The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานการงานอาชีพ ม ต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 2267haru, 2024-05-31 05:32:56

โครงงานการงานอาชีพ

โครงงานการงานอาชีพ ม ต้น

โครงงานการงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม.1-3 เรื่อง มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ คณะผู้จัดทำ 1.เด็กชายเจษฎา พรรทา 2.เด็กหญิงสุชาดา ศรีขัดเค้า 3.เด็กหญิงทิพธิดา กิติราช คุณครูที่ปรึกษาโครงงาน 1.คุณครูสกุลนี รัตนากร 2.คุณครูวิจัย จันพิลา 3.คุณครูณัฏฐ์ชพร ศรีสิทธิ์ โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร


คำนำ โครงงานเรื่องมาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสาระ การเรียนรู้การงานอาชีพ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คณะผู้จัดทำโครงงานจัดทำขึ้นเพื่อ นำเสนอวิธีการทำพวงมาลัยจากลูกปัด และได้มาลัยจากลูกปัดตามแบบที่กำหนด จำนวน 3 ลาย ได้แก่ มาลัยลูกปัดลายพื้นฐาน มาลัยลูกปัดลายเกลียว มาลัยลูกปัดลายลูกศร โดยมีการอธิบาย ความสำคัญของการทำโครงงาน ขั้นตอนวิธีการทำ ความรู้เรื่องพวงมาลัยจากลูกปัด เพื่อให้ทุกคน ได้ทราบถึงการทำพวงมาลัยลูกปัดที่แปลกใหม่ และเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพที่สุจริต โครงงานนี้ได้รวบรวมเนื้อหามาจากอินเตอร์เน็ต และผู้รู้เกี่ยวกับพวงมาลัยจากลูกปัด คณะผู้จัดทำโครงงานต้องขอขอบคุณ คุณครูสกุลนี รัตนากร คุณครูวิจัย จันพิลา และ คุณครูณัฏฐ์ชพร ศรีสิทธิ์ที่ให้ความรู้และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำโครงงาน เรื่อง มาลัยลูกปัด สร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่อ่านโครงงานเล่มนี้จะได้รับความรู้ จากโครงงานเรื่องมาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพนี้ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่าน ผู้อ่านทุกๆท่าน โครงงานเล่มนี้อาจมีสิ่งใดผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ คณะผู้จัดทำ ก


กิตติกรรมประกาศ การทำโครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เรื่อง มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงาน สู่อาชีพ สำเร็จลุล่วงด้วยดีได้โดยได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือดูแลจากบุคคลต่อไปนี้ ขอขอบพระคุณ นางวลารัตน์ ปฎิเวศ ผู้อำนวยการโรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์สังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสกลนคร ให้ความอนุเคราะห์เป็นที่ปรึกษา และให้ความช่วยเหลือในด้านงบประมาณ ในการจัดทำโครงงานในครั้งนี้ ขอขอบพระคุณ คุณครูสกุลนี รัตนากร คุณครูวิจัย จันพิลาและ คุณครูณัฏฐ์ชพร ศรีสิทธิ์ ครูที่ปรึกษาโครงงานจากโรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ ผู้ให้ความรู้คำแนะนำ ในการจัดทำโครงงาน อำนวยความสะดวกจัดหาอุปกรณ์ อุทิศเวลา ตลอดจนเอื้อเฟื้อ ห้องปฏิบัติการและเครื่องมือต่างๆ ในการทำโครงงานในครั้งนี้ จนประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะ การนำเสนอที่ถูกต้อง พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เสมอมา ขอขอบพระคุณ นายเฉลิม แก้วลาไลย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้ให้ความรู้ในด้านการทำพวงมาลัยลูกปัด และ ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ ร่วมแรงร่วมใจ ให้คำแนะนำทำให้ ผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี สุดท้ายนี้ ขอกราบขอบพระคุณ คุณพ่อคุณแม่ ผู้เป็นที่รักผู้ให้ กำลังใจ และให้โอกาสทางการศึกษาอันมีค่านี้ คณะผู้จัดทำ ข


ชื่อโครงงาน มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ ผู้จัดทำโครงงาน 1.เด็กชายเจษฎา พรรทา 2.เด็กหญิงสุชาดา ศรีขัดเค้า 3.เด็กหญิงทิพธิดา กิติราช คุณครูที่ปรึกษาโครงงาน 1.คุณครูสกุลนี รัตนากร 2.คุณครูวิจัย จันพิลา 3.คุณครูณัฏฐ์ชพร ศรีสิทธิ์ สถาบันการศึกษา โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1-3 วัน/เดือน/ปี ทำโครงงาน 1 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน พ.ศ 2567 บทคัดย่อ โครงงานเรื่องมาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพเป็นการประยุกต์ด้านการใช้ทักษะ ด้านฝีมือ ด้านความรู้ และการคิดค้น ด้านการร้อยมาลัย คณะผู้จัดทำได้ศึกษาข้อมูลวิธีการร้อย มาลัยลูกปัดโดยมีวัตถุประสงค์ ๑. เพื่อศึกษาวิธีการทำพวงมาลัยจากลูกปัด ๒. เพื่อนำลูกปัดมา ร้อยเป็นมาลัยให้ได้ตามแบบที่กำหนด ๓. เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาอาชีพที่สุจริตตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ลูกปัดเป็นวัสดุที่มีหลากหลายรูปทรง หลากหลายขนาด มีรูสำหรับ ใช้ร้อยทำมาจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุอื่นๆ ในอดีตลูกปัดทำจากหิน ฟัน กระดูก เขี้ยว และ เปลือกหอย มีการนำวัสดุอื่นๆ มาใช้ทำลูกปัด เช่น ลูกปัดทองคำ เงิน แก้ว พลาสติกฯลฯ ลูกปัด แต่ละประเภท มีลักษณะการใช้งานแตกต่างกัน ปัจจุบันมีการนำลูกปัดมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับ ใช้ตกแต่งเสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่างๆ ผู้จัดทำโครงงานจึงมีแนวคิดที่จะนำลูกปัดพลาสติกมาประดิษฐ์เป็นมาลัยโดยใช้ลวดลาย และวิธีการร้อยลูกปัดแทนการร้อยด้วยดอกไม้สด หรือ ดอกไม้ประดิษฐ์และประยุกต์เพื่อให้เกิด ความหลากหลาย ทำให้มาลัยเป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น คณะผู้จัดทำโครงงานจึงได้ตั้งชื่อโครงงาน นี้ว่า“มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ”เป็นโครงงานที่บ่งบอกความเป็นไทย เอกลักษณ์ ไทยและวัฒนธรรมไทย อีกทั้งยังฝึกสมาธิความคิดสร้างสรรค์สามารถสร้างงานและสร้างอาชีพใน อนาคต จากการนำลูกปัดมาร้อยเป็นพวงมาลัยตามแบบที่กำหนดผลการศึกษาพบว่าได้มาลัย ลูกปัดทั้งหมดจำนวน 3 แบบ ได้แก่ มาลัยลูกปัดลายพื้นฐาน มาลัยลูกปัดลายเกลียว มาลัยลูกปัด ลายลูกศร ได้คิดคำนวนต้นทุนในการทำเพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคตโดยยึด หลักตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ค


สารบัญ บทที่ กิตติกรรมประกาศ คำนำ บทคัดย่อ สารบัญ สารบัญตาราง สารบัญรูปภาพ บทที่ 1 บทนำ ภูมิหลัง วัตถุประสงค์ของโครงงาน ผลที่ได้รับ ขอบเขตของการศึกษา บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 1.ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมาลัย ประวัติมาลัยเบื้องต้น ความแตกต่างพวงมาลัยสมัยก่อนกับปัจจุบัน 2.ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับลูกปัด ความหมายของลูกปัด ประวัติของลูกปัด ประเภทของลูกปัด ลักษณะการใช้งานลูกปัดเบื้องต้น 3.การดูแลและการเก็บรักษาลูกปัด 4.ความรู้เรื่องสี ประเภทของสี วรรณะสี หลักการใช้สี 5.ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ 6.หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.การคิดต้นทุน กำไร 8.เอกสารงานที่เกี่ยวข้อง บทที่ 3 วิธีการดำเนินงาน ขั้นตอนและวิธีการทำมาลัยจากลูกปัด ขั้นตอนการเตรียมลูกปัดร้อยมาลัย ขั้นตอนการร้อยมาลัยจากลูกปัด หน้า ก ข ค 1 1 2 2 2 3 4 4 5 6 6 7 7 9 9 9 10 10 11 11 11 12 14 14 16 16 16 17


สารบัญ ต่อ บทที่ บทที่ 4 ผลการดำเนินงานโครงงาน ผลการดำเนินงาน การคำนวณต้นทุน กำไร บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาและข้อเสนอแนะ สรุปผลการดำเนินการโครงงาน ประโยชน์ที่ได้รับ ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ และแนวทางการพัฒนา บรรณานุกรม ภาคผนวก ภาคผนวก ก รูปภาพประกอบการทำมาลัยจากลูกปัด ภาคผนวก ข ตารางคำนวณต้นทุน กำไร ภาคผนวก ค วิทยากรผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำมาลัยจากลูกปัด ภาคผนวก ง ภาพประกอบการขายพวงมาลัยลูกปัด ภาคผนวก ฉ ถอดบทเรียน เรื่อง มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ ภาคผนวก ช ประวัติผู้จัดทำโครงงาน หน้า 20 20 20 23 23 23 23 23


สารบัญรูปภาพ ภาพประกอบที่ ภาพประกอบที่ 1 ขั้นตอนการร้อมาลัยจากลูกปัด ภาพประกอบที่ 2 แผนผังมาลัย (ลายลูกศร) ภาพประกอบที่ 3 แผนผังมาลัย (ลายเกลียว) ภาพประกอบที่ 4 แผนผังมาลัย (ลายพื้นฐาน) ภาพประกอบที่ 5 รูปภาพมาลัยจากลูกปัดลายพื้นฐาน ภาพประกอบที่ 6 รูปภาพมาลัยจากลูกปัดลายลูกศร ภาพประกอบที่ 7 รูปภาพมาลัยจากลูกปัดลายเกลียว หน้า 16 17 18 19 21 2122


