EXECUTIVE
SUMMARY
ในปัจจุบันนี้การดื่มเครื่องดื่มค็อกเทลกำลัง
เป็นที่นิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร
หรูหราหรือร้านกาแฟเล็กๆแทบทุกร้านเริ่มมี
การพัฒนาสูตรจากการผสมเหล้า ชา กาแฟ น้ำ
ผลไม้ หรือ น้ำที่มีรสชาติหวาน เพื่อรังสรรค์
ออกมาเป็นเมนูที่แปลกใหม่ ทั้งนี้ตัวผู้ออกแบบ
มีความสนใจและอยู่ในช่วงของศึกษาเรียนรู้
เกี่ยวกับกรรมวิธี การชงเครื่องดื่มค็อกเทล จึง
มีความคิดอยากจะนำเสนอสูตรที่ตนเองได้คิด
และศึกษาค้นคว้าใหม่ขึ้นมา เพื่อนำมาประยุกต์
ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการออกแบบเครื่อง
แต่งกายสตรีแนวสตรีทแฟชั่น (Street
fashion) และผสมผสานกับโครงร่าง ของ
ค็อกเทลเดรส (Cocktail Dress) ซึ่งงาน
ออกแบบชิ้นนี้ถ่ายทอดจากสูตรค็อกเทล
ทั้ง6สูตร ที่ผู้ออกแบบได้นำส่วนผสมเช่น
เหล้า,น้ำหวาน,น้ำผลไม้,ผลไม้และอุปกรณ์ที่ใช้
ในการตกแต่ง เพื่อถ่ายทอดรสชาติผ่านชุดที่
ออกแบบให้สอดคล้องกับรสชาติทั้ง6สูตร
สุพรรษา เหล่าอินทร์
ผู้ออกแบบ
AUTHORBI
OGRAPHY
FD 465 DEGREE PROJECT EMAIL ; [email protected]
IN FASHION DESIGN FACEBOOK : SUPANSA LAOIN
INSTAGRAM : PLOYSUPANSAA
FINE AND APPLIED ARTS
BANGKOK UNIVER SITY Chateau dale
430/33 M.12 Thappraya Road,
Nongprue, Banglamung,
Chonburi 20150
ACKNOWLEDGEMENT
วิจัยฉบับนี้สำเร็จได้ด้วยความกรุณาจากอาจารย์ ดาลิตา เกตุศักดิ์ และ
อาจารย์ ณัฐสุภาเจริญยิ่งวัฒนา อาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยที่ได้ให้คำเสนอ
แนะแนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ มาโดยตลอดจนวิจัยเล่ม
นี้เสร็จสมบูรณ์ ผู้ศึกษาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ขอกราบ
ขอบพระคุณ คุณแม่และผู้ปกครอง ที่ได้ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ
รวมทั้งเป็นกำลังใจที่ดีเสมอมา ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยให้คำแนะนำดีๆ
และเกี่ยวกับวิจัยฉบับนี้ และขอขอบคุณตัวเองที่อดทนทำโครงงานชิ้น
นี้มาจนเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ในตลอดระยะเวลาการทำงาน
สุพรรษา เหล่าอินทร์
CONTENTS
00 EXECUTIVE SUMMARY
01 ACKNOWLEDGEMENT
CONTENT
02 LITERATURE REVIEW
STREET WEAR
COCKTAIL DRESS
HISTORYOFCOCKTAIL
TYPE OF ALCOHOLIC BEVERAGES
EQUIPMENT
TYPE OF COCKTAIL GLASS
GARNISH
03 MUSE
TASTE OF ACTIVITY
TASTE OF LIFE
TASTE OF HOUSING
04 METHODOLOGY
MOOD BOARD
BALLOON DIAGRAM
SILHOUETTE
TECHNIQUE AND DETAILS
MATERIAL
SKETCH DESIGN
TOTAL SKETCH
FLAT PATTERN
05 CONCLUSION AND RECOMENTATION
06 SUMMARY
07 REFERENCE
INTRODUCTION
โครงการออกแบบเครื่องแต่งกายโดยได้รับ
แรงบันดาลใจมาจาก โจทย์ การผสมเครื่องดื่ม
ค็อกเทล (Cocktail) โดยนำส่วนผสมหลักที่
ใช้ในการชงค็อกเทลมาพัฒนา ให้เป็นสูตรใหม่
เกิดขึ้นทั้ง6รสชาติที่มีความแปลกใหม่ และไม่
เหมือนใครภายใต้แนวทาง "ยิ่งดื่มมากเท่าไหร่
ยิ่งเป็นตัวของตัวเองมากเท่านั้น" the more
you drink is the more you are
วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์
เพื่อนำความรู้ที่ได้รับจากการชงเครื่องดื่มค็อกเทล
มาถ่ายทอดผ่านกระบวนการ การออกแบบเครื่อง
แต่งกาย
เพื่อพัฒนาและออกแบบเครื่องแต่งกายคอลเลคชั่น
แนวสตรีทแวร์
เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการออกแบบเครื่องแต่งกาย
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในวงกว้างสำหรับนิสิตนักศึกษา
สายการ
ออกแบบแฟชั่น และบุคคลทั่วไปที่สนใจ
เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถในการออกแบบ
เครื่องแต่งกายด้านการนำการชงเครื่องดื่มเข้ามาใช้
และออกแบบให้สอดคล้องกับยุคปัจจับัน
ข อ บ เ ข ต ข อ ง เ รื่ อ ง
ศึกษาแนวทางในการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรี
แนวสตรีทแวร์ เพื่อเป็นข้อมูลในการประยุกต์ใช้เป็น
แนวทางในการพัฒนาศักยภาพการออกแบบเครื่อง
แต่งกายสตรีโยการใช้การสื่อสารผ่านการชงเครื่องด
ดื่มค็อกเทล
ระยะเวลาที่ใช้ในการออกแบบในครั้งนี้ดำเนินงานการ
ในภาคเรียนที่ 1 และ 2 ปีการศึกษา 2564
ป ร ะ โ ย ช น์ ที่ จ ะ ไ ด้ รั บ
• เพื่อเป็นแนวทางการออกแบบเครื่องแต่งกายและ
การนำกรรมวิธีการชงค็อกเทลเข้ามาใช้ในการ
ออกแบบ สร้างความเข้าใจและหาข้อสรุปในการใช้
แนวโน้มแฟชั่นเพื่อช่วยกรอบความคิดในการ
ออกแบบแฟชั่นคอลเลคชั่น
เพื่อเป็นแนวทางและประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในการ
ศึกษาการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีทแฟชั่น
นิ ย า ม คำ ศั พ ท์ เ ฉ พ า ะ
ค็ อ ก เ ท ล เ ป็ น เ ค รื่ อ ง ดื่ ม ช นิ ด ห นึ่ ง ใ ช้ เ ห ล้ า ช นิ ด ต่ า ง ๆ
ผ ส ม กั น ใ ส่ น้ำ แ ข็ ง แ ล้ ว เ ข ย่ า แ ล ะ อ า จ ใ ส่ น้ำ ผ ล
(Cocktail) ไ ม้ ห รือ ชิ้ น ผ ล ไ ม้ เ พื่ อ เ พิ่ ม สี ห รือ ร ส ใ ห้ แ ป ล ก ๆ
อ อ ก ไ ป นิ ย ม ดื่ ม ก่ อ น อ า ห า ร
การผสม ก า ร นำ วั ต ถุ ตั้ ง แ ต่ 2 ช นิ ด ขึ้ น ไ ป ม า ร ว ม กั น โ ด ย ใ ช้
แ ร ง ก ล ทำ ใ ห้ วั ต ถุ ที่ ต้ อ ง ก า ร ผ ส ม เ กิ ด ก า ร
(Mix) เ ค ลื่ อ น ตั ว แ ล ะ มี ก า ร ก ร ะ จ า ย ตั ว อ ย่ า ง ส ม่ำ เ ส ม อ
ก า ร ผ ส ม เ ป็ น ขั้ น ต อ น สำ คั ญ ใ น ก า ร แ ป ร รู ป อ า ห า ร
ซึ่ ง จ ะ พ บ ใ น ก ร ร ม วิ ธี ก า ร ผ ลิ ต อ า ห า ร แ ท บ ทุ ก
ช นิ ด
GARNISH เ ป็ น ก า ร ป ร ะ ดิ ษ ฐ์ ป ร ะ ดั บ แ ล ะ ต ก แ ต่ ง อ า ห า ร ใ ห้
มี ค ว า ม ส ว ย ง า ม ทั้ ง สี ก ลิ่ น ร ส แ ล ะ รู ป ร่า ง เ พื่ อ
ค ว า ม ห รู ห ร า
STREET “ S t r e e t ” ( ท้ อ ง ถ น น ) + “ W e a r ” ( ก า ร ส ว ม ใ ส่ ) เ ป็ น คํ า ที่ ค น
FASHION ทั่ ว ไ ป ใ ช้ อ ธิ บ า ย ก า ร เ ลื อ ก เ สื้ อ ผ้ า ที่ เ ป็ น ไ ป ต า ม ลั ก ษ ณ ะ ก า ร ดํ า เ นิ น
ชี วิ ต ( L i f e s t y l e ) ที่ เ กิ ด จ า ก ค ว า ม คิ ด ที่ เ ป็ น อิ ส ร ะ ซึ่ ง ค ว า ม
เ ป็ น อิ ส ร ะ นี้ ถื อ เ ป็ น หั ว ใ จ สํ า คั ญ ข อ ง คํ า ว่ า S t r e e t w e a r ที่
ส ะ ท้ อ น ใ ห้ เ ห็ น ค ว า ม เ ป น็ u r b a n ห รือ วั ฒ น ธ ร ร ม ค น เ มื อ ง ซึ่ ง ยั ง
เ ชื่ อ ม โ ย ง ไ ป ยั ง วั ฒ น ธ ร ร ม ย่ อ ย อื่ น ๆ ใ น เ มื อ ง อี ก ด้ ว ย คํ า ว่ า
ส ต รีท แ ว ร์ นั้ น มี จุ ด เ ริ่ม ต้ น ม า จ า ก นิ ว ย อ ร์ก ใ น ท ศ ว ร ร ษ ที่ 1 9 8 0
ที่ มี อิ ท ธิ พ ล ม า จ า ก ก ลุ่ ม เ ด็ ก ส เ ก็ ต บ อ ร์ด พั้ ง ค์ เ ร ก เ ก้ ฮ า ร์ด ค อ ร์
ฮิ ป ฮ อ ป ค ลั บ แ ด๊ น ซ์ ก ร า ฟิ ตี้ ร ว ม ไ ป ถึ ง พ ว ก เ ท ร น ด์ ส ป อ ร์ต แ ว ร์
