The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณีมาฆบูชาเเห่ผ้าขึ้นธาตุ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธีรพงศ์ ฯ., 2024-02-14 21:06:36

ประเพณีมาฆบูชาเเห่ผ้าขึ้นธาตุ

ประเพณีมาฆบูชาเเห่ผ้าขึ้นธาตุ

ประเพณีณี ณีณี มาฆบูบู บูบู ชาเเห่ห่ ห่ห่ ผ้ผ้ ผ้ผ้ าขึ้ขึ้ ขึ้ขึ้ขึ้ขึ้ นธาตุตุ ตุตุ มาฆะ มานะ มานครฯ


ร่วมทำ ร่วมสมโถช ผ้าพระบฎจากทุกภูมิภาคเเละนานาชาติ ชมการเเสดงวัฒนธรรมไทยเเละนานาชาติ ร่วมทำ ร่วมสมโถช ผ้าพระบฎจากทุกภูมิภาคเเละนานาชาติ ชมการเเสดงวัฒนธรรมไทยเเละนานาชาติ


คำคำคำคำ คำคำ นำนำ นำนำ นำนำ หนังสือเล่มนี้จัดทำ ขึ้นเพิ่อเป็นการส่งเสริมเเละอนุรันุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม อันดีงามในภาคใต้ เพื่อเป็นข้อมูลในการศึกษาเรียนรู้เเก่ผู้คน ที่สนใจซึ่งผู้จัดทำ ได้รับมอบหมายจากครูผู้สอนให้ไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจาก เอกสาร วารสาร อินเตอร์เน็ต น็ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้จัดทำ ได้ค้นคว้าเเละ นำ สิ่งที่ได้ศึกษาค้นคว้ามาเผยเเพร่เเละสร้างบูรณาการชิ้นงานขึ้นมา คระผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่น์ ต่อผู้อ่านเเละ ผู้สนใจที่กำ ลังหาข้อมูลในเรื่องนี้หากมีข้อเสนอเเนะหรือมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำ ขออภัยไว้ ณ.โอกาสนี้ หนังสือเล่มนี้จัดทำ ขึ้นเพิ่อเป็นการส่งเสริมเเละอนุรันุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม อันดีงามในภาคใต้ เพื่อเป็นข้อมูลในการศึกษาเรียนรู้เเก่ผู้คน ที่สนใจซึ่งผู้จัดทำ ได้รับมอบหมายจากครูผู้สอนให้ไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจาก เอกสาร วารสาร อินเตอร์เน็ต น็ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้จัดทำ ได้ค้นคว้าเเละ นำ สิ่งที่ได้ศึกษาค้นคว้ามาเผยเเพร่เเละสร้างบูรณาการชิ้นงานขึ้นมา คระผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่น์ ต่อผู้อ่านเเละ ผู้สนใจที่กำ ลังหาข้อมูลในเรื่องนี้หากมีข้อเสนอเเนะหรือมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำ ขออภัยไว้ ณ.โอกาสนี้ คณะผู้ผู้ผู้จัผู้จัจัดจัทำทำทำทำ


ตำ นานเล่าขานกันว่า ในสมัยพระเจ้าสามพี่น้อน้ง คือ พระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระเจ้าจันทรภาณุ และ พระเจ้าพงษาสุระ กำ ลังดำ เนินการสมโภชพระบรมธาตุ อยู่นั้น คลื่นได้ซัดแถบยาวชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีลายเขียนเรื่องราวพุทธประวัติ เรียกว่า “พระบฎ” หรือ “พระบต” ขึ้นที่ชายหาดปากพนัง ชาวบ้านจึงนำ ผ้าผืนนั้นไปถวายพระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระองค์จึงรับสั่งให้ซัก จนสะอาด แต่ลายเขียนพุทธประวัติก็ไม่ลบเลือน จึงรับสั่งให้ประกาศ หาเจ้าของจนได้ความว่าชาวพุทธกลุ่มหนึ่ง จะเดินทางไปลังกา เพื่อนำ พระบฎไป ถวายเป็นพุทธบูชาพระทันตธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้ว แต่เรือกลับถูกมรสุมซัดแตก ที่ชายฝั่งเมืองนคร มีผู้รอดชีวิตเพียง 10 คนเท่านั้น ส่วนพระบฎถุกซัดขึ้นฝั่ง ปากพนัง พระเจ้าศรีธรรมโศกราช ทรงพิจารณาเห็นว่าควรนำ ไปห่มพระบรมธาตุเจดีย์ ในคราวเดียวกับการสมโภชพระบรมธาตุ ซึ่งเจ้าของพระบฎที่รอดชีวิตก็ยินดีด้วย จึงโปรดให้ชาวเมืองนคร จัดเครื่องประโคมแห่แหนผ้าห่มโอบฐานพระบรมธาตุ เจดีย์ และกลายเป็นประเพณีที่ได้ปฏิบัติสืบมาจนถึงปัจจุบัน ตำ นานเล่าขานกันว่า ในสมัยพระเจ้าสามพี่น้อน้ง คือ พระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระเจ้าจันทรภาณุ และ พระเจ้าพงษาสุระ กำ ลังดำ เนินการสมโภชพระบรมธาตุ อยู่นั้น คลื่นได้ซัดแถบยาวชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีลายเขียนเรื่องราวพุทธประวัติ เรียกว่า “พระบฎ” หรือ “พระบต” ขึ้นที่ชายหาดปากพนัง ชาวบ้านจึงนำ ผ้าผืนนั้นไปถวายพระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระองค์จึงรับสั่งให้ซัก จนสะอาด แต่ลายเขียนพุทธประวัติก็ไม่ลบเลือน จึงรับสั่งให้ประกาศ หาเจ้าของจนได้ความว่าชาวพุทธกลุ่มหนึ่ง จะเดินทางไปลังกา เพื่อนำ พระบฎไป ถวายเป็นพุทธบูชาพระทันตธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้ว แต่เรือกลับถูกมรสุมซัดแตก ที่ชายฝั่งเมืองนคร มีผู้รอดชีวิตเพียง 10 คนเท่านั้น ส่วนพระบฎถุกซัดขึ้นฝั่ง ปากพนัง พระเจ้าศรีธรรมโศกราช ทรงพิจารณาเห็นว่าควรนำ ไปห่มพระบรมธาตุเจดีย์ ในคราวเดียวกับการสมโภชพระบรมธาตุ ซึ่งเจ้าของพระบฎที่รอดชีวิตก็ยินดีด้วย จึงโปรดให้ชาวเมืองนคร จัดเครื่องประโคมแห่แหนผ้าห่มโอบฐานพระบรมธาตุ เจดีย์ และกลายเป็นประเพณีที่ได้ปฏิบัติสืบมาจนถึงปัจจุบัน ตำตำตำตำ ตำตำ นานประเพณีณี ณีณี แห่ห่ ห่ห่ ผ้ผ้า ผ้ผ้ ขึ้ขึ้ ขึ้ขึ้ น ขึ้ขึ้ ธาตุตุ ตุตุ


ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ หมายถึง การนำ ผ้าผืนยาวขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุ เจดีย์ ซึ่งเรียกว่า “พระบฏ” ในวันสำ คัญทางศาสนา ซึ่งชาวนครมักร่วมมือร่วมใจ กันบริจาคเงินตามกำ ลังศรัทธา เพื่อนำ ไปซื้อผ้าแล้วมาเย็บต่อๆ กัน ความยาว นับพันหลา แล้วจัดเป็นขบวนแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุเจดีย์ และด้วยชาวนครรับพุทธศาสนามาจากอินเดีย เรายึดถือกันว่าหากจะทำ บุญ หรือกราบไหว้บูชาให้ได้กุศลจริงๆ ต้องปฏิบัติเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ เท่านั้น เมื่อพระพุทธองค์เสด็จสู่ปรินิพพาน กราบได้กราบไหว้ตัวแทนของ พระพุทธองค์ อย่างการนำ ผ้าโอบรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์นั้น จึงเท่ากับ การบูชาที่กราบไหว้พระพุทธองค์ด้วย ในอดีตพระบฏอาจมีช่างผู้ชำ นาญเขียนภาพสี และประดับด้วยแพรพรรณ และดอกไม้ที่แถบขอบผ้าตลอดทั้งผืน แต่ปัจจุบันอาจเป็นเพราะสภาพสังคมที่ หาเวลาว่างไม่ค่อยได้ หรืออาจขาดช่างผู้ชำ นาญ ทำ ให้การประดับประดาและ เขียนภาพที่พระบฏสูญหายไป ผ้าที่นิยมใช้กันจึงเป็นผ้าสี่เหลี่ยม มักมีสีขาว สีเหลือง สีแดง แต่สีขาวจะยังคงมีการเขียนภาพพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ จนถึงปรินิพพาน ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ หมายถึง การนำ ผ้าผืนยาวขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุ เจดีย์ ซึ่งเรียกว่า “พระบฏ” ในวันสำ คัญทางศาสนา ซึ่งชาวนครมักร่วมมือร่วมใจ กันบริจาคเงินตามกำ ลังศรัทธา เพื่อนำ ไปซื้อผ้าแล้วมาเย็บต่อๆ กัน ความยาว นับพันหลา แล้วจัดเป็นขบวนแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุเจดีย์ และด้วยชาวนครรับพุทธศาสนามาจากอินเดีย เรายึดถือกันว่าหากจะทำ บุญ หรือกราบไหว้บูชาให้ได้กุศลจริงๆ ต้องปฏิบัติเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ เท่านั้น เมื่อพระพุทธองค์เสด็จสู่ปรินิพพาน กราบได้กราบไหว้ตัวแทนของ พระพุทธองค์ อย่างการนำ ผ้าโอบรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์นั้น จึงเท่ากับ การบูชาที่กราบไหว้พระพุทธองค์ด้วย ในอดีตพระบฏอาจมีช่างผู้ชำ นาญเขียนภาพสี และประดับด้วยแพรพรรณ และดอกไม้ที่แถบขอบผ้าตลอดทั้งผืน แต่ปัจจุบันอาจเป็นเพราะสภาพสังคมที่ หาเวลาว่างไม่ค่อยได้ หรืออาจขาดช่างผู้ชำ นาญ ทำ ให้การประดับประดาและ เขียนภาพที่พระบฏสูญหายไป ผ้าที่นิยมใช้กันจึงเป็นผ้าสี่เหลี่ยม มักมีสีขาว สีเหลือง สีแดง แต่สีขาวจะยังคงมีการเขียนภาพพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ จนถึงปรินิพพาน รู้รู้ รู้รู้ รู้รู้ จัจั จัจั กประเพณีณี ณีณี แห่ห่ ห่ห่ ผ้ผ้ ผ้ผ้ าขึ้ขึ้ ขึ้ขึ้ขึ้ขึ้ นธาตุตุ ตุตุ