บทที่ 1 บทนำ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน บรรพบุรุษของไทยเรามีชื่อเสียงในงานด้านศิลปะการประดิษฐ์อย่างมากมายโดยเฉพาะการ ประดิษฐ์ตกแต่งพวงดอกไม้ ใบไม้ ผลไม้ และวัสดุอื่นๆ ต่อมาในสมัยสุโขทัยพวงมาลัยมี ความสำคัญทางวัฒนธรรมซึ่งใช้ในการต้อนรับแสดงความนับถือและการอวยพรขอให้สุขภาพดี การร้อยมาลัยได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงรัชกาลที่ 5 ซึ่งจะมีการจัดประกวดการร้อยมาลัย หรือการจัดดอกไม้เพื่อใช้ในงานพิธีต่างๆ เรียกได้ว่าศิลปะการร้อยมาลัยเป็นสัญลักษณ์สื่อถึง ระดับรสนิยมของสังคมในช่วงนั้น การร้อยมาลัยได้มีการวิวัฒนาการก้าวหน้ากว่าเดิมเป็นต้นมา หลายรูปแบบ จึงทำให้เห็นได้ว่า คนไทยมีความประณีตในการใช้ดอกไม้โดยนำมาประดับตกแต่ง ทั้งในด้านศาสนา พิธีกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานรื่นเริงซึ่งพิธีกรรมที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่ใช้ พวงมาลัยในการบูชาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (นายอุปสมบท ศรีน่วม, สัมภาษณ์ , 2559) ในปัจจุบันได้มีการทำพวงมาลัยโดยใช้วัสดุต่างๆ ทดแทนดอกไม้สดมากขึ้น เนื่องจาก ดอกไม้สดมีอายุการใช้งานที่สั้นทำให้มีการคิดค้นทำพวงมาลัยจากวัสดุอื่นๆ เช่น ผ้า กระดาษ พลาสติก อะลูมิเนียม ฯลฯ ทำให้มาลัยมีลักษณะแปลกใหม่ มีความทันสมัย มีความคงทนยืดอายุ การใช้งานยาวนานยิ่งขึ้น สื่อให้เห็นว่าพวงมาลัยจัดเป็นงานประดิษฐ์ที่ยังคงมีคุณค่าเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่คนไทยใช้ในงานสำคัญๆ ที่แสดงออกถึงความเคารพ และแสดงความยินดี (ธาราญา,2561) ลูกปัดเป็นวัสดุที่มีหลากหลายรูปทรง หลากหลายขนาด มีรูสำหรับใช้ร้อยทำมาจากวัสดุ ธรรมชาติและวัสดุอื่นๆ ในอดีตลูกปัดทำจากหิน ฟัน กระดูก เขี้ยว และเปลือกหอย มีการนำวัสดุ อื่นๆ มาใช้ทำลูกปัด เช่น ลูกปัดทองคำ เงิน แก้ว พลาสติกฯลฯ ลูกปัดแต่ละประเภทมีลักษณะ การใช้งานแตกต่างกัน ปัจจุบันมีการนำลูกปัดมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับ ใช้ตกแต่งเสื้อผ้า และ เครื่องใช้ต่างๆ ทำให้ลูกปัดมีความทันสมัยและใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเดิมลูกปัดมีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และมีสีสันที่สะดุดตา (พรชัย, 2546) ดังนั้นคณะผู้จัดทำโครงงานจึงมีความสนใจ มีแนวคิดที่จะนำลูกปัดพลาสติกมาร้อยเป็น พวงมาลัยโดยใช้ลวดลาย วิธีการร้อยลูกปัดแทนการร้อยด้วยดอกไม้สด หรือ ดอกไม้ประดิษฐ์และ ประยุกต์เพื่อให้เกิดความหลากหลาย ทำให้มาลัยเป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น คณะผู้จัดทำโครงงาน จึงได้ตั้งชื่อโครงงานนี้ว่า“มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ”เป็นโครงงานที่บ่งบอกความ เป็นไทย เอกลักษณ์ไทยและวัฒนธรรมไทย อีกทั้งยังฝึกสมาธิความคิดสร้างสรรค์สามารถสร้าง งานและสร้างอาชีพในอนาคต


วัตถุประสงค์ของโครงงาน คณะผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน ดังต่อไปนี้ ๑. เพื่อศึกษาวิธีการทำพวงมาลัยลูกปัด ๒. เพื่อนำลูกปัดมาร้อยเป็นมาลัย ให้ได้ตามแบบที่กำหนด จำนวน 3 ลาย ๓. เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาอาชีพที่สุจริตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลที่ได้รับ ผลที่ได้รับจากการจัดทำโครงงานในครั้งนี้ ๑. ได้ความรู้และประสบการณ์ในการทำพวงมาลัยลูกปัด ๒. ได้ออกแบบลายพวงมาลัยลูกปัด และได้ลายตามที่กำหนด ๓. เห็นคุณค่าในการประกอบอาชีพที่สุจริตตามหลักของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขอบเขตของการศึกษา ๑.ขอบเขตเนื้อหา ๑.๑ ศึกษาขั้นตอนวิธีการทำพวงมาลัยลูกปัด ๑.๒ ศึกษาอุปกรณ์การทำพวงมาลัยลูกปัด ๑.๓ ศึกษาการออกแบบลายพวงมาลัยลูกปัด ๒.ระยะเวลาดำเนินการ เดือนพฤษภาคม – เดือนมิถุนายน ๒๕๖7 ๓. สถานที่ โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 2


บทที่ ๒ เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาโครงงานการงานอาชีพ เรื่อง มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ คณะผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษา ค้นคว้า และรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบการศึกษาค้นคว้า ดังต่อไปนี้ 1. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมาลัย 1.1 ประวัติมาลัยเบื้องต้น 1.2 ความแตกต่างพวงมาลัยสมัยก่อนกับพวงมาลัยในปัจจุบัน 2. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับลูกปัด 2.1 ความหมายของลูกปัด 2.2 ประวัติของลูกปัด 2.3 ประเภทของลูกปัด 2.4 ลักษณะการใช้งานลูกปัดเบื้องต้น 3. การดูแลลูกปัดและการเก็บรักษาลูกปัด 4. ความรู้เรื่องสี 4.1 ประเภทของสี 4.2 วรรณะสี 4.3 หลักการใช้สีร้อนสีเย็น 5. ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ 5.1 ความหมายของการออกแบบ 5.2 ประวัติความเป็นมาของการออกแบบ 5.3 ความสำคัญของการออกแบบ 6.หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 6.1 เศรษฐกิจพอเพียง 6.2 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 7.การคำนวณ ต้นทุน กำไร 8. เอกสารงานที่เกี่ยวข้อง


1. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมาลัย การประดิษฐ์มาลัยดอกไม้เป็นเอกลักษณ์ไทยลักษณะหนึ่ง โดยการนำดอกไม้ กลีบ ดอกไม้ และใบไม้ แล้วนำมาร้อยเข็มแล้วรูดออกใส่ด้ายผูกให้เป็นพวง มีลักษณะต่างๆออกไป (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, 2546) ในวัฒนธรรมหลวงมีการใช้พวงมาลัยในพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนอกจากนี้ในสังคมคนชั้นสูงมีพวงมาลัยเกี่ยวข้อง ในวิถีชีวิต เช่น การทำบุญ คนชั้นสูงมักทำพวงมาลัยโดยการร้อยมาลัยแบบวิจิตรบรรจงเพื่อถวาย พระภิกษุสงฆ์ นอกจากนี้ครอบครัวของคนชั้นสูงส่งเสริมให้สตรีมีการศึกษาเกี่ยวกับการร้อย พวงมาลัยในรูปแบบต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความอ่อนโยนละเอียดลออและบ่งบอกความเป็นกุลสตรีที่ดี จนเป็นศาสตร์ของคนชั้นสูง (ส.พลายน้อย, ประเพณีเกี่ยวกับพวงมาลัย,2556) 1.1 ประวัติมาลัยเบื้องต้น บรรพบุรุษของไทยมีชื่อเสียงในงานด้านศิลปะการประดิษฐ์อย่างมากมายโดยเฉพาะการ ประดิษฐ์ตกแต่งพวงดอกไม้ ใบ้ไม้ ผลไม้ และวัสดุอื่นๆ เป็นที่ขึ้นชื่อมานานแต่โบราณกาลแล้ว ในสมัยสุโขทัย รัชสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 มีพระสนมเอก คือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือนางนพมาศ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถในงานด้านฝีมือในการประดิษฐ์ดอกไม้สดเป็นเลิศ ในสมัยนั้นตามหลักฐานที่อ้างถึงในหนังสือนางนพมาศหรือตำหรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ กล่าวถึง ในพระราชพิธีจองเปรียงเป็นพิธียกโคมขึ้นบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณีในสวรรค์ ชั้นดาวดึง และพระพุทธบาท โดยบรรดาประชาชนชายหญิงต่างตกแต่งโคมชักแขวน และลอยกัน ทั่วนคร ข้าราชการและนางสนมกำนัลต่างทำโคมร้อยด้วยบุปผาชาติเป็นรูปลวดลายวิจิตรพิสดาร เข้าประกวดกัน (นางนพมาศ.กรมศิลปากร,2532) หนังสือนพมาศยังกล่าวว่าในแผ่นดินพระมหาธรรมราชาที่ 1 ได้มีการแห่สนามช้างต้น ม้าต้นปีละครั้ง ซึ่งตรงกับพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน ในพระราชพิธีสิบสองเดือน บรรดา เจ้าเมืองน้อยใหญ่ เศรษฐีคหบดีเข้าเฝ้าถวายบังคมและถวายเครื่องราชบรรณาการแก่พระร่วง เจ้าพระสนมกำนัลต่างๆ ก็ร้อยกรองดอกไม้เป็นรูปสัตว์ว่างๆ ใส่เมี่ยงหมากถวายให้พระร่วงเจ้า พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าใส่เมี่ยงหมากถวายให้พระร่วงเจ้าพระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้า ต่อมาในสมัย รัชกาลที่ 5 สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงคิด ร้อยมาลัยด้วยดอกไม้ต่างๆ และใช้ใบไม้แทรกนำทำให้มีลวดลายต่างๆกันอย่างงดงาม และ พลิกแพลงทำรูปต่างๆกันในงานพระศพสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินมาตา ซึ่งเป็นพระมารดาของ พระองค์สมเด็จพระพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีย์ให้ ท้าววรคณานันท์ (ม.ร.ว. แป้ม มาลากุล) จัดทำมาลัยไปประดับพระศพตลอดงานนี้มาลัยที่ตกแต่งเปลี่ยนสี เปลี่ยนรูป เปลี่ยนแบบเรื่อยมา (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี.อุทุมพร สุนทรเวช,2540.) การร้อยมาลัยได้มีการวิวัฒนาการก้าวหน้ากว่าเดิมเป็นต้นมาหลายรูปแบบ จึงทำให้ เห็นได้ว่าคนไทยมีความประณีตในการใช้ดอกไม้โดยนำมาประดับตกแต่งในพิธีกรรมต่างๆ ทั้งในด้านศาสนาพิธีกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานรื่นเริง ซึ่งพิธีกรรมที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่ใช้ พวงมาลัยในการบูชาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (นายอุปสมบท ศรีน่วม, สัมภาษณ์ , 2559) 4


