The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเลี้ยงปลา สิทธิพร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sreeprapa, 2019-11-29 23:15:17

การเลี้ยงปลา สิทธิพร

การเล้ียงปลา

การเล้ียงปลา

 ถือเป็นอาชีพท่สี าคญั ไมแ่ พ้อาชพี การปลกู ปลกู พืชตา่ งๆ โดยเฉพาะเกษตรกรทอ่ี าศัยอยใู่ กล้แมน่ า้
ลาคลองหรือพนื ้ ทที่ น่ี า้ ชลประทานเข้าถงึ รวมถงึ พนื ้ ท่นี าตา่ งๆ ที่มบี อ่ กกั เก็บนา้ ตามฤดกู าล ซง่ึ สามารถ
สร้างรายได้อยา่ งมากตอ่ ปี นอกจากนนั้ การเลยี ้ งปลาถือเป็นการสร้างแหลง่ อาหารสาหรับการบริโภค
ในแตล่ ะวนั ที่นอกเหนือจากการนาไปจาหนา่ ย

การเล้ียงปลา

 หมายถงึ การทาให้ปลามกี ารเจริญเตบิ โต และเพม่ิ ขนาดนา้ หนกั ให้ได้ตามเปา้ หมาย ด้วยการให้
อาหาร และการดแู ล นอกเหนือจากการปลอ่ ยเลีย้ งตามธรรมชาติ

 การเพาะพนั ธ์ุปลา หมายถึง การขยายพนั ธ์ุ และเพม่ิ จานวนของปลาให้มปี ริมาณมากขนึ ้ ด้วยการ
จดั การการผสมพนั ธ์ุของไข่ และการอนบุ าลให้ลกู ปลาสามารถเตบิ โตได้

รูปแบบการเล้ียงปลา

 การเลยี ้ งปลาตามลกั ษณะการจดั การ แบ่งเป็น
 1. การเลยี ้ งปลาชนิดเดียว หมายถงึ การเลยี ้ งปลาเพียงชนิดเดยี วในหนงึ่ บอ่ เชน่ บอ่ ที่ 1 เลยี ้ งปลานลิ บ่อท2ี่

เลยี ้ งปลาดกุ เป็นต้น
 2. การเลยี ้ งปลาแบบรวม หมายถงึ การเลยี ้ งปลาตงั้ แตส่ องชนิดขนึ ้ ไปในหนง่ึ บ่อ การเลยี ้ งในลกั ษณะนีจ้ ะ

ใช้ฌฉพาะกบั ปลากินพืชเทา่ นนั้ เพราะจะไมม่ ีปัญหาในเรื่องปลากินกนั เอง เช่น การเลยี ้ งปลานิลร่วมกบั ปลา
ตะเพียน แตบ่ างครัง้ อาจเลยี ้ งปลากินพืชรวมกบั ปลากินเนือ้ โดยใช้ปลากินเนือ้ มีปริมาณน้อยกวา่ ปลากินพืช
เพ่ือควบคมุ ปริมาณปลากินพชื ท่ีอาจมากเกนิ ไป เชน่ การเลยี ้ งปลานิลร่วมกบั ปลาชอ่ น
 3. การเลยี ้ งปลาแบบผสมผสาน หมายถึง การเลยี ้ งปลาควบคกู่ บั การทาเกษตรกรอ่ืนๆ เช่น การเลยี ้ งปลา
ตะเพียนในนาข้าว การเลยี ้ งปลาใต้เล้าสกุ รหรือไก่ เป็นต้น

การเล้ียงปลาตามลกั ษณะการใหอ้ าหาร

 1. การเลยี ้ งแบบธรรมชาติ หมายถงึ การเลยี ้ งปลาโดยไมต่ ้องให้อาหาร โดยจะปลอ่ ยเลยี ้ งปลาให้หากินอาหาร
ตามธรรมชาติ เช่น การเลยี ้ งปลาในนาข้าว การเลยี ้ งปลาในบอ่ ดนิ ท่ีไมม่ ีการให้อาหาร ซงึ่ การเลีย้ งแบบนี ้จะไม่
สามารถควบคมุ ผลผลติ ได้

 2. การเลยี ้ งแบบกง่ึ พฒั นา หมายถึง การเลยี ้ งปลาโดยการให้อาหารท่ีหาได้จากธรรมชาตคิ วบคกู่ บั การให้อาหาร
สาเร็จรูป เชน่ การเลยี ้ งปลาตะเพยี นโดยใช้ป๋ ยุ คอกหรือซากพืชทีเ่ หลือจากการเกษตรควบคกู่ บั การให้อาหารข้น
ผสมในบางครัง้ คราว

