Grade I : ระดับกำ ลังกล้ามเนื้อน้อยมาก ไม่สามารถ ขยับได้ ทำ ได้เพียงการเกร็งกล้ามเนื้อเท่านั้น Grade 0 : ไม่สามารถเกร็งกล้ามเนื้อได้เลย การตรวจร่างกาย ระบบประสาท พละกำ ลังของกล้ามเนื้อนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ดั้งนี้ Grade V : ระดับกำ ลังกล้ามเนื้ออยู่ในเกณฑ์ปกติ คือสามารถต้านแรงของแพทย์ได้ Grade IV : ระดับกำ ลังกล้ามเนื้อน้อยกว่าปกติเล็กน้อย คือยังสามารถต้านแรงแพทย์ผู้ตรวจได้แต่ไม่เต็มที่ Grade III : ระดับกำ ลังกล้ามเนื้อน้อยลงชัดเจน ไม่สามารถ ต้านแรงของแพทย์ได้ แต่ยังสามารถยกแขนขึ้นมาได้เอง Grade II : ระดับกำ ลังกล้ามเนื้อน้อยลงอย่างมาก ไม่สามารถต้านแรงของแพทย์ได้เลย
การตรวจร่างกาย ระบบประสาท 3.การตรวจระบบประสาทอัตโนมัติ (Deep tendon reflex) จะเป็นการตรวจโดยการ “เคาะ” ไปในบริเวณเส้นเอ็น ต่างๆในร่างกาย เพื่อประเมินการตอบสนองของเส้นประสาท ทั้งในส่วนเส้นประสาทรับความรู้สึกและเส้นประสาทที่ควบคุม การทำ งานของกล้ามเนื้อทั้งสองส่วนในเวลาเดียวกัน โดยหมอ จะใช้ค้อนเล็กๆ เคาะบริเวณเส้นเอ็นสำ คัญต่างๆในร่างกาย และประเมินการตอบสนองของกล้ามเนื้อในลักษณะของการ “เด้ง” สวนกลับมา ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราต้องการตรวจ Deep tendon reflex ของเส้นประสาท L3,L4 เราจะต้องทำ การเคาะเส้นเอ็น Patella Tendon ที่อยู่บริเวณหัวเข่า เมื่อเราเคาะไป แล้วนั้นจะเป็นการไปกระตุ้นระบบประสาท ที่ควบคุมการทำ งานของกล้ามเนื้อ Quadricep Muscle ที่ถูกควบคุมโดยเส้น ประสาท L3,L4 เช่นเดียวกัน และแสดงผลอ อกมาโดยการ “กระเด้ง” ออกมาของหน้า แข้งของผู้ป่วยโดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ป่วยไม่ ต้องออกแรงใดๆเลย DTR 3+ : คือมีการตอบสนอง ที่มากกว่าปกติ โดยอาจพบ ได้ในผู้ป่วยที่มีอาการทาง ระบบประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง) หรือ โรคทางอายุรกรรมอื่นๆ เช่น โรคไทรอยด์สูง DTR 2+ : คือมีการตอบสนอง อยู่ในเกณฑ์ปกติ DTR 1+ : คือมีการตอบสนอง ที่น้อยกว่าปกติ โดยอาจพบ ได้ในผู้ป่วยที่มีอาการทาง ระบบประสาทส่วนปลาย หรือ โรคทางอายุรกรรมอื่นๆ เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ DTR 0 : คือไม่มีการตอบ สนองเลย โดยการแปลผลการตรวจ Deep tendon reflex นั้นสามารถแปล ผลได้ดังนี้
การตรวจวัดสายตา (Visual Acuity) การตรวจลานสายตา (Visual Field) การตรวจจอตา(Funduscopic examination) 1. ประสาทสมองคู่ที่ 1 (0lfactory Nerve) มีหน้าที่ในการดมกลิ่น(Smell) ให้ผู้ป่วยหลับตา ให้ดมกลิ่น แล้วบอกว่าเป็นกลิ่นอะไร การประเมิน เส้นประสาทสมอง ทำ งานประสานกันระหว่างประสาทสมองคู่ที่ 4 (Trochlear nerve ) และคู่ที่ 6 (Abducens nerve) ทดสอบโดยการชูนิ้วเหนือศีรษะผู้รับบริการ ห่างจากตา ประมาณ 20 นิ้ว ให้ผู้รับบริการมองตามนิ้วไป 6 จุด ตรวจโดยวางนิ้วมือที่ขมับแล้วให้เคี้ยวฟัน และวางมือไว้ที่ ขากรรไกรของผู้รับบริการแล้วให้เคี้ยวฟันอีกครั้งหนึ่ง และใช้สำ ลีสัมผัสที่บริเวณใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก แก้ม และขากรรไกรที่ใบหน้าทั้ง 2 ซีก ให้ผู้รับบริการปิดตา ขณะสัมผัส และให้บอกเมื่อมีสำ ลีสัมผัสหน้า 3: ประสาทสมองคู่ที่ 3 (0culomotor Nerve) 4. ประสาทสมองคู่ที่ 5 (Trigeminal Nerve) 1.2. ประสาทสมองคู่ที่ 2 (Optic Nerve)
