คำชี้แจง
เอกสารนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงจากนวตั กรรม
ท่ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็ นคู่มือสาหรับบุคลากรทางการศึกษาในเรื่อง นวตั กรรมการ
จัดการเรียนรู้ โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะ
ศึกษาศาสตร์ จากรูปแบบนวตั กรรมจานวน 14 รูปแบบ 14 รายการดงั น้ี
1.รูปแบบการจดั กระบวนการเรียนรู้ แบบโฟร์แมทซิสเตม็ (4MAT System)
2.รูปแบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E
3.รูปแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวสิ ต์ (Constructivist)
4.กระบวนการจดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหาของโพลยา
5.การจดั การเรียนรู้แบบการแกป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning)
6.นวตั กรรมการสอนแบบโมเดลซิปปา (CAPPA Model)
7.การจดั การเรียนรู้แบบวฏั จกั รสืบเสาะหาความรู้ 7E
8.การสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นพ้ืนฐาน (Creativity Based Learning: CBL) ซ่ึงนวตั กรรมดังกล่าวได้ผ่านการทดลองใช้ในรูปแบบเชิงวิจัยกับ
9.การจดั การเรียนการสอนแบบ 3P (PPP Teaching Model) นกั เรียน และเพ่ือให้ผสู้ อนมาใชเ้ ป็นแนวทางในการทาความเขา้ ใจเรื่องการนา
10.นวตั กรรมแผนภาพความคดิ อิสระ Mind Mapping นวตั กรรมทางการศึกษามาใช้ในการพฒั นาการเรียนการสอนตามหลกั สูตร
11.รูปแบบการสอนแบบPOB แกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช2544
12.การจัดการเรี ยนรู้แบบแบ่งผลสัมฤทธ์ิ ( Student Team Achievement
Division: STAD) ผูจ้ ดั ทาจึงไดเ้ รียบเรียงขอ้ มูลท่ีเป็ นรูปแบบนวตั กรรมพร้อมตวั อย่าง
13.กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ (CIRC: Cooperative Integrated แผนการจดั การเรียนรู้โดยใชน้ วตั กรรมเพ่ือให้ผูเ้ รียนสนใจไดร้ ับความรู้ความ
Reading and Composition) เขา้ ใจมากย่งิ ข้ึน เอกสารเล่มจะช่วยทบทวนความเขา้ ใจให้ชดั เจนมากย่ิงข้นึ จน
14.การจดั การเรียนการสอนแบบ TGT (Teams – Games -Tournaments) สามารถนาไปใช้ในการพฒั นาการจดั การเรียนรู้ของตนเองได้ ประโยชน์ที่ได้
จากเอกสารฉบบั น้ีย่อมก่อให้เกิดผลโดยตรงต่อผูเ้ รียนและผูส้ อนในการจดั
กิจกรรมการเรียนรู้ ผูจ้ ัดทาใคร่ขอขอบคุณแหล่งวิทยาการที่เป็ นข้อมูลให้
ผจู้ ดั ทานามาอา้ งอิงเพอื่ ใชเ้ ป็นประโยชน์ในการทาเอกสารคร้ังน้ี
สำรบญั
คำนำ
นวตั กรรมกำรจัดกำรเรียนรู้ ลักษณะการทางานท่ีตามธรรมชาติของสมองมนุษย์และเป็ นเทคนิคการ
โดยใช้แผนภำพควำมคดิ แสดงออกดว้ ยภาพท่ีมีพลงั นาไปสู่กุญแจสากลท่ีจะใชไ้ ขประตูสู่ศกั ยภาพของ
สมองแผนท่ีความคิดนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดก้ บั ทกุ แง่มุมของชีวิตซ่ึงจะทาให้ การ
การจัดการเรี ยนรู้แบบแผนผังความคิดอิสระ Mind Map เป็ นผลงานของ เรียนรู้ไดร้ ับการพฒั นาและเกิดความคิดที่ชัดเจนข้ึนจะนาไปสู่การพฒั นาการ
นกั จิตวิทยาชาวองั กฤษช่ือ โทนี่ บูซาน (อา้ งถึงธญั ญา และขวญั ฤดี ผลอนนั ต)์ กระทาต่างๆของมนุษยน์ อกจากน้ีบูซานยงั ไดก้ ล่าวถึงคุณลกั ษณะสาคญั ของ
ได้อธิบายไวใ้ นหนังสือเล่มใหม่ของ How to Mind Map ว่า Mind Map เป็ น แผนผงั ความคดิ ไว4้ ประการดงั น้ี
วธิ ีการที่งา่ ยท่ีสุดในการนาขอ้ มลู เขา้ ไปในสมองและเรียกขอ้ มลู เหล่าน้นั ออกมา
ใช้ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ในรู ปแบบ ข องก า รจดบันทึกท่ี ส ร้างส รรค์แล ะ 1.หวั ขอ้ ที่สนใจจะถกู สร้างข้ึนตรงกลางของแผนภาพ
สามารถแสดงใหเ้ ห็นความคดิ ไดง้ ่ายและชดั เจนอยา่ งเป็นระบบ
บูซาน(Byzantine. 1997: 59) ไดใ้ ห้ความหมายของแผนท่ีความคิดไวว้ ่าแผนท่ี 2.ใจความหลักของเร่ืองจะอยู่รอบหัวข้อซ่ึงตรงกลาง ออกไปทุกทิศทางซ่ึง
ความคิดเป็นแผนผงั หรือแผนภาพท่ีแสดงออกของความคิดรอบทิศทางซ่ึงเป็ น เปรียบเสมือนก่ิงกา้ นของตน้ ไมท้ ่ีแตกแขนงออกมา
3.ก่ิงกา้ นท่ีแตกแขนงออกมาประกอบดว้ ยภาพหรือความสาคญั ท่ีเขียนบนเส้นที่
โยงกนั ส่วนของคาอ่ืนๆท่ีมีความสาคญั รองลงมาจะถูกเขียนบนก่ิงกา้ นท่ีแตก
ออกไปตามลาดบั ตอ่ ๆไป
4.ก่ิงกา้ นจะถูกเช่ือมโยงกนั ในลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั ตามลาดบั และความสาคญั
ของประเดน็ ตา่ งๆ
ควำมสำคญั Mind Mapping ( แผนผงั ควำมคดิ )
1. เตรียมกระดาษเปล่าท่ีไม่มีเสน้ บรรทดั และวางกระดาษภาพแนวนอน
2. วาดภาพสีหรือเขียนคาหรือขอ้ ความท่ีส่ือหรือแสดงถึงเรื่องท่ีจะทาแผนผงั
ความคิดกลางหน้ากระดาษโดยใช้สีอย่างน้อย 3 สีและต้องไม่ตีกรอบด้วย
รูปทรงเลขาคณิต
3.คิดหัวเรื่องสาคญั ท่ีเป็ นส่วนประกอบของเร่ืองที่ทาแผนผงั ความคิดโดยให้
เขียนเป็นคาท่ีมีลกั ษณะเป็นหน่วยหรือเป็นคาส้ันๆที่มีความหมายบนเสน้ ซ่ึงแต่
ละเสน้ ตอ้ งแตกออกจากศนู ยก์ ลางไมค่ วรเกิน 8 กิ่ง
4. แตกความคิดของหัวเรื่องสาคญั แต่ละหัวขอ้ เร่ืองในขอ้ 3 ออกเป็นกิ่งหลายๆ
ก่ิงโดยเขียนคาหรือวลีบนเส้นที่แตกออกไปลกั ษณะของก่ิงควรเอนไม่เกิน 60
องศา
5. แตกความคิดลงไปท่ีเป็นส่วนประกอบของแตล่ ะกิ่งในขอ้ 4 โดยเขยี นคาหรือ
วลีเสน้ ที่แตกออกไปซ่ึงสามารถแตกความคิดออกไดไ้ ปเรื่อยๆตามความคดิ ที่จะ
ไหลออกมา