1.2 ความแตกต่างพวงมาลัยสมัยก่อนกับพวงมาลัยในปัจจุบัน ในสมัยก่อนปรับประเทศ วัฒนธรรมการร้อยพวงมาลัยของชนชั้นสูงมีมาแต่ครั้นสมัย สุโขทัยเป็นการช่างฝีมือถือกำเนิดขึ้นภายในราชสำนัก มาลัยถือเป็นของสูงใช้สำหรับเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดินถวายเป็นพุทธบูชา และใช้ในการประดับตกแต่งหมู่พระวิมาน พระแท่น หรือใช้ใน พระราชพิธีต่างๆ ในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ได้มีสนมเอกของพระร่วงเจ้า(พระมหาธรรมราชาที่ 1) คือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือ นางนพมาศ ซึ่งเป็นผู้มีฝีมือในด้านการประดิษฐ์ดอกไม้สดเป็นเลิศ ตามหลักฐานที่อ้างถึงในหนังสือนพมาศที่กล่าวถึง พระราชพิธีจองเปรียง ซึ่งตรงกับ พระราชนิพนธ์เรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือนทำให้มีหลักฐานบันทึกว่าในสมัยของสมเด็จ พระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยศิลปะในการจัดตกแต่งดอกไม้นั้นเจริญอยู่แล้ว สมเด็จพระศรีพัชริน ทราบรมราชินีนาถ ได้รับการยกย่องว่า มีพระนามเลื่องลือในการร้อยพวงมาลัย คือแต่เดิมนั้น พวงมาลัยของไทยร้อยด้วยดอกมะลิ เป็นมาลัยสีขาวกลมแต่อย่างเดียว จะมีพิเศษบ้างก็เพียงทำ เป็นเกลียว วนไปเรียกว่า มาลัยเกลียว สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถทรงประดิษฐ์ คิดร้อยมาลัย ด้วยดอกไม้ต่างๆ ไม่ใช้เพียงดอกมะลิอย่างเดียว แต่มีการใช้ใบไม้แทรกทำให้เกิด ลวดลายและสีสันแปลกๆ ในงานพระศพสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ซึ่งเป็น พระมารดาของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง สมเด็จพระพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีย์ดำรัสให้ ท้าววรคณานันท์ ( ม.ร.ว.แป้ม มาลากุล ) จัดทำมาลัยไปประดับ พระศพ เช่น ตกแต่งตามฉัตรรัดพระโกษ และแขวนตามประตู หน้าต่าง ตามประเพณีงานใหญ่ๆ ของเจ้านายตลอดงานนี้ มาลัยตกแต่งเปลี่ยนสีเปลี่ยนรูป เปลี่ยนแบบเรื่อยๆ จึงนับได้ว่าตั้งแต่ บัดนั้นการร้อยมาลัยได้มีการวิวัฒนาการก้าวหน้ากว่าเดิมที่เป็นต้นมาหลายแบบ และในระหว่าง นั้นท่านเจ้าคุณประยูรวงศ์ก็ได้จัดทำมาลัยครุยขึ้นมา ท้าววรคณานันท์เป็นผู้มีชื่อเสียงว่าเป็น เจ้าของมาลัยงามหลายแบบ ได้สืบต่อมาจนถึง ม.ล.ป้อง มาลากุล ผู้ซึ่งมีความสามารถในเรื่อง การทำดอกไม้สด และดอกไม้แห้งเป็นอย่างยิ่ง (อุมานราชธน, พระยา, 2516) ในวัฒนธรรมของคนชนชั้นสูงมีการใช้พวงมาลัยในพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธี ฉัตรมงคล พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนอกจากนี้ในสังคมคนชั้นสูงมีพวงมาลัย เกี่ยวข้องในวิถีชีวิต เช่น การทำบุญ คนชั้นสูงมักทำพวงมาลัยโดยการร้อยมาลัยแบบวิจิตรบรรจง เพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์ นอกจากนี้ครอบครัวของคนชั้นสูงส่งเสริมให้สตรีมีการศึกษาเกี่ยวกับการ ร้อยพวงมาลัยในรูปแบบต่างๆซึ่งแสดงถึงความอ่อนโยนละเอียดลออและบ่งบอกความเป็นกุลสตรี ที่ดีจนเป็นศาสตร์ของคนชั้นสูงพวงมาลัย ในสมัยปัจจุบันนี้หลังจากผ่านมาหลายยุคสมัย และ หลายสาเหตุแตกต่างกับในสมัยก่อนตรงความหลากหลายของรูปแบบการใช้งานและที่สำคัญที่สุด คือ ความหมาย ในสมัยก่อนนั้น พวงมาลัยอาจหมายถึงแค่การเคารพบูชาอย่างเดียว แต่ใน ปัจจุบันนั้นพวงมาลัย คือ การบูชาพระ,ตัวแทนของความเคารพผู้มีพระคุณ,การแสดงความยินดี, แสดงความชื่นชม(นักร้อง),ความสวยงาม (นายอุปสมบท ศรีน่วม, สัมภาษณ์ , 2559) 5


2. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับลูกปัด ลูกปัดเป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่ปัจจุบันนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ทำมาจากวัสดุต่างๆ ที่เป็น วัสดุธรรมชาติและวัสดุสังเคราะห์ มีหลากหลายขนาด และหลากหลายรูปทรง มีประโยชน์ ใน การใช้สอยที่แตกต่างกันไปมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกปัดไว้ดังนี้ 2.1 ความหมายของลูกปัด จากการศึกษาข้อมูลของลูกปัดได้มีผู้รู้ให้ความหมายของลูกปัดไว้หลากหลาย ดังนี้ นงลักษณ์ (ม.ป.ป.) ได้ให้ความหมายของลูกปัด หมายถึง เป็นวัตถุหรือประดิษฐ์ขนาดเล็ก อย่างหนึ่ง ซึ่งทำจากวัตถุดิบที่เป็นอินทรียวัตถุต่างๆกัน เช่น ไม้ หิน แร่ กระดูก เขียวสัตว์ เขา สัตว์ เปลือกหอย เมล็ดพืช ดินปั้น ดินเผา แก้วน้ำเคลือบ แก้วหลอม โลหะ เช่น ทอง เงิน ตะกั่ว เหล็ก พลาสติก ตลอดจนสารสังเคราะห์ ฯลฯ โดยนำมาขัดหรือฝน ปั้น หรือหล่อหลอม พิมพ์ รูปทรงและแต่งแต้มให้เป็นรูปลักษณะต่างๆ ต้องมีหรือทำรูเพื่อร้อยด้ายหรือเชือกหรือเส้นสาย ใดๆสำหรับห้อยแขวนประดับตกแต่งตามร่างกายหรือสถานที่ การประดับลูกปัดด้วยวัสดุ และ กรรมวิธีตลอดจนลักษณะรูปร่างต่างๆกันไปย่อมสอดคล้องกับประโยชน์ใช้สอยและเป็นไปตาม แนวความเชื่อ ประเพณีนิยม หรือค่านิยมของยุคใดสมัยใดในแต่ละชุมชน บางคนถือเป็น เครื่องรางของขลัง และเป็นเครื่องประดับที่เป็นสิริมงคลมีพลังอำนาจต่างๆ ก็คือการปัดสิ่งร้าย ออกไปและปัดสิ่งที่ดีเข้ามา ลูกปัด หมายถึง สิ่งประดิษฐ์อย่างหนึ่งที่มนุษย์ ทำขึ้นมาเนื่องจากมีความเชื่อตาม คตินิยมและรสนิยมเรื่องความงาม ซึ่งจะพบได้แทบทุกสังคมตั้งแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึง ปัจจุบัน ซึ่งก็มีการพัฒนารูปแบบให้หลากหลาย และเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยรวมทั้งลักษณะ การใช้งานด้วย เช่น นำมาห้อยคอเฉพาะหนึ่งเป็นแบบจี้ หรือหลายๆลูกผสมกันหลายสีหลายแบบ หรือนำมาใช้เป็นสร้อยข้อมือ ข้อเท้า ห้อยกับตัว หรือนำมาห้อยทำตุ้มหูนำมาร้อย คาดเอว คาดหัว นำมาปักประดับเสื้อผ้า หรือปัจจุบันนิยมอย่างมากในการนำมาห้อยโทรศัพท์ หรือทำเป็น พวงกุญแจ เป็นต้น (ศรัณญา,2548) สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติได้ให้ความหมายของลูกปัดหมายถึง เครื่องประดับ อย่างหนึ่งที่ผู้มีสุนทรียะให้ความสนใจมานับพันปี และทำขึ้นจากวัสดุต่างๆ เท่าที่มนุษย์สามารถ แสวงหาหรือคิดค้นประดิษฐ์ขึ้นมาได้ มีความสวยงามทั้งรูปแบบและสีสัน การนำลูกปัดมาใช้ทำ เครื่องประดับเพิ่มความสวยงามให้แก่ผู้สวมใส่นั้นไม่ได้จำกัดอยู่กับกลุ่มชนที่มีอารยะธรรมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกทางตะวันตกหรือตะวันออก และมีหลายแบบที่เห็นว่าลุกปัดที่พบนั้นมีลักษณะ คล้ายกันหรือเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งอาจจะใช้เป็นข้อสนับสนุนในเรื่องความสัมพันธ์การติดต่อกัน ของกลุ่มคนในซีกโลกทั้งสองมาแล้ว เช่น การพบลูกปัดแก้วที่มีการตกแต่งเป็นพิเศษ เรียกว่า ลูกปัดมีตา (Eye Bead) นั้น ปรากฏว่าพบในเปอร์เซียร์ อียิปต์ เมโสโปเตเมีย เยอรมันซึ่งเคยเป็น ส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันในจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นที่ออกแก้ว (Oe-eo) ใกล้เมือง โฮจิมินห์ (ไซ่ง่อนเดิม) สาธารณะรัฐประชาชนเวียดนาม และแหล่งโบราณคดีทั้งในภาคใต้และ ตอนกลางของราชอาณาจักรไทย (สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ,2549) 6