ทำทำทำทำ ทำทำ ไมถึถึ ถึถึ งจัจั จัจั ดตรงกักับ กักั“วัวัน วัวั มาฆบูบู บูบู ชา” ในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ได้มีการแห่ผ้าขึ้นธาตุในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 คือ วันวิสาขบูชา เรียกว่า “แห่พระบฎขึ้นธาตุ” และมีการเวียนเทียนรอบองค์พระบรมธาตุ ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ได้โปรดให้มีการแห่ผ้าขึ้นธาตุ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 คือ วันมาฆบูชา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่อยู่ห่างไกลหรือไม่มีโอกาสกระทำ พุทธบูชาในวัน วิสาขบูชา ได้มีโอกาสแห่ผ้าขึ้นธาตุในวันมาฆบูชาตามศรัทธาด้วย การแห่ผ้าขึ้นธาตุ ประเพณีประจำ จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงมีปีละ 2 ครั้ง คือในวันวันมาฆบูชา และในวันวิสาขบูชา อย่างที่เราได้เห็นกันทุกวันนี้ ในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ได้มีการแห่ผ้าขึ้นธาตุในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 คือ วันวิสาขบูชา เรียกว่า “แห่พระบฎขึ้นธาตุ” และมีการเวียนเทียนรอบองค์พระบรมธาตุ ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ได้โปรดให้มีการแห่ผ้าขึ้นธาตุ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 คือ วันมาฆบูชา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่อยู่ห่างไกลหรือไม่มีโอกาสกระทำ พุทธบูชาในวัน วิสาขบูชา ได้มีโอกาสแห่ผ้าขึ้นธาตุในวันมาฆบูชาตามศรัทธาด้วย การแห่ผ้าขึ้นธาตุ ประเพณีประจำ จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงมีปีละ 2 ครั้ง คือในวันวันมาฆบูชา และในวันวิสาขบูชา อย่างที่เราได้เห็นกันทุกวันนี้


ความเป็ป็น ป็ป็ มาประเพณีณี ณีณี การแห่ห่ ห่ห่ ผ้ผ้า ผ้ผ้ ขึ้ขึ้ ขึ้ขึ้ น ขึ้ขึ้ ธาตุตุ ตุตุ ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ เป็นงานประเพณีที่เก่าแก่และสำ คัญของชาว จังหวัดนครศรีธรรมราช เท่านั้น ประเพณีนี้ไม่มีปฏิบัติกันที่ใดในประเทศไทย นอกจากเมืองนครเท่านั้น เป็นประเพณีที่ชาวนครได้ร่วมมือร่วมใจกันบริจาคเงิน ทองตามกำ ลังศรัทธา นำ เงินที่ได้จากการบริจาคนั้นไปซื้อผ้ามาเย็บต่อกัน เข้าให้เป็นแถบยาวนับพันหลา แล้วพากันแห่งผ้าดังกล่าวไปยังวัดพระมหาธาตุ วรวิหาร เพื่อนำ แถบผ้านั้นไปพันโอบรอบฐานองค์พระบรมธาตุเจดีย์ อันเป็นเจดีย์ที่ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สมัยก่อนพุทธกาล ชาวอินเดียส่วนใหญ่มีความเชื่อในสิ่งลี้ลับอยู่มาก โดยเฉพาะในศาสนาพราหมณ์นั้ณ์ นั้ นเชื่อเทพเจ้าทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง จึงเชื่อว่าทุกสิ่ง ที่อย่างเทพเจ้าเป็นผู้สร้างและผู้ทำ ลาย เทพเจ้าจึงมีความสำ คัญแก่ชีวิตพรามณ์เณ์ป็น ที่สุด การกระทำ ทุกอย่างของพราหมณ์จึณ์ จึงคำ นึงถึงเทพเจ้าก่อนสิ่งอื่นใด เพราะเชื่อว่า หากการกระทำ ใดไม่ถูกอัธยาศัยของเทพเจ้าจะนำ มาซึ่งวิบัติได้ ดังนั้น การกระทำ ที่ดีที่สุดเพื่อให้ถูกใจเทพเจ้า คือการเซ่นบวงสรวงกราบไหว้ การเซ่นบูชา กราบไหว้จึงกลายเป็นวัตรที่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำ เสมอ ครั้นถึงสมัยพุทธกาล คำ สอนของพระพุทธองค์ที่มุ่งจะทำ ลายความเชื่อ อันไม่เป็นสรณะ การทำ ลายการเซ่นสรวงเหล่านั้นไม่ได้โดยเด็ดขาดทันทีทันใด เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาพราหมณ์มณ์าก่อน ดังนั้นความเชื่อเก่า ๆ ที่ตนเคยปฏิบัติอยู่จึงยากแก่การสลัดทิ้งไป การเซ่นบวงสรวงที่ตนเคยปฏิบัติมา ก่อนจึงยังคงปฏิบัติต่อไป อย่างการบูชาเทพเจ้าต้นไม้ (รุกขเทวดา) เพื่อให้ประทาน โชคลาภ ความสงบสุข ประทานบุตร และพืชผลแก่ตน โดยการกราบไหว้และ การหาผ้าแพรพรรณมาพันรอบต้นไม้ก็ยังปฏิบัติสืบต่อกันมา ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ เป็นงานประเพณีที่เก่าแก่และสำ คัญของชาว จังหวัดนครศรีธรรมราช เท่านั้น ประเพณีนี้ไม่มีปฏิบัติกันที่ใดในประเทศไทย นอกจากเมืองนครเท่านั้น เป็นประเพณีที่ชาวนครได้ร่วมมือร่วมใจกันบริจาคเงิน ทองตามกำ ลังศรัทธา นำ เงินที่ได้จากการบริจาคนั้นไปซื้อผ้ามาเย็บต่อกัน เข้าให้เป็นแถบยาวนับพันหลา แล้วพากันแห่งผ้าดังกล่าวไปยังวัดพระมหาธาตุ วรวิหาร เพื่อนำ แถบผ้านั้นไปพันโอบรอบฐานองค์พระบรมธาตุเจดีย์ อันเป็นเจดีย์ที่ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สมัยก่อนพุทธกาล ชาวอินเดียส่วนใหญ่มีความเชื่อในสิ่งลี้ลับอยู่มาก โดยเฉพาะในศาสนาพราหมณ์นั้ณ์ นั้ นเชื่อเทพเจ้าทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง จึงเชื่อว่าทุกสิ่ง ที่อย่างเทพเจ้าเป็นผู้สร้างและผู้ทำ ลาย เทพเจ้าจึงมีความสำ คัญแก่ชีวิตพรามณ์เณ์ป็น ที่สุด การกระทำ ทุกอย่างของพราหมณ์จึณ์ จึงคำ นึงถึงเทพเจ้าก่อนสิ่งอื่นใด เพราะเชื่อว่า หากการกระทำ ใดไม่ถูกอัธยาศัยของเทพเจ้าจะนำ มาซึ่งวิบัติได้ ดังนั้น การกระทำ ที่ดีที่สุดเพื่อให้ถูกใจเทพเจ้า คือการเซ่นบวงสรวงกราบไหว้ การเซ่นบูชา กราบไหว้จึงกลายเป็นวัตรที่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำ เสมอ ครั้นถึงสมัยพุทธกาล คำ สอนของพระพุทธองค์ที่มุ่งจะทำ ลายความเชื่อ อันไม่เป็นสรณะ การทำ ลายการเซ่นสรวงเหล่านั้นไม่ได้โดยเด็ดขาดทันทีทันใด เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาพราหมณ์มณ์าก่อน ดังนั้นความเชื่อเก่า ๆ ที่ตนเคยปฏิบัติอยู่จึงยากแก่การสลัดทิ้งไป การเซ่นบวงสรวงที่ตนเคยปฏิบัติมา ก่อนจึงยังคงปฏิบัติต่อไป อย่างการบูชาเทพเจ้าต้นไม้ (รุกขเทวดา) เพื่อให้ประทาน โชคลาภ ความสงบสุข ประทานบุตร และพืชผลแก่ตน โดยการกราบไหว้และ การหาผ้าแพรพรรณมาพันรอบต้นไม้ก็ยังปฏิบัติสืบต่อกันมา


