The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ICT Banjongrat, 2021-06-21 02:50:07

ง่ายแต่ลึก3

ง่ายแต่ลึก3

นั้น บาปที่เราได้ทำเอาไว้จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามมัน
จะได้ช่อง ชิงช่วงช่วงชิงเราไปสู่อบายเลย

ไม่ว่าจะไปอบายช่วงสั้นก็ไม่ควรไป จะไปเกิดเป็นจิ้งจก

ตุ๊กแก อยู่ในภูมิส้ตว์เดรัจฉานช่วงสั้นๆ หรือเป็นยุงแค่ ๗วัน
ก็ยังไม่ควรจะไป ยิ่งไปเป็นเปรด เป็นอสุรกาย ชีวิตยิ่งยาวนาน

ลำ บาก มีความทุกข์ทรมานเยอะ ไปยมโลกก็ไม่เหมาะ เพราะ
มันเร่าร้อนทุกข์ทรมานยาวนานมาก ไปขุมบริวารหรือมหา
นรกก็ไม่ด้องพูดถึงกันน่ะ

ทุคติเป็นที่เดียวที่ไม่ควรจะไปอยู่ ไม่ควรจะไปเลย หรือ
ไปมีชีวิตอยู่ในอบายไม่ควรไปที่ควรไปคือสุคติภพ อย่างน้อย

ก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย็ใหม่ก็ยังดี ได้มาสร้างบารมีกันต่อ ได้มา
เป็นภุมมเทวา รุกขเทวา อากาศเทวา มันก็ยังดีกว่าไปอบายภูมิ

ถ้าไปสวรรค์ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา เรื่อยไป
นั้นไม่ด้องพูดถึงล่ะ ถึอว่าดีมากๆ สำ หรับชีวิตของนักสร้างบารมี

ที่จะไปพักชั้วคราวในระหว่างที่เราได้เหน็ดเหนื่อยกับการสร้าง

บารมีด้วยกายมนุษย์มาแล้ว นื่มันสำคัญอย่างนี้นะลูกนะ

หมั่น!!กใจให้คุ้น!เคยกั'บศูนย์กลางกาย

ฐานที่ ๗ ด้องทำความคุ้นเคยเอาไว้ให้ดี ไม่ว่าเราจะเบื่อ
หรือไม่เบื่อก็ตาม ชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ด้องทำความคุ้นเคย

๕๓ I ฐานที่ ๗ ที่๓ด ด้บ หล้บ ตื่น

www.kalyanamitra.org

เอาไว้ไม่ใช่พอนึกไม่เห็นแล้วเราก็เลยขี้เกียจ เบื่อ แล้วก็เลิก
อย่าไปคิดอย่างใ?แ

เราทำเพื่อตัวของเราเองนะ ไม่ใช่เพื่อใครเลย ถ้าเราไม่
รักตัวเองนี่อันตราย เพราะฉะ'แนอย่าเบื่อหน่าย อย่าขี้เกียจ

ในการ'ฝึกฝนใจให็'หยุดนี่ง เพื่อทำความคุ้นเคยกับศูนย์กลาง
กายฐานที่ ๗ ต้องทำปอยๆ

การบ้านที่ให็ไป'แน ทำ ไม่ครบก็ต้องทำให้เกีอบครบ ให้

สมาเสมอ'ทุกวัน อย่าให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว อย่าให้อะไร

มาเป็น'ข้ออ้าง ข้อแม้ เงื่อนไข

ธรรมชาติของใจ ถ้านึกถึงอะไรบ่อยๆ
มันจะจำแม่น แล้วจะนึกได้ง่าย ไม่ว่าเรื่องดี
หรือไม่ดีก็ตาม ถ้าทำบ่อยๆ แล้วมันจะจำได้

และมันจะทำได้ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗

ถ้าเรานึกดวงแก้วใสๆ หรือองค์พระใสๆ บ่อยๆ
ทำ บ่อยๆ จากยากก็มาเป็นง่าย จากง่ายก็มา
เป็นได้ เดี๋ยวมันก็ได้ จากมืดก็มาสว่าง จากไม่

ชัดมันก็มาชัด เดี๋ยวมันก็ชัดเอง ถ้าเราทำบ่อยๆ

ทำ ทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง

ขนาดจะใหญ่จะเล็กแค่ไหนเราก็นึกๆไปก่อน ช่วงไหน
ชอบดวงเล็ก ก็นึกดวงเล็ก ช่วงไหนชอบดวงใหญ่ เราก็นึก

"/ \ ๕๔

www.kalyanamitra.org

ดวงใหญ่ ช่วงไหนชอบนึกองค์พระ เราก็นึกองค์พระ ช่วง

ไหนอยากนึกองค์เล็ก เราก็นึกองค์เล็ก ช่วงไหนอยากนึกองค์

ใหญ่ เราก็นึกองค็ใหญ่ นึกว่าท่านเป็นแก้วไม่ได้ เราก็นึกให้

เป็นโลหะก่อนก็ได้ เป็นอิฐ เป็นหิน เป็นปูน เป็นโลหะอะไร

ก็ได้ทั้งนั้นแกฝนไป ค่อยๆ สืก ค่อยๆ นึก ค่อยๆ คิดในทุก
อิริยาบถที่เราระลึกได้ฟืกไปเรื่อยๆ ไม่ได้ก็ให้มันรูไป ไม่ช้า

เราก็จะสมหวังนะลกนะ

พระเทพญาณมหามุนี วิ.

๕๕ I ฐานที่ ๗ ที่เกิด ดับ หลับ ตื่น

www.kalyanamitra.org

เย็นเอ๋ยเย็นจิตแล้ว คนดี

เพิ่มสุขทุกนาที แซ่บไซร้

รสใดอื่น บ่ มี เทียบได้ เลยนอ

เอมโอษฐ์กว่าลูกได้ โคตรเพชรภูสรวง

ตะวันธรรม

www.kalyanamitra.org

สิงคี ๆ

ฑีใจหยุด

วันอาทิตย์ที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙

ปรับกายใหผ่อนคลาย ปรับใจใหฒาสบาย

ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะหลับตาเบาๆ พอ

สบายๆ ทำ ใจให้เบิกบาน แช่มชื่นให้สะอาต บริสุทธิ้ผ่องใส
ไร้กังวลในทุกสิ่ง แล้วก็ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี ผ่อนคลาย
กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายให้หมต ตั้งแต่ใบหน้า ศีรษะ คอ

ทั้งเนื้อทั้งตัวของเราให้ผ่อนคลาย

จะนั่งสมาธิให้ดีต้องผ่อนคลายุรางกายให้ดี

แล้วก็ปรับใจของเรา ต้องเบาๆ ทั้งกายและใจ
หลับตาก็ต้องเบา อย่าไปบีบเปลือกตา^อย่ากด

ลูกนัยน์ตา เหมือนเรานอนหลับอย่างนั่นแหละ

ซึ่งช่วงนั้นเราก็ไม่ไตัคิตอะไร แต่ก่อนหน้านั้นอาจจะมีเรื่อง

ผ่านเข้ามาในใจ เมื่อเราปล่อยให้มันผ่านไปก็ถึงจุดที่ไม่ได้คิต

อะไร เปลือกตาของเราก็จะปิตพอสบายๆ ต้องทำให้ถูกหลัก

วิชชานะ ใจจะได้หยุดนิ่งได้เร็ว

๕๗ I สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่ใจหยุด

www.kalyanamitra.org

วิธีแก้ฟ้ง

ต้องยอมรับว่าในแต่ละวัน ความคิดมากมายที่ผ่านเข้า

มาในใจ พอถึงเวลาเราเริ่มนั่งสมาธิใหม่ๆ มันก็คงจะมีความ

คิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในใจ มากบ้าง น้อยบ้าง ก็ให้ถือว่าเป็น
เริ่องปกติ ถ้าเราไม่สนใจมัน ความคิดเหล่านั่นก็จะผ่านไป

แล้วอย่าไปถือว่าความคิดที่ผ่านไปนั่นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการ
งาน บ้านช่อง หรือเริ่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้เป็นอุปสรรค

ของการทำสมาธิ ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้วเดี๋ยวเราจะต่อต้าน คือ

พยายามจะแนจะบังคับไม่ให้[จของเราไปคิดในเรื่องราวต่างๆ

มากจนเกินไปจนทำให้เกิดอาการตึงเครืยดทั้งกายและใจ

ถ้าเราไปด'อต้านไปแนสิ่งนั่น หรือพยายามรวมใจให้
เป็นสมาธิ ถ้าทำอย่างนี้จะไต้ผลไม่เต็มที่ มันไต้สำหรับบาง

คน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะฉะนั้น
เรายอมรับธรรมชาติดรงนี้ แล้วเราก็เฉยๆ กับมันไม่ว่าสิ่งที่

ผ่านเข้ามาในใจนั้นจะเป็นเริ่องดี เรื่องไม่ดี หรือเรื่องกลางๆ

ไม่ดีไม่ชั่ว เราเฉยๆ เดี๋ยวมันจะค่อยๆ หมดไปเอง มันจะอยู่

กับเราไดใม่นานหรอก

ถ้าเรารู้สึกว่า มันผ่านเข้ามามากเหลือเกิน ก็ให้เผยอ

เปลือกตาขึ้นสักนิด เพราะมันจะฟ้งดอนเราปิดเปลือกดา

เผยอสักนิดหนึ่งความฟ้งก็จะเบาบางลงไป แล้วเราก็ค่อยๆ

เริ่มต้นใหม่อย่างง่ายๆทำอย่างนี้ทุกวันเลยให้สมาเสมอจาก

ฟ้งมากก็จะมาฟังน้อย จากฟังน้อยก็จะไม่ค่อยฟัง และมันก็

จะหยุดนิ่งเองอย่างสบายๆ ง่ายๆ ถ้าเราทำถูกหสักวิชชา

!}! I ๕'๘

www.kalyanamitra.org

ภารกิจกับจิตใจไปด้วยกน

ในชีวิตประจำวัน เมื่อเราลืมตาทำภารกิจอะไรก็ตาม ให้

ทำ ความรู้สึกว่าใจอยู่ตรงกลางท้อง เหนือสะดือขึ้นมา๒ นิ้วมือ

ให้!จคุ้นๆ กับภาพดวงแก้วใสๆ เพชรใสๆ ตวงอาทิตย์ ตวง
จันทร์ตวงตาว องค์พระ หรือภาพมหาปูชนืยาจารย์อย่างใต
อย่างหนึ่ง เราก็นืกธรรมตาๆนืกไปเรื่อยๆโตยไม่คาตหวังว่า
จะชัตหรือไม่ชัต เพราะวัตถุประสงค์ของเราต้องการให้ใจคุ้น

เคยก้มศูนย์กลางกายฐานที่ ๗จะช่วยไต้มากทีเดืยว เวลาเรา

มานั่งหลับตามันจะไต้ง่าย

ทีนิ้พอเราลืมตาทำภารกิจอะไรก็แล้วแต่ อาบนํ้า ล้าง

หน้า แปรงฟัน รับประทานอาหาร ปัตกวาตบ้าน ถูบ้าน ไป

ทำ งาน เรืยนหนังสือ จะทำอะไรก็แล้วแต่ก็ฟืกไป ลืมตาก็สืก

นืกไปเรื่อยๆ ให้ใจคุ้นก้บศูนย์กลางกาย ถ้าทำอย่างนิ้ไต้ทั้ง

วัน จะมือานิสงส์ส่งให้ตอนที่เรามานั่งสมาธิ แค่เราหลับตา

เบาๆ ใจเราก็จะมาอยู่ภายในแล้ว เพราะเราตรืกบ่อยๆ
นืกปอยๆ ช้ตไม่ช้ตก็ไม่เป็นไร มันก็จะคุ้น พอหลับตาทำ

สมาธิภาวนาใจมันก็จะนึ่งง่ายใจนึ่งๆ นุ่มๆ ละมุนละไม

กหยุดนิ่งให้เป็นเสียก่อน

อย่าไปคาตหวังว่า เราจะต้องเห็นโน่น เห็นนึ่ เห็นอะไร

อย่างที่เราเคยไต้ฟังในเบื้องต้น แค่ว่าใจคุ้นกับศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗แล้วก็ทำหยุตทำนึ่งให้เป็นเสึยก่อนให็ไดืปีติสุขที่เกิต

จากสมาธิให้ไต้ตรงนิ้เสียก่อน สิ่งที่เราจะเห็นภายในมันก็เป็น

๕■๙ I สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่ใจหยุด

www.kalyanamitra.org

ขึ้นมาเอง เพราะว่า33นมีอยู่แล้วในต้ว เราไม่ต้องไปแสวงหา

หรือไปควานหาอะไร เป็นแต่เพียงสิ่งนั้นเป็นของละเอียด ใจ
เราต้องละเอียดเท่ากับสิ่งนั้น จึงจะเห็นกันไต้ เพราะฉะนั้น