 3. การเลยี ้ งปลาแบบพฒั นา หมายถึง การเลยี ้ งปลาโดยให้อาหารสาเร็จรูปเทา่ นนั้ ซงึ่ อาหารเหลา่ นีจ้ ะมีคณุ คา่
ทางโภชนาการสงู ทาให้ปลาจะได้รับสารอาหารอยา่ งเพียงพอ มีอตั ราการเตบิ โตเร็ว อาหารเหลา่ นีม้ ักเป็นอาหาร
ท่ชี ือ้ ตามท้องตลาดหรือเป็นอาหารทผี่ สมเองตามสตู รที่ให้คณุ คา่ ทางอาหารที่เพยี งพอ

การเล้ียงปลาตามลกั ษณะพ้ืนท่ี

 1. การเลยี ้ งปลาในบอ่ ดิน หมายถึง การเลยี ้ งปลาในบอ่ ดินทขี่ ดุ ขนึ ้ ตามพนื ้ ท่วี า่ ง โดยใช้ดนิ เป็นคนั บอ่
และพนื ้ ก้นบอ่ สาหรับเพาะเลีย้ งปลาตลอดฤดกู าล

 2. การเลยี ้ งปลาในกระชงั หมายถงึ การเลยี ้ งปลาในภาชนะทีส่ ามารถกกั ขงั ได้ ตงั้ แตร่ ะยะเป็นลกู ปลา
ไปจนถึงปลามีขนาดใหญ่ โดยกระชงั ทใี่ ช้ต้องมีลกั ษณะที่นา้ สามารถไหลเวยี นผา่ นด้านนอกได้

 3. การเลยี ้ งปลาในบอ่ ซเี มนต์ หมายถงึ การเลยี ้ งปลาในบอ่ ทกี่ อ่ ด้วยซีเมนต์สาเร็จรูป ทงั้ ชนิดทก่ี อ่ ขนึ ้
เอง และชนิดท่ีซอื ้ ตามท้องตลาด สาหรับชนิดบอ่ ซีเมนต์ท่ีซอื ้ ตามท้องตลาดจะใช้เลีย้ งปลาเพียงไมก่ ี่
ประเภทเทา่ นนั้ เนื่องจากบอ่ มีขนาดเล็ก ปริมาณนา้ และออกซเิ จนน้อย ปลาที่เหมาะสม เชน่ ปลาดกุ
หรือปลาหมอ

 4. การเลยี ้ งปลาในบอ่ ผ้าพลาสติก หมายถึง การเลยี ้ งปลาในบอ่ ทปี่ รู องด้วยผ้าพลาสตกิ เพอ่ื กกั ขงั นา้
ไมใ่ ห้ร่ัวซมึ สดู่ ิน บอ่ ลกั ษณะนีจ้ ะมขี นาดเลก็ และตนื ้ ตามข้อจากดั ของขนาดผ้าพลาสตกิ ทใ่ี ช้ การเลยี ้ ง
ปลาชนิดนี ้นิยมเลยี ้ งปลาประเภทเดยี วกนั กบั ปลาทเ่ี ลยี ้ งในบอ่ ซเี มนต์สาเร็จรูปที่ซอื ้ ตามท้องตลาด

ข้นั ตอนการเล้ียงปลา (บ่อดิน)

 การเลือกสถานที่
1. ควรเลอื กสถานที่ทอ่ี ยใู่ กล้แหลง่ นา้ เชน่ แมน่ า้ ลาคลอง รวมถงึ พนื ้ ท่ีทมี่ ีระบบชลประทานเข้าถึง
2. ควรเลือกสถานทที่ ่ีมปี ริมาณนา้ พอใช้ได้ตลอดทงั้ ปี เชน่ มบี อ่ เก็บนา้ ขนาดใหญ่ และควรเป็นสถานท่ี
ทน่ี า้ ไมท่ ว่ มถงึ โดยเฉพาะในฤดฝู น และไมข่ าดแคลนนา้ ในฤดแู ล้ง
3. ควรเลือกสถานที่ที่เป็นดินดนิ เหนียว ซง่ึ จะอ้มุ นา้ ได้ดี ป้องกนั การซมึ ผา่ นของนา้ ออกบอ่
4. ควรเลือกสถานทใ่ี กล้แหลง่ พนั ธ์ปุ ลา และการคมนาคมเข้าถงึ สะดวก
5. ควรเลือกสถานท่ที ี่อยใู่ กล้ตลาดหรือชมุ ชน เพอื่ ความสะดวก และมคี วามรวดเร็วสาหรับการสง่ ปลา
จาหนา่ ย

