The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วารสารdsiฉบับebookเล่ม2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by akegapon18, 2021-06-01 04:30:33

วารสารdsiฉบับebookเล่ม2

วารสารdsiฉบับebookเล่ม2

การนำ� ขอ้ มลู บนระบบอนิ เทอรเ์ นต็ มาใชใ้ นปจั จบุ นั
ระบบธุรกิจที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ประกอบกับเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ในปัจจุบนั การท่ีองค์กรจะอยู่รอดได้จึงมีความจ�ำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลสารสนเทศท่ีทันสมัย เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
อยา่ งรวดเรว็ สามารถนำ� ไปวางแผน หรอื แกไ้ ขปญั หาเชงิ ธรุ กจิ ไดท้ นั ที เปน็ ความฉลาดในทางธรุ กจิ Business intelligence
โดยมกี ารคน้ หาวธิ กี ารในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ และรอบดา้ น การเลือกข้อมลู สารสนเทศทมี่ คี ณุ คา่ จากกองขอ้ มลู
ทม่ี ขี นาดใหญ่ และมกี ารเปลยี่ นแปลงทเ่ี พม่ิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ ตลอดเวลา เชน่ ขอ้ มลู ในระบบอนิ เทอรเ์ นต็ และระบบฐานขอ้ มลู
อนื่ ๆ เพอื่ ใหแ้ นใ่ จไดว้ า่ ระบบขอ้ มลู สารสนเทศทพ่ี ฒั นาขน้ึ มานน้ั เปน็ ขอ้ มลู สารสนเทศทสี่ ามารถตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการ
ของผบู้ รหิ ารระดับสงู ขององคก์ รได้ จึงจ�ำเปน็ ต้องมีระบบที่ชาญฉลาด สามารถช่วยเตรียมข้อมูลที่ทันสมัยอย่างรอบดา้ น
และมคี ณุ คา่ ทางธรุ กจิ ใหแ้ กอ่ งคก์ รได้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการวางแผนกลยทุ ธ์ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลในการปฏบิ ตั งิ าน
ในด้านต่าง ๆ ต่อไป แต่หากจะพิจารณาถึงประโยชน์ในการป้องกัน ปราบปราม การสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษแล้ว
เราสามารถน�ำข้อมูลท่ีแพร่กระจายอยู่ท่ัวไปในอินเทอร์เน็ตมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามความต้องการที่แตกต่างกันไปได้
เชน่ ระบบเวบ็ ไซตอ์ จั ฉรยิ ะ Web intelligence system ดงั น้ี คือการสืบค้นเพือ่ พสิ ูจน์ทราบหาความจริงหรอื แหล่งต้นตอ
ทมี่ าของขอ้ มลู ขา่ วสารตา่ ง ๆ ตวั อย่างเช่น กรณขี องข่าวปลอมหรอื ขา่ วทีไ่ ม่เป็นความจรงิ Fake news รวมถึงการค้นหา
การเกบ็ และรวบรวมขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสบื คน้ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ พยานหลกั ฐาน หรอื จดั เกบ็ เปน็ ระบบฐานขอ้ มลู เพอื่ ใชใ้ นการวเิ คราะห์
เชอ่ื มโยง รวมถงึ การคาดเดาเหตกุ ารณท์ ่จี ะเกดิ ข้นึ อย่างมเี หตผุ ลน่าเช่อื ถือได้ อันเปน็ การสังเกตการณ์เฝา้ ระวังในเชิงของ
การปอ้ งกันและการตดิ ตามเปา้ หมายต่าง ๆ เปน็ ตน้
แนวทางในการพัฒนา ระบบวเิ คราะหข์ อ้ มลู บนอนิ เทอร์เนต็ แบบอัจฉริยะ
มกี ารเตรยี มความพรอ้ มการกำ� หนดแนวทางและการวางแผนในการพฒั นาระบบในสว่ นเรมิ่ ตน้ ซง่ึ จะมคี วามสำ� คญั
อยา่ งมาก เราควรจะได้ส�ำรวจความต้องการในการใช้งานเสียก่อน ซึ่งก็จะต้องสอดคล้องกับภารกิจและอ�ำนาจหน้าท่ี
ความรบั ผดิ ชอบตามท่กี ฎหมายไดก้ �ำหนดเอาไว้ด้วย และนอกจากนกี้ ค็ วรที่จะต้องสอดคล้องกบั แผนที่นำ� ทาง Roadmap
ในการพฒั นาทางด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศของหนว่ ยงานหรอื องค์กรด้วย ทง้ั น้ี เพ่อื ใหต้ รงตอ่ ความตอ้ งการในการใชง้ าน
ตามภารกจิ อำ� นาจหนา้ ท่ี ความรบั ผดิ ชอบ และการพัฒนาจะได้ไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม ตอ่ จากนน้ั จงึ คอ่ ยมาศกึ ษา
ในรายละเอยี ดของความต้องการในการใชง้ านวา่ มีเปา้ หมาย วัตถุประสงค์ และจะก�ำหนดขอบเขตในการใช้งานอย่างไร
เพอ่ื เราจะไดพ้ จิ ารณานำ� เทคโนโลยที ง้ั ซอฟตแ์ วร์ ฮารด์ แวร์ ระบบฐานขอ้ มลู และระบบเครอื ขา่ ยทที่ นั สมยั ทม่ี คี วามเหมาะสม
และตรงกบั ความตอ้ งการ มาทำ� การออกแบบระบบ System design ทเี่ ปน็ ไปตามขน้ั ตอน สามารถใชง้ านไดจ้ รงิ รองรบั กบั
ภารกจิ ตามความตอ้ งการ และให้มปี ระสทิ ธิภาพสงู ที่สดุ ต่อไป

วารสาร 49 DSI

ทศิ ทางและแนวโนม้ ของการกอ่ อาชญากรรมทเี่ กย่ี วกบั คอมพวิ เตอรใ์ นประเทศไทยและทว่ั โลก
ตามกฎหมายกระทรวงแบง่ สว่ นราชการกรมสอบสวนคดพี เิ ศษ กระทรวงยตุ ธิ รรม พ.ศ. 2560 ใหก้ รมสอบสวนคดพี เิ ศษ

มีภารกิจเกี่ยวกับการป้องกัน ปราบปราม สืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ ที่ต้องด�ำเนินการสืบสวนและสอบสวนโดยใช้
วิธีการพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ

โดยสว่ นราชการทปี่ ฏบิ ตั หิ นา้ ทที่ างคดโี ดยตรง และสว่ นราชการทสี่ นบั สนนุ ในการทำ� คดพี เิ ศษอนื่ ๆ ยงั มอี ำ� นาจหนา้ ที่
ที่เก่ียวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลการข่าว ซ่ึงรวมถึงการข่าวโดยท่ัวไป และข้อมูลการข่าวทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และ
เทคโนโลยสี ารสนเทศ หรอื อปุ กรณใ์ นการสอื่ สาร ซงึ่ เปน็ ภารกจิ และหนา้ ทท่ี จ่ี ำ� เปน็ และสำ� คญั ตอ่ การสนบั สนนุ ในการปฏบิ ตั งิ าน
อย่างมากอกี ดว้ ย

การก่ออาชญากรรมในรูปแบบใหม่นี้ จะมีความยุ่งยากซับซ้อนและเปล่ียนแปลงวิธีในการกระท�ำความผิด
อยู่ตลอดเวลาและไม่มีข้อจ�ำกัดในเร่ืองขอบเขตของประเทศ จึงสามารถท่ีจะกระท�ำความผิดได้ทุกเวลา ทุกท่ีในโลก
และทกุ อปุ กรณ์ Anytime Anywhere and Any Devices สามารถทจี่ ะกระทำ� ความผดิ ไดใ้ นทกุ ๆ รปู แบบ โดยทไี่ มม่ ขี อ้ จำ� กดั ใด ๆ
โดยที่จะมุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ท่ีเป็นตัวเงินหรือทรัพย์สินเป็นหลัก Make for money และเงินหรือทรัพย์สินท่ีได้
จากการกอ่ อาชญากรรมทางไซเบอรจ์ ะมมี ลู ค่ามหาศาล แต่มคี วามเสี่ยงตอ่ การถูกจบั กุมได้นอ้ ยหรือแทบจะจบั กมุ ไม่ไดเ้ ลย
สว่ นการตดิ ตามรอ่ งรอยทางการเงนิ กก็ ระทำ� ไดย้ ากมาก เชน่ การโอนเงนิ ผา่ นทาง Crypto currency ตวั อยา่ งเชน่ Bitcoin
ซ่ึงเป็นโปรแกรมที่ท�ำงานบน Blockchain technology โดยจะกระท�ำในลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
มกี ารใชเ้ ทคโนโลยขี ้ันสูง Advanced ท่ีมีการซ่อนหรอื ปกปดิ เปน็ กลมุ่ ปดิ ทม่ี กี ารเขา้ รหสั และไมส่ ามารถตรวจสอบยอ้ นกลบั
ของแหล่งท่ีมาของการรับหรือส่งได้ รวมทั้งมีช่องทางลับ ท่ีมีเข้ารหัสในช่องของการติดต่อส่อสาร เช่น Deep web
หรือ Dark web อีกส่วนหน่ึง เป็นต้น

ดงั นน้ั แนวความคดิ ในการสรา้ งเครอ่ื งมอื พเิ ศษทางเทคโนโลยสี ารสนเทศและการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร โดยการเกบ็ รวบรวม
การวิเคราะห์ และเช่ือมโยงข้อมูลต่าง ๆ ที่มีค่าอันมากมายมหาศาล ท้ังในทางตรงและทางอ้อมที่แพร่กระจายบนระบบ
อนิ เทอรเ์ นต็ ถอื ไดว้ า่ เปน็ การพฒั นาทางนวตั กรรมทท่ี นั สมยั และมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สำ� หรบั การใช้งานจริง สามารถปรบั ปรงุ
เปลยี่ นแปลงใหต้ อบสนองตอ่ การทำ� งานไดท้ ง้ั ในปจั จบุ นั และอนาคต น�ำมาใช้งานได้ท้ังในเชิงรุกและเชิงรับไปพร้อม ๆ กัน
จึงเปน็ การตอบสนองตอ่ การท�ำงานตามภารกจิ และอำ� นาจหน้าท่ขี องกรมสอบสวนคดีพเิ ศษได้อย่างรอบด้านในทกุ ๆ มติ ิ
ทัง้ ในเชิงของการป้องกัน ปราบปราม และการสนบั สนุนงานการสืบสวนสอบสวนคดพี ิเศษได้เป็นอย่างดี

วารสาร 50 DSI

การออกแบบและการสรา้ งระบบ
รูจ้ �ำเสยี งพดู อัตโนมตั ิ (ระยะที่ 1)

การออกแบบและการสรา้ งระบบรจู้ ำ� เสียงพดู อตั โนมัติ (ระยะท่ี 1)

มงคล มีลนุ
เจา้ หน้าที่คดีพเิ ศษช�ำนาญการ ส่วนพฒั นาระบบงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ กองพัฒนาและสนับสนุนคดีพเิ ศษ

ภาพท่ี 1 การถวายรายงานผลงานวจิ ยั ในงานวนั มหกรรมวจิ ัยแห่งชาติ ประจำ� ปี พ.ศ. 2563
การดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั ของมนษุ ยน์ น้ั มกี ารตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั คอมพวิ เตอรโ์ ดยการตดิ ตอ่ ดว้ ยมอื ผา่ นอปุ กรณน์ ำ� เข้า
(Input Devices) ท่ีปัจจุบันได้มีการพัฒนาขึ้นมาหลายชนิด เช่น คีย์บอร์ด หรือ เมาส์ หรือ ปุ่มท่ีมีอยู่หลากหลาย
บนแปน้ โทรศพั ท์ แต่การติดต่อที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด คือ การใช้เสียงพูด การติดต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วยเสียงพูดน้ัน
ช่วยอ�ำนวยความสะดวกในการใช้งานคอมพวิ เตอร์ให้กับผู้ใชต้ า่ ง ๆ ได้ เชน่ ผู้สูงอายทุ ีไ่ มม่ คี วามช�ำนาญในการใชอ้ ุปกรณ์
น�ำเขา้ ทีม่ อี ยมู่ ากมายหลายชนดิ และผู้ที่มคี วามทพุ พลภาพทางรา่ งกาย ไดแ้ ก่ ผพู้ กิ ารทางมือและผ้พู กิ ารทางสายตา

วารสาร 52 DSI

ระบบรู้จ�ำเสียงพูดอัตโนมัติ (Automatic Speech Recognition)
เป็นเทคโนโลยีที่สามารถน�ำไปใช้ได้อย่างหลากหลาย อย่างเช่นในอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ (Health Care)
ผู้ทใ่ี ช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยนี ี้ คอื ฝา่ ยธรุ การ และหมอ พยาบาล เภสชั กรทไ่ี มถ่ นดั การพมิ พ,์ หรอื แมก้ ระท่ังทางการทหาร
กส็ ามารถน�ำเทคโนโลยนี ไ้ี ปใชเ้ พอ่ื ส่ังการระบบนักบนิ อัตโนมัติ (Autopilot), ตดิ ตั้งความถีค่ ลน่ื วิทยุ หรือควบคุมการบนิ
(flLight display) เป็นต้น นอกจากนี้เทคโนโลยีน้ียังสามารถน�ำไปใช้ประโยชน์อย่างอ่ืนได้อีก เช่น การแปลอัตโนมัติ,
การสง่ั การรถยนต,์ การโทรสนเทศ (Telematics), การรายงานในศาล (Court reporting หรอื Real - timeVoice Writing),
คอมพวิ เตอรแ์ ฮนดฟ์ ร,ี โทรศพั ทม์ อื ถอื , หนุ่ ยนต,์ ระบบตอบรบั อตั โนมตั ิ (Interactive Voice Response) และการควบคมุ
การจราจรทางอากาศ เป็นต้น
อกี สง่ิ สำ� คญั อยา่ งหนงึ่ ของการใชง้ านระบบรจู้ ำ� เสยี งพดู (Speech Recognition) เทคโนโลยี คือ การแปลงเสยี ง
จากคำ� พดู ของเรากลายเปน็ ตวั หนงั สอื ไดอ้ ยา่ งแมน่ ยำ� เพยี งแคพ่ ดู ภาษานน้ั ชดั เจนกส็ ามารถแปลงเปน็ ตวั เขยี นได้ ซง่ึ จะเปน็ การ
ลดเวลาการทำ� งานของหนว่ ยงานหลาย ๆ หนว่ ยงานได้ โดยไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งไปนงั่ ฟงั และพมิ พต์ าม ซงึ่ เปน็ การสนิ้ เปลอื งเวลา
และทำ� งานซ�้ำซอ้ นหลายข้นั ตอน
หลักการท่ัวไปของระบบระบุค�ำพูด
หลกั การรจู้ ำ� เสียงพดู ภาษาไทยในปจั จบุ นั ได้มงี านวจิ ัยจ�ำนวนมาก ท่ีมีการวจิ ัยเกย่ี วกบั การรู้จำ� เสียงพดู ภาษาไทย
ไมว่ า่ จะเปน็ เสยี งพดู ภาษาไทยกลาง หรอื แมก้ ระทง่ั เสยี งพดู ภาษาถน่ิ โดยเนน้ หลกั การสรา้ งระบบรจู้ ำ� เสยี งพดู ซง่ึ การทำ� งาน
จะประกอบดว้ ยการประมวลผลเบอื้ งตน้ (Preprocessing) การสกดั คา่ ลกั ษณะสำ� คญั (Feature extraction) และการรจู้ ำ�
(Recognition)

สัญญาณเสียง
การประมวลผลเบอื้ งตน
การสกัดคุณลักษณะสาํ คญั

การรูจ าํ
ผลการเรียนรู

ภาพที่ 2 หลักการโดยทัว่ ไปของระบบระบคุ ำ� พูด

วารสาร 53 DSI

หลกั การรจู้ ำ� เสยี งพดู เรมิ่ ตน้ ดว้ ยขนั้ ตอนของการประมวลสญั ญาณเบอื้ งตน้ ซงึ่ เปน็ ขน้ั ตอนในการจดั เตรียมเสยี งพดู
โดยเรม่ิ ตง้ั แตก่ ารแปลงสญั ญาณเสยี งพดู ทไ่ี ดม้ าจากการบนั ทกึ เสยี งมาเปน็ สญั ญาณเชงิ เลขซง่ึ ไดเ้ ปน็ ขอ้ มลู เสยี งพดู เพอ่ื ทจ่ี ะ
น�ำไปใชใ้ นการประมวลผลในข้นั ตอนต่อไปได้ เนื่องจากสัญญาณเสียงพูดเป็นค่าทางสถิติท่ีเปลี่ยนแปลงตามเวลา ท�ำให้
ไมส่ ามารถจำ� ลองสญั ญาณเสยี งพูดเป็นค่าทางสถติ ไิ ด้ ด้วยเหตนุ ้ีในการประยกุ ต์ใช้งานเสยี งพดู กับกรรมวธิ สี ญั ญาณดิจิทัล
จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งแบง่ สญั ญาณเสยี งพดู ออกเป็นสว่ นย่อยสัน้ ๆ เรยี กวา่ กรอบเสยี งพดู โดยในแตล่ ะสว่ นย่อยนัน้ จะมีความยาว
ประมาณ 10 - 40 มลิ ลิวินาที ท�ำให้กรอบเสียงพูดแต่ละกรอบมีค่าทางสถิติเปล่ียนแปลงตามเวลาน้อยมาก จนถือไดว้ า่
ในแตล่ ะกรอบเสยี งพดู มคี า่ ทางสถติ ไิ มเ่ ปลยี่ นแปลงตามเวลา จึงสามารถประมวลผลโดยใชค้ ่าทางสถติ กิ บั สญั ญาณเสยี งพดู
ในแต่ละกรอบได้ ซ่ึงมีการออกแบบและวิเคราะห์อัลกอริทึม1เพ่ือให้สอดคล้องกับภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
และพฒั นาซอฟตแ์ วร์ต้นแบบโดยเลือกใชร้ ะบบร้จู �ำเสียงพูดภาษาไทย “พาที (PARTII)2” ของเนคเทค3 ซึ่งเป็นซอฟตแ์ วร์
ทส่ี รา้ งโดยนกั วจิ ยั ไทย จงึ เหมาะสมกบั กรมสอบสวนคดพี เิ ศษทต่ี อ้ งการการรกั ษาขอ้ มลู ทเี่ ปน็ ความลบั แตกตา่ งจากซอฟตแ์ วร์
ต่างประเทศทีเ่ ครื่องแมข่ า่ ย (Server) อยู่ต่างประเทศท่ีข้อมูลอาจไมม่ ีความม่ันคงปลอดภัยได้

ระบบจำ� เสียงพดู อตั โนมตั ิเพอ่ื ใช้ในการสอบสวน
กรมสอบสวนคดพี เิ ศษมีพันธกิจเกย่ี วกับการปอ้ งกัน การปราบปราม การสืบสวนและการสอบสวนคดีความผิด
ทางอาญาทตี่ อ้ งดำ� เนนิ การสบื สวนและสอบสวน โดยใชว้ ธิ กี ารพเิ ศษตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการสอบสวนคดพี เิ ศษ โดยในปจั จบุ นั
การเก็บข้อมลู การสอบสวนบุคคลตา่ ง ๆ อยู่ในรูปแบบของขอ้ ความท่ีตอ้ งถกู ถอดออกมาจากเสยี งในขน้ั ตอนการสอบสวน
ซงึ่ เปน็ กระบวนการทซ่ี บั ซอ้ นและใชเ้ วลามาก จงึ มแี นวคดิ ทจ่ี ะนำ� เอาระบบรจู้ ำ� เสยี งพดู โดยอตั โนมตั ิ (Automatic Speech
Recognition) เข้ามาเพ่ือแก้ปญั หาดังกลา่ ว โดยหลักการท�ำงานคอื เมอ่ื ผใู้ ช้พูดใสไ่ มโครโฟน ระบบรู้จำ� เสียงพูดอตั โนมตั ิ
(Automatic Speech Recognition) จะแปลงสัญญาณเสยี งเป็นขอ้ ความท่พี รอ้ มนำ� ไปใชง้ านตอ่ ไดท้ ันที

1อัลกอรทิ มึ คือ กระบวนการแก้ปญั หาทส่ี ามารถอธิบายออกมาเปน็ ขั้นตอนทช่ี ดั เจน
2พาที (PARTII) คอื ระบบรจู้ ำ� เสียงพูดโดยอัตโนมัติ (Automatic Speech Recognition)
3เนคเทค คอื ศูนย์เทคโนโลยอี ิเลก็ ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แหง่ ชาติ (NECTEC)

วารสาร 54 DSI

ทง้ั นม้ี หาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ซึ่งเป็นทีมงานวิจัยในโครงการพัฒนาระบบ
รจู้ ำ� เสยี งพดู อตั โนมตั เิ พอ่ื ใชง้ านสอบสวนจงึ ใชง้ าน “พาที (PARTII)” ระบบรจู้ ำ� เสยี งพดู โดยอตั โนมตั ิ (Automatic Speech
Recognition) ซง่ึ เปน็ ระบบรจู้ ำ� เสยี งพดู ภาษาไทย “พาที (PARTII)” เวอรช์ นั 1.0 ซง่ึ เปน็ การวางกรอบสญั ญาณ คอื การแบง่
สญั ญาณเสยี งพดู ออกเปน็ สว่ นยอ่ ย ๆ เพอ่ื ใชใ้ นการหาค่าสหสมั พันธ์ เรม่ิ จากในขน้ั ตอนของการสอบสวนพนกั งานสอบสวน
ผู้ต้องหาหรือพยาน ท�ำการสอบสวนหรือสนทนาผ่านไมโครโฟน โดยจะมีไมโครโฟนประจ�ำตัวของแต่ละคน จากน้ัน
ข้อมูลเสียงของการสอบสวนหรือสนทนาท�ำการประมวลผล (Preprocessing) เพื่อตรวจสอบคุณลักษณะของเสียง
ท่ีไม่พึงประสงค์ออกไป เช่น เสียงรบกวน เป็นต้น จากน้ันระบบท�ำการส่งข้อมูลเสียงแยกตามไมโครโฟนของแต่ละคน
ไปยังโปรแกรมพาที (PARTII) ที่พัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)
เพม่ิ ทำ� การรจู้ ำ� ใหอ้ อกมาเปน็ ขอ้ ความตัวหนังสืออตั โนมัติตามเสยี งพดู จากน้ันระบบทำ� การจัดเกบ็ ขอ้ มูลเสียงและขอ้ ความ
จากการสอบสวนหรอื สนทนาเพ่ือใชป้ ระโยชน์ในการสบื ค้นไดใ้ นอนาคต

