาสาวใช้ตามเสด็จไปบนเศียรช้าง ศรพรหมมาสตร์ เป็นศรที่พระอิศวรประทานให้แก่รณพักตร์ พร้อมพระเวทแปลง กายเป็นพระอินทร์ เพื่อเป็นขวัญและกำ ลังใจให้แก่รณพักตร์ที่สามารถทำ พิธีมหากาลอัคคีครบ 7 ปี ทำ ให้ได้ศรจากพระเป็นเจ้ามา 3 เล่ม นอกจากศรพรหมมาศแล้ว ยังมีศรนาคบาศที่ ได้ จากพระพรหม และศรวิษณุปาณัมจากพระนารายณ์ ๑๓


๔. คุณค่าด้านความคิด สะท้อนให้เห็นเรื่องการศึกษา จากเนื้อหาที่กล่าวมาทำ ให้เห็นว่าผู้นำ ต้องมีการ ศึกษาสูง ดังเช่น อินทรชิตที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญด้านการรบ สามารถแปลงกายเป็น พระอินทร์ได้เพราะมีการศึกษา ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นการศึกษาด้วยตนเองก็ว่าได้ เพราะอินทร ชิตได้ไปนั่งบำ เพ็ญภาวนาอยู่ถึง 7 ปี จึงได้รับพรจากพระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม ชวนอ่านคิด พินิจวรรณคดี การใช้อำ นาจในทางที่ถูกต้อง เห็นได้จากเมื่ออินทรชิตได้รับพรและศรวิเศษจากพระ ผู้เป็นเจ้าทั้งสามแล้วก็เกิดความเหิมเกริม นำ ศรวิเศษทั้งสามไปใช้ในทางที่ผิด เช่น นำ ไปรบกับ พระอินทร์ ในชีวิตประจำ วันของเราก็เช่นกัน ถ้าเรามีความรู้ก็เปรียบเสมือนมีเครื่องมือที่ ใช้ใน การประกอบอาชีพ แต่หากนำ ไปใช้ในทางที่ผิดความรู้ก็จะกลายเป็นอาวุธร้ายทำ ลายทุกสิ่งให้ พินาศ ดังนั้นศรวิเศษของอินทรชิต จึงเหมือนความรู้ที่เป็นดาบสองคม ต้องรู้จักใช้ให้ถูกทาง การใช้ชีวิตอย่างมีสติ บทพากย์เอราวัณเป็นเรื่องราวตอนที่อินทรชิตแปลงกายเป็น พระอินทร์เพื่อมาต่อสู้กับพระลักษณ์ ซึ่งในที่สุดพระลักษณ์หลงกลถูกศรพรหมาศของอินทรชิต ทั้งนี้มาจากสาเหตุที่ว่าพระลักษณ์ไม่มีสติ หลงเพลินไปกับความงามที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งที่ สุครีพ ได้เตือนให้ระวังตัวแล้ว สงครามคือความสูญเสีย บทพากย์เอราวัณได้นำ เนื้อเรื่องมาจากรามเกียรติ์ ซึ่งเป็น เรื่องราวการทำ สงครามระหว่างมนุษย์และยักษ์ โดยสงครามที่เกิดขึ้นได้นำ ความสูญเสียมาสู่ กองทัพฝ่ายพระรามและฝ่ายทศกัณฐ์ เช่น พระลักษณ์ต้องศรพรหมมาศ อินทรชิตบาดเจ็บและ สิ้นชีวิตในการรบ จะเห็นได้ว่าสงครามไม่ได้ทำ ให้ฝ่ายใดได้รับประโยชน์เลย ดังนั้นเมื่อมีปัญหา เกิดขึ้นจึงไม่ควรใช้กำ ลังในการแก้ปัญหา ควรใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหามากกว่า ๑๔


๕. คุณค่าด้านสังคม ๑) ความเชื่อในเรื่องเทพเจ้า เพราะเนื้อหาและเรื่องราวล้วนมีความเกี่ยวข้องกับพระ อิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระอินทร์ ๒) ความเชื่อในเรื่องโชคลาง ได้สะท้อนให้เห็นความเชื่อบางประการที่มีความเกี่ยวโยง กับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เช่น เมื่อกองทัพของพระลักษมณ์พร้อมที่จะสู้รบกับกองทัพของ อินทรชิตได้มีการเป่าและสังข์ พร้อมกับที่ทหารหาญโห่ร้องเอาชัย ชวนอ่านคิด พินิจวรรณคดี ๑๕


คำ ศัพท์ ความหมาย กระเหม่น อาการที่กล้ามเนื้อตากระตุกขึ้นเอง ตามความ เชื่อโบราณเป็นนิมิต เหตุร้ายหรือดีก็ได้ กาลี ชั่วร้าย เสนียดจัญไร แข ดวงเดือน พระจันทร์ ชลนัยน์ น้ำ ตา ธรณินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดิน ปรารมภ์ เริ่มแรก วิตก รำ พึง ครุ่นคิด พิลาป ร่ำ ไรรำ พัน คร่ำ ครวญ ร้องไห้ บ่นเพ้อ ไพรี ผู้มีเวร ข้าศึก วิโยค การจากไป การพลัดพราก ความห่างเหิน สุบรรณ ครุฑ อาธรรม์ ชั่ว ไม่เป็นธรรม ไม่เที่ยงธรรม ไม่ยุติธรรม เรียนรู้คำ จำ ความหมาย ๑๖


บทพากย์ย์ ย์ เย์ เอราวัวั วั ณวั ณ ชั้ชั้ชั้ นชั้ นมัมั มั ธมั ธยมศึศึศึ ก ศึ กษาปีปีปี ที่ ปี ที่ ที่ที่ ๓


Click to View FlipBook Version