แ ล ะ ง า น ศิ ล ป ะ ต่ า ง ๆ ใ จ ก ล า ง เ มื อ ง เ พ ร า ะ ฉ ะ นั้ น มั น จึ ง ถื อ เ ป็ น
ส่ ว น ห นึ่ ง ใ น วั ฒ น ธ ร ร ม S t r e e t C u l t u r e ด้ ว ย เ ช่ น กั น
LITIERTURE
REVIEW
ป ร ะ วั ติ ค ว า ม
เ ป็ น ม า ข อ ง เ สื้ อ
ผ้ า ส ต รี ท แ ว ร์
STREET (Self Expression) เพื่อแสดงตัวตนรวมถึงทัศนคติของ
สตรีทแวร์ (Streetwear) มักหมายถึงเครื่อง
แต่งกายซึ่งมีลักษณะแบบลำลอง (Casual) สวมใส่ง่าย
WEAR เคลื่ อนไหวสะดวก (Athleisure) และมีขนาดใหญ่กว่าตัว
(Oversize) โดยมีเอกลักษณ์คือการแต่งกายเพื่อ
สตรีทแวร์ (Streetwear) เป็นรูปแบบการแต่งกาย แสดงออกถึงความเป็นปัจเจกบุคคลและแสดงทัศนคติ
ของผู้สวมใส่ เริ่มแรกสตรีทแวร์มีรากฐานมาจากกลุ่ม
ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการของสังคม โดย
เริ่มต้นช่วงยุค ค.ศ. 1980 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อต้านวัฒนธรรมกระแสหลักในยุค ค.ศ. 1980
การแต่งกายรูปแบบสตรีทแวร์ถูกพัฒนาขึ้นจาก (Countercultures) และพัฒนาขึ้นจากกลุ่มวัฒนธรรม
การผสมผสานอิทธิพลของวัฒนธรรมย่อย ย่อยต่าง ๆ (Subculture) จนกลายเป็นวัฒนธรรม
(Subculture) เช่น วัฒนธรรมสเก็ตบอร์ด (Skate การแต่งกายกระแสหลัก ซึ่งในปัจจุบันวัฒนธรรมนี้
Board) วัฒนธรรม ฮิปฮอป (Hip-hop) ประกอบกับ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีบทบาทสำคัญ
ในอุ ตสาหกรรมแฟชั่นในทุกระดับตลาด
เครื่องแต่งกายประเภท กีฬา (Sportswear) ซึ่งมี
จุดเริ่มต้นของสตรีทแวร์และวัฒนธรรมสตรีทถือ
เอกลักษณ์คือรูปแบบการแต่งกาย ที่มีลักษณะลำลอง กำเนิดขึ้นจาก ฌอน สตุสซี่ (Shawn Stussy) ผู้ประกอบ
(Caรual) เคลื่ อนไหวสะดวก (Athleisure) และมีขนาด
ใหญ่กว่าตัว (Oversize) โดย แนวคิดที่สำคัญ ของรูป ธุรกิจจำหน่ายแผ่นกระดานโต้คลื่ นในบริเวณลากูน่าบีช
(Laguna Beach) ชายหาดซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของบรรด
แบบการแต่งกายแนว สตรีทนี้คือการแสดงออกถึง
ความเป็นปัจเจกบุคคล นักเล่นเชิร์ฟบอร์ดชั้นนำในรัฐแคลิฟอร์เนียประเทศ
สหรัฐอเมริกาปี ค.ศ. 1979
ภายหลังวัฒนธรรมสตรีท ซึ่งภาพลักษณ์ ที่โดดเด่นของศิลปีนดนตรีฮิปฮอปหรือ
ได้แพร่เข้าสู่มหานครนิวยอร์ก แทรกซึมไปในวงการ แร็ปเปอร์สมัยนั้น ล้วนเป็นศิลปีนชาวอเมริกัน-แอฟริกัน
ดนตรี แนวฮิปฮอปและเครื่องแต่งกายประเภทกีฬา ซึ่ง ซึ่งเป็นคนผิวสีและ มักสวมใส่เครื่องแต่งกายลักษณะใหญ่
ใน ช่วงนี้เองที่วัฒนธรรมสตรีทได้กลายเป็นกระแสนิยม โคร่ง (Baggy and Loose)มีเครื่องประดับเป็นสร้อยคอโซ่
ที่ได้รับ การยอมรับอย่างล้นหลามเนื่ องจากแรงขับ สีทองและรองเท้ากีฬาตราสินค้าดังอย่างไนกี้ (Nike).
เคลื่ อนสำคัญ ได้แก่ เอมทีวี (MTV) สถานีโทรทัศน์ หรือ อดิดาส (Adidas) โดยลักษณะมิวสิควิดีโอประเภทนี้
สำหรับวัยรุ่นที่ทรง ถูกเรียกว่าบลิงบลิง (Bling Bling Culture) และเป็นภาพ
อิทธิพลเป็นอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเอม
ทีวี ลักษณ์ที่คนมัก จดจำของเครื่องแต่งกายแนวสตรีท
ได้นำเสนอรายการเพลง 'YO! MTV Raps' นำดนตรี
แนวฮิปฮอปมาเผยแพรให้กับผู้ชมทั่วประเทศ วัฒนธรรมสตรีทและเครื่องแต่งกายสตรีทแวร์
เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่และกระจายกระแส
นิยมออกไปอย่างรวดเร็วในช่วง ค.ศ. 2000 ที่อิทธิพล
ของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้คนทั่วโลกสามารถ
เข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ได้สะดวก ในปี ค.ศ.
2017สตรีทแวร์ได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็น
ส่วนสำคัญของตราสินค้าแฟชั่นระดับสูง (High-end)
CULTURE จำนวนมาก มีการผลิตเสื้อผ้าประเภทลำลองและ
เคลื่ อนไหวสะดวกออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการ
ของกลุ่มผู้บริโภคที่มีค่าเฉลี่ยอายุเด็กลงและต้องการ
สวมใส่เครื่องแต่งกายที่ไม่เป็นทางการจนเกินไปสามารถ
ใส่ได้ในหลายโอกาส
STREET และถึงแม้ว่าการตีความวัฒนธรรมสตรีทของ
ดีไชเนอร์แต่ละคนจะแตกต่างกันไป แต่เอกลักษณ์สำคัญ
WEAR ของวัฒนธรรมสตรีทที่ดีไชเนอร์ทุกคนให้ความสำคัญ
เหมือนกันนั้นคือการออกแบบเพื่ อสะท้อนความเป็นอิ สระ
ในตลาดตราสินค้าแฟชั่น และเรื่องราวของสังคมปัจจุบัน (Urban Culture) เป็น
ระดับสูง (High-end) มีอัตราการการเพิ่มขึ้นของการ หลักปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นส่งผลให้เกิดความหลากหลาย
ผลิตรองเท้ากีฬา (Sneakers) ถึง 10% และเสื้อยืดถึง ทางวัฒนธรรม (Cultural Diversity) ขึ้นในสังคมซึ่ง
25% รวมถึงรายละเอียดของเครื่องแต่งกายที่เป็นการ เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการออกแบบเครื่องแต่งกาย
สตรีทแวร์ในปัจจุบัน เมื่อบุคคลมีอิสระทางแฟชั่นมากขึ้น
ผสมผสานเอาความเป็นวัฒนธรรมสตรีทมาปรับแต่ง และไม่มีกฎเกณฑ์ทางแฟชั่นใดที่ถูกต้องตายตัวเสมอไป
ร่วมกับเสื้อผ้าชั้นสูง (Luxury Fashion) ได้ปรากฎให้ แนวคิดเครื่องแต่งกายซึ่งเกิดจากการผสมผสาน
วัฒนธรรม (Cross-culture) และไม่จำเป็นที่จะต้องยึด
เห็นมากขึ้นเป็นวงกว้าง มีการร่วมมือกันออกแบบของ ติดกับวัฒนธรรมใดอย่างเดียวจึงได้เกิดขึ้น
ตราสินค้าชูพรีม (Supreme) และ หลุยส์ วิตตอง รวมถึง
เบอร์เบอรี่ (Burberry) กับตราสินค้าสตรีทแวร์
โกชา รับชินสกี (Gosha Rubchinskiy) เป็นต้น
ในปัจจุบันสตรีทแวร์ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่ อง
ในวงการแฟชั่นระดับสูง (High-end) เปลี่ยนแปลงไป
ตามแนวโน้มแฟชั่น (Trend) ที่เกิดขึ้นในแต่ละฤดูกาล
(Season)
ITEM
PREPPY GORPCORE FLEECE JACKETS
CARGOS SWEATER VESTS CAMOUFLAGE
NYLON
TRACKSUITS
GILETS
ที่ ม า H T T P S : / / B L O G . E D I T E D . C O M / B L O G / T H E -
HOTTEST-STREETWEAR-TRENDS-FOR-2022
COCKTAIL
DRESS
COCKTAIL
DRESS
ชุดค็อกเทลคือการแต่งกายที่เหมาะสมที่กึ่งทางการครั้งบาง ที่มา https://hmong.in.th/wiki/Cocktail_dress
ครั้งเรียกว่างานเลี้ยงค็อกเทลมักจะอยู่ในช่วงบ่ายและมักจะมี
อุปกรณ์เสริม
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ความคิดของ "ผู้หญิงทำงาน" ได้
รับความนิยม หลังจากปีพ. ศ. 2472 เป็นเรื่องปกติมากขึ้นที่
จะเห็นผู้หญิงในบริบททางสังคม ด้วยความช่วยเหลือของ
องค์กรปลดแอกความคิดเรื่อง "ผู้หญิงยุคใหม่" ก็เริ่มขึ้นและใน
ไม่ช้าก็สามารถเห็น "ผู้หญิงดื่มเหล้า" ได้ในสภาพแวดล้อมทาง
ธุรกิจ บริษัท ต่างๆจัดงานเลี้ยงค็อกเทลมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้
มีสภาพแวดล้อมที่สนุกสนานสำหรับพนักงานและลูกค้าในการ
พบปะสังสรรค์ ปาร์ตี้เหล่านี้มักจะเริ่มหลัง 17.00 น. เนื่องจาก
