The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน มีนาคม ๒๕๖๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2021-11-05 23:16:29

นาวิกศาสตร์ มีนาคม ๒๕๖๔

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน มีนาคม ๒๕๖๔





“…การประกอบวิชาชีพนั้น นอกจากความร้แล้ว ยังมีปัจจัยอีกอย่างหน่งท่สาคัญไม่ย่งหย่อน













ไปกวากน ก็คอจรยธรรมในวชาชพ. จรยธรรมในวิชาชีพน้ จะทาให้ผปฏิบติไดรับความศรทธาเชอถือ




จากบุคคลท่วไป และจากผ้ร่วมวิชาชีพด้วยกัน เป็นปัจจัยอุดหนุนส่งเสริมการปฏิบัติงานทุกอย่าง


ให้ดำาเนินไปด้วยดีมีประสิทธิภาพ. ด้วยเหตุนี้ การจะประกอบวิชาชีพทางกฎหมายให้สำาเร็จผลที่ดี
จึงไม่ได้อยู่ที่ความรู้เพียงอย่างเดียว จำาเป็นต้องยึดถือปฏิบัติตามจริยธรรมในวิชาชีพด้วย.
หากผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย ต่างยึดมั่นในจริยธรรมของวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ก็จะเป็น
การเชิดชูเกียรติภูมิแห่งวิชาชีพ อันเป็นศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของนักกฎหมายทั้งปวง. ...”
พระราชดำารัส
ในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สอบไล่ได้ตามหลักสูตร
ของสำานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
สมัยที่ ๖๙ ปีการศึกษา ๒๕๕๙
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
วันจันทร์ ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐

นายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท เคารพ แหลมคม
รองนายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี จิรพล ว่องวิทย์
กรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี สุรสิงห์ ประไพพานิช
พลเรือตรี บัญชา บัวรอด
พลเรือตรี คณาชาติ พลายเพ็ชร์
พลเรือตรี อุทัย โสฬศ
พลเรือตรี วราณัติ วรรธนผล
พลเรือตรี สรไกร สิริกรรณะ ปกหน้�
พลเรือตรี มนต์เดช พัวไพบูลย์
พลเรือตรี วิสาร บุญภิรมย์
พลเรือตรี สุนทร คำาคล้าย
พลเรือตรี ดนัย สุวรรณหงส์
พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ
พลเรือตรี ประสาน ประสงค์สำาเร็จ

กรรมการและเลขานุการราชนาวิกสภา
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ
เหรัญญิกราชนาวิกสภา
เรือเอก สุขกิจ พลัง
ที่ปรึกษาราชนาวิกสภา
พลเรือโท สมัย ใจอินทร์ ปกหลัง

พลเรอโท วรพล ทองปรีชา ข้อคิดเห็นในบทคว�มท่นำ�ลงนิตยส�รน�วิกศ�สตร์เป็นของผ้เขียน



พลเรอโท มนตรี รอดวิเศษ มิใช่ข้อคิดเห็นหรือนโยบ�ยของหน่วยง�นใดของรัฐและมิได้ผูกพัน



พลเรอโท อำานวย ทองรอด ต่อท�งร�ชก�รแต่อย�งใด ได้นำ�เสนอไปต�มท่ผ้เขียนให้คว�มคิดเห็น








พลเรอโท กตัญญู ศรีตังนันท์ เท�น้น ก�รกล�วถึงคำ�ส่ง กฎ ระเบียบ เป็นเพียงข�วส�รเบ้องต้น
บรรณาธิการ เพื่อประโยชน์แก่ก�รค้นคว้�
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ ปกหน้า โคก หนอง น� โมเดล กรมยุทธศึกษ�ทห�รเรือ
ผู้ช่วยบรรณาธิการ ปกหลัง เกษตรทฤษฎีใหม่ ต�มแนวเศรษฐกิจพอเพียง
นาวาเอกหญิง วรนันท์ สุริยกุล ณ อยุธยา กรมยุทธศึกษ�ทห�รเรือ
ประจำากองบรรณาธิการ ออกแบบปก กองบรรณ�ธิก�ร
นาวาเอก ก้องเกียรติ ทองอร่าม พิมพ์ที่ กองโรงพิมพ์ กรมส�รบรรณทห�รเรือ
เจ้าของ ร�ชน�วิกสภ�
นาวาเอก ธาตรี ฟักศรีเมือง ผู้พิมพ์ น�ว�เอก ก้องเกียรติ ทองอร่�ม
นาวาเอกหญิง แจ่มใส พันทวี
นาวาโทหญิง ศรุดา พันธุ์ศรี
นาวาโทหญิง อรณัฐ โพธิ์ตาด สำ�นักง�นร�ชน�วิกสภ�
เรือเอก เกื้อกูล หาดแก้ว ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริร�ช เขตบ�งกอกน้อย
กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๒
เรือเอกหญิง สุธิญา พูนเอียด ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๙๘
เรือโท อัศฐวรรศ ปั่นจั่น ส่งข้อมูล/ต้นฉบับได้ที่ [email protected]
เรือโทหญิง อภิธันย์ แก่นเสน อ่�นบทคว�มเอกส�รอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ WWW.RTNI.ORG

สารบัญ




คลังความรู้ คู่ราชนาวี

ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ ประจำ เดือน มีนาคม ๒๕๖๔
ลำ ดับเรื่อง ลำ ดับหน้า

บรรณ�ธิก�รแถลง .................................................................๐๓

เรื่องเล่�จ�กปก .....................................................................๐๔
คำ�เรียกชื่อปูชนียสถ�นที่ประดิษฐ�นพระรูปหล่อ
เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ.......................................................๐๕
นาวาเอก เกษม กิจกระจ่าง
วันสถ�ปน�กองเรือตรวจอ่�ว ครบรอบ ๖๘ ปี ......................๑๗

กองเรือตรวจอ่าว
สร้�งเหล็กในคน (ตอนจบ) ....................................................๒๒
ถ.ถุง
สุภ�พบุรุษทห�รเรือห�ยไปไหน ............................................๓๔
“คำ�เรียกชื่อปูชนียสถ�นที่ประดิษฐ�นพระรูปหล่อ
พลเรือเอก ไพศาล นภสินธุวงศ์
เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ”
ก�รคิดเชิงบวกและทัศนคติก�รให้บริก�รด้วยหัวใจ......................๔๔
พลเรือเอก ไพโรจน์ แก่นสาร
ข้อเสนอเชิงนโยบ�ยเพื่อรักษ�ดุลยภ�พอิทธิพลท�งทะเล

ของประเทศมห�อำ�น�จและประช�คมอ�เซียน เพื่อก�รคุ้มครอง
ผลประโยชน์ของช�ติท�งทะเลของไทยในศตวรรษที่ ๒๑.......๕๒
นาวาเอก พิสุทธิ์ศักดิ์ ศรีชุมพล
ผังเมืองโลจิสติกส์ กับผลประโยชน์ท�งทะเลของประเทศไทย .....๖๕

รศ.ดร.ระหัตร โรจนประดิษฐ์
บอกผมที “แบบนี้ผิดหรือถูก”................................................๗๑
สำ�นวนช�วเรือ .......................................................................๗๒ “ สุภ�พบุรุษทห�รเรือห�ยไปไหน”

เรื่องเล่�ช�วเรือ ......................................................................๗๕

ข่�วน�วีรอบโลก ....................................................................๗๖
ภ�พกิจกรรมกองทัพเรือ ........................................................๘๐
ใต้ร่มประดู่ ............................................................................๘๘

ก�รฌ�ปนกิจสงเคร�ะห์แห่งร�ชน�วี ....................................๙๐

ม�ตร�นำ� เดือน พฤษภ�คม ๒๕๖๔
เวล�ดวงอ�ทิตย์ - ดวงจันทร์ ขึ้น - ตก
เดือน พฤษภ�คม - มิถุน�ยน ๒๕๖๔.........................................๙๖ “ข้อเสนอเชิงนโยบ�ยเพื่อรักษ�ดุลยภ�พอิทธิพลท�งทะเลของ
ประเทศมห�อำ�น�จและประช�คมอ�เซียน เพื่อก�รคุ้มครองผลประโยชน์
ของช�ติท�งทะเลของไทยในศตวรรษที่ ๒๑



นาวิกศาสตร นิตยสารของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค เพ่อเผยแพร ่
วิชาการและข่าวสารทหารเรือท้งในและนอกประเทศ ตลอดจนวิทยาการอ่น ๆ


ทั่วไป และเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ ของกองทัพเรือ



สวัสดีมิตรรักแฟนนิตยสารนาวิกศาสตร์ทุกท่านครับ สาหรับเดือนมีนาคม ถ้าในสมัยโบราณเดือนน้คงเป็นช่วง
เดือนสุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ไทย ก่อนมาใช้ปีใหม่แบบสากลนิยมกันในปัจจุบัน






ยุคน้ใครได้ครองส่อหลักได้ คนน้นมีอ�ำนำจท่สุดในโลก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันน้ส่อได้เข้ามามีบทบาทในจิตใจ

และความคิด นาวิกศาสตร์ก็เป็นอีกสื่อของกองทัพเรือท่เผยแพร่วิชาการและเป็นส่อท่เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง


กองทัพเรือกับประชาชน



เคยมีผู้เสนอให้จัดทานิตยสารนาวิกศาสตร์ในรูปแบบ e-book (เราคงได้ใช้ดัชนีจ้มเข่ยกันเต็มประสิทธิภาพ)
แต่เสน่ห์ของความเป็นหนังสือก็คือ การรู้สึกถึงส่งท่สัมผัสว่ามีอยู่จริงมีความสาคัญกว่าท่เราคิดมากนัก ตัวหนังสือ




ที่กระด้างบนจอ ท�าให้เกิดความรู้สึกว่าไม่จริง และไม่เป็นเจ้าของข้อมูลดังกล่าว ส่วนตัวหนังสือบนกระดาษเราสัมผัส
มันจากตัวหนังสือที่ถูกพิมพ์บนกระดาษที่วางเรียง กลิ่นหมึก เราสามารถพับงอกระดาษ การได้ยินเสียงพลิกกระดาษ
จากโสตประสาทห ความรู้สึก ทาให้เกิดการรับรู้อารมณ์ และความจาดีข้น มันเป็นความรู้สึกท่แท้จริง sence of reality

















คนอ่านนาวิกศาสตร์อาจจะเหลืออยู่เพียง ๒๐% แต่คนเหล่าน้นจะไดมมมองความรเพอนาไปใชใหเปน เปนประโยชน ์


ต่อคนส่วนใหญ่ เราจะให้ความสาคัญกับอะไร เคยได้ยินทฤษฎี ๘๐/๒๐ ซ่งคิดค้นโดย วิลเฟรโด พาเรโต ซ่งเป็นวิศวกร

และนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาลี กันหรือไม่ ทฤษฎีนี้เกิดขึ้นมากว่าร้อยปีแล้ว วันหนึ่งระหว่างที่พักอยู่ในบ้าน พาเรโต



สังเกตว่า ประมาณ ๒๐% ของต้นถ่วลันเตาท่เขาปลูก ออกผลได้ถึง ๘๐% ของถ่วลันเตาท้งหมด อธิบายง่าย ๆ คือส่งท่มีสัดส่วน






แค่ ๒๐% จากจานวนท้งหมด มักจะเป็นปัจจัยสาคัญทาให้เกิดผลลัพธ์ในสัดส่วน ๘๐% เช่น คนเพียง ๒๐% ของประเทศ

สามารถสร้างรายได้ ๘๐% ของประเทศ หรือแม้แต่ที่ดิน ๘๐% ก็ถูกครอบครองโดยกลุ่มคน ๒๐% ของคนในประเทศ
ทั้งหมด


เราสามารถเอาแนวคิดน มาบริหารจัดการชีวิต เพราะเราคงไม่สามารถทุ่มเทชีวิตไปกับทุกเร่อง เพราะไม่ว่าจะ





เป็นเวลาหรือเงินท่มีอยู่จากัด ถ้าเรารู้ว่าอะไรคือเร่องสาคัญ และอะไรคือเร่องไม่สาคัญ ขอให้ทาไม่ก่อย่างทา ๒๐%







แต่มันอาจสร้างผลลัพธ์ได้ดีเป็นสัดส่วนมากถึง ๘๐% คาถามท่น่าคิดปิดท้ายก็คือ แล้วอะไรเป็นส่งส�ำคัญ

กับชีวิตเรำตอนนี้ ?
“ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่า ใครก็ตามที่มีรสนิยมการอ่าน
หนังสือที่ดี ย่อมทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้อย่างสบาย”
มหำตมะ คำนธี

กองบรรณาธิการ



ปกหน้า - ปกหลัง : โคก หนอง นา โมเดล





























ท่ามกลางปัญหาการเปล่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท่มีสาเหตุหลักมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร้


ขอบเขตของมนุษย์ ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสมดุลระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม การเกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เป็น
ภัยคุกคามต่อแหล่งผลิตอาหาร เช่น ความแห้งแล้ง นาท่วม โรคระบาดศัตรูพืช และอ่น ๆ โดยเฉพาะอย่างย่งภาวะวิกฤต




ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรอย่างมาก คือ ภัยแล้งที่นับวันจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี




ท่ผ่านมาประเทศไทยรับมือกับปัญหาภัยแล้งในหลากหลายรูปแบบ เช่น การสร้างอ่างเก็บนา การสร้างเข่อน



หรือการจัดทาระบบชลประทาน ซ่งรูปแบบเหล่าน้สามารถใช้แก้ปัญหาได้ในบางพ้นท่ของประเทศไทยเท่าน้น








สาหรับพ้นท่ห่างไกลนอกเขตชลประทานท่มีพ้นท่ถึง ๑๒๑,๒๐๐,๐๐๐ ไร่ ยังคงต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนนา



เพื่อใช้ในการเกษตร
“โคก หนอง นา โมเดล” จึงเป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ปัญหาเรื่องการจัดการน�้า




กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้น้อมนาพระราชดารัส ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท ๙




ด้านการทาเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้บริหารจัดการนา และพ้นท่การเกษตร โดยมีการผสมผสาน

กับภูมิปัญญาพื้นบ้านให้สอดคล้องกัน โดยแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน ๓๐ : ๓๐ : ๓๐ : ๑๐ ดังนี้ ๓๐% ส�าหรับแหล่งน�้า
โดยการขุดบ่อท�าหนอง และคลองไส้ไก่ ๓๐% ส�าหรับท�านาปลูกข้าว ๓๐% ส�าหรับท�าโคก หรือป่า ปลูกป่า ๓ อย่าง
ประโยชน์ ๔ อย่าง ก็คือปลูกไม้ใช้สอย ไม้กินได้ และไม้เศรษฐกิจเพ่อให้ได้ประโยชน์ คือ มีกิน มีอยู่ มีใช้

มีความสมบูรณ์ และความร่มเย็น และ ๑๐% ส�าหรับที่อยู่อาศัย และเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ ปลา วัว และควาย เป็นต้น
และยังเป็นการฝึกอาชีพ
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ช่อว่าเป็น Think Tank และน่คืออีกหน่งแนวคิดท่เป็นประโยชน์คือ เป็นการให้ความร ู้





กับพลทหารหลังปลดประจาการนาไปใช้ประโยชน์ในการด�ารงชีวิต ตลอดจนผลิตผลจากการเกษตรสามารถนามา


จ�าหน่ายให้กับข้าราชการในหน่วยในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด และได้ผลผลิตที่ปลอดสารพิษ
นาวิกศาสตร์ 4
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

คำ�เรียกชื่อปูชนียสถาน



ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ



นาวาเอก เกษม กิจกระจ่าง




ผู้เขียนหมายถึงคาเรียกช่อสถานท่ท่ประดิษฐาน ของพระองค์ท่านท่มีหลากหลาย เช่น “เทวาลัย





พระรูปหล่อ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า พระวิหารเทวสถิต ตาหนัก พระตาหนัก ศาล



อาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด ิ ์ และพระตาหนักศาล” ซ่งทาให้เกิดความสับสนว่า








“องค์บิดาของทหารเรือไทย” ซ่งคนท่วไปออกพระนาม ทรงอยู่ในฐานะอะไร เหตุน้ผ้เขยนจงไปเรยนปรกษา

ย่อว่า “เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์” หรือ พลเรือตร กรีฑา พรรธนะแพทย์ ผู้อุทิศชีวิตศึกษา



“เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ” ทหน่วยงานราชการ พระประวัติเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ อย่างจริงจัง

และองค์กรเอกชนได้จัดสร้างข้น เพ่อประดิษฐานเป็น มาตลอดระยะเวลากว่า ๖๐ ปี เพ่อหยิบยกเร่องน ี ้








ปูชนียสถานประจาหน่วยและองค์กร ซ่งมีจานวน มาเป็นประเด็นต้งข้อสังเกตว่า “เพราะเหตุใด


นับร้อยแห่งท่วประเทศ (คานวณจากจานวน ปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรม





พระอนุสาวรีย์ และปูชนียสถานเสด็จในกรมหลวง หลวงชุมพรฯ ท่วประเทศ จึงใช้คาเรียกช่อ

ชุมพรฯ ทั่วประเทศที่ พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์ แตกต่างกัน” และวิเคราะห์หาคาตอบว่า “คาเรียก






ได้เดินทางไปถ่ายภาพรวบรวมไว้ และนาลงพิมพ์ สถานท่ท่ประดษฐานพระรูปหล่อเสดจในกรมหลวง



เผยแพร่ในนิตยสารนาวิกศาสตร์ ฉบับเดือนพฤษภาคม ชุมพรฯ ช่อใดเหมาะสมท่จะใช้เป็นคาเรียกปูชนียสถาน



พ.ศ.๒๕๓๗ เป็นคร้งแรก และลงพิมพ์ต่อเน่องกันอีก ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อของพระองค์ท่านมากท่สุด”


หลายปีเพ่อเผยแพร่ให้ทหารเรือได้ภูมิใจ และให้ โดยขอเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่าน ให้มีส่วนร่วมด้วย


คนท่วไปได้รับรู้ว่าขณะน้นมีจานวนมากถึง ๒๑๗ ช่วยตั้งข้อสังเกต ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การเรียกชื่อปูชนียสถาน




แห่งแล้ว ยังไม่นับรวมท่วัดต่าง ๆ จัดสร้างไว้ประจาพ้นท ี ่ ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ

อีกนับสิบแห่ง หากคานวณถึงปีน (พ.ศ.๒๕๖๔) เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม และเป็นการเจริญรอยตาม



ก็น่าจะมีจานวนเพ่มข้นอีกมากมาย - ผู้เขียน) จึงทรง การเรียกช่อปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระบรมรูปปั้น






เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวท่มีผู้เคารพนับถือจัดสร้าง หรือพระบรมรูปหล่อของพระบูรพมหากษัตริย์


อนุสาวรีย์ไว้เป็นท่ระลึก และปูชนียสถานไว้สักการบูชา รูปเคารพ หรือสัญลักษณ์ส่งศักด์สิทธ์รูปปั้น หรือ







มากท่สุด ประเด็นสาคัญในเร่องน้ไม่ได้อยู่ท่จานวน รูปหล่อของปูชนียบุคคลท่ภูมิปัญญาไทยได้ทาให้เห็น









แต่อยู่ท่คาเรียกช่อปูชนยสถานทประดิษฐานพระรูปหล่อ เป็นแบบอย่างมาแล้ว ดังน้นเพ่อให้ง่ายแก่การ






“เสด็จ” ใช้เป็นคาเรียกเจ้านายช้นพระองค์เจ้า หรือใช้สาหรับออกพระนามพระราชโอรส หรือพระราชธิดาอันประสูติแต่เจ้าจอมมารดา






เมอทรงได้รบพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าต่างกรม หรอทรงกรมเพ่อเป็นพระเกยรตยศเน่องจากได้ช่วยเหลองานราชการแผ่นดนจะนิยม






ออกพระนามย่อ ๆ ว่า “เสด็จในกรม” เน่องจากการออกพระนามเจ้านายท่เป็นเจ้าต่างกรมหรือทรงกรมน้น ต้องออกพระนามเจ้านายเสียก่อนแล้ว

จึงตามด้วยชื่อกรม (หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา) ในหนังสือ “พระประวัติและพระกรณียกิจในสมัยรัชกาลที่ ๕ ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รวบรวมจากเอกสารทางราชการ โดย พลเรือเอก ประพัฒน์ จันทวิรัช” ผู้บัญชาการทหารเรือ ในค�าปรารภจ�านวน
๑๐ หน้า มีการออกพระนามว่า “เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ” จ�านวน ๑๘ แห่ง โดยออกพระนามเต็มแห่งแรกในหน้าที่ ๒ (ค�าอธิบายภาพตรา
ศรขรรค์) ว่า “เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” หลังจากนั้นออกพระนามย่อว่า “เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ” ทุกแห่ง







คาว่า พระวิหารเทวสถิต ในท่น เฉพาะ “สถิต” มีท้งท่เขียนว่า “สถิต” และ “สถิตย์” (ตามนามสกุลของประธานกรรมการมูลนิธ ิ




สรรพราเชนทร์ คือ นายกรกฎ เทวสถิตย์) ในท่น้ผู้เขียนเลือกใช้คาว่า “สถิต” เน่องจากเป็นคาท่เขียนถูกต้องตามอักขรวิธีในพจนานุกรม


ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (“สถิต” เป็นรูปค�าสันสกฤต บาลีเป็น “ฐิต” เป็นค�ากริยา แปลว่า อยู่ ยืนอยู่ ตั้งอยู่)
นาวิกศาสตร์ 5
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

เทวาลัย เทวสถาน หรือเทวาวาสที่เป็นโบสถ์พราหมณ์




ต้งข้อสังเกต และวิเคราะห์คาตอบท่สมเหตุสมผล

มากท่สุด ผู้เขียนขอจัดลาดับคาเรียกช่อปูชนียสถาน



ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ




เป็น ๓ กล่ม โดยเรมจากกล่มทมจานวนน้อยทสด








คือ “เทวาลัย” กับ “พระวิหารเทวสถิต”กลุ่มท่ม ี



จานวนหลักสิบ คือ “ตาหนัก” กับ “พระตาหนัก” และ




กลุ่มท่มีจานวนหลักร้อย คือ “ศาล” กับ “พระตาหนัก
ศาล” “เทวาลัย” และ “พระวิหารเทวสถิต” เสด็จในกรม พระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ในพระวิหารเทวสถิต
หลวงชุมพรฯ ตามล�าดับ พระวิหารเทวสถิต เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๘

“เทวาลัย” และ “พระวิหารเทวสถิต” ทั้งสองค�า “เทวาลัย” แปลว่า ท่อยู่ของเทวดา “พระวิหาร


มีความหมายคล้ายกัน ผู้สร้างมีเจตนาให้เป็นสถานท ี ่ เทวสถิต” แปลว่า ท่ซ่งเทวดาอยู่ ท้งสองคาหมายถึง



ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ สถานท่ท่ก่อสร้างข้นเพ่อสมมุติว่าเป็นท่ประทับของ










เหมือนกัน ต่างกันท “เทวาลัย” เป็นคาท่ใช้กันท่วไป เทพเจ้าเหมือนกัน มีความหมายเดียวกับคาว่าเทวสถาน







ส่วน “พระวหารเทวสถิต” ในท่น้เป็นช่อเฉพาะ และเทวาวาส ในศาสนาพราหมณ์ - ฮินด ซ่งใน

จากการสืบค้นทางส่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ประเทศไทย และประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



“เทวาลัย” และ “พระวิหารเทวสถิต” มีเพียง ๒ แห่ง คือ มคตนยมในการสร้างเทวาลย เทวสถาน หรอเทวาวาส





“เทวาลัยเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ” ท่ปากนาแม่กลอง เป็นโบสถ์ก็ม เช่น โบสถ์พราหมณ์ ถนนบ้านดินสอ

อาเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม สร้างเม่อ พ.ศ. แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เทวสถาน



๒๕๒๙ และ “พระวิหารเทวสถิตเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ” ท่ประทับของพระพรหม พระศิวะ (อิศวร) พระวิษณ ุ
ของมูลนิธิสรรพราเชนทร์ ตาบลสนามจันทร์ อาเภอเมือง (นารายณ์) และเทพเจ้าอ่น ๆ เช่น พระอุมาเทว ี





จังหวัดนครปฐม ซ่งอัญเชิญพระรูปหล่อเน้อสาริด ๓ พระลักษม พระภูมิเทว และพระมหาวิฆเนศวร



ขนาดความสูง ๓.๙๐ เมตร ประดิษฐานบนแท่นใน (พระคเณศ) เป็นต้น เป็นวัดก็มี เช่น วัดแขกสีลม หรือ

ส�าริด หรือ สัมฤทธิ์ คือ โลหะเจือชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยทองแดงกับดีบุกผสมกัน เรียกว่า ทองสัมฤทธิ์ หรือ ทองบรอนซ์ (Bronze) โบราณ
เรียกว่า ส�าริด
6
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

เทวาลัยในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกายประดิษฐานศิวลึงค์

วัดพระศรีมหาอุมาเทวี ย่านถนนสีลม กรุงเทพมหานคร

ศาสนสถานของผู้นับถือศาสนาพราหมณ์ - ฮินด อายุกว่า

๑๐๐ ปี วัดวิษณ เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร
เทวสถานแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ม ี ตรีมูรติ : พระพรหม - พระศิวะ - พระวิษณุ



เทวรปศักด์สิทธ์สร้างด้วยหินอ่อน แกะสลักด้วยมือ “พระศิวะ (อิศวร)” เทพเจ้าท่เป็นสัญลักษณ์แห่งการ




จากประเทศอินเดีย ครบ ๒๔ องค์ เป็นปราสาทหิน ทาลายโลก และ “พระวิษณุ (นารายณ์)” เทพเจ้าท่เป็น


มีปรางค์ประธานตามคติจักรวาล ท่มีเขาพระสุเมร ุ สัญลักษณ์แห่งการดูแลรักษาโลก อน่ง ในศาสนาฮินด ู

เป็นศูนย์กลางก็ม เช่น ปราสาทหินพนมรุ้ง ลัทธิไศวนิกาย ยังนิยมสร้างศิวลึงค์ประดิษฐานไว้ใน



บนเทือกเขาพนมรุ้ง อาเภอเฉลิมพระเกียรต จังหวัด เทวาลัยปราสาทหินในฐานะรูปเคารพอันศักด์สิทธ์อีกด้วย








บุรีรัมย์ เทวลัยของศาสนาฮินด ลัทธิไศวนิกาย ดงนน การนาคาวา “เทวาลัย และ พระวิหารเทวสถิต”




ท่นับถือพระศิวะ หรือพระอิศวรเป็นเทพสูงสุด มาใช้เป็นคาเรียกช่อปูชนียสถานท่ประดิษฐาน
ปราสาทหินเมืองตา อาเภอประโคนชัย จังหวัด พระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ จึงเป็นการ



บุรีรัมย์ และปราสาทหินพิมาย ศิลปะขอมโบราณ ยกฐานะพระองค์ท่านไปเทียบกับเทพเจ้าในศาสนา




แบบบาปวน ในอาเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา พราหมณ์ - ฮินด ซ่งเป็นการกระทาท่ไม่สมเหตุสมผล





เทวลัยของลัทธิไศวนิกาย เช่นเดียวกับปราสาทหิน แม้จะอ้างเหตผลว่าเป็นการยกย่อง เชดช บชา



พนมรุ้ง ท่น่าต้งข้อสังเกตก็คือ เทวดาท่จะอัญเชิญ พระองค์ท่านด้วยความเคารพอย่างย่ง และศรัทธา





