The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kru Bia parichat, 2022-08-27 23:39:54

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

นกแขกเตา้ ๕๐.

นกแขกเตา้ มีลา้ ตัวขนาด 35 ซ.ม. หวั ใหญ่

คอสั้น หางยาวแหลม ขนปกคลมุ ล้าตวั สสี นั
สดใสตวั ผลู้ ้าตวั ดา้ นบนสเี ขียว ล้าตัวดา้ นลา่ งมสี ี
เขียวออ่ นอมฟา้ บรเิ วณอกสชี มพแู กม้ สม้ หัวสี
ม่วงแกมเทาหนา้ ผากมแี ถบสดี า้ คาดไปจรดตา
ท้งั สองขา้ ง และมแี ถบสดี า้ ลากจากโคนปาก
ไปถึงแก้ม จะงอยปากบนสแี ดงสด จะงอย
ปากล่างสดี า้ ส่วนตวั เมยี ตา่ งจากตวั ผตู้ รงท่ีหวั
เปน็ สนี ้าเงนิ แกมเทาจะงอยปากบนสดี า้ สนทิ

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

นกโนรี ๕๑.

นกโนรี คอื นกปากขอในวงศ์ Loriidae

คล้ายนกแก้ว ตวั มสี สี นั สวยงาม
ฝรงั่ เรียก โลรี่ (Lory) คนไทยเพโนรี
ลักษณะทวั่ ไปที่ทา้ ให้ นกโนรี มคี วามเดน่ คือ
ขน สว่ นใหญ่ เปน็ สแี ดง โดยเฉพาะ นกโนรี
แดงชาดนกโนรี สสี ดรกั ทจ่ี ะอยู่โดดเดยี่ ว
แตว่ า่ เมอ่ื จับคูแ่ ลว้ จงึ ไมแ่ ยก ห่างจากกนั
มีบ้างในบางครง้ั จะอยรู่ วมกนั เป็นฝงู ราว
4-6 ตัว ชอบบินสงู เหนอื ยอดไม้ ไมส่ ่งเสยี ง
รอ้ งในขณะบนิ เหมอื นนกแกว้ ชนดิ อน่ื
อาหารโปรดปราน คอื ผลไมส้ กุ ทมี่ รี สหวาน

ส่วนหนอนกับแมลงเปน็ บางมอ้ื

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

นกสตั วา ๕๒.

นกสตั วา เป็นตวั ผแู้ ละนกตวั เมยี มสี สี นั แตกตา่ งตดั กันมากทีส่ ดุ ในโลกสสี นั ของ

นกตัวผนู้ นั้ มสี เี ขียวสดเกอื บท้ังตวั ยกเว้นขอบปกี และขนปลายปกี มสี นี า้ เงนิ สด
และยังมสี นี ้าเงนิ สดแซมทห่ี างอกี ดว้ ย นกตวั เมยี มสี สี นั แตกตา่ งจากนกตวั ผู้ ราวกบั
เปน็ นกคนละชนดิ กนั มีขนเกือบทวั่ ท้ังตวั เปน็ สแี ดงเขม้ แตข่ อบปกี และขนปลาย
ปีกเปน็ สนี ้าเงนิ และยังมสี มี ว่ งทหี่ ลังคอและทที่ อ้ งอกี ดว้ ย ใต้หางสเี หลอื ง ปากมีสี

ดา้ ท้งั ปากบนและปากลา่ ง

ภาษาไทยพืน้ ฐาน มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

ตน้ ซ้องนางคลี่ ต้นสไบนางสีดา ๕๓.

กระจายสยายซรอ้ งนาง ผา้ สไบบางนางสดี า
ห่อหอ้ ยยอ้ ยลงมา
แต่ค่าไมใ้ หญส่ งู งาม
กระจายสยายคล่ีซรอ้ ง
สไบบางนางสดี า นงพงา งา่ มไมท้ ี่กงิ่ แยกกัน
ยื่นเลอื้ ยเฟอื้ ยลงมา
แต่ค่าไมใ้ หญน่ อ้ ย ห่อหอ้ ย

โบยโบก

ลกั ษณะที่ยาวมาก แกวง่ เย้ืองไปมา

ตน้ ซอ้ งนางคล่ี และสไบนางสดี า
ตา่ งกย็ น่ื เลอ้ื ยหอ้ ยลงมา แตค่ า่ คบไมน้ อ้ ยใหญ่

เมอ่ื ยามลมพดั จะแกวง่ ไปมาดสู วยงามนกั

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

ตน้ ช้องนางคล่ี ๕๔.

ตน้ ชอ้ งนางคลี่ เป็นไมเ้ กาะอาศยั ลกั ษณะเป็นสายหอ้ ยใบหนาแขง็ รปู รีปลายแหลม

สีเขียวแก่เปน็ มนั และค่อยๆ เรียวเล็กลงไปทางยอด ตอนปลายสดุ
จะแตกเปน็ เสน้ กลมเลก็ มกั พบขึ้นตามไมใ้ หญ่ หรอื บนโขดหนิ ในรม่

อาศยั อยู่รวมกบั มอส ในปา่ ดบิ ชนื้ และปา่ โปรง่ ชน้ื

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

ต้นสไบสีดา ๕๕.

ตน้ สไบสดี า ภาคใตเ้ รยี ก "ชายผา้ สดี า" ภาคอสี าน เรียก "กระเชา้ สดี า"

หรอื "สไบสดี า" และภาคเหนอื เรยี ก "หอ่ ข้าวสดี า"
หรือ "หวั เฒ่ายา่ บา" ซ่งึ เป็นพชื ไรด้ อก มักเกาะอยตู่ ามคาคบไมใ้ หญ่

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

ไม้เถาชนดิ หนึ่ง ผลขนาดสม้ จนี ชอื่ ปาลต์ม้นชซน้อิดงหนนาึ่งงคลี่ ไมเ้ ถาเนอ้ื แขง็ ชนดิ หนงึ่ เถาแบนยาว๕๖.