เบื้องต้นเราแกให็ใจหยุดใจนิ่งอย่างเดียวก่อน อย่าเพิ่งไป

คาดหวังอะไร

เมื่อหยุดนิ่งแล้ว...ประสบการณ์ภายในจชมาLอง

ใจหยุดใจนิ่งนิ่แหละจะท่าให็ใจละเอียด พอใจละเอียด
เดี๋ยวมันก็เคลื่อนเข้าไปข้างในเอง ยิ่งหยุด ยิ่งนิ่ง ยิ่งดิ่งไม่
หยุดยั้งเลย มันจะเคลื่อนเข้าไป แล้วเราก็จะไต้สัมผัสกระแส
ธารแห่งความปีติสุขที่เกิดขึ้น

กายสงบใจสงบกายเบา ใจเบาที่เรืยกว่า ปัสสัทธิ ต้วโล่ง

โปร่ง เบาสบาย ถ้าเรารักษาดรงนี้ให้ต่อเนื่อง ความสุขก็
จะมา เป็นความสุขที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ถ้ากระแสธาร
แห่งความสุขอย่างนี้มา เมื่อกายใจเราสงบระงับ นิ่ง เราจะ

เกิดความพีงพอใจ ชอบใจกับอารมณ์นี้มากกว่าสิ่งที่เราเคย

เจอในชีวิดประจำวัน คือ กายเบา ใจเบา ขยาย แล้วมัน

จะมีกระแสแห่งความสุขเกิดขึ้น ชนิดที่เราพูดไม่ออกบอก

ไม่ถูกเหมีอนกันว่า เราจะไปอุปมาเปรืยบเทียบกับอะไร
เพราะภาษาในเมืองมนุษย์มีข้อจำกัดในการอธิบายความรู้สึก

ชนิดนี้ ที่ทำ ให้เราเกิดความพีงพอใจ ชวนติดดามต่อไปอีก
อย่างไม่เบื่อหน่าย ยังกระดือรือร้นต้วยความสมัครใจเกิดขึ้น
นั่งในเบื้องต้นเอาให้ไต้ดรงนี้กันเสียก่อน

00e^... I ๖0

www.kalyanamitra.org

ความสุขที่เกิดจากสมาธินี่แหละจะเป็นแรงจูงใจให้เรา
อยากนั่งต่อไป เหมือนเป็นรางวัลเบื้องต้นสำหรับผู้ทำความ

เพียร เราจะไม่อิ่มไม่เบื่อในการนั่งสมาธิ หรืออยากทำสมาธิ
ในอิริยาบถอื่น มันจะเกิดขึ้นมาเอง นั่นแหละรางวัลสำหรับ

ผู้มืความเพียร จนกระทั่งเกิดฉันทะขึ้นมา อยากอยู่กับอารมถใ
นี้นานๆ โดยความสมัครใจ อยากหยุด อยากนั่ง มีเวลาว่าง

๕ นาที ๑๐ นาที ก็อยากจะอยู่กับตนเองดรงกลางกาย อยู่

กับอารมณ์ชนิดนี้ ที่หาไม่ไต้จากคน สัดว์ สิ่งของ ธรรมชาติ

หรือที่ใดๆ เลย ย้งอยากจะอยู่กับดรงนี้นานๆ อย่างนั่นถูก
หลักวิชชาแล้ว ใจก็จะนั่งๆ นุ่มๆ ไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งนั่งแน่นในระดับที่ความคิดอื่นไม่สามารถดึงใจ

หลุดจากอารมณ์นี้ไต้จะนั่งๆ มีอารมณ์เดียว อารมณ์เป็นสุข

เป็นกลางๆ บริสุทธจากมลทินของใจ จากความโลภ ความ

โกรธ ความหลงในระด้บหนั่ง จากความหงุดหงิด งุ่นง่าน
ฟ้งซ่าน รำ คาญใจ จากการดรืกในเรื่องกาม เรื่องเพศ เรื่องรูป
เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ เรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ

หรือความโกรธ ความพยาบาท ขัดเคืองใจ น้อยใจ โศกเศร้า

เสียใจ คับแค้นใจ รื่าพิไรรำพัน อะไรต่างๆ มันหายไป

ใจจะสบาย จะบริสุทธิ้จนกระทั่งเรามีความรู้สึกเหมือน
กายวาจาใจเราบริสุทธิ้สะอาด เกลี้ยงเกลา จากสิ่งที่เราเคยทำ

ผิดพลาดในชีวิดที่ผ่านมา คล้ายๆ บาปไต้ถูกขจัดล้างออกไป
ต้วยกระแสธารแห่งบุญ มันจะมีความรู้สึกขึ้นมาเองว่า เหมือน
เราหลุดจากข้อผิดพลาดที่ทำให้เกิดวิบากกรรม ใจเราก็จะ

\)<5) I สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่ใจหยุด

www.kalyanamitra.org

ปีติภาคภูมิใจ เบิกบานว่า เราได้หลุดจากกระแสวิบากกรรม

ที่ทำ ผ่านมา มันจะเกิดขึ้นมาเองตอนนั้น

แมความจริงนั้นอาจจะหลุดจากวิบากกรรมไปในระด้บ

หนึ่ง ๕ เปอร์เซ็นต์๑๐ เปอร์เซ็นต์๒๐ เปอร์เซ็นต์โดยความ

รู้สึกของเรา เราจะรู้สึกว่ามันสูงส่ง เหมือนบาปอกุศลกรรม

วิบากกรรมต่างๆ ได้ถูกถอดออกจากใจ มันจะยิ้มๆ อยู่ภาย

ในลึกๆ จนกระทั่งขยายมาสู่บนใบหน้า และกระแสที่ออกไป

รอบตัวไปในบรรยากาศ และเราจะเข้าใจคำที่บอกว่า ให้ทำ

ใจใสๆ ถ้าเราไปถึง ณ ตรงนี้ เราก็เข้าใจในระดับหนึ่ง แต่

อารมถ!ใสนั้นยังไม่เกิดขึ้น

คำ ว่า "อยู่ใน'บุญ"

ถ้าถึงจุดที่หยุดนึ่งในระดับเห็นดวงใสขึ้นมา แมัจะเล็ก
ขนาดดวงดาวในอากาศก็ดาม เราจะรู้ว่า 'อ๋อ รู้จ้กแล้วที่ว่า

ให้ทำใจใสๆ นั้นมันเป็นอย่างนี้'เพราะใจที่ใสมันจะปราศจาก

นิวรถ!ใจจะเกลี้ยง โปร่ง เบา สบาย บริลุทธิ้ ในระดับหนึ่ง
จนกระทั่งมืดวามมั่นใจว่า เราบริลุทธิ้หลุดพ้นจากวิบากกรรม

ความรักและปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั่งหลายจะเกิดขึ้นเอง

ดรงนี้ เมื่อดวงใสปรากฏเป็นความบริลุทธิ้เบื้องด้น และเรา

จะเข้าใจคำว่า "อย่ในบฌ" "ให้นึกถึ_งบ„ญJ'"
qj q Q/ q Q/

ถ้ายังไม่ถึงดวงธรรมใสๆ นี้เราก็เข้าใจในระดับหนึ่ง คือ
เราด้องใช้จินดามยปัญญา คือด้องคิดว่าวันนั้นเดือนนั้นป็นั้น

เราได้ทำบุญอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น ซึ่งก็ถูกในระดับหนึ่ง

J!! I ๖'๒

www.kalyanamitra.org

ของความหมายของคำว่า อยู่ในบุญ แต่พอมาถึงดวงใสๆ

ภายในกลางกาย เราจะเข้าใจเพิ่มขึ้น 'อ๋อ อยู่ในบุญมันเป็น

อย่างนี้นะ' พอถึงตรงนั้น มันจะแจ่มใส แจ่มกระจ่าง มีความ

ปลื้มปีติเบิกบานในบุญ แต่นิ่งสงบ เยือกเย็น หน้กแน่น มี
อารมณ์เดียวและเกิดความรู้สึกว่า บุญนี่แหละจะคุ้มครองเรา
ให้ปลอดภัยในทุกสิ่ง และจะนำความสุขความสำเร็จในชีวิตให้

บังเกิดขึ้นแก่เรา มันจะเกิดขึ้นเอง พอถึงดวงใสๆ แต่เบื้องต้น

เราก็ต้องแกภันไป นี่เป็นภารกิจของเรา เป็นงานที่แท้จริง

กระแสธารแห่งความดีอยู่กลางดวงธรรมใสๆ

ถ้าใจใสอย่างนี่มันก็จะเป็นแหล่งกำเนิดของความคิด คำ

ใ5]ด และการกระทำที่ดี เพราะกระแสธารแห่งความดีอยู่ตรง

กลางดวงธรรมใสๆ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของความคิด ความ
คิดเราจะคิดแต่เรื่องดีๆ คิดไม่ดีมันนึกไม่ออก มันไม่ไต้ช่อง

คิดอยากจะให้ทานรักษาศีล เจริญภาวนาทำความดีทั้งต้วย

ตัวเอง แล้วก็ชวนคนอื่นทำความดีต้วย

กำ ลังใจที่จะไปชวนคนอื่นทำความดีมีมากมายมหาศาล

จนกระทั้งไม่ไต้นึกถึงอะไรเป็นอุปสรรค ไม่ว่าบุคคลที่เราไป
เชิญชวนนั้นเขาจะมีความขัดแย้ง ไม่เห็นต้วยภับคำแนะนำ
ชักชวนของเราก็ดาม แต่ดวงปัญญาจะเกิดขึ้นให้เรารู้วิธีที่จะ

ตอบปัญหาขจัดข้อชัดแย้งหรือความไม่เข้าใจของเขาว่า จะ

ต้องพูดอย่างไร แล้วก็นำเขาไปสู่จุดหมายคือเขาสมหว้งใน

๖๓ i สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่ใจหยุด

www.kalyanamitra.org

การที่ได้สร้างบุญกุศล บุญบารมีก็จะเกิดขึ้น โดยมีจุดเริ่มด้น

จากดวงใสๆ นี่แหละ

แล้วจะมีอายตนะไปดึงดูดให้ผู้มีบุญที่พอชักชวนเขา

ทำ บุญอายตนะมันจะดรงกัน แค่เขาเห็นเรา เขาก็จะเกิดความ
พึงพอใจ ไว้วางใจว่า ถ้ามอบใจของเขาดวงนี้มาไว้แก่เรา

เชื่อถือได้ และจะด้องนำเราไปสู่สิ่งที่ดี เมื่อใจเขาเปิด ตอนนี้
ความรู้จากภายในก็จะผ่านจากใจเราสู่ใจเขา ที่เราคุ้นเคยคำ

ว่า heartto heart นั่นแหละ จากใจถืงใจ ก็จะสามารถชักชวน
ให้มาทำความดีต่างๆ ได้

อย่าให้หาย

เราก็พยายามทำความคุ้นเคยกับดวงธรรมใสๆ อย่า

ปล่อยให้หลุดลอยไป เพราะกว่าจะมาถืงจุดนี้ได้ มันไม่ง่าย
นัก เมื่อได้แล้วก็ด้องร้กษาให้อยู่กับตัวเราให้ใด้ตลอดเวลา

ด้วยการหมั่นทำความเพึยร ใจจรดจ่อ แล้วก็สังเกตว่า เรา

วางใจหยุดใจด้วยวิธีการอย่างนี้จึงเข้าถืงได้ ธีเกปอยๆ ให้
ชำ นาญเป็นวสี ทั้งหลับตาลืมดาก็ให้เห็นชัดใสแจ่มอยู่ตลอด

เวลา ค่อยๆ แกกันไป

เวลาเรานอน เราก็หลับอยู่ในดวงธรรมใสๆ ชงจะมีความ

สว่างบังเกิดขึ้นด้วย ตื่นแรกก็ด้องเห็นดวงธรรมใสๆ อาบนํ้า

ล้างหนัา แปรงฟัน ชับถ่าย จะรับประทานอาหาร จะแต่งตัว

หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ก็อยู่ในดวงธรรมใสๆ ที่เราหลับตา

สีมตาเห็นได้ตลอดเวลา

.. ช?')g/„(iJ.. เ^! I ๖๔

www.kalyanamitra.org

พอหลังจากใ?นมันก็จะละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเรา
มีชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลางเยอะๆ ใ'ถ้โอกาลกับ

