The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้าวหมกไก่-บูรณาการ.pdf (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by naruponlanta, 2022-02-23 01:09:28

ข้าวหมกไก่-บูรณาการ.pdf (1)

ข้าวหมกไก่-บูรณาการ.pdf (1)

ข้ า ว ห ม ก ไ ก่ ข้าวหมกไก่ ข้ า ว ห ม ก ไ ก่

หน่วยบูรณาการอาหารพื้นบ้านต้านโควิด

ข้าวหมกไก่

โดย
วีรยุธ ก๊กใหญ่

นฤเบศร บุญสุย
เจะฟาเดีย เจะมุ
ปาณิตา มะเซ็ง
อภัสรา อรุณศรี



เสนอ
คณะครูทีม TEMs 4/1




รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนหน่วยบูรณาการ
หน่วยอาหารพื้นบ้านต้านโควิดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4/1

ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
โรงเรียนเทพา จังหวัดสงขลา

คำนำ

ปัจจุบันเชื่อไวรัสโควิด-19 มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง และมีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่
เกิดขึ้นเพื่อให้ปรับตัวอยู่รอด ในขณะเดียวกันมนุษย์เราก็พยายามหาวิธีเพื่อต่อต้านเชื่อไวรัสโควิด-
19 ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การใส่หน้ากากอนามัย การหมั่นล้างมือ หรือการรับประทานอาหารที่มี
สมุนไพรต้านโควิดเป็นส่วนผสม กลุ่มของข้าพเจ้าจึงเลือกข้าวเป็นองค์ประกอบหลักในการศึกษา
ค้นคว้า เนื่องจากประเทศไทยนิยมรับประทานข้าวเป็นอาหารจานหลัก และข้าวสามารถนำมา
ทำอาหารได้หลายเมนูและในหลายๆเมนูที่มีข้าวเป็นองค์ประกอบหลักก็มีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านโค
วิด-19 เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย

รายงานฉบับนี้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสรรพคุณของขมิ้นที่เป็นสมุนไพรในข้าวหมกไก่
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีขั้นตอนการทำข้าวหมกไก่ทั้ง
ภาษาและภาษาอังกฤษ และโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับคณิตศาสตร์เกี่ยวกับขมิ้นที่เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์
ต้านโควิดในข้าวหมกไก่
คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณ โรงเรียนเทพา ครูอานนท์บูเอียด ครูอรุณรัตน์เจียมรัตนะ
ครูบุญชัย เจียมรัตนะ และครูศุทธิษา หมัดสุสัน ที่ให้ความรู้คำแนะนำในการทำหนังสือเล่มเล็ก
และให้ข้อมูลรายละเอียดในการศึกษาค้นคว้าจนกลุ่มของขาพเจ้าทำงานจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

คณะผู้จัดทำ

วีรยุทร ก๊กใหญ่

นฤเบศร บุญสุย

เจะฟาเดีย เจะมุ

ปาณิตา มะเซ็ง

อภัสร

สารบัญ หน้า
เรื่อง 1-2

1.สมุนไพรต้านโควิด


1.1 ขมิ้น 3
3
2.ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี 3
3
2.1.ความเข้มข้น 3
3
2.2.พื้นที่ผิว 3
3
2.3.อุณหภูมิ 4
4
2.4.ตัวเร่งและตัวหน่วงปฏิกิริยาเคมี 5
5
2.5.อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี 6-7
8-9
2.5.1.ความหมาย 10
11
2.5.2.สูตรแสดงความสัมพันธ์

3.ขั้นตอนการทำข้าวหมกไก่

3.1 วัตถุดิบ/อุปกรณ์

3.2 วิธีทำข้าวหมกไก่
3.3 ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเคมีที่
เกี่ยวข้องกับวิธีการทำ
3.3 วัตถุดิบและขั้นตอนการทำข้าวหมกไก่(ภาษา
อังกฤษ)