มีสนั ตรงกลางคลา้ ยหัวลิง หัวลงิ หมากลางลงิ ตน้ ลางลงิ แลหลู งิ ช่ือพรรณไมช้ นิดหนง่ึ
ลิงไตก่ ระไดลงิ ลงิ โลดควา้ ประสาลงิ

หวั ลงิ หมากเรยี กไม้ ลางลงิ ขู้ เป็นค้าโทโทษ
ของค้าวา่ คู่
ลางลงิ หลู งิ ลงิ หลอกขู้

ลงิ ไตก่ ระไดลงิ ลงิ ห่ม ขย่ม
ลงิ โลดฉวยชมผู้ ฉกี ควา้ ประสาลงิ

เป็นรปู โทโทษของคา้ ว่า ชมพู่ หมายถงึ ผลไมช้ นดิ หน่ึง

เถาหวั ลงิ ต้นหมากลงิ และลงิ บางตวั กข็ น้ั ตน้ หลู งิ ทา้
หนา้ หลอกคขู่ องมนั บา้ งกข็ น้ึ ไตก่ ระไดลงิ ขยม่ เลน่
บา้ งก็ตะโกนฉวยชมพคู่ วา้ มาฉกี เลน่ ตามภาษาลงิ

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

ต้นหวั ลงิ หรอื เถาหวั ลงิ ๕๗.

ตน้ หัวลงิ หรอื เถาหัวลงิ จัดเป็นพรรณไมเ้ ถา ล้าตน้ อยเู่ หนอื ดนิ

เปลอื กลา้ ตน้ เปน็ สนี ้าตาล ผิวขรขุ ระ ไม่มยี าง อาศัยอยู่บนบก
ขยายพนั ธุ์โดยใชเ้ มลด็ เป็นพรรณไมก้ ลางแจง้ ทชี่ อบอากาศ

ค่อนขา้ งชมุ่ ชนื้

ภาษาไทยพืน้ ฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

หมปู่ ลา ๕๘.

ธารไหลใสสะอาด มัจฉาชาตดิ าษนานา

หวั่นวา่ ยกนิ ไคลคลา ตามกนั มาใหเ้ หน็ ตวั

ตะไคร่น้า ธารไหลใสสะอาดนา้ รนิ มา

มัจฉาชาตนิ านา หวั่นหวา้ ย ว่ายไปมา

ไม้น้าชนิดหน่งึ ไม่มลี ้าตน้ จอกสรา่ ยกนิ ไคลคลา เชยหมู่
ตามคู่มาคลา้ ยคลา้ ย ผดุ ให้เหน็ ตวั

เคลื่อนไหวไปช้าๆ

นา้ ในลา้ ธารใสสะอาดไหลรนิ มา หมปู่ ลานานาชนดิ
ต่างหากนั วา่ ยไปมา กินจอกและสาหรา่ ย โดยวา่ ยตาม

กนั มาเปน็ คู่ ๆ และผดุ ใหเ้ หน็ ตวั ดว้ ย

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

ลา้ ธารในคา้ ประพนั ธ์ ๕๙.

ภาษาไทยพื้นฐาน มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคุณ

ปลาเทโพ ปลาเทพา เทย่ี วไป ๖๐.

เทโพแลเทพา ตะเพยี งพาพาพวกจร

ปลาไอบ้ ้า ไอ้บา้ ปลาสลมุ พอน ผกั พรา้ เพรี้ยแลหนวดพราม ฯ
เทโพพาพวกพ้อง ปลาหนวดพราม
เทพา ปลาเพร้ยี
ปลาสลมุ พร ปลาตะเพยี นปลากาพา
ปลาผักพร้า

ค่เู คย้ี

ปลาตะเพียน สลมุ พอนไอบ้ ้าปลา หลายหมู่ อยคู่ กู่ ัน

ปลาผักพรา้ มา้ เพรยี้ วา่ ยไหลห้ นวดพราม ฯ

ปลาม้า ปลากาพา

ปลาเทโพพาพวกคอื ปลาเทพา ปลาตะเพยี นและปลากาพา ค่กู ัน
อยู่ ปลาสลมุ พอน ปลาไอบ้ า้ และปลาอกี หลายชนดิ ปลาผกั

พร้า ปลามา้ ปลาเพรย้ี ว่ายนา้ คไู่ ปกบั ปลาหนวดพราม

ภาษาไทยพืน้ ฐาน มัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

ปลาเทโพ ๖๑.

ปลาเทโพ ปลานา้ จืดชนดิ หนง่ึ อยใู่ นวงศป์ ลาสวาย มสี ่วนหวั และจะงอยปากมน
ปากอยู่คอ่ นไปทางดา้ นล่าง รปู รา่ งปอ้ มสน้ั ปลาขนาดใหญม่ ลี า้ ตวั สว่ นทอ้ งลกึ
ปลายครีบหลัง ครีบทอ้ ง ครบี อก ครบี ทอ้ ง และครบี กน้ ยื่นเปน็ เสน้ ยาวเรียว
มแี ตม้ สดี า้ เหน็ ชดั เจนทฐี่ านครบี อก ตวั มสี เี ทาคล้าอมน้าตาล ด้านขา้ งมสี เี ทาจาง

ดา้ นทอ้ งสจี างอมชมพู ครีบสีจาง

ภาษาไทยพ้ืนฐาน มัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

ปลาเทพา ๖๒.

เป็นปลาน้าจดื ขนาดใหญ่ชนิดหนึง่ ปลาเทพาพบเฉพาะในลุ่มนา้ เจ้าพระยาและลมุ่ นา้ โขงเทา่ น้ัน
แตป่ จั จบุ นั หาไดย้ ากมากในแหลง่ นา้ ธรรมชาตเิ นอ่ื งจากการทา้ ประมงเกินขนาด

ปลาเทพามสี ว่ นหวั และปากกวา้ งกวา่ ปลาชนิดอน่ื ในสกุลเดยี วกนั มหี นวดยาวมฟี นั แหลมคม
รูปร่างป้อม ลา้ ตวั แบนข้างเลก็ นอ้ ย ไมม่ เี กลด็ ปลาวัยออ่ นมสี เี ทาคลา้ ข้างลา้ ตวั มแี ถบสคี ลา้

แนวเฉยี ง ทอ้ งสจี าง ครบี มแี ตม้ สดี า้ ส่วนปลาตวั เตม็ วยั มลี ้าตวั สเี ทาคลา้ ท้องสจี าง
ครบี สคี ลา้ ครบี ก้นตอนหนา้ มแี ถบสคี ล้าตามแนวยาว

ภาษาไทยพนื้ ฐาน มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคุณ

๖๓.