จากความหมายที่ได้ศึกษา สรุปว่า ลูกปัด หมายถึง สิ่งประดิษฐ์อย่างหนึ่งที่มนุษย์ทำ ขึ้นมาจากวัสดุต่างๆ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากความเชื่อตามคตินิยม และรสนิยมเรื่องความงาม มีความสวยงามทั้งรูปแบบและสีสัน ใช้เป็นเครื่องตกแต่งร่างกาย ใช้เป็นเครื่องราง และใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แต่เดิมใช้เมล็ดพืช เมล็ดผลไม้ เปลือก หอย กระดูก สัตว์ และก้างปลาทำเป็นลูกปัด ต่อมามีการพัฒนารูปแบบให้หลากหลาย และ เปลี่ยนแปลงไปตามยุค สมัยรวมทั้งลักษณะการใช้งาน เช่น นำมาห้อยคอเฉพาะหนึ่งเป็นแบบจี้ หรือหลายๆลูกผสมกันหลายสีหลายแบบหรือนำมาใช้เป็นสร้อยข้อมือ ข้อเท้า ห้อยกับตัว หรือ นำมาห้อยทำตุ้มหูนำมาร้อยคาดเอว คาดหัว นำมาประดับเสื้อผ้า หรือปัจจุบันนิยมอย่างมาก ในการนำมาห้อยโทรศัพท์ หรือทำเป็นพวง กุญแจ เป็นต้น 2.2 ประวัติของลูกปัด นักโบราณคดีพบหลักฐานการใช้งานลูกปัดที่เก่าแก่ที่สุดในขณะนี้เมื่อประมาณ 40,000 ปีมาแล้ว และหลังจากนั้นลูกปัดยังคงมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องและไม่ได้ลดบทบาท ความสำคัญแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับพบว่ามีการใช้ลูกปัดในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นใน ด้านของความมาดัดแปลงผลิตเป็นลูกปัดรูปแบบต่างๆ ซึ่งก็บ่งชี้ให้เห็นภาพความนิยมในการใช้ ลูกปัดในสังคมมนุษย์นับตั้งแต่อดีต เป็นต้นมา ช่วงประมาณ 25,000 - 10,000 ปีมาแล้ว มนุษย์ใช้ลูกปัดในปริมาณที่มากขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียมีการพบลูกปัดในปริมาณที่เพิ่มขึ้นและในขณะเดียวกันพื้นที่บางแห่ง กลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม การทำลูกปัดเพื่อส่งออกโดยส่งออกทั้งลูกปัดและเทคโนโลยีการผลิต ไปยังดินแดนอื่นๆ ที่ห่างไกลออกไปซึ่งเห็นได้จากการพบทั้งลูกปัด วัตถุดิบ และเทคโนโลยีการ ส่งออกในบริเวณต่างๆ ก็บ่งบอกถึงการติดต่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างชุมชนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้จุดกำเนิดของลูกปัดชนิดต่างๆ น่าจะเริ่มขึ้นบริเวณตะวันออกกลางและ แพร่หลายไปยัง ดินแดนต่างๆ ในโลก สำหรับลูกปัดหินพบว่าเมื่อประมาณ 15,000 ปีมาแล้ว มนุษย์จะเริ่มมีการนำวัสดุที่มีความคงทนจำพวกหินสีหรือหินกึ่งมณีมาผลิตเป็นลูกปัดและได้รับ ความนิยมอย่างแพร่หลายพร้อมๆ กับลูกปัดโลหะ เช่น ลูกปัดทองคำ ลูกปัดสำริด ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหินที่มีชื่อเสียงในบริเวณต่างๆ ของโลกหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งแหล่งผลิตที่รู้จักกันคืออินเดีย ซึ่งกลายเป็นแหลงผลิตและส่งออกลูกปัดขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งของ โลก ประเทศไทยต่างก็พบลูกปัดที่นำเข้ามาจากอินเดียมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งพบ ทั้งลูกปัดหิน ลูกปัดแก้ว และวัตถุดิบที่ใช้ผลิต (ศิริวรรณ, 2552) 2.3 ประเภทของลูกปัด ได้แบ่งประเภทของลูกปัดไว้ 3 ประเภท ใหญ่ๆ ดังนี้ 2.3.1 เรียกตามวัตถุดิบ ได้แก่ 1.) ลูกปัดคริสตัล จะเจียระไนตรงผิวหน้าของแก้วคริสตัลจึงมีเสน่ห์ ตรงความระยิบระยับและความสวยงามจากการเจียระไน 2.) ลูกปัดแก้ว เป็นลูกปัดที่ทำจากแก้วโดยไม่เจียระไนตรงผิวหน้า มีให้ เลือกมากมาย ผิดทั้ง สี รูปทรง และขนาด 7


3.) หินธรรมชาติ เป็นชื่อเรียกรวมของแร่ที่โลกธรรมชาติสร้างขึ้น และยังมี มากมายหลายชนิดทั้งหินปะการังอเมทิสต์ และโกเมน เป็นต้น หินธรรมชาติเป็นวัตถุดิบที่ให้ ความรู้สึกถึงอุณหภูมิและการมีตัวตนอยู่ต่างจากแก้วและรูปทรงของหินแต่ละก้อนก็จะแตกต่าง กันด้วย แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหิน 4.) ไข่มุกน้ำจืด เพราะเกิดสิ่งแปลกปลอมที่ถูกเคลือบด้วยสารที่ขับออกมา จากหอยไข่มุกน้ำจืดจึงเป็นวัตถุที่สกัดออกจากหอยที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดอย่างทะเลสาบ 5.) ลูกปัดไม้ เป็นลูกปัดที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ มีทั้งแบบใช้สีของเนื้อ ไม้ตามเดิมแบบที่ใส่สีเข้าไปและแบบที่ใส่ลวดลาย 6) ลูกปัดโลหะ มีทั้งแบบที่ผลิตมาจากโลหะจริงๆ และแบบที่ผลิตมาจาก พลาสติกเสน่ห์จะอยู่ตรงที่เนื้อวัตถุไม่เหมือนใคร 7) ลูกปัดอครีลิค เป็นลูกปัดที่ทำมาจากอครีลิค ดูด้วยตาอาจจะเหมือน ลูกปัดแก้วแต่เบาและมีเนื้อวัตถุที่อ่อนกว่าแก้ว 8.) ลูกปัดพลาสติก จะไม่มีประกายเหมือนกับคริสตัล แต่มีเสน่ห์ตรงสีและ รูปทรงที่หลากหลาย รวมทั้งความเบาและเนื้อวัตถุที่ดูง่ายๆสบายๆ และยังมีราคาถูกเมื่อเทียบ กับลูกปัดอื่นจึงใช้ได้ง่าย 9.) ลูกปัดกระดูก เป็นลูกปัดที่ทำมาจากกระดูกของสัตว์มีเนื้อวัตถุที่เป็น เอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใคร และให้บรรยากาศแบบมนุษยชาติ 2.3.2 เรียกตามรูปทรง ได้แก่ 1.) ลูกปัดกลม เป็นชื่อเรียกรวมของลูกปัดที่มีลักษณะกลมไม่มีเหลี่ยมและ เป็นลูกปัดที่เป็นพื้นฐานของการทำเครื่องประดับจะมีชื่อเรียกตามขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลาง ทั้งลูกปัดกลมเล็กลูกปัดกลมใหญ่และลูกปัดใหญ่พิเศษ 2.) ลูกปัดเหลี่ยม เป็นชื่อเรียกรวมของลูกปัดที่เจียระไนผิวด้านหน้าให้แบน และมีชื่อเรียกตามวิธีการเจียระไนทั้งลูกปัดสามเหลี่ยมลูกปัดสี่เหลี่ยมและลูกปัดหกเหลี่ยม 3.) ลูกปัดไม้ไผ่ เป็นลูกปัดที่เป็นทรงกระบอกเรียวยาวถูกเรียกว่าลูกปัดไม้ ไผ่เพราะมองแล้วจะเหมือนตัดมาจากไม้ไผ่มีความหลากหลายทั้งขนาด 31 มิลลิเมตร และขนาด 12 มิลิเมตร เป็นต้น 4.) ลูกปัดดีไซน์ เป็นลูกปัดที่ผลิตรูปทรงให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งแบบ ที่ทำเป็นดอกไม้ ใบไม้ ดาว และหัวใจ วัตถุดิบที่ใช้ผลิตก็มีทั้งอครีลิค พลาสติก และเงิน 5.) ลูกปัดหยดน้ำ เป็นลูกปัดที่เจียระไนให้มีรูปร่างเป็นหยดน้ำด้วย โครงสร้างสวยงามจึงได้รับความนิยมมาก มีทั้งแบบเจาะรูที่ปลายด้านหนึ่งของลูกปัด และแบบ เจาะรูตรงกลาง 2.3.3 เรียกชื่อตามแหล่งผลิต ได้แก่ 1.) ลูกปัดออสเตรเลีย มีชื่อเสียงตรงเนื้อแก้วและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงใน การเจียระไนลูกปัดเหมาะสมที่จะเป็นตัวอย่างผลผลิตของบริษัทสลาวอฟสกี้ที่เป็นร้านลูกปัด คริสตัลเก่าแก่ 8


2) ลูกปัดเชก เป็นชื่อเรียกรวมของลูกปัดแก้วที่ผลิตขึ้นที่เชกแหล่งผลิต ของลูกปัดโบฮีเมียนลูกปัดเชกมีปริมาณการผลิตจำนวนมากทั้งสีและดีไซน์ก็มีมากอีกด้วย 3) ลูกปัดเวนิเชี่ยน เป็นลูกปัดแก้วที่นำเทคนิคของแก้วเวนิเชี่ยนอันเก่าแก่ มาใช้มีลักษณะการดีไซด์และการใช้สีที่มีความเข้ม จากการศึกษาประเภทของลูกปัด ผู้ศึกษาโครงงานได้นำลูกปัดพลาสติกมาใช้ในการร้อย พวงมาลัย เนื่องจากมีหลากหลายสีสัน หลากหลายขนาด เหมาะแก่การนำมาประดิษฐ์ และใช้ ร้อยพวงมาลัยเพราะจะทำให้ลวดลายของมาลัยมีความเด่นชัด สวยงาม 2.4 ลักษณะการใช้งานลูกปัดเบื้องต้น วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการร้อยลูกปัดก่อนจะร้อยลูกปัดจะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ใน การร้อย เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการหยิบจับและง่ายต่อการร้อย วัสดุอุปกรณ์มีดังต่อไปนี้ 1. ลูกปัด หมายถึง วัสดุชิ้นเล็กๆ มีลักษณะกลมมนมีรูตรงกลางสำหรับ ร้อยผ่านและมีสีสันต่างๆ ตามความชอบ 2. เส้นเอ็น หมายถึง เชือกเอ็นเส้นเล็กๆ มีหลายสีหาซื้อได้ตามทั่วไปขนาด ตัวเชือกจะมีความแข็งแรง 3. คีมตัดลวด หมายถึง ครีมที่ใช้สำหรับดึงเชือกให้มีความแน่นมากยิ่งขึ้น 4. กรรไกร หมายถึง อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดเชือก และสะดวกในการร้อย จากการศึกษาวัสดุที่ใช้นำมาร้อยลูกปัดผู้ศึกษาโครงงานเลือกเชือกเอ็นมาใช้ในการ ร้อย มาลัยเพราะมีความทนทาน แข็งแรง เมื่อดึงแล้วไม่ขาดง่าย ทิ้งตัวได้ดีและมี ความพลิ้วไหว ทั้งนี้ เนื่องมาจากผู้ศึกษาโครงงานได้ทดลองร้อยลูกปัดด้วยเชือกเอ็น พบว่า เชือกเอ็นมีคุณสมบัติ เหมาะสมที่จะนำมาร้อยลูกปัดมากที่สุด 3. การดูแลลูกปัดและการเก็บรักษาลูกปัด การดูแลรักษาลูกปัดนั้นเป็นเรื่องเทคนิคเฉพาะตัว ลูกปัดที่ทำจากหินและมือคนนั้นจะ รักษายาก เพราะความเก่าแก่และใช้มานานจึงมักจะทาน้ำมันเช่น น้ำมันจันทน์ วาสลีน ชโลม ไม่ให้ แห้ง ซึ่งนักเล่นลูกปัดบางคนก็ต้องการความมันของผิวเท่านั้น ไม่ได้ช่วยเรื่องอื่น ส่วนลูกปัด แก้วหรือ ลูกปัดดินเผา ต้องเก็บไว้ในที่มิดชิด ไม่โดนแดดหรืออากาศมากนัก เพราะจะทำให้ สีหม่นและซีดได้ ควรแช่น้ำเปล่าบ้างหรือล้างน้ำบ้าง โดยไม่ต้องผสมอะไร น้ำจะช่วยให้เกิดความ ชุ่มชื่นและรักษาสีสันไว้ ได้ และไม่ควรให้ลูกปัดแห้งกรอบไม่ว่ากรณีใดๆ (เกษม, 2550) 4. ความรู้เรื่องสี สี หมายถึงปรากฏการณ์ที่แสงส่องกระทบวัตถุแล้วสะท้อนคลื่นแสงบางส่วนเข้าตาเมื่อ ระบบประสาทตาประมวลผลจึงรับรู้ว่าวัตถุนั้นมีขนาดรูปร่าง ลักษณะผิว และสีเป็นอย่างไร การที่ เรามองเห็นวัตถุมีคุณสมบัติในการดูดกลืนและสะท้อนคลื่นแสงไม่แตกต่างกัน เช่น กลีบดอก ทานตะวันจะสะท้อนเฉพาะคลื่นแสงที่ประสาทตาประมวลผลเป็นสีเหลืองเท่านั้น ส่วนผงถ่าน ไม่สะท้อนคลื่นแสงในช่วงคลื่นที่ตามองเห็นออกมาเลยจึงเห็นเป็นสีดำ เป็นต้น มีอิทธิพลต่อจิตใจ 9