6. การเขียนคาควรเขียนด้วยคาที่เป็ นคาสาคัญหรือคาหลักหรือเป็ นวลีที่มี
ความหมาย
7. คา วลี สัญลกั ษณ์หรือรูปภาพใดที่ตอ้ งการเนน้ อาจใชว้ ิธีการทาให้เด่น เช่น
การลอ้ มกรอบ หรือใส่กล่องเป็นตน้
8. ตกแตง่ แผนผงั ความคดิ อิสระใหม้ ีสีสันสวยงามสดใสน่าสนใจ
บูซาน (Buzan. 1997: 59) ได้เสนอแนะประโยชน์ลักษณะเด่นของแผนผงั
ความคิดตลอดจนการนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ลว้ นแต่เป็ นประโยชน์ซ่ึงเรา
สามารถนาไปประยุกตใ์ ชก้ บั เหตกุ ารณ์และปัญหาท่ีเราตอ้ งเผชิญไดอ้ ยา่ งดีสรุป
ไดด้ งั น้ี
1.ประโยชน์ของแผนผงั ความคิดต่อการเรียน/ การศึกษา การเตรียมสอบว่า
แทนท่ีจะดูเป็นสมุดงานหลายๆหนา้ ในแต่ละวิชาที่เรียนเราใชแ้ ผนผงั ความคิด
แผ่นเดียวก็ สามารถนามารวมเป็น Master Mind Map ซ่ึงจะทาให้การสอบง่าย
มากข้ึนไปอีกแผนผงั ความคิดจาง่ายทาให้ไดค้ ะแนนดีและทาให้เรียนไดอ้ ย่าง
สนุกสนานอีกดว้ ย
2.ประโยชน์ต่อสมาธิ เพราะความมีสีสัน สนุกสนาน ภาพ ความรื่นตาในการ ข้นั ตอนการจดั การเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนโดยใชแ้ ผนภาพความคิด (Mind
เขียนแผนผงั ความคิดอิสระจะช่วยตรึงความสนใจ จึงช่วยสร้างสมาธิและมี Mapping)
แรงจูงใจในการทางาน ข้นั ท่ี ๑ ข้นั เตรียมความพร้อม
3.ประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์ การระดมสมอง การจดั รูป การใชเ้ หตุผล ๑.๑ กิจกรรมจดั กลมุ่
แผนผงั ความคดิ ช่วยใหก้ ระตนุ้ การฝึกคดิ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ๑.๒ แนะนากติกา/อปุ กรณ์/ส่ือ
ข้นั ท่ี ๒ ข้นั กาหนดประเดน็ /หวั ขอ้ /เงื่อนไข/สถานการณ์
4.ประโยชน์ตอ่ การจดจา และการฟ้ื นความจา เพราะแผนผงั ความคิดเตม็ ไปดว้ ย โดยใช้ เกม/กิจกรรม/ใบงาน/ส่ือตา่ งๆ
สีสันและคาที่มีคณุ ภาพ ทาใหส้ ามารถจาและเรียกความจาไดเ้ ป็นอยา่ งดี
5.ประโยชน์ต่อการวางแผนในการทางาน จดั ลาดบั ความสาคญั ก่อนและหลงั
เพราะสามารถเขียนส่ิงท่ีเราทาท้งั หลายลงในกระดาษแผน่ เดียว
ข้ันที่ ๓ ข้ันแลกเปล่ียนการเรียนรู้ กิจกรรมกลุ่มระดมการคิดวิเคราะห์ ข้นั ท่1ี ข้นั เตรียมควำมพร้อม
แลกเปล่ียนการเรียนรู้สรุป สาระสาคัญของเร่ืองโดยจัดทาเป็ นแผนภาพ ข้นั ท่2ี ข้นั กำหนดประเด็น/หัวข้อ/เงื่อนไข
ความคิดกลมุ่ ข้นั ที่3 ข้นั แลกเปลย่ี นเรียนรู้
ข้นั ที่4 ข้นั นำเสนอผลงำน
ข้นั ท่ี ๔ ข้นั นาเสนอผลงาน ข้นั ที่5 ข้นั ชี้แนะ
ข้นั ท6่ี ข้นั ทำแผนภำพควำมคิดอสิ ระ
ข้ันท่ี ๕ ข้นั ช้ีแนะ ครูและนักเรียนช้ีแนะอภิปรายแสดงขอ้ คิดเห็นร่วมกนั
และเพิ่มเติมประเด็นความรู้
ข้ันที่ ๖ ข้นั จดั ทาแผนภาพความคิดอิสระ (Mind Mapping) โดยสังเคราะห์
องค์ความรู้ท่ีไดจ้ ากการ สรุปการคิดวิเคราะห์สาระสาคญั ของเรื่องเป็ นของ
ตนเอง
วธิ ีกำรจัดกำรเรียนรู้แบบแผนท่ี สถานการณ์ใหม่ๆอยู่เสมอจากเดิมท่ีเราเคยใชว้ ิธีการสอนแบบเขียนจดบนั ทึก
ควำมคดิ อสิ ระ (Mind Mapping) แบบเป็นบรรทดั ใชป้ ากกาหรือดินสอสีเดียวมาเขียนบนั ทึกมาปรับเปลี่ยนใหม่
เป็นการใชด้ ว้ ยคาที่เป็นกุญแจ ภาพ สัญลกั ษณ์หรือแผ่เป็นรัศมีรอบๆศูนยก์ ลาง
หลกั กำรและเหตุผล และใช้สีสันซ่ึงต่อมาพบว่าวิธีน้ีเมื่อนาไปใช้กับกิจกรรมอ่ืนทาให้สามารถ
การเรียนรู้ที่ผูเ้ รียนเป็ นศูนย์กลางจะต้องเรียนด้วยความเขา้ ใจผูเ้ รียนต้องมี จดั ลาดบั การใชช้ ีวิตส่วนตวั และชีวิตงานไดง้ ่ายข้ึนเช่นใชก้ ารวางแผนวิเคราะห์
ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ ตดั สินใจและแกป้ ัญหาช่วยความจาที่เรียกว่า แผนภาพความคิดอิสระ Mind
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็ นระบบ ในการรับและส่งสารมี Mapping ซ่ึงวิธีการเรียนลกั ษณะน้ีจะช่วยใหผ้ เู้ รียนเรียนอยา่ งเขา้ ใจถ่องแทแ้ ละ
วฒั นธรรมในการใชภ้ าษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรู้สึกและ วิธีการจดั การเรียนรู้ท้งั น้ีหากการสอนสามารถเลือกใช้วิธีการจดั การเรียนรู้ได้
ทศั นะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสารและประสบการณ์อนั จะเป็ น อยา่ งเหมาะสม กบั ผเู้ รียนยอ่ มทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสังคม การเรียนรู้มีความสาคญั และตอ้ งมี
การปรับเปลี่ยนโดยเฉพาะวิธีคิด ดังน้ันแนวคิดและการปฏิบัติตลอดจน จดุ ม่งุ หมำย
เคร่ืองมือและส่ือท่ีใชใ้ นการเรียนรู้แก้ปัญหา ตอ้ งมีการปรับเปล่ียนให้ทนั กบั
1. เพ่ือให้นักเรียนได้พฒั นาทกั ษะการคิดโดยผ่านการจดั กิจกรรมในรูปแบบ
ผา่ นส่ือและแผนท่ีความคดิ อิสระ
2. เพ่ือให้นกั เรียนเกิดการเรียนรู้จากการคน้ ควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเองผา่ นส่ือที่
เหมาะสม
หลกั กำรจดั กจิ กรรม คิดเห็นทารายงานและเขียนแผนท่ีความคิดอิสระ เก่ียวกบั ความรู้ร่วมกนั และ
เลือกตวั แทนเป็นผนู้ าเสนอ
1.กิจกรรมน้ีจดั สัปดาห์ละ 2วนั ในชว่ั โมงวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา 5. กลุ่มนาเสนอผลงานเพื่อนร่วมวิจารณ์ผลงานร่วมกนั สรุปผลการเรียนรู้ครู
ศาสนาและวฒั นธรรม สรุปเพ่ิมเติมในส่วนท่ียงั ไม่สมบูรณ์ครูและนักเรียนสรุปสิ่งที่ไดร้ ับการเรียนรู้
ร่วมกนั นาผลงานจดั ป้ายนิเทศ
2. กิจกรรมข้นั นาให้สิ่งเร้ากระตุน้ ความคิดไดแ้ ก่ ภาพและของจริงคาถามให้