ปลาตะเพยี น

เปน็ ปลานา้ จืดชนดิ หนงึ่ อย่ใู นวงศป์ ลาตะเพยี น มรี ปู ร่างเหมอื นปลาในวงศ์
ปลาตะเพยี นทวั่ ไป ตวั มีสเี งนิ แวววาว ดา้ นหลงั มสี คี ลา้ เล็กนอ้ ย ดา้ นทอ้ งสจี าง

ครีบอ่นื ๆ มีสเี หลอื งออ่ น ภาคอสี านเรยี กวา่ "ปลาปาก"

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

ปลากา ๖๔.

เป็นปลานา้ จืดชนดิ หนง่ึ อยใู่ นวงศป์ ลาตะเพยี น มีรปู รา่ งปอ้ ม แตห่ ลังปอ่ งออก
ครีบหลงั สงู ไม่มีกา้ นครบี แข็ง มีหนวดคอ่ นขา้ งยาว 2 คูแ่ ละมตี ง่ิ เล็ก ๆ เปน็ ชายครยุ

อยรู่ อบบรเิ วณรมิ ฝีปาก เกลด็ เล็กมสี แี ดงแซมอยูใ่ นแตล่ ะเกลด็ ครีบหางเวา้ ลกึ
ลา้ ตัวสดี า้ หรอื สนี ้าตาลเขม้ อนั เปน็ ทม่ี าของชอื่ ในปลาวยั ออ่ นบรเิ วณโคนหางมจี ุดดา้ เดน่

ภาษาไทยพ้ืนฐาน มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

ปลาไอ้บา้ ๖๕.

จัดเป็นปลาทมี่ ขี นาดใหญ่ มีรูปร่างยาว ล้าตัวคอ่ นขา้ งกลม หวั โต นัยน์ตาคอ่ นข้างโต
ปากกวา้ งมหี นวดขนาดเลก็ 2 คู่ เกลด็ มขี นาดใหญ่ ล้าตัวมสี นี ้าตาลอมเหลอื ง

ส่วนของหลงั สดี า้ ปนเทา ท้องสขี าวจาง ครบี หางสแี ดงสดหรอื ชมพู ครบี อื่นสแี ดงจาง
อาศยั อยตู่ ามแมน่ ้าสายใหญ่ ๆ ท่วั ประเทศ มักอย่รู วมเปน็ ฝงู โดยปลาชนิดนี้จะกนิ ลูกลา้ โพง

หรือลูกกระเบาเขา้ ไป แล้วสะสมพษิ ในรา่ งกาย เมื่อมผี นู้ ้าไปกินจงึ มอี าการมนึ เมา
อันเปน็ ทมี่ าของชอื่ จงึ ไมเ่ ปน็ ทน่ี ิยมรบั ประทานมากนกั

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

ปลาผกั พรา้ ๖๖.

มลี ักษณะล้าตวั ยาวและแบนขา้ งคลา้ ยมดี ดาบ ท้องเปน็ สนั แคบ ตาโต ปากกวา้ งเฉยี งข้นึ ดา้ นบน
ปลายปากลา่ งโคง้ เข้าเล็กนอ้ ยคล้ายตะขอ ลา้ ตวั สเี งนิ วาว ครบี ใส ครบี อกใหญ่และยาวแหลม

ครบี ทอ้ งและครีบหลังเลก็ แต่ครีบกน้ มฐี านครีบยาว ครีบหางเวา้ ลึกและปลายมน
โคนครีบหางมแี ตม้ สคี ลา้ เป็นปลาล่าเหยือ่ มกั หากนิ บรเิ วณใกล้ผวิ นา้

เปน็ ปลาท่ีวา่ ยน้าเรว็ มาก อาหารไดแ้ ก่ ปลาขนาดเล็กจ้าพวกปลาซวิ และแมลง
พบในแหลง่ น้าหลากและแมน่ ้าขนาดใหญ่ในภาคกลาง, ภาคอสี าน

ภาษาไทยพื้นฐาน มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

ปลามา้ ๖๗.

มรี ูปร่างเพรียวเลก็ ไปทางดา้ นทา้ ยลา้ ตวั หัวค่อนขา้ งเลก็ หนา้ ผากเวา้ ลกึ
ตาอยสู่ งู ไปทางดา้ นบนของหวั ปากกวา้ งอยู่ดา้ นล่างของจะงอยปาก ใตค้ างมรี เู ล็ก ๆ 5 รู
ครีบหลังยาวตลอดสว่ นหลงั ตอนหน้าเปน็ กา้ นแขง็ ตอนทา้ ยเปน็ กา้ นออ่ น โคนหางเรยี วเล็ก
ครบี ก้นแขง็ อนั ใหญ่หนา ครบี อกยาว ครบี ท้องมปี ลายเปน็ เสน้ ยาวเชน่ เดยี วกบั ครบี หาง

เกล็ดมคี วามเลก็ มาก ล้าตวั สเี ทาออ่ นออ่ นเหลอื บเงิน ด้านหลงั มสี คี ลา้
ปลามา้ เปน็ ปลาที่มชี อื่ เสยี งมากของจงั หวดั สพุ รรณบรุ ี จนถึงมอี า้ เภอชอ่ื อ้าเภอบางปลามา้

ภาษาไทยพ้ืนฐาน มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

ปลาสลมุ พร ๖๘.

เปน็ ปลาทีพ่ บไดใ้ นนา้ กรอ่ ยและนา้ จดื เทา่ นน้ั มลี ักษณะ
โดยรวม คือ ครบี อกแบง่ ออกเปน็ สองสว่ น สว่ นบนเหมอื น
ครีบปลาทัว่ ไป แต่สว่ นล่างแบ่งเปน็ เสน้ ๆ มากบ้างนอ้ ยบา้ งแล้ว

แต่ชนิด ตงั้ แต่ 3-14 เส้น

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

รดั , เกี่ยว, ตวดั , โอบรดั เข้ามาโดยเรว็ ๖๙.

งเู หลือมคอกระหวดั ไม้ หางกระหวดั ไวใ้ ฝอ่ าหาร
วดิ น้าในหว้ ยธาร
โพงไปมาเอาปลากนิ ฯ
งเู หลือมแบนทอ้ งแผ่
วดิ นา้ หาอาหาร คอื กะดาน แบนราบอย่างกระดาน
โครมครนุ่ ในหว้ ยธาร ใฝ่กล้า
โพงสาดไปใหน้ า้
เสยี งฉ่า

ซ่านสิน้ กนิ ปลา ฯ

งูเหลอื มพนั ตวั อยกู่ บั กง่ิ ไม้ มันฉกลงไปในนา้ เพอื่ หาปลากนิ
เปน็ อาหาร งเู หลอื มหวิ โซ (ท้องแบน) หาอาหารอยา่ งอดทน

มนั กระโจนลงนา้ และไดก้ นิ ปลาในทส่ี ดุ

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคุณ

งูเหลอื ม ๗๐.