จากการปฏิบัติของชาวพุทธที่เคยเป็นพราหมณ์มณ์าก่อน เป็นผลสืบเนื่องมา ถึงชาวพุทธสมัยหลัง ๆ ดังจะเห็นได้จากชาวพุทธสมัยหลัง ๆ นิยมปฏิบัติตาม ประเพณีและความเชื่อเดิม ชาวพุทธบางคนไม่อาจะแยกได้ว่าประเพณีใดเป็น ของศาสนาพราหมณ์ ประเพณีใดเป็นของศาสนาพุทธ เป็นอันว่าประเพณีของ ศาสนาพราหมณ์ก็ณ์ ก็ เข้ามาปะปนในศาสนาพุทธมากมาย การแห่ผ้าขึ้นธาตุของชาวนครก็คงเกิดขึ้นด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน เพราะ เมื่อชาวนครรับพุทธศาสนามาจากอินเดียก็รับเอาประเพณีต่าง ๆ ตามแบบของ ชาวพุทธในอินเดียเข้ามาด้วย และเราก็ยึดถึอกันว่าหากจะทำ บุญหรือกราบไหว้ บูชาให้ได้กุศลจริง ๆ ก็ต้องปฏิบัติเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์เท่านั้น เมื่อพระพุทธองค์เสด็จสู่ปรินิพพานแล้วก็อาจยังมีตัวแทนอยู่ เช่น เจดีย์ และ พระพุทธรูป เป็นต้น การกราบไหว้บูชาสิ่งเหล่านึ้ก็เท่ากับกราบไหว้บูชา พระพุทธองค์ด้วย การที่ชาวนครนำ เอาผ้าไปบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ โดยการโอบรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ก็คือการบูชาที่สนิทแนบกับองค์ พระพุทธองค์นั่นเอง (วิเชียร ณ นคร และคณะ, 2521) จุดเริ่มต้นของ ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ สัณนิษฐานได้ว่าเป็นประเพณีที่มีมา นานจนยากที่จะยืนยันได้แน่ชัดว่า จะทำ กันมาตั้งแต่ครั้งใดนั้น ไม่มีหลักฐาน แน่ชัด แต่ปรากฏว่าในรัชกาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น ได้กระทำ กัน ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ อันเป็นวันวิสาขบูชาอยู่แล้วทุกปี และต่อมาในรัชกาล สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้กำ หนดประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุเพิ่มเป็น ๒ วัน คือนอกจากวันวิสาขบูชาแล้ว ยังทําเพิ่มในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ซึ่งเป็นวัน มาฆบูชาอีกวันหนึ่ง และได้ถือปฏิบัติสืบมาจนทุกวันนี้ (นครศรีธรรมราช, ๒๕๓๗, น. ๑๕๕-๑๕๖) จากการปฏิบัติของชาวพุทธที่เคยเป็นพราหมณ์มณ์าก่อน เป็นผลสืบเนื่องมา ถึงชาวพุทธสมัยหลัง ๆ ดังจะเห็นได้จากชาวพุทธสมัยหลัง ๆ นิยมปฏิบัติตาม ประเพณีและความเชื่อเดิม ชาวพุทธบางคนไม่อาจะแยกได้ว่าประเพณีใดเป็น ของศาสนาพราหมณ์ ประเพณีใดเป็นของศาสนาพุทธ เป็นอันว่าประเพณีของ ศาสนาพราหมณ์ก็ณ์ ก็ เข้ามาปะปนในศาสนาพุทธมากมาย การแห่ผ้าขึ้นธาตุของชาวนครก็คงเกิดขึ้นด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน เพราะ เมื่อชาวนครรับพุทธศาสนามาจากอินเดียก็รับเอาประเพณีต่าง ๆ ตามแบบของ ชาวพุทธในอินเดียเข้ามาด้วย และเราก็ยึดถึอกันว่าหากจะทำ บุญหรือกราบไหว้ บูชาให้ได้กุศลจริง ๆ ก็ต้องปฏิบัติเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์เท่านั้น เมื่อพระพุทธองค์เสด็จสู่ปรินิพพานแล้วก็อาจยังมีตัวแทนอยู่ เช่น เจดีย์ และ พระพุทธรูป เป็นต้น การกราบไหว้บูชาสิ่งเหล่านึ้ก็เท่ากับกราบไหว้บูชา พระพุทธองค์ด้วย การที่ชาวนครนำ เอาผ้าไปบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ โดยการโอบรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ก็คือการบูชาที่สนิทแนบกับองค์ พระพุทธองค์นั่นเอง (วิเชียร ณ นคร และคณะ, 2521) จุดเริ่มต้นของ ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ สัณนิษฐานได้ว่าเป็นประเพณีที่มีมา นานจนยากที่จะยืนยันได้แน่ชัดว่า จะทำ กันมาตั้งแต่ครั้งใดนั้น ไม่มีหลักฐาน แน่ชัด แต่ปรากฏว่าในรัชกาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น ได้กระทำ กัน ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ อันเป็นวันวิสาขบูชาอยู่แล้วทุกปี และต่อมาในรัชกาล สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้กำ หนดประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุเพิ่มเป็น ๒ วัน คือนอกจากวันวิสาขบูชาแล้ว ยังทําเพิ่มในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ซึ่งเป็นวัน มาฆบูชาอีกวันหนึ่ง และได้ถือปฏิบัติสืบมาจนทุกวันนี้ (นครศรีธรรมราช, ๒๕๓๗, น. ๑๕๕-๑๕๖)


อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประเพณีนี้ว่า ในสมัยโบราณ ประมาณปี พ.ศ. ๑๓๓๓ ขณะที่กษัตริย์สามพี่น้อน้ง คือพระเจ้าศรีธรรมโศก ราช พระเจ้าจันทรภานุ และพระเจ้าพงษาสุระ กำ ลังเตรียมประกอบพิธีวิสาขะ สมโภชพระบรมธาตุเจดีย์หลังจากที่พระองค์ได้บูรณะแล้วเสร็จ เมื่อปีพุทธศักราช ๑๗๗๓ ซึ่งไม่กี่วันก่อนจะเริ่มพิธีสมโภชพระบรมธาตุ เจดีย์ ชาวปากพนัง ได้เก็บ ผ้า “พระบฏ” ที่มีคลื่นซัดมาเกยชายหาด ซึ่งมีลักษณะเป็นผ้าแถบเขียนลวดลายเขียนพุทธประวัติ ผ้ายาวประมาณ ๑,๐๐๐ หลา นำ มาทูลเกล้าถวายพระเจ้าศรีธรรมโศกราช เมื่อเจ้าพนักงาน ทำ ความสะอาดแล้วเสร็จปรากฏว่าลายเขียนนั้นก็ไม่เลือนหายไป ซักเสร็จ จึงผึ่งไว้ในพระราชวัง และประกาศหาเจ้าของจนได้ความว่า พระบฏเป็นของ พุทธศาสนิกชนคณะหนึ่งที่แล่นเรือมาจาก เมืองหงสาวดี โดยมี “ผขาวอริ พงษ์” เป็นหัวหน้าน้คณะนำ พระบฏไปบูชาพระพุทธบาทที่ลังกา แต่ถูกมรสุม พัดจนเรือแตกเสียก่อน พุทธศาสนิกชนกลุ่มนั้นมีราว ๑๐๐ คน รอดเพียง ๑๐ คน ยินดีถวายผ้าพระบฏให้พระเจ้าศรีธรรมโศกราชจึงโปรด ให้ชาวเมืองจัดเครื่องประโคมแห่แหนและนำ ขึ้นห่มโอบฐานพระบรมธาตุ เจดีย์ ในคราวเดียวกับการสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์ และได้ปฏิบัติสืบต่อกัน มาจวบจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประเพณีนี้ว่า ในสมัยโบราณ ประมาณปี พ.ศ. ๑๓๓๓ ขณะที่กษัตริย์สามพี่น้อน้ง คือพระเจ้าศรีธรรมโศก ราช พระเจ้าจันทรภานุ และพระเจ้าพงษาสุระ กำ ลังเตรียมประกอบพิธีวิสาขะ สมโภชพระบรมธาตุเจดีย์หลังจากที่พระองค์ได้บูรณะแล้วเสร็จ เมื่อปีพุทธศักราช ๑๗๗๓ ซึ่งไม่กี่วันก่อนจะเริ่มพิธีสมโภชพระบรมธาตุ เจดีย์ ชาวปากพนัง ได้เก็บ ผ้า “พระบฏ” ที่มีคลื่นซัดมาเกยชายหาด ซึ่งมีลักษณะเป็นผ้าแถบเขียนลวดลายเขียนพุทธประวัติ ผ้ายาวประมาณ ๑,๐๐๐ หลา นำ มาทูลเกล้าถวายพระเจ้าศรีธรรมโศกราช เมื่อเจ้าพนักงาน ทำ ความสะอาดแล้วเสร็จปรากฏว่าลายเขียนนั้นก็ไม่เลือนหายไป ซักเสร็จ จึงผึ่งไว้ในพระราชวัง และประกาศหาเจ้าของจนได้ความว่า พระบฏเป็นของ พุทธศาสนิกชนคณะหนึ่งที่แล่นเรือมาจาก เมืองหงสาวดี โดยมี “ผขาวอริ พงษ์” เป็นหัวหน้าน้คณะนำ พระบฏไปบูชาพระพุทธบาทที่ลังกา แต่ถูกมรสุม พัดจนเรือแตกเสียก่อน พุทธศาสนิกชนกลุ่มนั้นมีราว ๑๐๐ คน รอดเพียง ๑๐ คน ยินดีถวายผ้าพระบฏให้พระเจ้าศรีธรรมโศกราชจึงโปรด ให้ชาวเมืองจัดเครื่องประโคมแห่แหนและนำ ขึ้นห่มโอบฐานพระบรมธาตุ เจดีย์ ในคราวเดียวกับการสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์ และได้ปฏิบัติสืบต่อกัน มาจวบจนถึงปัจจุบัน