นกั เรียนตอบเกี่ยวกบั ส่ิงเร้าจูงใจใหน้ กั เรียนคิดและติดตามโดยใชค้ าถามในการ ข้ันสรุป
สนทนาให้นกั เรียนร่วมเขียนแผนท่ีความคิดจากภาพส่ิงเร้าโดยผูส้ อนใช้ภาพ เป็นการสรุปความรู้อาจเป็นการกาหนดการใชค้ าถามหรือกิจกรรม
ตวั อยา่ งเกี่ยวกบั แผนท่ีความคดิ ในเร่ืองที่เก่ียวขอ้ ง
บทบำทนักเรียน
3. นักเรียนร่วมกนั อภิปรายลกั ษณะของแผนที่ความคิดอิสระเก่ียวกบั เรื่องจาก 1.ปฏิบตั ิการ การคิด การกระทาและการแสดงออกในการทากิจกรรม
ส่ิงเร้าโดยสรุปทาความเขา้ ใจเรื่องลกั ษณะแผนท่ีความคดิ อิสระ 2.นาเสนอผลงาน
4. กิจกรรมข้นั สอนใหส้ ่ิงเร้ากระตุน้ ความคิดไดแ้ ก่ภาพโดยการระดมความคิด บทบำทครู
และแบง่ กลุ่มศึกษาจากใบความรู้การเขยี นแผนที่ความคดิ ครูอธิบายวิธีการเขียน 1. ศึกษาไดท้ าแผนการจดั การเรียนรู้
แผนท่ีแบบโทนี่ บูซานพร้อมกบั ใหด้ ูตวั อยา่ งและเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนซักถาม 2. จดั เตรียมส่ืออุปกรณ์ประกอบการทากิจกรรม
ใหน้ กั เรียนฝึ กเขียนแผนท่ีความคิดอิสระผสู้ อนร่วมกบั นกั เรียนอภิปรายผลงาน 3. เตรียมความพร้อมของผเู้ รียนดว้ ยกิจกรรมที่ครูเลือกเพ่ือนาเขา้ สู่บทเรียน
เพ่ือส่งเสริมให้ผูเ้ รียนไดเ้ รียนรู้คาและมองเห็นความสัมพนั ธ์ระหว่างคาและ
เรื่องราวที่เขียนแผนที่ความคิดเพ่ือนาเสนอในกลุ่มใหญ่ใหร้ ่วมกนั แสดงความ
ตวั อยา่ งแผนการจดั การเรียนรู้ อา้ งองิ จาก อจั ฉรา อนิ ทรน์ อ้ ย พ.ศ.2555
4. ดาเนินกิจกรรมการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ขณะท่ีจดั กิจกรรมดาเนิน
ไปครู ต้องป ระ เมินตล อดเวลากิ จก รรม น้ ันผู้เรี ย นสา มา รถ คิดและ ส ะ ท้อน
ความคิดของตนเองไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด
5. ใหผ้ เู้ รียนนาเสนอผลงานและครูและเพอื่ นผเู้ รียนร่วมกนั วิเคราะห์ผลงานและ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่3 เศรษฐศาสตร์
ป้อนขอ้ มลู กลบั ใหผ้ เู้ รียนคน้ พบและเรียนรู้ดว้ ยตนเองมากท่ีสุด หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 เศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3
6. จูงใจให้ผเู้ รียนทากิจกรรมอย่างต่อเนื่องตอ้ งให้ผูเ้ รียนเห็นว่าครูใส่ใจในสิ่งท่ี แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 หลกั เศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ และเศรษฐกิจพอเพยี ง
เกิดข้ึนในช้นั เรียนเสมอ เวลา 3 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรียนรู้ ส3.1. ตวั ช้ีวดั 3.1.3, 3.1.4
7. สรุปเรื่องที่เรียน .............................................................................................................................
1.สำระสำคญั
การนาเอาทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากดั มาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์มากที่สุดพร้อมท้งั
นาหลกั เศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ประชาชนรับรู้ถึงการ
ใชท้ รัพยากรอยา่ งประหยดั ซ่ึงเป็นรากฐานสาคญั ที่ทาให้ประเทศชาติพฒั นาข้ึน
ตามลาดบั
2.ผลกำรเรียนรู้ท่คี ำดหวัง 5.กระบวนกำรเรียนรู้
นักเรียนรู้และเข้าใจความหมายของหลกั เศรษฐศาสตร์เบ้ืองต้นและการใช้
ทรัพยากรอยา่ งประหยดั พร้อมท้งั นามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ ข้นั นำเข้ำสู่บทเรียน
3.จุดประสงค์กำรเรียนรู้
3.1นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของหลกั เศรษฐศาสตร์ได้ K ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกบั เศรษฐศาสตร์
3.2นกั เรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั ปัจจยั การผลิตอยา่ งถกู ตอ้ ง K
3.3 นกั เรียนเขียนแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั หลกั เศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ ได้ P ข้ันกำรจัดกำรเรียนรู้ (ใช้วิธีกำรจัดกำรเรียนรู้โดยใช้แผนภำพควำมคิดอิสระ
3.4นกั เรียนสามารถเลือกใชท้ รัพยากรที่จาเป็นต่อการดารงชีวิต P Mind mapping) มี 6 ข้ันดงั นี้
3.5 นกั เรียนเขา้ ร่วมกิจกรรมการทางานเป็นกลุม่ A
4.สำระกำรเรียนรู้ ข้นั ท1ี่ ข้นั เตรียมควำมพร้อม
-ทรัพยากร หมายถึงปัจจัยการผลิต ซ่ึงได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุน และ
ผปู้ ระกอบการ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน แลว้ ให้นักเรียนน่ังเป็ นกลุ่ม ต้งั ช่ือกลุ่ม
-การศึกษาการกระทาของคนเกี่ยวกบั การเลือกใชท้ รัพยากรเพื่อการผลิตสินคา้ แลว้ เลือกประธานกลุม่ และเลขานุการกล่มุ
ข้นั ท่ี2 ข้นั กำหนดประเด็น/หัวข้อ/เง่ือนไข
ครูแจกกระดาษให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม เพื่อเขียนแผนภาพความคิด โดยสรุป
เน้ื อหาตามใบความรู้ แล้วให้สมาชิ กภายในกลุ่มร่ วมกันทาความเข้าใ จ กับ
สถานการณ์ ระดมสมองแล้วเขียนสรุปเป็ นแผนภาพความคิดอิสระ Mind
Mapping
ข้นั ท่ี3 ข้นั แลกเปลย่ี นเรียนรู้ ข้นั ท6่ี ข้นั ทำแผนภำพควำมคิดอสิ ระ
นกั เรียนสรุปความคิดรวบยอด/สาระสาคญั ที่ไดแ้ ลว้ เขียนเป็นแผนภาพความคิด
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปล่ียนการเรียนรู้ ระดมการคิดวิเคราะห์สรุป ของตนเอง โดยให้สังเคราะห์ความรู้ท่ีได้ จากการสรุปการคิดวิเคราะห์