การสร้างบ่อเล้ียง/การเตรียมบ่อ

 1. ออกแบบ และวางผงั บอ่ โดยควรออกแบบสาหรับการเพิ่มหรือขยายบอ่ ในอนาคต
2. ขดุ บ่อ และยกคนั บอ่ โดยให้สงู กวา่ ระดบั นา้ สงู สดุ บริเวณโดยรอบในรอบปีทม่ี ีนา้ ทว่ มสูง ซงึ่ ต้องให้เผ่ือสงู ไว้
เกินประมาณ 30 เซนตเิ มตร
3. สร้างประตรู ะบายนา้ บริเวณจดุ ต่าสดุ ของคนั บอ่ โดยประกอบด้วยตะแกรงตาถี่ทท่ี าจากไม้ไผห่ รือเหลก็
4. บ่อปลาทข่ี ดุ ควรเป็นสเี่ หลย่ี มผืนผ้า และพืน้ ด้านลา่ งควรลาดเทไปด้านใดด้านหนงึ่ ในทศิ ทางการไหลของนา้
5. เมื่อขดุ บอ่ เสร็จให้โรยปนู ขาวให้ทว่ั ก้นบ่อ ขอบบ่อ และตากทงิ ้ ไว้ประมาณ 15 วนั จงึ จะปลอ่ ยนา้ เข้า อีก
ประมาณ 7 วนั ตอ่ มาจงึ ถ่ายนา้ ออกเพ่ือรับนา้ ใหม่ หากนา้ ไม่เพียงพอกไ็ ม่จาเป็นต้องเปลยี่ นทา่ ยออก
6. หวา่ นโรยมลู สตั ว์ เพื่อให้เกิดอาหารจาพวกแพลงก์ตอนพืช และไรนา้ สาหรับระยะท่ปี ลอ่ ยปลาขนาดเลก็
7. พืน้ ที่คนั บ่อโดยรอบ ควรปลกู ต้นไม้ไว้เป็นร่มเงาแก่ปลา ทงั้ นี ้ควรเลอื กปลกู ไม้ทสี่ ามารถนามาใช้ประโยชน์ได้
ทงั้ ด้านสมนุ ไพร ผลไม้ เคร่ืองเทศ รวมถงึ การให้เนือ้ ไม้

การเตรียม และปล่อยพนั ธุ์ปลา

 การเตรียมพนั ธ์ุปลา สงิ่ ที่ต้องพิจารณา คือ ชนิดปลา อตั ราการเลยี ้ งท่ีเหมาะสมกบั บอ่ เลยี ้ ง
 1. ชนิดปลาท่ีจะเลยี ้ ง ควรพิจารณาท่ีความเข้าใจ และความชานาญของผ้เู ลยี ้ งเป็นสาคญั รวมถงึ การตลาด และราคาปลา
 2. อตั ราการปลอ่ ยท่ีเหมาะสมกบั บอ่ เลยี ้ ง พจิ ารณาระดบั การเลยี ้ งแบบเข้มข้นน้อย ปานกลาง และสงู ซง่ึ ต้องพจิ ารณาปัจจยั

อื่นร่วมด้วย เช่น คณุ ภาพนา้ อาหาร การจดั การ และเงินทนุ
 3. ลกั ษณะการกินอาหารปลา
 – ประเภทกินพืช หมายถงึ ปลาที่กินพืชเป็นอาหารเป็นหลกั ได้แก่ ปลานิล ปลาทบั ทิม ปลาไน ปลาตะเพียน ปลาหมอ ปลา