4.ภาพแสดงวิธีการทำข้าวหมกไก่

5.โจทย์ความน่าจะเป็นและเหตุการณ์

บรรณานุกรม

~1~

ส มุ น ไ พ ร ที่ ต้ า น โ ค วิ ด ใ น ข้ า ว ห ม ก ไ ก่

ขมิ้น

1.ลักษณะทั่วไปของขมิ้น
ขมิ้น เป็นพืชสมุนไพร เป็นไม้ล้มลุก มีอายุหลายปีมีทรงพุ่มสูงประมาณ 3 ฟุต มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มี
ลักษณะรูปไข่อ้วนสั้น มีแขนงรูปทรงกระบอก แตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงกันข้าม เนื้อในเหง้าสีเหลืองส้ม
หรือสีแสด มีกลิ่นฉุน ใบเดี่ยว กลางใบมีสีแดงคลำ้ แทงออกมาเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกัน ใบรูปหอกยาดอก
เป็นช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ มีรูปทรงกระบอก มีกลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับสี
เขียวอ่อนหรือสีนวล ผลมีลักษณะรูปกลมมี 3 พู
2.ประโยชน์สรรพคุณขมิ้น

ช่วยขยายหลอดลม ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยฆ่าเชื้อรา ช่วยลดการอักเสบ ช่วย
ขับนำ้ดีมีนำ้มันหอมระเหย แก้อาการปวดท้อง แก้ท้องอืด แก้แน่นจุดเสียด แก้โรคผิวหนัง ช่วยขับลม แก้ผื่น
คัน แก้ท้องร่วง ช่วยรักษาโรครูมาตอยด์ได้แก้ปวดเมื่อย แก้ปวดประจำเดือน
3.การปลูกและขยายพันธุ์ขมิ้น

ขมิ้นเป็นพืชที่ชอบดินร่วนซุย เจริญได้ในดินแทบทุกชนิด ขมิ้นปลูกได้ง่ายๆ วิธีการปลูกใช้เหง้าหรือหัว
ทำพันธุ์ด้วยการปักชำเหง้า ใช้เหง้าหรือหัวอายุประมาณ 10-12 เดือนทำพันธุ์ปลูกลงแปลง ขุดหลุมห่างกัน
ประมาณ 30 ซม. แล้วนำเหง้าขมิ้นมาใส่ลงไป ใช้ดินกลบด้านบน แล้วรดนำ้ให้สม่ำเสมอ ใช้เวลาประมาณหนึ่ง
เดือน ก็จะมีหน่องอกโผล่ออกมา

~2~

4.วิธีดูแลรักษาขมิ้น
เป็นพืชที่ชอบนำ้ นำ้ระบายดีไม่ขัง ชอบแดด ต้องดูแลรดนำ้เสมอ และโดนแดดตลอดวัน ต้องหมั่น
รดนำ้ให้ชุ่ม โดยรดนำ้เช้าเย็น
5.การเก็บเกี่ยวผลผลิตขมิ้น
ขมิ้นใช้เวลาให้ผลผลิตเมื่อมีอายุได้ประมาณ 9-10 เดือน หัวขมิ้นที่แห้งสนิท จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้
ให้ตัดที่หัวแล้วก็ถอนออกมา ทั้งต้นตามต้องการ เมื่อขมิ้นมีกอเจริญเติบโตได้เต็มที่แล้ว ต้องแยกออก
ไปปลูก ใหม่บ้าง จะช่วยให้ขมิ้นขยายกอใหญ่เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อให้ต้นอ่อนโตขึ้นมาใหม่เป็นการแตกหน่อ
จะทำให้การ ปลูกขมิ้น และการขยายพันธ์ขมิ้นได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
6.วิธีเก็บรักษาขมิ้น
จะนำหัวขมิ้นที่แห้งสนิท จะนำมาล้างนำ้ทำความสะอาด แล้วตากลมไว้พอให้นำ้แห้งสนิท แล้วแพ็ค
เก็บไว้ใช้ได้นานๆ หรือจะนำมาหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำใส่ถุงพลาสติคแช่ช่องฟรีส จะเก็บรักษาไว้ใช้ได้นาน
7.สารต้านโควิดในขมิ้น
สารสกัดที่ได้จากขมิ้นชัน ประกอบด้วยสารสองกลุ่มหลักคือ นำ้มันหอมระเหย (essential oil) และ
สารเคอร์คิวมินอยด์(curcuminoids) สารเหล่านี้สามารถนำมาผลิตเป็นยารักษาโรค งานวิจัยใน ห้อง
ปฏิบัติการล่าสุดโดย Carla Guijarro-Real และคณะเมืองวาเลนเซีย เพิ่งเผยแพร่ผลการทดลองดัง
กล่าว เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
พวกเขาพบว่าเมื่อได้ทดลองขมิ้นชันเปรียบเทียบกับพืชและสมุนไพรอื่นอีก 14 ชนิด ปรากฎว่าขมิ้นใน