แขกคาดว่าจะเดินไปรอบ ๆ และพบปะผู้คนเสื้อผ้าที่ผลิตขึ้น
สำหรับโอกาสเหล่านี้จึงมักใช้งานได้และสะดวกสบาย เสื้อผ้าที่
ใช้งานได้จริงและทันสมัยนี้กลายเป็นเครื่องแบบยอดนิยม
สำหรับสตรีชนชั้นสูงที่ก้าวหน้าในปี ค.ศ. 1920
HISTORY
คริสต์ศตวรรษที่ 19 https://www.metmuseum.org/art/collection/search/85181sortBy=R
ชุดอาหารเย็นเป็นชุดที่สวมใส่โดยผู้หญิงในยุควิกตอเรียสำหรับ elevance&what=Cocktail+dresses&ft=*&offset=0&rpp=20&pos=12
อาหารมื้อค่ำและงานปาร์ตี้ที่บ้าน มันอาจจะมากซับซ้อน แต่มักจะมี
แขนยาวคอสูงหรือกระโปรงแคบเพื่อตั้งพวกเขานอกเหนือจากชุด ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/Cocktail_dress#History
ราตรี ในศตวรรษที่ 20 แต่ชุดอาหารเย็นก็ออกไปของแฟชั่นและ
ถูกแทนที่ด้วยชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ
ศตวรรษที่ 20 ภาพสเก็ตช์ของชุดที่สวมใส่ มีกระดุมด้านหน้าและ
แขนยาวถึงศอก ร่างชุดค็อกเทลฝรั่งเศส ชุดค็อกเทลสีดำกับสาย
สปาเก็ตตี้บนหุ่น ชุดค็อกเทลอิตาลี 1960 ในช่วงปี ค.ศ. 1920
ลูกค้าของกูตูร์ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้า
อเมริกันที่ผลิตการออกแบบของฝรั่งเศสและส่งเสริมดีไซเนอร์ชาว
ฝรั่งเศสสิ่งนี้ทำให้นักออกแบบชาวฝรั่งเศสสร้างชุดเพื่อดึงดูดผู้
ซื้อชาวอเมริกันเนื่องจากงานเลี้ยงค็อกเทลมีต้นกำเนิดใน
สหรัฐอเมริกาดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสจึงสร้างชุดค็อกเทลในแบบ
ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับการตัดชุดแบบมืออาชีพใน
สไตล์อเมริกันที่เคร่งครัด
ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/Cocktail_dress#History ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/Cocktail_dress#History
ชาวฝรั่งเศสออกแบบชุดนอนชายหาดที่หลวมและไหลลื่ นได้มากที่
ประกอบด้วยเสื้อไหมพรมและกางเกงปาลาซโซ ซึ่งมักจะจับคู่กับผ้า
ห่อตัวที่มีความยาวถึงน่อง แจ็คเก็ตหรือปลอก เสื้อผ้าเหล่านี้มักจะ
สวมใส่เพื่อการสังสรรค์ที่พิเศษและใกล้ชิดยิ่งขึ้น สไตล์ฝรั่งเศสให้
ความสำคัญกับความเรียบง่ายและความสง่างามในการออกแบบ
ขณะที่สไตล์อเมริกันให้ความสำคัญกับการใช้งานและประสิทธิภาพ
ลูกค้าชาวอเมริกันต้องการชุดเดียวที่สามารถปรับเปลี่ยนให้พอดีได้
หลายครั้งของวันด้วยการใช้เครื่องประดับ เนื้อผ้าของชุดเดรสและไม่
ว่าจะใส่กับหมวกค็อกเทลทำให้ชุดเดรสกลางวันแตกต่างจากชุดเดรส
ค็อกเทลหรือไม่ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1920 ชุดกระโปรงอยู่ใต้เข่า
มากกว่าความยาวระดับข้อเท้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับชุดราตรี
HISTORYOFCOCKTAIL
ค็อกเทล (Cocktails) คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเหล่าค็อกเทล ที่
ผสมกับเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์ ซึ่งตามความเป็นจริง
ค็อกเทลมีได้ทั้งประเภท มีแอลกอฮอล์และปราศจาก แอลกอฮอล์
ดัง นั้นเครื่องดื่มประเภทคอ็ กเทล จึงหมายถึงที่ผสมระหว่าง
- เหล้า + เหล้า
- เหล้า + น้ำผลไม้
- น้ำผลไม้ + น้ำผลไม้ ก็เป็นเครื่องดื่มที่เรียกว่า Non
Alcoholic Cocktails ได้เหมือนกัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ไม่ดื่ม
เหล้า และเด็ก การนำเหล้ามาผสมกันเองหรือนำมาผสมกับน้ำผล
ไม้ คาดว่ามีมานานมากแล้วในยุโรปแต่คำว่าค็อกเทล (Cocktail)
ไม่มีใครทราบหลักฐานที่แน่ชัดค็อกเทล หมายถึง เครื่องดื่มที่ใช้
เหล้าชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นเครื่องปรุงหลักแล้ว ปรุงแต่งกลิ่นและ
รสให้ชวนดื่มยิ่งขึ้นด้วยการผสมเครื่องดื่ม อื่น ๆ ที่มีกลิ่นและรส
ที่ต่าง ๆ กัน ตามปกติแล้วค็อกเทลทุกตำรับจะมีเหล้าอยู่ประมาณ
60% หรือน้อยที่สุดจะต้องไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของเครื่องปรุง
ทั้งหมด เหล้าที่นิยมใช้ผสมค็อกเทลได้แก่ ยินวิสกี้รัมวอดก้าบรั่นดี
และอื่น ๆ เมื่อผสมเครื่องปรุงเข้าด้วยกันแล้วบางตำรับก็เพียงคน
ที่มา https://www.cocktailthai.com/17694851/อยากเหล้าเรื่อง พอเข้า กัน บางตำรับก็ต้องเขย่าอย่างแรงกับน้าแข็งค็อกเทลที่
1.เครื่องดื่มที่ใช้เหล้าผสมกัน (Base)เป็นเครื่องดื่มที่มีสีใส ผสมแล้ว นิยมเสิร์ฟเย็น จัดในแก้ว ค็อกเทล การนำเหล้า ต่าง
มีแต่เหล้าผสมกันไม่มีน้าผลไมห้รือครีมผสมด้วยผสมลง ชนิดมาผสมกันนี้คาดว่ามีมาแต่โบราณ แต่คำว่า “ค็อกเทล”
ในแก้ว ผสมแล้วคน หรือผู้สมให้เข้า กันด้วยน้าแข็งเหล่า (Cocktail) ไม่มีใคร ทราบหลักฐานที่มาที่แน่ชัด มีแต่เพียงคาด
จะผสมเข้า กัน ได้ง่าย เช่น Martini , Gin , ว่าน่าจะเกิดขึ้นเนื่องด้วยเหตุต่าง ๆ น่า ๆ ดังเช่น John
Manhattan Doxat เล่าไว้ใน The Book of Drinking ถึง 3 เรื่องแต่ที่น่า
สนใจมากที่สุดมีว่าในราวศตวรรษที่ 18 ประชาชนนิยมการตีไก่
2. .เครื่องดื่ มที่ผสมกับน้าผลไม้น้ำตาลไข่และครีม (Cock Fighting) กันมากและมีประเพณีการดื่มอวยชัยให้พร
(Modifiers) ต้องผสมโดยเขย่าให้เข้า กัน กับน้าแข็ง แก่ไก่ตัวที่เป็นผู้ช นะด้วยเครื่องดื่มที่ใช้ดื่มอวยพรให้ไกนั้นี้เป็น
เครื่องเขย่าเรียกว่า Shaker หรืเครื่องงปั่ นไฟฟ้า เครื่องดื่มผสมที่ประกอบด้วยเหล้าหลายชนิดด้วยกัน จะใช้กี่ชนิด
(Electricblender)เพื่อให้ผสมเข้ากัน ได้ดีในการผสม นั้นขึ้นอยู่กับ จำนวนขนหางที่เหลือของไก่ตัวนั้นนอกจากปรุงขึ้น
ให้รินเหล้าเป็นอันดับสุดท้ายนอกจากนี้ยังมีผลไมที่ใช้ ให้มึน หรือ Alec Waugh เล่าไว้ใน Wines and Spirits ซึ่ง
ตกแต่ง เช่น สับปะรด เปลือกมะนาว ส้มหั่นี้เป็นชิ้น น้าส้ม เป็นหนังสือในชุด Foods of the World ของ Time Life
คั้นน้ามะเขือเทศ มะกอก ซอสดา น้ามะนาว เกรนาดีน International (Nederland) B.V. ว่าไม่มีใครรู้แหล่งกำเนิด
(Grenadin)
ที่แท้จริงของค็อกเทลเลย แต่งเรื่องเล่า สนุก ๆเกี่ยวกับ ต้น
กำเนิดของค็อกเทลว่า ในระหว่างสงครามเพื่อเรียกร้องอิสรภาพ
ของชาวอเมริกัน
แต่คำว่า “ค็อกเทล” (Cocktails) มีหลักฐานที่แน่นอนว่า สิ่งตี
พิมพ์อเมริกัน ได้กล่าวถึงค็อกเทลตั้งแต่ต้นปี 1806 และหลังจาก
นี้อีก 50 ปีได้มีผู้พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับ ค็อกเทลขึ้นี้เป็นครั้งแรก
ในอเมริกา ผู้คิดค้นตำรับนั้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางนี้หลายคน เช่น
Crusta, Fix, Daisy, Cobbler, Smashและคนอื่น ๆ ในปี
1919 นั้นชาวลอนดอนยังไม่รู้จักวิธีการเสิร์ฟค็อกเทลก่อนอาหาร
ค่าแต่หลังจากนี้ก็รับวิธีการเสิร์ฟค็อกเทลไปจากอเมริกา ซึ่งนิยม
เสิร์ฟก่อนอาหารมื้อค่า ประมาณครึ่งชั่วโมง และถือว่าค็อกเทลนี้มี
ความสำคัญพอ ๆ กับอาหารมื้อค่ำด้วย
อ้างอิงจาก
https://www.gotoknow.org/posts/225381,2552.
