ทฤษฎีพัฒนาการทาง
เชาว์ปั ญญา
Cognitive Development Theory
ฌ็อง ปิยาแฌ (เพียเจต์)
ชีวประวัติ
ชื่อ : ฌ็อง วีลียาม ฟริตส์ ปียาแฌ
เกิด : 9 สิงหาคม พ.ศ. 2439
เชื้อชาติ : ชาวสวิตเซอร์แลนด์
สาขาวิชา :จบปริญญาเอกทางชีววิทยา แต่หันมาสนใจทางจิตวิทยา
ผลงาน : ทฤษฎีการพัฒนาด้านความคิดความเข้าใจของมนุษย์
ความหมาย
การเรียนรู้ของเด็กเป็นไปตามพัฒนาการ
ทางสติปัญญา ซึ่งจะมีพัฒนาการไปตามวัยต่างๆ
เป็นลำดับขั้น ไม่ควรที่จะเร่งเด็กให้ข้ามจากพัฒนาการ
จากขั้นหนึ่งไปสู่อีกขั้นหนึ่ง
ความสำคัญ
เน้นความเข้าใจธรรมชาติและพัฒนาการของเด็ก
มากกว่าการกระตุ้นเด็กให้มีพัฒนาการเร็วขึ้น
แนวคิดสำคัญ
เด็กแรกเกิดมีความสามารถในการปรับตัว
แนวคิดพื้นฐาน
กระบวนการพัฒนาของสติปัญญาจะเป็นไปตาม
ลำดับขั้นขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะและการเรียนรู้ของแต่ละ
บุคคลลำดับขั้นของการพัฒนาจะเหมือนกันทุกคน แต่
ช่วงเวลาในแต่ละขั้นจะแตกต่างกันไป เพราะอิทธิพล
ของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม
กระบวนการทางสติปัญญา
แบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้
1.การดูดซับหรือการดูดซึม (assimilation )
เป็นกระบวนการทางสมองในการรับประสบการณ์ เรื่องราว และข้อมูลต่าง
ๆ เข้ามาสะสมเก็บไว้เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
กระบวนการทางสติปัญญา
แบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้
2. การปรับและจัดระบบ (accommodation)
กระบวนการทางสมองในการปรับประสบการณ์เดิมและประสบการณ์ใหม่ให้
เข้ากันเป็น ระบบหรือเครือข่ายทางปัญญาที่ตนสามารถเข้าใจได้ เกิดเป็น
โครงสร้างทางปัญญาใหม่ขึ้น
กระบวนการทางสติปัญญา
แบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้
3. การเกิดความสมดุล (equilibration)
หากการปรับเป็นไปอย่างผสมผสานกลมกลืนก็จะก่อให้เกิดสภาพที่มีความสมดุลขึ้น
หากบุคคลไม่สามารถปรับประสบการณ์ใหม่และประสบการณ์เดิมให้เข้ากันได้ ก็จะเกิด
ภาวะความไม่สมดุลขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางปัญญาขึ้นในตัวบุคคล
กระบวนการทางสติปัญญา
สรุปหรือจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ
เด็กจะซึมซับประสบการณ์ที่เขาได้รับมา
แล้วจับมารวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดกระบวน
การทางการคิด โดยมีการเชื่อมโยงกันระหว่าง
เรื่องเก่าที่เคยเรียนรู้มากับเรื่องใหม่ การเกิดขึ้น
ของเรื่องต่าง ๆ จะมีการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและ
ความเข้าใจของเด็ก
พัฒนาการทางสติปัญญา จะแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น
พัฒนาการทางสติปัญญา
จะแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น ได้แก่
1. ขั้นของการใช้ประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ (Sensorimotor Stage)
ช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 2 ปี
เด็กในวัยนี้ชอบการเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่
เช่น การไขว่คว้า สามารถประสานงาน
ระหว่างมือกับตา เรียนรู้จากประสาทสัมผัส
พัฒนาการทางสติปัญญา
จะแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น ได้แก่
2.ขั้นเตรียมความคิดที่มีเหตุผล หรือการคิดก่อนปฏิบัติการ
ช่วงอายุตั้งแต่ 2 ปี ถึง 7 ปี
เน้นไปที่การเรียนรู้ และเริ่มมีพัฒนาการทาง
ภาษาดีขึ้นด้วย โดยสามารถพูดได้เป็นประโยค
มีการสร้างคำได้มากขึ้น แต่เด็กยังไม่สามารถใช้
สติปัญญาคิดได้อย่างเต็มที่
พัฒนาการทางสติปัญญา
จะแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น ได้แก่