Audio Data PARTY Server

Storage Text Data

Audio Files / Text Files Application Server
• บันทกึ เสยี งพูดของแต่ละ
ไมโครโฟน และทาํ การวเิ คราะห์
(Preprocessing)
• ส่งเสียงพูดของแต่ละ
ไมโครโฟนไปยงั PARTY
Server เพือ� ทาํ การรู้จําขอ้ ความ
• รับขอ้ ความทไ�ี ด้จากการรูจ้ าํ จาก
PARTY Server และทาํ
การจดั เก็บ

พนักงานสอบสวน � พนกั งานสอบสวน � พนักงานสอบสวน � ผูต้ ้องหา/พยาน

ภาพที่ 3 ขัน้ ตอนการใชง้ าน

การวเิ คราะหแ์ ละขนั้ ตอนการออกแบบระบบอลั กอรทิ มึ เพอ่ื การสอบสวน
เครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการออกแบบและพฒั นา เพื่อให้ตอบสนองกับความตอ้ งการของผใู้ ชแ้ ละสามารถใช้งานได้จริง
โดยเลอื กใชเ้ ครอ่ื งมอื การวเิ คราะห์ และการออกแบบเชงิ โครงสรา้ ง ซ่งึ เป็นการอธิบายด้วยแผนภาพ ไดแ้ ก่ แผนภาพบริบท
(Context Diagram) แผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram level 1) และค�ำอธิบายการประมวลผลข้อมูล
(Process Description) การจัดการเอกสารในระบบงานใหม่สามารถอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติงานในลักษณะของ
แผนภาพแสดงการไหลของขอ้ มลู (Data Flow Diagram)

สัญญาณเสียงพดู
ผูใ ช ระบบรูจําเสียงพูดอัตโนมตั ิ

เอกสารฉบบั สมบรู ณ

ภาพที่ 4 แผนภาพบริบท (Context Diagram) : ระบบรจู้ �ำเสียงพูดอัตโนมัตเิ พอ่ื งานสอบสวน

วารสาร 55 DSI

ไฟลเอกสารตนแบบ (template)

ไฟลเอกสารตนแบบ (template)

1

ผูใช เอกสารตนแบบ

เลือกเอกสารตนแบบ เอกสารตนแบบ 3

2 เติมขอ ความลง
การรูจ าํ เสียงพูด เอกสารตนแบบ

(Speech ขอ ความ
Recognition)
สัญญาณเสียงพดู

เอกสารฉบบั สมบรู ณ

ภาพที่ 5 Data Flow Diagram Level 1 : ระบบรจู้ ำ� เสียงพดู อตั โนมัตเิ พือ่ งานสอบสวน
สรปุ ผลการพฒั นาระบบรจู้ ำ� เสยี งพดู อตั โนมตั ิ (ระยะท่ี 1)
การทำ� งานของระบบรจู้ ำ� เสยี งอตั โนมตั ิ (Automatic Speech Recognition) นนั้ เมอ่ื เสยี งพดู ถกู แปลงสญั ญาณเสยี ง
เปน็ ขอ้ ความแลว้ และใชง้ านกบั เอกสารตน้ แบบ (Template) ซง่ึ เปน็ รปู แบบหนงั สอื แบบฟอรม์ ราชการของแตล่ ะหนว่ ยงาน
เชน่ บนั ทกึ ถอ้ ยคำ� โดยจะเป็นการแปลงข้อความใหต้ ามท่ผี ู้ใช้ตอ้ งการ จากนน้ั ข้อความผลลพั ธ์ จะถกู เตมิ ลงในแบบฟอรม์
ทกี่ ำ� หนดไว้ เมอื่ ผใู้ ชพ้ ดู ใสไ่ มโครโฟน ระบบร้จู ำ� เสียงอตั โนมตั ิ (Automatic Speech Recognition) เสียงพูดจะถูกแปลง
สญั ญาณเสยี งเปน็ ขอ้ ความและใชง้ านกบั เอกสารทไี่ มม่ ตี น้ แบบ (Template) โดยจะเปน็ การแปลงขอ้ ความให้ไดต้ ามทีผ่ ใู้ ช้
ตอ้ งการ เชน่ ใบลา บนั ทกึ การประชมุ บนั ทกึ ขอ้ ความทางราชการ และเอกสารอน่ื ตามทผี่ ใู้ ชง้ าน เปน็ ตน้ ระบบสามารถแกไ้ ข
ไดอ้ ยา่ งสะดวก โดยผลลพั ธอ์ าจอยใู่ นรปู แบบของไฟลท์ ส่ี ามารถแกไ้ ขไดส้ ะดวก เชน่ Microsoft Word นอกจากนรี้ ะบบสามารถ
ทำ� การบนั ทกึ เสยี งและสามารถจดั เกบ็ ไดห้ ลากหลายรปู แบบ เชน่ WAV, MP3, AIFF, WMA และ AAC อกี ทง้ั ระบบสามารถ
ตอบสนองความตอ้ งการของผใู้ ช้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว โดยปรับให้ใช้โปรแกรม
เป็นโปรแกรมตวั เดียว ซึง่ สามารถใชไ้ ดก้ ับ Microsoft Ofiff ifi ce ทุกเวอร์ชั่น ต้งั แต่ Microsoft Ofifffii ce 2007, Microsoffi t
Offifiif ce 2010, Microsoft Ofcif e 2013, Microsoft Ofiffiif ce 2016 และ Microsoft Ofifffiice 365

ภาพที่ 6 การนำ� เสนอผลงานวจิ ัยในงานวันนกั ประดษิ ฐ์ ประจ�ำปี พ.ศ. 2563

วารสาร 56 DSI

ภยั รา้ ยจากการใชส้ ารพาราควอต
และสารคลอรไ์ พรฟิ อส

ภยั รา้ ยจากการใชส้ ารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส

ธานนิ ทร์ เปรมปรีด์ิ
ผอู้ �ำนวยการกองคดีคุม้ ครองผู้บรโิ ภค

ด้วยปัจจุบันคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ประกาศยกเลิกการใช้สาร 2 สาร ได้แก่ สารพาราควอต และ
สารคลอรไ์ พรฟิ อส (และประกาศจ�ำกัดการใช้สารไกลโฟเซต) เปน็ เหตุใหผ้ ู้ประกอบการบางรายน�ำสารตอ้ งหา้ มดังกลา่ ว
ผสมกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพ และน�ำไปหลอกขายให้กับประชาชนทางส่ือออนไลน์ รวมท้ังขายผ่านทางตัวแทนจ�ำหน่าย
อันเปน็ สาเหตหุ นึง่ ท่ที �ำให้ประชาชนน�ำไปใชแ้ ลว้ เกดิ อันตรายจ�ำนวนมาก โดยเฉพาะการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ซง่ึ ใน
ปหี นงึ่ ๆ ประชาชนทซี่ อ้ื ผลติ ภณั ฑช์ วี ภาพทม่ี สี ว่ นผสมของสารดงั กลา่ วไปใชแ้ ลว้ ไดร้ บั อนั ตรายมจี ำ� นวนมากถงึ 5,000 รายต่อปี
เสยี ชวี ิตมากกวา่ 500 รายตอ่ ปี และรัฐต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยมากกว่า 20 ล้านบาทต่อปี
นอกจากน้ี กรมวชิ าการเกษตร ไดม้ คี ำ� สงั่ ท่ี 750/2563 เรอ่ื ง การดำ� เนนิ การเกย่ี วกบั วตั ถอุ นั ตรายชนดิ ท่ี 4 ทกี่ รมวชิ าการเกษตร
เป็นผู้รับผิดชอบ ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ก�ำหนดให้ ผู้มีสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอสไว้ในครอบครอง
ต้องสง่ คนื แก่ผู้ขายทีต่ นซื้อมาใหแ้ ล้วเสร็จภายใน 90 วนั นับแตว่ นั ท่ี 1 มิถนุ ายน 2563 (ไม่เกินวันที่ 29 สิงหาคม 2563)
สว่ นผู้มใี บอนญุ าตมีไวใ้ นครอบครองเพอ่ื ขาย ต้องรับคืนจากผู้ซื้อ เพ่ือส่งมอบคืนให้ผู้ผลิตหรือน�ำเข้า พร้อมแจ้งปริมาณ
ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทก่ี รมวชิ าการเกษตรภายใน 180 วนั นับแต่วันที่ 1 มถิ นุ ายน 2563 (ไมเ่ กิน 28 กนั ยายน 2563) ดงั นนั้
หลังจากวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 จะไม่มีสารพาราควอต และสารคลอร์ไพริฟอสหลงเหลืออยู่กับประชาชนทั่วไป
หากผ้ใู ดไมด่ �ำเนินการตามคำ� สั่งกรมวชิ าการเกษตรดังกลา่ ว จะมโี ทษจ�ำคกุ ไมเ่ กิน 10 ปี หรอื ปรบั ไม่เกิน 1,000,000 บาท
หรอื ทั้งจำ� ทั้งปรบั

วารสาร 58 DSI

กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ โดย กองคดคี มุ้ ครองผ้บู ริโภค มภี ารกจิ หลกั ในการปอ้ งกนั และปราบปราม สบื สวน สอบสวน
ผกู้ ระทำ� ความผดิ เกยี่ วกบั การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค ตลอดจนการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การข่าวผา่ นสื่อต่าง ๆ วางแผนบรหิ ารจัดการ
เพอ่ื ปอ้ งกนั ปราบปราม สบื สวนสอบสวนคดีพเิ ศษทรี่ บั ผดิ ชอบ โดยในปัจจุบนั กองคดคี ้มุ ครองผู้บรโิ ภค ได้รับมอบหมายให้
ทำ� การสืบสวนสอบสวนคดีความผิดวา่ ดว้ ยวตั ถอุ ันตราย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึง่ มีอำ� นาจหน้าท่ี
สบื สวนสอบสวนคดีความผดิ เฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ในคดีความผิดท่ีมีบทก�ำหนดโทษตามมาตรา 74
มาตรา 75 มาตรา 76 และมาตรา 78 ตามพระราชบัญญตั วิ ัตถอุ ันตราย พ.ศ. 2535 และทีแ่ กไ้ ขเพิ่มเติม ทม่ี ีหรือมีมลู คา่
นา่ เช่อื วา่ มีมูลค่าวตั ถอุ ันตรายตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึน้ ไป หรอื มีผูจ้ ำ� นวนผ้เู สียหายตั้งแต่ 100 รายขน้ึ ไป ซง่ึ ในชว่ งทผี่ ่านมา
กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ได้ตระหนักถึงพิษภัยอันตรายที่เกิดจากสารเคมีดังกล่าว จึงได้บูรณาการการท�ำงานร่วมกับ
สำ� นกั ควบคุมพชื และวัตถุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท�ำการสืบสวนและปราบปราม
ผกู้ ระทำ� ความผดิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวตั ถอุ นั ตราย ซงึ่ เปน็ คดพี เิ ศษจำ� นวนหลายคดี มกี ารสนธกิ ำ� ลงั รว่ มกนั ในการเขา้ ตรวจคน้
กลุ่มผู้กระท�ำความผิด โดยเข้าตรวจค้นผู้ประกอบการที่มีการน�ำสารพาราควอตผสมในผลิตภัณฑ์ชีวภาพอินทรีย์
หลอกขายประชาชน ในจังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดอุตรดิตถ์ และ
กรงุ เทพมหานคร จนสามารถยดึ ของกลางได้เปน็ จำ� นวนมาก
จากความร่วมมือระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและกรมวิชาการเกษตรที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการสนธิก�ำลัง
ในการเขา้ ตรวจคน้ จบั กมุ ผกู้ ระทำ� ความผดิ และเขา้ ตรวจยดึ ของกลาง การประสานงานดา้ นขอ้ มลู ของกลมุ่ ผกู้ ระทำ� ความผดิ
การตรวจพสิ ูจน์สารเคมี ตลอดจนการเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กลา่ วโทษกับกลุ่มผกู้ ระท�ำความผิดของประชาชน รวมทง้ั
การให้ถ้อยค�ำต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีดังกล่าว ท�ำให้เกิดการด�ำเนินการจัดท�ำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU
เม่ือวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ท่ีผ่านมา เพ่ือประสานความร่วมมือในการท�ำงานต่าง ๆ ร่วมกัน

วารสาร 59 DSI

อย่างไรก็ดี วัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ได้ให้ค�ำนิยาม
“วัตถุอันตราย” ได้แก่ วัตถุระเบิด, วัตถุไวไฟ, วัตถุออกซิไดซ์และวัตถุเปอร์ออกไซด์, วัตถุมีพิษ, วัตถุท�ำให้เกิดโรค,
วัตถุกัมมันตรังสี, วัตถุที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม, วัตถุกัดกร่อน, วัตถุที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และ
วตั ถุทีอ่ าจทำ� ใหเ้ กิดอนั ตรายแก่บคุ คล สตั ว์ พชื ทรพั ย์ หรอื สิง่ แวดลอ้ ม โดยแบ่งออกเปน็ 4 ชนิด คอื
- วัตถุอันตรายชนิดท่ี 1 ได้แก่ วัตถุอันตรายท่ีการผลิต การน�ำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครอง
ต้องปฏบิ ัติตามหลกั เกณฑ์ และวิธกี ารทกี่ ำ� หนด
- วัตถุอันตรายชนิดท่ี 2 ได้แก่ วัตถุอันตรายที่การผลิต การน�ำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครอง
ตอ้ งแจ้งให้พนักงานเจา้ หน้าท่ที ราบกอ่ น และต้องปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารทีก่ ำ� หนด
- วัตถุอันตรายชนิดท่ี 3 ได้แก่ วัตถุอันตรายที่การผลิต การน�ำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครอง
ตอ้ งได้รับอนุญาต
- วตั ถอุ นั ตรายชนดิ ที่ 4 ไดแ้ ก่ วตั ถอุ นั ตรายทหี่ า้ มมใิ หม้ กี ารผลติ การนำ� เขา้ การสง่ ออก หรอื การมไี วใ้ นครอบครอง
โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบวัตถุอนั ตราย แบง่ ออกเป็น 6 หนว่ ยงาน โดยแยกออกเป็น 6 บัญชี ดังน้ี
- บญั ชีที่ 1 กรมวชิ าการเกษตร
- บญั ชที ี่ 2 กรมประมง
- บัญชีที่ 3 กรมปศสุ ตั ว์
- บัญชีท่ี 4 ส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
- บญั ชีที่ 5 กรมโรงงานอตุ สาหกรรม
- บญั ชที ่ี 6 กรมธรุ กิจพลงั งาน
ดังนั้น หากประชาชนได้รับความเสียหาย หรือพบความผิดเก่ียวกับวัตถุอันตราย ขอให้ตรวจสอบเบ้ืองต้น
ก่อนว่าวัตถุอันตรายดังกล่าวเป็นชนิดใด หรืออยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด เพ่ือจะได้ตรวจสอบชนิดสาร
และด�ำเนินการร้องทุกข์กับหน่วยงานได้อย่างถูกต้อง ระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ
เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาในการด�ำเนินการกับผู้กระท�ำความผิด อย่างไรก็ดี กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค กรมสอบสวน
คดีพิเศษ จะเร่งด�ำเนินคดีกับผู้กระท�ำความผิด รวมท้ังป้องกันปราบปรามการ กระท�ำความผิดเกี่ยวกับวัตถุอันตราย
ต่อไป

วารสาร 60 DSI

สภาพปญั หาและอุปสรรคในการดำ� เนินมาตรการ
เยียวยาผเู้ สยี หายคดีความผิดเกยี่ วกับแชร์ลูกโซ่

สภาพปัญหาและอปุ สรรคในการด�ำเนินมาตรการเยียวยา
ผเู้ สียหายคดีความผดิ เกีย่ วกับแชรล์ กู โซ่

พันต�ำรวจโท อานนท์ อนุ ทรจิ นั ทร์
ผเู้ ชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดวี า่ ดว้ ยการกู้ยมื เงนิ ท่เี ปน็ การฉอ้ โกงประชาชนและคดีวา่ ดว้ ยการเลน่ แชร์

แชรล์ ูกโซ่ หมายถึง รูปแบบการด�ำเนินธุรกรรม ที่มุ่งประสงค์เพื่อหารายไดจ้ ากการระดมทนุ จากผู้เล่นเปน็ หลกั
โดยแอบอา้ งเอาหลกั หรอื วธิ กี ารดำ� เนนิ งานธรุ กจิ ทถี่ กู ตอ้ งตามกฎหมายมากำ� หนดเปน็ รปู แบบในการหลอกลวง เชน่ ธรุ กจิ ขายตรง
ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น ทั้งน้ีเพ่ือสร้างความน่าเช่ือถือของการระดมทุน โดยอาจจะมีสัญญา
ในการเขา้ รว่ มธรุ กจิ ทมี่ ผี ลประโยชนต์ อบแทนในรปู แบบตา่ ง ๆ ทส่ี งู กวา่ เงนิ ลงทนุ และผปู้ ระกอบการมกั จะอา้ งถงึ การนำ� เงนิ
ไปลงทนุ ตอ่ ในรปู แบบอน่ื ๆ เพอ่ื ให้เกดิ ก�ำไรและจะนำ� เงนิ จากผลู้ งทนุ รายหลงั มาเวยี นจา่ ยให้กบั ผลู้ งทุนกอ่ นหนา้ ใหเ้ หน็ วา่
การลงทุนได้รับผลตอบแทนอย่างรวดเร็วจริง เพ่ือกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจจนเกิดการร่วมลงทุนในธุรกิจต่อเนื่อง
และกระจายเปน็ วงกวา้ ง จนเมอ่ื ถงึ “จุดอิ่มตัว” ที่มีผู้เข้าลงทุนจ�ำนวนมาก ก่อนจะปิดตัว ก็จะมีการดึงเงินลงทุนออกไป
จนไม่มีเงินเพียงพอมาเวียนจ่ายให้กับผู้ที่เข้าร่วมลงทุนในช่วงหลัง ๆ ได้ ท�ำให้เกิดสภาพ “แชร์ล้ม” เกิดความเสียหาย
ระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง แชร์ลูกโซ่จึงนับเป็นรูปแบบหนึ่งของธุรกิจการเงินนอกระบบ โดยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี
จะเปน็ ปจั จยั สำ� คญั อยา่ งหนงึ่ ทท่ี ำ� ใหแ้ ชรล์ ูกโซใ่ นสังคมไทยเกดิ ขน้ึ เป็นระยะ ๆ เพราะในชว่ งทเี่ ศรษฐกจิ ไมด่ ปี ระชาชนจะหา
วิธีเพ่ิมรายได้ เพ่ือให้ความเป็นอยู่ดีข้ึน กลุ่มบุคคลที่แสวงหาประโยชน์จึงอาศัยช่องทางนี้ในการหลอกลวงประชาชน
ใหเ้ ข้ารว่ มธรุ กจิ แบบแชรล์ ูกโซ่ โดยพฒั นารูปแบบวธิ กี ารตา่ ง ๆ ในการสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ประชาชนหลงเช่ือ
และน�ำเงินมาร่วมท�ำธุรกจิ ที่ไมม่ อี ยู่จรงิ จนประชาชนผลู้ งทุนได้รับความเสยี หาย

จากสถติ ขิ องกรมสอบสวนคดพี เิ ศษพบวา่ สถติ กิ ารดำ� เนนิ คดใี นความผดิ เกย่ี วกบั การกยู้ มื เงนิ ทเี่ ปน็ การฉอ้ โกงประชาชน
ของกองคดธี รุ กจิ การเงนิ นอกระบบ ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2558 ถงึ พ.ศ. 2561 พบการกระทำ� ความผดิ ทเี่ ปน็ คดพี เิ ศษ ซง่ึ มีผู้เสยี หาย
จำ� นวน 33,987 ราย มลู ค่าความเสียหายมากกวา่ 13,065,977,945 บาท (หน่งึ หมื่นสามพนั หกสิบห้าล้านเก้าแสนเจด็ หมนื่
เจด็ พันเกา้ ร้อยส่สี บิ ห้าบาทถว้ น) และมีแนวโน้มความเสียหายท่ีเพิ่มข้ึนในระยะเวลาท่ีส้ันลง เช่น จากเดิมกว่าผู้เสียหาย
จะรูต้ ัวใชเ้ วลา 1-2 ปี ก็เปลย่ี นเป็น 2-3 เดอื น โดยมีความเสียหายมากกว่า 500 ล้านบาท เป็นต้น คดีความผิดเกี่ยวกับ
แชรล์ กู โซจ่ งึ เปน็ อาชญากรรมทางเศรษฐกจิ ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ ระบบเศรษฐกจิ ของประเทศอยา่ งรนุ แรง เกดิ ปญั หาหนค้ี รวั เรอื น
ทีก่ ระทบตอ่ ครอบครวั และสงั คมเป็นวงกวา้ ง บางกรณมี ีลกั ษณะเปน็ อาชญากรรมข้ามชาติที่ยุ่งยากซับซ้อน ยากแก่การ
ป้องกนั ปราบปราม