ที่มา https://www.cocktailthai.com/17694851/อยากเหล้าเรื่อง
ที่ร้านเหล้าในนิวอิงแลนด์ซึ่งมิสเบที่ซเฟลนาแกนี้เป็นผู้ดำเนิน ที่มา https://www.cocktailthai.com/17694851
กิจการบรรดานายทหารต่างพา กัน มาอุดหนุนอยู่เป็นประจำที่
นายทหารเหล่านั้นต่อว่า ต่อขานมิสเบที่ซถึงเรื่องของโทรี ที่ชอบ คำว่า Cocktails นั้นมาจากภาษาฝรั่งเศสว่า Coquetel ซึ่ง
เข้า ไปกรีดกรายเกะกะอย่างไม่กลัวใครเลยขณะที่เขากำลังดื่มกัน หมายถึงเหล่า ผสม ส่วนค็อกเทลพาร์ตี้ กำเนิดขึ้นเมือกลาง
อย่างกระหาย คืนวัน หนึ่งเบที่ซเสิร์ฟ
เหล้าผสมพิเศษให้เหล่านายทหารเหล่านั้นเหล้าที่เสิร์ฟปรุงด้วยรัม ศตวรรษที่ 20 นี้เองจัดเป็นการเชิญไปเลี้ยงเหล่า ซึ่งอาจจะ
ผสมกับน้าผลไม้ แต่ละแก้ว ตกแต่งด้วยขนหางของได้โตง้ โท่ร เลี้ยงกลุ่มใหญ่หรือกลุ่มเล็กๆก็ได้เดิมทีมีการเสิร์ฟชนิดท่ีเรียก
ผู้ดื่มส่งเสียงชื่นชมกับ เครื่องดื่มชนิดใหม่นั้นเกรียวกราวบรรดา วา่สเตรด(Straight)คือเสิร์ฟเหลา้ลว้นๆซ่ึงนิยมสก็อต ไอรี
สมาชิกวงเหล่าได้ยินเสียงอุทานของนายทหารหนุ่มชาวฝรั่งเศส สบูบนหรือไวน์วิสก้ี โดยรินลงบนกอ้นน้าแข็งในแกว้ที่เรียก
คนหนึ่งว่า “ViveLeCoq’ s Tail” นักกินรุกติศาสตร์คงไม่เห็น
ด้วยกับ ที่มาของคำนี้แต่ผู้เขียน (Alec Waugh) มีความคิด ว่า“ออนเดอะร็อค”(Onthe Rock) หรือ เสิร์ฟกบั น้าแข็งบด
ว่าคนส่วนมากในซีกโลกตะวัน ตกยอมรับนิยายเรื่องนี้
(crushed Ice) ก็เรียกวา่ “ อินเดอะมิสท์ ” (In the Mist)
เหลา้ ในแกว้ น้นั อาจจะเติมน้าหรือโซดาก็ได้ แกว้ ที่ใช้ เดิมท่ี
เดียวก็ใชแ้ กว้ ทรงเต้ี ย (Short Glass) กบั แกว้ ทรงสูง
(Highball)นอกจากเหล้าแล้วก็จะมีกับแกล้มประเภทจัดทา
เป็นคาๆเรียกว่าออร์เดิฟ(Horsd’ oeuvres) ซ่ึงส่วนใหญ่ใช้
มือหยิบกินได้
ซึ่งสะดวกในขณะดื่มเหล้า เป็นอันมากบรรดาออร์เดิฟที่ใช้นั้นสามารถใช้ได้ตั้งแต่ของง่าย ๆ ไปจนของพิถีพิถันปราณีตมากก็ได้
ค็อกเทล นั้นมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามความนิยมอยู่เสมอ ๆ ดังตำรับจากโรงแรมต่าง ๆ ในหนังสือเล่มที่ท่านถืออยู่นี้ก็
นับว่าเป็นค็อกเทลที่ได้รับความนิยมมาก ในปัจจุบันและจากหนังสือตานานค็อกเทล (สุรพลโทณะวณิก) กล่าวไว้ว่า ค็อกเทล
เกิดขึ้นเมือไหร่ ใครเป็นผู้คิดสูตร ผสมเหล้าประเภทนี้ขึ้น ปัญหานี้ยังไม่อาจมีใครบอกได้แน่ชัด เท่าที่มีการสืบประวัติกันมาพอจะ
กล่าวได้ว่าชาวยุโรปเป็นชาติแรกที่รู้จักผสมเหล้า เข้า กับน้ำตาลน้ำเย็น และน้ำผลไมบ้างชนิดดื่ม กัน มาก่อนโดยเฉพาะชาวบอร์
โดซ์ (Bordeaux) ของฝรั่งเศสนิยมดื่มเหล้าที่เรียกว่า Coquetel ซึ่ง เป็นเหล้าผสมชนิดหนึ่ง ต่อมาบรรดานายทหาร
ฝรั่งเศสที่ถูกส่งไปประจำกองทัพช่วยยอร์จวอชิงตันทาสงครามประกาศอิสรภาพในสหรัฐอเมริกา ได้นำเหล้า ผสมชนิดนี้ไปเผย
แพร่ให้ชาวอเมริกันยุคนั้นรู้จักด้วยคำว่าค็อคแตล์ (Coquetel) จึงรู้จักกัน แพร่หลายตั้งแต่ยุคนั้น เป็นต้นมา ประวัติ
ค็อกเทลบางกระแสก็เล่าสืบ ๆ กัน มาว่า มีนักเคมีนายหนึ่งแห่งเมืองนิวออร์ลีนส์
มักจะผสมเหล้า ในภาชนะคล้ายถว้ ยใส่ใข่ (Egg Cup) เลี้ยงดูเพื่อนฝูงเสมอ นิตยสาร Balance เล่าไว้ว่า เหล้า ผสมในถ้วย
ใส่ไข่ที่ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า ค็อคแตร์ (Coquetiers) ของนักเคมีผู้นี้มีผู้ติดใจกัน มากจนต่อมาชาวอเมริกัน ก็ได้จำสูตรของ
เขาไปผสมดื่มในถ้วยค็อคแตร์กัน มากขึ้น ๆ จนในที่สุด
เหล้า ผสมค็อคแตร์ ก็เลยถูกเรียก
เพี้ยนไปตามสาเนียงชาวอเมริกัน เป็นค็
อกเตอร์(Cockters) บ้างจนกลาย
เป็น คอ็กเทล (Cocktails) ที่เรียกกัน
ติดปากจนทุกวัน นี้ในสมัยที่อเมริกาเกิด
สงครามประกาศอิสรภาปีค.ศ.1779(ราว
พ.ศ.2322) นั้นมีหญิง ม่ายเมียทหาร
ปฏิวัติคนหนึ่งชื่อเบตซี แฟลนาแกน
สร้างโรงเตี๊ยมขึ้นเพื่อต้อนรับลูกค้า ที่
เป็นทหาร ฝรั่งเศสจากกองทัพซึ่งไป
ทำการรบช่วยรัฐบาลชุดยอร์จวอชิงตัน
ใกล้ ๆ กับ โรงเตี๊ยมของเบตซีก็มีโรง
ขายเหล้าอีกร้านหนึ่งชื่อโลแยลลิสต์ ซึ่ง ที่มา https://www.cocktailthai.com/thai.
เลี้ยงไก่ไวท้ำอาหารด้วยวัน หนึ่งเบตซีจัด
งานเลี้ยงฉลองเป็นเกียรติแก่เพื่อนชาว
ต่างประเทศของนางโดยจับไก่จากร้าน
โลแยลิสทมาเลี้ยงแขกนางผสมเหล้ารส
แปลก ๆ ไวเสิร์ฟก่อน เวลาอาหารโดยนา
ขนหางไก่มาตกแต่งที่ขวดเหล้าสำหรับใช้
ดื้มอวยพร อย่างสวยงาม บรรดาทหาร
ที่ไปงานเลี้ยงนี้ต่างก็ดื่ มเป็นเกียรติแก่
เจ้า ภาพและอวยพรเป็นภาษา ฝรั่งเศส
ขึ้นว่า “Vive le cock tail” นับแต่นั้น
มาเหล้าผสมที่นิยมดื่ มก่อนงานเลี้ยงอา
หารหรือุดม ฉลองจึงเรียกคอ็กเทล ที่มา https://www.cocktailthai.com/thai.