ให้สถิตในโบสถ์พราหมณ์ วัดฮินด และปราสาท อย่างแรงกล้า แต่ก็ยงถือเป็นการกระทาทไม่เหมาะ


ต่าง ๆ มิใช่เทวดาท่วไป แต่ต้องเป็นเทพเจ้าหรือเทพ ไม่ควรอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน

สูงสุด ตามคติความเช่อของศาสนาพราหมณ์ - ฮินด ู “ตาหนัก”กับ“พระต�าหนัก” เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ


เช่น “ตรีมูรติ” สัญลักษณ์ของการรวมตัวกันของพลัง “ต�าหนัก” และ “พระต�าหนัก” ก็เป็นอีกค�าหนึ่ง








อันย่งใหญ่ของเทพเจ้าในสรรพส่งท้งสามพระองค์ ได้แก่ ท่คนนิยมใช้เป็นคาเรียกช่อปูชนยสถานทประดิษฐาน

“พระพรหม” เทพเจ้าท่เป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างโลก พระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ จากการสืบค้น


ตรีมูรติ (สันสกฤต) ตรี (สาม) + มูรติ (รูปแบบ) หมายถึง เทพเจ้าทั้งสามพระองค์ ในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ตรงกับตรีเอกานุภาพ (พระบิดา
พระบุตร พระจิต) ในศาสนาคริสต์ และหลักค�าสอนเรื่องสรรพสิ่งมีอันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป เป็นธรรมดา ในศาสนาพุทธ
นาวิกศาสตร์ 7
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

พระต�าหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ พลูตาหลวง จังหวัดชลบุรี


ทางส่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ปูชนียสถาน พระต�าหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ บนเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ตาบลเกาะช้าง อาเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด







ทใช้คาเรียกชอว่า “ตาหนัก” และ “พระตาหนัก” และตาหนักกรมหลวงชุมพรฯ ปากนาตะโก ตาบล









ทวประเทศมีจานวนนับ ๑๐ แห่ง ส่วนใหญ่เรียกว่า ปากตะโก อ�าเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร เป็นต้น



“พระตาหนัก” เช่น พระตาหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ค�าว่า “ตาหนัก” มาจากคาภาษาเขมรว่า ฎณาก



ท่หาดทรายร ตาบลหาดทรายร อาเภอเมืองชุมพร ใช้เป็นคาราชาศพท์หมวดทอย่อาศย ใช้เรยกเรอน














จังหวัดชุมพร พระตาหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ หรืออาคารท่ประทับของเจ้านาย และกุฏิของ




บนเขาธงชัย ตาบลธงชัย อาเภอบางสะพาน จังหวัด สมเด็จพระสังฆราช กรณีท่เป็นเรือนของเจ้านาย




ประจวบคีรขนธ์ พระตาหนกเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ชนสูง หรออาคารท่ประทับของพระมหากษตรย์ จะใช้









ปากอ่าวมหาชัย วัดศรีสุทธาราม (วัดกาพร้า) ตาบล ค�าว่า “พระต�าหนัก” ทั่วประเทศไทยมี “ต�าหนัก” และ




บางหญ้าแพรก อาเภอเมองสมทรสาคร จงหวด “พระตาหนก” นับร้อยองค์ เช่น ตาหนักปลายเนิน




สมุทรสาคร พระตาหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ วังคลองเตย ตาหนักเรือนไทยท่ประทับของสมเด็จ



หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อาเภอ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์



สัตหีบ จังหวัดชลบุร พระตาหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ตาหนักจันทร์ และตาหนักเพ็ชร ในวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร



เชิงเขาแหลมสิงห์ อาเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุร ี ทประทบและทรงงานของสมเดจพระมหาสมณเจ้า




พระตาหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ของหน่วยปฏิบัติการ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ)

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรกษาฝั่ง ๔๙๑ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ท ี ่




บนเกาะหลีเป๊ะ ตาบลเกาะสาหร่าย อาเภอเมอง ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระต�าหนักจิตรลดารโหฐาน
จังหวัดสตูล พระตาหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ พระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร พระตาหนักท่มีช่อ




อาเภอเมือง จงหวัดระยอง พระตาหนกเสดจในกรม คล้องจองกัน ๔ องค์ คือ “เปี่ยมสุข ปลุกเกษม





หลวงชุมพรฯ ชายหาดแหลมศอก อาเภอเมือง เอิบเปรม เอมปรีด์” ในวังไกลกังวล อาเภอหัวหิน




จังหวัดตราด พระตาหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ จงหวดประจวบคีรีขันธ์ พระตาหนักทักษิณราชนิเวศน์





“เจ้านาย” ในท่น้หมายถึงเช้อสายของพระมหากษัตริย์นับต้งแต่ช้นหม่อมเจ้าข้นไป รวมถึงผู้ได้รับสถาปนาอิสริยยศข้นเป็นเจ้านาย โดยท่วไป







มักเรียกสั้น ๆ ว่า “เจ้า”
8
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


ต�าหนักจันทรที่ประทับสมเด็จพระสังฆราชในวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระต�าหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่





อาเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พระตาหนัก ท่เป็นข้อยกเว้นให้นาคาว่า “ตาหนัก” และ “พระต�าหนัก”





ภูพิงคราชนิเวศน์ อาเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ไปใช้เป็นคาเรียกช่อปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระรูปเขียน
พระตาหนักภูพานราชนิเวศน์ อาเภอภูพาน จังหวัด พระรูปปั้น หรือพระรูปหล่อเจ้านาย และสมเด็จ








สกลนคร พระตาหนักดอยตุง อาเภอแม่ฟ้าหลวง พระสังฆราช “ซ่งส้นพระชนม์แล้ว” หรือนาคาว่า











จังหวัดเชียงราย ท่ประทับทรงงานของสมเด็จ “พระตาหนก” ไปใช้เรยกชอปชนียสถานทประดษฐาน


พระศรีนครินทราบรมราชชนน ท้ง “ตาหนัก” และ พระบรมรูปปั้น หรือพระบรมรูปหล่อพระบูรพมหากษัตริย์



“พระตาหนัก” ดังกล่าวนิยมปลูกสร้างอยู่ในบริเวณวัง หรือพระมหากษัตริย์ “ซ่งเสด็จสวรรคตแล้ว” แต่อย่างใด
หรือพระราชวังเป็นส่วนใหญ่ เช่นกัน
ประเด็นที่ควรตั้งข้อสังเกต คือ ทั้ง “ต�าหนัก” และ


“พระต�าหนัก” มวัตถประสงค์ของการจดสรางท่เหมือนกน




อย่างหนึ่ง คือ “ต�าหนัก” สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ประทับ
ของเจ้านาย และสมเด็จพระสังฆราช “ขณะยังม ี
พระชนมชีพ” ส่วน “พระต�าหนัก” สร้างขึ้นเพื่อให้เป็น


ที่ประทบของเจ้านายช้นสง หรอพระมหากษัตรย์



“ขณะยังมีพระชนมชีพ” ดังน้น ในกรณีของ



“ตาหนัก” กับ “พระตาหนัก” เสด็จในกรม
หลวงชุมพรฯ น แม้จะไม่มีข้อห้ามนาคาว่า “ต�าหนัก” ไปใช้






เรียกช่อปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระบรมรูปปั้น
หรือพระบรมรูปหล่อเจ้านายช้นสูง หรือพระมหากษัตริย์


“ซงเสดจสวรรคตแล้ว” หรือพระบูรพมหากษัตริย์




ไว้อย่างชัดเจน แต่ท่ผ่านมาก็ยังไม่มีราชประเพณ ี พระรูปหล่อเสด็จในกรมฯ ในพระต�าหนักที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร
๖ สิ้นพระชนม์ เป็นราชาศัพท์ใช้แก่ พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้า จนถึงพระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้า และสมเด็จพระสังฆราช


สวรรคต เสด็จสวรรคต คาราชาศัพท์ใช้แก่ พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชิน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช

สยามมกุฎราชกุมาร และ พระบรมวงศ์ชั้นเจ้าฟ้าที่ทรงพระเศวตฉัตร ๗ ชั้น
นาวิกศาสตร์ 9
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



ดังน้น การท่หน่วยงานราชการ และองค์กรเอกชน มาจากคาว่า “ศาลา” ในภาษาสันสกฤต ตรงกับ




นาคาว่า “ตาหนัก” คาราชาศัพท์ท่ใช้เรียกเรือน หรือ ภาษาบาลีว่า “สาลา” ตามศัพท์แปลว่า “โรงเรือน






อาคารท่ประทับของเจ้านาย “ขณะยังมีพระชนมชีพ” ท่ผู้คนไปอาศัย หรือท่พัก” มักใช้ในรูปคาซ้อนเพ่อ

ไปใช้เรียกปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระรูปหล่อ ความหมายขยายความซ่งกันและกันว่า “ศาลาท่พก”





เสด็จในกรมหลวงชมพรฯ “ซ่งส้นพระชนม์แล้ว” ในภาษาไทยนิยมใช้เฉพาะคาว่า “ศาลา” หมายถึง




จึงเป็นการกระทาท่ไม่ถูกต้องตามราชประเพณ ี ห้องโถง (มีหลังคาและมีฝาล้อมรอบ) ห้องใหญ่ บ้าน




ท่สืบต่อกันมา และการนาคาว่า “พระตาหนัก” เพิง โรงสัตว์ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.


ราชาศัพท์ใช้เรียกเรือน หรืออาคารท่ประทับของ ๒๕๕๔ นิยาม “ศาลา” ว่าหมายถึง อาคารทรงไทย
เจ้านายช้นสูง หรือพระมหากษัตริย์ไปใช้เรียก

ปูชนียสถานที่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวง



ชุมพรฯ พระบรมวงศ์ช้นพระองค์เจ้า ซ่งส้นพระชนม์แล้ว
นอกจากจะเป็นการยกฐานะพระองค์ท่านให้สูงเกินจริงแล้ว

ยงเป็นการใช้คาราชาศพท์ผดหลกเกณฑ์ ผดฝาผิดตว ๘






ไม่ถูกกาลเทศะ อันอาจส่งผลทาให้พระองค์ท่าน


เส่อมพระเกียรต และทาให้เข้าใจฐานะพระองค์ท่าน


ผิดพลาดคลาดเคล่อนได้

ศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ แหลมปู่เจ้า อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุร ี

ปล่อยโถง ไม่กนฝา ใช้เป็นทพก หรอเพอประโยชน์









การงานอย่างใดอย่างหน่ง เช่น ศาลาวัด ศาลาท่พัก

ศาลาท่าน�้า โดยปริยายหมายถึง อาคารหรือสถานท ี ่
บางแห่ง ใช้เพื่อประโยชน์การงานอย่างใดอย่างหน่ง

เช่น ศาลาพักร้อน ศาลาสวดศพ เป็นต้น จากนิยาม
ความหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ภูมิปัญญาไทยไม่ได้นา


“ศาลา” มาใช้เป็นคาเรยกช่ออาคาร สถานทโดยตรง





แต่ใช้หมายถึง ตัวอาคารสถานท่ท่สร้างข้นมาใช้ประโยชน์


ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ�าเภอเมือง จังหวัดตาก
มีหลากหลายขนาด รูปแบบ และภารกิจ เช่น ศาลา




“ศาล” และ “พระตาหนักศาล” เสด็จในกรมหลวงชมพรฯ ขนาดย่อม ใช้สาหรับพักช่วครู่ช่วยาม ได้แก่ ศาลา



ในบรรดาปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระรูปหล่อ ริมทาง ศาลาท่านา ศาลาขนาดกลางและขนาดใหญ่


เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ “ศาล” ถือเป็นคาท่คนนิยม ใช้เป็นท่จัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น บาเพ็ญกุศล ทาบุญ










นามาใช้เรยกชอปชนยสถานทประดษฐานพระรปหล่อ ศึกษาเล่าเรียน แสดงธรรม และประชุม ได้แก่




ของพระองค์ท่านมากท่สุด เน่องจากมีจานวนนับร้อย ศาลาการเปรียญ ศาลาบ�าเพ็ญกุศลศพ ศาลาประชาคม






แห่งท่วประเทศ คาว่า “ศาล” [สาน] ในภาษาไทย ศาลาปฏิบติธรรม ศาลาอเนกประสงค์ ส่วนศาลากลาง

ผิดฝาผิดตัว (ส�านวน) หมายถึง ไม่เข้าชุดกัน ไม่เข้าคู่กัน คนละพวก คนละฝ่าย คนละชั้น
10
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔





จงหวด ใช้เป็นศนย์กลางการบรหารงานของจังหวัด ๒. ศาล (shrine) คือ สถานท่ท่สิงสถิตของ



เป็นสานักงานของข้าราชการบริหารด้านการปกครอง เทวดา เทพารักษ์ หรือเจ้าผี เช่น ศาลเทพารักษ์ ศาลเจ้า


ระดับจังหวัด เป็นต้น ศาลเจ้าแม่ทบทิม ศาลเพยงตา ศาลเจ้าท ศาลพระภม ิ



ศาลพระพรหม ศาลพระกาฬ ศาลหลักเมือง เป็นต้น
โดยปริยายยังหมายรวมไปถึงสถานที่บูชา เช่น แท่นบูชา
หิ้งบูชา อาราม สถูป เจดียสถาน และปูชนียสถานต่าง ๆ
ได้อีกด้วย


คตินิยมในการนาคาว่า “ศาล” มาใช้เรียกช่อ

ปูชนียสถานทประดิษฐานส่งศักด์สิทธ และรูปเคารพ






ต่าง ๆ รวมถึง “ศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ” ที่เป็น
ประเด็นต้งข้อสังเกตในบทความเร่องน มีท่มาจาก