ทดสอบโดยการใช้มือวางบริเวณแก้มผู้รับ บริการแล้วให้หันไปด้านข้าง จะรู้สึกถึงแรงดันที่ ฝ่ามือทดสอบกล้ามเนื้อหลังโดยการวางมือไว้บน ไหล่ผู้รับบริการแล้วให้ยกไหล่ขึ้น การประเมิน เส้นประสาทสมอง ควบคุมการได้ยิน ทดสอบการได้ยินโดยการใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่าTuning Fork ช่วยตรวจ มี 2 วิธี คือ Air Condition และ Bone Conduction 5. ประสาทสมองคู่ที่ 7(Facial Nerve) หอยและกล่องเสียง ทดสอบรีเฟล็กซ์การขย้อน (Gag Reflex) โดยการใช้ไม้พันสำ ลีหรือไม้กดลิ้นแตะที่โคน ลิ้นของผู้รับบริการ 7. ประสาทสมองคู่ที่ 9 (Glossopharyngeal Nerve) 8. ประสาทสมองคู่ที่ 11 (Spinal Accessory Nerve) ทดสอบปุ่มรับรสเฉพาะ 2/3 ตอนปลายของลิ้น โดย ใช้สำ ลีชุบน้ำ ตาล เกลือ น้ำ ส้ม มาแตะที่ขอบด้านข้าง ของลิ้นตรงบริเวณกลางๆแล้วถามรสจากผู้รับบริการ การตรวจกล้ามเนื้อใบหน้าให้ผู้รับบริการลืมตากว้างๆ ยักคิ้ว ยิงฟัน ปิดตาแน่นต้านมือผู้ตรวจที่พยายามจะ เปิดตาของผู้บริการ 6. ประสาทสมองคู่ที่ 8 (Acoustic Nerve) 9. ประสาทสมองคู่ที่ 12 (Hypoglossal Nerve) ทดสอบโดยให้ผู้รับบริการแลบลิ้นให้ดูว่าอยู่ใน แนวกึ่งกลางหรือไม่
การตรวจร่างกายระบบทางเดินอาหาร เเละการขับถ่าย การดู ( Inpectation) การฟัง ( Ausculation) การเคาะ ( Percussion) การคลำ ( Palpation) ทักษะการตรวจร่างกาย Gastrointestinal system
ให้ดูจากทางด้านปลายเท้าขึ้นไปทางศีรษะของผู้รับบริการ : ท้องโตผิดปกติ การโป่งนน ก่อนในช่องท้องโนนขึ้น : รอยแผลเป็นหรือรอยผ่าตัด : เส้นเลือดดำ โป่งพอง (portal system) : สะดือถูกดึงรั้งหรือโป้งนู่นขึ้นจากการมีน้ำ ในช่องท้อง : มีก้อนนูนโตที่บริเวณขาหนีบจากการมีไส้เลื่อน : peristaltic wave : spider nevi การตรวจร่างกายระบบทางเดินอาหาร เเละการขับถ่าย การดู ( Inspectation)
ใช้ Stethoscope ด้าน Diaphragm ฟังเสียงการเคลื่อนไหวของลำ ไส้ ( Bowelsound peristalsis) เสียงดัง เหมือนเทน้ำ จากขวด อัตราไม่ สม่ำ เสมอประมาณ5-30 ครั้งฺ/นาที เวลาฟัง นาน 3นาที/ครั้ง การตรวจร่างกายระบบทางเดินอาหาร เเละการขับถ่าย การฟัง ( Auscultation)
การตรวจร่างกายระบบทางเดินอาหาร เเละการขับถ่าย การเคาะ (Percussion) เคาะบริเวณต่างๆจนทั่วท้อง สังเกตว่าส่วนใดเคาะทึบ ส่วนใดเคาะโปร่ง คนปกติจะเคาะได้เสียงโปร่ง ( Tympanic) การเคาะตับ จะได้ยินเสียงโปร่งเคาะตามแนวต่ำ ลงมาเรื่อยๆ จนเสียง เปลี่ยนเป็นทึบที่ระดับซี่โครงซี่ที่ 5,6 หรือใต้ราวนมเล็กน้อย เป็นขอบบนของตับ จากนั้นเริ่มเคาะจาก Iliac crest ขึ้นไป ในแนวเดิมจนได้ยินเสียงทึบ เป็นขอบล่างของตับ เหนือชาย โครงประมาณ 1 นิ้วฟุต
การคลำ ตื้น (Light or superficial Palpation) ใช้อุ้งนิ้ววางชิดกันกดเบาๆ ความลึก ประมาณ 1 เซนติเมตรให้ทั่ว ทุกบริเวณ การตรวจร่างกายระบบทางเดินอาหาร เเละการขับถ่าย การคลำ (Palpation) วิธีการคลำ แบ่งได้เป็น 2 แบบ การคลำ ลึก (Deep or bimanual Palpation) ใช้มือข้างหนึ่งวางลงบนมืออีกข้างหนึ่งมือบนใช้ กดความลึกประมาณ 5-8 เซนติเมตร มือล่างใช้ รับความรู้สึก -หาก้อนในท้อง บอกขนาด รูปร่าง ความเเข็ง ลักษณะของผิว การเคลื่อนไหว -การกดเจ็บ(Tenderness) -กดปล่อยเจ็บ( Rebound tenderness)