(หางไก่) เป็นต้นมามีเรื่องเล่าอีกกระแส
หนึ่งว่าในยุคเดียวกับ เบตซี มีเจ้า ของ และก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดที่ต่อมาไม่นาน นายทหารอเมริกัน คู่รักของลูกสาวแกนั่นเองทั้
โรงเตี๊ยมชาวอเมริกัน คนหนึ่ง กีดกัน มิ เป็นผู้พบไก่ตัวนั้นและนามาคืนให้ว่าที่พ่อตาของเขา ในที่สุดพ่อตาของเบตซีก็เลยต้องจาใจ
ให้ลูกสาวชื่อเบตซีแต่งงานกับนายทหาร ยกลูกสาวให้ไปตามสัญญา เบตซีแสนจะปลื้มปิ ติจึงผสมเหล้า ในร้านพ่อสำหรับเลี้ยงแขก
อเมริกัน วัน หนึ่งไก่ชนแชมเปี้ ยน ที่มาร่วมงานฉลองการแต่งงานของหล่อน บรรดาแขกพา กัน ติดใจรสเหล้า ผสมนี้มาก ถึง
สังเวียนที่แก รักนกัหนาชื่อวอชิงตันหาย กับ เรียกเหล้า นี้ว่า ค็อกเทล เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสงบลงประเทศต่าง ๆ ในยุโรปและ
ไปเจ้า ของโรงเตี๊ยมผู้นี้เสียใจหนักถึงกับ อเมริกาก็ได้พัฒนาการด้านครองชีพ ก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ธรรมเนียมการเลี้ยง
ออกประกาศว่า ผู้ใดจับไก่ตัวนี้ มาคืนให้ ค็อกเทลกลายเป็นธรรมเนียมทาง ค็อกเทล (cocktail)เป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งใช้เหล้า
เขาได้ ยินดี จะยกลูกสาวให้เป็นสิ่ง ชนิดต่าง ๆ ผสมกัน ใส่น้ำแข็ง แล้วเขย่า และอาจใส่น้าผลไม้หรือชิ้นผลไม้เพื่อเพิ่มสีหรือรส
ตอบแทนเลยที่เดียว ให้แปลก ๆ ออกไป นิยมดื่มก่อนอาหาร ต้นกำเนิดของเครื่องดื่มค็อกเทลนั้นไม่ปรากฏชัด
ส่วนการผสมเครื่องดื่มแบบนี้มีมาแต่สมัยัศตวรรษที่1 4 ในประเทศฝรั่งเศสโดยใช้เบียร์
เหล้าน้ำผึ้งเป็นหลักแล้วจึงนำมาผสมกับเหล้าที่ใส่เครื่องเทศ และมีพัฒนาการไปใช้ ไวน์
เหล้าเครื่องเทศน้ำตาลน้ำผลไม้ผสมกัน โดยชาวฝรั่งเศส เรียกว่า "ก็อกแตล"(coquetel)
TYPE OF
ALCOHOLIC
BEVERAGES
SPIRIT แบ่งด้วยขั้นตอนการดื่ ม
เครื่องดื่ มที่สามารถดื่ มได้ทันที(Ready to
แบ่งตามกรรมวิธีในการผลิต Drink) ไม่ต้องมีขั้นตอนในการปรุงหรือ
แบ่งด้วยขั้นตอนในการเตรียมการก่อนดื่ ม ผสมอีก ได้แก่ ไวน์ บรั่นดี คอนยัคเบียร์
สุราแช่หรือสุราหมัก (Fermentation) เครื่องดื่ ม RTD (เช่น บาคาร์ดี้ สปาย)
คือสุราที่ได้จากการหมักวัตถุดิบ กับ รา รวมทั้งเครื่องดื่ มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อื่ น ๆ
และ/ หรือยีสต์ ไม่ได้กลัน่ และรวมถึงสุรา ด้วย
แช่ที่ได้ผสมกับสุรากลั่น แล้ว แต่ยังมีแรง
แอลกอฮอล์ไม่เกิน 15 ดีกรี เช่น ไวน์ เครื่องดื่ มที่มีการเตรียมการก่อนดื่ ม
แชมเปญ สาโท กระแช่ น้ำตาลเมา สาเก (PreparedBeverage) คือเครื่อง
ไวน์คูลเลอร์สปาร์คกลิ้งไวน์เบียร์ เป็นต้น ดื่ มที่ต้องมีการปรุงหรือผสมก่อนดื่ ม
สุรากลั่น (Distillation) คือการนำเอา เช่น วิสกี้ ค็อกเทล
สุราแช่มากลั่น เพื่อให้ได้แอลกอฮอล์ที่
สูงขึ้นและรวมถึงสุรากลั่นที่ผสมกับ สุรา แบ่งตามช่วงเวลาของมื้ ออาหาร
แช่แล้ว แต่มีแรงแอลกอฮอล์เกินกว่า 15 เนื่ องจากชาวตะวัน ตกนิยมดื่ มขณะรับ
ดีกรี เช่น วสิ กี้ บรั่นดี คอนยัควอดก้า จิน ประทานอาหารเครื่องดื่ มก่อนอาหาร
รัม ตากีล่า เหล้า ขาว ลิเคียว เป็นต้น (Aperitif)ใช้ดื่ มเพื่อดับกระหาย หรือ
เรียกน้ำย่อย
ไวน์ ใช้ดื่ มระหว่างมื้ออาหาร ควบคู่ไป
กับ การรับประทานอาหารแต่ละจาน
เครื่องดื่ มหลังอาหาร (Digestif) มัก
เป็นเครื่องดื่ มหรือเหล้า ที่มีรสหวาน
เพื่อช่วยใน การย่อยอาหาร
สุราที่ใช้กันโดยทั่ว ไปในการนำมาผสมเป็นเครื่องดื่มค็อกเทลมี 5 ประเภทดัง นี้
บรั่นดี (Brandy)เป็นเหล้าที่นิยมดื่มกัน มากเกิดจากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์
(Wine)แล้ว จึงนำมากลั่นนี้เป็นบรั่นดีจากนั้นนำไปเก็บบ่มให้ได้สีกลิ่นรสที่ดี
บรั่นดีที่มีขายตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไป
วิสกี้ (Whisky,Whiskey) คือสุรากลั่นที่ทำจากข้าวหรือข้าวโพดหรือ Grain
ชนิดใดชนิด
หนึ่งหรือหลายชนิดก็ได้โดยนามาหมักแล้ว กลั่นให้มีดีกรีสูงขึ้น จากนั้นนำไปเก็บ
บ่มในถังไมโอ๊ก เพื่อให้ได้สี กลิ่น รสที่ดีขึ้น แต่ก่อนจะนำมาบรรจุขวด บางชนิดยัง
นำไปปรุงแต่ง สี กลิ่นรสอีกครั้งเพื่อให้ได้มาตรฐานตามความนิยมของผู้บริโภค
ยิน (Gin) เป็นเหล้า สีขาว ที่มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ ทำมาจากการกลั่นข้าว
หรือ Grain และผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร และผลจูนิเปอร์ เป็นที่นิยมกัน
มากในฮอลันดา สมัยก่อนจึงเรียกิจน ว่า “Dutch Courage” และได้รับการ
เปลี่ยนชื่อให้เรียกสั้น ๆ ว่า Gin
ยิน เป็นสุราอีกชนิดหนึ่งที่ได้จากการกลั่นของการหมักของกากน้ำตาล, เมล็ด
ธญัญพืช (ซึ่ง ก็มีเมล็ดข้าวโพด,เมล็ดข้าวบาร์เลย์เมล็ดข้าวไรย์และเมล็ดข้าวอื่น
ๆ)
รัม (Rum) จัดเป็นประเภท Spirit เป็นเหล้าที่กลั่นจากออยู่หรือกากน้ำตาลผลิต
มากตามหมู่เกาะ ฝั่ งทะเลคาร์ลิเบียน ซึ่งปลูกอ้อยกัน มาก ผลิตและจำหน่ายหลาย
ประเทศ เช่น Puerto Rican สี Clear, Jamaica จะเป็นสี Dark, Cuban
จะเป็นสี Light, Gold, Dark เป็นต้น
วอดก้า (Vodka) คำว่า “Vodka” หรือ Wodka” มาจากภาษารัสเซียคือ
“ZhiznenniaVoda” แปลว่า “WaterofLife” บ้างก็แปลว่า “LittleWater” วอ
ดก้าเป็นที่ยอมรับของชาวอเมริการาวประมาณปี ค.ศ. 1946 วอดก้าเป็นเหล้า สี
ขาวใส มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึกดีกรี 40-60 สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จักแต่
ในปัจจุบันี้เป็นเหล้า ที่นิยมกันมากเป็นเหล้า ที่หมักจากข้าวหรือมัมฝรั่งงและออ้ย
แล้วแต่วัตถุดิบของผู้ผลิตประเทศนั้น ๆ
EQUIPMENT
JIGGEER
Jigger(จิ๊กเกอร์ ) บางคนเรียก
มนัว่า "ที่ตวงเหล่า " และเข้าใจได้ง่าย
กว่า อุปกรณ์ชิ้นแรกนี้ มีความ
สำคัญอย่างยิ่ง เพราะในการผสม
เครื่องดื่มแต่ละครั้ง จำเป็นที่จะต้อง
มีการ"ตวง" ส่วนผสมที่เป็นของเหลว
ทั้งหมดให้ได้ป ริมาณหรือสัดส่วนที่
ถูกต้องอูย่างที่ควรจะเป็น
SHAKER
Shaker (เชคเกอร์ ) คือการ"เขย่า
" เพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้า กัน
และมีความเย็น ใน ระยะเวลอัน
รวดเร็ว Shaker จะประกอบด้วย 3
ส่วน คือส่วนที่เป็นกระบอก, ส่วนที่
เป็นฝากรอง และส่วนที่เป็นฝาปิด
BOSTON SHAKER
Boston Shaker (บอสตันเชค ที่มาhttps://www.blockdit.com/posts/60ebc3e54e43d50c9add40f7
เกอร์ ) เป็นเชคเกอร์อีกประเภท
หนึ่ง ที่มีความแตกต่างจาก ประเภท EQUIPMENT
แรก คือแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่
กระบอกตวงที่เป็นแก้ว และกระบอก MELON BALLER MUDDLER
ตวงสแตนเลส เวลาเทส่วนผสม
ทั้งหมดลงไปในกระบอกู่แก้ว (บาง Melon Baller (เมลอน บอลเลอร์ ) Muddler(ไม้บด)ใช้สำหรับบดขยี้
อันจะมีปริมาตรบอกด้วย) แล้ว จะ "ช้อนคว้าน" มีประโยชน์ในการใช้คว้าน มะนาว ส้ม เป็นต้น
นำฝั่ งที่เป็นส แตนประกอบกัน แล้ว หรือปั้ นแต่ง ผลไมจ้ำพวกแตงต่าง ๆ
เขย่า จนได้ความเย็น ระดับ ที่ เช่น แตงโม แคนตาลูป ให้เป็นลูกกลม STRAINER
ต้องการ ๆ สวยงาม เพื่อนามาใช้ในการตกแต่ง
ปากแก้วหรือใส่ลงไปพร้อมกับ เครื่อง Strainer (ที่กรอกน้าแข็ง ) ใช้
STRAINER ดื่มก็ได้อย่างเช่น fruitpunch สำหรับกรอกน้ำแข็ง จากเครื่องดื่ม
เป็นต้น
Strainer (สเตรนเนอร์ ) อาจจะ
เรียกว่า ที่กรองหรือฝากรองก็ได้
อุปกรณ์ชิ้นนี้จะใช้คู่กับ Boston
Shaker เสมอ ดัง ที่กล่าวมาแล้ว
BARSPOON KNIFE CUTTING BOARD
Barspoon (บาร์สปูน) "ช้อนบาร์ " Fruit knife (มีดปลอกผลไม) ใช้ Cutting board (เขียง) ใช้
หรือ"ช้อนคน" มีหน้า ที่เอาไวค้ น สำหรับปลอกผลไม้ สำหรับรองในการหั่นวัตถุดิบ
ผสมเครื่องดื่ม ที่ไม่ ต้องใช้การเขย่า
แต่เป็นการเทผสมธรรมดาประโยชน์
อีกอย่างหนังก็คือเอาไว้เป็นอุปกรณ์
ช่วยใน การทำเครื่องดื่มประเภท
Layer ซึ่งจะกล่าวในบทต่อไป
TYPE OF
COCKTAIL
GLASS
MARTINI ที่มาhttps://www.blockdit.com/posts/60ebc3e54e43d50c9add40f7
แก้วมาร์ตินี่ (Martini TULIP CHAMPAGNE
glass)
ปัจจุบันมีการนำแก้ว
มาร์ตินี่มาใส่เหล้า ปัจจุบันเมื่อมีการจัดงาน
ค็อกเทล และเหล้า เลี้ยงหรูๆ จะนิยมนำแก้ว
เพียวๆ (Straight up) แชมเปญ ซอสเซอร์ นี้ มา
อย่างแพร่หลายจน ตั้งวางเรียงซ้อนกันเป็น
ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็น ชั้นๆ และเมื่อเทสปาร์คกลิ้ง
แก้วสำหรับยุคสมัยใหม่ ไวน์ลงมาบนแก้ยอดใบบน
โดยแท้ ด้วยการ สุด น้ำสีเหลืองทองนั้น ก็
ออกแบบให้มีก้าน ทรง จะไหลลงมา เหมือนม่านสี
ยาว และมีตัวแก้วไว้ใส่ ทองอำพัน แต่ไม่นิยมนำไป
เหล้า ใส่แชมเปญ เพราะจะทำให้
ซึ่งค่อนข้างคลาสสิคอีกชนิดหนึ่ง แก้ว ฟองสวยๆ หายไปโดยเร็ว
มาร์ตินี่น่าจะได้มีการเตรียมไว้สองขนาด
ก็คือ แบบ Single martini ขนาดความ BRANDY GLASS
จุ 2-3 ออนซ์ สำหรับใส่เหล้าตัวเดียว
และ แบบ Double martini ขนาดความ นิยมใช้ใส่บรั่นดีหรือเหล้าตัว
จุ 3-4 ออนซ์ สามารถใส่เหล้าตัวถึง 2- เดียวเพียวๆ ที่เน้นด้วยกลิ่น
3 ตัว หอม แก้วบรั่นดีนี้ ถูกออกแบบ
มาให้ถือด้วยฝ่ามือ เพราะ
COCKTAIL GLASS ต้องการให้มีการถ่าย อุณหภู
มิความรัอนจากตัวเราไปสู่แก้ว
เป็นแก้วที่ออกแบบมาไว้ เมื่อน้ำเหล้าในแก้วอุ่นขึ้น ก็จะ
ใส่เครื่องดื่มค็อกเทลเป็น ส่งกลิ่นหอมพวยพุ่งออกมา
หลัก โดยที่ไม่นิยมบรรจุ เครื่องดื่มค็อกเทลที่ใช้แก้วนี้ก็
น้ำแข็งลงไป เพรามี เช่น B&B Straight-up,
ความจุเพียง 6-7 ออนซ์ Cognac Straight-up,
เครื่องผสมหลายๆชนิด Rusty nail Straight-up
หากต้องการเน้นสี และ
รสชาติที่คงที่จะนิยม ใส่
แก้วชนิดนี้
CHAMPAGNE
SAUCER GLASS
ปัจจุบันเมื่อมีการจัดงาน
เลี้ยงหรูๆ จะนิยมนำแก้ว
แชมเปญ ซอสเซอร์ นี้ มา
ตั้งวางเรียงซ้อนกันเป็น
ชั้นๆ และเมื่อเทสปาร์ค
กลิ้ง ไวน์ลงมาบนแก้ยอด
ใบบนสุด น้ำสีเหลืองทอง
นั้น ก็จะไหลลงมา เหมือน
ม่านสีทองอำพัน แต่ไม่
นิยมนำไปใส่แชมเปญ
เพราะจะทำให้ฟองสวยๆ
หายไปโดยเร็ว
LIQUEUR OR SOUR GLASS
CORDIAL GLASS
แก้วชนิดนี้มีความจุ 1 เป็นแก้วที่มีความจุ
1/2 - 2 ออนซ์เท่านั้น ประมาณ 4-5 ออนซ์ รูป
การใส่เหล้าจึงมีที่ว่าง ทรงจะคล้ายกับลิเคียว
สำหรับ 1-2 ตัวเท่านั้น แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีไว้
ส่วนมาก จะเป็นเหล้าลิ สำหรับการใส่เหล้าพอร์ต
เคียว เพื่อไว้สำหรับดื่ม และเครื่องดื่มผสมไม่กี่
หลัง หรือก่อนอาหาร แต่ ชนิด เช่น Whisky
ก็มีค็อกเทลบางตัวที่ต้อง Sour หรือตระกูลซาวร์
ใส่แก้วลิเคียวนี้ นั่นก็คือ ต่างๆ
Rainbow, B-52 และ
การดื่มแบบ Straight- SHERRY GLASS
up ทั่วๆไป
เป็นแก้วไวน์ที่มีรูปร่าง
COCKTAIL GLASS สะโอดสะอง รู้จักกันดีใน
ประเทศสเปน ชื่อ
เป็นแก้วที่ออกแบบมาไว้ "copita" ซึ่งก็ถือเป็น
ใส่เครื่องดื่มค็อกเทลเป็น วัฒนธรรมเก่าแก่ที่ภาค
หลัก โดยที่ไม่นิยมบรรจุ ภูมิใจยิ่งนัก การนำมา
น้ำแข็งลงไป เพรามี ใช้สอยก็เพื่อให้เหมาะกับ
ความจุเพียง 6-7 ออนซ์ ไวน์เชอร์รี่ที่ทำมาจาก
เครื่องผสมหลายๆชนิด ประเทศสเปนเช่นเดียวกัน
หากต้องการเน้นสี และ ขนาดความจุจะอยู่ที่ 2-3
รสชาติที่คงที่จะนิยม ใส่ ออนซ์
แก้วชนิดนี้
MUG GLASS
CHAMPAGNE
SAUCER GLASS เป็นแก้วเบียร์ที่มีหูจับ นิยมนำ
ไปใส่เบียร์สดตามเทศกาล หรือ
ปัจจุบันเมื่อมีการจัดงาน งานเลี้ยงต่างๆ เรื่องของความ
เลี้ยงหรูๆ จะนิยมนำแก้ว จุ ไม่น่าจะมีกฏตายตัวลงไป แต่
แชมเปญ ซอสเซอร์ นี้ มา น่าจะขึ้นอยู่กับความพอใจของ
ตั้งวางเรียงซ้อนกันเป็น ลูกค้า ซึ่งขนาดยิ่งใหญ่ก็จะยิ่ง
ชั้นๆ และเมื่อเทสปาร์ค ใส่เบียร์ได้มาก เพราะอารมณ์
กลิ้ง ไวน์ลงมาบนแก้ยอด ของลูกค้าอยู่ในช่วงของความ
ใบบนสุด น้ำสีเหลืองทอง ผาสุข สนุกสนานอยู่แล้ว และ
นั้น ก็จะไหลลงมา เหมือน ผมเองยังมองไม่เห็นค็อกเทล
ม่านสีทองอำพัน แต่ไม่ ชนิดใดที่ใช้แก้วนี้ นอกจากน้ำ
นิยมนำไปใส่แชมเปญ มะพร้าวอ่อนที่เฉาะใหม่ๆ ขนาด
เพราะจะทำให้ฟองสวยๆ ความจุโดยประมาณจะอยู่ที่
หายไปโดยเร็ว 10-14 ออนซ์
PILSNER GLASS WHITE WINE GLASS
เป็นแก้วเบียร์อีกชนิดหนึ่งที่มี เป็นแก้วที่มีขนาดเล็กกว่าแก้วไวน์แดง