รูปสาร
สไวกรััดสรในวมที่ไม่ใช่สารเดี่ยวสามารถยับยั้งการทำงานของ 3CLPro (ซึ่งจะมีผลในการยับยั้งการขยายแพร่
เซลล์) ได้สมบูรณ์แบบ ส่งผลให้กิจกรรมโปรตีเอสตกค้าง 0.0% ที่ ค่า IC50 เท่ากับ 15.74 g mL

เหนือกว่า
สมุนไพรอื่นๆทั้งหมดที่ทำการทดลอง

~3~

ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี
1.ความเข้มข้น
ถ้าสารตั้งต้นมีความเข้มข้นตำ่อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะช้า แต่ถ้าสารตั้งต้นมีความเข้มข้นสูง
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะเร็ว
2.พื้นที่ผิว
ถ้าสารตั้งต้นมีพื้นที่ผิวน้อย อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะช้า แต่ถ้าสารตั้งต้นมีพื้นที่ผิวมากอัตรา
การเกิดปฏิกิริยาเคมีจะเร็ว
3.อุณหภูมิ
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีค่าเพิ่มขึ้น แต่เมื่ออุณหภูมิลดลง อัตราการ
เกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีค่าลดลง
4.ตัวเร่งและตัวหน่วงปฏิกิริยา
ตัวเร่งปฏิกิริยา เป็นสารที่เติมลงไป แล้วจะไปลดค่าพลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยา ทำปฏิกิริยา
นั้นเกิดได้ง่ายขึ้น ส่วนตัวหน่วงปฏิกิริยา เป็นสารที่เติมลงไป แล้วจะไปเพิ่มค่าพลังงานก่อกัมมัน
ต์ของปฏิกิริยา ทำให้ปฏิกิริยาเกิดได้ยากขึ้น และหลังเกิดปฏิกิริยา ตัวเร่งและตัวหน่วงปฏิกิริยาจะ
ยังคงมีสมบัติทางเคมีและ ปริมาณเท่าเดิม
หมายถึง ปริมาณของสารตั้งต้นที่ลดลง หรือปริมาณของสารผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยหนึ่ง
หน่วยเวลาโดยอาจวัดปริมาณของสารได้จากความเข้มข้นปริมาตร หรือมวลของสาร
เปลี่ยนแปลงไปหลังจาก

เกิดปฏิกิริยาเคมี
เขียนสูตรแสดงความสัมพันธ์ได้ดังนี้
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี= ปริมาณของสารตั้งต้นที่ลดลง / เวลาที่ใช้ในการเกิดปฏิกิริยาเคมี
= ปริมาณของสารผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น / เวลาที่ใช้ในการเกิดปฏิกิริยา

~4~

ขั้นตอนการทำข้าวหมกไก่

วัตถุดิบ


- ปีกบน 8 ชิ้น
- ข้าวหอมมะลิ400 กรัม
- หอมแดงซอย 1 และอีก ¼ ถ้วย
- เนยเค็ม 130 กรัม
- นมสด 50 มิลลิลิตร
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ70 กรัม
- ผงกะหรี่1 ช้อนโต๊ะ
- ผงขมิ้น 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงผักชี1 ช้อนชา
- ผงยี่หร่า 1 ช้อนชา
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- อบเชย 2 แท่ง
- ใบกระวานป่น 1 ช้อนชา
- นำ้ 800 มิลลิลิตร

อุปกรณ์

- เขียง 1 อัน
- มีด 1 เล่ม
- ชาม 2 ใบ
- ส้อม 2 ด้าม
- ถ้วยตวง 1 ใบ
- หม้อหุงข้าว 1 เครื่อง
- ตะหลิว 1 ด้าม
-กระทะ 1 ใบ