ปญั หาความรนุ แรงของคดคี วามผดิ เกยี่ วกบั แชรล์ กู โซ่ รฐั บาลไดเ้ หน็ ชอบใหก้ ารกระทำ� ความผดิ เกยี่ วกบั คดแี ชรล์ กู โซ่
เปน็ วาระแหง่ ชาติ และได้กำ� หนดแนวทางการแกไ้ ขปญั หาใหแ้ กผ่ ูท้ ไ่ี ดร้ บั ผลกระทบจากแชร์ลูกโซ่ ซงึ่ การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย
เพอ่ื ปอ้ งกนั และปราบปรามการเงนิ นอกระบบคดีความผดิ เก่ยี วกบั แชร์ลูกโซ่นั้น มีหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานเข้ามา
เกยี่ วขอ้ ง ซงึ่ มภี ารกจิ หลกั ในมาตรการปอ้ งกนั ปราบปรามและภารกจิ สนบั สนนุ ในมาตรการเยียวยาผู้เสยี หาย โดยหนว่ ยงาน
ทีเ่ ก่ียวขอ้ งแบง่ ออกเป็น หน่วยงานท่ีมีภารกิจหลักในมาตรการป้องกันและปราบปราม คือ ส�ำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลงั กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ (ดเี อสไอ) และกองบงั คบั การปราบปรามการกระทำ� ความผดิ เกย่ี วกบั อาชญากรรม
ทางเศรษฐกจิ และหน่วยงานท่มี ภี ารกิจสนับสนุนในมาตรการเยยี วยา คือ สำ� นักงานป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงิน
(ป.ป.ง.) ส�ำนักเศรษฐกจิ การคลงั (สศค.) กระทรวงการคลัง และกรมบงั คบั คดี กระทรวงยุตธิ รรม



วารสาร 62 DSI

แนวทางการดำ� เนนิ การสภาพปญั หาและอปุ สรรคในการดำ� เนนิ มาตรการเยยี วยาผเู้ สยี หายคดคี วามผดิ เกยี่ วกบั แชรล์ กู โซ่
โดยใชก้ ลไกตามพระราชกำ� หนดการกู้ยมื เงินท่ีเป็นการฉอ้ โกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 10
1. การดำ� เนนิ การในการยดึ หรอื อายดั ทรพั ยส์ นิ ตามมาตรา 8 แหง่ พระราชกำ� หนด ฯ ในคดคี วามผดิ เกย่ี วกบั แชรล์ กู โซ่
ไดม้ กี ฎหมายกำ� หนดไวเ้ ปน็ การเฉพาะเกยี่ วกบั การยดึ หรอื อายดั ทรพั ยส์ นิ ของผตู้ อ้ งหา อนั เปน็ มาตรการเพอ่ื คุ้มครอง
ประโยชน์ของประชาชนผู้เสียหาย ก่อนจะมีการฟ้องคดีต่อศาล แม้จะมีข้อจ�ำกัดให้ยึดได้เฉพาะทรัพย์สินของผู้ต้องหา
ทรพั ยส์ นิ ของภรยิ า ทรพั ยส์ นิ ของบตุ รผเู้ ยาวเ์ ทา่ นน้ั ไมค่ รอบคลุมถึงทรัพยส์ นิ ของบคุ คลอืน่ ท่เี ปน็ เครอื ขา่ ยในการกระท�ำผดิ
ซงึ่ ยงั ไม่ถกู กล่าวหาวา่ เป็นผ้ตู อ้ งหา กระทรวงการคลังมีบทบาทในการบังคบั ใช้พระราชก�ำหนด ฯ ดงั กลา่ วโดยตรงในคดี
ความผดิ เก่ียวกับแชร์ลูกโซ่ และมีการใชอ้ �ำนาจตามมาตรา 7 และมาตรา 8 แหง่ พระราชกำ� หนด ฯ ในการสบื หาทรัพย์สนิ
ทผี่ ตู้ อ้ งหาไดก้ ยู้ มื ไปจากประชาชนอยา่ งรวดเรว็ ทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ คดอี าญาในความผดิ ฐานกยู้ มื เงนิ ทเี่ ปน็ การฉอ้ โกงประชาชน
หรอื ร่วมกนั ฉ้อโกงประชาชนชดั เจนและมีประสทิ ธิภาพ
2. สภาพปัญหาและอุปสรรคของการยดึ หรอื อายดั ทรพั ยส์ นิ มาตรา 8 แหง่ พระราชก�ำหนด ฯ
มีข้อจ�ำกัดในด้านระยะเวลาของการยึดหรืออายัดที่ไม่แน่นอน เนื่องจากกฎหมายก�ำหนดให้สามารถยึดหรือ
อายัดได้เฉพาะทรัพย์ของผู้ต้องหา ก่อนที่จะมีการฟ้องคดีต่อศาล เมื่อผู้ต้องหาถูกฟ้องเป็นจ�ำเลยต่อศาลแล้ว ท�ำให้
ไม่สามารถออกค�ำส่ังยึดหรืออายัดได้อีก ดังนั้น หากการสอบสวนความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ เป็นกรณีท่ีมีการจับกุม
แจ้งข้อหา และส่งฟ้องผู้ต้องหาไปภายในระยะเวลาการควบคุมหรือฝากขัง การด�ำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สิน
ตามแนวทางนี้ก็ต้องยุติการด�ำเนินการ

หน่วยงานท่ีมีภารกิจหลักในการป้องปราบการเงินนอกระบบ ลดบทบาทการเป็นเจ้าภาพหลัก ในการบังคับใช้
กฎหมายลง ไมใ่ ช้อำ� นาจตามมาตรา 7 และมาตรา 8 เน่ืองจากมีข้อจ�ำกัดด้านก�ำลังพล และเหน็ วา่ หนว่ ยงานทเี่ ก่ียวข้อง
สามารถใช้อ�ำนาจของตน ท้ังในส่วนการรับเรื่องร้องทุกข์ ในการสืบสวนเกี่ยวกับทรัพย์ การด�ำเนินการยึดหรืออายัด
ของพนักงานสอบสวน เม่ือบูรณาการร่วมกับส�ำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จะสามารถด�ำเนินการ
ได้อย่างรวดเร็ว

วารสาร 63 DSI

3. สภาพปญั หาและอปุ สรรคในการฟอ้ งลม้ ละลายตามมาตรา 10 แหง่ พระราชกำ� หนด ฯ
ระยะเวลาในการด�ำเนินคดีเพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชก�ำหนดการกู้ยืมเงิน
ทเี่ ป็นการฉอ้ โกงประชาชน พ.ศ. 2527 เนื่องจากคดีความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ ลักษณะคดีจะมีผู้ร่วมกระท�ำผิดจ�ำนวน
หลายราย มผี เู้ สยี หายจำ� นวนมาก คา่ เสยี หายสงู และระยะเวลากวา่ คดจี ะถงึ ทสี่ ดุ ใชเ้ วลานานมาก ทงั้ ในสว่ นคดอี าญาและ
คดลี ม้ ละลาย
4. สภาพปญั หาในการสรปุ สำ� นวนสง่ เรอื่ งใหพ้ นกั งานอยั การดำ� เนนิ คดลี ม้ ละลายตามมาตรา 10
โดยสว่ นป้องปรามการเงินนอกระบบเห็นว่า บทบัญญัติของกฎหมายไม่ได้ให้อ�ำนาจในการตรวจสอบทรัพย์สิน
เพอ่ื พสิ จู นว์ า่ ผตู้ อ้ งหามหี นส้ี นิ ลน้ พน้ ตวั ตามกฎหมายวา่ ด้วยการล้มละลาย หรือมีสนิ ทรพั ยไ์ ม่พอชำ� ระหน้ีสนิ จึงเกิดปัญหา
ในการขอตรวจสอบทรพั ยส์ นิ จากสถาบนั การเงิน ซึ่งเปน็ ขอ้ มูลทางการเงินของลูกค้าเจา้ ของบัญชี
ในปัจจุบันจึงแก้ปัญหาโดยการบูรณาการกับส�ำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้ด�ำเนินการ
ตรวจสอบทรัพยส์ นิ เพื่อน�ำมาประกอบส�ำนวนและหากการสรุปส�ำนวนส่งเรื่องให้พนักงานอัยการมีข้อผิดพลาดเก่ียวกับ
จำ� นวนรายชอ่ื จำ� นวนเงนิ ของผเู้ สยี หาย หรอื มขี อ้ ผดิ พลาดอน่ื ๆ จะทำ� ใหเ้ กดิ ความลา่ ชา้ ในการพจิ ารณาสำ� นวนของพนกั งาน
อยั การคดีล้มละลายออกไปอีก
5. สภาพปญั หาและอปุ สรรคการบงั คบั คดี ในสว่ นของคดคี วามผดิ เกยี่ วกบั แชรล์ กู โซ่ ของกรมบังคับคดี มี 2 แนวทาง
คอื 1) การบงั คบั คดแี พง่ และ 2) การบงั คบั คดลี ม้ ละลาย
ในส่วนการบังคบั คดีแพง่ ในคดคี วามผิดเกี่ยวกับแชร์ลกู โซ่ เจ้าหน้ีจะต้องต้ังเรื่องบังคับคดี และน�ำเจ้าพนักงาน
บังคับคดีไปยึดทรัพย์สินต่าง ๆ น�ำมาชดใช้คืนแก่เจ้าหนี้ แต่ปัญหาที่พบคือเจ้าหน้ีไม่มีข้อมูลเก่ียวกับทรัพย์ของลูกหน้ี
จึงไม่สามารถมาตั้งเรื่องบังคับคดีได้ ไม่สามารถยึดหรืออายัดทรัพย์ได้
ในส่วนการบังคับคดีล้มละลายในคดีความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ การฟ้องล้มละลายสามารถด�ำเนินการได้
โดยพนกั งานอยั การฝา่ ยคดลี ม้ ละลายหรอื เจา้ หนกี้ ไ็ ด้ การบังคับคดีล้มละลาย มปี ระสทิ ธภิ าพและมคี วามสมั ฤทธผิ์ ลมากกวา่
การบงั คบั คดแี พ่ง หลังจากศาลมีค�ำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอ�ำนาจในการเรียกบุคคลหรือลูกหนี้
มาให้ข้อมูลเก่ียวกับทรัพย์ของลูกหนี้ สามารถยึดหรืออายัดท่ีอยู่ในข้ันตอนการบังคับคดีแพ่ง หรืออาจให้ความเห็นชอบ
ให้ด�ำเนินการบังคับคดีแพ่งระหว่างมีค�ำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แต่ในข้ันตอนการท�ำส�ำนวนบังคับคดีล้มละลายในคดีความผิด
เกย่ี วกับแชร์ลูกโซ่ ปัญหาเกดิ จากผู้เสียหายมจี ำ� นวนมาก เจ้าพนักงานบังคับคดีตอ้ งท�ำสำ� นวนเพื่อเสนอตอ่ ศาลในรูปแบบ
เจา้ หนี้ 1 รายตอ่ 1 สำ� นวนคดี ท�ำใหเ้ จา้ หน้ที โ่ี ตแ้ ยง้ หรอื อทุ ธรณเ์ ก่ยี วกบั หนีข้ องตนต่อศาลใช้เวลานานมากขนึ้ ในการสรปุ
ความเสยี หายของเจ้าหนี้

วารสาร 64 DSI

แนวทางดำ� เนนิ การสภาพปญั หาและอปุ สรรคของการดำ� เนนิ มาตรการเยยี วยาโดยใชก้ ลไกการดำ� เนนิ การเกยี่ วกบั
ทรพั ยส์ นิ ทเ่ี กยี่ วกบั การกระทำ� ผดิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. 2542 อันเกดิ จากความผดิ
มูลฐานคดีความผิดเกย่ี วกบั แชรล์ กู โซ่
1. แนวทางด�ำเนินการของส�ำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในคดีความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่
ท่ีเป็นความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน เป็นการด�ำเนินมาตรการทางแพ่งเก่ียวกับทรัพย์สินที่เก่ียวกับการกระท�ำผิด
เมอ่ื เกดิ ความผดิ มลู ฐานเกยี่ วกบั แชรล์ กู โซ่ คณะกรรมการจะมคี ำ� สง่ั มอบหมายใหก้ องคดไี ปดำ� เนนิ การสบื สวน
สอบสวนเกี่ยวกับทรัพย์สิน โดยในระหว่างด�ำเนินการหากมีเหตุอันควรเชื่อได้ ว่ามีการยักยอกถ่ายเททรัพย์สินเก่ียวกับ
การกระทำ� ความผิด สามารถเสนอต่อคณะกรรมการธุรกรรมให้มีคำ� ส่ังยดึ หรอื อายดั ไว้ชัว่ คราว มกี �ำหนดไมเ่ กนิ 90 วนั
สำ� หรบั คดคี วามผดิ เกยี่ วกบั แชรล์ กู โซเ่ ปน็ ความผดิ มลู ฐานทม่ี ผี เู้ สยี หาย จงึ มรี ะเบยี บวา่ ดว้ ยการคมุ้ ครองสทิ ธิ
ของผ้เู สยี หาย โดยคณะกรรมการธุรกรรมให้ยึดหรืออายัดช่ัวคราวแล้วให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยก�ำหนดให้
ผูเ้ สยี หายย่ืนค�ำรอ้ งพรอ้ มหลกั ฐานแสดงรายละเอียดและจ�ำนวนความเสียหายยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในก�ำหนด
เวลา 30 วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา และใหเ้ ลขาธกิ ารของพนกั งานอยั การยนื่ คำ� รอ้ งขอใหศ้ าลมคี ำ� สงั่ ให้
นำ� ทรพั ยส์ นิ ทเี่ กย่ี วกบั การกระทำ� ผดิ ไปคนื หรอื จะใชค้ นื ใหแ้ กผ่ เู้ สยี หาย เมอ่ื ศาลมคี ำ� สง่ั ใหค้ นื ทรพั ยส์ นิ หรอื ชดใชใ้ หผ้ เู้ สยี หาย
ใหส้ �ำนกั งานป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงินดำ� เนนิ การตามคำ� สั่งศาลโดยเรว็ หากศาลมคี ำ� สงั่ พพิ ากษาใหน้ ำ� ทรพั ยส์ นิ
ออกขายทอดตลาดเพอ่ื นำ� เงนิ ไปชดใชค้ นื ใหแ้ กผ่ เู้ สยี หาย ใหท้ ำ� บญั ชคี นื หรอื ชดใชค้ นื ทรพั ยส์ นิ ทเี่ กยี่ วกบั การกระทำ� ความผดิ
ใหแ้ กผ่ เู้ สียหาย
2. สภาพปญั หาและอปุ สรรคในการยดึ หรอื อายดั ทรพั ยใ์ นคดคี วามผดิ เกย่ี วกบั แชรล์ กู โซโ่ ดยใชก้ ลไกของพระราชบญั ญตั ิ
ป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
2.1 การดำ� เนนิ การจะตอ้ งรอใหม้ รี อ้ งทกุ ขด์ ำ� เนนิ คดใี นความผดิ มลู ฐานเสยี กอ่ น ซง่ึ การดำ� เนนิ การของพนกั งาน
สอบสวนเก่ียวกับความผิดมูลฐานนั้น เม่ือมีคดีเกิดข้ึนมักจะมีผู้เสียหายจ�ำนวนมากเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
พฤตกิ ารณแ์ หง่ คดอี าจมขี อ้ เทจ็ จรงิ ทซี่ บั ซอ้ น มเี ครอื ขา่ ยผกู้ ระทำ� ผดิ จำ� นวนมาก การสบื สวนสอบสวนจะตอ้ งจะมอี งคป์ ระกอบ
การดำ� เนนิ การทง้ั ในดา้ นสบื สวนเกย่ี วกบั ทรพั ย์ การยดึ หรอื อายดั การเกบ็ รกั ษาทรพั ยแ์ ละการคนื ทรพั ย์ การสืบสวนเกีย่ วกับ
เส้นทางการเงิน ซึ่งการสอบสวนคดีมูลฐานอาจมีข้อจ�ำกัดด้านอ�ำนาจตามกฎหมาย ต้องใช้ก�ำลังพล งบประมาณในการ
ด�ำเนินการจ�ำนวนมาก มีความยุ่งยากในการด�ำเนินคดีและการบริหารจัดการทรัพย์สินที่เก่ียวกับการกระท�ำความผิด
ภายหลังจากการยึดหรืออายัด การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายน้ีต้องรอการด�ำเนินการคดีมูลฐาน จึงท�ำให้เกิด
ความลา่ ช้าไมส่ ามารถเขา้ มาตรวจสอบยดึ หรืออายัดทรัพยท์ ี่เกย่ี วกับการกระทำ� ผดิ ไดท้ นั ที

วารสาร 65 DSI

2.2 ปญั หาความเขา้ ใจเกยี่ วกบั อำ� นาจหนา้ ทข่ี องพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี จากกรณที ยี่ ดึ หรอื อายดั ไวเ้ ปน็ ของกลาง
ในคดคี วามผดิ มลู ฐานหรอื ของกลางในคดฟี อกเงนิ เกย่ี วกบั หลักเกณฑก์ ารพจิ ารณาไมช่ ัดเจนวา่ ทรพั ย์ของกลางท่ีพนักงาน
สอบสวนยึดไว้จะสามารถดำ� เนนิ การในอ�ำนาจของพนกั งานเจ้าหน้าท่ีไดห้ รือไม่
2.3 ปัญหาความยุ่งยากในการย่ืนเรื่องต่อพนักงานอัยการเพ่ือให้ศาลส่ังให้คืนหรือชดใช้คืนทรัพย์สิน
แกผ่ ูเ้ สยี หายการตรวจสอบทรพั ย์สินทเ่ี กยี่ วกับการกระท�ำผิดในคดีความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ที่มีเครือข่ายผู้กระท�ำผิด
หรอื เปน็ บคุ คลทเี่ กยี่ วขอ้ งสมั พนั ธก์ บั ผกู้ ระทำ� ผดิ จำ� นวนมากแลว้ ยงั มที รพั ยส์ นิ ทตี่ อ้ งดำ� เนนิ การจำ� นวนมาก จะตอ้ งดำ� เนนิ การ
ตามระเบยี บวา่ ด้วยการคุ้มครองสทิ ธผิ เู้ สยี หาย ซ่ึงเป็นการบันทึกรายละเอียดเก่ียวกับผู้เสียหาย รายการความเสียหาย
โดยใช้เอกสารหลักฐานประกอบการยืนยันความเสียหายทุกราย ซ่ึงต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและใช้เวลานาน
ในการจดั ทำ� บญั ชคี นื หรอื ใชค้ นื ทรพั ยส์ นิ ทเ่ี กย่ี วกบั การกระทำ� ผดิ ใหก้ บั ผเู้ สยี หาย และมกี รณที ผี่ เู้ สยี หายมารอ้ งขอใหค้ มุ้ ครองสทิ ธิ
ไมพ่ รอ้ มกนั ทำ� ใหต้ ้องมกี ารจัดทำ� บญั ชีคนื หรือใช้คืนทรพั ย์สนิ เพมิ่ เตมิ เพื่อใหต้ รงกบั จ�ำนวนผเู้ สียหายในส่วนของผ้เู สยี หาย
ทย่ี น่ื ขอคมุ้ ครองสทิ ธเิ พมิ่ เตมิ โดยจะมีการใช้ระยะเวลานานกว่าคดีจะถึงทส่ี ุด ท�ำใหผ้ ู้เสียหายไม่สามารถได้รับคืนทรพั ยส์ นิ
ตามค�ำส่ังศาลได้อย่างรวดเร็วในคราวเดียว
สดุ ทา้ ยน้ี ส�ำหรับแนวทางด�ำเนินการสภาพปัญหาและอุปสรรคของการด�ำเนินมาตรการเยยี วยาในคดคี วามผิด
เก่ยี วกับแชร์ลูกโซ่ โดยใช้กลไกตามพระราชก�ำหนด ฯ การกูย้ มื เงนิ ทีเ่ ป็นการฉอ้ โกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 8 และ
มาตรา 10 กับแนวทางด�ำเนินการสภาพปญั หาและอุปสรรคของการดำ� เนนิ มาตรการเยียวยา โดยใชก้ ลไกการดำ� เนนิ การ
เกีย่ วกบั ทรพั ย์สินทเี่ ก่ียวกับการกระทำ� ความผิดตามกฎหมายว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
อนั เกดิ จากความผดิ มลู ฐานของคดคี วามผดิ เกยี่ วกบั แชรล์ กู โซน่ น้ั มจี ดุ มงุ่ หมายเดียวกันในการด�ำเนินการเก่ียวกับทรัพย์สิน
ที่ผู้กระท�ำผิดได้กู้ยืมไปจากประชาชนผู้เสียหาย และเป็นมาตรการคุ้มครองประโยชน์ประชาชนผู้เสียหายท่ีให้กู้ยืมเงิน
แต่มีแนวทางด�ำเนินการที่ครอบคลุม มีจุดเด่นและข้อจ�ำกัด รวมไปถึงสภาพปัญหาและอุปสรรคในแต่ละแนวทางนั้น
จะแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น การสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ จึงควรน�ำเอาจุดเด่นของการ
ด�ำเนินการทั้ง 2 แนวทางมาประยุกต์ใช้กับคดีพิเศษอย่างสมดุล น�ำเอานวัตกรรมต่าง ๆ มาปรับใช้ในกระบวนการ
สืบสวนสอบสวน เพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไป

วารสาร 66 DSI

การซกั ถามตามหลกั มนุษยชนและหลกั จิตวิทยา
เพื่อการสืบสวนสอบสวนคดพี เิ ศษ

การซกั ถามตามหลักมนุษยชนและหลกั จติ วทิ ยา
เพ่ือการสืบสวนสอบสวนคดพี ิเศษ

พันตำ� รวจโท คมวิชช์ พัฒนรฐั
ผ้เู ช่ียวชาญเฉพาะดา้ นกจิ การตา่ งประเทศและคดอี าชญากรรมระหว่างประเทศ

ในการสอบสวนคดอี าญา การรวบรวมพยานหลกั ฐานถอื เปน็ กระบวนการตน้ ทางทส่ี ำ� คญั ของกระบวนการยุตธิ รรม
ทางอาญา กล่าวคือ เป็นการคน้ หาความจรงิ และน�ำตัวผู้กระทำ� ความผิดมาลงโทษตามกระบวนการ/ข้ันตอนการรวบรวม
พยานหลกั ฐาน ท้ังพยานบุคคล พยานวตั ถุ พยานเอกสาร รวมถึงพยานทางนติ ิวทิ ยาศาสตร์ หรอื พยานทร่ี วบรวมได้ทาง
เทคโนโลยตี า่ ง ๆ ทปี่ ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญากำ� หนดไว้ โดยพนกั สอบสวนซงึ่ เปน็ ผมู้ บี ทบาทหนา้ ทท่ี งั้ การสบื สวน
และสอบสวนคดีอาญา จะต้องมีความรู้ความช�ำนาญในการด�ำเนินการ เพื่อให้ได้มาซ่ึงพยานหลักฐานที่สามารถน�ำสืบ
ในช้ันพิจารณาพนักงานอัยการและชัน้ ศาลได้อยา่ งมีคณุ ภาพ การสอบสวนจึงเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานเพ่ือพิสูจน์
ความผดิ หรอื ความบรสิ ทุ ธข์ิ องผตู้ อ้ งหา เพอ่ื ให้พนกั งานอัยการหรอื ศาลไดว้ นิ จิ ฉยั จากพยานหลกั ฐานทงั้ สองดา้ นของคคู่ วาม
แลว้ จงึ มคี ำ� สงั่ ฟ้องหรือไม่ หรือมคี ำ� พพิ ากษาว่าผู้ต้องหาหรอื จ�ำเลยกระท�ำความผดิ หรอื ไม่
การสอบปากคำ� ตามมาตรา 131 มาตรา 133 วรรคสาม และมาตรา 135 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา เป็นกระบวนการ/ข้ันตอนการรวบรวมพยานหลักฐานท่ีส�ำคัญ ถือเป็นกุญแจน�ำไปสู่การพิสูจน์ความผิดหรือ
ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา และอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดีในลักษณะต่าง ๆ นอกจากนั้น วิธีการสอบปากค�ำยังมีผลต่อ
ความนา่ เช่ือถอื ของกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา และการกระทบต่อประสทิ ธภิ าพในการอำ� นวยความยุติธรรม รวมท้งั
การคมุ้ ครองสิทธิมนุษยชน
กรมสอบสวนคดพี เิ ศษเปน็ หนว่ ยงานบงั คบั ใชก้ ฎหมายทรี่ บั ผดิ ชอบดำ� เนนิ คดอี าญาทเี่ ปน็ คดพี เิ ศษ ดงั นน้ั จงึ ควรนำ�
หลกั การสอบปากคำ� ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนและจติ วทิ ยา โดยการนำ� เทคนคิ การซกั ถามเพอ่ื พฒั นาการสบื สวนสอบสวนคดพี เิ ศษ
มาใชใ้ นการสบื สวนสอบสวนคดพี เิ ศษอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและจรงิ จงั เพอ่ื เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการรวบรวมพยานหลกั ฐาน เพอื่ ยกระดบั
ประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลในการด�ำเนินคดีพิเศษ อันเป็นกระบวนการยุติธรรมทางอาญาช้ันต้น ให้ได้รับการยอมรับ
ในระดับมาตรฐานสากล โดยเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ที่ส�ำคัญ คือ องค์ความรู้เรื่อง “การซักถามเพ่ือการสืบสวน
สอบสวนในคดีอาญา”
การซักถามตามหลกั มนุษยชนและหลกั จติ วทิ ยามาใชใ้ นการสืบสวนสอบสวนคดพี เิ ศษ
หัวใจของความส�ำเร็จในคดีอาญาประเภทหนึ่ง คือ การมีการสอบสวนท่ีดี เคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล
หากการสอบสวนในเบอื้ งตน้ ตง้ั แตข่ นั้ ตอนการจบั กมุ เรมิ่ จากการกระทำ� ทก่ี ระทบตอ่ สทิ ธมิ นษุ ยชนดงั กลา่ ว สง่ ผลใหค้ ดนี นั้ ๆ
ตลอดจนกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญาทงั้ ระบบไดร้ บั ผลกระทบไปดว้ ย เนอ่ื งจากทำ� ใหส้ งั คมขาดความเชอ่ื มนั่ ในความถกู ตอ้ ง
เทยี่ งตรง และเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรม
การสรา้ งความเช่อื มัน่ ต่อกระบวนการยตุ ธิ รรมดว้ ยการพิทักษ์สิทธิมนุษยชนของผตู้ ้องหาจงึ กลายเป็นโจทย์ใหญ่
ของแนวทางพัฒนาวิธสี อบสวน หนง่ึ ในความพยายามยกระดบั แนวทางการสอบปากคำ� ผตู้ อ้ งหาคอื การเรยี นรปู้ ระสบการณ์
จากตา่ งประเทศ โดยเฉพาะแนวคดิ การสอบปากคำ� แบบ “Investigative Interviewing” จากประเทศนอร์เวย์ รวมถึง
การน�ำความรูม้ าประยุกต์ใชภ้ ายใต้บรบิ ทสงั คมและกฎหมายไทย

วารสาร 68 DSI

จากการประชมุ ผูเ้ ชย่ี วชาญนานาชาติวา่ ดว้ ยอนาคตการสืบสวนสอบสวน : การซักถามเพอื่ การสืบสวนสอบสวน
และมาตรการปอ้ งกนั ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ประเทศไทย เมอ่ื วนั ท่ี 3 กนั ยายน 2562 ซงึ่ จดั โดยสถาบนั เพอ่ื การยตุ ธิ รรม (TIJ) รว่ มกบั
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และองค์กรดา้ นสิทธมิ นุษยชน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเรียนรู้แนวทางการสอบปากค�ำแบบ
“Investigative Interviewing” ในระดบั โลก ส�ำรวจแนวทางการสืบสวนสอบสวนของไทยในปัจจบุ นั และมองหาโอกาส
การประยกุ ตใ์ ช้แนวทางการสอบสวนแบบ “คยุ กนั ฉันมิตร” ในบริบทของสงั คมไทย
เคร่อื งมอื ใหมใ่ นการทำ� งานสบื สวนสอบสวนของไทย
การพัฒนาเคร่ืองมอื ทำ� งานท่มี ปี ระสิทธิภาพและค�ำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนส�ำหรับเจ้าหน้าท่ีสืบสวนสอบสวน
ถอื เปน็ เรื่องส�ำคัญ และเคร่ืองมอื ทีไ่ ดร้ บั ความสนใจในแวดวงสบื สวนสากล คอื แนวทางสบื สวนสอบสวนด้วยการซกั ถาม
แบบสัมภาษณ์ หรอื Investigative Interviewing ทม่ี ีต้นแบบมาจากประเทศนอรเ์ วย์
วิธีการดังกล่าวนอกจากจะช่วยป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ถูกจับกุมแล้ว ยังเป็นแนวทางการซักถาม
ทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพกว่าการใชแ้ รงกดดัน ซ่ึงพนักงานสอบสวนจ�ำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิดและพฤติการณ์ หรอื อาจกลา่ วไดว้ ่า
ตอ้ งเปลย่ี น Mindset คนทำ� งาน ซง่ึ จ�ำเป็นต้องสร้างหลกั สตู รฝกึ อบรมทักษะการสืบสวนสอบสวนแกเ่ จา้ หน้าท่ี โดยเฉพาะ
ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะหข์ อ้ เท็จจรงิ และทักษะคาดการณ์แรงจูงใจทใ่ี ชใ้ นการก่อเหตทุ ่ีเปน็ ไปได้ของผตู้ ้องสงสัย
ย่ิงไปกวา่ นั้น ควรมีการฝกึ ฝนวธิ สี อบปากคำ� ในคดีตา่ ง ๆ รว่ มกบั เจา้ หนา้ ที่อาวุโสก่อนปฏบิ ัติงานจริง
ส�ำหรับกระบวนการสอบสวนท่ีเน้นการซักถาม หรือ Investigative Interviewing จะให้ความส�ำคัญกับ
ความเปน็ “มนษุ ย”์ ดงั นน้ั เจา้ หนา้ ทแี่ ละผปู้ ฏบิ ตั งิ านจะตอ้ งรวบรวมขอ้ มลู และขอ้ เทจ็ จรงิ (Fact) มากขน้ึ โดยแบ่งขน้ั ตอน
การซกั ถามออกเป็น 6 ขน้ั ตอน คือ
1.การวางแผนและเตรียมการสอบสวน (Planning and Preparation)
2.การแนะน�ำตัวและส่งเสริมสิทธิของผู้ต้องสงสัย (Introduction and Support)
3.การรับฟังสิ่งที่ผู้ต้องสงสัยบอกเล่า (Free Account)
4.การต้ังค�ำถามเพ่ือการเก็บข้อมูลอย่างรอบคอบ ครบถ้วน และเป็นธรรม (Clariifcation and Disclosure)
เพอ่ื ให้ทราบถึงมูลเหตจุ ูงใจ ตน้ ตอของปญั หา
5.การปิดการสัมภาษณ์ (Closure) โดยให้ยึดมั่นในการปฏิบัติต่อทุกคนด้วยวามเคารพในสิทธิและศักดิ์ศรี
ความเปน็ มนษุ ย์
6.การที่ผู้สอบสวนจะต้องประเมินตนเอง (Evaluation)
ทง้ั นี้ อาจกล่าวได้ว่ากระบวนการดังกล่าวจะมุ่งเน้นการสบื สวนสอบสวนเพอื่ แกไ้ ขมากกว่าการสบื สวนสอบสวน
เพอื่ กลา่ วโทษ ซง่ึ แนวทางการปฏบิ ตั สิ ากลวา่ ดว้ ยการซกั ถามเพอ่ื การสบื สวนสอบสวนนี้ เปน็ วธิ ที ไี่ ดร้ บั การยอมรบั จากหนว่ ยงาน
ของสหประชาชาติ และเป็นไปตามกรอบแนวปฏิบัติสากลด้านการป้องกันการทรมาน ซึ่งก�ำลังพัฒนาเป็นมาตรฐาน
การปฏิบัติของ United Nations Police (UNPOL) นอกจากน้ี ประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปได้น�ำวิธีการดังกล่าว
ไปใชใ้ นการสอบสวนคดีแลว้

วารสาร 69 DSI

การซกั ถามเพ่ือการสืบสวนสอบสวน : การเปล่ยี นแปลงกระบวนการทางความคิด
ในหลาย ๆ ประเทศ ให้นิยามศัพท์ท่ีอธิบายและสร้างกรอบความคิดเกี่ยวกับการซักถามผู้เสียหาย, พยาน
และผตู้ อ้ งสงสยั เครื่องมอื น้ีไมอ่ าจใหค้ ำ� อธิบายท่ีครอบคลมุ สำ� หรบั นยิ ามศพั ทแ์ ละหลกั การปฏบิ ตั ไิ ดท้ ง้ั หมด หากแต่จะแยก
ให้เห็นความแตกต่างระหว่างการซักถามแบบดั้งเดิมและการซักถามเพื่อการสืบสวนสอบสวน โดยเน้นย้�ำถึงประโยชน์
และความมปี ระสทิ ธภิ าพของการซกั ถามเพือ่ การสบื สวนสอบสวน

ข้ันตอนในทางปฏิบัติของเคร่ืองมือน้ี เกิดขึ้นจากโมเดล PEACE (การวางแผนและการเตรียมความพร้อม
-Planning and Preparation, การมีส่วนร่วมและการอธิบาย - Engage and Explain, การให้ปากค�ำ - Account,
การจบการซักถาม - Closure และการประเมินผล - Evalution) ซ่งึ ถูกพฒั นาข้นึ ในสหราชอาณาจักร เพอื่ ตอบโต้ปญั หา
การรับสารภาพทีเ่ กดิ จากการถูกบังคบั ทีป่ รากฏเป็นจำ� นวนมาก และการพิพากษาลงโทษท่ีผิดพลาดในช่วงทศวรรษที่ 80
และ 90 โดยโมเดลการซกั ถามเพ่อื การสบื สวนสอบสวนซงึ่ อธบิ ายในเครื่องมอื น้ี แสดงถงึ พฒั นาการของโมเดล PEACE
ท่ีปรับปรุงจากประสบการณ์และงานวิจัยใหม่ ๆ โดยในปัจจุบัน หลายประเทศได้น�ำเทคนิควิธีการตามท่ีระบุไปปรับใช้
ในขณะท่ปี ระเทศอ่นื ๆ กอ็ ยรู่ ะหว่างการทดลองใชห้ รอื การฝกึ อบรมการใชเ้ คร่ืองมือดังกลา่ ว

PEACE ย่อมาจาก P : การวางแผนและการเตรียมความพร้อม + E : การมีส่วนร่วมและการอธิบาย + A :
การให้ปากค�ำ + C : การจบการสัมภาษณ์ + E : การประเมินผล

เปา้ หมายโดยตรงของการซักถามเพือ่ การสบื สวนสอบสวน
เปา้ หมายโดยรวมของการซกั ถามผเู้ สยี หาย พยาน หรอื ผตู้ อ้ งสงสยั คอื การไดม้ าซงึ่ คำ� ใหก้ ารทถี่ กู ตอ้ งและเชอื่ ถอื ได้
ในเรอื่ งทกี่ ำ� ลงั สอบสวน ซง่ึ รบั ฟงั ไดใ้ นชน้ั ศาล

การซกั ถามเพอ่ื การสบื สวนสอบสวนลดความเสยี่ งของความผดิ พลาดทเี่ กดิ จากมนษุ ยแ์ ละการรบั สารภาพทเ่ี ปน็ เทจ็
ซงึ่ สามารถเกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากวธิ กี ารท่ีออกแบบมาใหผ้ ูต้ ้องสงสัยรบั สารภาพและยนื ยันว่าสงิ่ ท่ีผ้ซู ักถามคิดไว้แล้วเป็นความจริง
งานวิจยั ที่มุ่งศึกษาสาเหตุของการพพิ ากษาลงโทษที่ผดิ พลาด ได้ยืนยันถงึ ปญั หาท่ีเก่ยี วข้องกบั “วิสัยทัศน์แคบ” (Tunnel
vision) หรือ “ความเอนเอียงเพ่อื ยนื ยัน (ความคิดฝ่ายตน)” (Conifrmation bias) (นั่นคือ แนวโน้มในระดับจิตไร้ส�ำนึก
ทีจ่ ะมองหาเฉพาะข้อมลู ซงึ่ “ตรงตามทคี่ ิดไว”้ และเพกิ เฉยหรือเบย่ี งเบนข้อมูลท่ีไม่ช่วยยนื ยันสิง่ ทผ่ี ู้ซักถามเชื่อวา่ เป็นจริง)
ส่งิ น้คี ือสาเหตทุ ี่แทจ้ ริงของความล้มเหลวในการอำ� นวยความยตุ ิธรรมในแทบทุกคด1ี

การสมั ภาษณซ์ ึง่ ไดด้ ำ� เนนิ การโดยใชเ้ ทคนคิ การซักถามเพ่ือการสบื สวนสอบสวน มปี ระโยชน์โดยตรงดังน้ี
- การรวบรวมพยานหลกั ฐานมคี วามนา่ เชอ่ื ถือ มคี วามเป็นระบบ ช่วยก�ำหนดทิศทางของการซักถามให้ดีขึ้น
- สนบั สนนุ การดำ� เนินคดี ชว่ ยประหยัดเวลา เงนิ และทรัพยากรอนื่ ๆ
- ชว่ ยเพม่ิ ความเชอ่ื มนั่ ของประชาชนตอ่ การปฏบิ ตั งิ านของเจา้ หน้าทต่ี �ำรวจ

1 “การใช้สิง่ กระตุ้นให้เกิดความเครียดต่อระบบความคดิ ของผถู้ กู ซักถาม ด้วยความมงุ่ หมายทจี่ ะบงั คบั ให้รบั สารภาพ หรอื ดึงเอาข้อมูล มีความสัมพันธ์ทางลบกับแรงจูงใจ, อารมณ์, ความจ�ำ และกระบวนการ
รับรู้ของผู้ให้ปากค�ำ จึงกลายเป็นการท�ำลายประสิทธิภาพของการสืบสวนสอบสวน” Shane M’Mara, Professor of Experimental Brain Research, Trinity Dublin, and author of
Why Torture Doesn’t Work (Harvard University Press, 2015)

วารสาร 70 DSI

ขนั้ ตอนการซกั ถาม
โมเดลการซกั ถามมีขั้นตอนตามลำ� ดบั ดงั ต่อไปน้ี
1. การเตรียมการ : การวางแผนและการเตรียมความพร้อม, การเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย, การเตรียม
ความพร้อมท่ีเกี่ยวข้องกับคดี, การเตรียมความพร้อมด้านจิตใจ, การเกริ่นน�ำและการสร้างความคุ้นเคยระหว่างกัน,
เร่ิมการบันทึก, การดึงให้มีส่วนร่วมและอธิบาย, ข้อกฎหมาย, เหตุผลและแนวการปฏิบัติที่ส�ำคัญ
2. การให้ปากค�ำอยา่ งอสิ ระคร้งั แรก : การแนะน�ำตวั , การเริม่ ถามค�ำถาม TED, การฟงั อย่างตั้งใจ
3. การใหป้ ากคำ� อยา่ งอสิ ระครง้ั แรก : ลำ� ดบั หวั ขอ้ , การถามคำ� ถาม, การวางกลยทุ ธใ์ นการเปดิ เผยพยานหลกั ฐาน
4. การจบการซักถาม : สรปุ , ขอ้ มลู , การจบการซักถามเชิงบวก, หยุดการบนั ทกึ
5. การประเมินผลการซกั ถาม : ขอ้ มูล, การสอบสวน, การซักถามหรอื ผูซ้ กั ถาม
ขั้นตอนการซกั ถามทเ่ี ชือ่ มโยงระหว่างกัน
สิง่ ส�ำคญั ของการซักถามเพอื่ การสืบสวนสอบสวน คือการท่ีทุกข้ันตอนของการซักถามมีผลกระทบอย่างลึกซึ้ง
ต่อข้ันตอนต่อไป โดยเราอาจเปรียบเทียบการซักถามกับปฏิกิริยาลูกโซ่ ที่มีการวางแผนและการเตรียมความพร้อม
อย่างครอบคลุมและเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าจะเป็นท่ีจะการประสบความส�ำเร็จในการสร้างความคุ้นเคย
ท่ีดีระหว่างผู้ซักถามและผู้ถูกซักถาม ในขณะเดียวกัน การเกร่ินน�ำและการสร้างความคุ้นเคยระหว่างกันที่กระท�ำ
อยา่ งมอื อาชีพ มคี วามเป็นไปไดว้ า่ ในการให้ปากค�ำอย่างอสิ ระครง้ั แรกจะสามารถลงลึกถึงรายละเอียดได้ดยี ิง่ ขึน้
หากขน้ั ตอนแรกลม้ เหลว การสื่อสารจะบกพร่องไปตลอดการซักถาม ส่งผลให้คุณภาพของข้อมูลที่ได้รับลดลง
และกระทบตอ่ ชว่ งของการสบื สวนสอบสวนและการวางกลยทุ ธใ์ นการแสดงพยานหลกั ฐานอยา่ งอนื่ แต่หากจบการซักถาม
อยา่ งมืออาชพี ก็จะสง่ ผลให้การซักถามในอนาคตมโี อกาสประสบผลส�ำเรจ็ ทัง้ ยงั มีส่วนช่วยพฒั นาและรักษาสายสัมพันธ์
ที่ดีระหว่างต�ำรวจกับประชาชน การด�ำเนินการประเมินพยานหลักฐานที่ได้มาอย่างมืออาชีพจะช่วยให้การสอบสวน
มคี วามเปน็ ไปไดท้ จี่ ะประสบความสำ� เรจ็ มากยงิ่ ขนึ้ การประเมนิ การปฏบิ ตั งิ านของผซู้ กั ถามจะกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความเชยี่ วชาญ
ปรบั ปรุงผลของการซักถามคร้งั ต่อไป หรือกระท่ังเพม่ิ ระดบั ของความพึงพอใจในงานอีกด้วย
ขนั้ ตอนท่ีหน่ึง : การวางแผนและการเตรยี มความพรอ้ ม
การวางแผนและการเตรยี มความพร้อม เปน็ หนง่ึ ในข้นั ตอนทสี่ �ำคัญที่สดุ ในการซกั ถามเพื่อการสืบสวนสอบสวน
ในคดอี าญา ซึ่งหากปราศจากข้นั ตอนนแ้ี ล้ว การซักถามอาจล้มเหลวตั้งแต่ก่อนเร่ิมด�ำเนินการ การวางแผน จึงเป็นการ
เตรียมความพร้อมเพื่อการซักถามท้ังทางด้านจิตใจและทางด้านวิธีการ ส่วนการเตรียมความพร้อม คือสิ่งท่ีครอบคลุม
ถึงการเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อมก่อนเร่ิมต้นการซักถาม เช่น สถานท่ีท่ีใช้ สิ่งแวดล้อม รวมถึงประเด็นด้านเทคนิค
และการบรกิ ารจดั การ
องค์ประกอบส�ำคญั ของการวางแผนท่ีดี
- แสวงหาขอ้ มลู ภูมหิ ลงั เกีย่ วกับเหตกุ ารณ์ท่ีก�ำลังสืบสวนให้ได้มากท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงข้อมูลท้งั หมด
ทเี่ กย่ี วข้องกบั บคุ คลซ่ึงจะถูกซักถาม
- เข้าใจวัตถุประสงค์ของการซักถามตามแผนการสืบสวน โดยระลึกไว้เสมอว่าจะต้องตรวจสอบสมมติฐาน
ทเ่ี ป็นไปไดท้ ้ังหมด รวมถึงความเปน็ ไปไดว้ ่าผ้ตู อ้ งสงสยั เป็นผบู้ ริสทุ ธ์ิ
- ประเมินว่าจำ� เป็นจะต้องมีขอ้ มลู ใดเพ่ิมเติม และวธิ ใี ดคือวธิ ีท่ีสดุ ท่ีจะไดข้ อ้ มลู นนั้ มา
- ปฏิบตั ิตามบทบัญญัตแิ ละแนวปฏบิ ตั ิของกฎหมาย และกฎเกณฑท์ เ่ี กยี่ วขอ้ ง
- เตรยี มความพรอ้ มทางเทคนิคสำ� หรบั การซักถาม (การดขู องกลาง, การเดินทาง, สถานที่ซักถาม, การท�ำงาน
ของอปุ กรณต์ ่าง ๆ, การจัดท่นี ่งั , ทนายความ, ล่าม และอนื่ ๆ)