งเู หลอื ม เปน็ งูทีใ่ หญ่ทส่ี ุดในโลก เมื่อเทยี บกับขนาดนา้ หนกั มปี ากใหญ่ ฟนั แหลมคม
ขากรรไกร แข็งแรงมาก และความยาวของล้าตัว มีนสิ ยั ดุร้ายแต่ไมม่ ีพิษ งูเหลือม
มีตัวสนี ้าตาลเหลอื งเมื่อมีอายมุ ากขึน้ พื้นตวั จะเขม้ เปน็ สีนา้ ตาลแดง มลี ายแบง่ เป็นวง
มหี ลายสี สีบนหวั มกั จะสีออ่ น บรเิ วณกลางหวั ดา้ นบนมีเสน้ สีดา้ จากท้ายทอย มาเกอื บถึง
ปลายปากเรียกวา่ ศรดา้ ออกหากินกลางคืน หากนิ ท้ังบนบกและในนา้ อาศยั นอนตาม

โพรงดนิ โพรงไม้ในทีม่ ืดและเย็น หลาย ๆ วันจึงจะออกหากนิ คร้ังหน่งึ
ภาษาไทยพน้ื ฐาน มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

ความพยายาม ๗๑.

เจ้าฟา้ ธรรมธิเบศร์ ไชยเชษฐสรุ ยิ ว์ งศเ์ พยี ร

แต่งไวใ้ หส้ ถติ เสถยี ร จา้ เนยี รกาลนานสบื ไป ฯ

ความไม่เปล่ยี นแปลง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรเ์ จา้ ทรงเขียน นาน, ช้า
ไชยเชษฐสรุ ยิ ว์ งศเ์ พยี ร เลิศหลา้

แต่งไวใ้ หส้ ถติ เสถยี ร ในโลกย์

จา้ เนียรกาลนานช้า อ่านอ้างสรรเสรญิ ฯ

เจา้ ฟ้าธรรมธเิ บศรแ์ ตง่ โคลงบทนขี้ น้ึ เพอ่ื ให้
ถกู บันทกึ ไว้ และไดร้ บั การชน่ื ชมจากผอู้ า่ น

ภาษาไทยพนื้ ฐาน มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

จบ จนจอมโลกย์เจา้ คนื วงั ๗๒.
บ พติ รสถติ บัลลงั ก์ เลศิ หลา้
ริ รา่ งกาพยโ์ คลงหวงั ชนโลก อา่ นนา
บูรณ์ พระโคลงเจา้ ฟา้ ธิเบศรเ์ จา้ จงสงวน ฯ
ค้าเพราะ
อกั ษรเรยี บรอ้ ยถ้อย เร่ือยหรี้
ผูร้ อู้ า่ นสารเสนาะ ตรงเทงิ่ ไปนา
บรูอ้ ่านไมเ่ หมาะ ชั่วชา้ เสยี ไป
ทา้ ใหโ้ คลงทงั้ น้ี

นริ าศนจี้ บลงเมอ่ื สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ (สมเดจ็ พระบรม
ราชาธริ าช ๓ พระนามเดมิ คอื เจ้าฟ้าพร)เสดจ็ กลบั วงั แล้วก็
เนน้ ยา้ เจตนาทแี่ ตง่ ขน้ึ เพอื่ ใหผ้ ู้คนไดอ้ า่ น เกิดความไพเราะ

และเกิดประโยชนจ์ ากการอา่ น

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

ความรเู้ สรมิ ๗๓.

เครือ่ งสงู

ประกอบไปดว้ ยเครอ่ื งแสดงพระอิสรยิ ยศหลาย
ชนดิ เชน่ ฉตั ร อภิรมุ ชุมสาย บงั แทรก
บังสูรย์ กลด จามร พดั บก เป็นต้น ซึง่ ฉตั ร
ตามรูปศพั ท์ แปลว่า รม่ โดยฉัตรมีลักษณะ
แบบร่มซอ้ นข้ึนไปเปน็ ช้ันๆ ซ่งึ จ้านวนชนั้
และสขี องฉัตรขึน้ อยู่กับพระยศ
เชน่ พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร
เป็นฉัตรขาว ๙ ชน้ั ระบายขลบิ ทอง
สา้ หรบั พระมหากษัตรยิ ์

ภาษาไทยพืน้ ฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

ความรเู้ สรมิ ๗๔.

พระสปั ตปฎลเศวตฉัตร

เป็นฉัตรขาว ๗ ชน้ั สา้ หรับพระมหากษัตริย์
ทีย่ งั ไม่ไดเ้ ข้าพิธีบรมราชาภเิ ษก

พระชชนี พระพนั ปหี ลวง สมเดจ็ พระอัครมเหสี
สมเด็จพระบวรราชเจา้ สมเด็จพระยุพราชและ

เจ้าฟา้ ทที่ รงไดร้ บั การสถาปนายศพิเศษ

ภาษาไทยพนื้ ฐาน มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ
๗๕.

พระเบญจปฎลเศวตฉัตร

เป็นฉัตรขาว ๕ ชั้น
สา้ หรับพระบรม วงศานวุ งศท์ ด่ี า้ รง

พระอิสรยิ ยศช้นั สมเดจ็ เจา้ ฟ้า

๗๖.

เคร่ืองสงู ยงั แบ่งได้อกี ๒ ชนดิ คือ

๑. แบบปักดนิ้ ทอง ๒. แบบท่กี รเุ ยบ็ ดว้ ยแผน่ ทอง
เรยี กวา่ เครอ่ื งสงู หกั ทองขวาง เรียกว่า เคร่ืองสงู ทองแผน่ ลวด

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

บทวเิ คราะห์ ๗๗.