มนุษย์ คือมีอำนาจบันดาลให้เกิดอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ได้ตามอิทธิพลของสี เช่น สดชื่น ร้อน ตื่นเต้น เศร้า มีความสำคัญต่องานศิลปะมาก เพราะศิลปินต้องใช้สีเป็นสื่อสร้างความ ประทับในในผลงานศิลปะ และสะท้อนความประทับใจนั้นให้เกิดแก่ผู้ดู 4.1 ประเภทของสี สีแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. สีของปรากฏการณ์ธรรมชาติ หมายถึง สีที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น สีรุ้งที่เกิดจากแสงแดดส่องกระทบไอน้ำในอากาศ แสงสีทองของท้องฟ้าในยามเช้า ฯลฯ 2.5.2.2 สีของเนื้อวัสดุ หมายถึง สีแท้ๆของเนื้อวัสดุ เช่น สีของเนื้อแท้ของวัสดุ เช่น สีดำ ของถ่าน สีชมพูของทับทิม สีส้มของไข่แดง ฯลฯ 2. สีที่เกิดจากเนื้อสี หมายถึง สีที่เกิดจากกระบวนการผลิตสึในอุตสาหกรรม เพื่อนำมาใช้ทา พ่น เขียน ระบาย มีให้เลือกหลายชนิด เช่น สีฝุ่น สีน้ำ สีน้ำมัน ฯลฯ 3. วงสี สีที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆนั้นเป็นสีที่เกิดขึ้นจากเนื้อสีเรียกว่า สีวัตถุ ซึ่งสามารถแสดงความสัมพันธ์กันได้ในวงสี วงสี แบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ วงสีขั้นที่ 1 เรียกว่า แม่สี เป็นสีพื้นฐาน มี 3 สี คือ สีน้ำเงิน สีเหลือง สีแดง วงสีขั้นที่ 2 เกิดจากการผสมกันของสีขั้นที่ 1 จำนวนสองสี สีละเท่าๆ กันทำให้ได้สี ใหม่ 3 สี คือ สีส้ม สีม่วง สีเขียว วงสีขั้นที่ 3 เกิดจากการผสมกันของสีขั้นที่ 1 กับ สีขั้นที่ 2 ที่อยู่ใกล้กันในอัตราส่วน เท่ากัน ทำให้ได้สีใหม่อีก 6 สี คือ สีม่วงน้ำเงิน สีเขียวน้ำเงิน สีเขียวเหลือง สีส้มเหลือง สีส้มแดง และสีม่วงแดง 4.2 วรรณะสี วรรณะสี คือ กลุ่มสีที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน มี 2 กลุ่ม คือ 4.2.1 วรรณะร้อน คือ กลุ่มสีที่ให้ความรู้สึกร้อนแรงกระตุ้นประสาทตา เกิดความ กระปรี้กระเปร่า และอบอุ่น มีสีแดงเป็นสีหลัก สีร้อนในวงสีประกอบด้วยสี 6 สี คือ สีเหลือง สี ส้ม เหลือง สีส้ม สีส้มแดง สีแดง และสีม่วงแดง 4.2.2 วรรณะเย็น คือกลุ่มสีที่ให้ความรู้สึกสงบ เย็นตา ความสดชื่น ความคิดฝัน และ เรียบร้อย มีสีน้ำเงินเป็นหลัก สีเย็นในวงสีประกอบด้วยสี 6 สี คือ สีม่วง สีม่วงน้ำเงิน สีเขียว และ สีเขียวเหลืองกลุ่มสีร้อนสีเย็นที่ไม่อยู่ในวงสี สีร้อนและสีเย็นอาจไม่ใช่สีสดๆ ที่อยู่ในวงสีก็ได้ เพราะสีที่อยู่ในธรรมชาตอจริงๆแล้ว ย่อมมีสีที่อ่อนแก่แตกต่างจากวงสีอีกมาก ถ้าหากสีใดค่อนข้างไปทางสีแดงหรือมีส่วนผสมของสี ต่างๆใน วรรณะร้อนเป็นส่วนใหญ่ก็จัดเป็นสีร้อน เช่น สีน้ำตาล สีเทาอมแดง สีชมพู ทำนอง เดียวกัน ถ้าหากสีใดค่อนไปทางสีน้ำเงิน สีเขียว หรือสีที่มีส่วนผสมของสีต่างๆในวงสีที่เป็นสีเย็น เป็นส่วนใหญ่ ก็จัดให้สีเหล่านั้นเป็นสีเย็น เช่น สีเทาอมเขียว สีเทาอมน้ำเงิน สีเขียวเข้ม สีฟ้า ส่วนสีขาวบริสุทธ์และสีดำบริสุทธิ์ที่ไม่มีสีร้อนสีเย็นผสมอยู่เลยไม่จัดอยู่ในสีวรรณะร้อนหรือเย็น 10


4.3 หลักการใช้สีร้อนสีเย็น การใช้สีร้อนหรือสีเย็นเพียงอย่างเดียวย่อมทำได้หากมีความจำเป็น แต่อาจทำให้เกิด ความรู้สึกเบื่อได้ ศิลปินและนักออกแบบมักใช้ทั้งสีร้อนและสีเย็นในสัดส่วนที่เหมาะสม และไม่ใช้ สีร้อนและสีเย็นอย่างละเท่ากันจะทำให้ดูตัดกันรุนแรง หากเราใช้สีส่วนรวมหรือสีหลักเป็นสีเย็น ควรใช้สีร้อนเป็นสีรองเพียงบางส่วน ในทางกลับกันหากใช้สีหลักเป็นสีร้อนควรใช้สีเย็นเป็นสีรอง โดยทั่วไปจะนิยมใช้ในอัตราส่วนสีหลักต่อสีรองประมาณ 75% ต่อ 25% เพราะในธรรมชาติ ย่อมมีทั้งสีร้อนและสีเย็นประกอบกัน 5. ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ ในการออกแบบเครื่องแขวนประยุกต์จากลูกปัดด้วยลวดลายชุดมโนราห์ ผู้ศึกษาโครงงาน พิเศษได้ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษา ดังนี้ 5.1 ความหมายของการออกแบบ การออกแบบ หมายถึง การสร้างสรรค์ผลงานขึ้นโดยไม่ลอกเลียนแบบของเดิมหรือ ความคิด เดิมที่มีมาก่อน เพื่อสนองความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอย หรือความต้องการด้าน อื่นๆ (วัฒนะ, 2527) การออกแบบ หมายถึง การรู้จักวางแผน เพื่อที่จะได้ลงมือกระทำตามที่ต้องการและรู้จัก เลือกวัสดุ วิธีการ เพื่อทำตามโดยให้สอดคล้องกับลักษณะ รูปแบบ และคุณสมบัติของวัสดุแต่ละ ชนิด ตามความคิด (ณัติฐา, 2545) การออกแบบ หมายถึงการรู้จักวางแผนจัดตั้งขั้นตอน และรู้จักเลือกใช้วัสดุวิธีการเพื่อทำ ตามที่ต้องการนั้น โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูปแบบ และคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิด ตามความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา เช่น การจะทำโต๊ะขึ้นมาซักหนึ่งตัว เราจะต้องวางแผนไว้ เป็นขั้นตอน โดยต้องเริ่มต้นจากการเลือกวัสดุที่จะใช้ในการทำโต๊ะนั้น ว่าจะใช้วัสดุอะไรที่เหมาะสม ในการยึดต่อระหว่างจุดต่างๆนั้นควรใช้ กาว ตะปู สกรู หรือใช้ข้อ ต่อแบบใด รู้ถึงวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้งาน ความแข็งแรงและการรองรับน้ำหนักของโต๊ะ สามารถรองรับได้มากน้อยเพียงใด สีสันควรใช้สีอะไรจึงจะสวยงาม เป็นต้น (ชลหทัย, 2557) จากความหมายที่ได้ศึกษา สรุปว่า การออกแบบ จึงหมายถึง การรู้จักวางแผน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานขึ้นโดยไม่ลอกเลียนแบบความคิดเดิมที่มีมาก่อน โดยใช้ส่วนประกอบ ของศิลปะ เช่น เส้น แสง เงา สี ลักษณะผิว ขนาด รูปร่าง เพื่อให้เกิดรูปทรงใหม่ตามความ ต้องการและสนองความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอย หรือความต้องการด้านอื่นๆ 5.2 ประวัติความเป็นมาของการออกแบบ ความเป็นมาในอดีต พบว่า มนุษย์จะใช้ชีวิตในลักษณะต้องอาศัยพึ่งพาธรรมชาติมาก ที่สุดจนทำให้ดูกลมกลืนเหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน มนุษย์ในอดีตดำรงชีวิตอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ ของธรรมชาติ เช่น อาศัยอยู่ตามถ้ำหรือเงื้อมผา บริโภคอาหารดิบๆ จากธรรมชาติโดยไม่รู้จักการ ปรุงแต่งใช้หินในธรรมชาติทำอาวุธ หรือเครื่องใช้เครื่องมือต่างๆ ทุกอย่างที่มนุษย์ใช้ยังชีพ ต่อมา เมื่อมนุษย์จำเป็นต้อง ผจญอุปสรรคหรือปัญหาต่างๆในการดำรงชีวิตมากขึ้น จำเป็นต้องแก้ไข ปัญหาเพื่อเอาชีวิตให้อยู่รอด มนุษย์จึงได้ค้นพบวิธีดัดแปลงธรรมชาติขึ้น ในระยะแรกธรรมชาติก็ 11