ผ้ผ้ ผ้ผ้ าพระบฏเพื่พื่ พื่พื่พื่พื่ อใช้ช้ช้ช้ ห่ห่ ห่ห่ มบู บูชาพระบรมธาตุตุ ตุตุ เจดีดีย์ย์ ดีดีย์ย์ ผ้า “พระบฏ” ความหมายตามพจนานุกนุรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๕๔ เป็นคำ นาม หมายถึง ผืนผ้าที่มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นและแขวนไว้เพื่อบูชา ผ้าพระบฏพระราชทาน ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวนครเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผ้าผ้าพระบฏพระราชทานผืนแรก ได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งดำ รงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ ในงานแห่ผ้าขึ้นธาตุประจำ ปี ๒๕๓๐ ซึ่งผู้ว่าราชการ จังหวัดนครศรีธรรมราช เรือตรีสุกรี รักษ์ศรีทอง และหัวหน้าน้ส่วนราชการ ได้พร้อมใจกันจัดงานถวาย ชื่อ “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ ถวายราชสักการ” โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ มีวัตถุประสงค์ในการจัดงาน เพื่อรักษาและส่งเสริมประเพณีทางพุทธศาสนา เพื่อน้อน้มรำ ลึกถึงพระคุณของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการถวายราชสักการะเนื่องในวดรกาสที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา และ เพื่อสนับสนุนนุการท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราชเนื่องในปีท่องเที่ยวไทย ผ้าพระบฏพระราชทานผืนแรก ทำ จากผ้าขาวความยาว ๓๐ เมตร บนผืนผ้า ปรากฎภาพจิตรกรรมไทยเกี่ยวพุทธประวัติตั้งแต่พระสิทธัตถะจุติจาก สรวงสรรค์ชั้นดุสิตสู่พระครรภ์มารดา การสุบันนิมิต การบำ เพ็ญเพียร ทุกรกิริยา การตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมทั้งหมด ๓๐ ภาพ เขียนด้วยสีน้ำ และสีโปสเตอร์ตามแนวนอนของผ้า ในปัจจุบันผ้า พระบฏพระราชทาน มีจำ นวน ๕ ผืน เพื่อบูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ตามประเพณี ประกอบด้วย ผ้า “พระบฏ” ความหมายตามพจนานุกนุรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๕๔ เป็นคำ นาม หมายถึง ผืนผ้าที่มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นและแขวนไว้เพื่อบูชา ผ้าพระบฏพระราชทาน ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวนครเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผ้าผ้าพระบฏพระราชทานผืนแรก ได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งดำ รงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ ในงานแห่ผ้าขึ้นธาตุประจำ ปี ๒๕๓๐ ซึ่งผู้ว่าราชการ จังหวัดนครศรีธรรมราช เรือตรีสุกรี รักษ์ศรีทอง และหัวหน้าน้ส่วนราชการ ได้พร้อมใจกันจัดงานถวาย ชื่อ “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ ถวายราชสักการ” โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ มีวัตถุประสงค์ในการจัดงาน เพื่อรักษาและส่งเสริมประเพณีทางพุทธศาสนา เพื่อน้อน้มรำ ลึกถึงพระคุณของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการถวายราชสักการะเนื่องในวดรกาสที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา และ เพื่อสนับสนุนนุการท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราชเนื่องในปีท่องเที่ยวไทย ผ้าพระบฏพระราชทานผืนแรก ทำ จากผ้าขาวความยาว ๓๐ เมตร บนผืนผ้า ปรากฎภาพจิตรกรรมไทยเกี่ยวพุทธประวัติตั้งแต่พระสิทธัตถะจุติจาก สรวงสรรค์ชั้นดุสิตสู่พระครรภ์มารดา การสุบันนิมิต การบำ เพ็ญเพียร ทุกรกิริยา การตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมทั้งหมด ๓๐ ภาพ เขียนด้วยสีน้ำ และสีโปสเตอร์ตามแนวนอนของผ้า ในปัจจุบันผ้า พระบฏพระราชทาน มีจำ นวน ๕ ผืน เพื่อบูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ตามประเพณี ประกอบด้วย


ส่วนพุทธศาสนิกชนทั่วไปนิยมใช้ผ้าสีเหลือง ผ้าสีขาว และผ้าแดง พุทธศาสนิกชนสามารถเตรียมผ้าขนาดความยาวตามความต้องการของตน ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถห่มพระบรมธาตุเจดีย์รอบองค์ได้ การตกแต่งผ้าห่ม พระบรมธาตุเจดีย์ พุทธศาสนิกชนทั่วไปบางกลุ่ม หรือ บางคน อาจจะประดิษฐ์ ตกแต่งชายขอบผ้าประดับด้วยริบบิ้น พู่ห้อย แพรพรรณ ลวดลายดอกไม้ สวยงาม “พระบฏ” ผ้าผืนพิเศษนั้น จะเขียนภาพพุทธประวัติทั้งผืนยาว โดยช่างผู้ ชำ นาญเขียนภาพ แสดงให้เห็นความถึงความตั้งใจ ความมานะ พยายาม ในการทำ ผ้าพระบฏขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เช่น ผ้า พระบฏวิทยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช เป็นต้น ส่วนพุทธศาสนิกชนทั่วไปนิยมใช้ผ้าสีเหลือง ผ้าสีขาว และผ้าแดง พุทธศาสนิกชนสามารถเตรียมผ้าขนาดความยาวตามความต้องการของตน ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถห่มพระบรมธาตุเจดีย์รอบองค์ได้ การตกแต่งผ้าห่ม พระบรมธาตุเจดีย์ พุทธศาสนิกชนทั่วไปบางกลุ่ม หรือ บางคน อาจจะประดิษฐ์ ตกแต่งชายขอบผ้าประดับด้วยริบบิ้น พู่ห้อย แพรพรรณ ลวดลายดอกไม้ สวยงาม “พระบฏ” ผ้าผืนพิเศษนั้น จะเขียนภาพพุทธประวัติทั้งผืนยาว โดยช่างผู้ ชำ นาญเขียนภาพ แสดงให้เห็นความถึงความตั้งใจ ความมานะ พยายาม ในการทำ ผ้าพระบฏขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เช่น ผ้า พระบฏวิทยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช เป็นต้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๖ 1. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี หลวง พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๕ 2. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระ วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำ รงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิ ราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๖ 3. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๐ และ พระราชทานผ้าพระบฏผืนใหม่เมื่อพุทธศักราช ๒๕๔๙ 4. สมเด็จพระเจ้าน้อน้งนางเธอ เจ้าฟ้าฟ้จุฬาภรณวลัยลักษณ์อัณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๕๗ 5. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๖ 1. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี หลวง พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๕ 2. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระ วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำ รงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิ ราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๖ 3. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๐ และ พระราชทานผ้าพระบฏผืนใหม่เมื่อพุทธศักราช ๒๕๔๙ 4. สมเด็จพระเจ้าน้อน้งนางเธอ เจ้าฟ้าฟ้จุฬาภรณวลัยลักษณ์อัณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานผ้าพระบฏเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๕๗ 5.