ตัวเราเอง อยู่กับตัวเรา'ที่ศูนย์กลางกายกลางดวงธรรมใ?น

ปอยๆ ก็จะ'ชัดขึ้นสว่างขึ้นแล้วก็จะขยายออกไปเรื่อยๆใจเรา

ก็เคลื่อนเข้าไปสู่ภายในเรื่อย ๆ

เดี๋ยวก็มีดวงธรรมต่างๆ ผุดเกิดขึ้นมา ซึ่งดอนนี้เราก็
เริ่มมีดวามสุขส'แกสนานกับการแกใจใ'ถ้หยุดนิ่ง แกไปเรื่อย ๆ
หยุดในหยุดไปเรื่อยๆ หยุดอย่างเดียว นิ่งในนิ่งๆ ดรงกลาง
แล้วก็จะมีกลางใหม่เกิดขึ้นอีก แล้วก็อยู่ตรงกลางของกลางใหม่
คือกลางของใจเข้าไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องไปลุ้นไปเร่งไปเพ่ง

ไปจ้อง แค่เราหยุดดูไปเฉยๆ

โตรสรณคมน์

การดูเฉยๆ ก็คือการหยุดใจนิ่งๆ เบาๆ สบายๆ อย่าง

เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าหากว่า เราลุ้น พยายามจะเข้าไปข้างใน

พยายามไปตันมัน ยิ่งตันก็จะยิ่งเด้งออกมา ใจก็จะถอนจาก

ความละเอียดในระตับต้นออกมา แต่ถ้าเราดูเฉยๆ มันก็จะ

ดึงดูดดิ่งเข้าไปสู่ภายใน เคลื่อนเข้าไปเรื่อยๆ

อาการที่เคลื่อนเข้าไปนี้เขาเรียกว่า คมนะ นิ่ไง ที่เรา

ไดยินคำว่า ไตรสรณคมน์

คมนะ แปลว่า เคลื่อนเข้าไป

แต่เข้าใจคำว่าคมนะได้ ต้องเข้าใจหยุดนิ่งอย่างนี้

๖๕ I สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่ใจหยุด

www.kalyanamitra.org

ไตรสรณคมน์คือเคลื่อนเข้าไปหาพระรัตนตรัย

ก็แปลว่าพระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ในตัวของเรา

ใจของเรากำลังเคลื่อนเข้าไป เรามีหน้าที่เพียงเป็นผู้ดูที่
ดี ดูปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นภายในด้วยใจที่เป็นปกติ เหมีอนผู้
เจนโลกมองชีวิตขึ้นๆ ลงๆของมวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์
ทั้งหลายด้วยใจที่เป็นปกติ หรือเหมือนเราไปยืนอยู่ริมฝังแม่นํ้า

เห็นเรือผ่านไป ผักตบชวาผ่านไปใจมันก็เฉยๆไม่ได้คิตอะไร

ให้ดูอย่างนั้นดูโตยปราศจากความคิตปรุงแต่ง นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
สบายๆ เดี๋ยวก็จะมีอะไรใหม่ๆ มาให้เราดู

แต่ถ้าไม่มีอะไรใหม่ๆ มาให้ดู แสตงว่าใจเราหยุตไม่สนิท

หรือเราไปลุ้นไปเร่งไปเพ่งไปจ้องแล้ว ซึ่งถ้ามีอาการอย่างนี้

เราก็ค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้นมาลักนิตหนึ่ง จนกระทั้งความ

รู้สึกลุ้น เร่ง เพ่ง จ้องหายไปจากใจ เมื่อมันอันตรธานไปจาก

ใจแล้วก็ค่อยๆ เริ่มด้นใหม่อย่างง่ายๆ

สอนตัวเราเองว่า เราเป็นนักเรืยนอนุบาล อย่าเพิ่งไป
เรืยนอะไรให้มันลึกซึ้ง ทำ หยุตทำนิ่งตรงนี้ให้มันเป็นอย่าง
ถูกหลักวิชชาที่มหาปูชนียาจารย์ หรือบัณฑิตนักปราชญ์ใน

กาลก่อนเขาได้ทำกัน ก็ผักไปเรื่อยๆ สบายๆ เดี๋ยวใจก็จะ

เคลื่อนเข้าไปเอง

แปลว่าเราบังคับให้เคลื่อนเข้าไปไม่ได้ แต่จะไปเองเมื่อ

ใจหยุตนิ่งได้สนิทสมบูรณ์๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วความสุขก็จะ
เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เคลื่อนเข้าไป สมมติว่าเราเคลื่อนเข้าไปใน

,, I ๖๖

www.kalyanamitra.org

ระยะแรกๆ ความสุขได้สัก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่พอเรานิ่ง
เพิ่มขึ้น ความสุขจะเพิ่ม ๑๐๐, ๒๐๐, ๓๐๐ เปอร์เซ็นต์ ไป

เรื่อยๆ เลย

อานสงส์ซองโจที่หยุดนั๋ง

การแกใจให้หยุดนิ่งกระทั่งเข้าถึงพระรัตนตรัย
ในตัวนี่แหละคือสิ่งgfาคัญที่สุดของชีวิต ยิ่งกว่า

ทรัพย์สินเงินทองใดๆ แม้ว่าสิ่งนั้นจะจำเป็น

เพื่อให้ใตัปัจจัย ๔ มาหล่อเลี้ยงสังขาร แต่ว่า
ทรัพย์สินเงินทองเรานำติตตัวไปในภพเบื้องหน้า

ไม่ได้ ยกเว้นเราเปลี่ยนมาเป็นบุญนั้นแหละถึง

จะเอาไปได้

และเวลาใกล้จะละโลก จะไปนึกถึงทรัพย์สมบัติ ลาภ

ยศ สรรเสริญ ก็ช่วยเราไม่ได้ แต่ตรงนี้ที่เราเห็นดวงธรรมก็ดี

กายภายในก็ดี องค์พระก็ดีจะช่วยเราได้ ให้เรามีความสุข

แม้มีทุกขเวทนาที่กายเนื้อ แต่ใจมันจะล่อนออก เหมือนเงาะ

กับเปลือกไม่ติดก้นอย่างนั้น ใจจะเกลี้ยงๆ ข้างนอกอาจจะมี

อาการทุกขเวทนาบ้าง เพราะสังขารก็เป็นของมันอย่างนั้น

เวลาจะแดกดับมันก็มี แต่ว่าใจข้างในจะนิ่งสงบมั่นคง และ

มีสุขเกิดขึ้น มั่นใจ อบอุ่นใจ ปลอดภัยว่า ถ้าเราหลุดออกไป
แล้วไม่ไปอบาย มีแต่ไปสุคติโลกสวรรค์ก็จะเป็นที่พิ่งได้

๖๗ I สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่ใจหยุด

www.kalyanamitra.org

การอยู่กับตัวเองอย่างนี้ดีที่สุด อยู่กับคนอื่นนั้น แต่ละ

คนก็มีปัญหาส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้นคนมีปัญหามารวมกับคน
ที่มีปัญหาเยอะๆ มันก็ทำให้สิ่งแวดล้อมมีปัญหา ความทุกข์

ทรมาน ความเครียดก็ระบาด เพราะเราไม่อาจจะแก้ดรงนั้นได้

จะปร้บปรุงคนอื่นให้เป็นไปดามความปรารถนาของเราได้เรา
แกไม่ได้ก็ต้องทำอย่างนี้หยุดกับนิ่งอยู่กับตัวเองนี่แหละ

พอใจใส เห็นดวงธรรมใส กายภายในใส องค์

พระใสๆ เราก็จะอยู่เหนือสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ
เหมือนลิ้นที่อยู่ในปากงูพิษงูพิษกัดคนตาย แต่
ลิ้นอยู่ใกล้เขี้ยวพิษไม่เป็นไรหรือจุดเย็นในกลาง
เตาหลอมอย่างนั้น เราจะอยู่เหนือสิ่งแวดล้อมได้

เองด้วยตัวของตัวเองเลย เป็นไปดามธรรมชาติ

และเดี๋ยวสิ่งดีๆ ก็จะค่อยๆ ขยายจากตัวเราไป

สู่คนข้างเคียง

พอไปถึงจุดนี้ได้ การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นก็
จะเกิดกับเรา โดยที่เราไม่รู้สึกตัว แต่ผู้ที่สังเกดเราอยู่ เพราะ
เราอยู่ในสายดาเขาดลอดเวลา ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ

เราไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อเป็นอย่างนี้เขาก็จะเกิดแรงบันดาลใจ
อยากจะทำดามบัาง ถ้าเราเย็น เขาก็จะเย็นดาม ค่อยๆ เยือก

เย็นสงบนิ่งไปเรื่อยๆสิ่งดีๆ ก็จะค่อยๆขยายจากตัวเราถึงผู้

. vWe,„//»ฯ'.. JH I ๖๘
www.kalyanamitra.org

ที่อยู่รอบข้าง และขยายต่อๆกันไป เป็นบ้านหมู่บ้าน ตำ บล

อำ เภอ จังหวัด ประเทศ นานาชาติแล้วก็ทั่วโลก

สิ่งดีๆ ในโลกนี้ เริ่มต้นจากศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗ จากจุดเล็กๆ ที่เราหยุดนิ่งไต้นี้แหละ

ถ้าลูกทุกคนให้ความสำคัญ ทำ ให้ไต้ เราก็จะมี

ความสุขในทุกหนทุกแห่ง และพลอยทำให้เพื่อน

มนุษย์มีความสุขดามไปต้วย

ต้นไม้ต้นเติมที่บ้านเรา หรือที่ไหนก็ตาม ถ้าเราดูต้วย
สายตาที่มาจากรากฐานของความสุขภายใน ต้นเติมต้น
เดียวกันนั้น บางวันเราดูไม่สตชื่น เมื่อเรายังเข้าไม่ถึงตรงนี้

ต้นไม้ก็ยังไม่ไต้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่เราเปลี่ยนแปลง
ภายในตัวภายในใจของเรา เราก็จะมองต้นไม้ต้นนั้นตัวยความ

ผาสุก คน สัตว์ สิ่งของก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ

หยุตกับนิ่งนี่สำคัญนะลูกนะให้โอกาสกับตัวเราเองfเก
เอาไวัเพื่อคัวเราและเพื่อชาวโลกทุกๆ คนหยุตกับนิ่งนี่แหละ
มีอานิสงส์และอานุภาพอันยิ่งใหญ่

พลังแห่งคำพูดของผู้ที่หยุดนิ่งไต้แล้วจะมี

พลัง คำ เดียวกัน ประโยคเดียวกัน แต่ถ้าออกมา

จากใจของผู้ที่หยุดนิ่งไต้ คนรับฟังเขาจะมีความ

ปีติ เบิกบาน อาจหาญ ร่าเริง อยากจะทำตาม

๖๙ i สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่ใจหยุด

www.kalyanamitra.org

แต่ถ้าออกมาจากใจของผู้ที่ยังไม่หยุดนิ่ง เขาฟัง
แล้วเขาก็ผ่านไป หยุดกับนิ่งนิ่สำคัญ

การที่จะก้าวไปข้างหน้า ไปไดไกลอย่างปลอดภัย และ

มีชัยชนะ มันต้องหยุดนิ่งให้มั่นคงเสียก่อนหยุดจึงเป็นจุดเริ่มต้น
ของทุกๆ กิจกรรม ไม่ว่าจะอาบนํ้า ล้างหน้า แปรงฟัน ข้บ

ถ่าย รับประทานอาหาร แต่งตัว เรื่องครอบครัว การศึกษา

เล่าเรียน ธุรกิจการงาน แม้กระทั่งวัยชราที่จะอยู่ภับเหย้า
เฝืาภับเรีอนดูแลลูกหลานก็ให้ความอบอุ่นลูกหลานหรีอเมื่อ

เผชิญต่ออุปสรรคของชีวิต ทุกข์โศก โรคภัย มรณภัย อะไร
ต่างๆ ใจก็จะเป็นปกติ ไม่ไต้พรากหรีอห่างไกลจากความลุ[ข

ที่แท้จริงเลย

เพราะฉะนั้น ต้องขยันนั้งภันนะ นั้งภันไปทุกวัน เวลา
ที่เหลืออยู่นี้ก็หยุดใจนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ต่างคนต่าง

นั้งภันไปเงียบๆ

พระเทพญาณมหามุนี วิ.