ภมปัญญาไทยทเช่อวาเมอปลูกสรางบานเรอนท่อยอาศย






สาหรับคนแล้ว ก็ควรจะสร้างสถานที่ให้เป็นท่สถิต


ของพระภูมิ เจ้าที่ หรือผีบ้านผีเรือนไปพร้อมกัน เพื่อให้
พระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ภายในศาลแหลมปู่เจ้า ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ และบันดาล



ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ ให้เกิดแต่ส่งด ๆ มีความสุขความเจริญ และคาท ่ ี







ให้นิยามความหมายคาว่า “ศาล” ท่กร่อนมาจาก สมควรใช้เรียกสถานท่ท่สถิตของพระภูม เจ้าท หรือ

“ศาลา” ไว้ ๒ นัย ผีบ้านผีเรือน ก็คือ “ศาล” เพราะคาว่า “ศาล”ตามนัยน ้ ี


๑. ศาล (court) คือ สถานท่ท่ชาระความ เป็นที่พักอาศัยอเนกสถานะ ไม่ก�าหนดเพศ อายุ ยศถา

และองค์กรท่มีอ�านาจพิจารณาพิพากษาอรรถคดีโดย บรรดาศักด สามารถใช้ได้ท้งกับมนุษย์และอมนุษย์




ดาเนินการตามรัฐธรรมนูญ และในพระปรมาภิไธย ส่งท่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ซ่งคตินิยมน้ถือปฏิบัติสืบต่อ








พระมหากษตรย์ ได้แก่ ศาลรฐธรรมนูญ ศาลยติธรรม เป็นมรดกตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน

ศาลปกครอง ศาลทหาร ดังน้น “ศาล” ในคตินิยมของคนไทยจึงเป็นสัญลักษณ์




ของปูชนียสถาน หรือสถานท่ท่ควรเคารพบูชา ซ่ง
สอดคล้องกับนิยามความหมายคาว่า “ศาล” ในพจนานุกรม




ฉบับราชบณฑตยสถานท่วา “...โดยปริยาย ศาลยังหมายรวม


ไปถึงสถานทบูชา เช่น แท่นบชา ห้งบชา อาราม




สถูป เจดียสถาน และปูชนียสถานต่าง ๆ” อีกด้วย


ซ่งตามนิยามความหมายน “ศาล” ของใคร ก็มีสถานะเป็น



ปูชนียสถานของผู้น้น ได้แก่ ศาลพระภูม ศาลเจ้าท ศาล


สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราช เป็นต้น หรือ “ศาล” ของอะไร ก็มีสถานะเป็น


ปูชนียสถานของส่งน้น เช่น ศาลหลักเมือง ของจังหวัด
ต่าง ๆ เป็นต้น
ปูชนียสถานศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
นาวิกศาสตร์ 11
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

ต่อไป เป็นเพราะภูมิปัญญาไทยตระหนักดีว่าอะไรควร



ไม่ควร เป็นเพราะภมปัญญาไทยใช้ปัญญาประกอบ
ศรัทธา ทาให้การยกย่อง เชิดช บูชาวัตถ หรือบุคคล




ท่ควรบูชาเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล และเป็นเพราะ
ภูมิปัญญาไทยรู้ว่าจะบูชาปูชนียวัตถ และปูชนียบุคคล

ด้วยของที่ควรบูชาอย่างไรจึงจะถูกต้องเหมาะสม
“ศาล” เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ หลังแรก
๑๐

จากเอกสารท่เป็น “บันทึกของลุงน้อม” ในหนังสือ
“อนุสรณ์ท่านหญิงเริง” (หม่อมเจ้าเริงจิตรแจรง อาภากร)

ซ่งรวบรวมและเรียบเรียงโดย พลเรือตรี กรีฑา
พรรธนะแพทย์ ได้บอกเล่าไว้ว่า... หลังจากเสด็จในกรม
หลวงชุมพรฯ ส้นพระชนม์แล้วหลายปี ได้มีผู้คิดริเร่ม




ต้งศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ข้นเป็นหลังแรกและ
แห่งแรกบริเวณใต้ต้นหูกวาง ท่หาดทรายร ซ่งเสด็จในกรม



ปูชนียสถาน ศาลพระภูมิ และศาลเจ้าที่ หลวงชุมพรฯ ทรงใช้เป็นตาหนักท่ประทับขณะยังม ี



การท่ภูมิปัญญาไทยเรียกปูชนียสถานท่ประดิษฐาน พระชนมชีพ และยังใช้เป็นท่พักพระศพของพระองค์ท่าน



รูปเคารพและสัญลักษณ์ของส่งศักด์สิทธ์รูปแบบต่าง ๆ เพ่อรอให้เรือหลวงพระร่วงมาอัญเชิญเข้ากรุงเทพ ฯ




เช่น ศาลพระภูม ศาลเจ้าท ศาลหลักเมือง ใช้เรียก ความเป็นมาของศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ




ปชนียสถานท่ประดษฐานพระบรมรปปน พระบรมรปหล่อ หลังแรกและแห่งแรกน้เกิดจาก นายเทยม ทิพย์นม









พระบูรพมหากษัตริย์ เช่น ศาลสมเด็จพระนเรศวร ชาวบ้านปากนา ได้ออกไปทาการประมงพร้อมกับลูกน้อง

มหาราช ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และ ขณะเรือแล่นผ่านระหว่างเกาะมะพร้าวกับหาดทรายร ี


เรียกปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรม ถูกพายุใหญ่พัดกระหนาอย่างหนัก ต้องจอดทอดสมอ


หลวงชุมพรฯ ท่มีจานวนนับร้อยแห่งท่วประเทศ สู้คลื่นอยู่บริเวณนั้นไม่รู้จะท�าประการใด จึงบนบานศาล



ด้วยคาว่า “ศาล” เหมือนกันหมดน้นไม่ใช่เพราะ กล่าวขอพระบารมีเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ เป็นท่พ่งว่า




ภูมิปัญญารู้จักแต่คาว่า “ศาล” เท่าน้น ไม่ใช่เพราะ ถ้าปลอดภัยกลับไปได้จะยกศาลถวาย เม่อปลอดภัย


ภูมิปัญญาไทยไม่รู้หลักเกณฑ์การใช้คาราชาศัพท์ กลับไปแล้วจึงได้ยกศาลข้นบริเวณใต้ต้นหูกวางท่เคยเป็น




และไม่ใช่เพราะภูมิปัญญาไทยเป็นพวกหัวโบราณ ต�าหนักที่ประทับ โดยใช้ไม้เคี่ยมท�าเสา ๖ ต้น เรือนศาล

ไม่ยอมปรับปรุง เปล่ยนแปลง แต่เป็นเพราะ กว้าง ๓ ศอก ยาว ๕ ศอก มุงบังด้วยสังกะสีสามด้าน
ภูมิปัญญาไทยตระหนักในคุณค่าของคตินิยม และ เช่นเดียวกับศาลพระภูมิและศาลเจ้าท่ท่วไป ต่างกันท ี ่








ขนบธรรมเนียมประเพณีท่ถูกต้องดีงาม ท่บรรพบุรุษ ภายในศาลไมมรปเคารพทเปนพระรปถาย หรอพระรปหลอ







อุตส่าห์ส่งมอบเป็นมรดก จึงพยายามรักษาและสืบทอด เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ แต่อย่างใด
๙ หัวโบราณ หมายถึง นิยมตามแบบเก่าแก่ (ปาก) ครึมากล้าสมัย
๑๐
นายน้อม ภูมิสุวรรณ ซึ่งเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ เรียกว่า “ไอ้ด�า” เป็นบุตรหมื่นชาติ ภูมิสุวรรณ (นายพับ) ผู้ใหญ่บ้าน และมหาดเล็กถวายงาน
เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ในช่วงประทับที่หาดทรายรี (เกิด พ.ศ. ๒๔๔๗ ถึงแก่กรรม ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๖ สิริอายุ ๘๙ ปี)
12
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

ลุงน้อมฯ ชี้ให้ดูที่ตั้งต�าหนักที่ประทับเดิมที่หาดทรายรี
พันตรี แสงฯ ท�าพิธีถวายเครื่องบวงสรวงเพื่อถอนศาลเดิม ความเป็นมาของศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ หลังแรก

จากเอกสารท่เป็น “บันทึกของลุงน้อม” ยังได้บอก และแห่งแรกแล้ว ยังมี “บันทึกของลุงแสง” ที่บอกเล่า





เล่าต่อว่า ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ นายฮวด สุคนธาภิรมย์ ถึงความเป็นมาของ “พระตาหนักศาล” ท่หาดทรายร ซ่ง




ชาวสุราษฎร์ธาน มาซ้อท่ปลูกบ้านและทาสวนท ี ่ พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์ ได้รวบรวมและน�ามา

หาดทรายร ได้เห็นศาลหลังแรกทรุดโทรมจึงช่วย เรียบเรียงไว้ในหนังสือ “อนุสรณ์ท่านหญิงเริง” ว่า...วันท ่ ี
ซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม และยังได้สร้างศาลใหม่ข้น ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒ พันตร แสง จุละจาริตต์ ๑๑


อีกหลังหน่งใกล้กับศาลหลังแรก แต่ภายในศาลหลังใหม่น ้ ี ผู้อานวยการฝ่ายการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย


ก็ยังไม่มีรูปเคารพท่เป็นพระรูปถ่าย หรือพระรูปหล่อ พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าท่การรถไฟ ได้รับทราบถึง


เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ เช่นเดียวกับศาลหลังแรก พระเกียรติคุณของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ จึงได้


เดินทางด้วยเรือตังเกมาท่หาดทรายรีเพ่อสักการบูชา



และได้พบว่าศาลเดิมท้งสองหลังท่สร้างอยู่บริเวณพ้นท ี ่




ท่เคยเป็นตาหนักท่ประทับน้น มีสภาพทรุดโทรมอย่างมาก







ทงมขนาดเลก และไม่สมพระเกยรต จงปรกษากบ


คณะเจ้าหน้าท่การรถไฟเพ่อหาทางสร้างศาลหลังใหม่



ท่สมพระเกียรติถวาย โดยให้วิศวกรเขตบารุงทางชุมพร

ช่วยออกแบบเรือนศาลเป็นอาคารไม้ทรงไทยตรีมุข
หลังคามุงด้วยกระเบ้องลอนคู่หนา ๕ มิลลิเมตร กว้าง

๓.๘๐ เมตร ยาว ๔.๓๐ เมตร ยกพื้นสูงจากระดับพื้นดิน
๐.๐๘ เมตร มุขด้านหน้าที่ยื่นออกไปทางทะเลมีลูกกรง
พันตรี แสงฯ อัญเชิญพระรูปถ่ายประดิษฐานภายในพระต�าหนักศาล


ไม้ก้น มีบันไดข้นลงทางด้านขวาของมุขด้านหน้า
ความเป็นมาของ “พระตาหนักศาล”เสด็จในกรม บริเวณหน้าศาลต้งเสาสูงชักธงราชนาวีสัญลักษณ์


หลวงชุมพรฯ กองทัพเรือเหนือหาดทรายรีเป็นครั้งแรก โดยใช้ค�าเรียก
นอกจาก “บันทึกของลุงน้อม” ท่บอกเล่าให้รู้ถึง ปูชนียสถานแห่งนี้ว่า “พระต�าหนักศาล”

๑๑
พันเอก แสง จุละจาริตต์ อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ล�าดับที่ ๑๓ ( ๑ มกราคม ๒๕๐๘ ถึง ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔)
นาวิกศาสตร์ 13
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



การท พันตรี แสง จุละจาริตต์ ใช้คาเรียกช่อ


ปูชนียสถานท่จัดสร้างข้นใหม่ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ ว่า


“พระตาหนักศาล” สามารถต้งข้อสังเกตและวิเคราะห์ได้


เป็น ๒ ประเด็น
๑. พันตรี แสง จุละจาริตต์ ใช้ค�าว่า “พระต�าหนัก”

นาหน้าคาว่า “ศาล” เน่องจาก ต้องการให้เห็นความ


แตกต่างระหว่างปูชนียสถานศาลเดิมท่มีขนาดเล็ก



ภายในเรือนศาล ไม่มีรูปเคารพ หรือสัญลักษณ์ท่ส่อถึง
ความเป็นปูชนียสถานของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ

แต่อย่างใดเลย ในขณะท่ปูชนียสถานท่สร้างข้นใหม่







พระรูปถ่ายเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ในพระต�าหนักศาล



หลังจากน้น ได้มีพิธีถวายพระตาหนักศาล และ
อัญเชิญพระรูปถ่ายเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ประดิษฐาน


ไว้เป็นรูปเคารพภายในพระตาหนักศาล เม่อวันอาทิตย์
ที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๒

ต่อมา ในช่วงวันท ๑๔ - ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ แหลมปู่เจ้า อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุร ี



๒๕๐๗ พันตรี แสง จุละจาริตต์ ซ่งได้เล่อนตาแหน่ง แม้จะจัดสร้างบนพ้นท่ท่เคยเป็นตาหนักท่ประทับของ








เป็นรองผู้ว่าการด้านเดินรถและขนส่ง การรถไฟ เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ และใช้คาว่า “พระตาหนัก

แห่งประเทศไทย ได้อัญเชิญพระรูปหล่อเต็มพระองค์ ศาล” แต่ผู้สร้างประสงค์ให้เป็น “ท่ประดิษฐาน”



ซ่งประกอบพิธีเททองหล่อพระรูปทกองหัตถศิลป์ มากกว่าให้เป็น “ที่ประทับ” โดยได้อัญเชิญพระรูปถ่าย

กรมศิลปากร ขนาดสูงพร้อมฐาน ๙๐ เซ็นติเมตร เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ประดิษฐานไว้ภายใน เพ่อ

มาโดยทางรถไฟ เมื่อไปถึงพระต�าหนักศาลที่หาดทรายรี เป็นรูปเคารพให้คนได้สักการบูชาอีกด้วย จึงเป็นเหตุผล
ได้จัดให้มีงานเฉลิมฉลองพระรูปหล่อในตอนเย็น ให้ใช้คาว่า “พระตาหนักศาล” เพ่อให้คนท่วไปได้รับรู้ว่า