สาระสาคญั ของเรื่องที่อา่ นใหเ้ ป็นประเดน็ โดยใชห้ ลกั เกณฑ์ หลกั การและภาษา สาระสาคญั ของเรื่อง
และมีเหตผุ ลประกอบใหไ้ ดป้ ระเด็นมากที่สุดแลว้ จดั เป็นแผนภาพความคิดกลุ่ม 6.ส่ือและแหล่งกำรเรียนรู้
1.บตั รภาพ
ข้นั ที4่ ข้นั นำเสนอผลงำน 2.บตั รคา
3.แผน่ ชาร์จ
ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน (เมื่อกลุ่มใดนาเสนอขอ้ สรุปใหก้ ลมุ่ 7.กำรประเมินผล
ที่เหลือฟังและแสดงความคดิ เห็น หรือหากมีขอ้ สงสยั สามารถยกมือถามได)้
1. วิธีการวดั ผลและประเมินผล
ข้นั ท5่ี ข้นั ชี้แนะ 1.1 การสังเกต
1.1.1 การวเิ คราะห์
ครู และนักเรี ยนร่ วมกันอภิป รายแสดง ความคิ ดเห็นร่ วมกันและค รู อธิ บ า ย 1.1.2 การตอบคาถาม
เพิ่มเติมประเด็นความรู้ เพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท้งั ช้นั เรียน นกั เรียนและครูร่วม 1.1.3 การทากิจกรรม
แสดงความคิดเห็น วิพากษ์ วจิ ารณ์อยา่ งมีเหตผุ ลจากประเด็นท่ีใหน้ กั เรียนศึกษา
เรียนรู้ และร่วมกนั เพิม่ ประเด็นยอ่ ยๆในแตล่ ะประเดน็ ใหไ้ ดม้ ากที่สุด
1.2 การตรวจผลงาน ตวั ช้ีวดั วิธีการ เครื่องมือ แหลง่ ขอ้ มูล เกณฑ์
1.2.1 ใบงาน ความ
1.2.2 กิจกรรมในหนงั สือเรียนสาระสังคมศึกษา ศาสนา และ ต้งั ใจใน การสงั เกต แบบบนั ทึก นกั เรียน 1 = พอใช้
การร่วม
วฒั นธรรม กิจกรรม การตอบ การสังเกต 2 = ดีมาก
2. เกณฑก์ ารประเมิน ความรู้
2.1 ใบงาน ผา่ นเกณฑอ์ ยา่ งนอ้ ยร้อยละ 80 ความ คาถามใน
2.2 การตรวจผลงาน ผา่ นเกณฑอ์ ยา่ งนอ้ ยร้อยละ 80 เขา้ ใจ
3. เครื่องมือประเมินผล เน้ือหา หอ้ ง
3.1 สังเกต
3.2 ใบงาน ให้ ใบกิจกรรม นกั เรียน 1 = พอใช้
3.3 กิจกรรมทา้ ยบท
นกั เรียน ใบงาน (ทาใบกิจกรรม/ใบ
ทาใบ งาน ผิด1-2)
กิจกรรม 2 = ดี
ใบงาน (ทาใบกิจกรรม/ใบ
งาน ผิด3-4ขอ้ )
3 = ดีมาก
(ทาใบกิจกรรม/ใบ
งานถกู หมดทกุ ขอ้ )
9. บนั ทกึ หลงั กำรสอน
1. ผลที่เกิดกบั ผเู้ รียน คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนอ่านขอ้ ความและทาในใบงานท่ี1
.............................................................................................................................
............................................................................................................................. เศรษฐศาสตร์เป็ นวิชาที่เก่ียวขอ้ งกบั ทุกคนในสังคมเน่ืองจากคนใน
............................................................................................................................. สั ง ค ม มี ค ว า ม ต้อ ง ก า ร ใ น ลัก ษ ณ ะ ต่ า ง ๆ อัน ไ ม่ จ า กัด ท า ใ ห้ ม นุ ษ ย์มี ค ว า ม
จาเป็นตอ้ งผลิตสินคา้ และบริการข้ึนมาเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการอนั ไม่จากดั
2. ปัญหา/อุปสรรค น้ันโดยเหตุผลท่ีทรัพยากรท่ีนามาผลิตสินคา้ และบริการน้ันมอี ย่างจากัด ไม่
สามารถผลิตสินค้าและบริการน้ันมีอย่างจากัด ไม่สามารถผลิตสินค้าและ
............................................................................................................................. บริการข้ึนมาตอบสนองความตอ้ งการของทุกคนไดว้ ิธีการทางเศรษฐศาสตร์จึง
............................................................................................................................. เป็ นวิธีท่ีช่วยให้การผลิตสินคา้ และบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อให้เกิด
............................................................................................................................. ประโยชน์สูงสุดแก่คนในสังคมและช่วยทาให้เศรษฐกิจพอเพียงน้นั การศึกษา
วชิ าเศรษฐศาสตร์จึงเป็นประโยชนใ์ หแ้ ก่ผศู้ ึกษาก็คอื
3. ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
1. ในฐำนะผู้บริโภค โดยปกติผูบ้ ริโภคมีความตอ้ งการจะได้รับความพอใจ
............................................................................................................................. สูงสุดจากการบริโภคสินคา้ และบริการ ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยเป็ น
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
(ลงช่ือ)..................................................
(..........................................)
.........../........................../.............
แนวทางในการให้ผูบ้ ริโภครู้จกั แสวงหารายได้รู้จกั ใช้เงินอย่างคุม้ ค่ารู้จกั วิธี กลมุ่ ท่ี................
ออมและวิธีลงทนุ ทาใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด ชื่อ.....................................................................ช้นั ..................เลขท่ี...................
ชื่อ......................................................... ...........ช้นั ..................เลขที่...................
2. ในฐำนะผู้เป็ นเจ้ำของปัจจยั กำรผลติ คือ เจา้ ของทรัพยากร เจา้ ของทนุ เจา้ ของ ชื่อ......................................................................ช้นั .................เลขท่ี...................