วารสาร 71 DSI

ขนั้ ตอนทส่ี อง : การเกรนิ่ นำ� และการสรา้ งความคนุ้ เคย
เมอ่ื เรม่ิ การสอบปากคำ� ผสู้ อบปากคำ� ควรจะ :
- สรา้ งความสมั พนั ธท์ ปี่ ระกอบดว้ ยความเหน็ อกเหน็ ใจ และความเคารพระหวา่ งกนั ตงั้ แตเ่ รม่ิ
- อธบิ ายถงึ สาเหต,ุ ขอ้ มลู ภมู หิ ลงั , สทิ ธ,ิ ระเบยี บวธิ แี ละกระบวนการทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ ในการสอบปากคำ� รวมถงึ ขอ้ มลู
เกยี่ วกบั การอดั บนั ทกึ เสยี ง/วดิ โี อ
- กำ� หนดกฎเกณฑพ์ นื้ ฐาน โดยแจง้ ผถู้ กู สมั ภาษณว์ า่ :
* สิ่งท่ีเขาจะพูดนั้นมีความส�ำคัญ ดังนั้นจ�ำเป็นที่จะต้องรายงานทุกสิ่งที่สามารถรายงานได้ รวมถึง
ใหพ้ ยายามอยา่ งทสี่ ดุ ทจ่ี ะไมล่ ะเลยเรอ่ื งใดเลย
* ไม่แก้ไขข้อมูลในขณะให้ปากค�ำ แม้จะรู้สึกว่าข้อมูลบางอย่างไม่เก่ียวข้องกับประเด็นที่เจ้าหน้าที่
กำ� ลงั สอบสวนอยู่
* ต้องมีสมาธิเพราะการพยายามย้อนความทรงจ�ำอาจเป็นเรื่องที่ยากล�ำบาก
* สามารถบอกกล่าวได้ หากเจ้าหน้าท่ีถามค�ำถามที่ไม่เข้าใจ ถามค�ำถามท่ีไม่รู้ค�ำตอบ เข้าใจผิด
ในส่ิงที่พูด หรือถามค�ำถามที่มีลักษณะชี้น�ำหรือไม่เหมาะสม
- ตรวจสอบวา่ ผถู้ กู สอบปากคำ� เขา้ ใจในทกุ สง่ิ ดงั ทกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ สามารถเข้าใจประยุกต์ใชไ้ ดใ้ นสถานการณ์จริง
รวมถงึ สง่ิ สำ� คญั สงิ่ หนงึ่ คอื การดำ� เนนิ การทง้ั หลายทเี่ กย่ี วขอ้ ง ทง้ั การแจง้ สทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องผถู้ กู สอบปากคำ� ตามทก่ี ฎหมาย
กำ� หนดอยา่ งเครง่ ครดั ดว้ ย เพอ่ื ใหก้ ารสอบสวนนชี้ อบดว้ ยกฎหมาย

ขนั้ ตอนทส่ี าม : การใหป้ ากคำ� อยา่ งอสิ ระครง้ั แรก
เมอื่ ไดส้ รา้ งความคนุ้ เคยระหวา่ งกนั และไดอ้ ธบิ ายกฎเกณฑพ์ น้ื ฐานของการสอบปากคำ� แลว้ ในขน้ั น้ี ผู้สอบปากคำ�
ควรเปดิ โอกาสใหผ้ ถู้ กู สอบปากคำ� ใหป้ ากคำ� เกย่ี วกบั คดี (หรอื เหตกุ ารณ)์ ที่ก�ำลังถกู สอบสวนอย่างอิสระ โดยไมถ่ กู ขดั จงั หวะ
เปน็ สงิ่ สำ� คญั มากทผ่ี ถู้ กู สอบปากคำ� จะตอ้ งไดร้ บั โอกาสในการใหป้ ากคำ� “จากมมุ มองของตนตอ่ เร่ืองราวทีเ่ กดิ ขึน้ ” กอ่ นทจี่ ะ
ถกู ตั้งค�ำถามเพิ่มเตมิ เพือ่ ลงรายละเอียด

ข้ันตอนหลักสามประการส�ำหรบั ผสู้ อบปากคำ� ประกอบดว้ ย :
- ใหข้ ้อมลู เบ้อื งตน้ และอธิบายถึงรูปแบบและวัตถุประสงค์ของการให้ปากค�ำอย่างอิสระท่ีผู้ให้ปากค�ำจะไม่ถูก
ขัดจังหวะ
- เปดิ โอกาสใหผ้ ้เู สียหาย, พยาน หรือผตู้ ้องสงสัย เปน็ ผ้นู �ำการสนทนา (ตามความเหมาะสม)
- ตงั้ ใจฟังขณะท่ผี ถู้ ูกสอบปากค�ำใหป้ ากค�ำอย่างอิสระโดยไม่ถูกขดั จงั หวะ2

สง่ิ ทค่ี วรทำ� คอื การตง้ั ใจฟัง ทจ่ี ะช่วยให้ผ้สู อบปากค�ำสร้างความคนุ้ เคยกับผู้ถกู สอบปากคำ� และช่วยดึงข้อมูล
ปากค�ำท่ีครบถ้วนและเที่ยงตรง

ส่ิงที่ช่วยได้อย่างเฉพาะในข้ันตอนน้ี คือ แนวทางการสอบปากค�ำ บอก (Tell), อธิบาย (Explain), บรรยาย
(Describe), แสดงให้เห็น (Show me) - อย่างแม่นย�ำ (Precisely), ลงรายละเอียด (In Detail), ตามที่เกิดขึ้นจริง
(Exactly) ซ่ึงแนวทางดงั กล่าวน้ีมีรหสั ที่ชว่ ยให้จ�ำได้ง่ายข้นึ คือ “TED’S PID”

การใช้แนวทางน้ชี ่วยสรา้ งความคนุ้ เคยและป้องกันไม้ให้ผู้สอบปากค�ำปะปนความคิดเห็นของตนเข้ากับข้อมูล
ปากคำ� ทไ่ี ดร้ ับ แนวทาง TED’S PID น้ี ใช้การสนับสนุนส่งเสรมิ /เชิญชวนเพอื่ ใหไ้ ด้มาซ่งึ ขอ้ มูลปากคำ�

2 “จังหวะการฟงั อาจเป็นทกั ษะท่ีคนมกั คิดวา่ ไมส่ �ำคัญ แต่เปน็ ทกั ษะท่ีส�ำคญั ท่ีสุดทผี่ ู้สอบปากคำ� มีได้” Professor Ray Bull, Keynote address at the International Congress of Psychology,
Yokohama, Japan, July, 2016.

วารสาร 72 DSI

สงิ่ ทไี่ มค่ วรทำ� คอื การถามคำ� ถามปลายเปดิ หรือชีน้ �ำ สรา้ งความเสย่ี งในการเตมิ ขอ้ มลู นอกเหนอื จากของผใู้ หป้ ากคำ�
ซงึ่ การเตมิ หมายถงึ การบิดเบือนความทรงจ�ำทแ่ี ท้จริง และปล่อยใหร้ ายละเอียดของอาชญากรรมบางประการหลดุ รอดไป
โดยไม่ได้ตงั้ ใจ ซ่งึ จะลดคุณคา่ น�ำ้ หนกั ของพยานหลักฐานท่ไี ดจ้ ากค�ำให้การตอ่ มา
ข้ันตอนทสี่ ี่ : การสร้างความชดั เจนและการจบการสอบปากคำ�
เมื่อได้ฟังการให้ปากค�ำอย่างอิสระคร้ังแรกอย่างต้ังใจแล้ว จะถึงเวลาที่ผู้สอบปากค�ำจะขยายขอบเขตและ
สรา้ งความชดั เจนในทกุ ประเดน็ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั คดที ลี ะประเดน็ ผสู้ อบปากคำ� ควรนำ� เขา้ สหู่ วั ขอ้ ทเี่ กยี่ วขอ้ งโดยใช้คำ� ถามแบบ
TED’S PLE และเม่อื จ�ำเป็นจะตอ้ งลงรายละเอยี ดในหวั ข้อใดโดยเฉพาะ ผู้สอบปากค�ำควรสนับสนุนส่งเสริมผใู้ หป้ ากคำ�
ใหข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ โดยใชค้ ำ� ถามปลายเปดิ เพ่อื สืบสวนวา่ - อะไร ? , ท�ำไม ? , เมอ่ื ไหร่ ? , อย่างไร ? , ท่ไี หน ? , ใคร ?
ผู้สอบปากค�ำอาจปรบั เปลี่ยนแนวทางของตนไปตามหัวขอ้ ซงึ่ จำ� เปน็ จะต้องสบื สวน
แนวทางการสอบปากคำ� นี้ จะกระตุ้นใหเ้ กดิ การให้ปากคำ� ท่ีลงรายละเอยี ด และส่งผลให้ลดจำ� นวนคำ� ถามที่อาจ
จำ� เปน็ จะตอ้ งถามตอ่ ซงึ่ เปน็ ประโยชน์ เพราะในทกุ ครั้งที่มีการถามคำ� ถามจะเกิดความเส่ยี งท่ผี ้สู อบปากคำ� ชน้ี ำ� ผูเ้ สยี หาย,
พยาน หรือผูต้ ้องสงสัยได้ (การนำ� ความคิดเหน็ ของตนเองไปปนกบั พยานหลักฐานจากข้อมลู ปากค�ำของพวกเขา)
การสอบปากค�ำเพื่อสอบสวนในคดีอาญา เน้นถึงความจ�ำเป็นของการเปิดเผยพยานหลักฐานอย่างมีกลยุทธ์
โมเดลนใ้ี หแ้ นวทางทช่ี ดั เจนและเปน็ ประโยชน์ เพอ่ื ตอบคำ� ถามวา่ อยา่ งไร, เมอื่ ไหร่ และทส่ี ำ� คญั ไมแ่ พก้ นั คอื ทำ� ไมเจา้ หนา้ ท่ี
สบื สวนจงึ ยงั ไม่ควรเปิดเผยพยานหลกั ฐาน จนกวา่ จะถึงขน้ั ตอนนขี้ องการสอบปากคำ�
1. กอ่ นเรม่ิ การสอบปากค�ำ ระบพุ ยานหลักฐานทนี่ ่าจะเกี่ยวข้องท้ังหมดเทา่ ที่เปน็ ไปได้
กอ่ นผสู้ อบปากคำ� จะเขา้ หอ้ งสอบปากคำ� ตอ้ งสามารถตอบไดแ้ ลว้ วา่ “จะวางแผนใชก้ ารสอบปากคำ� อยา่ งมกี ลยทุ ธ์
กบั ข้อมลู อะไรบา้ ง ?”
2. กอ่ นเรมิ่ การสอบปากคำ� วเิ คราะหแ์ ยกแยะคำ� อธบิ ายทเี่ ปน็ ไปไดท้ งั้ หมดเกย่ี วกบั พยานหลกั ฐาน (ระบสุ มมตฐิ าน
ทางเลอื กต่าง ๆ )
ในขนั้ ตอนน้ี จำ� เปน็ จะตอ้ งคดิ เสมอวา่ ผตู้ อ้ งสงสยั อาจเปน็ ผบู้ รสิ ทุ ธ์ิ เพอ่ื ทจี่ ะวเิ คราะหแ์ ยกแยะคำ� อธบิ ายทเี่ ปน็ ไปได้
ทงั้ หมดเกย่ี วกบั พยานหลกั ฐานทม่ี อี ยใู่ นขณะน้ี ผสู้ อบปากคำ� จะตอ้ งถามตวั เองดว้ ยคำ� ถามทสี่ ำ� คญั คอื ถา้ ผตู้ อ้ งสงสยั บรสิ ทุ ธ์ิ
มีคำ� อธบิ ายอื่น ๆ ทเ่ี ป็นไปได้หรอื ไม่
ตวั อยา่ งเชน่ ต�ำรวจได้เกบ็ รอยนว้ิ มือของผตู้ ้องสงสยั จากสถานท่ีเกิดเหตุอาชญากรรม ซึง่ อาจใช้เป็นหลักฐานได้
ยังมเี หตผุ ลอื่น ๆ ที่เปน็ ไปไดห้ รอื ไม่ ว่าท�ำไมรอยน้วิ มือนัน้ จึงอยู่ในสถานท่ีเกิดเหตุ

วารสาร 73 DSI

3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล (ถว่ งเวลาเปดิ เผยพยานหลักฐาน)
ในขนั้ ตอนที่ 3 ผสู้ อบปากค�ำกำ� ลังมองหาขอ้ มูลท่แี สดงถึงความบรสิ ทุ ธิ์ของผตู้ อ้ งสงสยั และรวู้ า่ หากไมเ่ จอขอ้ มลู
เชน่ วา่ นนั้ ความนา่ สงสยั จะเพม่ิ ขนึ้ สรา้ งคำ� อธบิ ายทห่ี ลอกลวงหากแตฟ่ งั ดนู า่ เชอื่ ถอื ซงึ่ เปน็ การยากหรอื อาจเปน็ ไปไมไ่ ดเ้ ลย
ทจ่ี ะพสิ จู นไ์ ปในทางอน่ื เพอื่ หลกี เลย่ี งสถานการณเ์ ชน่ นนั้ เจ้าหนา้ ท่ีจึงตอ้ งทำ� ตามขน้ั ตอนอย่างละเอยี ดรอบคอบ กอ่ นแสดง
พยานหลกั ฐานนัน้ ตามทรี่ ะบไุ ว้ในขั้นตอนท่ี 4
4. การเปิดเผยพยานหลกั ฐานท่อี าจสง่ ผลต่อรปู คดี
ก่อนเปิดเผยพยานหลกั ฐาน ผู้สอบปากค�ำควรเริ่มจากการสรุปข้อมูลปากค�ำของผู้ต้องสงสัย ตามด้วยการเชิญ
และเปดิ โอกาสใหผ้ ตู้ อ้ งสงสยั ยนื ยนั อกี ครงั้ , ปฏเิ สธ หรอื แกไ้ ขสรปุ ขอ้ มลู นนั้ ตวั อยา่ งเชน่ : “ผมเขา้ ใจคณุ อยา่ งถกู ตอ้ งหรอื ไม่
วา่ คุณพูดว่า คณุ ไมเ่ คยไปยงั สถานท่เี กิดเหตุอาชญากรรมมากอ่ นเลย ?”
เมอ่ื ไดแ้ สดงพยานหลกั ฐานแลว้ ผสู้ อบปากคำ� ตอ้ งเตรยี มพรอ้ มจะเปดิ เผยวา่ พยานหลกั ฐานนน้ั ๆ ไดม้ า “อยา่ งไร”
และ “เมื่อไร” เพ่ือเปิดโอกาสให้ผู้ต้องสงสัยและทนายความของเขา/เธอได้ประเมินอย่างเป็นธรรมถึงความน่าเช่ือถือ
ของแหล่งข้อมูลของผู้ให้ปากค�ำ และความล�ำเอียง และอคติ ท่ีอาจมีจากแหล่งข้อมูลนั้น
หลงั จากถามคำ� ถามแลว้ ผสู้ อบปากคำ� ควรใหเ้ วลาผใู้ หป้ ากคำ� ตอบคำ� ถาม หากผตู้ อ้ งสงสยั บรสิ ทุ ธิ์ แตค่ วามบรสิ ทุ ธิ์
ของผู้ต้องสงสัยไม่ชัดเจนในขั้นตอนที่ 2 และ 3 ผู้ต้องสงสัยจะต้องมีเวลาใช้สมาธิเพ่ืออธิบายและสร้างความชัดเจน
เช่นเดียวกัน ถ้าผู้ต้องสงสัยกระท�ำความผิดจริงเขาหรือเธอจะได้พิจารณาตัวเลือกที่มีอยู่ในขณะน้ีว่าควรให้ปากค�ำ
ตามความจรงิ หรอื จะคดิ หาคำ� อธบิ ายอน่ื ทไี่ มไ่ ดน้ กึ ถงึ กอ่ นหนา้ น้ี แตก่ ารสอบปากค�ำเพ่อื สืบสวนในคดีอาญาอยา่ งมอื อาชพี
ทีม่ ีกลยทุ ธ์ และมีการวางแผนการด�ำเนินการอย่างดี จะลดโอกาสท่ผี ู้กระทำ� ผดิ จรงิ จะตอ่ สู้ในทางดังกลา่ ว
5. การจบการสอบปากค�ำ
จุดมงุ่ หมายของการจบสอบปากค�ำ เพือ่ :
- สร้างความม่ันใจว่าผู้สอบปากค�ำและผู้ให้ปากค�ำเข้าใจปากค�ำนั้นตรงกัน โดยการทบทวนความถูกต้องและ
สรุปข้อมูลปากค�ำ
- ตรวจสอบวา่ ไดพ้ จิ ารณาขอ้ มลู ทกุ ดา้ นอยา่ งเพยี งพอ โดยสอบทานวา่ ผใู้ หป้ ากคำ� ใหข้ อ้ มลู ทง้ั หมดทเี่ ขาสามารถทำ� ได้
และเต็มใจจะให้แล้ว
เมอื่ จบการสอบปากคำ� เจา้ หนา้ ทผี่ สู้ อบปากคำ� ควรอธบิ ายถงึ สง่ิ ทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ตอ่ ไป โดยให้ข้อมูลอันสมควรเก่ียวกับ
ข้ันตอนของกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา ตวั อยา่ งเชน่ แจ้งผู้ต้องสงสัยถึงโอกาสที่อาจถูกคุมขังก่อนการพิจารณาคดี,
บอกกล่าวกบั พยานวา่ พวกเขาอาจตอ้ งขึ้นศาลหรอื ไม่ และอ่ืน ๆ ในข้ันตอนสุดท้าย ผู้สอบปากค�ำควรถามผู้ให้ปากค�ำว่า
เขาอยากจะสอบถามอะไรจากเจา้ หนา้ ทห่ี รอื ไม่ ซงึ่ คำ� ถามนอี้ าจไมม่ ปี ระโยชนเ์ ลย หรอื มปี ระโยชนเ์ พยี งเลก็ นอ้ ย หากการสอ่ื สาร
ทแี่ ลว้ มา มลี ักษณะบบี บังคับ อย่างไรก็ตาม หากการสอบปากค�ำได้ด�ำเนินการตามข้ันตอนที่กล่าวมา ค�ำถามนี้อาจท�ำให้
ผ้ใู ห้ปากคำ� รสู้ ึกว่าเขาไดร้ ับการปฏิบตั ิอย่างเป็นธรรมยิ่งข้นึ

วารสาร 74 DSI

6. การประเมนิ ผล
การประเมินผล คือ การท่ีผู้สอบปากค�ำ (และหวั หน้า/เจา้ หน้าทีอ่ าวโุ ส) :
- ตรวจสอบวา่ จุดมงุ่ หมายและวัตถปุ ระสงค์ของการสอบปากคำ� บรรลผุ ลหรอื ไม่
- ทบทวนความถูกต้องของการสอบสวน โดยเปรียบเทียบกบั ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสอบปากค�ำ
- ไตร่ตรองถึงคุณภาพของการด�ำเนินการสอบปากค�ำ โดยระบุสิ่งท่ีท�ำได้ดี (เช่น ความลื่นไหลของข้อมูล)
และพิจารณาข้อเสนอแนะเพอื่ ปรับปรงุ ในอนาคต
จากบทความวชิ าการ เรอื่ ง “การซักถามตามหลักมนุษยชนและหลักจติ วทิ ยาเพอื่ การสบื สวนสอบสวนคดีพเิ ศษ”
ไดเ้ นน้ ยำ้� ใหผ้ บู้ รหิ ารของกรมสอบสวนคดพี เิ ศษ และพนกั งานสอบสวนคดพี เิ ศษ รวมถงึ ทกุ ฝา่ ยทเี่ กย่ี วขอ้ ง ไดเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั
ของการสอบปากคำ� แนวคดิ และทฤษฎี รวมทงั้ กฎหมายและระเบยี บทเี่ กยี่ วขอ้ ง ปญั หาและแนวทางการพฒั นาการสอบปากคำ�
ด้วยเทคนิคการซักถามตามหลักมนุษยชนและหลักจิตวิทยาเพ่ือการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ และการพัฒนาระบบ
การสบื สวนสอบสวนคดพี เิ ศษ อนั เปน็ ความจ�ำเปน็ เร่งด่วนเพื่อการยกระดับความเช่ือม่นั ของผูท้ ีเ่ กยี่ วขอ้ งและสังคมทีม่ ตี อ่
กระบวนการยุตธิ รรมของประเทศไทยอยเู่ สมอ
เพราะการสอบสวนคดอี าญานน้ั การรวบรวมพยานหลกั ฐานถอื เปน็ กระบวนการตน้ ทางท่ีส�ำคัญของกระบวนการ
ยุติธรรมทางอาญา กล่าวคือ เป็นการค้นหาความจริงและน�ำตัวผู้กระท�ำความผิดที่แท้จริงมาลงโทษ ตามกระบวนการ/
ขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ท้ังพยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสาร รวมถึงพยานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือ
พยานทีร่ วบรวมได้ทางเทคโนโลยีตา่ ง ๆ ทีป่ ระมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญาก�ำหนดไว้
ดังน้ันหากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซ่ึงเป็นผู้มีบทบาทหน้าที่ทั้งการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ มีความรู้
ความช�ำนาญในการด�ำเนินการ เพอ่ื ใหไ้ ด้มาซึ่งพยานหลักฐานทีส่ ามารถนำ� สืบในช้นั พจิ ารณาพนกั งานอยั การและช้นั ศาล
ได้อย่างมีคุณภาพปราศจากขอ้ สงสัย การสอบสวนคดีพิเศษน้นั จงึ เปน็ การรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสจู น์ความผิดหรือ
ความบรสิ ทุ ธขิ์ องผตู้ อ้ งหาทด่ี มี คี ณุ ภาพ บงั เกดิ ความมปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล รวมทัง้ มมี าตรฐานสากล เปน็ ทย่ี อมรบั
โดยท่ัวไป

