1.การเตน้ ราแบบ คลาสสคิ
ก็คือการเต้นราท่เี ป็นมาตรฐานซึ่งถกู พัฒนาข้นึ มาจจากอดตี จนกระทั่งเกดิ รปู แบบท่ี
ชัดเจนมีทฤษฎแี ละหลกั การที่แนช่ ัด เช่น การเต้นบลั เลย่ ์ เป็นต้น
เตน้ บัลเลย่ ์
2. การเตน้ ราพ้นื ถิ่น
เป็นการเต้นราที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นท่ีอยู่อาศัยต่าง ๆ ของชาวบ้านในแถบทวีปต่าง ๆ ท่ัวโลก
การเต้นราเช่นนี้จะมีความโดดเด่นในด้านของวัฒนธรรมซึ่งจะมีท่วงท่าสอดคล้องกับความ
เปน็ อยู่ วถิ ชี วี ิต ชนคติ ความเชือ่ ความคิด การใช้ชีวิตของคนในพืน้ ถ่นิ น้ัน เช่นการเตน้ ราเก่ียว
ข้าว การเตน้ ฟลามิงโก้ การเตน้ ระบาหน้าท้อง เปน็ ตน้
เพลงภาคกลาง
เตน้ ฟลามงิ โก้
3.การเต้นรว่ มสมยั
เปน็ การเตน้ ราที่ร่วมยุครว่ มสมัยในปจั จุบนั ซงึ่ พัฒนามาร่วมกันกับดนตรีที่พฒั นาข้นึ มีความเปน็
สากลและทันสมัยข้ึน เช่น การเต้น บบี อย สตีทแดนซ์ ฮบิ ฮ็อบ เปน็ ต้น
เตน้ บบี อย
แนวทางการเต้นต่าง ๆ กไ็ ด้แก่
1.การเตน้ ป็อปป้ินส์
เป็นการเต้นท่ีเน้นการใช้กระดูกและข้อต่ออวัยวะในการเคลื่อนไหวประกอบกับท่าทางและจังหวะอย่างลง
ตัว กลุ่มแรกที่ริเร่ิมการเต้นแบบป็อปป้ินส์คือกลุ่มคนที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 80
และคนทีม่ ีชือ่ เสยี งในการเต้นแนวนค้ี นหน่งึ ทเี่ ปน็ ศิลปินโด่งดงั คือ ไมเคิล แจค็ สัน
เตน้ ป๊อบป้นิ ส์
2.การเตน้ บี บอย
บี บอย เปน็ การเตน้ ทีพ่ ฒั นามาจากกลุ่มผวิ สีและลาตนิ อเมรกิ า เปน็ วยั รนุ่ ที่อาศยั ในสหรฐั อเมริกา
ลกั ษณะการเตน้ นน้ั เป็นการนาเอาทว่ งท่าลีลาท่ีมคี วามแปลกใหม่ ผสมจินตนาการใหเ้ กดิ สไตลเ์ จาะจง
และเกอดเร่ืองราวที่ผกู ขนึ้ สอ่ื สคู่ นดูขณะเต้น ประกอบกบั เพลงที่เป็นเพลงมิกซ์ โดบนาเพลงต้นฉบบั
มาดัดแปลงให้ทานองแปลกออกไป
3. การเต้นป็อปแดนซ์
เป็นการเตน้ ทนี่ าทว่ งท่าลีลามาผสานกับดนตรีในแนว ป็อป รอ็ ค หรอื อารแ์ อนบี มีความทนั สมยั และ
ประยุกต์ให้เข้ากบั ทว่ งทานองและอารมณ์เพลง
เตน้ ปอ๊ บแดนซ์
4.การเตน้ แทป็
เป็นการเตน้ ท่เี นน้ การใช้จงั หวะประกอบกับการทาทว่ งทา่ ใหเ้ กดิ เสียงซึ่งมาจากการกระทบของอุปกรณพ์ ืน้ ผวิ
ของรองเท้าเกดิ จังหวะและลีลาสวยงาม
5. การเต้นประยุกต์อนื่ ๆ
การเต้นประยุกตน์ ้ันเปน็ การเตน้ แตกออกมาจากประเภทการเตน้ ต่าง ๆ ทีก่ ลา่ วขา้ งต้น นาการเตน้ หลาย ๆ
แบบมาผสมผสานกนั เกิดเป็นการเตน้ อื่น ๆ เชน่ โควเวอร์แดนซ์ จินตลลี า สตรีทแดนซ์ เปน็ ตน้
จนิ ตลลี า
เตน้ แทป็