คือครูผู้สอนให้มนุษย์รู้จักดัดแปลง แก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ ควบคู่ไปกับความสามารถในกรใช้สมอง ของมนุษย์ที่รู้จักคิดที่มีติดตัวมาทำให้แตกต่างไปจากสัตว์เดรัจฉานอื่นๆ ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงจัดได้ ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบที่มนุษย์ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย จนถึงปัจจุบัน มนุษย์ยังคงพึ่งพาอาศัยธรรมชาติอยู่แต่ได้ดัดแปลงหรือเพิ่มเพื่อประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น เคยอยู่ถ้ำหรือเงื้อมผาก็รู้จักดัดแปลงมาสร้างอาคารบ้านเรือน รู้จักปรุงอาหารให้สุกก่อน รับประทาน รู้จักตกแต่งประดับประดาที่อยู่ รู้จักเลือกสรรวัสดุเครื่องใช้ที่สวยงาม หรือตลอดจน รู้จักผลิตยารักษาโรคจากพืชเมื่อเกิดอาการป่วยไข้ เป็นต้น สรุปได้ว่า มนุษย์รู้จักการออกแบบ ดัดแปลงหรือปรับปรุงธรรมชาติก็เพราะสนอง ความต้องการเกี่ยวกับความสะดวกสบาย เพื่อการ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข และพัฒนาการอยู่ตลอดเลา (ณัติฐา, 2545) 5.3 ความสำคัญของการออกแบบ การออกแบบมีความสำคัญ ดังนี้ 5.3.1 ในแง่การวางแผนการทำงาน งานออกแบบจะช่วยให้การทำงานเป็นไป ตามขั้นตอนอย่างเหมาะสมและประหยัดเวลา ดังนั้นอาจถือว่าการออกแบบ คือ การวาแผนการ ทำงานก็ได้ 5.3.2 ในแง่ของการนำเสนอผลงาน ผลงานออกแบบจะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องมีความ เข้าใจตรงกันอย่างชัดเจน ดังนั้น ความสำคัญในด้านนี้คือเป็นสื่อความหมายเพื่อความเข้าใจ ระหว่างกัน 5.3.3 เป็นสิ่งที่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงาน งานบางประเภทอาจจะมีรายละเอียด ซับซ้อน ผลงานออกแบบจะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้อง และผู้พบเห็นมีความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น หรืออาจ กล่าวได้ว่าผลงานออกแบบคือตัวแทนความคิดของผู้ออกแบบได้ทั้งหมด 6. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6.1 เศรษฐกิจพอเพียง “เศรษฐกิจพอเพียง” (Sufficiency Economy) เปนปรัชญาที่พระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัวทรงมีพระราชดํารัสชี้แนะแนวทางการดําเนินชีวิตแกพสกนิกรชาวไทยมาโดย ตลอดนานกวา 25 ปี ตั้งแตกอนวิกฤตการณทางเศรษฐกิจขึ้น พระองคทานไดทรงเนนย้ำ วาเปนแนวทางการแกไขเพื่อใหประเทศรอดพนจากปญหาตางๆ สามารถดํารงอยูไดอยางมั่นคง และยั่งยืนภายใตกระแสโลกาภิวัตน และความเปลี่ยนแปลงตางๆ ให้สอคล้องกับหลักแนวคิด (หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงออนไลน์ , 2552) 6.2 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเปนปรัชญาชี้แนวการดํารงอยูและปฏิบัติตนของประชาชน ในทุกระดับตั้งแตระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหาร ประเทศใหดําเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อใหกาวทันตอโลก ยุคโลกาภิวัตนความพอเพียง หมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความจําเปน ที่จะตองมีระบบภูมิคุมกันในตัวที่ดีพอสมควรตอการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการ เปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะตองอาศัยความรอบรูความรอบคอบ และความ 12


ระมัดระวังอยางยิ่ง ในการนําวิชาการตางๆ มาใชในการวางแผนและการดําเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะตองเสริมสรางพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจาหนาที่ของรัฐนัก ทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับใหมีสํานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตยสุจริตและใหมีความรูที่ เหมาะสมดําเนินชีวิตดวยความอดทน ความเพียร มีสติ ปญญาและความรอบคอบเพื่อให สมดุลและพรอมตอการรองรับการเปลี่ยนแปลงอยาง รวดเร็วและกวางขวางทั้งด้านวัตถุสังคม สิ่งแวดลอม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกไดเปนอยางดี “หากพิจารณาพระราชดํารัสที่ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวพระราชทาน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2548 ที่ผานมายิ่งทําใหเห็นว า พระองคทรงใหความสําคัญกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมากเพียงใดทรงเชื่อมั่นวาการจะรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงตางๆ ไดนั้น ประเทศไทยตองใชหลักเศรษฐกิจพอเพียงเปนปรัชญานําทาง และนายินดีที่วาหลังจากนั้นหลาย หนวยงานไดนอมนําพระราชดํารัสขางตนไปยึดถือ ปฏิบัติ” 3 หวง 2 เงื่อนไข: หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่สําคัญที่สุด “คํานิยาม” วาความพอเพียงจะตองประกอบดวย 3 หวงและ2 เงื่อนไขโดย 3 หวงคือ 1.ความพอประมาณ หมายถึงความพอดีที่ไมนอยเกินไปและไมมากเกินไปโดย ไมเบียดเบียนตนเองและผูอื่น เชนการผลิตและการบริโภคที่อยูในระดับพอประมาณ 2.ความมีเหตุผล หมายถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะ ตองเปนไปอยางมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปจจัยที่เกี่ยวของ ตลอดจนคํานึงถึงผลที่คาด วาจะเกิดขึ้นจากการกระทํานั้นๆ อยางรอบคอบ 3.การมีภูมิคุมกันที่ดีในตัว หมายถึงการเตรียมตัวใหพรอมรับผลกระทบและการ เปลี่ยนแปลงดานการตางๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคํานึงถึงความเปนไปไดของสถานการณตางๆ ที่คาดวาจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกลและไกล สวน 2 เงื่อนไขคือการตัดสินใจและการดําเนินกิจกรรมตางๆ ใหอยูระดับพอเพียงนั้น ตองอาศัยทั้งความรูและคุณธรรมเปนพื้นฐาน ประกอบไปดวย - เงื่อนไขความรูหมายถึงความรอบรูเกี่ยวกับวิชาการตางๆ ที่เกี่ยวของอยางรอบ ดานความรอบคอบที่จะนําความรูเหลานั้นมาพิจารณาใหเชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความระมัดระวังในขั้นตอนปฏิบัติ - เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะตองเสริมสราง ประกอบดวย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตยสุจริต และมีความอดทน มีความเพียรใชสติปญญาในการดําเนินชีวิต “เศรษฐกิจ พอเพียงจริงๆ คือหลักการ ดําเนินชีวิตที่จริงแทที่สุด กรอบแนวคิดของหลักปรัชญามุงเนนความ มั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนาอันมีคุณลักษณะที่สําคัญ คือ สามารถประยุกตใชในทุก ระดับ ตลอดจนใหความสําคัญกับคําวาความพอเพียง ที่ประกอบดวยความพอประมาณ ความมี เหตุมีผล มีภูมิคุมกันที่ดีในตัว ภายใตเงื่อนไขของการตัดสินใจและการดําเนินกิจกรรมที่ตอง อาศัยเงื่อนไขความรูและเงื่อนไขคุณธรรม” “หากทุกฝายเขาใจกรอบแนวคิด คุณลักษณะคํา นิยามของเศรษฐกิจพอเพียงอยางแจมชัดแลวก็จะงายขึ้นในการนําไปประยุกตใชเปนแนวทาง ปฏิบัติและจะนําไปสูผลที่คาดวา จะไดรับคือการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พรอมรับตอการ เปลี่ยนแปลงในทุกดาน ทั้งดานเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดลอม ความรูและเทคโนโลยี” 13


เศรษฐกิจพอเพียงเปนพระราชดํารัสที่พระราชทานใหประชาชนดําเนินตามวิถีแหงการ ดํารงชีพที่สมบูรณศานติสุขโดยมีธรรมะเปนเครื่องกํากับ และใจตนเปนที่สําคัญ ซึ่งที่พระองค ทรงรับสั่งมานั้น แทที่จริงคือวิถีชีวิตไทยนั่นเองวิถีชีวิตไทยที่ยึดเสนทางสายกลางของความพอดี เปนการเสริมพลังใหประเทศไทยสามารถพัฒนาไปไดอยางมั่นคงภายใตกระแสโลกาภิวัตนโดย ใหความสําคัญกับการสรางฐานทางเศรษฐกิจและสังคมใหเขมแข็งรักษาความสมดุลของทุนและ ทรัพยากรในมิติตางๆ ตลอดจนสามารถปรับตัวพรอมรับ ตอการเปลี่ยนแปลงตางๆ ไดอยาง เทาทันซึ่งเป็นหลักสำคัญ และนําไปสูความอยูเย็นเปนสุขของประชาชนชาวไทยในที่สุด (สํานักงานสภาปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ , 2553) 7.วิธีการคิดต้นทุน ราคาขาย กำไร ขาดทุน วิธีการคิดต้นทุน ราคาขาย กำไร ขาดทุน ๑. การค้าขาย หรือ การค้า (อังกฤษ: trade) หมายถึง การตกลงแลกเปลี่ยนสินค้า หรือบริการ หรือทั้งสองอย่าง การค้าขายสามารถเรียกได้อีกชื่อหนึ่งคือ การค้าขายเชิงพาณิชย์ (commerce) กลไกหรือสถานที่ที่สามารถมีการค้าขายเรียกว่าตลาด รูปแบบเริ่มต้นของการ ค้าขายคือ การยื่นหมูยื่น แมว ซึ่งหมายการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการโดยตรงระหว่างผู้ค้า ปัจจุบันนี้ โดยทั่วไปผู้ค้า สมัยใหม่ใช้การเจรจาต่อรองด้วยสิ่งแลกเปลี่ยน ซึ่งนั่นก็คือเงินตรา ๒. กำไร หมายถึง ผลที่ได้เหนือต้นทุน ๓. ขาดทุน หมายถึง การขายสินค้าได้ เงินน้อยกว่าต้นทุน ๔. ต้นทุนหมายถึงหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปเพื่อให้ได้สินค้า หรือผลของกิจการ ต้นทุนทางธุรกิจ ต้นทุนคงที่ ต้นทุนในการดำเนินงาน ต้นทุนในการผลิต ค่าใช้จ่ายในการจัด จำหน่าย ต้นทุนทางสังคม ต้นทุนผันแปร ต้นทุนต่อหน่วย ประมาณการต้นทุน ต้นทุนหน่วย ท้ายสุด ต้นทุนแรงงาน ค่าเสียโอกาส ต้นทุนรวม การวิเคราะห์ต้นทุน ค่าใช้จ่าย ราคา ความสามารถในการทำกำไร การบัญชี ๕. บัญชีรายรับ-รายจ่าย หมายถึง แบบบันทึกรายการรับเงินหรือจ่ายเงินที่เกิด ขึ้นจริง โดยมี ส่วนประกอบที่สำคัญคือ ๑. ชื่อบัญชีรายรับ-รายจ่าย ๒. วัน เดือน ปี ที่เกิดรายรับ-รายจ่าย ๓. รายการรับเงินหรือจ่ายเงิน ๔. จำนวนเงินที่รับหรือจ่ายจริง ๕. ยอดรวมรายรับและรายจ่ายทั้งหมด ๖. ยอดเงินคงเหลือเมื่อรายรับสูงกว่ารายจ่าย 8. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิจัยเกี่ยวกับเครื่องลูกปัดมโนราห์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยได้ ศึกษาเกี่ยวกับ วิวัฒนาการและที่มาของเครื่องลูกปัดที่ใช้ประกอบการแสดงมโนราห์ ขั้นตอนการทำ ลวดลาย การเลือกสีของศิลปินผู้สร้างเครื่องลูกปัดมโนราในจังหวัดนครศรีธรรมราช ผลการวิจัยพบว่า ลูกปัดที่นำมาทำเครื่องลูกปัดนั้นเป็นลูกปัดกระดูก และนำมาตกแต่งร่างกายผู้แสดงมโนรา 14