จีน ปลาประเภทนีช้ อบกินราข้าว ปลายข้าว เศษพชื ผกั หญ้า และเศษอาหารในครัวเรือน นอกจากนี ้ยงั อาจแบ่งปลากินพืช
ออกยอ่ ยเป็นปลากินตะไคร่นา้ สาหร่ายหรือพืชสีเขียว ในนา้ ได้แก่ ปลาย่สี กเทศ ปลาสลิด ปลาจีน เป็นต้น
– ประเภทกินเนือ้ หมายถึง ปลาท่ีกินเนือ้ เป็นอาหารเป็นหลกั ได้แก่ ปลาบู่ ปลาช่อน ปลาดกุ ปลาประเภทนีช้ อบกินเศษ
ปลาบดผสมกบั ราเป็นอาหาร รวมถงึ สตั วน์ า้ ขนาดเลก็
– ประเภทกินได้ทงั้ พชื และเนือ้ หมายถงึ ปลาที่กินทงั้ พชื และเนือ้ เป็นอาหารหลกั ได้แก่ ปลาสวาย ปลายส่ี ก

อาหาร และการใหอ้ าหาร

 การเลยี ้ งปลาเพื่อจาหน่าย โดยทว่ั ไปนิยมใช้อาหารสาเร็จรูป เพราะจะทาให้ผลผลติ สูง การให้อาหาร
ปลาต้องคานงึ ถึงชนิดปลา วา่ เป็นปลากินพชื หรือปลากินเนือ้ สว่ นอาหารทใ่ี ห้ ต้องคานงึ ถึงคณุ คา่ ทาง
อาหารท่ีมปี ระโยชน์ตอ่ ปลา และใช้ปริมาณเทา่ ใด

การจดั การคุณภาพน้า

 1. ด้านกายภาพ
 – อณุ หภมู ิ (Temperature) อณุ หภมู ิของนา้ จะอยทู่ ่ีประมาณ 25 – 32 องศาเซลเซียส อณุ หภมู ิในตวั ปลาต่า

กวา่ อณุ หภมู นิ า้ ประมาณ 0.5 ถึง 1 องศาเซลเซียส การเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิของนา้ จะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ เพราะ
ปลาเป็นสตั วเ์ ลอื ดเย็น ไมส่ ามารถรักษาอณุ หภมู ใิ ห้คงท่ีเหมอื นสตั ว์เลอื ดอ่นุ ได้หากอณุ หภมู เิ ปล่ียนสงู ขนึ ้ มากปลามกั ขาด
ออกซเิ จน และตายได้งา่ ย
 – ความขนุ่ (Turbidity) ความขนุ่ ของนา้ จะเกิดจากสารแขวนลอยในนา้ เชน่ อนภุ าคดินทรายแพลงก์ตอน แบคทีเรีย
แร่ธาตุ ทาหให้ปริมาณแสงท่ีสอ่ งลงไปในนา้ ลดลง หนว่ ยวดั ความขนุ่ คือ FTU (Formazin turbidity unit)
หรือ JTU (Jackson turbidity unit) ความขนุ่ ท่ีเหมาะสมในการเลยี ้ งปลาไมค่ วรเกิน 50 FTU
 – การนาไฟฟา้ (Conductivity) คือ ความสามารถในการเป็นสอื่ นากระแสไฟฟา้ ของนา้ ซงึ่ ขนึ ้ อยกู่ ับความ
เข้มข้นขของสารประกอบอนินทรียท์ ี่ละลายในนา้ อณุ หภมู ิที่เพม่ิ ขนึ ้ 1 องศาเซลเซยี ส จะทาให้ค่าการนาไฟฟา้ เเพ่มิ ขนึ ้
ประมาณ 2 เปอร์เซน็ ต์ คา่ การนาไฟฟา้ ที่เหมาะสมในการเลยี ้ งปลาประมาณ 1,500 ไมโครโมห์/เซนติเมตร

 – สี (Color) เป็นตวั บง่ ชชี ้ นิดของส่ิงมีชีวิตหรือสารที่อยใู่ นนา้ ได้แก่

 สที ่บี ง่ บอกชนิดแพลงก์ตอนในนา้ เชน่ นา้ สีเหลืองหรือนา้ ตาล เป็นกลมุ่ ไดอะตอม (Diatom) นา้ สี
เขียวแกมนา้ เงนิ เป็นสาหร่ายสเี ขียวแกมนา้ เงนิ (Blue green algae) นา้ สีเขียว เป็น
สาหร่ายสีเขียว นา้ สนี า้ ตาลแดง เป็นไดโนแฟกเจลเลท (Dinoflagellate) หรือกลมุ่ ไพโรไฟตา
(Pyrophyta) สว่ นสที ่ีบง่ บอกสารแขวนลอยในนา้ เชน่ นา้ ทมี่ สี ีเหลืองหรือสแี ดงมกั เป็นนา้ จาก
ดิน นา้ ทมี่ สี ฟี า้ ใสมกั มีแคลเซยี มหรือแมกนีเซยี มมาก