การจัจั จัจั ดขบวนแห่ห่ ห่ห่ แหนผ้ผ้ ผ้ผ้ าพระบฏและการถวายผ้ผ้ ผ้ผ้ า การจัดขบวนแห่แหนผ้าพระบฏ นิยมจัดขบวนเป็นแถวตอนเรียงสอง ทุกขบวน ซึ่งขนวนแห่แหนจะมาทุกสารทิศของพุทธศาสนิกชนที่มีความ ศรัทธาเลื่อมใส ซึ่งขบวนแห่แหนจะดนตรีนำ หน้า น้ เช่น คณะกลองยาวเป็น ดนตรีนำ ขบวน หรือวงดุริยางค์ของโรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัด นครศรีธรรมราช บรรเลงจังหวะที่ครึกครื้น ขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุจะเดินแถว เรียงเป็นริ้วขบวนยาวไปตามความยาวของผืนผ้า ทุกคนทูนชูผ้าพระบฏไว้ เหนือศีรษะ ตามความเชื่อกันว่าผ้าพระบฏเป็นเครื่องสักการะพระพุทธเจ้า จึงควรแก่การบูชาจะถือไว้ในระดับต่ำ กว่าศีรษะไม่ได้โดยเด็ดขาดวิธีการ ถวายผ้าพระบฏ ขบวนแห่แหนผ้าพระบฏ สำ หรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป จะมาจาก ทุกสารทิศ ตลอดวันของการจัดงานเพื่อแห่ผ้าขึ้นธาตุ หากมากันเป็น หมู่คณะใหญ่ จะมีการแต่งกายที่งดงาม เรียบร้อยเป็นรูปแบบเดียวกัน นิยมใส่เสื้อผ้าสีขาว ผ้าถุงยาวซึ่งอาจจะเป็นผ้าปาเต๊ะ ผ้าบาติก หรือผ้าทอ พื้นเมือง ส่วนผู้ชาย จะใส่เสื้อสีขาว และกางเกงขายาวขาวหรือดำ สำ หรับขบวนแห่แหนผ้าพระบฏพระราชทาน ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๔ ข้อมูลจากสำ นักงานวัฒนธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้บรรยายการการจัดริ้วขบวนอัญเชิญผ้าพระบฎ ไว้ว่า “ กำ หนดให้มีริ้วขบวนเพียง ๖ ริ้วขบวน เป็นริ้วขบวนอัญเชิญผ้าพระบฏ พระราชทาน จำ นวน ๕ ผืน ประกอบด้วย การจัดขบวนแห่แหนผ้าพระบฏ นิยมจัดขบวนเป็นแถวตอนเรียงสอง ทุกขบวน ซึ่งขนวนแห่แหนจะมาทุกสารทิศของพุทธศาสนิกชนที่มีความ ศรัทธาเลื่อมใส ซึ่งขบวนแห่แหนจะดนตรีนำ หน้า น้ เช่น คณะกลองยาวเป็น ดนตรีนำ ขบวน หรือวงดุริยางค์ของโรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัด นครศรีธรรมราช บรรเลงจังหวะที่ครึกครื้น ขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุจะเดินแถว เรียงเป็นริ้วขบวนยาวไปตามความยาวของผืนผ้า ทุกคนทูนชูผ้าพระบฏไว้ เหนือศีรษะ ตามความเชื่อกันว่าผ้าพระบฏเป็นเครื่องสักการะพระพุทธเจ้า จึงควรแก่การบูชาจะถือไว้ในระดับต่ำ กว่าศีรษะไม่ได้โดยเด็ดขาดวิธีการ ถวายผ้าพระบฏ ขบวนแห่แหนผ้าพระบฏ สำ หรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป จะมาจาก ทุกสารทิศ ตลอดวันของการจัดงานเพื่อแห่ผ้าขึ้นธาตุ หากมากันเป็น หมู่คณะใหญ่ จะมีการแต่งกายที่งดงาม เรียบร้อยเป็นรูปแบบเดียวกัน นิยมใส่เสื้อผ้าสีขาว ผ้าถุงยาวซึ่งอาจจะเป็นผ้าปาเต๊ะ ผ้าบาติก หรือผ้าทอ พื้นเมือง ส่วนผู้ชาย จะใส่เสื้อสีขาว และกางเกงขายาวขาวหรือดำ สำ หรับขบวนแห่แหนผ้าพระบฏพระราชทาน ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๔ ข้อมูลจากสำ นักงานวัฒนธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้บรรยายการการจัดริ้วขบวนอัญเชิญผ้าพระบฎ ไว้ว่า “ กำ หนดให้มีริ้วขบวนเพียง ๖ ริ้วขบวน เป็นริ้วขบวนอัญเชิญผ้าพระบฏ พระราชทาน จำ นวน ๕ ผืน ประกอบด้วย