ช่วงสมัย รัชกาลที่ 6 ของกรุงรัตนโกสินทร์ ปีพุทธศักราชเท่าไหร่ไม่แน่ชัด องค์ประกอบของ เครื่องลูกปัดมี 5 ชิ้น คือ รอบอก 1 ชิ้น บ่า 2 ชิ้น ปิ้งคอ 2 ชิ้น ขั้นตอนการ ร้อยมี 8 ขั้นตอน ลักษณะการร้อยมี 2 แบบ คือ แบบผูกและแบบสอด ลวดลายที่ปรากฏส่วนใหญ่จะ เป็นลาย ลูกแก้ว ลายขนมตัด คือลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน การจัดวางสี มีตั้งแต่ 4 ถึง 9 สี แต่ไม่ กำหนด ว่าเป็นสีอะไร และมีวิวัฒนาการของเครื่องลูกปัด 3 แบบ คือ แบบเครื่องต้น แบบบัว และแบบ เครื่องลูกปัดแยกชิ้น ขนาดของเครื่องลูกปัดสร้างได้ทุกขนาดแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ของเด็กและ ของ ผู้ใหญ่ ปัจจุบัน เครื่องลูกปัดมีเฉพาะกลุ่ม คือผู้ที่จะแสดงเท่านั้น และมีการพัฒนาวิธีการร้อย น้อย มากส่วนใหญ่นการซ่อมบำรุงส่วนที่ขาดมากกว่า เชื่อว่า ถ้ามีปรากฏลักษณะที่กล่าวนี้ รูปแบบของเครื่องลูกปัดมโนราห์แบบเก่าก็น่าจะหายไปจากนครศรีธรรมราชในระยะเวลา อันใกล้นี้(ธีรวัฒน์ ,2538) ศึกษาเรื่องการประดิษฐ์เครื่องแขวนไทยจากถุงพลาสติก มี ประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิด และศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายในการประดิษฐ์เครื่องแขวนไทยจากถุงพลาสติก โดย ผู้ศึกษาโครงงานพิเศษได้ดำเนินการศึกษา รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเครื่องแขวน ไทย จำนวน 3 รูปแบบ เพื่อนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกแบบ และนำรูปแบบที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้เชี่ยวชาญมาประดิษฐ์เครื่องแขวนไทย จากถุงพลาสติก จำนวน 1 ชิ้น แล้วนำไปสอบถามความพึงพอใจจากกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 50 คน จากนั้นนำ ข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1) ผลของการศึกษาพบว่า ในการประดิษฐ์เครื่องแขวนไทยจากถุงพลาสติก ใช้รูปแบบโคม หวดประยุกต์ โดยการนำถุงพลาสติกชนิดมีหูหิ้วที่ผลิตจากแผ่นโพลิเอธิลีน ซึ่งร้านค้านิยมนำมาบรรจุ เสื้อผ้าเนื่องจากมีความหนา พื้นผิวมันเรียบ มีความแวววาว และมีสีสัน สวยงาม มาประดิษฐ์โดยการพับ กลีบทำเป็นพุ่ม กนก สวน ตัวแบบกลีบดอกบัว และดอกตุ้มและ ใช้ลูกปัดแทนตาข่าย 2) ความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อการประดิษฐ์เครื่องแขวนไทยจาก ถุงพลาสติกพึงพอใจด้านรูปทรง ประโยชน์ใช้สอย สถานที่ซื้อ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.01, 3.93 และ 4.10 ในขณะที่ความพึงพอใจด้านราคาอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ย 3.23 15


บทที่ 3 วิธีการดำเนินงาน การจัดทำโครงงานเรื่อง มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ คณะผู้จัดทำได้ดำเนินการ ตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1.ขั้นตอนและวิธีการทำมาลัยลูกปัด 1.1.ขั้นเตรียม ศึกษาค้นคว้าความรู้เรื่องมาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพขั้นตอนวิธีการร้อย มาลัยลูกปัด โดยแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงาน 1.2.ขั้นดำเนินการ 1.2.1. เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ในการทำมาลัยลูกปัด 1.2.2. ขอคำแนะนำจากคุณครูที่ปรึกษาโครงงาน เกี่ยวกับวิธีการร้อยมาลัยลูกปัด 1.2.3. จัดทำร่างโครงงานเรื่องมาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ 1.2.4. ดำเนินการจัดทำมาลัยลูกปัด 1.2.5. ออกแบบบรรจุผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับชิ้นงาน 1.2.6 คำนวณต้นทุนและราคาในการขาย ขั้นตอนการเตรียมลูกปัดร้อยมาลัย ภาพประกอบที่ 1 ขั้นตอนการร้อยมาลัยลูกปัด เตรียมเชือกเอ็น กรรไกร ลูกปัด และแผนผังการร้อยมาลัยลูกปัด ตัดเชือกเอ็นสำหรับร้อยลูกปัด นำลูกปัดมาร้อยตามแผนผังลายที่เลือก


1.ขั้นตอนการร้อยมาลัยลูกปัด (ลายลูกศร) ภาพประกอบที่ 2 แผนผังมาลัยลูกปัด (ลายลูกศร) ขั้นตอนการร้อยมาลัยลูกปัด (ลายลูกศร) 1. แถวที่ 1 ร้อยลูกปัดทั้งเม็ด 4 เม็ด แล้วใช้ปลายเอ็นนสวนเข้าที่ลูกปัดลูกสุดท้ายแล้ว ดึงให้ตึง 2. แถวที่ 2 ร้อยลูกปัดเข้าที่ปลายเอ็นฝั่งละ 1 เม็ด เส้นเอ็นด้านล่างใส่สีตรงข้ามกับ ลูกปัดกลุ่มที่ 1 แล้วร้อยลูกปัดเข้ากับลูกปัดที่อยู่ด้านบนแล้วนำปลายเอ็นด้านล่างสวนลูกปัด ด้านบน 3. แถวที่ 3 นำลูกปัด 2 เม็ดใส่เชือกเส้นข้างล่างใส่ลูกปัด 1 ที่เอ็นเส้นด้านบนแล้วนำ ปลายเชือกเอ็นด้านล่างมาสวนกับลูกปัดเม็ดที่อยู่ด้านบนแล้วดึง 4. แถวที่ 4 นำลูกปัดสีตามแบบจำนวน 3 เม็ด มาร้อยที่เอ็น แล้วนำปลายเอ็น ด้านล่างสวนลูกปัดสวนไปที่ลูกปัดสองเม็ด แล้วดึง 5. แถวที่ 5 ร้อยลูกปัดฝั่งละ 1 เม็ด แล้วนำปลายเป็นที่อยู่ข้างบนสวนเม็ดด้านล่าง 6. ทำตามขั้นตอนที่ 4 ถึงที่ 5 ไปเรื่อยๆ จนครบ 15 แถว 17


2.ขั้นตอนการร้อยมาลัยลูกปัด (ลายเกลียว) ภาพประกอบที่ 3 แผนผังมาลัยลูกปัด (ลายเกลียว) ขั้นตอนการร้อยมาลัยลูกปัด (ลายเกลียว) 1.แถวที่ 1 ร้อยด้านขวา 3 เม็ด ด้านซ้าย 1 เม็ด ด้านขวาสวนด้านซ้าย 2.แถวที่ 2 ร้อยด้านขวา 1 เม็ด ด้านซ้าย 2 เม็ด ซ้ายสอดด้านขวา 3.แถวที่ 3 ร้อยด้านขวา 1 เม็ด ด้านซ้าย 2 เม็ด สอดด้านซ้ายมาขวา 4.แถวที่ 4 ร้อยด้านขวา 2 เม็ด ด้านซ้าย 1 เม็ด ด้านขวาสอดด้านซ้ายดึงปลายซ้ายสอด 5.แถวที่ 5 ร้อยด้านขวา 1 เม็ด ด้านซ้าย 1 เม็ด ขวาสอดซ้าย 6.แถวที่ 6 ร้อยด้านขวา 1 เม็ด ด้านซ้าย 1เม็ด ซ้ายสอดขวา (เริ่มแถวที่ 1 ใหม่) 18


3.ขั้นตอนการร้อยมาลัยลูกปัด(ลายพื้นฐาน) ภาพประกอบที่ 4 แผนผังมาลัยลูกปัด (ลายพื้นฐาน) ขั้นตอนการร้อยมาลัยลูกปัด (ลายพื้นฐาน) 1.เริ่มต้นจากฐาน 4 นำลูกปัดมาร้อยใส่เอ็น 4 ลูกแล้วนำปลายเอ็นด้านใดด้านหนึ่งมา สอดใส่ลูกปัดตัวสุดท้ายเมื่อครบฐาน 4 แล้วให้ร้อยลูกปัดใส่สายเอ็นข้างหนึ่งใส่ 2 อีกข้างหนึ่งใส่ 1 แล้วให้ร้อยสวนจากด้านที่มี 1 เม็ดใส่ลูกปัดตัวแรกของด้านที่มี 2 เม็ดดึงเส้นเอ็นให้แน่นทั้ง 2 ด้านแล้วทำซ้ำอีกรอบ 2.ครั้งนี้ให้สวนจากด้านที่มี 2 เม็ดไปด้านที่มี 1 เม็ดเอาลูกปัดใส่ด้านซ้าย 2 เม็ดใส่ ด้านขวา 1 เม็ด ด้านซ้ายสวนใส่ลูกปัดในด้านขวาแล้วนำเอ็นที่สอดเข้ามาสอดเข้าไปในลูกปัด ด้านล่าง(ทำซ้ำ) จนกว่าจะได้ 16 แถว 19


บทที่ 4 ผลการดำเนินงานโครงงาน ผลการดำเนินงานโครงงานเรื่อง มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ ผู้จัดทำ โครงงานได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการดำเนินงาน มีผลการศึกษาค้นคว้า และแนวทางการ ปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ 1. ผลการดำเนินงาน 1.1 ได้มาลัยลูกปัดทั้งหมดจำนวน 3 แบบ ได้แก่ มาลัยลูกปัดลายพื้นฐาน มาลัยลูกปัด ลายเกลียว มาลัยลูกปัดลายลูกศร 1.2 ได้นำลูกปัดมาร้อยพวงมาลัยตามแบบที่กำหนดได้แก่ ลายพื้นฐาน ลายเกลียว และ ลายลูกศร 2. สูตรการคำนวณต้นทุน สูตร ราคา × ปริมาณที่ใช้ = ราคาต้นทุน (บาท) ปริมาณที่ซื้อ ต้นทุนในการทำมาลัย ขนาด 5 × 5 cm ราคาต้นทุน 44 + 5 ค่าบรรจุภัณฑ์ = 49 บาท ราคาขายพวงละ 89 บาท ได้กำไร 40 บาท ต้นทุนในการทำมาลัย ขนาด 10 × 10 ราคาต้นทุน 150 + 10 บรรจุภัณฑ์ = 160 บาท ราคาขายพวงละ 399 บาท ได้กำไร 239 บาท ต้นทุนการทำมาลัย ขนาด 20 × 20 cm ต้นทุน 822 + 65 บรรจุภัณฑ์ = 887 บาท ราคาขายพวงละ 1890 บาท ได้กำไร 1003 บาท ผลการศึกษามาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ ได้มาลัยลูกปัดทั้งหมดจำนวน 3 แบบ ได้แก่ มาลัยลูกปัดลายพื้นฐาน มาลัยลูกปัด ลายเกลียว มาลัยลูกปัดลายลูกศร ดังรูปภาพตัวอย่างต่อไปนี้