แรงงานและผปู้ ระกอบการสามารถใชค้ วามรู้ทางเศรษฐศาสตร์เพ่ือใหป้ ัจจยั การ ใหน้ กั เรียนเขยี น สรุปใบงานที่1 โดยวเิ คราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มลู ร่วมกนั แสดง
ผลิตที่ตนมีอยู่น้ัน ให้ผลตอบแทนแก่ตนเองมากท่ีสุดช่วยผู้ประกอบการ ความคิดเห็นแลว้ ทาเป็นแผนที่ความคิด Mind Mapping
ตดั สินใจใชป้ ัจจยั การผลิตที่มีตน้ ทุนต่าท่ีสุดเพอ่ื ใหไ้ ดก้ าไรมากที่สุด
3. ในฐำนะพลเมืองของชำติ วิชาเศรษฐศาสตร์ช่วยให้มีการตดั สินใจเกี่ยวกับ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมีหลักเกณฑ์เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดข้ึนกับ
บา้ นเมืองเขา้ ใจบทบาทและการดาเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลการ
ผลิตและการบริโภคเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษยท์ ุกคนในสงั คมปัจจยั
ท่ีทาใหเ้ กิดการผลิตคือท่ีดินแรงงานทนุ และผปู้ ระกอบการส่วนปริมาณการผลิต
จะมากนอ้ ยเพียงใดน้นั ข้นึ อยกู่ บั กลไกการตลาดกลา่ วคือสินคา้ น้นั มีราคาสูง คน
ก็ตอ้ งการผลิตมากแต่ถา้ มีราคาต่าคนก็จะผลิตนอ้ ยหรือไม่ผลิตเลยกลไกราคาท่ี
เป็ นเครื่องมือท่ีใช้ในการกาหนดปริมาณและการผลิตน้ันก็คืออุปสงค์และ
อุปทานการบริโภคคือการใชป้ ระโยชน์จากสินคา้ และบริการท่ีผลิตข้ึนมาเพ่ือ
ตอบสนองความตอ้ งการปัจจยั ก่อให้เกิดการบริโภคคือรายได้ความรู้สึกว่ามี
ประโยชนแ์ ละความรู้สึกดา้ นจิตใจการกาหนดปริมาณการผลิตและการบริโภค
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ทพี่ ฒั นำโดยใช้นวตั กรรม Mind Mapping 3.จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้เชิงพฤตกิ รรม
1.อธิบายความสาคญั ของวนั อาสาฬบชู าได้ (K)
โรงเรียน สำธิต ช้ันประถม ึกษำปี ท่ี 3 2.ปฏิบตั ิตนไดถ้ ูกตอ้ งในวนั อาสาฬหบชู า (P)
3.เห็นความสาคญั ของวนั อาสาฬบูชา (A)
กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ สังคม ึกษำ ำสนำและวฒั นธรรม รหสั วชิ ำ ส13101 รำยวชิ ำ สังคม ึกษำ ภำคเรียนท่ี 1/65
3.1ด้ำนควำมรู้
หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 2 ช่ือ พลเมืองดขี องชำติ จำนวน 15 ชั่วโมง ทกั ษะการคิดวิเคราะห์
3.2ด้ำนสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
แผนกำรเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง วนั อำสำ หบูชำ เวลำ 1 ช่ัวโมง สืบคน้ ขอ้ มลู โดยการสืบคน้ ดว้ ยเทคโนโลยี
3.3ด้ำนคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ผ้สู อน 6494110026 วรำภรณ์ รีโท วนั ท่ี 21 เดือน กนั ยำยน พ. . 2565 มีความรับผิดชอบ
4.สำระกำรเรียนรู้
อำจำรย์ทปี่ รึกษำ/อำจำรย์พเ่ี ลยี้ ง ผ .สมหวงั นิลพนั ธ์
1.ประวตั ิความสาคญั ของวนั อาสาฬหบชู า
1..สสำรำะรมะำมตรำฐตำนรกฐำำรนเรียกนำรรู้/ตเรวั ชียี้วนดั รู้/ตวั ชีว้ ดั
สสำำรระทะี่ท2 หี่ 2น้หำทนพี่ ้ลำเทมือี่พงลวเฒั มนือธงรรวมฒั แลนะกธำรรดรำมเนินแชลีวะติ กในำสรังดคมำเนินชีวติ ในสังคม
มำตรฐำน ส 2.1 ประเพณีและวฒั นธรรมในครอบครัวและทอ้ งถิ่นเช่น ประเพณีกองขา้ ว (ทอ้ งถิ่น)
มตวั ำชตี้วดัรฐำน ส 2.1 ประเพณีและวฒั นธรรมในครอบครัวและทอ้ งถ่ินเช่น
ประเพณีกองขา้ ว (ทอ้ งถ่ิน)
ตัวชี้วัด
ป.3/3 อธิบายความสาคญั ของวนั หยดุ ราชการที่สาคญั
2.สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด
พุทธศาสนิกชนทุกคนควรศึกษาประวตั ิ ความสาคญั และปฏิบตั ิตน
อยา่ งถูกตอ้ งในศาสนพิธีของวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วนั อาสาฬหบูชา
2.ระเบียบพธิ ี การเห็นความสาคญั และการปฏิบตั ิตนในวนั ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3คน แลว้ ให้นักเรียนน่ังเป็ นกลุ่ม ต้งั ชื่อ
อาสาฬหบชู า กลมุ่ แลว้ เลือกประธานกลมุ่ และเลขานุการกลุ่ม
5.กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ข้นั ท2ี่ ข้นั กำหนดประเดน็ /หัวข้อ/เงื่อนไข
ข้นั นำเข้ำสู่บทเรียน ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มรับใบงานท่ี 1 แลว้ ปฏิบตั ิกิจกรรมตามใบงาน
1.ครูใหน้ กั เรียนดูภาพข่าว/ข่าว กิจกรรมตา่ งๆในวนั อาสาฬหบูชา ตามลาดบั แตล่ ะกล่มุ รับใบความรู้และทากิจกรรมตามใบงานท่ี1
2.นกั เรียนตอบคาถามเกี่ยวกบั ภาพตา่ งๆดงั น้ี
- ภาพดงั กลา่ วเป็นกิจกรรมในวนั สาคญั วนั ใด ข้นั ท่3ี ข้ันแลกเปลยี่ นเรียนรู้
- นักเรียนเคยเขา้ ร่วมกิจกรรมใดบา้ ง และมีความรู้สึกอย่างไรในการเขา้ ร่วม
กิจกรรม ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ ระดมการคดิ วิเคราะห์สรุป
3.ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเขา้ ใจว่า ภาพข่าว/ข่าว ดงั กล่าวเป็ นส่วนหน่ึง สาระสาคญั ใหเ้ ป็นประเด็นโดยใชห้ ลกั เกณฑ์ หลกั การและภาษาและมีเหตุผล
ของกิจกรรมในวนั อาสาฬหบชู าและการปฏิบตั ิตนในวนั อาสาฬหบชู า ประกอบใหไ้ ดป้ ระเด็นมากที่สุดแลว้ จดั เป็นแผนภาพความคิดกลมุ่
ข้นั การจดั การเรียนรู้ (ใช้วิธีการจดั การเรียนรู้โดยใช้แผนภาพความคิดอิสระ
Mind mapping) มี 6 ข้นั ดงั น้ี ข้นั ที่4 ข้นั นำเสนอผลงำน
ข้นั ท่1ี ข้นั เตรียมควำมพร้อม
ให้แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน เพ่ือให้ไดค้ วามรู้มากท่ีสุด
เมื่อนักเรียนอธิบายวนั อาสาฬหบูชาเสร็จแลว้ ครูกล่าวชมเชยและให้กาลงั ใจ
นกั เรียน จากน้นั สรุปความรู้ใหน้ กั เรียนฟัง
ข้นั ท5ี่ ข้นั ชีแ้ นะ
ครู และนักเรี ยนร่ วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นร่ วมกันและครู 7.กำรวดั และกำรประเมินผล
อธิบายเพิ่มเติมประเด็นความรู้ เพื่อแลกเปล่ียนเรียนรู้ท้งั ช้นั เรียน นกั เรียนและ
ครูร่วมแสดงความคิดเห็น วิพากษ์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผลจากประเด็นที่ให้ รายการวดั วิธีวดั เครื่องมือ เกณฑก์ าร
นกั เรียนศึกษาเรียนรู้ และร่วมกนั เพิ่มประเด็นย่อยๆในแต่ละประเด็นใหไ้ ดม้ าก ประเมิน
ที่สุด 1.อธิบายประวตั ิของวนั -ตรวจใบ -ใบงานที่ 1 - ไดค้ ะแนน
ต้งั แต่ร้อยละ
ข้นั ท6่ี ข้นั ทำแผนภำพควำมคดิ อสิ ระ อาสาฬบูชาได้ งานท่ี 1 -แผนภาพ 60 ข้ึนไปถือวา่
ผา่ นเกณฑ์
ให้นักเรียนสรุปความคิดรวบยอด/สาระสาคัญที่ได้แล้วเขียนเป็ น 2.อธิบายความสาคญั ของ -ตรวจ ความคดิ (งาน
แผนภาพความคิดของตนเอง โดยใหส้ ังเคราะห์ความรู้ที่ได้ จากการสรุปการคิด - ระดบั คณุ ภาพ
วิเคราะห์สาระสาคญั ของเรื่อง และครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกบั วนั สาคัญของ วนั อาสาฬบชู าได้ แผนภาพ เด่ียว) 2 ผา่ นเกณฑ์
ราชการต่างๆท่ีนกั เรียนยกมา เพือ่ ใหน้ กั เรียนไดค้ วามรู้เพม่ิ มากยง่ิ ข้นึ
3.ปฏิบตั ิตนไดถ้ กู ตอ้ งใน ความคิด -ระดบั คุณภาพ
6.ส่ือ/อุปกรณ์และแหล่งกำรเรียนรู้ 2 ผา่ นเกณฑ์
วนั อาสาฬหบชู า (งาน
1.ใบความรู้ เร่ืองวนั อาสาฬหบูชา
4.เห็นความสาคญั ของวนั เดี่ยว)
2.ใบงานที่1
อาสาฬบชู า
3.ข่าว/ภาพขา่ ว
6)การนาเสนอผลงาน -ประเมิน -แบบประเมิน
4.บริเวณโรงเรียน/หอ้ งสมดุ
การ การนาเสนอ
นาเสนอ ผลงาน
ผลงาน
7)พฤติกรรมการทางาน -สังเกต -แบบสงั เกต
กลุ่ม พฤติกรรม พฤติกรรมการ
การ ทางานกลมุ่
ทางาน
กล่มุ
8. ประเมินหลงั การสอน 9. บนั ทกึ หลงั กำรสอน
1. ประเมินนกั เรียน--------------------------------------------------------------------- 1. ผลที่เกิดกบั ผเู้ รียน
.............................................................................................................................