-ขั้นก่อนเกิดสังกัป (Preconceptual Thought) สังกัปคือการนึกคิด เป็นขั้น
พัฒนาการของเด็กอายุ 2-4 ปี ซึ่งเขาจะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ความคิดของเขาคือ
จะโยงความสัมพันธ์ของแต่ละเหตุการณ์มาเกี่ยวโยงกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
พัฒนาการทางสติปัญญา
จะแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น ได้แก่
-ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้ นึกออกเองโดยไม่ใช้เหตุผล (Intuitive Thought)
เป็นขั้นพัฒนาการของเด็ก อายุ 4-7 ขวบ ขั้นนี้ ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการคิด
รู้จักแยกประเภทและแยกชิ้นส่วนของ
พัฒนาการทางสติปัญญา
จะแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น ได้แก่
3.ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม (Concrete Operation Stage)
ช่วงอายุตั้งแต่ 7 ปี ถึง 11 ปี
ความสามารถในการคิดย้อนกลับ มีความจำที่ดี
มากขึ้น สามารถจัดกลุ่มและแยกประเภทได้อย่าง
สมบูรณ์ สนทนากับบุคคลอื่นได้ด้วยความเข้าใจ
ในเหตุผลของผู้อื่นได้ดี
พัฒนาการทางสติปัญญา
จะแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น ได้แก่
4.ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม (Formal Operational Stage)
ช่วงอายุตั้งแต่ 11 ปีขึ้นไป
เด็กเริ่มมีความคิดแบบผู้ใหญ่แล้ว มีความเข้าใจใน
สิ่งที่เป็นนามธรรม มีความเป็นตัวของตัวเอง
ต้องการอิสระ ไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง รู้จักการ
ใช้เหตุผลที่ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ
พัฒนาการทางการรู้คิดของเด็กในช่วงอายุ 6 ปีแรกของชีวิต
ประสบการณ์สำคัญที่เด็กควรได้รับการส่งเสริม มี 6 ขั้น ได้แก่
1. ขั้นความรู้แตกต่าง (Absolute Differences) เด็กเริ่มรับรู้ในความแตกต่างของ
สิ่งของที่มองเห็น
2. ขั้นรู้สิ่งตรงกันข้าม (Opposition) ขั้นนี้เด็กรู้ว่าของต่างๆ มีลักษณะตรงกันข้าม
เป็น 2 ด้าน เช่น มี-ไม่มี หรือ เล็ก-ใหญ่
พัฒนาการทางการรู้คิดของเด็กในช่วงอายุ 6 ปีแรกของชีวิต
ประสบการณ์สำคัญที่เด็กควรได้รับการส่งเสริม มี 6 ขั้น ได้แก่
3. ขั้นรู้หลายระดับ (Discrete Degree) เด็กเริ่มรู้จักคิดสิ่งที่เกี่ยวกับลักษณะที่อยู่
ตรงกลางระหว่างปลายสุดสอง ปลาย เช่น ปานกลาง น้อย
4. ขั้นความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง (Variation) เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับการ
เปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น บอกถึงความเจริญเติบโตของต้นไม้
5. ขั้นรู้ผลของการกระทำ (Function) ในขั้นนี้เด็กจะเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของการ
เปลี่ยนแปลง
6. ขั้นการทดแทนอย่างลงตัว (Exact Compensation) เด็กจะรู้ว่าการกระทำให้
ของสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลต่ออีกสิ่งหนึ่งอย่างทัดเทียมกัน
การประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้
ครูผู้สอนควรคำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของ
เด็ก เช่น เด็กที่มีอายุเท่ากัน อาจมีขั้นพัฒนาการ
ทางสติปัญญาที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงไม่ควรเปรียบ
เทียบเด็ก ควรให้เด็กมีอิสระที่จะเรียนรู้และพัฒนา
ความสามารถของเขาไปตามลำดับพัฒนาการ
ทฤษฎีพัฒนาการทางเชาว์ปัญญาของเพียเจต์
(Piaget’s Cognitive Development Theory)
เสนอ
ดร.รอง ปัญสังกา
จัดทำโดย
นางสาวชนิดาภา ลาวงค์
รหัสนักศึกษา 6410408022 สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย
See you next time!