วันเดียวกัน และในวันท ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๗ เป็นปูชนียสถานท่ประดิษฐานรูปเคารพของเจ้านาย
ได้ทาพิธีมอบพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ และให้ความส�าคัญตั้งแต่แรกเห็น




พร้อมพระตาหนกศาลแก่ นายส่ง มีมุทา ผ้ว่าราชการ ๒. พันตร แสง จุละจาริตต์ ใช้ค�าเรียกช่อปูชนียสถาน


จังหวัดชุมพรคนท ๒๖ (๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๐ ท่สร้างแทนศาลเดิมว่า “พระตาหนัก” ซ่งเป็นการใช้






ถึง ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๑) เพื่อให้เป็นปูชนียสถาน คาราชาศัพท์ผิดฝาผิดตัว เน่องจากในปี พ.ศ.๒๕๐๒

ส�าคัญของชาวชุมพรสืบไป เร่องหลักเกณฑ์การใช้คาราชาศัพท์ให้ถูกต้องตามแบบ


14
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

ธงราชนาวีโบกสะบัดเหนือหาดทรายรี หน้าพระต�าหนักศาล เป็นครั้งแรก


ธรรมเนียมปฏิบัติของราชสานัก ยังไม่เป็นท่แพร่หลายเช่น สรุป





ในปัจจุบัน ซ่งต่างจากการนาคาว่า “ตาหนัก” และ เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ทรงเป็นสัญลักษณ์ของ


“พระตาหนัก” ไปใช้เรียกปูชนียสถานท่ประดิษฐาน กองทัพเรือ และเป็นท่เคารพรักย่งของทหารเรือ หากมีใคร


พระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ กรณีอ่น ๆ กระท�าการใด ๆ บิดเบือนพระประวัติให้ผิดเพี้ยนไปจาก

ท่ผู้สร้างไม่ตรวจสอบหลักเกณฑ์การใช้คาราชาศัพท์ ความเป็นจริง และทาให้เข้าใจพระองค์ท่านผิดพลาด



ให้เป็นไปโดยถูกต้องเสียก่อน ท้ง ๆ ท่สามารถสืบค้น คลาดเคลื่อนไปจากที่ทรงเป็น กองทัพเรือ และทหารเรือ




ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ช่องทางต่าง ๆ ย่อมถือเป็นหน้าท่ท่จะต้องปกป้องพระเกียรติคุณของ




ได้โดยง่ายแค่เพียงปลายน้วสัมผัส และยังเจตนาให้ พระองค์ท่านอย่างเต็มท่ด้วยการช้แจง ทาความเข้าใจ
ปูชนียสถาน “ต�าหนัก” และ “พระต�าหนัก” ที่จัดสร้าง และหาวิธีแก้ไขให้เป็นไปโดยถูกต้องเหมาะสม และ
น้นเป็น “ท่ประทับ” ของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ สมพระเกียรติให้มากท่สุด ดังเช่นกรณีท่กองทัพเรือ





ท้ง ๆ ท่รู้ดีว่าพระองค์ท่านส้นพระชนม์แล้ว มากกว่า มีประกาศแก้ไขให้ใช้คาว่า “องค์บิดาของทหารเรือไทย”



๑๒
ให้เป็น “ที่ประดิษฐาน” พระรูปหล่อของพระองค์ท่าน แทนคาว่า “พระบิดาของกองทัพเรือไทย” และให้

ซึ่งถือเป็นความบกพร่องโดยเจตนา ตรวจสอบข้อเท็จจริง “บันทึกของเสด็จในกรม
๑๒
กองทัพเรือได้มีการขนานพระนามเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ มาแล้วถึง ๓ คร้ง ดังนี “พระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย” ในประกาศกองทัพเรือ เม่อ ื


วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๖ ต่อมาได้สั่งการด้วยวาจาให้แก้ไขเป็น “พระบิดาของกองทัพเรือไทย” ในประกาศกองทัพเรือฉบับเดียวกัน และ
ล่าสุดมีประกาศกองทัพเรือแก้ไขเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๔
นาวิกศาสตร์ 15
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

๑๓
๑๔

หลวงชุมพรเขตต์อุดมศักด์” จนได้ข้อสรุปว่าบันทึกดังกล่าวเป็นการแอบอ้างพระดารัสของพระองค์ท่าน ให้เห็น


เป็นแบบอย่างมาแล้ว สาหรับกรณีการยกฐานะพระองค์ท่านไปเทียบกับเทพเจ้า โดยเรียกปูชนียสถาน


ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อพระองค์ท่านว่า “เทวาลัย” และ “พระวิหารเทวสถิต” ก็ด การยกฐานะพระองค์ท่าน



ให้สูงเกินจริง โดยเรียกปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระรูปหล่อพระองค์ท่านว่า “พระตาหนัก” ก็ด และการใช้
คาราชาศัพท์ไม่ถูกต้องตามกาลเทศะ โดยเรียกปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระรูปหล่อพระองค์ท่านว่า “ตาหนัก”




ก็ด นอกจากต้องมีมาตรการอย่างใดอย่างหน่งเพ่อแก้ไขแล้วยังต้องมีมาตรการป้องกันควบคู่กันไปด้วย กล่าวคือ


ควรมีการช้แจง ทาความเข้าใจ และขอความร่วมมือให้ใช้คาเรียกช่อปูชนียสถานท่ประดิษฐานพระรูปหล่อ






เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ว่า “ศาล” เพ่อให้เป็นแบบเดียวกันกับการเรียกช่อปูชนียสถานของพระบูรพมหากษัตริย์



และปูชนียสถานของบุคคลหรือส่งท่ควรบูชาอ่น ๆ ซ่งจะเป็นการเชิดช บูชา และเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน



ที่สมเหตุสมผลอย่างแท้จริง
เอกสารและข้อมูลอ้างอิง
๑. กองทัพเรือ ร่วมด้วย “กลุ่มเรารักท่านหญิงเริง” “อนุสรณ์ท่านหญิงเริง” (จาก “บันทึกของลุงน้อม” จนถึง
“บันทึกของลุงแสง” โดย พลเรือตร กรีฑา พรรธนะแพทย์)” จัดพิมพ์เพ่อเป็นอนุสรณ์แด่ หม่อมเจ้าเริงจิตรแจรง


อาภากร พิมพ์ที่กองโรงพิมพ์ กรมสารบรรณทหารเรือ พ.ศ.๒๕๓๗
๒. กรีฑา พรรธนะแพทย์ พลเรือตร “นานไปเขาไม่ลืม...วันอาภากร” นิตยสารนาวิกศาสตร์ ฉบับเดือนพฤษภาคม

๒๕๓๖
๓. “พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔” กรุงเทพฯ จัดพิมพ์ พ.ศ.๒๕๕๖
๔. https://www.motiongraphicplus.com/archives/tag/(หลักเกณฑ์การใช้ราชาศัพท์)

๕. https://th-th.facebook.com/abhakara.th/posts/512990148771426:3 (พระดารัสสมเด็จ
พระเจ้าพ่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ - ขอให้หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ


เว้นใช้คาว่า “พระบิดา.....” เปลี่ยนเป็นใช้ค�าว่า “องค์บิดา.....” แทน)

๖. https://prachatai.com/journal/2015/10/62122 (กองทัพเรือช้แจง “บันทึกของเสด็จในกรมหลวงชุมพร
เขตต์อุดมศักดิ์” ไม่ใช่พระด�ารัสจริง)




๑๓
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๒๘ พระภิกษุรูปหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นโอรสของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ น�าใบปลิว (บันทึกของเสด็จในกรมหลวง
ชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์) มาแจกในงาน “เทิดพระเกียรติ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดม
ศักดิ์” ที่หาดทรายรี อ�าเภอเมือง จังหวัดชุมพร ซึ่งจัดระหว่าง ๑๖ - ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๘
๑๔

บันทึก สลก.ทร. (กองประชาสัมพันธ์) ท กห ๐๕๐๑/๑๓๐ ลง ๑๘ ม.ค.๔๕ เร่อง การตรวจสอบบันทึกพระดารัสของ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ



กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสนอ นขต.ทร.และหน่วยเฉพาะกิจ ทร.เพื่อโปรดทราบและประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการและประชาชนทั่วไปได้ทราบ
ต่อไปด้วย
16
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

วันสถาปนากองเรือตรวจอ่าว




ครบรอบ ๖๘ ปี




กองเรือตรวจอ่าว


กล่าวน�า ประวัติกองเรือตรวจอ่าว
กองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ (กตอ.กร) ในปี พ.ศ.๒๔๗๖ กระทรวงทหารเรือ ได้ถูกปรับลด

เป็นกองเรือท่ได้ก่อต้งข้นมาในสมัยแรก ๆ ของกองทัพเรือ ขนาดองค์กรเป็นกองทัพเรือ ข้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม



และได้ปฏิบัติภารกิจในการปกป้องอธิปไตยของชาต ิ และมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างมาเป็นล�าดับ จนกระทั่ง
ทางทะเลมาอย่างยาวนาน โดยได้ถือกาเนิดการก่อต้ง พ.ศ.๒๔๙๔ กองทัพเรือได้พิจารณาปรับโครงสร้าง



กองเรือมาตั้งแต่วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๖ ตลอด และเปล่ยนช่อ “กองเรือรบ” ซ่งแต่เดิมประกอบด้วย


ระยะเวลากว่า ๖๘ ปีท่ผ่านมา กองเรือตรวจอ่าวได้สะสม เรือตามประเภท ๔ หมวดเรือ ได้แก่ หมวดเรือปืน

ความรู้ประสบการณ์อันยาวนานในการปกป้องท้องทะเล หมวดเรือใช้ตอร์ปิโด หมวดเรือช่วยรบ และหมวดเรือ


ทั้ง ๒ ด้านตลอดความยาว ๑,๕๐๐ ไมล์ทะเล วันที่ ๕ พระท่น่ง เป็นช่อใหม่คือ “กองเรือยุทธการ” และในวันท ี ่

กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๔ จึงถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนา ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๖ กองเรือยุทธการได้แบ่งส่วน
กองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ ครบรอบ ๖๘ ปี ราชการเป็น ๔ กองเรือ ได้แก่ กองเรือตรวจอ่าว

“กองเรือตรวจอ่าว จะเป็นหน่วยท่มีความเป็นเลิศ กองเรือปราบเรือด�าน�้า กองเรือทุ่นระเบิด และ กองเรือ
ในการปฏิบัติการทางเรือ สาขาการรบผิวนา ภายใต้ บรการ โดยได้รวมกจการของหมวดเรอปืน และ







การบริหารจัดการท่เน้นคุณภาพเป็นสาคัญ” คือ หมวดเรือใช้ตอร์ปิโด เป็นหน่วยเดียวกัน ภายใต้กองเรือ


วิสัยทัศน์ท่กาลังพลทุกนายของกองเรือตรวจอ่าวยึดถือ ที่ชื่อว่า “กองเรือตรวจอ่าว” และใช้ค�าย่อว่า “กตอ.”









และมุ่งมั่น ร่วมมือร่วมใจกันเพื่อพัฒนาขีดความสามารถ กองเรือตรวจอ่าว จงได้ถอกาเนดข้นมานบต้งแต่บัดนน



ในการเป็นกาลังรบหลักทางเรือท่เป็นเข้ยวเล็บสาคัญ โดยในขณะน้นมีเรือปืน และเรือใช้ตอร์ปิโด เป็นเรือ


ของกองเรือยุทธการและกองทัพเรือ สองประเภทแรกที่สังกัดในกองเรือตรวจอ่าว

กองเรือตรวจอ่าว ได้พัฒนาข้นมาตามล�าดับ


ยาม ระยิบยับ คลื่นคล้อ ทรายขาว จากเรือปืน และเรือใช้ตอร์ปิโด ซ่งปลดประจาการไป


สงบ เงียบใต้ แสงดาว เกลียวคลื่น ตามอายุการใช้งาน และได้มีการข้นระวางประจาการเรือ

เรา คือเพชร สุกสกาว วับวาว ดาบชาติ ประเภทต่าง ๆ อย่างต่อเน่อง ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๕๒





ดัง เหล็กกล้า ทั่วพื้น พรั่งพร้อม พอเพียง กองเรอยทธการได้มการปรบโครงสร้างใหม่ โดยได้ปรบ
นก น้อยตัว หนึ่งนี้ บินว่อน ย้ายเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง และเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง

นางนวล ท่องทั่ว สาคร น่านน�้า ไปสังกัดกองเรือยามฝั่ง (กยฝ.กร.) ทาให้ในปัจจุบัน

ข้าศึก เราตัดรอน ลิดล้าง ท�าลาย กองเรือตรวจอ่าว มีเรือในสังกัด จานวน ๔ ประเภท







รบกวน คิดรุกล�้า มอดม้วย หมดสิ้น รวม ๑๘ ลา ได้แก่ เรอเรวโจมตอาวธปล่อยนาวถ ี
เรา คือนักรบ ผิวน�้า ชื่อก้อง เรือเร็วโจมตีปืน เรือตรวจการณ์ปืน และเรือตรวจการณ์



ร้าย กาจหาก ได้ลอง จึ่งรู้ ไกลฝั่ง ซ่งเรือท่ประจาการในปัจจุบันได้พัฒนาตาม

เยี่ยง อย่างต่าง แซ่ซ้อง ฤทธิ์ร้าย เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทาให้กองเรือตรวจอ่าวมีขีด

ฉลาม พิฆาต นักสู้ ของชาติ ราชนาวี ความสามารถเพียงพอท่จะรับมือกับภัยคุกคาม และ
นาวิกศาสตร์ 17
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



สถานการณ์ท่เปล่ยนแปลงไปตามสภาวะการณ์ปัจจุบัน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมกับคาขวัญของกองเรือตรวจอ่าว