.. ช'06/-f/J.. J.'f I ๗๐

www.kalyanamitra.org

ไม่เห็นยากหากได้ หยุดใจ

ปล่อยจิตสู่ภายใน เท่านั้น

หยุดสนิทไม่ทันไร กายเกิด

ละเอียดจนถึงขั้น ผุดแล้วกายในกาย

ตะวันธรรม

www.kalyanamitra.org

บริกรรมนิมิตและ

บริกรรมภาวนา

วันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙

ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนาก้นนะ หลับตาเบาๆ

ค่อนลูก พอสบายๆ อย่าถึงก้บปิตสนิทเหมือนคนเม้มตา บีบ

เปลือกตานะพอสบายๆ ถ้าเราหลับตาเป็นใบหน้าม้นจะผ่อน
คลาย พลอยให้ร่างกายผ่อนคลายตามไปด้วย เพราะฉะนั้น

ตรงหลับตานี่สำคัญ เป็นเรื่องที่เราจะด้องแกผ่นให้ดีทีเดียว

หลับเบาๆ พอสบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายเลย

การนึก•บริกรรมนิมิต

แล้วก็รวมใจไปหยุตนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ ที่ศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเราในระดับที่เหนือจากสะดีอ

ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ หรือกะประมาณเอา

แล้วใชใจนืกเหมือนเรานืกถึงภาพมหาธรรมกายเจดีย์

นืกธรรมตาอย่างนั้นหมั่นนืกถึงบริกรรมนิมิตเป็นตวงแถ้วใสๆ
หรือพระแถ้วใสๆ อย่างใตอย่างหนิ่ง ที่เรารู้สึกถน้ต ชอบ
เพราะคุ้นเคยในการนืก ไม่ช้ตเจนก็ไม่เป็นไร นืกเท่าที่เราจะ

นืกให้เห็นได้ เป็นภาพทางใจ ซึ่งมันไม่เห็นทันทีเหมือนภาพ

๗๓ I บริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนา

www.kalyanamitra.org

ที่เราเห็นด้วยลูกนัยน์ตาเนื้อนะ การที่เราลืมตามองดูอะไรมัน

ก็เห็นชัตทันที ถ้าอยู่ใกล้ก็ชัตมาก อยู่ไกลก็ชัตนัอย ของใหญ่

ก็ชัตมาก ของเล็กก็ชัตน้อย

ตวงตาภายนอกเห็นชัตท้นที ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่หล้บตา
นึกถึงภาพทางใจ ก็จะมี ๒ ประเภท คือ บางคนก็นึกออก

บางคนก็นึกไม่ออก ที่นึกไม่ออกเพราะตั้งใจมากเกินไป ทั้งๆ

ที่เราเคยเห็นตวงอาทิตย์ตวงจันทร์ตวงตาว ตวงแก้วลูกกลมๆ
ยิ่งเป็นชาวพุทธ พระพุทธรูปเราก็เคยเห็น ทำ ด้วยวัสดุต่างๆ

เป็นโลหะบ้าง เป็นอิฐ หิน ปูน รัตนชาติ เป็นด้น

จริงๆ แล้วนึกมันด้องเห็น แต่บางคนนึกไม่ออก ที่นึก

ไม่ออกก็จะเป็นดังกล่าวนั้นแหละคือ ตั้งใจมากเกินไป หรือ

นึกออกแต่ว่าไม่ชัตเจน เหมือนเราลืมตาเห็นวัตถุภายนอก

เมื่อภายนอกเทียบเป็น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ บางคนนึกออก

ภายในกลางท้องเรา ๒ เปอร์เซ็นต์บ้าง ๕ เปอร์เซ็นต์บ้าง ๑๐

เปอร์เซ็นต์๒๐ เปอร์เซ็นต์ นานๆ ก็จะมีสักคนหนึ่ง ๖๐,๗๐

บ้าง นี่พูตถึงนักเรืยนใหม่นะไม่ค่อยจะเจอว่าใครหสับตาแล้ว
เห็นทีเดียว ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์นอกจากผู้มีบุญที่สั่งสมการปฏิบ้ติ

ธรรมข้ามชาติมามาก นั้นเรายกเอาไว้ เพราะเขาทำมามาก

ลำ บากมามาก ยากมามาก เมื่อบุญส่งผลมันก็ง่ายมากๆ

เราด้องยอมรับตรงนื้กันก่อนว่า เราอยู่ในประเภทที่นึกได้
ไม่มากนัก ชัตบ้าง ไม่ชัตบ้าง เหมือนของที่ตั้งอยู่ในที่มีตบ้าง

สสัวบ้าง เมื่อเรายอมรับอย่างนื้ และเข้าใจว่าการเห็นทางใจ

กับการเห็นด้วยลูกตาเนื้อมันต่างกันความทุกข็ใจมันก็จะไม่มี

. e'-- -'ะ^ แ! 1 ๗๔

www.kalyanamitra.org

ความกังวลใจว่ากลัวจะไม่เห็นมันก็หมดไป ความตั้งใจมากเกิน
ไป ลัน เร่ง เพ่ง จ้อง ก็จะไม่หลงเหลือ ทำ ความเข้าใจตรงนี้
สักนิดหนึ่ง เสียเวลาตรงนี้นิดหนึ่งสำหรับนักเรียนใหม่

ถ้าไม่บอกอย่างนี้ เดี๋ยวเราจะเผลอเอาลูกนัยน์ตากด

ลงไปดู เผลอไปเค้นภาพจนปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา เค้น

ภาพเพื่อต้องการให้ภาพมันชัดเจน หรีอไปควานหาอะไรใน
ที่มืด นึ่ถ้าเราไม่เข้าใจก็จะเป็นอย่างนี้ แล้วก็จะพลอยเบื่อ

หน่ายในการทำสมาธิ เพราะว่าไม่ไค้สุขที่เกิดจากสมาธิ ทำ ให้
เบื่อหน่าย ท้อแท้ ท้อถอย นัอยใจ เข้าใจผิดว่าบุญเรามืนัอย

วาสนานัอย แต่ความจริงทำไม่ถูกวิธี แล้วไม่เข้าใจธรรมชาติ
ของการเห็นทางใจว่ามันเป็นอย่างไรกับวัตถุประสงค์ของการ

นึกภาพภายในกลางท้อง

วัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือ ต้องการให็ใจมาอยู่กับเนี้อ
กับตัว มาหยุดนึ่งอยู่ภายในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็น
ที่สิงสถิตของพระรัตนดรัยในตัว แต่เราไม่คุ้นเคยกับการทำ
สิ่งเหล่านี้คุ้นกับการส่งใจไปข้างนอก ไปคิดในเรื่องราวต่างๆ
เราคุ้นอย่างนี้น เราไม่คุ้นที่จะเอาใจไปวางภายใน เพราะฉะนั้น
วัตถุประสงค์ต้องการให็ใจหยุดนึ่งๆ อยู่ภายในกลางกาย เพราะ
ว่าหยุดเป็นตัวสำเร็จ ที่จะทำให้เราไค้บรรลุมรรคผลนิพพาน

ห่รีออย่างนัอยก็เข้าถึงความสุขภายใน ได้เข้าถึงแสงสว่าง
ภายใน ถึงดวงธรรม กายภายใน องค์พระใสๆ เพราะฉะนั้น

หยุดนึ่สำค้ญตั้งแต่เบื้องตันจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ นึ่คือ

๗๕ I บริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนา

www.kalyanamitra.org

วัตถุประสงค์ของการนึกภาพทางใจไว้ที่กลางกายนะ ต้อง

ทำ ความเข้าใจให้ดี

แต่เริ่มต้นใจมันย้งคงไม่หยดง่ายๆ อย่างนั้นหรอก

มันไต้เป็นบางคน เพราะฉะนั้น เรมต้นเรากต้องเอาโห

ใจมันอยู่เสียก่อน อยู่ภายในบริเวณกลางท้อง

โดยทำความรู้สึกว่าใจอยู่ตรงนี้มีดวงแก้วใสๆ มี

พระแก้วใสๆ ขนาดใหญ่เล็กก็แล้วแต่ใจเราชอบ

ให้รู้สึกว่ามีไปก่อน แล้วก็รักษาควฺามรู้สึกนี้นให้
ต่อเนื่องก้นไป อย่าเผลอไปคิดุเรื่อุงอืน แต่ถ้า

ห้ามไม่ไต้ มันจะเผลอไปคิดเรื่องอื่นต้วยความ

คุ้นเคยก็ช่างมัน เพราะเรายังเป็นนักเรียน ยัง

ส์กฝนอยู่ พอรู้ตัวเราก็กลับมาใหม่

บริกรรมภาวนา สัมมา อะระห้ง

พร้อมทั้งบริกรรมภาวนาในใจกำกับไปต้วย บริกรรม

ภาวนาเบาๆ สบายๆ คล้ายกับเสียงบทสวดมนต์ที่เราคุ้น
เคย หรือบทเพลงที่เราเคยไต้ยิน เราคุ้นเคย ให้เสียงนั้นดัง

ออกมาจากในกลางท้อง ต้องกลางท้องนะ ซึ่งใหม่ๆ เราจะ
คุ้นกับสมอง จะสวดจะท่องจะภาวนาก็จะคุ้นว่าต้องสมอง เรา

ก็เปลี่ยนความคุ้นมาที่กลางท้อง

บริกรรมภาวนาในใจเบาๆ สบายๆ สัมมา อะระห้ง ดัง

ออกมาจากในกลางท้อง บริเวณแถวฐานที่ ๗ ทำ ประหนึ่ง

.. -3^ /'/ I ฅ/๖

www.kalyanamitra.org

ว่า เป็นเสียงแห่งความบริสุทธิ้ ที่มาจากแหล่งแห่งอานุภาพ

ที่ไม่มีประมาณ ในอายตนนิพพานที่เรายังไปไม่ถึงโน้นผ่าน
มาในกลางกาย ขจัดสิ่งที่เป็นมลทินของใจเราให้หมดสิ้นไป

ขจัดทุกข็โศกโรคภัย อุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิด วิบ้ต บาป
ศักดิ้สิทธิ้ วิบากกรรม วิบากมารให้หมดสิ้นไป

ภาวนาอย่างมีความสุข แล้วก็สนุกสนานภับการภาวนา

บ้นเทิงใจ สัมมา อะระห้ง เรื่อยไป อย่าไปคิดว่ามันจำเป็น

จำ ยอมต้องทำอย่างนี้อย่างนี้มันก็ไม่มีความสุข เพราะคำว่า
สัมมา อะระหัง มีอานุภาพมาก มีความหมายที่สูงส่ง

สัมมา ย่อมาจาก มรรคมีองค์๘ ตั้งแต่ สัมมาทิฏฐิ มีความ

เห็นชอบ เรื่อยไปถึงสัมมาสมาธิ การทำสมาธิชอบ รวมถึง

การประพฤติชอบทั้งกาย วาจา ใจ เป็นต้น ก็คือให้ประพฤติดี
ปฏิมัติชอบ นี่ความหมายของสัมมาย่อๆ

อะระหัง หมายถึง ห่างไกลจากกิเลส จากความโลภ

ความโกรธ ความหลง สิ่งที่ไม่ดี วิบากกรรม วิบากมาร วิบัติ

บาปศักดิ้สิทธิ้ ชีวิดที่ผิดพลาดที่ผ่านมาแล้วจะห่างไกลจาก

สิ่งนั้น จนกระทั้งใจนั้นสะอาดบริสุทธิ้ บริสุทธิ้ในระดับที่เห็น
ความบริสุทธิ้ต้วยใจของเราไต้

เพราะฉะนั้น คำ ว่า สัมมา อะระหัง จึงมีความหมาย

ที่ยิ่งใหญ่และสูงส่ง ทุกคำที่เราภาวนาในใจ ใจเราจะถูกกลั่น
ให้Iสสะอาดบริสุทธิ้ ทั้งธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ ติน นั้า ลม ไฟ

วิญญาณ อากาศธาตุ เห็นจำคิดรู้สะอาดไปหมด

๗๗ I บริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนา

www.kalyanamitra.org

เมื่อความบริสุทธิ้บังเกิดขึ้นในใจแทนที่ความไม่บริสุทธิ้

อานุภาพอันไม่มีประมาณก็จะติดตามมาด้วย ทำ ให้ใจเรามี

พลังที่จะทำแต่ความดี มีพลังที่จะกล้าละความชั่ว และมีพลัง

ที่จะทำให้ใจเราใสสะอาดบริสุทธิ้ดามคำสอนของพระลัมมา-

ล้มพุทธเจ้า

ภาวนา mj การท่อง โม่Iหมือนกัน

แต่ ภาวนา กับคำว่า ท่อง ความหมายจะ
แตกต่างกัน

ท่อง เราต้องใช้กำลังในการนึก การคิด แม้ท่อง
ในใจก็ยังต้องใช้กำลัง แต่ถ้าภาวนา ม้นละเอียด