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- .............................................................................................................................
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- .............................................................................................................................
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- 2. ปัญหา/อุปสรรค
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- .............................................................................................................................
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- .............................................................................................................................
.............................................................................................................................
2. ประเมินครู------------------------------------------------------------------------------
3. ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- .............................................................................................................................
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- .............................................................................................................................
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- .............................................................................................................................
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- (ลงช่ือ)..................................................
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- (...................................)
.........../........................../.............
หน่วยที่2 เรื่อง พลเมืองดีของชำติ ใบความรู้
สำระกำรเรียนรู้ สังคม ึกษำ ำสนำและวัฒนธรรม ช้ันประถม ึกษำปี ท่ี3 เรื่อง วนั อาสาฬหบูชา
ใบงำนที่1 วนั อาสาฬหบูชาคือวนั ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาหรือ
หลักธรรมที่ทรงตรัสรู้ เป็ นคร้ังแรกแก่เบญจวคั คียท์ ้ัง 5 ถือเป็ นวนั สาคัญท่ี
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกล่มุ ทากิจกรรมตามข้นั ตอนต่อไปน้ี กาหนดให้กับวันหยุดของรัฐเพียงแต่ในประเทศไทยเท่าน้ัน ส่วนใน
ต่างประเทศที่นบั ถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอ่ืน ๆ ยงั ไม่ไดใ้ ห้ความสาคญั กบั
1.คาส่งั บทอา่ นเร่ือง “วนั อาสาฬบชู า”ท่ีแจกใหแ้ ลว้ ให้ นกั เรียนทุกคนในแต่ละ วนั อาสาฬหบูชาเทียบเท่ากบั วนั วิสาขบูชา
กลุ่มร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็น คดิ วิเคราะห์แยกแยะ ประเด็น
สาระสาคญั ของเร่ืองท่ีอ่านใหไ้ ดม้ ากที่สุดและเขยี นเหตุผลประกอบของแต่ละ ประวัติวันอำสำ หบูชำ
ประเด็นลงในกระดาษชาร์ดท่ีแจกให้
วนั อาสาฬหบูชา ข้ึน 15 ค่า เดือน 8 เป็ นวนั ท่ีสาคญั ในประวตั ิศาสตร์
2.แต่ละกลุม่ นาเสนอผลงานตามข้นั ตอนดงั น้ี แห่งพระพุทธศาสนา คือวันท่ีพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาหรือ
2.1อธิบายข้นั ตอนของกระบวนการทางานกลุม่ หลกั ธรรมท่ีทรงตรัสรู้ เป็ นคร้ังแรกแก่เบญจวคั คียท์ ้งั 5 ณ มฤคทายวนั ตาบล
2.2สรุปประเด็นสาระสาคญั ของเร่ืองจากขอ้ ๑ อิสิปตนะ เมืองพาราณสี ในชมพูทวีปสมยั โบราณซ่ึงปัจจุบนั ต้งั อยูใ่ นประเทศ
อินเดีย ดว้ ยพระพุทธองคท์ รงเปรียบดงั ผทู้ รงเป็นธรรมราชา ก็ทรงบนั ลือธรรม
3. สมาชิกแตล่ ะคนในกลมุ่ เขยี นสรุปประเด็นสาระสาคญั ของเร่ืองที่ไดจ้ ากขอ้ 1 เภรียงั ลอ้ แห่งธรรมให้หมุนรุดหน้า เริ่มต้นแผ่ขยายอาณาจกั รแห่งธรรม นา
โดยเขยี นเป็นแผนภาพความคดิ ของตนเอง ความร่มเยน็ และความสงบสุขมาให้แก่หมู่ประชา ดังน้ัน ธรรมเทศนาที่ทรง
แสดงคร้ังแรกจึงได้ชื่อว่า ธัมมจกั กัปปวตั ตนสูตร แปลว่า พระสูตรแห่งการ นาไปช้ีแจงอธิบาย ใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ มาไดอ้ ย่างกวา้ งขวาง จึงมุ่งไปพบนกั บวช 5 รูป
หมนุ วงลอ้ ธรรม หรือพระสูตรแห่งการแผข่ ยายธรรมจกั ร กลา่ วคอื ดินแดนแห่ง หรือเบญจวคั คยี ์ และไดแ้ สดงธรรม เทศนาเป็นคร้ังแรกในวนั เพญ็ เดือน 8
ธรรม
การแสดงแสดงปฐมเทศนาคร้ังแรกของพระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักธรรม
เม่ือ 2500 กว่าปี มาแลว้ น้นั ชมพูทวีปในสมยั โบราณ กาลงั ยา่ งเขา้ สู่ยคุ ใหม่แห่ง สาคญั 2 ประการคือ
ความเจริญกา้ วหนา้ รุ่งเรืองเฟื่ องฟูทุกดา้ นและมีคนหลายประเภทท้งั ชนผมู้ งั่ คง่ั
ร่ารวย นกั บวชท่ีพฒั นาความเชื่อและ ขอ้ ปฏิบตั ิทางศาสนา เพ่ือให้ผูร้ ่ารวยได้ มชั ฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง เป็ นข้อปฏิบัติที่เป็ นกลาง ๆ ถูกตอ้ งและ
ประกอบพิธกรรมแก่ตนเต็มที่ ผูเ้ บื่อหน่ายชีวิตที่วนเวียน ในอานาจและโภค เหมาะสมท่ีจะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดาเนินชีวิตท่ีเอียงสุด 2 อย่าง
สมบตั ิที่ออกบวช หรือบางพวกก็แสวงหาคาตอบท่ีเป็นทางรอกพน้ ดว้ ยการคิด หรืออยา่ งหน่ึงอยา่ งใด คอื
ปรัชญาตา่ ง ๆ เกี่ยวกบั เร่ืองที่เหลือวิสยั และไม่อาจพสิ ูจนไ์ ดบ้ า้ ง พระพุทธเจา้ จึง
ทรงอุบตั ิในสภาพเช่นน้ี และดาเนินชีพเช่นน้ีดว้ ยแต่เมื่อทรงพบว่าสิ่งท่ีเกิดข้ึน 1.การหมกหมุน่ ในความสุขทางกาย มวั เมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความ
ในตอนน้นั ขาดแก่นสาน ไม่เป็นประโยชน์อย่างแทจ้ ริง แก่ตนเองและผอู้ ื่น จึง เรียกวา่ เป็นการหลงเพลิดเพลินหมกหมุ่นในกามสุข หรือ กามสุขลั ลิกานุโยค
ทรงคิดหาวิธีแกไ้ ขดว้ ยการทดลองต่าง ๆ โดยละทิ้งราชสมบตั ิ และอิสริยศแลว้ 2.การสร้างความลาบากแก่ตนดาเนินชีวิตอยา่ งเลื่อนลอย เช่น บาเพญ็ ตบะการ