วิธีที่1 วางมือขวาราบที่หน้าท้องผู้รับบริการให้ปลายนิ้วชี้ไปทาง ศีรษะของผู้รับบริการนิ้วชี้และนิ้วกลางอยู่ด้านนอกของกล้ามเนื้อ Rectus เริ่มคลำ จากหน้าท้องเคลื่อนขึ้นไปหาชายโครงขวาให้ผู้รับ บริการหายใจเข้าเต็มที่แล้วออกแรงกดที่ปลายนิ้วจากนั้นช้อนมือขึ้น จะพบขอบตับ ปกติควรอ่อนนุ่ม ขอบบางเรียบ ขนาด 1-2 นิ้วมือ การตรวจร่างกายระบบทางเดินอาหาร เเละการขับถ่าย การคลำ ตับมี 2 วิธี วิธีที่2 Hooking technique ให้ยืนด้านขวามือของผู้ร้รับ บริการหันหน้าเข้าหาปลายเท้าผู้รับบริการ วางมือ2 ข้างชิดกัน บนท้องด้านขวาใต้ระดับที่เคาะได้ความทึบของตับกดปลายนิ้ว และช้อนสู่บริเวณ Costal Margin แล้วให้ผู้รับบริการหายใจ เข้าลึกๆ
การตรวจร่างกายระบบทางเดินอาหาร เเละการขับถ่าย คลำ ที่บริเวณชายโครงขวาตัดกับขอบนอกของ กล้ามเนื้อ Rectus a dominos ลักษณะของถุงน้ำ ดี ปกติที่คลได้ คือ กลม อ่อนนุ่มและเคลื่อนลงขณะ หายใจเข้า ในรายที่สงสัย ถุงน้ำ ดีอักเสบ เฉียบพลัน ตรวจโดยใช้มือขวาวางบนขอบชาย โรงขวา ใช้หัวแม่มือกดบริเวณถุงน้ำ ดี การคลำ ถุงน้ำ ดี
การตรวจร่างกายระบบทางเดินอาหาร เเละการขับถ่าย การคลำ ม้าม ให้ยืนด้านขวาของผู้รับบริการ เอื้อมมือซ้ายข้ามตัวผู้รับบริการ ใช้นิ้วสอดเข้าไปในระหว่างซี่โครงที่ 10 กับ 11 แล้วใช้ มือขวาคลำ เริ่มคลำ ตั้งเเต่ท้องน้อยข้างขวาไปเรื่อยจนรอดชาย โครงด้านซ้าย ปกติจะคลำ ไม่พบ ถ้าม้ามโตกว่าปกติประมาณ 3เท่า จึงจะคลำ พบ การคลำ ม้าม
อ้างอิง นงณภัทร รุ่งเนย. (2560). การประเมินสุขภาพแบบองค์รวม. (พิมพ์ครั้งที่ 2). นนทบุรี: โครงการสวัสดิการสถาบัน พระบรมราชชนก. บังอร ฉางทรัพย์. (2560). กายวิภาคศาสตร์ ANATOMY 1 . พิมพ์ครั้งที่ 7, กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. รักชนก คชไกร และเวหา เกษมสุข (บรรณาธิการ). การประเมิน ภาวะสุขภาพสำ หรับพยาบาล. กรุงเทพฯ: เอ็นพีเพรช รักชนก คชไกร และเวหา เกษมสุข. (2559). การประเมินภาวะ สุขภาพสำ หรับพยาบาล. กรุงเทพมหานคร :โครงการตำ รา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. วิทยา ศรีมาดา. (2545). การสัมภาษณ์ประวัติและการตรวจร่างกาย. (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ยูนิตี้พับลิเคชั่น. วรวรรณ ทิพย์วารีรมย์. (2552). การประเมินภาวะสุขภาพ ระบบผิวหนัง.:โครงการตำ ราคณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัย นเรศวร. สืบค้นจาก http://www.nurse.nu.ac.th/web11/Elearning/BCPN-CAI/5 การประเมินภาวะสุขภาพระบบผิวหนัง.pdf Mohamed, A.H. Health assessment. Cairo: Ain Shams University; 2018/2019. Lawry. (2012). Systematic musculoskeletal examinations. NewYork: McGraw-Hill.Weber, J. R. & Kelly, (2018). Health assessment in nursing. (6th ed.). Philadelphia: Wolter Kluwer. Yongyuth Bunjong. การประเมินทางเดินอาหาร. สืบค้น 3 กรกฎาคม 2566, จาก https://dspace.bru.ac.th/xmlui/bitstream/handle.