ไปกว่านั้น คือ เหมือนเป็นเสียงที่ละเอียดเป็น

สำ นึกลึก ๆ ที่ด้งออกมาเองโดยไม่ไดใช้กำลังใน

การท่อง อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า ภาวนา

ใหม่ๆ เราด้องยอมให้เป็นการท่องไปก่อนเพื่อให้คล่อง

ปากขึ้นใจ แต่ต่อไปมันก็จะปรับของมันไปเอง ไปสู่ในระดับ

ของคำภาวนา คือเป็นเสียงละเอียด สำ นึกลึกๆ ที่ด้งออกมา

เองจากในกลางท้องของเรา เมื่อเราคล่องปากขึ้นใจแล้ว ก็จะ

ผ่านมาในกลางท้องกลางกายเอง

ประคองใจด้วยบริกรรมภาวนา สัมมา อะระหัง อย่าง

นี้ไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ใจอยู่กับเนี้อกับตัว อยู่ในกลางท้อง

kJig/™ (f<ท.. a! I ๗๘
www.kalyanamitra.org

เรา เพราะเป้าหมายของเราคือฐานที่ ๗ จะอยู่บริเวณแถวๆ
นั้นจนกระทั่งถึงจุดๆ หนึ่งเมื่อมันถูกส่วนเข้า คือ ความพอดี
มันเกิดขึ้นเอง ใจก็จะหยุดนิ่งๆ เมื่อใจหยุดนึ่งมันก็จะทิ้งคำ

ภาวนาไปเอง คือหมดความจำเป็นที่จะต้องประคองใจแล้ว
หมดความจำเป็นที่จะเป็นพี่เลี้ยงของใจ ประค้บประคองให้

อยู่ที่ฐานที่ ๗ เมื่อถึงที่หมายแล้ว คำ ภาวนา สัมมา อะระห้ง

ก็หมดความจำเป็นที่เราจะใข้ เหมือนเรือจ้างที่แจวมาส่งถึงฝัง
แล้วก็จอดที่ริมฝัง หสังจากนั้นเราก็เดินทางต่อไป ไม่จำเป็น
ที่จะต้องแบกเรือจ้างขึ้นฝังไปต้วย

เพราะฉะนั้นถ้าเราภาวนาถึงจุดแห่งความสมบูร{นของ

หน้าที่การประคองใจ หน้าที่ของการเป็นกัลยาณมิตรให้แก่ใจ

คำ ภาวนานั้นก็จะเลือนหายไปเอง จนกระทั่งเราเกิดความรู้สึก

ว่าไม่อยากจะภาวนาต่อไป อยากหยุดใจนิ่งๆ นุ่มๆ อย่างนี้

อย่างเดียว

ความIสึกภายในที่พัฒนาโปเมือใจหยุดนิ่ง

แล้วคำว่า นึ่ง นุ่ม ละมุนละไม จะรู้จักดอนที่ใจหยุดจริงๆ
นั้นแหละ คือมันนุ่มจริงๆ ใจมันละเอียดอ่อนลงไป ละเอียด
ลงไป ละมุนแต่มืพสัง แล้วพอถึงตอนนี้มันก็จะปรับสภาพ
ความรู้สึกที่ร่างกายที่เคยทึบ ก็จะโล่ง โปร่ง ร่างกายที่เคย

หน้กๆ มันก็จะเบา ที่เคยลำบากก็จะสบาย โล่ง โปร่ง เบา

สบาย ที่คับแคบก็จะขยาย

รู้สึกตัวขยายกว้างออกไป เหมือนลูกโป่งที่เราคัดลม
เข้าไป ค่อยๆพองโตขึ้นแต่ลูกโป่งยังมืข้อจำกัดในการพองโต

๗๙ i บริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนา

www.kalyanamitra.org

มันก็ได้ในระดับหนึ่ง แต่ใจหยุดนึ่งแล้ว อาการพองโตของกาย
และใจมันไม่มีขอบเขต ตั้งแต่พองโตใหญ่กว่าดัวเรา ถ้าเรานั่งที่
บ้านก็ใหญ่กว่าห้อง นั่งในสภาธรรมกายสากลก็ใหญ่ขนาตสภา
ธรรมกายสากลบ้างใหญ่กว่านั้นบ้าง จนกระทั่งกลมกลืนไปกับ

บรรยากาศ คือมันขยายหายไปเลย โตอย่างไม่มีขอบเขต ใจก็

จะขยาย ความรู้สึกที่ร่างกายหายไป ไร้นํ้าหนัก

แล้วมีความสุขอย่างไม่มีประมาณบ้งเกิตขึ้น แม้ยังไม่

เห็นอะไรก็ตาม แต่ก็เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่มีความเพียรฟ้ก
ใจให้หยุตนึ่งๆ อย่างถูกหลักวิชชา เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่ให้

ความสำคัญต่อการ'ฝึกใจหยุดใจนึ่ง คือ ความสุขจะเกิดขึ้น
กายก็สบาย ใจก็สบาย เบิกบาน เหมือนอยู่กลางอวกาคที่

ไม่มีขอบเขต เคว้งคว้างแต่นึ่ง กว้างขยายไปทุกทิคทุกทาง

เขา1ฃตอาณาจกรแห่งความใสซองใจ

แต่มีจุดๆ หนึ่งที่นึ่งเป็นหลักของอาการที่ขยายออกไป

รอบคัวนั้น แล้วเราจะเริ่มสัมผ้สความใสของใจไคั ที่ได้ยินว่า

ใจใส เราจะเริ่มสัมผัสเหมือนเข้าไปสู่ขอบเขตนั้น พรมแตน

ของความใส อาณาจ้กรความใสของใจ จะเริ่มสัมผัสตรงนัน

แล้วใจก็จะนึ่งต่อไปอีก คือ จะนึ่งยิ่งขึ้น จนนึ่งในระคับที่
มันไม่เขยื้อน คือมันนึ่งแน่น แต่แน่นที่ไม่อึดอัด แน่นที่มีความ

สุข คือขอบเขตอาณาจ้กรนั้นเต็มไปด้วยความนึ่ง สมมติว่า

คัวขยายไปเท่ากับท้องฟ้า ถ้าเราจะเขียนคำว่า นึ่ง มันโตเต็ม

ท้องฟ้า นึ่งอย่างนั้นแหละ และความรู้สึกของเราก็เลยความรู้สึกที่

แ! I ๘0

www.kalyanamitra.org

อยู่ในโลกใบนี้ที่มีขอบเขตจำกัด เหมือนเราตัดเส้นรอบวงออกไป
อาณาจักรของใจดูเหมือนว่า มันไปสุดขอบฟ้า ฟ้าที่ไม่มืฝาดรอบ

ฟ้าที่ไม่มืขอบเขต และความสว่างก็จะเรืองรองขึ้นมา

แสงสว่า<1ภายในที่น่าอัศจรรย์

บ้างก็เหมือนฟ้าสางๆ ดอนตี ๕ในฤดูร้อน บ้างก็สว่าง

เหมือน ๖ โมงเช้า สว่างเหมือนเห็นแสงเงินแสงทองในยาม

อรุโณท้ย ดวงอาทิตย์ขึ้น ความสว่างนั้นมากับความสุขที่
เพิ่มขึ้น ความสุขจะเพิ่มขึ้นไปดามความสว่าง เป็นแสงสว่าง

ภายในที่น่ามห้ศจรรย์ เราหล้บดาแล้วมันไม่มืด แสงสว่างที่

ใสเหมือนแสงแก้วที่เนียนดาละมุนใจ ความสว่างจะเพิ่มขึ้น
เรื่อยไป เมื่อใจยิ่งนิ่งยิ่งหยุด ยิ่งหยุดยิ่งนิ่งยิ่งสว่างเพิ่มขึ้น
กระทั่งไปถึงความสว่างประดุจดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน เป็น
ความสว่างที่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง ความสว่างนั้นก็ใส
บริสุทธิ้ ยิ่งหยุดยิ่งนิ่งยิ่งสว่างกว่านั้นเพิ่มเช้าไปอีก

เราคุ้นเคยกับความสว่างแค่ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ซึ่ง
ถือว่าสว่างที่สุดเท่าที่ดามนุษย์เราจะพึงเห็นได้ แต่แสงสว่าง
ภายในมันยิ่งกว่านั้น มันเป็นความสว่างที่ไม่มีอยู่ในโลกใบนี้
เราไม่คุ้นเคย ไม่ทราบว่าจะใช้คำว่าอะไร เพราะคำว่าเที่ยง
วันในโลกมนุษย์ คือที่สุดแห่งความสว่างของดวงอาทิตย์ เลย

ไปกว่านั้นแสงสว่างมันก็จะหรื่ลงไปเรื่อยๆ แต่นิ่มันสว่างกว่า

ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ถ้าจะเทียบก็เหมือนกับเอาดวง
อาทิตย์ยามเที่ยงวันสัก ๒ ดวง มาขยายความสว่างนั้นเพิ่ม

๘๑ I บริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนา

www.kalyanamitra.org

ขึ้น แต่ความไม่แสบตาเคืองตาก็ย้งคงเดิม ยิ่งเจิดจ้าก็ยิ่งมี
ความสุข มีความเบิกบาน

เราจะรู้จักคำว่า เบิกบาน เมื่อความสว่างภายในบังเกิด

ขึ้นในยามที่ไร้นํ้าหนัก ไร้ความรู้สึกของความเป็นตัวตนของ

ร่างกาย มันเหมีอนอาการขยายของดอกบัวที่ไตัรับแสงตะวัน

แล้วคลี่ขยายกลีบเบ่งบาน แต่นั่นเป็นเพียงข้ออุบ่มาเท่าใfน

แต่นี่คืออาการขยายของใจ ซึ่งแต่เดิมมันเคยคับแคบ อึดอัด

ถูกจำกัดให้อยู่ในขอบเขตแห่งความโศกเศร้าเสียใจ ตับแค้น

ใจ รํ่าพิไรรำพัน เศร้า ซึม เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้มอะไรอย่าง
นั่น แต่อารมณ์เหล่านั่นมันไม่มีหลงเหลีออยู่เลย ไม่รู้จักว่ามี

อารมณ์นั่นเกิดขึ้น มันจะสบายอย่างที่เราก็ไม่ทราบว่าจะไบ่
เทียบกับอะไร เพราะในโลกนื้ใม่มีอะไรจะสบายเท่า ไม่ว่าเรา

จะบ่ระสบความสำเร็จในชีวิตแบบชาวโลกในสิ่งที่เราอยากได้

อยากมี อยากเป็นแล้วเราก็ไค้ แล้วเราก็มี แล้วเราก็เป็น แต่

มันก็ไม่ทำให้ใจเราอิ่มหรีอพองโดขนาดนี้

ใจนิ่งน.น่นจนเห็นแหล่งกำเนิดแสงสว่างภายใน

ใจเราจะใส จะบริสุทธิ้ ซึ่งมันดึงดูดให้ใจนิ่งแน่นหนัก

ขึ้นไบ่เรื่อยๆ ถึงในระตับที่เราเห็นแหล่งกำเนิดของแสงสว่าง

ภายในนั่นบัางก็เป็นจุดเล็กๆ เหมีอนดวงดาวในอากาศบัาง

ก็เหมีอนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ บ้างก็โดขนาดพระอาทีดย์

ยามเที่ยงวัน บ้างก็ใหญ่กว่านั่น บ้างก็เท่ากับฟองไข่แดง

ของไก่ คือพอถึงแหล่งกำเนิดของแสงที่โดเท่ากับฟองไข่แดง
ของไก่ เราจะนึกอะไรไม่ออกเลยในโลก ที่เราจะไบ่เทียบ

๘๒

www.kalyanamitra.org

ก้บขนาดของแหล่งกำเนิดของแสงสว่างภายในดังกล่าวนั้น

นอกจากฟองไข่แดงของไก่ ไม่ว่าชาติไหนภาษาไหนก็แล้ว

แต่ เมื่อใจหยุดนิ่งเข้าถึงในระดับที่เห็นแหล่งกำเนิดของแสง

สว่างภายในโดขนาดนี้ จะใข้คำนี้ทั้งสิ้น

1ฃ้าถึงดจงที่มีชีวิต

นิ่คือความมหัศจรรย์ของใจที่เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วใน

ดัวของทุกๆ คน โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่ใสๆ ความใส

ดรงนี้จะชัดเจนกว่าเมื่อกี้นี้ เมื่อกี้นี้เราเข้าเขตอาณาจักรแห่ง

ความใสของใจ แต่พอเราเห็นดวงใสๆ ที่เกิดขึ้นนี้เราจะเข้าถึง

ความจริงความหมายของคำว่า ใส มันจะเป็นดวงใสๆ บ้างก็

เรียกว่า ดวงแก้ว เพราะว่าไม่รู้จัก แต่ก็ยอมรับว่า เราไม่อาจ

จะเรียกว่าดวงแก้วได้ เพราะดวงแก้วเราก็เคยเห็น เห็นแล้ว

มันก็ธรรมดาๆ มันกลมเหมือนก้นจริง แต่นิ่มันใสกว่า สว่าง

กว่า สำ คัญที่อารมณ์สุขเวทนามันเกิดขึ้นใจเป็นสุข สุขอย่าง

พูดไม่ออกบอกไม่ถูกทีเดียว

แล้วดูเหมือนดวงนั้นมืชีวิต คือมันขยายได้และบาง มัน
ฟ่องเบาบาง ยิ่งเรานิ่งแล้วมันชวนดูด้วย ชวนหยุดใจมาอยู่
ดรงนี้ยิ่งเรานิ่งนุ่มหนักเข้าไปอีก ดวงนั้นจะขยาย แต่ดวงแก้ว