ออกผนวช บาเพญ็ ตนนานถึง 6 ปี ก็ไม่อาจพบทางแกไ้ ด้ ต่อมาจึงไดท้ างคน้ พบ ทรมานตน คอยพ่ึงอานาจส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิ เป็นตน้ การดาเนินชีวติ แบบท่ีก่อความ
มชั ฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เม่ือทรงปฏิบตั ิตามมรรคาน้ีก็ไดค้ น้ พบสัจ ทกุ ขใ์ หต้ นเหน่ือยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกวา่ อตั ตกิลมถานุ
ธรรมที่นาคุณค่า แทจ้ ริงมาสู่ชีวิต อนั เรียกว่า อริยสัจ 4 ประการ ในวนั เพ็ญ โยค
เดือน 6 ก่อนพทุ ธศก 44 ปี ที่เรียกวา่ การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจา้
ดงั น้นั เพ่ือละเวน้ ห่างจากการปฏิบตั ิทางสุดเหล่าน้ี ตอ้ งใชท้ างสายกลาง ซ่ึงเป็น
จากน้ันทรงงานประกาศศาสนาโดยทรงดาริหาทางที่ได้ผลดีและรวดเร็ว คือ การดาเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็ นองค์ประกอบ 8 ประการ
เริ่มสอนแก่ผูม้ ีพ้ืนฐานภูมิปัญญาดีที่รู้แจง้ คาสอนไดอ้ ย่างรวดเร็วและสามารถ เรียกวา่ อริยอฏั ฐงั คกิ มคั ค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ไดแ้ ก่
อริยอฏั ฐงั คิกมคั ค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ไดแ้ ก่ 2.สมุทยั ไดแ้ ก่ เหตเุ กิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตขุ องปัญหา ตวั การสาคญั ของทกุ ข์
คือ ตณั หาหรือเสน้ เชือกแห่งความอยากซ่ึงสมั พนั ธก์ บั ปัจจยั อื่น ๆ
สมั มาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เขา้ ใจถูกตอ้ ง เห็นตามที่เป็นจริง 3.นิโรธ ไดแ้ ก่ ความดบั ทกุ ข์ เริ่มดว้ ยชีวิตที่อิสระ อยอู่ ยา่ งรู้เทา่ ทนั โลกและชีวิต
ดาเนินชีวิตดว้ ยการใชป้ ัญญา
สมั มาสังกปั ปะ ดาริชอบ คือ คิดสุจริตต้งั ใจทาส่ิงท่ีดีงาม 4.มรรค ไดแ้ ก่ กระบวนวิธีแหง้ การแกป้ ัญหา อนั ไดแ้ ก่ มรรคมีองค์ 8 ประการ
สมั มาวาจา เจรจาชอบ คอื กลา่ วคาสุจริต ดงั กล่าวขา้ งตน้
สมั มากมั มนั ตะ กระทาชอบ คอื ทาการที่สุจริต ควำมสำคัญของวนั อำสำ หบูชำ สรุปได้ดังนี้
สมั มาอาชีวะ อาชีพชอบ คอื ประกอบสมั มาชีพหรืออาชีพที่สุจริต 1. เป็นวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนา
สมั มาวายามะ พยายามชอบ คือ เพยี รละชว่ั บาเพญ็ ดี 2. เป็นวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ เร่ิมประกาศพระศาสนา
สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทาการดว้ ยจิตสานึกเสมอ ไม่เผลอพลาด
3. เป็นวนั ท่ีเกิดอริยสงฆค์ ร้ังแรกคือการท่ีท่านโกณฑญั ญะรู้แจง้ เห็นธรรม
สมั มาสมาธิ ต้งั จิตมน่ั ชอบ คอื คมุ จิตใหแ้ น่วแน่มน่ั คงไม่ฟุ้งซ่าน เป็นพระโสดาบนั จดั เป็นอริยบคุ คลท่านแรกในอริยสงฆ์
อริยสัจ 4 แปลวา่ ความจริงอนั ประเสริฐของอริยะ ซ่ึงคอื บุคคลที่ห่างไกลจาก 4. เป็นวนั ที่เกิดพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา คอื การท่ีทา่ นโกณ
กิเลส ไดแ้ ก่ ฑญั ญะขอบรรพชาและ ไดบ้ วชเป็นพระภิกษุ หลงั จากฟังปฐมเทศนา
และบรรลธุ รรมแลว้
1.ทุกข์ ไดแ้ ก่ ปัญหาท้งั หลายท่ีเกิดข้ึนกบั มนุษย์ บคุ คลตอ้ งกาหนดรู้ให้เทา่ ทนั
ตามความเป็นจริงวา่ มนั คอื อะไร ตอ้ งยอมรับรู้กลา้ สูห้ นา้ ปัญหา กลา้ เผชิญความ 5. เป็นวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงไดป้ ฐมสาวกคอื การท่ีทา่ นโกณฑญั ญะน้นั
จริง ตอ้ งเขา้ ใจในสภาวะโลกวา่ ทกุ สิ่งไมเ่ ท่ียง มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอยา่ ง ไดบ้ รรลธุ รรม และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของ
อื่น ไม่ยดึ ติด พระพทุ ธเจา้
ข้อพงึ ปฏบิ ัตสิ ำหรับชำวพุทธ ตวั อยา่ งขา่ ว/ภาพข่าว
ตักบำตร กิจกรรมสาหรับพุทธศาสนิกชนในช่วงเชา้ คือการตกั บาตรใหญ่ อาจ จงั หวดั ขอนแก่น ร่วมพิธีทาบญุ ตกั บาตร เวียนเทียน เนื่องในวนั อาสาฬบชู า
จดั ข้ึนท่ีวดั และตามพ้นื ท่ีราชการ โดยมีพระสงคจ์ านวนมากเขา้ ร่วมพิธี
วนั พุธท่ี 13 กรกฎาคม 2565 เวลา 07.00 น. จงั หวดั ขอนแก่น โดย สานกั งาน
ทำบญุ พุทธศาสนิกชนนิยมทาบุญในวนั อาสาฬหบชู าตลอดท้งั วนั โดยสามารถ พระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวดั ขอนแก่น จัด
ทาไดใ้ นรูปแบบต่างๆ การถวายสังฆทาน การปล่อยนกปล่อยปลา รวมไปถึง กิจกรรมทาบุญตกั บาตร เจริญพระพุทธมนต์ แสดงพระธรรมเทศนา และเวียน
การถือศีล 5 หรือศีล 8 และการฟังเทศน์ท่ีวดั ในช่วงตอนเยน็ เทียน เนื่องในเทศกาลวนั อาสาฬหบูชาและวนั เขา้ พรรษา ประจาปี 2565 โดยมี
พระครูมชั ฌิมธรรมโสภณ เจา้ อาวาสวดั กลาง, เจา้ คณะตาบลในเมือง เขต 2 เป็น
เวียนเทยี น การเวยี นเทียนน้นั จะเรียกวา่ การเวยี นเทียนเขา้ พรรษา จดั ข้ึนในตอน ประธานฝ่ ายสงฆ์ นายพนั เทพ เสาโกศล รองผูว้ ่าราชการจงั หวดั ขอนแก่น เป็น
หวั ค่า เพอื่ แสดงความเคารพตอ่ องคพ์ ระสัมมาสมั พุทธเจา้ ประธานฝ่ ายฆราวาส ณ วดั กลาง ตาบลในเมือง อาเภอเมืองขอนแก่น จงั หวดั
ขอนแก่น โดยปฏิบตั ิตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอยา่ งเคร่งครัด
งดเหล้ำเข้ำพรรษำ การรณรงค์งดเหลา้ เขา้ พรรษาน้ัน เป็ นขอ้ ปฏิบตั ิที่ถือเป็ น
ค่านิยมในประเทศไทย เพราะการงดด่ืมสุราในช่วงเวลา 3 เดือนของการ แหลง่ ท่ีมา: https://kkn.onab.go.th
เขา้ พรรษาน้ี ถือเป็นการปฏิบตั ิเพื่อบูชาศาสนา รวมไปถึงการใชเ้ ป็นขอ้ อา้ งทาง
สังคมเพื่อหลีกหนีจาก
เกณฑ์กำรให้คะแนน
แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมมีขอ้ บกพร่องบางส่วน ให้ 2 คะแนน
คำชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน ประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการท่ี ผลงานหรือพฤติกรรมมีขอ้ บกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
กาหนด แลว้ ขีด / ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน
เกณฑ์กำรตดิ สินคณุ ภำพ
ลำดบั รำยกำรประเมนิ 32 1 ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภำพ
ที่ 12-15 ดี
1 นาเสนอเน้ือหาในผลงานไดถ้ ูกตอ้ ง 8-11
2 การลาดบั ข้นั ตอนของเน้ือหา ต่ากวา่ 8 พอใช้
3 การนาเสนอมีความน่าสนใจ ปรับปรุง
4 การมีส่วนร่วมของสมาชิกกล่มุ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน
................./.................../...............
แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่ เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน ประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการที่ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมสม่าเสมอ ให้ 1 คะแนน
กาหนด แลว้ ขดี / ลงในช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ระดับคณุ ภำพ
ลำดบั รำยกำรประเมนิ 32 1 ดี
ที่ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง
1 การแบง่ หนา้ ที่กนั อยา่ งเหมาะสม พอใช้
2 ความร่วมมือการทางาน เกณฑ์กำรติดสินคุณภำพ ปรับปรุง
3 การแสดงความคดิ เห็น
4 การรับฟังความคิดเห็น ช่วงคะแนน
5 ความมีน้าใจช่วยเหลือกนั 12-15
รวม 8-11
ต่ากวา่ 8
ลงช่ือ.................................................ผปู้ ระเมิน
................./.................../...............
รำยกำร ปฏิบตั ิ ไม่ ข้อเสนอแนะ
ปฏิบัติ เพมิ่ เตมิ
1.ครูจดั กิจกรรมการเรียนการ
สอนใหผ้ เู้ รียนไดค้ ดิ อยา่ ง
หลากหลาย
2.ครูเสนอ/จดั แหล่งความรู้
ชื่อผสู้ อน.................................................................................ช้นั ...................... เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกการคน้ ควา้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้............................................................................................ รวบรวมขอ้ มลู
เร่ือง......................................................... 3.ครูจดั กิจกรรมและ
วนั ที่............เดือน..................................พ.ศ. ..........................เวลา..................... สถานการณ์ใหผ้ เู้ รียน
คำชีแ้ จง ใหผ้ นู้ ิเทศสงั เกตพฤติกรรมการสอนของครูและโปรดทาเคร่ืองหมาย/ แลกเปล่ียนความคิดและ
ลงในช่องพฤติกรรมการสอนตามรายการ การสังเกตพฤติกรรมการสอน
ดงั ตอ่ ไปน้ี ประสบการณ์
4.ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนได้
นาเสนอผลงานของตวั เองใน
รูปแบบต่างๆ
5.ครูจดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนได้
ลงมือปฏิบตั ิ
6.ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนได้ แบบประเมนิ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ โดย
แสดงความคิดเห็นและยอดรับ ใช้นวตั กรรม Mind Mapping
เก่ียวกบั ผลงานและ
ความสามารถของตนและผอู้ ื่น (สำหรับครู)
7.ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่มี
การเชื่อมโยงความรู้เดิมกบั รำยกำร มำทส่ี ุด มำก พอใช้ ปรับปรุง
ความรู้ใหมข่ องผเู้ รียน 4 3 21
8.ครูมีการใชส้ ื่อการเรียนรู้ 1.สาระสาคญั แสดงความคิด
อยา่ งหลากหลาย รวบยอดของสาระการ
9.ครูใหก้ ารเสริมแรงนกั เรียน เรียนรู้ที่สอดคลอ้ งกบั
อยา่ งเหมาะสม จุดประสงคก์ ารเรียน
10.ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ให้ 2.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้คล
เอ้ือต่อการฝึ กความรับผิดชอบ อบคลุมพฤติกรรมการ
ของนกั เรียน เรียนรู้หลายดา้ น (พุทธิพิสัย/
ทกั ษะพสิ ยั /จิตพสิ ยั และระบุ
ลงชื่อ..................................................................... พฤติกรรมท่ีสามารถวดั ได้
(......................................................................)
ผปู้ ระเมิน
3.สาระการเรียนรู้ถกู ตอ้ ง 4.6 จดั กิจกรรมทาแผนผงั
ครบถว้ นชดั เจนตามหลกั ความคิดมายแมพ สรุป
วชิ าการ สาระสาคญั และองคค์ วามรู้
4.กระบวนการเรียนรู้ 5.สื่อ อปุ กรณ์และแหลง่ การ
4.1 สอดคลอ้ งกบั จุดปรง เรียนรู้ท่ีเหมาะสมตาม
สงคก์ ารเรียนรู้ ความสามารถของผเู้ รียน
4.2 จดั กิจกรรมเตรียมความ 6.มีการวดั และประเมินผลที่
พร้อมและทบทวนความรู้ หลากหลายสอดคลอ้ งกบั
เดิม พฤติกรรมที่กาหนดใน
4.3 จดั กิจกรรมหรือกาหนด จุดประสงคก์ บั ธรรมชาติ
สถานการณ์ท่ีเป็ นประเดน็ ของสาระการเรียนรู้
ปัญหาใหน้ กั เรียนคิด หมำยเหตุ ระดบั ผลการประเมินข้นึ อยกู่ บั ดุลพินิจของผสู้ อนในการกาหนดช่วง
4.4 จดั กิจกรรมใหน้ กั เรียน
ไดน้ าเสนอผลงาน คะแนน
4.5 จดั กิจกรรมช้ีแนะความรู้
เพ่ิมเติมอภิปรายแสดง
ขอ้ คดิ เห็น
1.ข้นั ตอนการทางาน .............................................................................................................................
.............................................................................................................................
............................................................................................................................. 4.คุณลกั ษณะท่ีดี/คา่ นิยม/คณุ ธรรม/จริยธรรม
.............................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................................................................
........................................................................................................................... .............................................................................................................................
2.ความรู้ท่ีไดร้ ับ .............................................................................................................................
............................................................................................................................. 5.ส่ือแหล่งการเรียนรู้
.............................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................................................................
.............................................................................................................................
3.ทกั ษะที่ไดร้ ับ .............................................................................................................................
............................................................................................................................. 6.ผลงาน
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
สานกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2540). สรุปแผนพฒั นา
การศึกษาแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 8 (พ.ศ.2540-2544). กรุงเทพฯ: โรงพิมพค์ ุรุสภา
ลาดพร้าว.
วาสนา เมืองหนองจอก. (2550). การพฒั นาแผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั ประถมศึกษาปี ที่3 โดยวธิ ีของ
สสวท. และสรุปแผนผงั ความคิด (Mind Mapping). การศึกษาคน้ ควา้ อิสระ กศ.
ม. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม.บรรณานุกรม
โทนี บซู าน. How to Mind Map. สานกั พิมพข์ วญั ขา้ ว.กรุงเทพฯ : มปป.
ธญั ญา และขวญั ฤดี ผลอนนั ต์ หจก. บซู านซนั เดย์ (ประเทศไทย)
ชัยอนันต์ สมุทวณิช. การคิดแบบสร้างสรรค์และทาแผนที่ทางความคิด
Creative thinking and mind mapping. กรุงเทพมหานคร. วชิราวุธวิทยาลัย.
2542.