คณุ ค่าดา้ นเนอื้ หา

๑. ไดร้ บั ความรเู้ กี่ยวกบั การจัดขบวนเสดจ็ ของพระมหากษัตริยส์ มัยโบราณ ดังบทประพนั ธ์

เกล่อื นกรูหม่จู ตั รุ งค์ เปน็ กันกงเรียบเรยี งไป
ทรงช้างระวางใน เทพลีลาหลังคาทอง
เรยี งไสว
เกล่ือนกรูหมแู่ ห่หอ้ ม หวา่ งเบร้ือง
เสดจ็ พุดตาลทองไคล มีชือ่
ทรงช้างระวางใน ย่างแหนห้ ลงั ดีฯ
เทพลีลาเยือ้ ง

จากบทประพนั ธ์ ได้ใหค้ วามรเู้ กี่ยวกับการจัดขบวนเสดจ็
ที่จะตอ้ งมคี วามย่ิงใหญ่และสวยงามประกอบด้วยชา้ ง เคร่ืองสงู ของพระมหากษตั ริย์

จตุรงคเสนา ทท่ี า้ ให้ผู้อ่านไดร้ ับความรูแ้ ละน้าไปศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ได้

ภาษาไทยพื้นฐาน มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

๗๘.

๒. ไดร้ ับความร้เู กย่ี วกบั ธรรมชาตขิ องสตั ว์ ในเร่ืองวถิ ชี ีวติ และลกั ษณะของสัตวแ์ ตล่ ะชนดิ
อนั เป็นประโยชน์แก่การศกึ ษาธรรมชาติและการดา้ เนินชวี ติ ของสตั วไ์ ดเ้ ป็นอยา่ งดี
ดงั บทประพันธ์

งเู หลอื มคอกระหวดั ไม้ หางกระหวัดไวใ้ ฝอ่ าหาร
วดิ นา้ ในหว้ ยธาร โพงไปมาเอาปลากนิ ฯ

จากบทประพนั ธ์ สะท้อนใหเ้ หน็ การด้ารงชวี ิตของงเู หลอื ม การจบั ปลาของงเู หลอื ม
จะใช้คอและหางเกี่ยวกบั ต้นไมท้ ี่อยู่ระหวา่ งลา้ หว้ ยท่เี กอื บแห้ง แลว้ จงึ แกวง่ ล้าตวั

ของมนั โคลงไปมาวิดน้าจนแห้ง จากนั้นจงึ ลงไปจับปลากิน

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

๗๙.

๓. สะท้อนใหเ้ ห็นความอดุ มสมบรู ณข์ องธรรมชาติ เจา้ ฟ้าธรมมาธเิ บศรไดบ้ อกเลา่
ถึงความอดุ มสมบูรณ์ของผืนปา่ ทีม่ ที ้ังสตั ว์และพืชนานาพันธุ์ ผา่ นถอ้ ยค้าส้านวนที่ไพเราะ
คมคาย ดังบทประพันธ์

พงั พลายหมู่หมายซร้อง ในเถ่ือนทอ้ งร้องระงมดง
ธารน้าครา้่ กันลง เล่นน้าแน่นแตรน้ ชมกนั ฯ
พังพลาย
ฝูงชา้ งสลา้ งใหญน่ อ้ ย สา้่ ถ้วน
ทอกโทนพินายหลาย ในเหลา่
ทองแดงเผอื กเนียมราย เลน่ รอ้ งฮูมแปรน๋ ฯ
ลงทา่ น้าดา้ ป้วน

จากบทประพนั ธ์ ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความอุดมสมบรู ณข์ องธรรมชาติ
จ้านวนประชากรสตั วป์ า่ ท่ียังคงมีอย่เู ปน็ จ้านวนมาก คอื โขลงชา้ งปา่ ทลี่ งเลน่ น้า

อย่างคลาคล่้า ส่งเสยี งระงมไปท่วั แนวป่า

ภาษาไทยพืน้ ฐาน มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

๘๐.

ไดร้ ู้จักชอื่ พรรณไมแ้ ละสัตวช์ นดิ ตา่ งๆ ซง่ึ หลายชนิดบางคนอาจไมร่ ู้จัก หรอื สูญพันธไ์ุ ป

แลว้ ก็มี วรรณคดีเรือ่ งนจี้ งึ ช่วยประเทืองปญั ญาผู้อ่านให้เกดิ ความเพลดิ เพลินไปพร้อมๆกนั

ดังบทประพันธ์

เทโพแลเทพา ตะเพียงพาพาพวกจร

ไอ้บ้าปลาสลมุ พอน ผกั พรา้ เพรี้ยแลหนวดพราม ฯ

จากบทประพนั ธ์ แสดงให้เห็นความรอบร้แู ละความสามารถของกวที สี่ ามารถบรรจุชอ่ื ปลาลงในค้าประพันธ์บท
นี้ไดม้ ากถึง ๙ ชนิด ไดแ้ ก่ ปลาเทโพ ปลาเทพา ปลาตะเพียน ปลากา ปลาไอบ้ า้ ปลาสลุมพอน
ปลาผกั พรา้ ปลาเพรีย้ ง และปลาหนวดพราม

นอกจากน้ี ยงั ได้รับความรูเ้ ร่อื งช่อื ขงพรรณไม้ทพี่ บไดย้ ากในชวี ิตประจ้าวนั ดงั บทประพันธ์

หวั ลงิ หมากลางลงิ ตน้ ลางลงิ แลหูลงิ
ลงิ ไต่กระไดลงิ ลิงโลดคว้าประสาลิง

จากบทประพนั ธ์ แสดงให้เห็นถึงพรรณไม้คือ ต้นลางลงิ กะไดลงิ และต้นหัวลิง
ซ่ึงเป็นพรรณไมท้ ่ีพบยากในชวี ิตประจ้าวนั โดยทั่วไปจะพบในปา่ ลึก
ภาษาไทยพน้ื ฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ ๘๑.

๑. การใช้ถ้อยคา้ ใหเ้ กิดจินตภาพ กวีเลือกใช้ถอ้ ยคา้ ที่เขา้ ใจงา่ ย สอ่ื ถงึ อากปั กริ ยิ าของสตั ว์
ชนิดต่างๆได้ราวกับวา่ มชี ีวิต ท้าให้ผอู้ ่านเหน็ ภาพธรรมชาติของสัตว์อย่างชดั เจน เชน่

อากปั กิริยาของนกยูง รูปรา่ งของกระจง
เชน่ ยูงทองย่องเย้ืองยา่ ง เชน่ กระจงกระจดิ เตย้ี วง่ิ เรี่ยเรย่ี นา่ เอน็ ดู

การเคลอ่ื นไหวของฝูงค่าง
เช่น ครอกแครกไลไ่ ขวค่ ว้าง โลดเลี้ยวโจนปลวิ

ภาษาไทยพื้นฐาน มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

๘๒.