ท่ว่า “ยามสงบเราด่งนกนางนวล ข้าศึกรบกวนเรา
ร้ายเยี่ยงฉลาม” โดยกองเรือยุทธการได้จัดเรือประเภท
ต่าง ๆ ของกองเรือตรวจอ่าว ออกปฏิบัติราชการกับ
ทัพเรือภาคที่ ๑ ทัพเรือภาคที่ ๒ ทัพเรือภาคที่ ๓ และ
หน่วยเฉพาะกิจต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ท้งทะเลฝั่งอ่าวไทย



และทะเลฝั่งอันดามัน ทาให้คากล่าวท่ว่า “ตลอด ๒๔


ช่วโมง จะต้องมีธงราชนาวีของเรือในกองเรือตรวจอ่าว
โบกสะบัดในท้องทะเลไทย” เป็นความจริงช่วนิจนิรันดร์ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุดเรือหลวงปัตตานี




ซ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของกาลังพลทุกนายท่ได้



ทาหน้าท่อันสาคัญในการเฝ้าดูแลรักษาผลประโยชน์
ของชาติทางทะเลอยู่ตลอดเวลา

ภารกิจ และการจัดส่วนราชการ
กองเรือตรวจอ่าว เป็นหน่วยข้นตรงของกองเรือ

ยุทธการ มีภารกิจในการจัดเตรียมกาลังสาหรับการ




ปฏิบัติการรบผิวนา ปัจจุบันกองเรือตรวจอ่าวมีการจัด
ส่วนราชการ ดังนี้
๑. กองบัญชาการ มีหน้าท่กาหนดนโยบาย วางแผน เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุดเรือหลวงกระบี่


อ�านวยการ ประสานงาน และก�ากับการปฏิบัติการของ ๔. หมวดเรือท่ ๒ ประกอบด้วย เรือเร็วโจมต ี



หน่วยตามท่ได้รับมอบหมาย มีหน่วยในบังคับบัญชา อาวุธปล่อยนาวีถี (เรือ รจอ.) จานวน ๓ ลาได้แก่ ชุด



๑ กอง ๗ แผนก ได้แก่ กองช่าง แผนกธรการ เรือหลวงราชฤทธ์ (ร.ล. ราชฤทธ์ ร.ล. วิทยาคม






แผนกกาลงพล แผนกยทธการและข่าว แผนกส่งกาลง (ปลดระวาง) ร.ล. อุดมเดช (ปลดระวาง))







บารุง แผนกส่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ แผนก เรอเรวโจมตปืน (เรือ รจป.) จานวน ๓ ลา ได้แก่

พลาธิการ และแผนกการเงิน ชุดเรือหลวงชลบุรี (ร.ล. ชลบุรี ร.ล. สงขลา ร.ล. ภูเก็ต)

๒. กองร้อยกองบัญชาการ มีหน้าท่สนับสนุน
ทางธุรการ การรักษาความปลอดภัย และการบริการ
ท่วไป ให้แก่กองบัญชาการกองเรือตรวจอ่าว โดยม ี

หน่วยในบังคับบัญชา ๓ หน่วย ประกอบด้วย
กองบังคับการกองร้อย หมวดบริการ และหมวดป้องกัน

๓. หมวดเรือท่ ๑ ประกอบด้วย เรือตรวจการณ์



ไกลฝั่ง (เรือ ตกก.) จานวน ๔ ลา ได้แก่ ชุดเรอหลวง
ปัตตานี (ร.ล. ปัตตานี ร.ล. นราธิวาส) ชุดเรือหลวงกระบี่
(ร.ล. กระบี่ ร.ล. ประจวบคีรีขันธ์) เรือเร็วโจมตอาวุธปล่อยน�าวีถี ชุดเรือหลวงราชฤทธิ์

18
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

เรอตรวจการณ์ปืน ชุดเรือหลวงหัวหิน





เรือเร็วโจมตีปน ชุดเรือหลวงชลบุรี

๕. หมวดเรือที่ ๓ ประกอบด้วย เรือตรวจการณ์ปืน
(เรือ ตกป.) จ�านวน ๑๐ ล�า ได้แก่ ชุดเรือหลวงสัตหีบ
(ร.ล. สัตหีบ ร.ล. คลองใหญ่ ร.ล. ตากใบ) ชุดเรือหลวง
กันตัง (ร.ล. กันตัง ร.ล. เทพา ร.ล. ท้ายเหมือง)
ชุดเรือหลวงหัวหิน (ร.ล. หัวหิน ร.ล. แกลง ร.ล. ศรีราชา)

และ ชุดเรือหลวงแหลมสิงห์ เรอตรวจการณ์ปืน ชุดเรือหลวงแหลมสิงห์
ในห้วงที่ผ่านมา กองเรือตรวจอ่าวมีการด�าเนินการ





เพ่อดารงและเพ่มขีดสมรรถนะของกาลังพล และอาวุธ


ยุทโธปกรณ์ เพ่อให้มีความพร้อมท่จะปฏิบัติหน้าท ี ่



ท่ได้รับมอบหมายท่สาคัญ ได้แก่ การฝึกความพร้อม

องค์บุคคล และยุทธวิธ ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔

โดยได้ดาเนินการฝึก ระหว่างวันท่ ๒ พฤศจิกายน ถึง ๑๒



ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓ ซ่งแบ่งช่วงการฝึกเป็น ๓ ห้วงการฝึก
คือ การฝึกในท่า การฝึกในทะเล และการสรุปบทเรียน

จากการฝึก เพ่อปรับปรุงพัฒนาการฝึกและหลักนิยม
เรอตรวจการณ์ปืน ชุดเรือหลวงสัตหีบ ในการรบผิวน�้าต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

๑. เพื่อให้ก�าลังพลมีความรู้ความช�านาญ สามารถ
ปฏิบัติงานเป็นทีม ในด้านการปฏิบัติการทางเรือ สาขา
การรบผิวน�้าได้


๒. เพ่อให้กาลังพลมีความพร้อมท่จะปฏิบัติหน้าท่ ี




ในตาแหน่งท่รับผิดชอบ ท้งในลักษณะเป็นรายบุคคล
และปฏิบัติงานเป็นทีมภายในเรือ การปฏิบัติการร่วมกับ
เรือประเภทเดียวกัน กับเรือท่ใกล้เคียงกัน หรือต่างประเภท


เรอตรวจการณ์ปืน ชุดเรือหลวงกันตัง กันได้
นาวิกศาสตร์ 19
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


๓. เพ่อตรวจสอบความพร้อมองค์ยุทธวิธี ตามขีด กรกฎาคม ถึง เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔ และมีวัตถุประสงค์



ความสามารถการปฏิบัติการทางเรือ ที่กองเรือตรวจอ่าว ของการฝึกเพ่อเพ่มพูนความรู้ ความสามารถของกาลังพล





รับผิดชอบ เพ่อเป็นข้อมูลในการจัดทาหลักนิยมด้านการ หน่วยเรือ ให้มีความพร้อมท่จะปฏิบัติหน้าท่ในตาแหน่ง




ปฏิบัติการทางเรือสาขาการรบผิวนา ซ่งสามารถนาไป ท่รับผิดชอบ และการปฏิบัติงานเป็นทีมภายในเรือ

ใช้อ้างอิงในการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ เตรียมข้อมูล รวมทั้งการปฏิบัติงานร่วมกับเรือประเภทเดียวกัน หรือ
สาหรับทาแนวทางการใช้เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง และ เรือต่างประเภท ตลอดจนเสริมสร้างความสัมพันธ์



จัดหายุทโธปกรณ์โครงการเสริมสร้างกาลังกองทัพ ทางทหารระหว่างประเทศ ระยะเวลาการฝึกประมาณ
ในอนาคต ๗ วัน
๔. บูรณาการการฝึกฯ ในช่วงการฝึกในทะเล ภาพการฝึก Thalay Laut


เพ่อฝึกการปฏิบัติการร่วมกันเป็นกองเรือ และกาหนด
ให้การฝึกต้องผ่านมาตรฐานในระดับ Safe To Sail และ
Basic Tactic
๕. เพ่อให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน

ท้งองค์บุคคลและองค์วัตถุ โดยการฝึกองค์บุคคล

และยุทธวิธี กองเรือตรวจอ่าว ทาให้เกิดผลผลิต คือ

กระบวนการทางานตามภารกิจหลัก (Core business)

ของกองเรือตรวจอ่าว ได้แก่ ขีดความสามารถในการ

ลาดตระเวนตรวจการณ์ทางทะเลด้วยเรือผิวนา ขีดความ



สามารถในการรบผิวนา และขีดความสามารถในการ
ป้องกันแหล่งเศรษฐกิจที่ส�าคัญในทะเล
ในห้วงต่อไป ยังมีกิจกรรมที่ส�าคัญ ได้แก่ การร่วม

การฝึกกองทัพเรือ งป.๖๔ ซ่งจะทาการฝึกประมาณ

เดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๔ โดยม ี





วตถประสงคเพอทดสอบกระบวนการวางแผนทางทหาร
ในการเผชิญสถานการณ์วิกฤติ และสถานการณ์ต่าง ๆ

การทดสอบแนวทางการใช้กาลัง การอานวยการยุทธ์

ในระดับต่าง ๆ การทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัต ิ
ตามแผน และการทดสอบขีดความสามารถในการ
ปฏิบัติการทางเรือตามสาขาต่าง ๆ ซึ่งกองเรือตรวจอ่าว
สามารถตอบสนองต่อความต้องการ และตอบสนอง
ต่อวัตถุประสงค์ตามท่กองทัพเรือมอบหมายให้ไว้ใน


Core Business ได้อย่างครบถ้วน นอกจากน้ยังม ี

การฝึกผสม THALAY LAUT 23/2021 ซ่งเป็นการฝึกผสม
แบบทวิภาคีระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือ

ประเทศมาเลเซย โดยจะทาการฝึกประมาณเดือน

20
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

นาวิกศาสตร์ 21
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

สร้างเหล็กในคน










(ตอนจบ)








ถ.ถุง




นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๓ ภาคกลางปี หมุนขวา (X1) ๑ รอบ และหมุนซ้าย (Y1) ๑ รอบ ที่ละ


วันพุธท ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๑ วันน้ต้งหมู่เรือฝึก ๑๐ องศา โดยใช้ที่หมายเดียวกันและมีระยะห่างไม่น้อย


ภาคปฏิบัติกลางปีของนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๑ ๒ ๓ ๔ กว่า ๑๐ ไมล์ จนเมื่อเรือหันครบ ๓๖๐ องศาแล้วก็น�ามา





และ ๕ ประกอบด้วยเรือจานวน ๓ ลา คือ เรือหลวง คานวณ” เม่อฝึกเสร็จก็เดินทางต่อแล้วก็เข้าจอดท่ท่าเรือ



พระทอง (เรือธงหรือเรือหมู่) เรือหลวงอ่างทอง และ แหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ต่นเช้ามาก็ว่งข้นเขาตามท ่ ี
เรือหลวงประแส ซ่งคร้งน้ผู้เขียนได้ลงฝึกในเรือหลวง ได้ปฏิบัติมาทุกครั้ง แล้วก็เรียนวิชาการยาตราเรือ มี ๒




ประแส เป็นเรอฟรเกต ชอเดม U.S.S.GALLUP ม นาวาโท ประเภท คือ การยาตราเรือภายใน และการยาตราเรือ





กมล สุทธิสารสุนทร เป็นผู้บังคับการเรือ เรือเอก สุพรรณ ภายนอก วิชาการตอบเรียกของพนักงานวิทย ซ่งจะต้อง






เหมมาลา เป็นต้นเรือ และ นาวาตร สุรชัย โภคามาส จดบนทกการเรยกตอบออกมาเปนรหส เช่น This is = DE,


เป็นต้นกลเรือ เรือมาจอดเทียบท่าเรือเสือซ่อนเล็บ ๑ วัน Roger = R, Formation = Form เป็นต้น จากน้น

ก่อนออกเดินทางไปยังฐานทัพเรือสัตหีบ ในระหว่างการ ก็ออกเรือเดินทางไปเกาะช้าง จังหวัดตราด – เกาะแรด
เดินทางมีการหาโมเมนตัม (Momentum) ของเรือ จังหวัดประจวบคีรีขันทร์ - สงขลา ในระหว่างการเดินทาง
ดังนี้ “เอาขวดโยนที่หัวเรือ จับเวลา เมื่อได้แบริ่งขวดแล้ว ได้เรียนและฝึกวิชาชีพทหารเรือเหมือนที่เคยปฏิบัติ เช่น

บอกท้ายเรือ พอขวดถึงท้ายเรือตามแบร่งท่ต้งไว้ ก็ให้ ธงสองมือ การถอดประกอบอาวุธประจาเรือ การยิงอาวุธ








สัญญาณ แล้วหัวเรือก็จะโยนขวดต่อไป ทาต่อเน่องไปจน ประจาเรือต่อเป้าพ้นนาและเป้าอากาศยาน การชักสลุตธง

เรือหยุดแล้วแบร่งพร้อมกันท้งหัวเรือและท้ายเรือ จากน้น การรับ - ส่งส่งของในทะเล การสมอเรือ เรือช่วยชีวิต








นาจานวนขวดท่โยนออกไปมาคานวณหาโมเมนตัมเรือ” การชักหย่อนเรือเล็ก กระเชียง ยังได้เรียนและฝึกการใช้

ซ่งต้องมีทีมงาน (Team Work) ท่ด เพ่อให้งานสาเร็จ Sextant หาที่เรือชายฝั่ง การใช้ ATP การใช้ประมวล








ต้งแต่คนโยนขวด คนแบร่งท่หัวเรือและท้ายเรือ คนจับ สากล และประมวลราชนาว ซ่งจ�าเป็นอย่างยิ่งต่อการ





เวลา คนติดต่อ คนบันทึก ขออธิบายเพ่มเติมการหา เข้าเวรยาม เพราะเม่อเป็นนักเรียนนายเรือช้นปีท ๓


โมเมนตัมของเรือ คือ การหาระยะทางหน้าที่สั่งหยุดเรือ พรรคนาวิน จะต้องเข้ายามในตาแหน่งท่สูงข้น เช่น ผู้ช่วย


ตามความเร็วต่าง ๆ แล้วจะมีระยะทางอีกเท่าไร? ซ่ง ต้นหน ผู้ช่วยพนักงานวิทย พนักงานเรดาร์ พนักงานศูนย์


ค่าท่ได้จะนามาใช้ในการนาเรือต่อไป เช่น การเทียบเรือ ยุทธการ (CIC) เป็นต้น จากสงขลาเรือเดินทางกลับมา








การเก็บคนตกนา นอกจากหาโมเมนตัมแล้วยังม ี สัตหีบอีกคร้งหน่ง ผู้เขียนต้องข้นจากเรือเพ่อข้นไปฝึก


การหาดิวิเอช่น (Deviation) เป็นการหาอัตราผิด สาขานาวิกโยธินที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) อีก

ของเข็มทิศแม่เหล็ก วิธีการคือ “การหมุนเรือ ๒ รอบ ประมาณ ๑๕ วัน การฝึกภาคปฏิบัติทางทะเลจึงส้นสุดลง

นาวิกศาสตร์ 22
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๓ ภาคปลายปี เป็นเข็ม ๑๓๕ ๒๐๓ ระหว่างการเดินทางจาก รร.นร.