วารสาร 75 DSI

การดำ� เนินคดีกบั ผแู้ ทนนติ บิ คุ คล
ท่ีกระท�ำผดิ ตามประมวลรษั ฎากร
(Nominee ตามประมวลรัษฎากร) : ตอนท่ี 1

การด�ำเนินคดีกบั ผู้แทนนิติบคุ คลที่กระทำ� ผดิ ตามประมวลรษั ฎากร
(Nominee ตามประมวลรษั ฎากร) ตอนที่ 1

พันต�ำรวจโท สทุ ธศิ กั ดิ์ จิตพิมลมาศ
ผเู้ ช่ียวชาญเฉพาะด้านคดีพเิ ศษ

ลกั ษณะของการกระทำ� ความผดิ ตามประมวลรษั ฎากร
การทจุ รติ ภาษอี ากร หรอื ความผดิ เกยี่ วกบั ภาษอี ากร (Tax Crimes) ถอื เปน็ อาชญากรรมทางเศรษฐกจิ ประเภทหนงึ่
ซงึ่ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกร่ ฐั ทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม การเมอื ง และความมน่ั คงของประเทศชาติ รวมทง้ั ยงั สง่ ผลกระทบ
ตอ่ การบรหิ ารงานภาษอี ากรของภาครฐั ผู้กระทำ� ความผิดมักจะเปน็ ผ้มู คี วามเฉลียวฉลาด มคี วามเชย่ี วชาญ มกี ารวางแผน
เตรยี มการเปน็ อยา่ งดี ทำ� ให้การกระทำ� ความผิดลักษณะนี้ ยังไม่ปรากฏผลกระทบอย่างชัดเจนในทันที แต่อาจเกิดผลขึ้น
ในระยะยาว และส่งผลกระทบในวงกว้าง ลักษณะการทุจริตภาษีอากรที่ส�ำคัญ ได้แก่ การหลีกเลี่ยงการภาษีอากร
และการฉ้อโกงภาษีอากร โดยการหลีกเลี่ยงภาษีอากรส่วนใหญ่จะเป็นการกระท�ำความผิดตามมาตรา 37 และมาตรา
37 ทวิ ของประมวลรัษฎากร1 กล่าวคือ ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีได้กระท�ำการอันเป็นเท็จ ฉ้อโกง หรือใช้อุบาย เพ่ือหลีกเล่ียง
การเสยี ภาษี ทงั้ การไม่เสยี ภาษี หรือเสยี ภาษใี หน้ อ้ ยกวา่ ท่ีควรโดยมชิ อบด้วยกฎหมาย เช่น การแจ้งข้อมูลในการย่ืนแบบ
แสดงรายการจำ� นวนเงนิ ตำ�่ กว่าหรอื สูงกว่าความเป็นจริง หรือการจงใจไมย่ น่ื รายการท่ีตอ้ งย่นื เสียภาษี เปน็ ต้น
สว่ นการฉอ้ โกงภาษอี ากร เปน็ กรณที ผ่ี ูม้ หี น้าที่เสยี ภาษหี รอื ไมม่ ีหนา้ ที่เสียภาษี แตก่ ระท�ำตนเปน็ ผมู้ หี นา้ ทเี่ สยี ภาษี
เพอื่ ขอคนื ภาษอี นั เปน็ เทจ็ เชน่ การนำ� ใบกำ� กบั ภาษ2ี ทอ่ี อกไมช่ อบดว้ ยกฎหมายไปใชใ้ นการเครดติ คนื ภาษี หรอื การยนื่ ภาษซี อ้ื
และภาษีขายเป็นเท็จ เพ่ือให้มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น ซ่ึงการกระท�ำดังกล่าว ได้สร้างความเสียหายให้แก่
ระบบเศรษฐกิจของประเทศ รัฐจึงต้องเข้ามาปราบปรามและด�ำเนินคดีกับบรรดาผู้กระท�ำความผิดอย่างเฉียบขาด
และรวดเร็ว ทั้งน้ี เพ่ือเป็นการป้องกันมิให้มีการกระท�ำความผิดในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีก
การกระทำ� ความผดิ เกยี่ วกบั การฉอ้ โกงภาษอี าการนน้ั สว่ นใหญผ่ กู้ ระทำ� ความผดิ ทเี่ ปน็ ตวั การสำ� คญั มกั จะใชว้ ธิ กี าร
จดทะเบยี นจัดตงั้ นติ ิบุคคลตามกฎหมายข้นึ มา แล้วใชบ้ ุคคลอืน่ เข้ามาเป็นกรรมการผู้จดั การ ผูจ้ ัดการ หรือเป็นผแู้ ทนของ
นิตบิ คุ คล3น้ัน ๆ แทนตนเอง ทัง้ นี้ เพ่อื หลบเลี่ยงมใิ หต้ นเองตอ้ งถูกด�ำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ยังมอี ำ� นาจในการครอบง�ำ
และด�ำเนนิ กิจการของนิติบุคคลไปตามท่ีต้องการ เม่ือนติ ิบุคคลกระทำ� ความผดิ ตามกฎหมาย กรรมการผ้จู ัดการ ผู้จดั การ
หรอื ผแู้ ทนนติ บิ คุ คลนนั้ ๆ กจ็ ะต้องถกู ดำ� เนนิ คดไี ปพรอ้ มกบั นิตบิ ุคคล โดยกฎหมายหลายฉบับมีขอ้ สนั นิษฐานทางกฎหมาย
ที่กำ� หนดใหผ้ ู้แทนนติ บิ คุ คลตอ้ งรบั ผดิ รว่ มกบั นติ บิ ุคคล

1 ประมวลรัษฎากร เปน็ กฎหมายว่าดว้ ยเร่อื งภาษอี ากร
2 เอกสารหลกั ฐานสำ� คัญ ซ่งึ ผ้ปู ระกอบการจดทะเบยี นภาษีมลู ค่าเพม่ิ จะตอ้ งจัดทำ� และออกใหก้ บั ผซู้ ื้อสินค้าหรอื บรกิ ารทกุ คร้งั ท่ีมีการขายสินค้าหรือบรกิ าร เพ่อื แสดงมูลค่าของสนิ คา้ หรอื บรกิ ารและจำ� นวนภาษี
มูลค่าเพิ่ม ที่ผู้ประกอบการจดทะเบยี นเรียกเกบ็ หรอื พึงเรยี กเกบ็ จากผซู้ ื้อสนิ คา้ หรอื บรกิ ารในแตล่ ะครงั้
3 บคุ คลซง่ึ จดั ตง้ั ขนึ้ โดยกฎหมายหรอื ตามกฎหมายแยกตา่ งหากจากบคุ คลธรรมดา โดยมสี ทิ ธแิ ละหนา้ ทเี่ ชน่ เดยี วกบั บคุ คลธรรมดา เวน้ แตส่ ทิ ธแิ ละหนา้ ทซ่ี งึ่ โดยสภาพจะพงึ มพี งึ เปน็ ไดเ้ ฉพาะแกบ่ คุ คลธรรมดาเทา่ นน้ั

วารสาร 77 DSI

ลกั ษณะการกระทำ� ความผดิ ทางอาญาของนติ บิ คุ คลและผแู้ ทนนติ บิ คุ คล
ความรบั ผดิ ทางอาญานน้ั มหี ลกั การสำ� คญั คอื ผกู้ ระทำ� ความผดิ ตอ้ งมกี ารกระทำ� ตามทกี่ ฎหมายกำ� หนด และมเี จตนา
กระท�ำความผิด ยกเว้นในบางกรณีที่กฎหมายต้องการให้ผู้กระท�ำต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น จึงก�ำหนดความรบั ผดิ
ทางอาญาสำ� หรบั การกระท�ำทกี่ ระท�ำโดยประมาทไว้ เชน่ กระท�ำโดยประมาทเปน็ เหตใุ ห้ผู้อน่ื ถงึ แกค่ วามตาย กระท�ำโดย
ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อ่ืนได้รับอันตรายสาหัส กระท�ำการกักขังหน่วงเหน่ียวผู้อ่ืนโดยประมาท กระท�ำให้เกิดเพลิงไหม้
โดยประมาท เป็นต้น หลักการต้องมีการกระท�ำท่ีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด และต้องมีเจตนากระท�ำความผิดนั้น
เมอื่ มาปรบั ใชก้ บั นติ บิ คุ คล4 เชน่ บรษิ ทั หา้ งหนุ้ สว่ นจำ� กดั กระทรวง กรม เปน็ ตน้ การพจิ ารณาวา่ การกระทำ� ของนติ บิ คุ คลนนั้ ๆ
เป็นการกระท�ำที่ฝ่าฝืนหรือเป็นความผิดทางกฎหมายอาญาหรือไม่ จะพิจารณาจากการกระท�ำของนิติบุคคลว่าได้มี
การกระทำ� อนั อยใู่ นขอบวตั ถปุ ระสงคข์ องนติ บิ คุ คลหรอื ไม่ หากกรรมการผแู้ ทนนติ ิบคุ คลกระทำ� การอยู่ในขอบวตั ถปุ ระสงค์
ของนติ บิ คุ คล และเปน็ การกระทำ� ทฝ่ี า่ ฝนื ตอ่ บทบญั ญตั กิ ฎหมายในทางอาญา ก็ถอื วา่ เป็นการกระทำ� ของนิติบุคคล นติ บิ คุ คล
จงึ ตอ้ งรบั ผดิ ทางอาญา และรบั โทษตามท่ีกฎหมายกำ� หนด
ปญั หาวา่ เมอื่ ผแู้ ทนของนติ บิ คุ คลไดก้ ระทำ� การไปตามขอบวตั ถุประสงคข์ องนิติบุคคลแลว้ ผแู้ ทนนติ บิ ุคคลจะตอ้ ง
รบั ผดิ ทางอาญาจากการกระท�ำความผดิ ของนติ บิ ุคคลด้วยหรอื ไม่ ซึ่งหลักโดยท่วั ไป หากผแู้ ทนนติ ิบุคคลต้องรับผดิ รว่ มกบั
นติ บิ คุ คล จะตอ้ งมหี ลกั ฐานวา่ ผแู้ ทนนติ บิ คุ คลมสี ว่ นในการกระทำ� การอนั กฎหมายบญั ญตั ิไวเ้ ป็นความผิด และไดก้ ระทำ� การ
ในหน้าท่ีของตนอันมผี ลต่อการก่อใหเ้ กดิ ความผดิ น้นั โดยมีเจตนา ท้ังน้ี เพราะการลงโทษบุคคลใด ผู้นั้นต้องมีส่วนในการ
กระทำ� ความผดิ นนั้ การดำ� เนนิ คดตี อ่ นติ บิ คุ คลและผแู้ ทนนติ บิ คุ คลจงึ เปน็ การดำ� เนนิ คดที แี่ ยกบคุ คลทร่ี บั จะผิด และพนกั งาน
สอบสวนจะแจง้ ข้อหาแยกเปน็ รายคนไปตามพฤติการณท์ ่ีผนู้ ้ันกระทำ� ความผดิ
คำ� วนิ ิจฉยั ศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับขอ้ สนั นิษฐานความรบั ผิดของผู้แทนนติ ิบคุ คล
ในชว่ งทผี่ า่ นมา มกี ฎหมายอยหู่ ลายฉบบั ได้ก�ำหนดความรับผดิ ของผแู้ ทนนติ บิ คุ คลใหต้ อ้ งรบั ผดิ ทางอาญารว่ มกบั
นิติบุคคล กลา่ วคอื เม่ือนติ บิ ุคคลกระทำ� ความผิดตามกฎหมายฉบบั ดังกลา่ ว ใหผ้ จู้ ัดการ กรรมการ ผู้แทนอ่ืนของนติ ิบุคคล
ต้องรบั ผิดรว่ มกบั นติ ิบุคคลนนั้ ๆ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระท�ำน้ัน ซ่ึงบทบัญญัติเช่นนี้ ปรากฏ
ในพระราชบญั ญัตถิ งึ 76 ฉบับ ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีค�ำวินิจฉัย ในกรณเี กี่ยวกับขอ้ สันนิษฐานความรับผิดของผแู้ ทน
นิติบุคคลไว้จ�ำนวน 6 เร่ือง ซึ่งขณะนั้นท้ัง 6 เรื่อง ยังคงบังคับใช้หลักการหลักกฎหมายตามที่บัญญัติไว้รัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อยู่ ได้แก่
1. คำ� วนิ ฉิ ยั ศาลรฐั ธรรมนญู ท่ี 12/2555 เปน็ กรณพี จิ ารณาวา่ พระราชบญั ญตั ขิ ายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545
มาตรา 54 ขดั หรือแยง้ ต่อรฐั ธรรมนญู มาตรา 39 วรรคสอง มาตรา 40 (5) ประกอบมาตรา 30 หรอื ไม่

4 บคุ คลซง่ึ จดั ตง้ั ขน้ึ โดยกฎหมายหรอื ตามกฎหมายแยกตา่ งหากจากบคุ คลธรรมดา โดยมสี ทิ ธแิ ละหนา้ ทเ่ี ชน่ เดยี วกบั บคุ คลธรรมดา เวน้ แตส่ ทิ ธแิ ละหนา้ ทซ่ี ง่ึ โดยสภาพจะพงึ มพี งึ เปน็ ไดเ้ ฉพาะแกบ่ คุ คลธรรมดาเทา่ นน้ั

วารสาร 78 DSI

ศาลรัฐธรรมนูญโดยมตเิ สียงขา้ งมาก 5 ตอ่ 4 วินิจฉัยวา่ พระราชบัญญตั ิขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545
มาตรา 54 เฉพาะในส่วนที่สันนิษฐานให้กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใด ซ่ึงรับผิดชอบในการด�ำเนินงาน
ของนติ ิบคุ คลนน้ั ตอ้ งรับโทษทางอาญาร่วมกับการกระท�ำความผิดของนิติบุคคลโดยไม่ปรากฏว่ามีการกระท�ำหรือเจตนา
ประการใดอันเกี่ยวกับการกระท�ำความผิดของนติ ิบคุ คลนั้นขัดหรือแยง้ ตอ่ รัฐธรรมนูญ มาตรา 39 วรรคสอง
2. ค�ำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2556 เป็นกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรอ่ื งขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนูญพจิ ารณา
วนิ จิ ฉยั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา 245 (1) วา่ พระราชบญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 มาตรา 74 มปี ญั หาเกย่ี วกบั ความชอบดว้ ย
รัฐธรรมนญู มาตรา 39 วรรคสองหรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 74
เฉพาะในสว่ นทสี่ นั นษิ ฐานใหก้ รรมการหรอื ผจู้ ดั การทกุ คนของนติ บิ คุ คลนนั้ เปน็ ผรู้ ว่ มกระทำ� ผดิ กบั นติ บิ คุ คลนน้ั โดยไมป่ รากฏวา่
มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ กบั การกระทำ� ความผดิ ของนติ บิ คุ คลนน้ั ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา 39 วรรคสอง
3. ค�ำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญท่ี 10/2556 เป็นกรณีพิจารณาว่าพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคม
พ.ศ. 2544 มาตรา 78 ขดั หรอื แย้งตอ่ รฐั ธรรมนูญ มาตรา 39 วรรคสอง มาตรา 40 (5) และมาตรา 30 หรอื ไม่
ศาลรฐั ธรรมนญู โดยมตเิ สยี งขา้ งมาก 5 ตอ่ 3 วนิ ิจฉัยว่าพระราชบญั ญตั ิประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544
มาตรา 78 เฉพาะในส่วนที่สันนิษฐานให้กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใด ซ่ึงรับผิดชอบในการด�ำเนินงาน
ของนติ ิบุคคลนัน้ ตอ้ งรับโทษทางอาญาร่วมกบั การกระท�ำความผิดของนิตบิ ุคคลโดยไม่ปรากฏว่ามีการกระท�ำหรือเจตนา
ประการใดอนั เกยี่ วกบั การกระทำ� ความผดิ ของนติ บิ คุ คลดงั กลา่ วเปน็ บทบญั ญตั ทิ ขี่ ดั แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา 39 วรรคสอง
4. คำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ท่ี 11/2556 เปน็ กรณพี จิ ารณาวา่ พระราชบญั ญตั สิ ถานบรกิ าร พ.ศ. 2509 มาตรา 28/4
ขัดหรือแย้งตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา 39 วรรคสองหรอื ไม่
ศาลรัฐธรรมนูญโดยมตเิ สียงขา้ งมาก 4 ต่อ 3 วนิ จิ ฉัยว่าพระราชบญั ญัติสถานบรกิ าร พ.ศ. 2509 มาตรา 28/4
เฉพาะในสว่ นทสี่ นั นษิ ฐานใหก้ รรมการ ผจู้ ดั การ หรอื บคุ คลใด ซึง่ รบั ผดิ ชอบในการดำ� เนินงานของนติ ิบุคคลนนั้ ตอ้ งรับโทษ
ตามทบี่ ญั ญตั ไิ วส้ ำ� หรบั ความผดิ นนั้ ๆ ดว้ ย โดยไมป่ รากฏวา่ มกี ารกระทำ� หรอื เจตนาประการใด อนั เกยี่ วกบั การกระทำ� ความผดิ
ของนิติบุคคลนัน้ เปน็ บทบญั ญัติท่ีขดั แย้งตอ่ รฐั ธรรมนูญ มาตรา 39 วรรคสอง
5. คำ� วินิจฉยั ศาลรัฐธรรมนูญท่ี 19-20/2556 เป็นกรณีพจิ ารณาว่าพระราชบญั ญตั ิปยุ๋ พ.ศ. 2518 มาตรา 72/5
ขดั หรอื แยง้ ต่อรัฐธรรมนญู มาตรา 39 วรรคสอง มาตรา 40 (5) และมาตรา 30 หรอื ไม่
ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 มาตรา 72/5
เฉพาะในส่วนท่สี ันนษิ ฐานใหก้ รรมการผู้จัดการ หุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้แทนนิติบุคคล หรือผู้ซ่ึงรับผิดชอบในการด�ำเนินงาน
ของนติ บิ คุ คลนนั้ ตอ้ งรบั โทษตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วส้ ำ� หรบั ความผดิ นนั้ ๆ ด้วย โดยไม่ปรากฏว่ามกี ารกระทำ� หรอื เจตนาประการใด
อันเกย่ี วกบั การกระท�ำความผิดของนิติบุคคลนนั้ เป็นบทบัญญัติทขี่ ัดแย้งต่อรฐั ธรรมนูญ มาตรา 39 วรรคสอง

วารสาร 79 DSI

กฎหมายใหม่...ชวนรู้
ถงึ เวลาปรับอตั ราดอกเบย้ี ในรอบ 96 ปี
...ลูกหนีไ้ ม่ต้องรับภาระดอกเบ้ียเกินสมควร...

กฎหมายใหม.่ ..ชวนรู้ : ถึงเวลาปรับอตั ราดอกเบยี้ ในรอบ 96 ปี
...ลกู หนี้ไม่ต้องรบั ภาระดอกเบ้ยี เกินสมควร...