ภายนอกเรามองเท่าไรมันก็โดเท่าเติม และความรู้สึกว่าดวง
ข้างในก้บดวงแก้วข้างนอกนั้นมันกลมไม่เหมือนก้น ทั้งๆ ที่

ดวงแก้วข้างนอกเขาก็เจียระไนกลมติกเลย แต่พอถึงดวงสว่าง

ภายใน ที่เป็นด้นแหล่งกำเนิดของแสงสว่างแห่งความบริสุทขึ้
ภายในนั้น เราจะมืความรู้สึกว่าตรงนี้กลมกว่า ดวงแก้วข้างนอก

๘๓ I บริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนา

www.kalyanamitra.org

ดูเหมือนมันยังไม่ค่อยกลม มันก็เป็นความรู้สึกที่แตกต่าง แล้ว

ก็น่าที่งน่าอัศจรรย์ทีเดียว

ใจเราก็จะมืปีติ ใจจะสงบนิ่ง เราจะรู้จักคำว่า อุเบกขา นิ่

มันเป็นอย่างใรคือใจจะเป็นกลางๆ แต่มืความสุขด้วยอุเบกขา

ที่มืความสุข อุเบกขาบางชนิดมันใม่สุขใม่ทุกข์ แต่พอถึงนิ่ง

ตรงนี้แล้วละก็เป็นดวงใสๆ ใจมันนิ่งเป็นกลางๆ แล้วบริสุทธิ้
มืความสุขมาก กลางดวงธรรมนั้นจะเชิญชวนให้เราเข้าใป

สูI่ภายฦเน จะติงดูดเข_้v_า^เ-ป1 เjAพ^อ^ท^จะ^เ3ด^้เ^ร^ียนรูเนสงทีเราVlเม่iVIเด้รู้

เรื่องมาก่อนเลย แล้วเป็นความรู้'คู่กับความบริสุทธิ้ ความรู้คู่
ความสุขก็เกิดขึ้น เราจะมืหลักของใจแล้ว ใจจะมืที่ยึดที่เกาะ

ใม่ว้าเหว่ ใม่เหงา ใม่ซัดส่ายใปที่อื่นเลย

แล้วก็จะชวนให้เราสมัครใจนั่งสมาธิทุกวัน ใม่ปีน ใม่
พยายามนั่ง เหมือนความรู้สึกเก่าๆ ที่ผ่านมาว่า เราด้องปีน

เราด้องพยายามที่จะนั่งทำความเพียร แต่นิ่ฉันทะมันเกิดขึ้น

เอง คือรักที่จะหยุดใจใวัดรงนี้ มีฉันทะ วิริยะมันก็ดามมา
ความเพียรจะต่อเนิ่อง โดยใม่คิดว่าอะใรเป็นอุปสรรค ใจจะ
จดจ่อทั้งวันทั้งคืนเลย นั่ง นอน ยืน เติน จะกิน ดื่ม ทำ พูด
คิด หยุดนิ่ง ลิ้มรส เหยียดแชน คู้แขน หรือทำอะใรก็แล้วแต่
มันอยากจะอยู่ดรงนี้อยู่ที่เดียวเลยใจก็จะดรวจดราอยู่ที่ดรงนี้
จะหยุดจะนิ่งเข้าใปเรื่อยๆ แล้วเดี๋ยวเราก็เห็นใปดามลำดับ

อานิสงส์ใหญ่จากใจที่หยุดนิ่ง

อานิสงส์ใหญ่ก็จะเกิดขึ้นกับเราเลย คือความรู้สึกว่า

เราใด้ถอดออกจากวิบากกรรมทีละเล็กทีละน้อย เพราะรู้สึก

... „(ft^..^r> J!/ I ๘๔

www.kalyanamitra.org

ถึงความบริสุทธิ๋๚องใจที่หลุดพ้นจากชีวิตที่ผิดพลาดดังกล่าว
ใจม้นจะเกลี้ยงๆ รู้สึกสะอาด ขยาย

มหากรุณาก็จะเกิดขึ้นตอนนี้ด้วย คืออยากให้ทุกคน
ในโลกได้เห็นเหมือนเรา เข้าถึงเหมือนเรา โตยเฉพาะผู้ที่อยู่
ใกล้ชิตกับเราเป็นเบื้องด้น ความรู้สึกเหล่านี้ก็ค่อยๆ บังเกิต

ขึ้นมาพร้อมๆ กัน

เพราะฉะนั้น ลูกทุกคนต้องหมั่น'ฝึกฝนอบรมใจนะ ฝึก
ไปเรื่อยๆ แล้วสักวันหนึ่งเราจะได้ครอบครองความรู้สึกชนิตนี้
ใจเราจะเบิกบาน แช่มชื่น นอนเป็นสุข ยืนเป็นสุข เดินเป็นสุข
นั้งเป็นสุข ทุกอิริยาบถก็จะเป็นสุข

ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมจะเป็นทุกข์เพียงใดใจเราก็มืหสักของใจ
มันจะยืดดรงนี้ แล้วก็จะมืดวงปัญญา คือ ความรู้ที่พอเหมาะ
กับปัญหาที่เราจะแกั มันจะเกิดขึ้นมาเอง เวลาหสับมันก็จะ
หสับอยู่ตรงนี้อยู่ในกลางความสว่าง แตกต่างจากเคยหสับใน
ความมืต เคลี้มๆ มึน ซึม ตึง เมา ไม่รู้เรื่องรู้ราว หสับแบบ

ขาดสดิ ดรงนี้หสับแบบมืสดิ หสับที่มันอิ่ม เราจะเห็นว่ากาย
หยาบเท่านั้นแหละที่พ้กผ่อน แต่กายละเอียดภายในก็ยังคงทำ

สมาธิ เราจะเห็นความแดกต่างและดูเหมือนว่าเราก็หสับปกดิ

แต่เหมือนประเดี๋ยวเดียว หสับอยู่ในกลางความสว่าง ตื่นออก
มาก็ตื่นอยู่กลางความสว่าง แล้วก็ตึงเอาความสุขภายในออก

มาขยายสู่ภายนอกด้วย ก็จะค่อยๆ ขยายออกไป

ความสุขที่ดิดออกมาจากการตื่นในกลางดวงธรรม

ใสๆ ความสว่างภายใน แล้วชีวิดในวันใหม่ของเราก็จะสดใส

๘๕ I บริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนา

www.kalyanamitra.org

ตั้งแต่อาบนํ้า ล้างหน้า แปรงฟัน รับประทานอาหาร กระทั่ง

ไปทำมาหากินไปเรียนหนังสือ ทุกหนทุกแห่งเราก็จะเป็นแสง

สว่างให้กับทุกสถานที่อย่างมีความสุขแล้วก็บันเทิงใจ เพราะ
ฉะนั้นต้องหมั่นแกนะลูกนะ หมั่นแกฝนอบรมใจ แล้วลูกจะ
เป็นบุคคลที่ใครๆ ก็อยากจะเป็นแบบลูก

เราจะไม่น้อยเนื้อตาใจเหมีอนกาลเวลาที่ผ่านมาว่า ทำ ไม

เราไม่รวยอย่างเขา ไม่มีอะไรทุกอย่างสมบูรถใอย่างเขา เรามัน

ตาต้อยอะไรต่างๆ พวกนั้น มานะทิฏฐิเหล่านั้นก็จะหมตไป

หรีออย่างน้อยก็ระงับไป เพราะว่าเราไม่ไต้คำนึงถึงสิ่งเหล่า

นั้นเลย ใจก็จะอยู่ตรงนื้ หยุดอยู่ตรงนื้สว่าง โตยจิตดำเนิน

เข้าไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงองค์พระภายใน

เราจะเป็นมนุษย์มหัศจรรย์ที่มีพระในตัว เห็นตลอตเวลา

ช้ดใสแจ่มทีเดียว เป็นปุถุชนที่มีพระภายใน เป็นคฤหัสถ์ที่มี

พระภายใน ที่ยังวนอย่ในโลกนื้ แบบผ้รั ผ้ตื่น ผ้เบิกบานแล้ว
qj qj^ qj qj

ที่ควบคุมสิ่งแวตล้อมไต้ไม่ตกเป็นทาสของสิ่งแวดล้อมใจเราจะ

สบาย เพราะฉะนั้นต้องขยันนะ เวลาที่เหลืออยู่นื้เราก็หยุตใจ

นิ่งไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ วางเบาๆ ตามที่ไต้แนะนำมานะ

พระเทพญาณมหามุนี วิ.

.. O0Q/~- .-Pn I ๘๖

www.kalyanamitra.org

ดี ที่สุดหยุดไว้ ดรงกลาง

แล้ว จักพบหนทาง พ่อชี้

ลูก นิ่งสนิทจิตพร่าง พราวสว่าง

รัก ถกธรรมดามนี้ หลีกลี้กิเลสมาร

ตะวันธรรม

www.kalyanamitra.org

^^ ๘ yi

าเด้กเหนเด

วันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยก้นเสร็จเรียบร้อย
แล้ว ต่อจากนี๋ไปตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน
ก้นทุกๆ คนนะ ให้นั่งขัตสมาธิโตยเอาขาขวาท้บขาซ้าย

มือขวาท้บมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรตนิ้วหัวแม่มือ
ข้างซ้าย วางไว้บนหน้าต้กพอสบายๆ หลับตาของเราเบาๆ

ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายๆ ก้บตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่า

ไปบีบเปลือกตา อย่ากตสกนัยน์ตานะ

ทำ ใจของเราให้เบิกบาน แช่มชึ๋น ให้สะอาต บริสุทธิ้
ผ่องใส ไร้ก้งวลในทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลต

ปล่อย วาง ทำ ใจให้ว่างๆ แล้วก็มาสมมติว่า ภายในร่างกาย
ของเรานั่นปราศจากอวัยวะ สมมติว่าไม่มืปอด ตับ ม้าม ได

หัวใจ เป็นด้นให้เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็น

โพรง กลวงภายใน คล้ายๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใสๆ

ทาง1ดินฃองใจ ๗ รูๆน

คราวนิ้เราก็มาทบทวนคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ด้นพบวิชชาธรรมกาย

ที่ท่านอบรมสั่งสอนเกี่ยวก้บเรื่องทางเตินของใจซึ่งเป็นทาง

๘๙ I นึกได้ก็เห็นได้
www.kalyanamitra.org

ไปเกิดมาเกิดของส้ตว็โลกทั้งหลาย รวมทั้งตัวของเราด้วย

อาทิดย์หนึ่งเรามาประชุมพร้อมก้นด้องมาทบทวนหลักวิชชา

เอาไว้แต่เมื่อเรากลับไปปฏิบ้ติที่บ้านในวันธรรมดา เราก็เอาใจ

ไปไวัที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เลย

ทางเดินของใจมีทั้งหมด ๗ ฐาน

ฐานที่ ๑ อยู่ที่ปากช่องจมูก ท่านหญิงอยู่ข้างซ้าย ท่าน

ชายอยู่ข้างขวา

ฐานที่ ใฮ อยู่ที่เพลาดา หรือตรงหัวดาที่นํ้าตาไหล ท่าน

หญิงอยู่ข้างซ้าย ท่านชายอยู่ข้างขวา

ฐานที่ ๓ อยู่ที่กลางกั๊กศีรษะ ในระด้บเดียวกับหัวดา

ของเรา

ฐานที่๔ อยู่ที่เพดานปาก ช่องปากที่อาหารสำลัก
ฐานที่ ๕' อยู่ที่ปากช่องคอ เหนือลูกกระเดีอก
ฐานที่๖ อยู่ในกลางท้องของเราในระตับเดียวกับสะดีอ

โดยสมมดิว่า เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำ มาขึงใหัตึง

เส้นหนึ่งขึงจากสะดีอทะลุไปด้านหลัง อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้าน
ขวาทะลุไปด้ายซ้าย ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท
จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม ดรงนี้แหละเรืยกว่า ศูนย์กลาง
กายฐานที่ ๖ ถูกกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบ

ใสบรืลุทธิ้ โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่

ธรรมดวงนี้สำคัญมาก ถ้าไม่มีธรรมดวงนี้ เรามาเกิด

เป็นมนุษย์ไม่ได้ ธรรมดวงนี้จึงทรงรักษากายมนุษย์เอาไวั

-So I ๙0

www.kalyanamitra.org

ทญิงซ้าย

ฐานท ๑ ปากช่องจมก -T

" L ชายขวา

ฐานฑิ 1ฮ เพลาตา หญิงซ้าย

ชายขวา

ฐานที่ ๓ จอมประสาท 'นi
ฐานที่ ๔ ช่องเพดาน
ฐานที่ ๕ ปากช่องลำคอ

ฐานที่ ๗ ศูนย์กลางกายที่ตั้งจิตถาวร

ฐานที่ ๖ กลางท้องระดับสะดือ

๒ นิ้วมือ

ภาพแสดงทางIดิน?เองใจทั้ง ๗ ฐาน

www.kalyanamitra.org

ถ้าผ่องใสไม่เศร้าหมองชีวิตก็รุ่งเรือง ถ้าเศร้าหมองไม่ผ่องใส

ชีวิตก็ร่วงโรย ถ้าธรรมดวงนี้ดับ ชีวิตก็ดับไปด้วย ธรรมตวง

นี้จึงเป็นเครื่องยืนข้นว่า ถ้าใคร'ฝึกใจให้หยุดนิ่งแล้วจะต้อง

เข้าถึงอย่างแน่นอน ที่เข้าไม่ถึงธรรมนั้นเป็นไม่มี ถ้าได้ทำก็

ทำ ได้ ทำ ไม่ได้มีเพียงประการเดียวคือ ไม่ได้ทำ หรือทำไม่

ถูกหลักวิชชาเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็เป็นเครื่องยืนข้นให้เรา

อุ่นใจว่า ทำ ความเพียรไปเถิด ให้ถูกหลักวิชชา ทุกว้นทุก

คืนให้สมาเสมอเราจะต้องเข้าถึงธรรมกันอย่างแน่นอนไม่ถึง

เป็นไม่มี

เพราะฉะนั้น เราจะได้เลิกวิตกกังวล เลิกท้อแท้ท้อถอย
กัน เมื่อเราข้งทำไม่ได้ผล เพราะธรรมตวงนี้เป็นเครื่องยืนข้น

I V) I

ฐานที่ ๗ อยู่เหนือจากฐานที่ ๖ ขึ้นมา ๒ นี้วมีอ โดย

สมมติว่า เราเอานี้วขึ้กับนี้วกลางมาวางซ้อนกัน แล้วนำไป

ทาบตรงจุดด้ตของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมา ๒ นี้วมีอ ตรงนี้

เรืยกว่า ฐานที่ ๗

ทั้งหมด ๗ ฐาน เป็นทางเดินของใจ ไป
เกิดมุาเกิดต้อุงอา'ศยทางนี้แหละ สำ คัญทุกฐาน
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือฐานุที่ ๗ เพราะวรโป็น
ที่เกิด ที่คับ ที่หลับ ที่ตื่น และเป็นทางไปสู่

อายดนนิพพานทางหลุดทางพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย
ได้ เป็นทางเข้าถึงความลุขที่แท้จริง ความสมหวังในชีวิต และ
เป็นทางที่จะทำให้เราเข้าถึงความรู้ที่แท้จริง ที่เกี่ยวกับความ

■^/^! I GcTa

www.kalyanamitra.org

เป็นจริงของชีวิต ทำ ให้ชีวิตรอดปลอดภัย มีช้ยชนะ และเป็น

ทางที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวด้วย

ซ้อมร้อยวัน แพซนชกนวันIดียว

ฐานที่ ๗ นี้จึงสำคัญ เกิด ตับ หลับ ตื่น อยู่ตรงนี้ เกิด

เรามาเกิดแล้ว แต่ตับ คือตาย ก็ต้องตายตรงนี้ และตรงนี้

สำ คัญเป็นทางไปสู่ปรโลก ถ้าใจใสไม่เศร้าหมองสุคติก็เป็นที่
ไป ถ้าใจหมองไม่ผ่องใสทุคติเป็นที่ไป หลักวิชชามีอยู่ตรงนี้
เราฟังภันทุกอาทิตย์เพื่อตอกยํ้าความทรงจำของเราให้แน่น

เข้าไปเรื่อยๆ จะไดไม่ประมาทชะล่าใจ

ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงความตายและการไปสู่ปรโลกไม่ได้
เพราะฉะนั้นต้องสืกซ้อมตรงนี้เอาไวิให้ดี ซ้อมภันทุกรัน

รันละหลายๆ ครั้ง ทำ ให้เป็นให้ได้ ให้มันใสให้ไต้ สืกซ้อม
หลายรัน แพ้ชนะภันรันเดียว ในรันสุดท้ายสงครามศึกชิงภพ

สุคติและทุคตินั้นแหละ เราจะเอามาใข้ตรงนี้

ถ้าใจใสแล้วจะมีแต่ภาพดีๆ บังเกิดขึ้น เราจะหนีภาพ

ไม่ไต้ กรรมนิมิต กรรมารมณ์ หนีภาพการกระทำไม่พ้นเลย

ซึ่งกรรมนิมิตจะทำให้เราเข้าถึงคตินิมิต ก็จะมีภาพคตินิมิต

อีกนั้นแหละ ภาพที่จะไปสู่สุคติหรือทุคติ ตังนั้นภาพสุดท้าย

ต้องสตใส ต้องสวยงามเป็นภาพสรุปงบดุลของชีวิตและภาพ

อะไรดีไม่เกินไปกว่าภาพตวงธรรมหรือองค์พระที่ฉายขึ้นให้ดู
บนจอนั้นแหละ พอเป็นแนวทางให้เรารู้ว่าภาพสุดท้ายต้อง

อย่างน้อยอย่างนี้

๙๓ I นึกได้ก็เห็นได้
www.kalyanamitra.org

จะเริ่มต้นด้วยภาพอะไรก็แล้วแต่ เวลาใจใสแล้วต้อง

ไต้ภาพอย่างนี้ ดวงใสหรือองค์พระใสๆ ที่จะนำเราไปสู่สุคติ
ภพ เพื่อทำให้ชีวิตหลังความตายนั้นมีแต่ความสุขสมหวังอัน
ยาวนานกว่าตอนที่มีกายมนุษย์นี้อยู่ มันนานเสียจนกระทั่งเรา

นึกไม่ถึง หรือไม่ค่อยจะเชื่อด้วยว่ามันจะนานอะไรชนาตนั้น

ทั่งสุคติทุคติ ทุคติเป็นที่ที่ไม่ควรไป แต่สุคติเป็นที่ที่ควรไป

การclกใจใหหยุดนิ่งเป็นงานทึ่แท้จรง

การที่เรามาแกฝนใจให้หยุตนิ่ง ก็เพื่อต้องการให้1จใสๆ

เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้เราไต้มีความสุขในปัจจุบันทันที

ที่เข้าถึง เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ ที่เราไม่เคยนึกเลยว่า มีความ
สุขชนิตนี้มาก่อนจะทำให้เราไต้เรืยนรู้เริ่องราวความจริงของ
ชีวิตเพื่มเติมขึ้นจากที่เราไต้รู้ไต้เห็นด้วยตามนุษย์ มันจะมี
ความรู้ที่เพื่มเติมขึ้นเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ชีวิตปลอตภ้ย
และมีชัยชนะ มีความสมหวัง เมื่อใจหยุตนิ่งแล้วจะเป็นอย่าง
นี้ แล้วก็เป็นทางมาแห่งบุญด้วย

เพราะฉะนั้น ต้องซ้อม ต้องแกเอาไวันิ่คือกรณียกิจ คือ

กิจที่แท้จริง หรืองานที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติของตัวเรา
ส่วนกิจอย่างอื่นเป็น อกรณียกิจ ที่จะไปเที่ยวเตร่สนุกสนาน

เพลิตเพลินมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

โลกใบนี้ที่เรามาเกิดไม่ใช่เป็นโลกแห่งความ

สนุกสนานเพลิดเพลิน แต่เป็นโลกแห่งการสร้าง

บารมี เติมบุญเติมบารมีของเราให้กลั่นกล้าเพิ่ม

... vWg/-. J!/ I ๙๔
www.kalyanamitra.org

เติมขึ้นมีทำมาหากินกับทำมาสร้างบารมีเท่านั้น
ที่เป็นเรื่องหลัก เมื่อกายหยาบต้องกินต้องใช้เรา

ก็ต้องทำมาหากินกันไป ประกอบสัมมาอาชีวะ

กันไป แต่กิจที่แท้จริงคือการหยุดนิ่ง

หยุดนิ่งเป็นกรณียกิจ เป็นงานที่แท้จริงของต้วเราและ
มวลมนุษยชาติทั้งหลาย เพื่อให!จใส พอตอนสุดท้ายของชีวิต
ที่เราหลีกเลี่ยงภาพไม่ได้ เราก็จะด้องไหได้ภาพที่ดี นิ่พูดถึง
การดายอย่างปกติที่ไม่ใช่โดยอุบ้ติเหตุนะ เราหนีภาพไม่พ้น

เพราะฉะนั้นด้องไห!สเอาไว้

อาทิดย์หนิ่งเรามาปฏิบ้ติธรรมร่วมกันก็มาแกกันอย่างนี้

แหละ ทำ ให้ม้นได้ ทำ ให้มันมี ทำ ให้มันเป็นกันเสีย

แกกันไปทุกๆ ว้น จะต้องสมหวังกันอย่าง

แน่นอน อย่าไปท้อแท้ อย่าไปท้อถอย อย่าไป

เกียจคร้าน ขึ้เกียจปฏิบ้ติธรรม แต่ขยันทำอย่าง

อื่น อย่าใช้ชีวิตอย่างนั้นกันนะ

เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด จำ กัดจริงๆ ที่

ผ่านมากีทิ้งเปล่าไปเสียตั้งเยอะ เพิ่งสร้างบารมี

กันไปไต้นิดๆ หน่อยๆ และเวลาที่เหลืออยู่เท่าไร
กีไม่รู้นิดเดียวจริงๆ เพราะฉะนั้นจะต้องเอาเวลา

๙๕' I นึกได้ก็เห็นได้

www.kalyanamitra.org

ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนี้ เอามาใชให้มีคุณค่า ให้
เป็นประโยชน์อันสูงสุดด้วยการสั่งสมบุญบารมี

ทั้งทาน ศีล ภาวนา เป็นด้น

โดยเฉพาะตอนนี้เรากำลังจะทำกิจสำคัญคือ เจริญสมาธิ

ภาวนา ซึ่งฐานที่ ๗ จะอยู่เหนือฐานที่ ๖ ขึ้นมา ๒ นี้วมือ จำ

ตรงนี้ให้ดีนะ

แกนกบ่อยๆ จะนึกใด้และเห็นโด้

คราวนี้เราก็นืกน้อมเอาภาพองค์พระในกลางดวงแก้ว ที่

ท่านนั่งหลับตาเจริญภาวนาหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของ

เรานั่นน่ะ ภาพที่เอามาฉายให้ดูเป็นภาพองค์พระtopview คือ
มองจากด้านบนลงไปด้านล่าง ตั้งแต่ปลายเกตุดอกบ้วดูม ที่ตั้ง
อยู่บนจอมกระหม่อม บนพระเศียรที่เรียงรายไปด้วยเส้นพระศก
เส้นผมที่ขดเป็นทักษิณาวัตรหมุนขวาตามเข็มนาฬิกา เรียงราย

ก้นอย่างเป็นระเบียบ เป็นถ่องแถวอย่างนั้น มองเห็นพระเศียรตั้ง

อยู่บนปา คอเราไม่เห็นหรอก บนปาทั้งสองบนไหล่ แขนทั้งสอง

ฝ่ามือที่หงายขึ้น นี้วขึ้มือขวาจรดนี้วห้วแม่มือข้างช้ายเหมือน
กายหยาบอย่างนี้แหละ วางบนหน้าด้กที่ขาขวาทับขาช้าย

ภาพบนจอยังไม่ใสเท่าไร แต่ภาพความจริงจะใส ตั้งแต่
ใสเหมือนนํ้า ใสเหมือนกระจก ใสเหมือนเพชรที่ต้องแสงมื

ประกายเจิดจ้า นั่งอยู่บนแผ่นฌานในกลางดวงแก้วที่ครอบ

เอาไว้ จำ ภาพนี้ให้ดีนะ

,,บ่พ®, y.y I ๙๖

www.kalyanamitra.org

p

ภาพองค์พระในกลางดวงแกว

มองจากมุมสูง (top view)

www.kalyanamitra.org

นึกบ่อยๆ ที่นอกเหนึอจากเวลานั่งให้นึกเอาไว้ นึก
บ่อยๆ เดี๋ยวเราก็นึกได้ นึกได้มันก็เห็นได้ มันจะเป็นขั้น