การใช้ทั่วไปในภัตตาคาร และ คุณสมบัติของแก้วไวน์ขาวคือ ไม่
ร้านอาหารต่างๆ ปากบานๆที่ ต้องการให้ไวน์มีการถ่ายเทอากาศมาก
สูงขึ้นมาก็น่าจะเป็นการเปิด นักหรือสิ่งที่เราเรียกว่าหายใจ (
ฟองของของเบียร์ ให้ผุดขึ้น breathe ) กลิ่นหอมต่างๆที่อยู่ในไวน์
มาน่ารับประทานยิ่งขึ้น มี ขาวไม่จำเป็นต้องมีการพัฒนาเมื่ออยู่ใน
ค็อกเทลบ้างเหมือนกันที่นิยม แก้วอีกแล้ว และในทางปฏิบัติเราอาจใช้
ใช้แก้วนี้ นั่นก็คือ Shandy, แก้วไวน์ขาวนี้ใส่ไวน์แดงชนิด House
Mimosa และเครื่องดื่ม Wine หรือไวน์ที่ขายเป็นแก้วได้เช่นกัน
ตระกูลเบียร์ต่างๆ มีความจุ และก็ยังใช้ใส่ค็อกเทลบางชนิดที่มีไวน์
โดยประมาณอยู่ที่ 10-14 ผสมก็ได้เช่น Sangria, Spritzer, Kir
ออนซ์ ความจุจะประมาณ 7-9 ออนซ์
BOOTH GLASS BORDEAUX GLASS
เป็นแก้วเบียร์รูปทรง ไวน์แดงจากแคว้นบอร์โดซ์นี้
แฟนซีอีกชนิดหนึ่ง ที่ยัง ต้องการเวลา ในการเผยความ
มีใช้อยู่ในบางร้านอาหาร สมบูรณ์ของกลิ่นต่าง ๆ ที่ได้จาก
เพราะจะเป็นการสร้าง การเก็บบ่มมานานปี ขนาดและรูป
บรรยากาศ และความ ทรงต่าง ๆ ต้องเอื้ออำนวยให้ไวน์
ครื้นเครงได้อย่าง ได้สัมผัสกับอากาศ มีการปรับตัว
สนุกสนานอีกแบบหนึ่ง และการพัฒนาอีกครั้งหนึ่ง
จะมีความจุอยู่ไม่จำกัด เหมือนเป็นการปลุกให้ไวน์ชั้นดี
แต่ที่เหมาะสมก็จะอยู่ที่ ตื่นจากการหลับใหลจากเวลานาน
16-20 ออนซ์ นับปี ส่วนมากจะมีใช้ในห้อง Grill
Room ขนาดใหญ่ ความจุจะ
RED WINE GLASS ประมาณ 15-20 ออนซ์
โดยปกติแล้ว แก้วไวน์แดงที่ HURRICANE GLASS
เห็นดังรูปนี้ จะเหมาะกับไวน์
แดงต่างชนิดกัน แต่โดยภาพ ขนาด 22 ออนซ์ ใช้ใส่ค็อกเทล
รวมก็สามารถใช้ได้ทั่วไป ทั่วไปที่เน้นปริมาณมาก เป็น
ลักษณะของแก้วที่ดีต้องมี ประมาณแก้วแฟชั่น
ความใหญ่เพียงพอที่จะริน
ไวน์ได้พอประมาณ 2-3 คำ
นั่นก็คือ ห้ามเกินครึ่งแก้ว
เด็ดขาด เมื่อผู้ดื่มต้องการรับ
รู้กลิ่นหอม อันอบอวลของ
ไวน์อย่างชัดเจน จะต้องมี
การกระตุ้นด้วยการแกว่ง
แก้ว ฉะนั้นแก้วไวน์แดงที่ดีจะ
ต้องออกแบบมาให้กระทำสิ่ง
เหล่านี้ได้ ความจุประมาณ
8-10 ออนซ์
ROCK GLASS COLLINS GLASS
หลายคนเรียกว่าเป็นแก้ว เป็นแก้วที่มีรูปทรง
ทรงมู่ทู่ สไตล์โบราณๆ คล้ายคลึงกับ Hi-
นั่นก็ถือว่าถูกต้องครับ ball อีกชนิดหนึ่งแต่
เพราะชื่อก็ฟ้องอยู่ทนโท่ ใหญ่มากขึ้นกว่า 4
แล้ว แก้วชนิดนี้นิยมใส่น้ำ ออนซ์ ในการใช้งาน
แข็งก้อน แล้วราดด้วย จะนิยมใส่เช่นเดียวกับ
เหล้าตัวเดียวหรือ 2 ตัว แก้ว Longdrink แต่
ลงไป ในสไตล์ on the ที่เน้นเฉพาะก็คือ
rock ค็อกเทลที่นิยมใช้ก็ ค็อกเทลในตระกูล
เช่น Rusty Nail, Black Collins
Magic, Black
Russian, Godfather ฯ LONGDRINK /ZOMBIE
HIGHBALL GLASS ขนาดบรรจุอยู่ที่ 12
-13. 1/2 oz
เป็นแก้วทรงสูงที่มีรูปทรง นิยมใส่ค็อกเทลสูต
มาตรฐาน ใช้ได้ในทุกที่ทุกหน รสแตรนดาสทั่วไป
ทุกแห่ง น่าจะเป็นแก้วที่เรียก เช่นสูตร
ได้ว่า Universal Glass zombie,maitai
เลยทีเดียว มีความจุอยู่ที่ เป็นต้น
ประมาณ 8-10 ออนซ์
เครื่องดื่มผสมที่ใช้แก้วชนิด
นี้ ก็เช่น Bloody Mary,
Caba Libre, Gray
Houd, Tequila Sunrise,
Yellow Jacket
SLING GLASS
เป็นแก้วอีกชนิดที่อยู่ใน
ตระกูล Hi-ball แต่
ขนาดใหญ่กว่า ซึ่งบาง
ครั้งก็เรียกรวมๆไปเลย
ว่า Hi-ball มีความจุอยู่
ที่ 10-12 ออนซ์ ในการใส่
เครื่องดื่มค็อกเทล
นอกจากจะใช้คล้ายคลึง
กับไฮบอลแล้ว ยังจะเน้น
ในค็อกเทลตระกูล Sling
ทั้งหมด
GARNISH
APPLE SLIDE WITH LEMON PEAL
GARNISH
HISTORY OF
GARNISH
COCKTAIL
เครื่องปรุงแฟนซีย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 19
เมื่ อบาร์เทนเดอร์ระดับสตาร์ค่อนข้างร่าเริงใน
การตัดแต่งของพวกเขา กองไม้พายและผลไม้
แช่อิ่มไว้สูง หรือจุดไฟเปลือกส้มที่ลุกเป็นไฟ
(เคล็ดลับที่นำกลับมามีสไตล์โดยบาร์เทนเดอร์
Dale DeGroff) แต่ทั้งหมดนี้เป็นอาหาร
เครื่องประดับที่กินไม่ได้มาถึงหลังจากการห้าม
ด้วยการมาถึงของความนิยมติกิ ร่มกระดาษ
ด้ามไม้กวาดที่มีตราสินค้า และพลาสติกดูโอฮิ
กกี้ ได้เปลี่ยนเหล้ารัมสีน้ำตาลเข้มและน้ำผลไม้
ผสมให้กลายเป็นเรื่องที่มีสีสันมากขึ้น และ
เกือบตลอดศตวรรษที่ 20 tiki เป็นสลัมเครื่อง
ดื่ มที่มีเครื่องปรุงตกแต่งอาศัยอยู่
https://www.moodymixologist.com/blog/the-art-of-
the-cocktail-garnish
เครื่องปรุงดังกล่าวมีความสำคัญในช่วงเวลาที่วัฒนธรรมติกิกำลังกลับมาเกิดใหม่ ในรูปแบบของบาร์
อย่าง Lost Lake ในชิคาโก และ Latitude 29 ในนิวออร์ลีนส์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ยุคฟื้ นฟูศิลปวิทยา
การประดับประดาไม่สามารถนำมาประกอบกับสิ่งเดียวได้ พายุที่สมบูรณ์แบบของปัจจัยทำให้มะนาวบาน
สะพรั่งเหนือกระจกของคุณ
“ฉันคิดว่าผู้คนกำลังคิดว่าค็อกเทลเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์” Leo Robitschek ผู้อำนวยการเครื่อง
ดื่มของ The NoMad ในนิวยอร์กซิตี้กล่าว “ก่อนจะเกี่ยวกับการดื่มเหล้าในถ้วยและชิมมัน ผู้คนไม่สนใจ
อะโรเมติกส์และสุนทรียศาสตร์ ส่วนหนึ่งเป็นการแสดงอีกระดับของทักษะ เหนือกว่าเครื่องปรุงทั่วไป”
ที่มา https://www.moodymixologist.com/blog/the-art-of-the-cocktail-garnish
ยุคฟื้ นฟูศิลปวิทยาการประดับประดาเริ่มขึ้นอย่าง เครื่องปรุงค็อกเทลเป็นเครื่องตกแต่งที่ช่วยเพิ่ม
เงียบ ๆ ด้วยขั้นตอนทารกที่เกิดขึ้นจาก เอกลักษณ์หรือสไตล์ให้กับเครื่องดื่มผสม โดยเฉพาะ
สัญชาตญาณของงานฝีมือ เครื่องปรุงบรรจุขวดมี อย่างยิ่งค็อกเทลใช้เพื่อเสริมและเพิ่มรสชาติในเครื่อง
แปดสิบหก เชอร์รี่ค็อกเทลทำขึ้นด้วยมือแทนบรั่นดี ดื่มโดยกระตุ้นเซลล์ประสาทพิเศษในจมูกและปากใช้
หัวหอมดองโฮมเมดในที่สุดก็ตามมา ผลลัพธ์ที่ได้ เครื่องปรุงค็อกเทลหลากหลายชนิด ค็อกเทลที่ใช้เหล้า
สำหรับเครื่องดื่มที่มีรสชาติดีขึ้นและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น รัมจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีรสผลไม้ มักจะ