ผ้าพระบฏพระราชทานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง ผ้าพระบฏพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำ รงพระราชอิสริยยศสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้อน้งนางเธอ เจ้าฟ้าฟ้จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ผ้าพระบฏพระราชทานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง ผ้าพระบฏพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำ รงพระราชอิสริยยศสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้อน้งนางเธอ เจ้าฟ้าฟ้จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และริ้วขบวนผ้าพระบฏของพุทธศาสนิกชน ที่ประกอบด้วยริ้วขบวนผ้าสีขาว สีเหลือง สีแดง และสีกรมท่า จำ นวน 1 ริ้วขบวน ทั้งนี้เพื่อลดจำ นวนผู้ที่จะเข้าร่วม ในกิจกรรม และเป็นไปตามแนวทางการป้อป้งกันและควบคุมโรคติดต่อ โดยริ้วขบวนได้เคลื่อนจากด้านหน้าน้ศาลาประดู่หก สนามหน้าน้เมืองไปตาม ถนนราชดำ เนินเพื่อเข้าสู่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเมื่อถึงบริเวณลานโพธิ์ ภายในวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหารมีการรำ บูชาพระบรมธาตุเจดีย์ของนักศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช จากนั้นเป็นการประกอบพิธีทางศาสนาโดยมีผู้ ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานฝ่าฝ่ยฆราวาส และพระพิศิษฎ์วินัย การ เจ้าคณะอำ เภอเมืองนครศรีธรรมราช เป็นประธานฝ่าฝ่ยสงฆ์ และมีพระราชวิ สุทธิกวี เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช พระผู้ใหญ่ ร่วมพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัด นครศรีธรรมราชได้กล่าวนำ ถวายผ้าพระบฏพระราชทาน พร้อมด้วยหัวหน้าน้ส่วน ราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น จะได้อัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทาน จำ นวน ๕ ผืน บูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พระวิหารทรงม้า ก่อนจะมีการประกอบพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชาตาม ลำ ดับต่อไป” และริ้วขบวนผ้าพระบฏของพุทธศาสนิกชน ที่ประกอบด้วยริ้วขบวนผ้าสีขาว สีเหลือง สีแดง และสีกรมท่า จำ นวน 1 ริ้วขบวน ทั้งนี้เพื่อลดจำ นวนผู้ที่จะเข้าร่วม ในกิจกรรม และเป็นไปตามแนวทางการป้อป้งกันและควบคุมโรคติดต่อ โดยริ้วขบวนได้เคลื่อนจากด้านหน้าน้ศาลาประดู่หก สนามหน้าน้เมืองไปตาม ถนนราชดำ เนินเพื่อเข้าสู่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเมื่อถึงบริเวณลานโพธิ์ ภายในวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหารมีการรำ บูชาพระบรมธาตุเจดีย์ของนักศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช จากนั้นเป็นการประกอบพิธีทางศาสนาโดยมีผู้ ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานฝ่าฝ่ยฆราวาส และพระพิศิษฎ์วินัย การ เจ้าคณะอำ เภอเมืองนครศรีธรรมราช เป็นประธานฝ่าฝ่ยสงฆ์ และมีพระราชวิ สุทธิกวี เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช พระผู้ใหญ่ ร่วมพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัด นครศรีธรรมราชได้กล่าวนำ ถวายผ้าพระบฏพระราชทาน พร้อมด้วยหัวหน้าน้ส่วน ราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น จะได้อัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทาน จำ นวน ๕ ผืน บูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พระวิหารทรงม้า ก่อนจะมีการประกอบพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชาตาม ลำ ดับต่อไป”


รูรู รูรู ปเเบบขบวน


วิวิ วิวิธีธีไหว้ว้ ว้ว้ พระธาตุตุ ตุตุ วัวั วัวั ดพระมหาธาตุตุ ตุตุ วรมหาวิวิ วิวิ หาร สำ หรับธรรมเนียมปฏิบัติในการเข้าร่วมงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ โดย พุทธศาสนิกชนจะนำ ผ้าผืนยาวขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ร่วมมือร่วมใจ กันบริจาคเงินตามกำ ลังศรัทธา นำ เงินที่ได้ไปซื้อผ้ามาเย็บหรือผูกต่อกันเป็น แถวยาว แล้วพากันแห่ผ้าดังกล่าวไปห่มหรือพันโอบรอบฐานพระบรมธาตุเจดีย์ อันเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตัวแทนของพระพุทธเจ้า ซึ่งผ้าที่ใช้ห่ม องค์พระบรมธาตุเจดีย์เรียกว่า “ผ้าพระบฏ” (หรือ พระบต) และเชื่อกันว่าหาก ใครได้นำ ผ้าขึ้นธาตุจะขอพรได้เป็นจริงดังหวัง สำ หรับธรรมเนียมปฏิบัติในการเข้าร่วมงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ โดย พุทธศาสนิกชนจะนำ ผ้าผืนยาวขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ร่วมมือร่วมใจ กันบริจาคเงินตามกำ ลังศรัทธา นำ เงินที่ได้ไปซื้อผ้ามาเย็บหรือผูกต่อกันเป็น แถวยาว แล้วพากันแห่ผ้าดังกล่าวไปห่มหรือพันโอบรอบฐานพระบรมธาตุเจดีย์ อันเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตัวแทนของพระพุทธเจ้า ซึ่งผ้าที่ใช้ห่ม องค์พระบรมธาตุเจดีย์เรียกว่า “ผ้าพระบฏ” (หรือ พระบต) และเชื่อกันว่าหาก ใครได้นำ ผ้าขึ้นธาตุจะขอพรได้เป็นจริงดังหวัง


คณะผู้จัดทำ นายณัฐภูมิ ปานศิริ เลขที่ 3 นายธีรพงศ์ สังคณี เลขที่ 5 นายภูริพัริ พัฒน์ ช่างเรือรืเลขที่ 10 นางสาวปริยริาภัทร สวยเอี่ยม เลขที่ 24 นางสาววริษริฐา ไชยกร เลขที่ 34 นางสาวสุภาภรณ์ เทพทอง เลขที่ 36


Click to View FlipBook Version