เป็นตอนนะ ที่เรายังเห็นไม่ได้ เพราะเรายังนึกไม่ได้ ที่นึก
ไม่ได้เพราะไม่ค่อยจะนึกกัน มันไบ่นึกเรื่องอื่น เรื่องคน สัตว์
สิ่งของ ทำ มาหากิน ครอบครัว เรื่องอะไรที่ไม่ค่อยจะเข้าท่า

เท่าไรหรอก ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร และเอาไบ่ไซ้ใน

ตอนช่วงสุดท้ายของชีวิตไม่ได้มักจะไบ่นึกเรื่องอย่างนั้น เป็ด
ทีวีดู เป็ดวีดีโอดู ดูหนัง ดูละคร อะไรกันไบ่ ซึ่งขืนเอาภาพ

เหล่านั้นให้ติดกลางใจ เวลาตายจะไบ่ไหนก็นึกเอาก็แล้วกัน

แต่ภาพที่สำคัญนี่ไม่ค่อยจะได้นึก ซึ่งเป็นภาพที่สำคัญด้อง
เอามาใข้ถ้าเรานึกบ่อยๆ ก็นึกได้นะลูกนะนึกได้มันก็เห็นได้

จะเป็นขั้นเป็นตอนไบ่

ความรู้ภายในจากใจที่หยุดนิ่ง

เรานึกได้มันก็เห็นได้ พอเห็นได้เราก็ศึกษาได้ ศึกษา

ความรู้ภายใน ความรู้อันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ เราก็จะ
ได้ความรู้เพิ่มเติมจากที่เราได้เคยศึกษาว่า ชีวิตมนุษย์มีแต่
เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้เรื่องกสัว

กิน กาม เกียรติ หรือได้อ่านหนังสือ ได้เรียนรู้กฎแห่งกรรม

เรื่องอบายภูมิอะไรต่างๆ เหล่านั้น แต่ว่ามันยังเป็นความรู้
ในระดับพื้นผิว ทราบแต่มันยังไม่ซึ้ง ยังตื้นๆ อยู่

ทีนี้พอเราท่าอย่างนี้ได้ เราก็เรียนรู้ได้เพิ่มเติมว่า เออ
ภายในกายของเรานี่น่ะ เมื่อใจหยุดแล้วมันมีแสงสว่างในคัวที่

นอกเหนึอจากแสงสว่างภายนอกที่เราเคยเห็น แสงสว่างจากดวง

_ JH I ๙๗

www.kalyanamitra.org

อาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว แสงไฟฟ้าที่มนุษย์ประดิษฐ์ แสง

ไฟ แสงเทียน อะไรอย่างนั้นเป็นต้น แล้วมันมีแสงในตัวต้วยนะ

แต่ว่าเนียนละมุนละไมดา แดกต่างจากแสงภายนอก เห็นไหม

จ๊ะ ความรู้เราเพิ่มเดิมแล้ว เออ มันมีดวามสุขที่แปลกแดกต่าง
ลึก กว้าง ไม่มีถ้อยคำที่จะนำมาใช้กับความสุขภายในที่เราไต้
ไปสัมผัสนี้ แต่เรารู้ต้วยใจ ยากที่จะรู้ต้วยถ้อยคำ เห็นไหมเรา
มีความรู้เพิ่มแล้วว่า เออ มันมีความสุขชนิดนี้อยู่นะ เราไม่เคย
รู้มาก่อนเลย และก็รู้เพิ่มเดิมไปอีกว่า ช้างนอกที่เราเคยเจอไม่

นำ จะเรียกว่า ความสุข มันนำจะเรียกว่า ความเพลิน มากกว่า

สนุกสนานเพลินๆ ให้มันผ่านไปวันๆ อย่างนั้น

พอหยุดไปไต้อีกระตับหนึ่ง เออ มันมีดวงธรรมภายใน

นะดวงกลมๆภายในก็กลมเหมีอนดวงแถ้วภายนอก แต่ทำไม

ความรู้สึกมันแดกต่างกัน จากการที่เราเห็นดวงแกัวภายนอก

กับเห็นดวงธรรมภายใน เห็นดวงแกัวภายนอกเห็นแล้วก็เฉยๆ

ไม่สุขไม่ทุกข์มันธรรมดาๆ แต่เห็นช้างใน มันปลื้ม มันรื่นเริง

เห็นภายใน มันรื่นเริง เหมีอนเรากำสังดูเพลินๆ เปลี่ยน

ไปอีกมิดิหนึ่ง เหมือนเราหล่นไปในสถานที่รื่นเริงที่มีความ
บันเทิงใจ แดกต่างจากสถานที่รื่นเริงที่เราเคยเจอนั้นนะ มัน

มีชีวิดชีวาไปทุกระบบประสาทและกล้ามเนี้อ และดูเหมือนจะ
ขยายไปไม่มีที่ลื้นสุด นึ่เป็นความรู้เพิ่มเดิม

เดี๋ยวก็เพิ่มเดิมเห็นกายในกายล่ะ เออ ภายในนี้มีกาย

มนุษย์ละเอียด มีกายทิพย์ พรหม อรูปพรหม กระทั่งมีกาย

๙๙ I นึกได้ก็เห็นได้
www.kalyanamitra.org

ธรรม เห็นพระรัตนตร้ยในตัว ความรู้จะเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ
ไม่มีที่สิ้นสุดเลย

เหมือนเราเอาเถาปีนโตมาเปีต ชั้นแรกว่าอร่อยแล้ว

ชั้นถัดไปอร่อยเพิ่มชั้น เป็นเถาปีนโตที่ไม่มืชั้นที่สิ้นสุด ต่อ
เป็นชุด เป็นชั้น เป็นดอน เป็นภาค เป็นพรืดไปเลยเยอะแยะ
สนุกสนานบุญบันเทิง นี่คือเรื่องราวความรู้ภายในที่เพิ่มชั้น
จนกระทั่งออกไปในมหาสมุทรแห่งความรู้แจ้งเห็นจริง ความรู้

อันยิ่งใหญ่ที่ไม่มืขอบเขต unlimited knowledge ทีเดียว

ความรู้ที่ไม่มืขอบเขต โอ้โฮ สนุกสนานเบิกบานไปเรื่อยๆ
เราจะไตัเรืยนรู้เพิ่มเติมถันไป

หมั่นแกฝน เดี๋ยวใจก็หยุดนิ่งใด้Lอง

อย่าชั้เกียจนั่ง ให้ขยัน และก็เป็นทางมาแห่งบุญของ
เราด้วย บุญจะเกิดชั้นทุกวันทุกคืนร่างกายมันเสื่อมไปทุกๆ
วัน โรคภัยไข้เจ็บก็ปรากฏเกิดชั้น ความชรา ความเหี่ยวย่น

ที่เราไม่ต้องการมันปรากฏ และเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่ยวแรง

ก็ลดน้อยกอยลงไป เพราะฉะนั่นใช้กายมนุษย์หยาบนี้ให้
เป็นประโยชน์นะลูกนะ ศึกษาแกฝนถันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวใจ
ของเราก็จะหยุดจะนั่งได้ พอหยุดนั่งได้ก็เข้าถึงความเป็น

จริงของชีวิต

ดอนนี้เราจำภาพนี้เอาไวัภาพองค์พระกลางดวงแก้ว จำ

อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ค่อยๆ นึกไป จำ ไม่ได้ เราก็ลีมดามาดูบน

จอ แล้วเวลาเราไปนั่งที่บัาน หรือในอิริยาบกอื่น เราก็เอามา

_ ห^.^ (/เท่.. !!เ ๑๐๐

www.kalyanamitra.org

ตั้งไว้ตรงนี้เลย ไม่ต้องไปเริ่มฐานที่ ๑ มาถึงฐานที่ ๗ นะ มา
หยุดมานิ่งตรงนี้แหละ ใจหยุดใจนิ่งไหใจใส

นึกบ่อยๆ ก็นึกได้ นึกได้บ่อยๆ ก็เห็นได้
เห็นได้บ่อยๆ ก็เข้าถึงได้ เข้าถึงบ่อยๆ ก็ศึกษา
ได้จะเป็นขั้นตอนอย่างนี้ เขาทำกันได้เยอะแยะ

เราเป็นคนเช่นเดียวกับเขา ถ้ามีดวามเพียรไม่น้อย

หน้าเขา เราก็ด้องทำได้นะลูกนะ

ต่อจากนี้ไป ให้ตรึกถึงองค์พระใสๆ นั่งอยู่ในกลางตวง

แก้วหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา มองไปอย่าง

สบายๆ ทำ ใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น เมื่อยก็ขยับ คันก็เกา
ฟ้งก็ลืมตามาดูบนจอ หายฟ้งเราก็หลับตาลงไปใหม่ ปรับปรุง

เปลี่ยนแปลงวิธีการกันไปเริ่อยๆ ไม่ช้าก็จะสมหว้งดังใจ
ตั้งใจปฏิบิตธรรมกันให้ดีนะ จะภาวนา สัมมา อะระห้ง

ประกอบไปตัวยก็ไต้หรึอจะไม่ภาวนาก็ไม่เป็นไร'ฝึกใจหยุด

นิ่ง ให้ใจใสๆ ฝึกประคองใจไป ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจใน

การเช้าถึงพระรัตนตรัยในดัวกันทุกๆ คน ต่างคนต่างทำกัน

ไปเงียบๆ นะ

พระเทพญาณมหามุนี วิ.

6)06) นึกได้ก็เห็นได้

www.kalyanamitra.org

จงเป็นมิตรกับความคิดทุกๆ อย่าง

คิดดีบ้างเกือบดีบ้างช่างหัวมัน
แล้วเลือกสรรความคิดดีใส่ใจเรา

เดี๋ยวเข้าเป้าเข้ากลางสว่างเล้ย

ตะวันธรรม

www.kalyanamitra.org

ทยาบให้ตรึก
ละเอียดใหแตะ

วันจ้นฑร์ที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๕

เมื่อเราได้บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบรัอยแล้ว ต่อ
จากนี๋ไปตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ

คนนะ ให้นั่งขัตสมาธิโตยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับ
มือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรตนิ้วห้วแม่มือข้างซ้าย วาง

ไว้บนหน้าต้กพอสบายๆ หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก พอ
สบายๆ คล้ายๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าบีบเปลือกตา
อย่ากตลูกน้ยน์ตานะ

แล้วก็ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่นให้สะอาต บริสุทชี้ผ่องใส

ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลต ปล่อย

วาง ทำ ใจให้ว่าง ๆ

คราวนิ้เราก็มาสมมติว่า ภายในร่างกายของเรานั่น

ปราศจากอวัยวะ ไม่มืปอต ตับ ม้าม ไต หัวใจ เป็นด้น สมมติ

ให้เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ กลวง

ภายใน คล้ายๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใสๆ

๑๐๓ I หยาบให้ตรึก ละเอียดให้แตะ

www.kalyanamitra.org

คราวนี้เราก็นึกทบทวนสิ่งที่ได้แนะนำเอาไว้เมื่อวัน

อาทิตย์ว่า ถ้าจิตหยาบให้ตรึก ถ้าจิตละเอียตให้แตะ มีแต่
ตรึกกับแตะนะ

ถ้าจิตหยาบให้ "ตรึก"

ตรึก คืออะไร

ตรึก ก็คือการนึกถึงภาพดวงแก้วใสๆ
พระแก้วใสๆ อย่างสบายๆ คล้ายๆ กับเรานึกถึง

สิ่งที่เราคุ้นเคย สมมติเราถนัดนึกถึงดวงแก้ว

ก็นึกดวงแก้ว ถนัดนึกถึงองค์พระก็นึกองค์พระ

หรือนอกเหนึอจากนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย
เห็นเจนดา นึกถึงสิ่งนั้นเอาไว้ที่ศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗ นึกอย่างสบายๆ นี้แหละ เรืยกว่า

ดรืก

เพื่อให้!จของเรามีหลักยึต จะได้ใม่ซัตส่ายไปคิตเรื่อง
อื่น เพราะใจก็เหมือนกับม้าพยศดิ้นรนที่จะวิ่งไปตามอำเภอ

ใจของตัว เพราะฉะนั้นวิธีปราบม้าพยศวิธีหนึ่งก็คือ ผูกเอา

ไว้กับหลัก ไปไหนไม่ได้ พอม้นเหนึ่อยหมตแรง มันก็หมอบ

อยู่ตรงนั้นแหละ

ใจที่แวบไปแวบมาศิตไปในเรื่องราวต่างๆ ก็เหมือนกัน
เราเอามาผูกไว้กับหลักอย่างสบายๆ ผูกไว้ด้วยการนึก จะ

... g/-(fj. I ๑0๔

www.kalyanamitra.org


Click to View FlipBook Version