2. ดา้ นเคมี

 – ความเป็นกรดดา่ ง (pH) สาหรับคา่ ความเป็นกรด-ดา่ งทเ่ี หมาะสมสาหรับการเลยี ้ งปลา ควรมีคา่ ประมาณ 7
นา้ ท่มี ี pH สงู จะเกิดพษิ ของแอมโมเนียตอ่ ปลา

 – ความกระด้าง (Hardness) ความเข้มข้นของแคลเซยี ม และแมกนีเซยี มทลี่ ะลายในนา้ เป็นตวั ช่วย
ควบคมุ การเปล่ยี นแปลง pH ของนา้

 – ความเป็นดา่ ง (Alkalinity) สว่ นใหญ่เป็นไอออนของคาร์บอเนต ไบคาร์บอเนต และไฮดอกไซด์ แหลง่
นา้ ธรรมชาตมิ ีคา่ ความเป็นดา่ งประมาณ 25 – 400 มิลกิ รัม/ลติ ร คา่ ท่เี หมาะสมตอ่ การเลยี ้ งปลาประมาณ 100
– 120 มิลลกิ รัม/ลติ ร

 – คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbondioxide) ถ้าอยใู่ นรูปคาร์บอนไดออกไซด์อสิ ระ ไบคาร์บอเนต และ
คาร์บอเนต จะช่วยให้ pH ของนา้ เปล่ยี นแปลงได้ช้าลง

 – ปริมาณออกซิเจนละลาย (Dissolved oxygen หรือ DO) คือ ปริมาณออกซิเจนท่ีละลายในนา้ DO
สาหรับการเลยี ้ งปลาควรมีค่ามากกวา่ 5 มิลกิ รัม/ลิตร และไมค่ วรต่ากวา่ 3มิลิกรัม/ลติ ร

 – ไฮโดรเจนซลั ไฟด์ (Hydrogen sulphide) หรือเรียกวา่ ก๊าซไขเ่ นา่ ที่เกิดจากการหมกั หมม และการเน่า
สลายของสารอินทรียใ์ นสภาวะที่ไมม่ อี อกซิเจน ค่านีไ้ มค่ วรเกิน 0.002 พพี เี อ็ม การแก้พษิ จะใช้เกลือแกง 300 – 400
กิโลกรัม/ไร่ หรือปนู ขาว 30 กรัม/ลกู บาศก์เมตร

 – ความเค็ม (Salinity) นา้ จืดมคี ่าความเค็ม 0 – 3 พพี เี อ็ม นา้ กร่อย 15 – 25 พพี เี อ็ม และนา้ เค็ม มากกวา่ 30 พี
พเี อ็มขนึ ้ ไป ดงั นนั้ การเลยี ้ งปลานา้ จืดหรือนา้ กร่อยควรพจิ ารณาค่าความเค็มร่วมด้วย

 – สารประกอบไนโตรเจน ได้แก่ แอมโมเนีย ไนไตร ไนเตรท นา้ ในบอ่ ปลาควรมรี ค่าแอมโมเนียไมเ่ กิน 0.02 พพี เี อ็ม
 – ฟอสฟอรัส (Phosphorus) มคี วามสาคญั ในการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนพชื มาตรฐานกาหนดไว้ไมค่ วรเกิน

0.3 มลิ ลกิ รัม/ลิตร หากมคี ่ามากจะทาให้เกิดปรากฎการยโู ทรฟิเคชน่ั

โรคสตั วน์ ้า

 โรคทเี่ กิดกบั ปลาที่สาคญั และพบบอ่ ย ได้แก่ โรคท้องบวม โรคทเี่ กิดจากพาราสติ
ภายนอก เช่น เหบ็ ปลา เหาปลา และโรคที่เกิดจากพยาธิ เชน่ ปลงิ ใส เหบ็ โรคจดุ ขาว

การเกบ็ เก่ียวผลผลิต

 วธิ ีการเก็บปลามีหลายวิธี เช่น การดดู นา้ หรือปลอ่ ยนา้ ออกบอ่ การใช้อวนล้อมจบั การ
ใช้แห (ปลาบอ่ ) การใช้สวิง (ปลากระชงั )


Click to View FlipBook Version