ทกุ บททกี่ วถี ่ายถอดออกมา แสดงความรดู้ ้านธรรมชาตวิ ทิ ยา มคี วามโดดเด่น
ในการใชภ้ าพพจน์ เนอื่ งจากกวเี ลือกใชถ้ อ้ ยคา้ ทงี่ า่ ย ส่อื ความหมายได้
ชดั เจน มองเห็นภาพ ดงั บทประพนั ธ์

งูเขียวรัดตุ๊กแก ต๊กุ แกแกค่ างแขง็ ขยัน
กัดงงู ูยง่ิ พัน อา้ ปากง่วงลว้ งตับกิน

จากบทประพนั ธ์ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ภาพของงเู ขียวทีต่ ้องรดั ทอ้ งของต๊กุ แกใหแ้ น่น
จนตุ๊กแกอ่อนแรง ปากของต๊กุ แกจงึ อา้ ออก ท้าให้งสู ามารถลว้ งเข้าไปกินตับ

ของตกุ๊ แกได้ โดยกวีเลอื กใช้ถอ้ ยคา้ ทม่ี ีความหมายชัดเจนในตวั เอง
เม่ือน้ามาผกู เปน็ ค้าประพนั ธ์จงึ ทา้ ให้เกดิ จนิ ตภาพชดั เจนย่ิงขึน้

ภาษาไทยพนื้ ฐาน มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

๘๓.

มหี มีพดี า้ ขลับ ข้นึ ไม้ผับฉับไวถงึ
เร่ียวแรงแขงขันขึง กดโพรงไมไ้ ดผ้ ้ึงกิน

จากบทประพนั ธ์ กวใี ชถ้ ้อยค้าเพื่อให้ผู้อา่ นเกดิ จนิ ตภาพถงึ หมดี า้ ทม่ี ลี ้าตวั ด้าขลับ อวบอ้วน
ปีนตน้ ไม้ได้รวดเรว็ มกี ้าลังมากและกินผึง้ เปน็ อาหาร

กาพย์หอ่ โคลงประพาสธารทองแดง กวไี ด้เลอื กใชถ้ ้อยคา้ เพ่อื สรา้ งจนิ ตภาพ

ใหเ้ กดิ แก่ผู้อา่ น เช่น การใชถ้ ้อยคา้ พรรณนาความรืน่ รมยบ์ ริเวณธารทองแดง ดังบทประพนั ธ์

ธารไหลใสสะอาด มัจฉาชาตดิ าษนานา
หวั่นว่ายกินไคลคลา ตามกนั มาให้เหน็ ตัว
รนิ มา
ธารไหลใสสะอาดน้า หวน่ั หวา้ ย
มจั ฉาชาตนิ านา เชยหมู่
จอกสรา่ ยกนิ ไคลคลา ผุดใหเ้ ห็นตัว
ตามคูม่ าคล้ายคล้าย

ภาษาไทยพ้ืนฐาน มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

การใชค้ า้ เลยี นเสยี งธรรมชาติ กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง ๘๔.

มกี ารใชค้ ้าเลยี นเสียงธรรมชาตหิ ลายแหง่ จงึ ชว่ ยใหผ้ อู้ า่ นมองเหน็ ภาพชดั เจนย่งิ ขึ้น
รวมทง้ั เกิดอารมณ์ ความรูส้ ึก คล้อยตามบทประพันธ์ไดง้ า่ ย ดังบทประพันธ์

เคร่อื งสูงเพราเพริศพราย ชมชมุ สายซา้ ยขวาเคียง
ธงไชยธงนานเรียง ป่กี ลองชนงตงเตอ่ งงครึมฯ
เดิรเรยี ง
กลองทองตคี รมุ่ ครึ้ม ครุ่มครื้ม
จา่ ตะเตงิ เตงิ เสียง กระเวก
เส่ยี งป่รี ี่เรอ่ื ยเพียง หวหู่ วู้เสียงสังข์ฯ
แตรันแตรง่ แตรฝรง่ั ขึ้น

จากบทประพันธ์ มีการใช้ถ้อยค้าเพอ่ื เลียนเสยี งธรรมชาติ
ของเครอ่ื งดนตรี ๓ ชนดิ คือ
ตะเตงิ เลียนเสยี ง กลอง
แตรน้ แตร่น เลยี นเสียง แตร
หวู่หวู้ เลยี นเสียง สังข์

ภาษาไทยพนื้ ฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

๘๕.

การเลอื กใชถ้ อ้ ยคา้ ท่มี ีสระเสียงเดียวกัน ในกาพยแ์ ละโคลงบทท่ี ๕๒
เป็นบทหน่ึงทม่ี กี ลวธิ ีการแตง่ ที่ดเี ยยี่ ม ดงั บทประพันธ์

ดหู นสู ู่รูงู งสู ดุ ส้หู นสู ูง้ ู
หนูงสู ู้ดอู ยู่ รูปงทู หู่ นูมทู ู
พรพู รู
ดงู ขู ฝู่ ูดฝู้ สุดสู้
หนสู รู่ ูงูงู งอู ยู่
งสู ้หู นูหนสู ู้ รปู ถู้มูทู
หนรู งู้ งู ูรู้

จากบทประพนั ธ์ ผอู้ ่านสามารถมองเหน็ ภาพของการกอดรัดกนั ชลุ มนุ
ระหว่างงูกับหนูท่ีก้าลังตอ่ สู้กนั นอกจากใชก้ ลวิธีการเลน่ เสียงสระท่ีโดดเดน่ แลว้
คา้ ประพนั ธ์บทน้ียังเล่นเสียงวรรณยุกต์ เสียงพยญั ชนะ และใชค้ ้าทซี่ ้ากันได้อย่างกลมกลืน

ส่ือความหมายและเกิดจนิ ตภาพไดอ้ ย่างชดั เจน

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

การเลอื กใชค้ า้ สมั ผัสใน ทา้ ใหเ้ กิดความไพเราะ ซง่ึ หมายรวมถึงสัมผสั สระ ๘๖.