~5~

ขั้นตอนวิธีการทำ
1. เริ่มต้นด้วยการใช้ส้อมจิ้มน่องไก่เพื่อหมักรสชาติให้เข้าเนื้อ

2.ใส่สมุนไพรและเครื่องเทศทั้งหมดลงในชามผสม คนให้เข้ากัน จากนั้นเติมโยเกิร์ต
ธรรมชาติ70 กรัมและนมสด 50 มล. ผสมนำ้หมักให้เข้ากัน ใส่น่องไก่ทั้ง 3 ชิ้นแล้วถูนำ้
หมักให้เข้ากับเนื้อไก่ปล่อยให้ไก่หมักไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

3.เมื่อไก่หมักเสร็จแล้ว ให้อุ่นเนยเค็ม 130 กรัมในหม้อหุงข้าว พอเนยเริ่มละลาย ใส่

หอมแดงหั่นฝอย 1และอีก ¼ ถ้วยตวง แล้วผัดหอมแดงในเนยพักไว้ประมาณ 5 นาที

4.ตอนนี้นำขาไก่หมักในเนยและหอมแดงไปผัดจนเริ่มเป็นสีนำ้ตาล อย่าผัดนานเกินไป

จนสุก

5.เทนำ้หมักที่เหลือลงในหม้อหุงข้าว ตามด้วยข้าวหอมมะลิ400 กรัม ผสมข้าวกับซอส
และปรุงอาหารประมาณ 3 ถึง 4 นาที

6.เทนำ้ 800 มิลลิลิตรลงในหม้อหุงข้าวผัดให้เข้ากันแล้วใส่ขาไก่แล้วตั้งหม้อหุงข้าวให้

สุก


ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำ
-การจิ้มเนื้อไก่ให้เป็นรู เป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวของสารตั้งต้นทำให้เครื่องสามารถซึม
เข้าไปในเครื่องเทศได้เยอะขี้น ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีเร็วขึ้น
-การลดเนยเป็นการลดความเข้มข้นของสาร ทำให้ข้าวไม่แฉะจนเกินไป

-การหุงข้าว เป็นการเพิ่มอุณหภูมิของสาร ทำให้เกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้น ข้าวจึงสุกได้ไวยิ่ง

ขึ้น

~6~

Thai Chicken Biryani

Ingredients
- 8 chicken wings
- 400g jasmine rice
- 1 1/4 cup sliced shallots
- 130g salted butter
- 50ml fresh milk
- 70g natural yoghurt
- 1 tablespoon curry powder
- 2 tablespoon turmeric powder
- 1 teaspoon coriander powder
- 1 teaspoon cumin powder
- 1 tablespoon salt
- 1 tablespoon sugar
- 1 sticks cinnamon
- 1 teaspoon ground bay leaves
- 800 ml water

~7~

Preparation
Step 1: Start by using a fork to prick the chicken legs so that when you marinate it the
flavours get inside the meat.
Step 2: Now place all of the herbs and spices into a mixing bowl, so 1 tbsp curry

powder, 2
tbsp turmeric powder, 1 teaspoon coriander powder, 1 teaspoon cumin powder, 1 tbsp
salt,
1 tbsp sugar, 1 teaspoon ground cinnamon and 1 teaspoon ground bay leaves. Stir

together,
then add 70g of natural yoghurt and 50ml of fresh whole milk. Mix the marinade
together
thoroughly, then add in the 4 chicken legs, and rub the marinade into the chicken.

Leave the chicken to marinate for at least 3 hours, although we left ours overnight.

Step 3: Once the chicken has finished marinating, heat 130g of salted butter in a wok

or pan on a medium heat, and once it starts to melt, add in 1/4 cup of sliced shallots,

and fry the shallots in the butter for about 5 minutes.
Step 4: Now fry the marinated chicken legs in the butter and shallots, just until they
begin to brown. The aim her is not to cook them, just to brown them slightly, so don’t
cook them for too long. Once they begin to brown just set them aside.
Step 5: Now pour the leftover marinade into the pan with the butter and shallots,

along with 400g of uncooked jasmine rice. Mix the rice in with the sauce and cook for

about 3 to 4 minutes.
Step 6: Now pour everything from the wok into a rice cooker, along with 800ml of
water. Stir together, then add in the chicken legs, then set the rice cooker to cook.
Depending on how big your rice cooker is, you may have to split this up into two
batches if you are doing 4 portions.
Step 7: Whilst the curry is cooking in the rice cooker, heat about 1/4 cup of cooking oil

in a wok on a high heat. Once the oil is hot, fry 1 cup of sliced shallots until they are

crispy and brown, then set aside.
Step 8: Once the chicken and rice have finished cooking in the rice cooker, portion up,
then sprinkle on some of the crispy shallots, then serve and enjoy with some sweet
chilli sauce and sliced cucumber!