ปรญิ ญา นริ าศนภาภยั
ผอู้ �ำนวยการสว่ นอำ� นวยการ กองกฎหมาย

จากสภาพเศรษฐกิจของโลกในปัจจบุ ันประกอบกบั สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019
(COVID-19) ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจท่ัวทุกมุมโลก ส�ำหรับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบ
อยา่ งกวา้ งขวาง ทงั้ ผปู้ ระกอบการรายใหญ่ รายยอ่ ย หรอื แม้แต่ประชาชนผ้ใู ช้แรงงานก็ประสบปัญหาสภาพคลอ่ ง ไมม่ เี งนิ
เพอื่ นำ� มาหมนุ เวยี นใหก้ บั ธรุ กจิ ไมม่ เี งนิ มาจบั จา่ ยใชส้ อยในชวี ติ ประจำ� วนั รฐั บาลตอ้ งเขา้ มาแกไ้ ขปญั หาและใหค้ วามชว่ ยเหลอื
เยียวยาในทุกวิถีทางที่จะสามารถท�ำได้ ซ่ึงความช่วยเหลือดังกล่าวรัฐบาลได้มีการด�ำเนินการในหลายรูปแบบ อาทิ
การใหเ้ งินช่วยเหลือ การแบ่งเบาคา่ ใชจ้ า่ ย การดแู ลเรอื่ งคา่ น้�ำประปา ค่าไฟฟา้ การกระจายรายได้ การเพิม่ การจ้างงาน
การเร่งหาวคั ซนี รวมไปถงึ การแก้กฎหมายตา่ ง ๆ อันจะน�ำไปสู่การช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนในภาพรวมของประเทศ
คอลัมนก์ ฎหมายใหมช่ วนรฉู้ บับนจี้ ะชวนคยุ เรือ่ ง กฎหมายใหม่ ทีส่ ง่ ผลต่อการคดิ อัตราดอกเบยี้ ซ่ึงการปรบั แกไ้ ขกฎหมาย
ดงั กลา่ วได้สง่ ผลดีตอ่ ประชาชนและถอื ได้วา่ เปน็ ข่าวดีส�ำหรับผู้ท่ียังมีสถานะเปน็ ลูกหน้ี และยังมคี วามจ�ำเปน็ ท่จี ะตอ้ งจา่ ย
ดอกเบ้ีย ถือเป็นเรื่องท่ีดีท่ีรัฐบาลได้มีความพยายามในการให้ความช่วยเหลือประชาชนคนไทยในทุกมิติ กฎหมายใหม่
ฉบบั นคี้ อื “พระราชก�ำหนดแกไ้ ขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ พ.ศ. 2564” หากดจู ากชอ่ื แลว้ อาจจะยงั ไมส่ อื่
วา่ เกีย่ วกบั เรอื่ งอะไร เรามาเจาะลกึ กันเลยค่ะ

“พระราชกำ� หนดแก้ไขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564” ไดป้ ระกาศ ในราชกจิ จานเุ บกษา
เม่อื วันที่ 10 เมษายน 2564 และก�ำหนดให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซงึ่ กค็ ือ
วนั ที่ 11 เมษายน 2564 เม่อื ทา่ นได้อา่ นบทความน้แี สดงว่ากฎหมายนี้มีผลใช้บังคับแลว้ กฎหมายฉบบั นม้ี เี พียง 9 มาตรา
แต่เป็น 9 มาตราที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลงในเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ย และถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่ในฐานะลูกหน้ี
หากแต่ทา่ นอยูใ่ นฐานะเจ้าหน้ี ทา่ นกจ็ ะตอ้ งรบั ทราบถึงผลของการแก้ไขกฎหมายฉบับนีด้ ว้ ยเช่นกัน ไมเ่ ช่นนนั้ ท่านอาจจะ
ก�ำลังทำ� ผิดกฎหมายได้

วารสาร 81 DSI

สาระสำ� คญั ของพระราชกำ� หนดฉบบั นคี้ อื
1) กรณที ่ีคู่สญั ญาไมไ่ ดก้ ำ� หนดอตั ราดอกเบ้ียไว้ในสญั ญาหรือไม่มีกฎหมายก�ำหนดอัตราดอกเบ้ีย ทีช่ ดั เจนใหใ้ ช้
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ทง้ั น้ี อตั ราดอกเบย้ี ดงั กล่าวกระทรวงการคลังจะพิจารณาทบทวนทกุ 3 ปี ซงึ่ อาจลดลงหรือ
เพมิ่ ขนึ้ ไดโ้ ดยใหส้ อดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศและให้ใกล้เคียงกับอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
กับอตั ราดอกเบีย้ เงินให้กยู้ มื ของธนาคารพาณชิ ย์
การกำ� หนดอตั ราดอกเบย้ี รอ้ ยละ 3 ตอ่ ปดี งั กลา่ ว เป็นการเปลยี่ นแปลงอตั ราดอกเบี้ยที่ลดลง จากเดิมซ่ึงประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 7 เมอื่ วนั ที่ 1 มกราคม 2468 กำ� หนดไว้ให้ใช้อตั รารอ้ ยละ 7.5 ตอ่ ปี จากการแกก้ ฎหมาย
ท�ำให้อัตราดอกเบ้ียลดลงถึงรอ้ ยละ 4.5 ต่อปี ซึง่ ถือวา่ ลดอัตราดอกเบย้ี ลงมากกว่าครง่ึ เลยทีเดยี ว
2) กรณีเปน็ หนีเ้ งนิ พระราชก�ำหนด ฯ ดังกล่าว ก�ำหนดให้คิดดอกเบ้ียในระหวา่ งผดิ นัดในอตั รารอ้ ยละ 5 ต่อปี
ซงึ่ ลดลงจากเดิมทเี่ คยกำ� หนดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ก�ำหนดให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลา
ผดิ นัดร้อยละ 7.5 ตอ่ ปี ลดลงถงึ ร้อยละ 2.5 ต่อปี
3) กรณีท่ีลูกหน้ีต้องผ่อนช�ำระหน้ีเงินเป็นงวด ๆ หากลูกหน้ีผิดนัดช�ำระหนี้ในงวดใด เจ้าหนี้จะเรียกดอกเบี้ย
ผิดนัดได้เฉพาะเงินต้นของงวดที่ลูกหน้ีผิดนัดเท่าน้ัน เจ้าหน้ีจะไม่สามารถน�ำเงินต้นเต็มจ�ำนวนท่ียังค้างช�ำระเอามาคิด
ดอกเบย้ี ไดท้ งั้ หมด ซงึ่ ของเดมิ จะเปน็ ภาระแกล่ กู หนอ้ี ยา่ งมาก อกี ทง้ั พระราชกำ� หนด ฯ ยงั กำ� หนดไว้ด้วยวา่ หากขอ้ ตกลงใด
กำ� หนดให้คิดดอกเบ้ยี จากเงินต้นทั้งหมด ให้ขอ้ ตกลงน้นั เปน็ โมฆะ
สาระสำ� คญั ในขอ้ นีไ้ ดถ้ กู ก�ำหนดเพม่ิ เตมิ โดยให้เพ่ิมเปน็ มาตรา 224/1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์
4) การคิดดอกเบี้ยตามพระราชกำ� หนด ฯ น้ี ไมม่ ผี ลกระทบต่อการคดิ ดอกเบ้ียทเ่ี กิดข้นึ ก่อนท่ี พระราชก�ำหนดนี้
ใชบ้ งั คบั ซง่ึ หมายความวา่ เจา้ หนยี้ งั คงคดิ อตั ราดอกเบยี้ ในแบบเดมิ ไดจ้ นถงึ วนั ที่ 10 เมษายน 2564 โดยหลงั จากนนั้ ตอ้ งคดิ
อัตราดอกเบ้ยี ตามที่กำ� หนดในพระราชก�ำหนดนี้
แต่เดี๋ยวกอ่ นนะคะ ไมใ่ ชว่ า่ ทุกสญั ญา/ทุกนิติกรรมจะต้องคดิ อตั ราดอกเบย้ี ตามกฎหมายใหมน่ ี้ บัญญัติไว้ชัดเจน
ในมาตรา 7 วา่ “ถา้ จะตอ้ งเสยี ดอกเบยี้ ใหแ้ กก่ นั และมไิ ดก้ ำ� หนดอตั ราดอกเบย้ี ไวโ้ ดยนติ กิ รรมหรอื โดยบทกฎหมายอนั ชดั แจง้
ใหใ้ ชอ้ ตั รารอ้ ยละสามตอ่ ป”ี หมายความวา่ อตั ราดอกเบย้ี ตามกฎหมายฉบบั ใหมน่ ใ้ี ชเ้ ฉพาะสญั ญา/นติ กิ รรมทไี่ มไ่ ดม้ กี ารกำ� หนด
อตั ราดอกเบีย้ ไว้หรือไม่มกี ฎหมายก�ำหนดไวช้ ดั เจน หากเป็นสัญญา/นิติกรรมทมี่ กี ารตกลงเรอ่ื งอัตราดอกเบีย้ กันไวช้ ดั เจน
แต่แรกแล้ว อาทิ ดอกเบ้ียบัตรเครดิต ดอกเบ้ยี บ้าน ดอกเบี้ยไฟแนนซ์ ฯลฯ ยังคงใชอ้ ตั ราดอกเบยี้ ทกี่ ำ� หนดไวเ้ ดมิ ถือวา่
เปน็ การตกลงยนิ ยอมของคสู่ ัญญา

วารสาร 82 DSI

อตั ราดอกเบยี้ ตามกฎหมายฉบบั ใหมน่ ี้ ...ใชบ้ งั คบั กบั สญั ญา/นติ กิ รรมทไ่ี มไ่ ดม้ กี ารกำ� หนดอตั ราดอกเบย้ี ไว.้ ..
อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งมีหน้าที่ก�ำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ และก�ำกับดูแลสถาบันการเงิน
และระบบสถาบันการเงนิ ใหส้ อดคล้องกบั มาตรฐานสากล เพ่ือส่งเสริมใหร้ ะบบสถาบันการเงินมีความม่นั คง มีเสถียรภาพ
และมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมถงึ กำ� หนดกลยทุ ธ์และนโยบายในการพฒั นาระบบสถาบันการเงินให้สามารถแขง่ ขนั ได้อยา่ งยง่ั ยนื
ไดอ้ อกประกาศกำ� หนดหลกั เกณฑเ์ รอื่ งการคดิ ดอกเบี้ยผดิ นดั ช�ำระหน้ีและการตดั ช�ำระหน้ี โดยมีวัตถุประสงค์เพ่อื ช่วยลด
ภาระหนี้ สรา้ งความเปน็ ธรรมในการให้บรกิ ารทางการเงินแกป่ ระชาชน และลดการเกิดหน้ีด้อยคุณภาพในระบบการเงิน
รว่ มดว้ ย ซึ่งเปน็ การปรับอตั ราดอกเบ้ยี ทัง้ ระบบเลยทีเดยี ว
การเปล่ียนแปลงเรื่องอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายใหม่ฉบับน้ีถือเป็นการเปล่ียนแปลงในรอบ 96 ปีเลยทีเดียว
ตง้ั แต่ พ.ศ. 2468-2564 ซง่ึ จะชว่ ยลดโอกาสการเกดิ หนเ้ี สยี ของระบบการเงนิ โดยรวม และช่วยให้ลูกหน้ีทไ่ี มต่ งั้ ใจจะผดิ นดั
ชำ� ระหนใ้ี หส้ ามารถจา่ ยชำ� ระหนไ้ี ด้ เนอ่ื งจากดอกเบย้ี ผดิ นดั ชำ� ระหนจี้ ะไมส่ งู เกนิ สมควร จนทำ� ใหจ้ า่ ยหนไี้ มไ่ ด้ รวมทง้ั จะสรา้ ง
แรงจงู ใจในระบบการเงินใหส้ มดุลมากข้ึน และจะช่วยลดจ�ำนวนการฟ้องร้องด�ำเนินคดี นอกจากน้ี การปรับปรุงการคิด
ดอกเบี้ยผิดนัดช�ำระหนี้ให้ค�ำนวณจากฐานของงวดท่ีผิดนัดจริง ช่วยให้เกิดความเป็นธรรมมากข้ึน ส่งผลให้ประชาชน
มีความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินของประเทศไทยในภาพรวมด้วย
สำ� หรบั กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ กระทรวงยุติธรรม มีศนู ย์ชว่ ยเหลอื ลกู หนแ้ี ละประชาชนทไี่ ม่ได้รับความเปน็ ธรรม
ซึง่ ปัจจุบันได้ศูนย์ช่วยเหลอื ฯ ไดร้ วมภารกจิ อยูใ่ นสังกัดศูนย์สอบสวนคดอี าญาพิเศษ มีอ�ำนาจหน้าท่ีในการให้ค�ำปรึกษา
แนะนำ� และใหค้ วามชว่ ยเหลอื ประชาชนทไ่ี ดร้ บั ความเดือดร้อนและไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรมจากปญั หาหนสี้ นิ ภาคประชาชน
โดยเป็นหน่วยงานกลางส�ำหรับรับแจ้งปัญหา การคัดกรอง การบันทึกข้อมูล การพิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือ
การสง่ ตอ่ สำ� หรบั ประชาชนผทู้ ไ่ี ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นและไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรมจากปญั หาหนส้ี น้ิ ภาคประชาชน ซง่ึ จากการ
ปรบั แก้ไขอตั ราดอกเบี้ยดงั กลา่ วจะชว่ ยให้สามารถลดปญั หาหน้ีนอกระบบไดอ้ ีกทางหน่ึงดว้ ย
หากท่านใดสนใจในรายละเอยี ดสามารถติดตามข้อมูลเพ่ิมเติมใน วารสาร DSI คอลัมน์ “กฎหมายใหม่ชวนรู้”
ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพื่อเพ่ิมพูนความรู้ดา้ นกฎหมายและสามารถรบั มอื กบั การเปลย่ี นแปลงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพโดยสามารถ
ดูรายละเอียดของกฎหมายใหม่หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีพิเศษได้ท่ีเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ
www.dsi.go.th หัวขอ้ กฎหมาย/ระเบียบฯ หรือในเว็บไซตร์ าชกจิ จานเุ บกษา พบกนั ใหมฉ่ บับหน้า สวสั ดีคะ่

วารสาร 83 DSI

ขอขอบคณุ : ภาพจากรายการเรอื่ งเล่าเชา้ น้ี ช่อง 3 HD

วารสาร 84 DSI

โลกสเี ขียว : ตน้ ไม้ฟอกอากาศภายในหอ้ ง

โลกสีเขียว : ต้นไมฟ้ อกอากาศภายในหอ้ ง

กรธนัช แชง็ ขัน
นกั ศกึ ษาฝกึ งาน ส่วนประชาสมั พันธ์ ส�ำนักงานเลขานุการกรม

ธรรมชาตแิ ละต้นไมส้ ีเขียว มองดกู ีค่ ร้งั ก็ยังใหค้ วามร้สู กึ สดชนื่ และความสบายตา มีคนจ�ำนวนไมน่ อ้ ยที่พยายาม
แสวงหาธรรมชาติ บางคนเลือกท่ีจะออกเดินทางท่องเที่ยวตามสถานท่ีต่าง ๆ หรือบางคนก็อยากปลูกต้นไม้ไว้ท่ีบ้าน
เป็นของตวั เอง เพอ่ื อาจจะหาเป็นงานอดเิ รก ความชอบส่วนตวั หรอื เพอ่ื จุดประสงคอ์ ย่างอ่ืนก็ตาม
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ การปลูกต้นไม้ไม่ได้จ�ำกัดแต่เฉพาะบริเวณรอบบ้าน หรือพื้นท่ีกลางแจ้งเพียงเท่านั้น
ซ่ึงบางชนิดสามารถปลูกในกระถางแล้วตั้งไว้ภายในอาคาร หรือพื้นที่มีแสงแดดน้อยได้ด้วย ซ่ึงค่อนข้างเหมาะส�ำหรับ
ผทู้ ่อี ยอู่ าศัยในคอนโดมิเนียมที่มีพ้ืนทีจ่ �ำกดั และกำ� ลงั เปน็ ท่นี ิยมของคนรุ่นใหมใ่ นปจั จุบัน
และที่ทราบว่ากระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในเวลากลางวัน และต้นไม้ก็จะปล่อย
ออกซเิ จนออกมาทำ� ให้อากาศสดช่ืน แต่ในเวลากลางคืนต้นไม้จะดูดออกซิเจนกลับเข้าไปแล้วปล่อยคารบ์ อนไดออกไซด์
ออกมาแทน จงึ เกิดค�ำถามข้อกังวลของใครหลาย ๆ คน คอื “ตน้ ไมจ้ ะแยง่ อากาศในหอ้ งหายใจหรอื เปล่า”
ซง่ึ จรงิ ๆ แลว้ ปรมิ าณกา๊ ซทตี่ น้ ไมใ้ ชใ้ นการหายใจไมไ่ ดส้ ง่ ผลกระทบกบั คนทพี่ กั อาศยั อยภู่ ายในหอ้ ง เพราะหอ้ งนอน
ทว่ั ไปไมไ่ ดเ้ ปน็ หอ้ งทป่ี ดิ ตายซ่งึ จะมอี ากาศถ่ายเทไดอ้ ยตู่ ลอด หรือบ้างก็เปิดแอร์สลับกัน แต่ถ้าหากยังกังวลในเรื่องนี้อยู่
อาจลองใช้เป็นพืชตระกลู CAM Plant มาปลกู แทนได้

วารสาร 86 DSI

กระบวนการสงั เคราะหแ สงของพชื ตระกลู CAM PLANT

ตอนเชา กลางวนั

ทำการสงั เคราะหแ สง ปด ปากใบมากทส่ี ดุ = ลดการคายนำ้

กลางคนื

เชา วนั ถดั มา
เปด ปากใบ = กกั เกบ็ คารบ อนไดออกไซต

พืชตระกูล CAM Plant คืออะไร
สำ� หรบั พชื ตระกลู CAM Plant (Crassulacean Acid Metabolism Plant) เปน็ พชื กลางคนื ทมี่ กี ระบวนการหายใจ
ที่ตรงขา้ มกับพชื ท่ัวไป ล้ินมังกร , วา่ นหางจระเข้ และ กระบองเพชร เป็นต้น โดยล�ำต้นจะมีลักษณะอวบเพอื่ ใชก้ กั เก็บน้�ำ
จึงไม่ตอ้ งคอยรดนำ้� บอ่ ย ๆ มใี บน้อย หรือจะเปล่ียนเป็นหนามแหลมเพื่อลดการคายน�้ำ ซึ่งตอนกลางคืนต้นไม้ประเภทน้ี
จะเปิดปากใบแล้วเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้เพื่อใช้สังเคราะห์แสงในเช้าวันถัดไป

สำ� หรับพืชทที่ นแล้ง (CAM Plant) การเปดิ ปากใบในเวลากลางวันนัน้ เปน็ ส่ิงท่ีทำ� ให้พชื สูญเสยี น้�ำเปน็ อย่างมาก
ดังน้ัน ในสภาวะทแ่ี ห้งแลง้ และอากาศเยน็ ในช่วงเวลากลางคนื จะมีการสูญเสียน�้ำที่น้อยกว่า ท�ำให้พืชชนดิ นี้เปิดปากใบ
ในเวลากลางคืนเพอื่ ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซดแ์ ละปลอ่ ยก๊าซออกซเิ จนออกมาจากน้นั จะนำ� ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ท่ีดูดซับในเวลากลางคืนมาใช้ในเวลากลางวัน

ประโยชน์ของการปลูกต้นไม้ตระกูล ( CAM Plant )
การเลือกต้นไม้มาปลูกในห้องสักต้น เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คน จะนึกถึงความสวยงามเป็นอันล�ำดับแรก ต้องเข้ากับสไตล์
การตกแต่งของห้องเราได้ดี หรือเหมาะสมกับต�ำแหน่งที่เราจะไปวางประดับไว้ หรือบางคนก็เลือกจากคุณสมบัติ
และประโยชน์การใช้สอยที่ต้องการ

วารสาร 87 DSI

โดยตน้ ไมแ้ ตล่ ะชนดิ จะมคี ณุ สมบตั พิ เิ ศษและความเหมาะสมทจี่ ะนำ� ไปใชแ้ ตกตา่ งกนั ออกไป บางชนดิ ชอบพนื้ ทชี่ นื้ ๆ
กอ็ าจเหมาะกบั หอ้ งนำ้� หรอื หอ้ งครวั เชน่ พลดู า่ ง เฟริ น์ หรอื กวกั มรกต และบางชนดิ กช็ ว่ ยในการฟอกอากาศ และดดู ซบั สารพษิ
ในอากาศเพอื่ น�ำไปใช้ในการเจริญเตบิ โต
โดยตน้ ไมฟ้ อกอากาศทเ่ี ปน็ ทน่ี ยิ มในปจั จบุ นั มดี งั ตอ่ ไปนี้ เดหล,ี ลน้ิ มงั กร, เขม็ สามส,ี ตนี ตกุ๊ แกฝรงั่ , ตน้ จงั๋ , พลดู า่ ง,
เศรษฐเี รอื งใน, มอนสเตอร่า และว่านหางจระเข้
ทัง้ นี้หากใครที่ก�ำลังมองหา หรอื สนใจต้นไม้ฟอกอากาศที่สามารถน�ำมาตกแต่งประดับห้องและไม่ปล่อยก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ในช่วงเวลากลางคืน ต้นไม้ตระกูล CAM Plant สามารถตอบโจทย์และยังช่วยฟอกอากาศ
หรือดดู ซับสารพษิ ใหใ้ นตัวอีกดว้ ย

ขอขอบคุณแหลง่ ท่มี า
: http://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/81753/-blog-blo-scibio-sci-
: https://thinkofliving.com
: https://www.sanook.com/home/26125/ วารสาร 88 DSI