1.มาลัยลูกปัดลายพื้นฐาน ภาพประกอบที่ 5 แผนผังมาลัยลูกปัด (ลายพื้นฐาน) 2.มาลัยลูกปัดลายลูกศร ภาพประกอบที่ 6 แผนผังมาลัยลูกปัด (ลายลูกศร) 21


3.มาลัยลูกปัดลายเกลียว ภาพประกอบที่ 7 แผนผังมาลัยลูกปัด (ลายเกลียว) 22


บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาและข้อเสนอแนะ สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน การศึกษาวิธีการทำมาลัยลูกปัด ผลการศึกษาพบว่า 1.ได้มาลัยลูกปัดตามแบบที่กำหนด คือ มาลัยลูกปัดลายพื้นฐาน มาลัยลูกปัดลาย ลูกศร และมาลัยลูกปัดลายเกลียว 2.ได้นำลูกปัดมาร้อยเป็นมาลัยที่สวยงาม 3.มีแนวทางพัฒนาอาชีพในอนาคต ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประโยชน์ที่ได้รับ การศึกษามาลัยลูกปัดประโยชน์ที่ได้รับ มีดังนี้ ๑. ได้ความรู้และประสบการณ์ในการทำพวงมาลัยลูกปัด ๒. ได้ออกแบบลายพวงมาลัยจากลูกปัดและได้แบบตามที่ต้องการ ๓. เห็นคุณค่าในการประกอบอาชีพที่สุจริตตามหลักของปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ปัญหาและอุปสรรค การศึกษามาลัยลูกปัด พบปัญหาและอุปสรรค ดังนี้ 1.การดึงเส้นเอ็นตอนประกอบตัวลูกปัดไม่แน่นจะทำให้ลูกปัดผิดรูปทรงได้ 2.การประกอบตัวมาลัยกับอุบะต้องผูกทั้งสองส่วนให้แน่นหนาต้องใช้ความชำนาญ ในการทำ ข้อเสนอแนะ และแนวทางการพัฒนา ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนา มีดังนี้ 1.ควรพัฒนาตัวมาลัยให้มีรูปทรงมากขึ้นและนำไปใช้งานที่หลากหลาย เช่น พวงกุญแจ และเครื่องประดับ 2.การนำลูกปัดรูปทรงต่างๆ มาประยุกต์เป็นมาลัยรูปแบบใหม่ ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น 3.ควรออกแบบลวดลายแบบใหม่ที่ทันสมัยและทำให้มีหลากหลายขนาด


เอกสารอ้างอิง กิตติศักดิ์ ธรรมศักดิ์ชัย อุดมศักดิ์ สาริบุตร และทรงวุฒิ เอกวุฒิวงศา. 2558. การศึกษาและ พัฒนาของที่ระลึก จากเครื่องแขวนไทย.วารสารวิชาการ ศิลปะ สถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2558, จำเนียร หาญชัยภูมิ. (2555). การวิจัยเรื่องลูกปัด มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. ค้นหาข้อมูลวันที่ 1 พฤษภาคม 2567, จาก http://graduate.psru.ac.th/pdf/service/journal55ep1.pdf น้ำมนต์เรืองฤทธิ์. (2560). การพัฒนาชุดการสอนโดยใช้รูปแบบการสอนทักษะปฏิบัติ ของซิมพ์ซันเรื่องการร้อยลูกปัดวิชาการงานอาชีพ. ค้นหาข้อมูลวันที่ 1 พฤษภาคม 2567, จาก,https://www.tci-thaijo.org/index.php/suedureasearchjournal/98084 ปิยรัตน์รอดแก้ว และเกษร บริรักษ์.2558.เครื่องแขวนประยุกต์จากลูกปัดด้วยลวดลายชุด มโนราห์.การบริหารธุรกิจคหกรรมศาสตร์เทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ พิทย์ภัสร์เชี่ยวชลาคม.2555.การศึกษาเครื่องแขวนดอกไม้สดเพื่อออกแบบตกแต่งภายในศูนย์ นันทนาการของผู้สูงอายุ.บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร มณีรัตน์ จันทนะผะลิน.2528. หนังสือชุดมรดกไทย เล่มที่ 4 เครื่องแขวนไทย ดอกไม้สด . วิชาศิลปประดิษฐ์ ภาควิชาคหกรรมศาสตร์, คณะวิชาวิทยาศาสตร์, มทวิทยาลัยครู สวนดุสิต.กรุงเทพ : อมรินทร์การพิมพ์ มณีรัตน์ จันทนะผะลิน.2528.เครื่องแขวนไทยดอกไม่สด.สาขาศิลปะประดิษฐ์ ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะวิชาวิทยาศาสตร์วิทยาลัยครูสวนดุสิต. มณีรัตน์ จันทนะผะลิน.2552.วิจิตรการกรองพวงมาลัย.มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต วัฒนะ จูฑะวิภาต. 2527, การออกแบบ, กรุงเทพฯ : สารมวลชน วุฒิ วัฒนสิน องค์ ประกอศิลป์ พิมพ์ครั้งที่ 2, imprint, สงขลานครินทร์, มหาวิทยาลัย. อมรรัตน์ อนันต์วราพงษ์พีรพงษ์ หนูแดง พัสวี ศรีษะมน และชนาพร จันทร์สมัคร.2561. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุดโคมไฟจักสานจาก ใบลาน.วารสารราชพฤกษ์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 1 (มกราคม - เมษายน 256) 139-148 นายอุปสมบท ศรีน่วม, สัมภาษณ์ , 2559 การใช้งานลูกปัด สืบค้นจาก,https://fate709.wixsite.com/garland/garland-today หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงออนไลน์ , 2552 https://www.ytc.ac.th/ytc/editall2016/P.vichakan/DR%20O/V-S-1.pdf พรชัย. 2546, ลูกปัด รูปแบบของลูกปัด สืบค้นจาก,https://fate709.wixsite.com/garland/royal-culture นางนพมาศ.กรมศิลปากร,2532. มาลัย ประวัติมาลัย.การใช้พวงมาลัยในพระราชพิธีต่างๆ สืบค้นจาก, https://www.finearts.go.th/performing/view/21922


ภาคผนวก


ภาคผนวก ก ภาพประกอบการทำมาลัยลูกปัด


ภาพประกอบการร้อยมาลัยจากลูกปัด


ภาพประกอบการร้อยมาลัยจากลูกปัด


ภาพประกอบการร้อยมาลัยจากลูกปัด


ภาพประกอบการร้อยมาลัยจากลูกปัด


ภาคผนวก ข ตารางคำนวณต้นทุน – กำไร


คำนวณต้นทุน ต้นทุนในการร้อยมาลัย ขนาด 5 × 5 cm รายการ ราคา (บาท) ปริมาณซื้อ ปริมาณที่ใช้ ต้นทุน (บาท) 1 เชือกเอ็น 2 ลูกปัด 3 กลีบดอกไม้ปลอม 150 200 280 500 เมตร 1,000 เม็ด 350 กลีบ 3 เมตร 190 เม็ด 5 กลีบ 0.9 38 4 รวม 44 บาท หมายเหตุต้นทุนในการร้อยมาลัย ขนาด 5 × 5 cm ราคาต้นทุน 44 + 5 ค่าบรรจุภัณฑ์ = 49 บาท ราคาขายพวงละ 89 บาท ได้กำไร 40 บาท ต้นทุนในการร้อยมาลัย ขนาด 10 × 10 cm รายการ ราคา (บาท) ปริมาณซื้อ ปริมาณที่ใช้ ต้นทุน (บาท) 1 เชือกเอ็น 2 ลูกปัด 3 กลีบดอกไม้ปลอม 150 200 280 500 เมตร 1,000 เม็ด 350 กลีบ 10 เมตร 700 เม็ด 7 กลีบ 3 140 6 รวม 150 บาท หมายเหตุต้นทุนในการร้อยมาลัย ขนาด 10 × 10 ราคาต้นทุน 150 + 10 ค่าบรรจุภัณฑ์ = 160 บาท ราคาขายพวงละ 399 บาท ได้กำไร 239 บาท


ต้นทุนในการร้อยมาลัย ขนาด 20 × 20 cm รายการ ราคา (บาท) ปริมาณซื้อ ปริมาณที่ใช้ ต้นทุน (บาท) 1 เชือกเอ็น 2 ลูกปัด 3 กลีบดอกไม้ปลอม 4.ท่อสายยาง 150 800 280 35 500 เมตร 4,000 เม็ด 350 กลีบ 1,000 กรัม 20 เมตร 4,000 เม็ด 12 กลีบ 160 กรัม 6 800 10 5.6 รวม 822 บาท หมายเหตุ ต้นทุนในการร้อยมาลัย ขนาด 20 × 20 cm ราคาต้นทุน 822 + 65 ค่าบรรจุภัณฑ์ = 887 บาท ราคาขายพวงละ 1,890 บาท ได้กำไร 1,003 บาท


ภาคผนวก ค ประวัติวิทยากรผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับการร้อยมาลัยลูกปัด


นายเฉลิม แก้วลาไลย (คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน) นายเฉลิม แก้วลาไลย ผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับมาลัย ขั้นตอน วิธีการทำ การร้อยมาลัยจากลูกปัด ที่อยู่ 170 บ้านโคกสะอาด หมู่ 7 ตำบลศรีวิชัย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120 โทร 0655516463


ภาคผนวก ง ภาพประกอบการขายพวงมาลัยจากลูกปัด


ภาพประกอบการขายพวงมาลัยลูกปัด


ภาคผนวก ฉ ถอดบทเรียน เรื่อง มาลัยลูกปัดสร้างสรรค์สร้างงานสู่อาชีพ


ภาคผนวก ช ประวัติผู้จัดทำโครงงาน


ประวัติผู้จัดทำโครงงาน 1.เด็กชายเจษฎา พรรทา ชื่อเล่น เอ็มเค อายุ 15 ปี ที่อยู่ 287 บ้านโคกไพศาล หมู่ 9 ตำบลเดื่อศรีชัย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120 ปัจจุบันกำลังศึกษาที่โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ โทร 0983658472 อีเมล [email protected] 2.ด.ญ.ทิพธิดา กิติราช ชื่อเล่น กระถิน อายุ 15 ปี บ้านเลขที่ 113 หมู่ 10 บ้านปานเจริญ ตำบลเดื่อศรีคันไชย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120 ปัจจุบันกำลังศึกษาที่โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ เบอร์โทร 098-360-6755 E-mail/[email protected] 3.ด.ญ. สุชาดา ศรีขัดเค้า ชื่อเล่น ปาล์ม อายุ 15 ปี ที่อยู่ 18 บ้านปานเจริญ หมู่10 ตำบลเดื่อศรีคันไชย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120 ปัจจุบันกำลังศึกษาที่โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ โทร 0924827821 E-MAIL [email protected]


Click to View FlipBook Version