และสมั ผสั อักษร เป็นการเน้นความไพเราะของเสยี งในค้า
จึงท้าใหบ้ ทประพนั ธ์มีความนา่ สนใจยิ่งข้นึ ดงั บทประพันธ์

ยงู ทองยอ่ งเยอื้ งย่าง รา้ รางชางชา่ งฟา่ ยหาง
ปากหงอนอ่อนส้าอาง ชา่ งร้าเล่นเตน้ ตามกนั
ร้าฉวาง
ยูงทองยอ่ งยา่ งเย้อื ง เฉดิ หนา้
รายร่ายฟา่ ยเฟื่องหาง ลายเลิศ
ปากหงอนอ่อนสา้ อาง ปกี ป้องเป็นเพล
รา้ เล่นเต้นงามหง้า

จากบทประพนั ธ์ กวีเลอื กใช้ถ้อยค้าเพื่อใหเ้ กิดสมั ผสั อกั ษรและสมั ผสั สระ
ทัง้ ภายในวรรคและระหว่างวรรค จงึ ท้าให้เกิดความไพเราะของถอ้ ยค้าและจินตภาพ

ท่ีชดั เจนแกผ่ ู้อา่ น โดยผู้อา่ นจะมองเหน็ ภาพของนกยงู ทีม่ ีลักษณะเฉพาะทาง
ธรรมชาติที่ตา่ งจากนกชนิดอ่ืน ซึง่ ก้าลังแสดงอากัปกริ ยิ ารา้ แพนหางท่สี วยงาม

ภาษาไทยพืน้ ฐาน มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคณุ

การใชค้ วามเปรียบ ๘๗.

๑. อปุ มา เปน็ การเปรียบเทียบระหวา่ งสงิ่ ทมี ีลกั ษณะเหมือนกนั สองสิง่

น้ามาเปรยี บเทยี บกันโดยใช้ค้าเชื่อม เชน่

ดุจ เสมอื น ดัง ดั่ง ราว ราวกบั ประหน่ึง เพียง แม้น กล เช่น
จากโคลงบทนี้

เสียงป่รี เ่ี รอ่ื ยเพียง กระเวก เปรยี บเทยี บเสยี งปว่ี ่าเหมอื นกบั เสยี งนกการเวก

๒. อปุ ลักษณ์ เป็นการเปรยี บเทยี บโดยกล่าวถงึ สิ่งหนึ่ง เพอื่ องิ ความหมายจากสง่ิ น้นั
ให้เช่ือมโยงไปยังสง่ิ ทจี่ ะอธิบาย ซองเปน็ การเปรยี บเทยี บแบบอุปลักษณ์
มักจะใชค้ ้าวา่ คอื เป็น

งูเหลอื มแบนทอ้ งแผ่ คือกระดาน จากโคลงบทน้ี
เปรียบเทยี บวา่ ท้องงเู หลือมแบน

แผเ่ หมอื นกระดาน

ภาษาไทยพื้นฐาน มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคุณ

การเลน่ คา้ พ้อง ๘๘.

เปน็ การใช้ค้าคา้ เดยี วกันในความหมายทตี่ า่ งกนั เชน่

หัวลิงหมากลางลิง ตน้ ลางลิงแลหูลิง
ลิงไตก่ ะไดลิง ลงิ โลดควา้ ประสาลงิ

ในโคลงบทนี้ จะเหน็ วา่ มีการเลน่ คา้ วา่ ลงิ ในความหมายท่ีตา่ งกัน คือ
ลิง หมายถงึ ช่ือสัตวเ์ ลย้ี งลูกด้วยนมชนิดหนง่ึ

ลักษณะทา่ ทางคล้ายคน มแี ขนขายาว
ลางลงิ ,กะไดลงิ หมายถงึ ชื่อไม้เถาเน้อื แข็ง เถาแบนยาว ลา้ ตน้ งอ

กลับไปมาคลา้ ยขัน้ บันได
หวั ลงิ หมายถงึ ชือ่ ไมเ้ ถา ผลขนาดผลส้มจีน มสี ันตรงกลาง

คลา้ ยหัวลิง

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

การเรยี บเรยี งคา้ ๘๙.

การข้ึนตน้ กาพยแ์ ละโคลง คือ เนอ้ื ความในโคลงบาทหนง่ึ ล้อความในกาพยว์ รรคหนงึ่ ตามลา้ ดบั
ค้าขึน้ ตน้ ของแต่ละวรรคของกาพย์กับค้าข้นึ ตน้ ของแต่ละบาทของโคลงจะเปน็ คา้ เดยี วกนั

กาพยย์ านี โคลง

นักสนมกรมชแมม่ ี่ นกั สนมกรมแมเ่ จา้ ท้ังหลาย
ขีช่ ้างกูบรปู โลมใจ ขีช่ า้ งกูบดาวราย แจม่ หนา้
พักตราอ่าผอ่ งใส พักตราผ่องใสสาย สดุ สวาท

นุ่งหม่ โอโสภาจรงิ นุ่งหม่ โอโ่ ถงผา้ อรา่ มรวิ้ ทองพราย

เนอื่ งจากโคลงสสี่ ภุ าพทแ่ี ตง่ เทยี บความของกาพย์ ต้องพรรณนาความทม่ี ใี นกาพย์ใหค้ รบถว้ น
ผ้แู ต่งต้องมุง่ ใจความเป็นส้าคัญ การสรรคา้ ท่มี ีใจความทีต่ อ้ งการและใหไ้ ดล้ ักษณะตรงตาม
ฉนั ทลกั ษณ์จงึ ทา้ ได้ยาก ดว้ ยเหตุน้ีโคลงสส่ี ภุ าพทแี่ ต่งในกาพย์หอ่ โคลงจงึ ไม่เครง่ ครัด

เรอ่ื งต้าแหนง่ ของค้าเอกคา้ โท

ภาษาไทยพืน้ ฐาน มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคุณ

๙๐.