วันแรกของการฝึกภาคปฏิบัติทางทะเล เร่มต้งแต่วันท ่ ี ไปสัตหีบ จะใช้แผนท่หมายเลข ๑๔๒ ข้าพเจ้าทาหน้าท ี ่
๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ ถึง ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ พนักงานวิทยุ ส่งควรทราบ เช่น ออกเรือตามแผน



รวมระยะเวลาท้งส้น ๕๒ วัน หมู่เรือฝึกประกอบด้วย (ED49-4) เร่มการฝึกตามตารางฝึก 1605 (EX3-8

เรือหลวงสีชัง (เรือหมู่) เรือหลวงท่าจีน และเรือหลวง DESIG EVENT 1605) ขอแยกขบวนเพื่อหลบเรือแล้ว
ปิ่นเกล้า เส้นทางเดินเรือท่เป็นเมืองท่าต่างประเทศ ได้แก่ กลับเข้าเข็มเดิม (TA87-TA92) และขอแยกขบวนไป


ท่าเรือพอร์ตกลังและท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย ท่าเรือ เป่าเขม่า (TA87-TA43) ซึ่งข้อความท่ได้รับน้จะต้องเปิด

โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา และท่าเรือบอมเบย์ ประเทศ ATP แล้วแปลความหมายออกมา จากน้นก็รายงานให้

อินเดีย ครั้งนี้ผู้เขียนได้ลงฝึกในเรือหลวงสีชัง ซึ่งเป็นเรือ ผู้นาเรือในขณะน้นได้รับทราบ เช่น ผู้บังคับการเรือ ตร.





ยกพลข้นบกขนาดใหญ่ต่อท่อู่อิตัลไทย มารีน จากัด (อู่เรือ ตห. ตป. นปร. หรือ นสส. เป็นต้น” จากนั้นก็มีการหา

เอกชนของไทย) และได้บันทึกนายทหารท่อยู่ในหมู่เรือฝึก โมเมนตัมเรือ และการหาดิวิเอช่น จนเรือเข้าเทียบท่าเรือ


ไว้ครบทุกท่าน เช่น พลเรือตร สุวิทย์ วัฒนกุล เป็นผู้บังคับ แหลมเทียน ตื่นเช้ามาก็วิ่งขึ้นเขากระโจมไฟแหลมปู่เจ้า

หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ (ผบ.มฝ.นนร.) นาวาเอก แล้วกลับมาเรียนวิชาชีพทหารเรือ และความรู้เก่ยวกับเรือ


ประสิทธิผล หอมจันทร์ เสนาธิการหมู่เรือฝึกนักเรียน วันต่อมาขณะท่เรือยังอยู่ท่สัตหีบก็เป็นการฝึกกระเชียงทน


นายเรือ (เสธ.มฝ.นนร.) และผู้อานวยการศึกษาพรรคนาวิน ว่ายนาข้ามเกาะ และไต่เกาะ เม่อทดสอบสมรรถภาพ


(ผอ.ผอศ.นว) นาวาเอก บวร ม่งเมือง ผู้ช่วยผู้อานวยการ ร่างกาย และรับการส่งกาลังบารุงเรียบร้อย หมู่เรือฝึก




ศึกษาพรรคนาวิน (ผช.ผอศ.นว.) นาวาเอก วิรัช ศรีบุญวงศ์ ก็ออกเดินทางไปจังหวัดชุมพร มีการฝึกยิงเป้าพ้นนา



เป็นต้นกลหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ (ตก.มฝ.นนร.) เป้าอากาศยานกลางวันและกลางคืน ถึงปากนาชุมพรก็จอด




และผู้อานวยการศึกษาพรรคกลิน (ผอศ.กล.) นาวาโท ทอดสมอปล่อย นนร. ข้นบก ส่วนใหญ่จะไปสักการะเสด็จเต่ย

นิรุทธ์ หงส์ประสิทธิ์ เป็นผู้ช่วยผู้อ�านวยการศึกษาพรรค ท่หาดทรายร เรือจอดอยู่ชุมพร ๑ วัน ออกเดินทางไป


นาวิน (ผช.ผอศ.นว.) นาวาเอก วิญชัย จารุปกรณ์ เป็น จังหวัดสงขลาต่อ มีการสาธิตการยิงลูกระเบิดลึกปราบเรือ
นายทหารยุทธการหมู่เรือฝึกฯ (นยก.มฝ.นนร.) นาวาโท ด�าน�้า K-GUN โดยเรือหลวงปิ่นเกล้าและเรือหลวงท่าจีน




ดารงศักด ห้าวเจริญ นายทหารส่งกาลังบารุงหมู่เรือฝึกฯ การฝึกรับ - ส่งสิ่งของในทะเล วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.

(นกบ.มฝ.นนร.) นาวาตร จิรศักด ชวนะเสน เป็นนายทหาร ๒๕๓๒ เรือก็ถึงสงขลา และเข้าจอดเทียบท่า จอดวันเดียว







กาลังพลหมู่เรือฝึกฯ (นกพ.มฝ.นนร.) นาวาตร ไพทูรย์ ก็ออกเรือในวันท ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ เวลา ๑๔๐๐



ู่

ประสพสิน นายทหารสอสารหมเรอฝกฯ (นสส.มฝ.นนร.)
และนายทหารประจ�าเรือหลวงสีชัง เช่น นาวาตรี บุญชัย
มรินทร์พงษ์ ผู้บังคับการเรือ (ผบ.เรือ) เรือเอก กาญจน์
ดีอุบล ต้นเรือ (ตร.) และเรือเอก สุรินทร์ สวัสดิใหม่
ต้นกลเรือ (ตก.เรือ) เรือจอด ๑ วัน ก็ออกเดินทางไป



ฐานทัพเรือสัตหีบ มีการประจาสถานีเดินเรือในร่องนา



ผู้เขียนได้มีโอกาสได้เห็นการนาเรือในร่องนาบนสะพาน

เดินเรือเป็นคร้งแรก และจดบันทึกไว้ว่า “ออกจากท่าเรือ
เสือซ่อนเล็บเพื่อเดินทางไปสัตหีบ ซึ่ง นนร. มีการชม


การเดนเรอในรองนาครงแรก จะใชเขม ๑๒๖ แลวเปลยน ภาพที่ ๒๗ ตัวอย่างรูปขบวนเรือ










นาวิกศาสตร์ 23
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


เพ่อเดินทางไปพอร์ตกลัง ประเทศมาเลเซีย มีการฝึกสถาน ี
พ่วงจูง มีการฝึกการแปรขบวนของหมู่เรือ เป็นรูปขบวน
ต่าง ๆ เช่น FORM 1 FORM 2 FORM 3 และ FORM 4


(ดูภาพท ๒๗ ตัวอย่างรูปขบวนเรือ) มีการเรียน

การใช้โต๊ะพล็อต จากน้นเรือก็เร่มเข้าช่องแคบมะละกา




ส่งสาคัญท่ต้องเห็นก่อนเข้าช่องแคบและเคยกล่าวไปแล้ว
ก็คือ กระโจมไฟ Horsburgh และได้เคยเขียนไว้ว่า
“วันจันทร์ท่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ เรือเร่มเข้า


ช่องแคบมะละกา เพราะสังเกตได้จากกระโจมไฟฮอสเบิร์ก











ชองแคบมะละกาเปนชองแคบทสาคญในการเดนเรอทวโลก
ถ้าประเทศไทยเราขุดคอคอดกระ ข้าพเจ้าคิดว่าคงจะให้
ประโยชน์กับไทยมากทีเดียว” เรือเดินทางในช่องแคบ
มะละกาผ่านสิงคโปร์แต่ไม่ได้เข้าจอด ได้แต่เห็นอยู่ใน

สายตาจนถึงเมืองท่าพอร์ตกลังก็มีนาร่องข้นมาบนเรือ




แล้วนาเรือเดินทางในร่องนาแล้วเข้าจอดเทียบท่า (ขณะเป็น
ผู้บังคับการเรือหลวงถลาง ก็เคยนาเรือเข้าร่องนาแห่งน ้ ี





และจอดเทยบท่าเรือพอร์ตกลัง หลงออกมาจากท่าเรอ ภาพที่ ๒๘ ท่าเรือพอร์ตกลัง และหมู่ดาวบนท้องฟ้า



บรานีท่สิงคโปร์ตามท่ได้เคยกล่าวไปแล้ว) ลักษณะท่าเรือ

พอร์ตกลัง “เป็นท่าเรือท่สะอาด และท่ท่าเทียบเรือ ของมาเลเซียในสมัยนั้น วันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.



จะติดทุ่น หรือลูกตะเพราในการเทียบได้ดี เป็นระเบียบ ๒๕๓๒ เรือออกจากพอร์ตกลังเดินทางไปหม่เกาะพพ ี




และสวยงาม ควรท่เมืองไทยจะเอาไปพัฒนาใช้กับเมือง และเกาะพญานาค จังหวัดกระบ ได้เห็นนักท่องเท่ยว










ท่าเทียบเรือของไทยบ้าง” (ดูภาพท ๒๘ ท่าเรอพอร์ตกลัง ชาวต่างชาตจานวนมากมาเทยวทเกาะพีพ จากน้นก ็

และหมู่ดาวบนท้องฟ้า) จากภาพจะเห็นได้ว่าไม่ได้มีการ เดินทางต่อไปท่าเรือภูเก็ต เข้าร่องน�้าภูเก็ต ถือเข็ม ๓๓๐
บันทึกไว้เฉพาะท่าเรือ แต่ได้บันทึกภาพดาวต่าง ๆ ที่ใช้ พอถึงทุ่นที่ ๓ (สีเขียว) เปลี่ยนเข็มเป็น ๐๑๒ จากนั้นก็ใช้
สาหรับการเดินเรือดาราศาสตร์ไว้ด้วย เช่น หมู่ดาวเหนือ หลักน�า น�าเรือเข้าไปจนถึงท่าเทียบเรือ เมื่อเรือเทียบท่า






(Northern Stars) มีดาวท่สาคัญ เช่นดาว Perseus เรียบร้อยกปล่อยนักเรียนให้ไปทศนศกษาตัวเมืองภูเก็ต
ดาว Vega ดาว Altair และเวลาจะหาที่เรือดาราศาสตร์ ได้รู้จักแหล่งท่องเท่ยว ได้แก่ หาดในหาน แหลมพรหมเทพ



ต้องใช้เคร่องมือท่เรียกว่า “Sextant” มาวัดดาว ขณะท ่ ี และหาดราไวย์ ตอนนั้นภูเก็ตยังไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับ
เรือจอดท่พอร์ตกลัง นนร. ได้ข้นบกไปทัศนศึกษาท ่ ี หาดใหญ่ นักท่องเท่ยวก็จะมีชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย



กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย ขณะนั้นก็ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ เรือเดินทางออกจาก

เจริญมาก มตกใหญ่โตผสมกบธรรมชาตคอต้นไม แสดงถง ภูเก็ตมุ่งหน้าสู่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ใช้เวลา








ความร่มร่น มีย่านคนจีนท่ดูเจริญกว่าคนพ้นเมืองเช้อสาย เดินทางประมาณ ๔ วน ในเช้าวันท ๓ มนาคม พ.ศ.