~8~

ภาพแสดงขั้นตอนวิธีทำข้าวหมกไก่

ใช้ช้อนส้อมจิ้มไก่ หมักด้วยเครื่องข้าวหมก เติมเกลือ 1 ชต.

ใส่อบเชย 2 ก้าน ใส่โยเกิร์ต 70 กรัม ใส่นมสด 50 กรัม

คลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้30 นาที หั่นหอมแดง

~9~

ผัดหอมแดงและเนยให้เข้ากันใส่ไก่ลงไปผัด คลุกข้าวกับซอสหมักไก่ที่เหลือ

เติมนำ้ 800 มล. Finish!!

~ 10 ~

โจทย์ปัญหาความน่าจะเป็นและเหตุการณ์

1.จากการศึกษาเรื่องขมิ้น ซึ่งมีฤทธิ์ต้านโควิดถึง 100% ในการยับยั้งการเพิ่ม

จำนวนของเชื้อไวรัสโควิด 19
จงเขียนปริภูมิตัวอย่างของสารเคมีที่อยู่ในขมิ้นและหาความน่าจะเป็นที่สารเคมีใน
ขมิ้นมีฤทธิ์ต้านโควิด
S={ curcumin,monodesmethoxycurcumin, bisdesmethoxycurcumin}

n(S)= 3

เหตุการณ์ที่สารในขมิ้นมีฤทธิ์ต้านโควิด
S={ curcumin }

n(S)= 1

ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่สารในขมิ้นต้านโควิดเท่ากับ P(E) = 1/3 หรือ 0.33
2.จากการสุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด 19 มาทั้งหมด 100 คน พบว่ามีคนรับประทาน

ข้าวหมกไก่แล้วหายจากการ
ติดเชื้อ 60 คนและไม่หายจากการติดเชื้อแต่มีอาการดีขึ้น 40 คน
จงหาความน่าจะเป็นของผู้ป่วยที่กินข้าวหมกไก่แล้วหายจากการติดเชื้อโควิด 19

จำนวนผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด 19 n(S)= 100

จำนวนผู้ป่วยที่กินข้าวหมกไก่แล้วหายจากการติดเชื้อโควิด 19 n(S)= 60

จะได้ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์P(E) = 60/100

ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่ผู้ป่วยกินข้าวหมกไก่แล้วหายจากการติดเชื้อโควิด 19

เท่ากับ 1.6

~ 11 ~

บรรณานุกรม
กรุงเทพธุรกิจ.(2564).ขมิ้นชัน สมุนไพรตัวช่วย ยับยั้งการขยายตัวของไวรัส.

[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:https://www.bangkokbiznews.com/health/954702

(สืบค้นวันที่ 22 กุมภาพันธ์2565)

DISTHAI.(2560).องค์ประกอบทางเคมีของขมิ้นชัน.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก :
https://www.disthai.com/16488284/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8
%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99?
fbclid=IwAR1eVW6G3KceZkOGO1NcSjXwaiDownDz7scssIyOXS6Vsx18U
iqCVeD488 (สืบค้นวันที่13 กุมภาพันธ์2565)
Siam Sizzles.(2558).วิธีทำข้าวหมกไก่(ภาษาอังกฤษ).[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก :
https://siamsizzles.com/thai-chicken-biryani-curry-recipe-khao-mok-gai/
(สืบค้นวันที่29 ธันวาคม 2565)
THAI-THAIFOOD.COM.(2559).ขมิ้น.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก :
https://www.thai-
thaifood.com/th/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E
0%B8%99/fbclid=IwAR2_XMtCVUyqSa7PQAOi_W5oJ2g_emynArGFGBwF
DRND4xkAuytwiMs08q0 (สืบค้นวันที่13 กุมภาพันธ์2565)


Click to View FlipBook Version