การบรรจคุ า้ ลงในแตล่ ะวรรคของกาพย์ กวีจะแทรกสมั ผสั ในลงในวรรค
ทง้ั ๆที่มใิ ชล่ ักษณะบงั คับ เชน่

มีหมีพีดา้ ขลบั ขน้ึ ไมผ้ บั ฉบั ไวถงึ
เร่ียวแรงแขงขังขึง กัดโพรงไมไ้ ดผ้ ง้ึ กิน

วรรคแรก มีเสยี งสัมผัสสระ หมี-พี
วรรคทีส่ อง มีเสยี งสัมผสั สระ ไม-้ ไว . ผับ-ฉบั
วรรคท่สี าม มีเสยี งสมั ผัสสระ แรง-แขง
มีเสยี งสัมผัสอักษร เรย่ี ว-แรง , แขง-ขัง-ขึง
วรรคทีส่ ่ี มีเสยี งสมั ผัสสระ ไม-้ ได้
มีเสยี งสมั ผสั อักษร กดั -กิน

ภาษาไทยพน้ื ฐาน มัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคุณ

๙๑.

การใชก้ ระทู้ ๑ คา้ เพอื่ บอกการจบเรอื่ ง มีความชัดเจน
ถกู ต้องตามลกั ษณะการแตง่ คา้ ประพนั ธ์ และเนือ้ ความมีความสมบูรณ์ ดังบทประพันธ์

จบ จนจอมโลกยเ์ จ้า คืนวัง
บ พติ รสถิตบัลลงั ก์ เลศิ หลา้
ริ รา่ งกาพย์โคลงหวัง ชนโลก อ่านนา
บูรณ์ พระโคลงเจา้ ฟา้ ธิเบศร์เจ้าจงสงวน ฯ

จากบทประพนั ธข์ ้างตน้ กวเี ลอื กใช้คา้ มาวางเปน็ กระทู้
เมือ่ แตล่ ะค้ามาวางไว้ทต่ี น้ บาทของแตล่ ะบาท จะมีความหมายไมส่ มบรู ณ์
แตเ่ ม่อื นา้ คา้ มาต่อกันแลว้ จึงมีความหมาย คอื จบบริบูรณ์ หมายถงึ จบโดยครบถ้วน

สมบูรณ์ ซ่งึ บทประพันธน์ จ้ี ดั เป็นโคลงกระทแู้ ผลง

ภาษาไทยพ้นื ฐาน มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ

คุณคา่ ดา้ นสงั คม ๙๒.

๑. สะท้อนใหเ้ หน็ ถงึ ความศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา
กลา่ วคอื ทรงพระนิพนธ์ในโอกาสตามเสด็จสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ในพระบรมโกศ
พระราชบิดาไปนมสั การรอยพระพทุ ธบาท แม้วา่ การเสดจ็ พระราชด้าเนินในครงั้ น้ี
ตอ้ งผ่านป่าเขา พบกับความยากลา้ บาก ไม่ได้เดินทางสะดวกสบายเหมือนในปัจจุบนั

แต่ทุกคนลว้ นมีความเตม็ ใจ ซ่งึ เจ้าฟา้ ธรรมาธเิ บศรกม็ ิไดท้ รงพรรณนา
ถงึ ความยากล้าบากในการตามเสดจ็ แต่พรรณนาให้เห็นแตค่ วามอดุ มสมบูรณ์

และความงดงามของธรรมชาติ

ภาษาไทยพื้นฐาน มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคุณ

๙๓.

๒. สะทอ้ นใหเ้ หน็ วฒั นธรรมการแตง่ กาย
คือ สตรีในวังสมยั อยุธยา ดงั บทประพนั ธ์

นกั สนมกรมชแมม่ ่ี ขช่ี ้างผมบรูปโลมใจ
พกั ตราอา่ ผ่องใส นุ่งห่มโอ่โสภาจริงฯ
ท้ังหลาย
นักสมกรมชแม่เจ้า แจม่ หน้า
ขีช่ ้างผมบดาวราย สดุ สวาท
พักตราผ่องใสสาย อรา่ มริว้ ทองพรายฯ
นงุ่ หม่ โอ่โถงผ้า

จากบทประพนั ธ์ ได้สะทอ้ นถงึ วัฒนธรรมการแตง่ กายของสตรีในวงั
เม่ือจะออกไปข้างนอกย่อมต้องแต่งตัวให้สวยงามดว้ ยการเลือกสรรผ้า
ให้มีลวดลายวจิ ติ รงดงาม บางคร้งั อาจปักด้วยด้ินทองหรอื ไหมทอง

เมอื่ ยามต้องลมจงึ ท้าให้เกดิ ริ้วสวยงาม

ภาษาไทยพื้นฐาน มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

๙๔.

๓. สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ธรรมเนยี มการเสดจ็ ทางสถลมารค
หรือการเสดจ็ ทางบกของพระมหากษตั ริย์ ดังบทประพนั ธ์

เกลอ่ื นกรหู มจู่ ตั รุ งค์ เป็นกนั กงเรยี บเรียงไป
ทรงชา้ งระวางใน เทพลลี าหลงั คาทอง
เรยี งไสว
เกลอ่ื นกรูหมู่แหห่ อ้ ม หวา่ งเบรื้อง
เสดจ็ พุดตาลทองไคล มีชอื่
ทรงช้างระวางใน ย่างแหนห้ ลงั ดีฯ
เทพลลี าเย้ือง

จากบทประพนั ธ์ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถึงการจัดริ้วขบวนเสด็จทางสถลมารคของพระมหากษัตริย์
ที่จะต้องมีการจดั ร้ิวขบวนใหม้ คี วามสวยงามและปลอดภัยสา้ หรบั พระมหากษัตรยิ ์
โดยมีช้างเป็นพาหนะท่สี ้าคัญในการเดนิ ทาง
เป็นสญั ลักษณ์ท่แี สดงถงึ ความยง่ิ ใหญข่ องพระมหากษัตรยิ ์

ภาษาไทยพืน้ ฐาน มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นตราษตระการคุณ

ภาษาไทยพื้นฐาน มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรียนตราษตระการคณุ ๙๕.

ขอ้ คิดทน่ี า้ ไปประยกุ ตใ์ ช้ไดใ้ นชวี ติ ประจา้ วนั

คือการเหน็ คณุ ค่าและรว่ มกันอนุรักษส์ ่ิงแวดลอ้ ม
เพราะกาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง เปน็ วรรณคดที ี่
สะท้อนใหเ้ หน็ ธรรมชาตขิ องปา่ ท่ขี บวนเสด็จพระราชด้าเนนิ ผ่าน
ซึง่ กวีพรรณนาให้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ สตั ว์ปา่
และลา้ ธาร รวมทง้ั บรรยายให้เหน็ การด้ารงชวี ติ การหาอาหารของสัตว์ป่า


Click to View FlipBook Version