ขอพดู ดว้ ยคน : ชวี ติ ของมนษุ ย์เงนิ เดอื น

ขอพดู ด้วยคน : ชีวิตของมนุษยเ์ งินเดอื น

จุฑามาศ ดวงตะกวั่
นักศึกษาฝึกงาน ส่วนประชาสมั พนั ธ์ ส�ำนกั งานเลขานุการกรม

คนในสงั คมไทยสว่ นใหญจ่ ะเป็นมนุษย์เงินเดือน ซง่ึ การเป็นมนุษย์เงินเดอื นน้ันมีท้งั ข้อดีและขอ้ เสยี แตกต่างกันไป
ตามแต่เหตุผลของตวั เอง ซ่ึงกไ็ มส่ ามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่ ด้วยว่ามีขอ้ จ�ำกดั ในหน้าท่กี ารทำ� งานของตัวเอง
และในอกี หลาย ๆ คนของมนุษยเ์ งนิ เดอื นก็อยากจะประสบความส�ำเร็จในชีวติ ทัง้ เร่ืองการงาน และชีวิตสว่ นตัว อาจจะมี
ในหลายคนทป่ี ระสบความส�ำเรจ็ ไปแล้ว แต่กย็ งั มอี กี หลายคนท่ยี ังคงต่อสเู้ พ่ือท่จี ะทำ� ตามฝนั ของตวั เองอยู่
มนุษย์เงินเดือนคือบุคคลที่ท�ำงานท่ัว ๆ ไป ท่ีฝากชีวิตไว้กับเงินในตอนสิ้นเดือน ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับ
การท�ำงานที่ต้องแลกมาด้วยสวัสดิการต่าง ๆ คนที่เป็นลูกน้องหรือลูกจ้างจะต้องท�ำงานเดือนต่อเดือนเพื่อแลกกับเงิน
และสวัสดกิ ารต่าง ๆ ท่จี ะไดร้ บั ตามกฎเกณฑ์ของบริษัทนน้ั ๆ
มนุษย์เงินเดือน มักจะมองหาตัวช่วยในเร่ืองของการเงินเพ่ือมาตอบสนองต่อตัวเองอย่างเช่น บัตรเครดิต
ทส่ี ามารถนำ� ไปรดู ใชจ้ า่ ยลว่ งหนา้ ได้ จงึ เปน็ ตัวเลอื กหลกั ๆ ท่ีมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญเ่ ลอื กแกป้ ัญหาและเป็นสาเหตุหลัก
ที่ทำ� ใหม้ นุษย์เงนิ เดือนเกิดหนสี้ ินเพราะเมอื่ มีบตั รเครดิตก็ใช้เงินจนเกินตัว จึงเป็นการสร้างภาระให้กับตัวเองในอนาคต
แต่ถ้าหากมนุษย์เงินเดือนรู้จักวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนให้พอเหมาะพอควร และเร่มิ เก็บเงินแต่พอดี ก็จะท�ำให้
มีเงนิ เกบ็ ไว้ใช้ในอนาคต

วารสาร 90 DSI

5 วิธีการวางแผนการเงิน ส�ำหรับมนุษย์เงินเดือน
1.ก�ำหนดเงินใช้เป็นรายวัน
วางแผนการเงิน หลังจากหักค่าใช้จ่ายที่จ�ำเป็นในแต่ละเดือนอย่าง
คา่ เชา่ บา้ น หรอื คา่ เดนิ ทางออกไปแลว้ ใน 1 วนั คณุ ควรใชเ้ งนิ เทา่ ไหร่ แลว้ กำ� หนด
ให้ในแต่ละวันคุณพกเงินไปใช้แค่จ�ำนวนน้ัน เพ่ือป้องกันการใช้เงินเกินตัว
ในแตล่ ะวนั

2.เก็บก่อนใช้
อาจใช้เป็นการถอนเงินออกมาหยอดไว้ในกระปุก หรือน�ำไปฝากไว้
ในบัญชีเงินฝากประจ�ำ เพื่อป้องกันการเผลอน�ำเงินออกไปใช้ หากสามารถ
ท�ำแบบน้ีได้ทุกเดือน รับรองวา่ วินยั ในการออมเงนิ ของคณุ จะเพ่มิ ขนึ้ อยา่ งมาก

3.ทบทวนความจ�ำเป็นก่อนใช้จ่าย
ต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งส�ำคัญท่ีสุด หากคุณ
สามารถกลั้นใจ วางแผนการเงิน และทบทวนถึงความจ�ำเป็นก่อนท่ีจะน�ำเงิน
ไปใช้จ่ายได้ ไมว่ า่ อยา่ งไรคุณก็จะมีเงนิ เกบ็ อย่างแนน่ อน

4.งดการใช้บัตรเครดิต
แมว้ า่ บตั รเครดติ จะชว่ ยเพม่ิ ความสะดวกเหมอื นกบั การนำ� เงนิ ในอนาคต
มาใช้ผ่อนสินค้าได้ และยังมีคะแนนสะสมให้แลกสิทธิพิเศษมากมาย ท�ำให้
หลาย ๆ คนเผลอใช้ไปโดยไม่ทันวางแผนการเงินให้ดี ๆ สุดท้ายก็กลายเป็นหน้ี
บตั รเครดิตกอ้ นโต จา่ ยไดเ้ พยี งขนั้ ต�ำ่ แถมยังมีดอกเบี้ยตามมาอีก เพราะฉะน้ัน
จา่ ยดว้ ยเงินสดไปเลย จะชว่ ยลดโอกาสก่อหนลี้ งไปไดม้ าก

5.ท�ำรายรับ - รายจ่าย
หากคณุ จดบนั ทกึ การใชจ้ า่ ยทกุ อยา่ งลงในรายรบั รายจ่าย เม่ือได้กลับมา
อา่ นทบทวนอกี ที จะทำ� ให้คุณสามารถมองเหน็ ภาพรวมได้ว่า มคี า่ ใชจ้ า่ ยสว่ นไหน
ที่ดูไม่จ�ำเป็น หรือปรับลดลงได้บ้าง ซ่ึงจะช่วยลดโอกาสการใช้เงินฟุ่มเฟือย
ในแตล่ ะเดือนลงได้
ถ้ามนษุ ย์เงินเดือนทำ� ตามได้อย่างท่ีตั้งเป้าหมายไว้ ก็จะท�ำให้ชีวิตนั้นไม่มีภาระหนี้สิน และประสบความส�ำเร็จ
ในด้านการเงิน และชีวิตของคุณก็จะไม่เดือดร้อน “ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ท่ีก่อข้ึนมาจาก
ความโลภและไม่ประมาณตนเอง”

วารสาร 91 DSI

วาไรตี้ เฮลท์ : “ออกกำ� ลงั กาย”
ชว่ งเวลาไหนของวนั ดที ่ีสุด ?

วาไรตี้ เฮลท์ : “ออกก�ำลงั กาย” ชว่ งเวลาไหนของวนั ดที ่ีสดุ ?

ศวิตา กล่�ำสกุล
นกั ศึกษาฝึกงาน สว่ นประชาสัมพนั ธ์ ส�ำนกั งานเลขานกุ ารกรม

เช้า สาย บ่าย เย็น ช่วงไหนควรออกก�ำลังกายมากท่ีสุด ช่วงเวลาในการออกก�ำลังกายส่งผลต่อประสิทธิภาพ
ในการออกกำ� ลงั กายของเราหรอื ไม?่
ถา้ พดู ถงึ การออกกำ� ลงั กาย เรอื่ งทเ่ี ปน็ ประเดน็ ทค่ี นจำ� นวนไมน่ อ้ ยกย็ งั สงสยั กนั วา่ ชว่ งเวลาไหนดตี อ่ การออกกำ� ลงั กาย
จะเปน็ เชา้ กลางวนั หรอื เยน็ กนั แน่ บางคนก็บอกวา่ ตอนเช้าดที ี่สดุ บางคนก็บอกตอนบา่ ยดีท่ีสุด บางคนกบ็ อกวา่ ตอนเยน็
ดที สี่ ุด หลาย ๆ คนกม็ คี วามนิยมออกกำ� ลังกายในแต่ละชว่ งวันแตกตา่ งกนั ไป สรปุ ว่าตอนไหนละ่ ดที ่สี ุดและมีข้อดขี ้อเสยี
อย่างไร?

ออกกำ� ลงั กายตอนเชา้
ชว่ งเวลาเชา้ หรอื หลงั ตนื่ นอนเปน็ ชว่ งทรี่ า่ งกายกำ� ลงั ฟน้ื ตวั จากการพกั ผอ่ นในชว่ งเวลากลางคนื การออกกำ� ลงั กาย
ในชว่ งเชา้ มีประโยชน์ดงั นี้

วารสาร 93 DSI

ขอ้ ดี

- ชว่ ยกระตนุ้ การทำ� งานของระบบเผาผลาญของรา่ งกายใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ทำ� ใหร้ า่ งกายสามารถเผาผลาญ
แคลอร่ไี ด้เพม่ิ ข้ึนต่อเน่อื งไปได้ทง้ั วัน
- ชว่ ยกระตุ้นระบบการท�ำงานของหัวใจ ทำ� ใหอ้ ัตราการเต้นของหวั ใจเพ่ิมข้นึ
- ทำ� ให้รา่ งกายกระปร้กี ระเปร่ามากขนึ้ และต่ืนตัวพร้อมส�ำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ เนือ่ งจากการออกกำ� ลงั กาย
จะช่วยกระต้นุ ให้ระบบต่าง ๆ ทำ� งานไดด้ ีข้ึน แถมยังช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ซ่ึงเป็นสารท่ีท�ำให้ร่างกาย
รสู้ ึกสดช่นื นน่ั เอง
- อากาศในช่วงเช้าจะสดชื่นและมีมลพิษน้อยกว่าในช่วงอ่ืนของวัน ท�ำให้ในการออกก�ำลังกายจะรับอากาศ
ทบี่ รสิ ทุ ธ์ิกว่า อีกทง้ั แสงแดดในตอนเชา้ ยงั มปี ระโยชนก์ บั ร่างกายอีกดว้ ย
- มสี มาธิในการออกกำ� ลงั กายมากกวา่ เพราะมสี ิง่ รบกวนนอ้ ย
- สามารถออกก�ำลังกายได้อย่างสม�่ำเสมอเมื่อเลือกเวลาเช้าเป็นเวลาออกก�ำลังกาย เพราะการออกกำ� ลงั กาย
จะเปน็ สิง่ แรกที่ทำ� ในแตล่ ะวัน แตกต่างจากชว่ งเวลาอ่ืนทีอ่ าจจะมีกิจกรรมอ่ืน ๆ มาแทรกท�ำให้ไมอ่ อกกำ� ลังกายได้

ข้อเสีย

- ในการออกก�ำลังกายตอนเช้าหากพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะท�ำให้ย่ิงอ่อนเพลียย่ิงกว่าเดิม หรือไม่ก็จะท�ำให้
การออกก�ำลังกายไม่ได้ประสิทธิภาพ เพราะออกก�ำลังกายเบาเกินไปเนื่องจากไม่มีแรง
- ทำ� ใหต้ บั ทำ� งานอยา่ งหนกั เพราะในชว่ งการนอนหลบั ตับก็ยงั คงท�ำงานอยู่ ท�ำให้เมอ่ื ต่ืนนอนเราจะไม่มีพลังงาน
เหลอื อยใู่ นหลอดเลอื ดเพยี งพอสำ� หรบั การออกกำ� ลงั กาย และตบั กจ็ ะตอ้ งดงึ สารอาหารทเี่ กบ็ สะสมไวอ้ อกมาใช้เป็นพลงั งาน
ทำ� ให้ตับทำ� งานตลอดเวลาไม่มกี ารหยดุ พกั
- ในช่วงเช้า ร่างกายจะมีอุณหภูมิที่ต่�ำกว่าปกติ ท�ำให้ระบบไหลเวียนเลือดน้อย ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถ
ออกก�ำลงั กายไดเ้ ตม็ ที่
- มีโอกาสบาดเจ็บได้มากกว่า เพราะในช่วงเช้าเป็นช่วงที่อุณหภูมิจะต่�ำกว่าช่วงอื่นของวัน ท�ำให้อาจจะเกิด
อาการบาดเจบ็ ของกล้ามเนอ้ื ในขณะท่อี อกก�ำลงั กายได้

วารสาร 94 DSI

ออกกำ� ลงั กายตอนกลางวนั ถงึ บ่าย
ชว่ งกลางวนั และชว่ งบา่ ยเปน็ ชว่ งเวลาทร่ี า่ งกายทำ� งานอยา่ งเตม็ ท่ี และอณุ หภมู ใิ นรา่ งกายจะเปน็ ปกติ การทำ� งาน
ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายฟื้นตัวจากการพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว แต่ข้อดีและข้อเสียของการออกก�ำลังกายมีอะไรบ้าง
ไปดูกันคะ่

ข้อดี

- รา่ งกายมรี ะดบั ฮอรโ์ มนและการไหลเวยี นทส่ี งู กวา่ ในชว่ งเชา้ และอยใู่ นระดบั ปกติ ทำ� ใหส้ ามารถออกกำ� ลงั กายไดม้ าก
- ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายกระปร้ีกระเปร่ามากข้ึนหลังจากการท�ำงานในช่วงเช้า ลดอาการง่วงเหงาหาวนอน
ในช่วงบ่ายไดด้ ี
- มกี ารศึกษาพบว่า ระบบการหายใจในช่วงบ่ายจะทำ� งานไดด้ กี วา่ ในช่วงอื่น ๆ ของวนั
- สามารถออกกำ� ลงั กายไดโ้ ดยไมต่ อ้ งอบอนุ่ รา่ งกายมาก เนอ่ื งจากอณุ หภมู ริ า่ งกายอบอนุ่ เพยี งพอ และ Dr.David
W. Hill ไดเ้ ปดิ เผยในบทความหนง่ึ ในวารสาร Ergonomics เมอ่ื ปี 2007 ว่าในช่วงบ่ายของวัน รา่ งกายจะมคี วามแขง็ แรง
และยืดมากข้นึ กว่าในช่วงเวลาอ่นื 5% ท�ำให้เหมาะกับการออกกำ� ลังกาย

ขอ้ เสีย

- ถงึ แมว้ า่ ในชว่ งบา่ ยระบบการหายใจจะดกี วา่ ชว่ งอนื่ แตใ่ นชว่ งเทยี่ ง ระบบการหายใจจะทำ� งานไดไ้ มด่ เี ท่าที่ควร
โดยเฉพาะผู้ทม่ี ีปญั หาเกย่ี วกบั ระบบทางเดินหายใจจะท�ำให้ประสทิ ธภิ าพในการออกก�ำลังกายลดลง 15 - 20 %
- ในช่วงเท่ียงที่มีเวลาจ�ำกัดจึงท�ำให้ออกก�ำลังกายได้ไม่เต็มท่ี และในช่วงบ่ายอาจจะมีภารกิจท่ีเข้ามาแทรก
ทำ� ให้การออกก�ำลังกายน้อยเกินกวา่ ท่คี วรจะเป็น
การออกกำ� ลังกายตอนเยน็ ถงึ ค�ำ่
การออกกำ� ลงั กายชว่ งเวลาเยน็ ถงึ คำ�่ เปน็ ชว่ งเวลายอดนยิ มของคนทำ� งาน เนอ่ื งจากเปน็ ชว่ งเวลาหลงั จากการทำ� งาน
ทำ� ใหส้ ามารถใชเ้ วลากบั การออกกำ� ลงั กายไดเ้ ตม็ ที่ แตก่ ารออกกำ� ลงั กายในชว่ งเวลานกี้ ม็ ขี อ้ ดี ขอ้ เสยี เชน่ กนั

ขอ้ ดี

- โดยทว่ั ไปแลว้ คนเราจะมีอุณหภูมิและฮอร์โมนในร่างกายสูงที่สุดก็ในช่วง 18.00 น เป็นต้นไป ท�ำให้สามารถ
ออกกำ� ลังกายได้อย่างเตม็ ประสิทธภิ าพ
- ความเสย่ี งในการเกิดการบาดเจบ็ นอ้ ย เนื่องจากอณุ หภมู ิในรา่ งกายเป็นปกติ
- มีพลงั งานในการออกกำ� ลงั กายมากกว่าช่วงอื่น ๆ เน่ืองจากในช่วงเวลาระหว่างวัน เราได้รับประทานอาหาร
เข้าไปอย่างเพียงพอแลว้
- ช่วยผอ่ นคลายความเครียด และลดอาการเมือ่ ยลา้ จากการท�ำงาน เพราะการออกกำ� ลงั กายในช่วงเยน็ จะช่วย
กระตุ้นการท�ำงานของร่างกาย จงึ จะท�ำใหร้ สู้ กึ สดชน่ื มากขน้ึ หลงั จากออกกำ� ลังกาย
- ชว่ ยลดความอยากอาหารในมือ้ เย็นได้ ท�ำให้ไมร่ บั ประทานมากจนเกนิ ไปในช่วงเย็น

วารสาร 95 DSI

ขอ้ เสยี

- การออกกำ� ลงั กายในชว่ งนจ้ี ะทำ� ใหร้ า่ งกายตนื่ ตวั และทำ� ใหน้ อนหลบั ไดย้ าก และนอนหลบั ไดไ้ มส่ นิทหากนอนทันที
หลงั จากออกก�ำลังกาย สง่ ผลต่อการหล่ังฮอร์โมนและนาฬิกาชีวิต
- หากออกกก�ำลังกายในช่วงค่�ำ สถานท่ีในการออกก�ำลังจะจ�ำกัดลง และอาจจะต้องออกก�ำลังกายในร่มแทน
เพราะหากออกกำ� ลงั กายนอกสถานที่จะเสี่ยงตอ่ อุบตั ิเหตุทีค่ าดไม่ถงึ ได้
- รา่ งกายจะเผาผลาญไขมนั สะสมได้ช้า เพราะพลังงานทง้ั หมดท่จี ะต้องใชใ้ นการเผาผลาญไขมันจะถูกใช้ไปกับ
การออกก�ำลังกาย ทำ� ให้ร่างกายจะตอ้ งใชเ้ วลานานข้นึ ในการเผาผลาญให้ถงึ ระดับของไขมนั สะสม
ฟงั แบบนแี้ ลว้ หากจะสรปุ วา่ ออกกำ� ลงั กายเวลาไหนดกี วา่ กนั คงสรปุ ไดไ้ มแ่ นน่ อน เพราะวา่ ไลฟ์สไตลข์ องแต่ละคน
แตกต่างกนั เพราะมีเร่อื งของเงอื่ นเวลาเข้ามาเป็นปัจจัยประกอบส�ำคัญ บางคนสะดวกตอนเช้าเพราะเลิกงานก็ดึกแล้ว
สว่ นบางคนสะดวกตอนเยน็ มากกวา่ เพราะวา่ ตอนเชา้ ตอ้ งรบี ไปทำ� งาน และในความเปน็ จรงิ แลว้ ไมว่ า่ จะออกกำ� ลงั กายเวลาไหน
กไ็ มส่ ำ� คญั เทา่ ไดไ้ ปออกกำ� ลงั กายกพ็ อ เพราะการออกกำ� ลงั กายในแตล่ ะชว่ งเวลากส็ ง่ ผลดแี ตกตา่ งกนั ไป การออกกำ� ลงั กาย
ใหไ้ ดผ้ ลดตี อ่ รา่ งกาย สง่ิ ทสี่ ำ� คญั ทส่ี ดุ คอื ความสมำ�่ เสมอ หากออกกำ� ลงั กายอยา่ งสมำ่� เสมอ ไมว่ า่ จะเปน็ ชว่ งเวลาใด กจ็ ะสง่ ผลดี
ตอ่ รา่ งกายไดอ้ ยา่ งแน่นอน

ขอขอบคณุ แหลง่ ทม่ี า : https://health.kapook.com/view109066.html

วารสาร 96 DSI

¡ÃзÃÇ§ÂØµÔ¸ÃÃÁ ¡ÃÁÊͺÊǹ¤´Õ¾àÔ ÈÉ

Êӹѡ§Ò¹»Å´Ñ ¡ÃзÃÇ§ÂØµÔ¸ÃÃÁ
â·Ã. 0 2141 5100 www.moj.go.th

¡ÃÁ¤ÁØ »ÃоĵÔ
â·Ã. 0 2141 4749 www.probation.go.th

¡ÃÁ¤ÁØŒ ¤ÃͧÊÔ·¸áÔ ÅÐàÊÃÀÕ Ò¾
â·Ã. 1111 ¡´ 77 www.rlpd.go.th

¡ÃÁºÑ§¤ºÑ ¤´Õ
â·Ã 1111 µÍ‹ 79 www.led.go.th

¡ÃÁ¾Ô¹¨Ô áÅФŒÁØ ¤Ãͧà´็¡áÅÐàÂÒǪ¹
â·Ã. 0 2141 6469 www.djop.go.th

¡ÃÁÃÒª·³Ñ ±
â·Ã. 0 2967 2222 www.correct.go.th

¡ÃÁÊͺÊǹ¤´¾Õ àÔ ÈÉ
ÊÒ´‹Ç¹ 1202 , â·Ã. 0 2831 9888 www.dsi.go.th

Êӹѡ§Ò¹¡¨Ô ¡ÒÃÂµØ Ô¸ÃÃÁ
â·Ã. 0 2141 3666 www.oja.go.th

ʶҺѹ¹ÔµÇÔ Ô·ÂÒÈÒʵÏ
â·Ã. 0 2142 3492 www.cifs.go.th

Êӹѡ§Ò¹¤³Ð¡ÃÃÁ¡Òû͇ §¡¹Ñ áÅлÃÒº»ÃÒÁÂÒàʾµ´Ô
â·Ã. 0 2247 0901 - 19 www.oncb.go.th

เขา้ ถงึ ความยุติธรรมผ่านทาง
DSI Application

DSI
( กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ )

DSI à¾ÔÁ่ ª‹Í§·Ò§¡ÒõÃǨÊͺʶҹФ´¾Õ àÔ ÈÉ
¼Ò‹ ¹Ãкº Google Play Store

ÊÒÁÒöµ´Ô µÒÁʶҹÐàÃÍ×่ §ÃŒÍ§àÃÂÕ ¹·Õ่µ¹à¡Õ่ÂÇ¢ŒÍ§
ÊÓËÃѺ¼·ÙŒ Õà่ ¤ÂÂ×่¹àÃÍ×่ §ÃŒÍ§·Ø¡¢Á ÒàáÅŒÇ

à¾ÂÕ §¤¹Œ ËÒ¤ÓÇÒ‹ ¡ÃÁÊͺÊǹ¤´¾Õ ÔàÈÉ

ã¹ Google Play Store

â´ÂÃºÑ ªÁÇÔ¸¡Õ ÒõԴµ§้Ñ ä´·Œ ่Õ

https://www.dsi.go.th


Click to View FlipBook Version