มะนาว มะนาว และส้มบิดเป็นเกลียวเติบโตจากเศษ ตกแต่งด้วยเครื่องปรุงในธีมเขตร้อนหรือชิ้นผลไม้
ไม้เป็นแนวที่น่าทึ่ง มักจะตัดเป็นรูปทรงที่ประณีต เครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของเตกีลาชอบมะนาวและผล
หรือผูกเป็นปมที่ชาญฉลาด ขิงหวานพบที่ขอบแก้ว ไม้รสเปรี้ยวอื่นๆ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากจินและวอ
โป๊ยกั๊กแหวกว่ายบนพื้นผิวของเครื่องดื่ม อย่างไร ดก้ามีแนวโน้มที่จะปรุงแต่งด้วยไหวพริบที่สง่างามมาก
ก็ตามกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของค็อกเทลปาร์ตี้ ขึ้น (มะกอก หัวหอม หรืออาจเป็นรสส้มหรือมาราสชิโน
บาร์กลายเป็นแออัดมากขึ้นและมันเป็นเรื่องยาก เชอร์รี่เดี่ยว) เว้นแต่จะเป็นเครื่องดื่มประเภทผลไม้ที่มี
สำหรับทุกบาร์ใหม่ที่จะได้รับความสนใจกับความคิด รัมเป็นส่วนประกอบหลัก เครื่องดื่มที่มีวิสกี้และบรั่นดีมี
สร้างสรรค์ของตัวเอง อะไรที่ทำให้ลูกค้ามีความสุข แนวโน้มที่จะปรุงแต่งน้อยที่สุด หากมี เครือร้านอาหาร
ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกแก้วเป็นสิ่งที่ดี และบาร์ในโรงแรมมักจะใช้เครื่องปรุงที่ใหญ่และโอ่อ่า
สำหรับธุรกิจ กว่า และบาร์ในบริเวณใกล้เคียงก็มักจะไปสุดขั้ว
TGYAPRENOISFH
Grapefruit Slices + Salted Rim +
Basil
ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับและส่งเสริมการนอน
หลับให้ดีขึ้นได้
ช่วยบำรุงผิวพรรณ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
Cucumber + Blackberries
สามารถเสริมสร้างและฟื้ นฟูคอลลาเจนได้ มีผล
ทำให้ผิวหนังของเราไม่เหี่ยวแห้งเร็วก่อนไวอัน
ควร
ช่วยลดอัตรากาเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ และเส้นเลือด
อุดตันในสมองอีกด้วย อาหารที่อุดมด้วยไบโอฟ
ลาโวนอยด์ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
Orange Peel + Rosemary
แก้จุกเสียดแน่นท้อง แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ
ขับลมจากลำไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร
ช่วยทำให้สบายท้อง ทำให้ลมหายใจสดชื่น
เนื่ องจากมีฤทธิ์ในการต้านเชื้ อแบคทีเรียตาม
ธรรมชาติ
Apple Slices + Cinnamon Sugar
Rim + Cinnamon Stick
บำรุงร่างกาย ทำให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยกระจาย
ความเย็นในร่างกาย ทำให้เลือดหมุนเวียนดี
อบเชยสามารถลดการดื้ ออินซูลินทำให้เซลล์ต่าง
ๆ นำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานให้หมดไป
ไม่ค้างอยู่ในเลือด
MUSE
KENDALL
JENNER
26 YRS
LOS ANGELES
ผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าสวยคม ผม นอกเหนือจากการทำงานเป็นนาง TASTE OF
ยาว หุ่นดี แต่งตัวแนว Street แบบแล้ว เวลาว่างเคนดัลจะชอบ ACTIVITY
Style ตาม Social Network ที่ไม่ หาเวลาไปออกกำลัง3-5วันต่อ
ว่าจะจับอะไรมา Mix & Match ก็ดู สัปดาห์ และยังชอบว่ายน้ำ
แพง ดูดีมีสไตล์ไปซะหมด อาบแดด จึงเห็นเคนดัลลงรูปชุด
"Kendall Jenner" Teen บิกินี่อยู่บ่อยๆ นอกจากนี้ยังชอบ
Queen แห่งวงการแฟชั่น และยัง ออกไป Hangout และ party
เป็น Icon ในการแต่งตัวของวัยรุ่น กับเพื่อนๆในเวลาว่างอีกด้วย
ยุคนี้ด้วย Kendall Jenner ก้าว
เข้าสู่วงการนางแบบตั้งแต่อายุ 14 ปี
กับการถ่ายแบบให้กับแบรนด์
Forever 21 และหลังจากนั้นเธอ
ก็ได้รับความไว้วางใจให้เดินแบบกับ
แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่าง
Chanel, Givenchy รวมถึงได้
เป็นนางฟ้า Victoria's Secret
และยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้อีกหลายๆ
แบรนด์ด้วย
HANGOUT/WORKOUT/
PARTY
MUSE
TASTE OF ACTIVITY
เมื่อพูดถึงสไตล์นอกเวลางานของ เธอมักจะใส่สีที่เป็นกลาง เช่น TASTE OF LIFE
นางแบบ It-Girls ไม่กี่แห่งแฟชั่นใน สีดำ สีครีม และสีน้ำตาล แต่เธอ
ปัจจุบันทำได้ดีกว่า Kendall ยังใส่สีหรือลวดลายเข้าไปอีกเล็ก
Jenner และสไตล์สตรีทของเธอคือ น้อย เช่น เธอชอบเฉดสีฟ้าสดใส
ข้อพิสูจน์ ไม่ว่าเธอจะไปช้อปปิ้ งใน และลายม้าลาย—เพื่อรักษาลุค
นิวยอร์กซิตี้กับพี่สาวของเธอ หรือ ประจำวันของเธอ จากความรู้สึก
ถูกพบเห็นระหว่างทางไปทานอาหาร ธรรมดาเกินไป ชุดที่ออกมาไม่
เย็นกับเพื่อนๆ หรือแฟนของเธอใน เคยรู้สึกว่าถูกวางแผนมากเกินไป
ลอสแองเจลิส เจนเนอร์ได้รวบรวม แม้ว่าฉันจะแน่ใจว่ามีเสื้อผ้าหลาย
ตู้เสื้อผ้าสวยๆ ที่ต้องใช้ลวดเย็บ ชุด กางเกงหนังก็ดูเป็นกางเกง
กระดาษมากมายที่ทุกคนสามารถ ตัวโปรดเช่นกัน ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า
หยิบขึ้นมาเองได้ ตอนนี้ เช่น เสื้อยืด แทบทุกรายการสามารถใส่ได้ทั้ง
ลายกราฟฟิก กางเกงขาสั้นสั่งตัด กลางวันและกลางคืน มันขึ้นอยู่
และรองเท้าบูทหุ้มข้อสีดำ สิ่งเหล่านี้ กับสไตล์
เป็นสินค้าประเภทที่ซื้อเพียงครั้ง
เดียวและเป็นเจ้าของตลอดไป ดัง
นั้นจึงมักจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
STREET STYLE/MIX AND MATCH/
VINTAGE AND MODERN
MUSE
TASTE OF HOUSING
“รสนิยมของเคนดัลออกแนวโบฮี “ชีวิตของเธอเกี่ยวข้องกับความ TASTE OF
เมียนและ ชอบแบบธรรมชาติไม่ โกลาหล การเดินทาง และ HOUSING
หรูหรา ค่อนข้างน้อยและติดดิน” พลังงานสูง ดังนั้นเคนดัลจึง
เคนดัลเธอมีรสนิยมที่เกินวัย ต้องการบ้านที่ให้ความรู้สึกเงียบ
บ้านจึงมีลักษณะเฉพาะตัว เมื่อฉ สงบ ที่ซึ่งสามารถแบ่งโซนและ
เดินเข้าไปในสถานที่นี้ จะถูก ผ่อนคลายได้” ห้องนั่งเล่นอาจ
ดึงดูดโดยทันทีสู่บรรยากาศแบบ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดที่นางแบบ
สเปน-y, บ้านไร่-y” ทำให้ผ่อน รุ่นใหม่ชอบใช้พื้นผิวออร์แกนิกที่
คลาย ซึ่งสรุปได้อย่างดีถึง อบอุ่น โทนสีเอิร์ธโทน และการ
สถาปัตยกรรมแบบผสมข้ามทวีป ตกแต่งที่สะดวกสบายอย่างโดด
เมดิเตอร์เรเนียนที่แพร่หลายใน เด่น
ลอสแองเจลิส
WARM/NEUTRAL TONES /
ORGANIC TEXTURES
METHODOLOGY