มาเลย์ ได้ไปดูสวนสัตว์ สาหรับชาวมาเลเซียแล้วส่วนใหญ่ ๒๕๓๒ เรือเดินทางเข้าเทียบท่าเรือ Queen Elizabeth
จะพูดภาษาอังกฤษได้ และได้ข้นไป Genting Highlands กรุงโคลัมโบ สภาพท่าเรือแห่งนี้เก่ามาก ๆ ตามแผนแล้ว

ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และบ่อน Casino ที่มีชื่อเสียง เม่อเรือเทียบท่าเสร็จจะมีการปล่อยให้นักเรียนข้นบก


นาวิกศาสตร์ 24
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


ทัศนศึกษา แต่ขณะน้นสถานการณ์ในประเทศศรีลังกา ยังไม่ เป็นท่าเรือเก่า มีกงสุลไทย ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย และ
สงบดีจึงยังไม่ได้ปล่อย รอจนกระทั่งเอกอัครราชทูตไทย วงดุริยางค์ของกองทัพเรืออินเดียมารอรับ เมื่อเทียบท่า
















(เป็นผ้หญง) มาชแจงให้หมู่เรอฝึกทราบสถานการณ์ให้ เสรจนกเรยนกไปทศนศกษาในตวเมองบอมเบย์ซงกเป็น

เรียบร้อยก่อนจึงปล่อยนักเรียนได้ นนร. จึงได้เข้าไปในเมือง เมืองเก่า การเดินทางก็ไม่มีรถปล่อย ต้องเดินจากท่าเรือ

ซ่งเป็นเมืองเก่าแก่ค่อนข้างจะทรุดโทรม ท้งน้ประเทศ ท่ค่อนข้างสกปรกเป็นเวลาเกือบช่วโมงจึงจะถึงตัวเมือง




ศรีลังกามีประชากรประมาณ ๑๗ ล้านคน ประกอบด้วย ในเมืองน้ท่ท่าเรือนอกจากจะมีเรือสินค้า แล้วยังมีฐานทัพเรือ


ชาวสิงหล ทมิฬ และอีก ๒ ชนชาต นบถอศาสนา ภาคตะวันตกของอินเดียต้งอยู่ด้วย จึงมองเห็นเรือรบและ








พุทธ ฮินด และคริสต์ และยังมีการแบ่งช้นวรรณะอยู่ เรอบรรทกเครองบนจอดเทียบทาอย่ดวย สาหรบของท่ระลึก









วันหยุดราชการไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์แต่เป็นวันพระ ดังนั้น ท่พอซ้อได้จาพวกผ้าปูเตียง กาไล สร้อย กระเป๋าหนัง




ปีหน่งจึงมีวันหยุดประมาณ ๑๐๐ กว่าวัน ในระหว่าง และหนังสือต่าง ๆ ประมาณวันท ๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒




เรือจอดผู้เขียนได้เป็นตัวแทนไปร่วมงานเล้ยงท่บ้าน เรือออกเดินทางอีกคร้ง “หมู่เรือฝึกออกจากท่าเรือ



ท่านเอกอัคราชทูต ท่านได้เล่าให้ฟังหลายเร่อง เช่น คนไทย บอมเบย์ มุ่งหน้ากลับสู่เกาะตะรุเตา การเดินทางครั้งนี้






ท่ทางานในศรีลังกากับบริษทญปุ่น สินค้าท่มช่อของ ใช้เวลาประมาณ ๗ วัน ๒๒ ชั่วโมง” เป็นการเดินทาง







ศรีลังกา เช่น เพชร พลอย เคร่องเทศ และชา ท่มีช่อเสียง ท่ค่อนข้างนาน ยังจาได้ว่าไม่ได้อาบนาจืด ในทุกเย็นจะได้






และนิยมซื้อ คือ ชาซีลอน ใส่กล่องไม้อย่างสวยงาม และ อาบนาทะเลและทาแป้งอังกฤษตราง เม่อเขียนมาถึง

นอริตาเก้ (Noritake) ซึ่งเป็นสินค้าหัตถกรรม นอกจาก ตรงน้ก็ทาให้นึกได้ว่าตอนไปสมทบเป็นต้นหนเรือหลวง

สนค้าแล้วศรลงกาในสมัยนนยงม Casino ด้วย ในคน สายบุร ปฏบัติราชการพ้นท่ทัพเรือภาค ๒ ก็เคยออกเรือนาน














วันท ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ ก่อนออกเรือมีงานเลี้ยงบน ประมาณ ๗ – ๘ วนเหมอนกน โดยเสนทางเดินเรอออกจาก





เรือหลวงสีชัง ศรีลังกาได้มีการแสดงที่มีเครื่องดนตรีหลัก ฐานทัพเรือสัตหีบก็ว่งลงใต้มุ่งหน้าออกปากอ่าวไทย

ได้แก่ กลอง ปี่ ขลุ่ย และการแสดงการร่ายร�า ซึ่งการตี แล้วออกลาดตระเวนในเส้นทางอาณาเขตทางทะเล
จังหวะจะเร่งเร้า รุนแรง รวดเร็ว ขาดความอ่อนช้อย กับประเทศเพ่อนบ้าน ต้งแต่บริเวณปลายแหลมกาเมา


งดงาม ส่วนของไทยเป็นการแสดงศิลปะป้องกันตัว ลงไปเรื่อย ๆ ได้เห็นเรือประมงหลายสิบล�าที่แสดงความ


เหมือนกับทุกคร้ง วันรุ่งข้นเรือออกเดินทางจากโคลัมโบ ดีใจท่ได้เห็นเรือรบ “พใหญ่” ออกลาดตระเวนได้ช่วยเหลือ



ไปกรุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย ในระหว่างการเดินทาง ลูกเรือประมงด้วยการตรวจรักษาพยาบาล และให้ยา
มีการฝึกใหม่ คือ ฝึกเก็บคนตกน�้าด้วยเรือใหญ่ในเวลา สามัญประจาบ้าน ส่วนพ่น้องชาวประมงก็จะให้ปลา


กลางคืน ที่ต้องใช้วิธีการเก็บแบบ Williamson Turn เป็นของตอบแทนระหว่างกัน เหนือส่งอ่นใดคือ พ่น้องชาว



(กรณีไม่เห็นคนตกนา) ส่วนอีกวิธีหน่งก็คือ Full Rudder ประมงได้รับความอบอุ่นใจ เพราะเป็นการป้องปรามไม่ให้






Turn (กรณีเห็นคนตกนา) สาหรับวิธีเก็บแบบ Williamson เรือรบของประเทศเพ่อนบ้านมาจับ หรือยึดเรือประมงไทย


Turn ดังนี้ “ถ้าคนตกน�้ากราบขวา จะใช้เข็ม ๖๐ องศา ได้เป็นอย่างด นอกจากได้พบกับเรือประมงแล้วยังได้พบเรือ



กับเข็มเดิม จากน้นก็หางเสือซ้ายหมด จนเรือหันกลับ สินค้า แท่นขุดเจาะนามันและก๊าซธรรมชาติอีกหลายแท่น

มาเส้นทางเดิม” เช้าวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ ใกล้ ท่สว่างไสวในเวลากลางคืน ก็ถือเป็นการออกปฏิบัต ิ



อินเดียแล้ว มีเรือตรวจการณ์ของอินเดียและรัสเซีย ราชการในทะเลของทหารเรือท่ได้ทาประจาทุกวัน เพ่อ

มาลาดตระเวนให้เห็น จนเวลา ๑๐๐๐ ก็รับนาร่องข้นเรือ คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทย กลับมา






นาเรือเข้าร่องนา มองเห็น GATEWAY OF INDIAN อยู่ทาง ท่การฝึกภาคทะเลระหว่างการเดินทางก็ปฏิบัติตาม


กราบซ้าย เรือเข้าเทียบท่า Prince’s Dock Bombay ตารางฝึกทุกวัน ยกเว้นวันท ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒
นาวิกศาสตร์ 25
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔














มีการฝึกประจาสถานีสละเรือใหญ่ วันท ๑๘ มีนาคม พ.ศ. พธสดดวรชนในยทธนาวทเกาะชาง ซ่งวันท่เกิดเหตุจริง


๒๕๓๒ หมู่เรือฝึกเดินทางถึงหมู่เกาะนิโคบาร์ของอินเดีย คือ วันท ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นเหตุการณ์รบ















ซงรสเซยไดเชาเปนฐานทพเรือต้งแต่ในสมยน้น จนถงวนท ่ ี ทางเรือที่เกิดขึ้นในกรณีพิพาท ไทย - ฝรั่งเศส อันเป็นผล
๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ หมู่เรือฝึกก็เดินทางถึงเกาะ สืบเน่องมาจากการท่ไทยเรียกร้องให้ปรับปรุงเส้นแบ่ง




ตะรุเตา จังหวัดสตูล ปล่อยให้ นนร. ขึ้นบกหนึ่งวันแล้ว เขตแดน ไทย - ฝร่งเศส ใหม่ โดยใช้แนวร่องนาลึกเป็นเกณฑ์

ก็ออกเรือเดินทางไปปีนัง แล้วเข้าเทียบท่าเรือ Swetting ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม





ถือเป็นการมาทัศนศึกษาปีนังคร้งท ๒ ของผู้เขียน เรือจอด และให้ฝร่งเศสคืนดินแดนฝั่งขวาแม่นาโขงท่ฝร่งเศส




ท่ปีนัง ๓ วัน ก็ออกเดินทางกลับสงขลา ส้นสุดการบันทึก ยึดไปจากเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ คืนให้ไทย ผลการรบคร้งน ้ ี


การฝึกภาคปฏิบัติปลายปีในสมุดจดหมายเหตุ ฝ่ายไทยเสยเรอรบไป ๓ ลา คอ เรือหลวงธนบร เรือหลวง






สงขลา และเรือหลวงชลบุร ทหารเสียชีวิตรวมท้งส้น ๓๖ นาย



นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๔ ภาคกลางปี สาหรับฝ่ายฝร่งเศส แม้จะไม่เสียเรือรบลาใดเลยก็ตาม







วันจันทร์ท ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นวันต้ง แต่เรือธงลามอตต์ปิเกต์น้นก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน
หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ ประกอบด้วย เรือหลวง ส�าหรับจ�านวนทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น การข่าว
อ่างทอง (เรือหมู่) เรือหลวงท่าจีน และ เรือหลวงโพสามต้น ของฝ่ายไทยไม่ทราบจานวนแน่นอน แต่มีรายงานว่า


“ภาคน้เป็นการฝึกภาคทะเลอย่างเดียว ไม่มีการฝึกท ี ่ เม่อเรือข้าศึกกลับถึงไซ่ง่อนได้มีการขนศพทหารท่เสียชีวิต





กองการฝึก กองเรือยุทธการ ซ่งข้าพเจ้าคิดว่าไม่ดี เพราะ และทหารท่ได้รับบาดเจ็บข้นบกกันตลอดคืน และสาเหต ุ


การฝึกท่กองการฝึก กองเรือยุทธการ จะให้ได้ความรู้มาก หน่งท่ทาให้ฝร่งเศสล่าถอยคือ เกรงว่าไทยจะมีกาลัง









สาหรับ นนร.ช้นปีท่ ๔ ในเร่องศูนย์ยุทธการ และการ ทางเรือมาสมทบมากข้น โดยเฉพาะเรือดานาท่มีถึง ๔ ลา





เดินเรือ” ข้าพเจ้าได้ลงฝึกในเรือหลวงท่าจีน สังกัด กปด. เรือเดินทาง ๑ วันก็ถึงหมู่เกาะสัตกูต มีแหล่งท่องเที่ยว


กร. (กองเรือปราบเรือดานา กองเรือยุทธการ) นายทหาร สาคัญคือ ถาพระยานคร ปล่อยให้นักเรียนนายเรือ












ประจาเรอทได้บนทกไว้ เช่น นาวาโท จตพร ศรนาม ทัศนศึกษา ๑ วัน ก็ออกเดินทางไปจังหวัดนราธิวาส มีการฝึก

เป็นผู้บังคับการเรือ เรือเอก สมหมาย วงษ์จันทร์ เป็น การพ่วงจูง การเก็บคนตกน�้า การรับ - ส่งสิ่งของในทะเล



ต้นเรือ นาวาตรี ชัยยุทธ นุชดี เป็นต้นกลเรือ ส�าหรับ การฝึกยิงอาวุธต่อเป้าพ้นนาท้งกลางวันและกลางคืน



มฝ.นนร. ม นาวาเอก บวร ม่งเมือง เป็นผู้บังคับการ การฝึกยิงเป้าอากาศยานตอนกลางวัน จนวันท ๗ กันยายน




หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ เรือจอดอยู่ท่ท่าเรือเสือซ่อนเล็บ พ.ศ.๒๕๓๒ เรือกเข้าจอดทอดสมอทหน้าร่องนา จังหวัด








๒ วัน ก็ออกเดินทางไปสัตหีบ ระหว่างเส้นทางก็มีการฝึก นราธิวาส ได้ปล่อยให้ไปเทยวชมพระราชวงทกษณ





หาโมเมนตัมและหาความเร็วเรือจนถึงท่หมายท่าเรือ ราชนิเวศน์ท่ต้งอยู่บนเขาตันหยง ได้เท่ยวชมตัวเมือง


แหลมเทยน ฐานทพเรือสตหบ เรอจอดแค่วนเดยวไม่ม ี นราธิวาส ที่อยู่ห่างจากชายแดนมาเลเซีย ประมาณ ๒





การฝึกท่กองการฝึก กองเรือยุทธการ ตามท่ได้กล่าวไปแล้ว กิโลเมตร แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามไปฝั่งมาเลเซีย ได้พูดคุย





เช้าวันรุ่งข้นก็ออกเรือไปอาเภอแหลมสิงห์ จังหวัด กับประชาชนซ่งใช้ภาษายาวีมากกว่าภาษาไทย และส่วนใหญ่
จันทบุรี หมู่เรือฝึกได้จอดทอดสมอระหว่างเกาะนมสาว นับถือศาสนาอิสลาม จากน้นเรือได้ออกจากนราธิวาส





และเกาะจุฬา จากน้นก็ปล่อยข้นบก ข้าพเจ้าไปทัศนศึกษา เดินทางไปจังหวัดสงขลา แล้วกลับมาท รร.นร. เป็นอันส้นสุด








ตัวเมืองจันทบุร และนาตกพล้ว จากน้นวันเสาร์ท ๒ การฝึกภาคทะเลครั้งนี้ ซึ่งมีระยะเวลารวม ๑๘ วัน
กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓ ก็ออกเรือไปเกาะสัตกูต จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างการเดินทางผ่านเกาะช้าง ได้ทา นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๔ ภาคปลายปี

นาวิกศาสตร์ 26
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔





วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ หมู่เรือฝึก ๒๒ กมภาพนธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ เป็นการฝึกวงไต่เกาะ

ภาคทะเลนักเรียนนายเรือเร่มต้นข้นอีกคร้ง คร้งน ี ้ “เริ่มไต่เกาะประมาณ ๐๖๑๕ การไต่ก็เป็นไปด้วยความ









ประกอบด้วย เรือหลวงสุรินทร์ (เรือหมู่) เรือหลวงท่าจีน ยากลาบาก เพราะนาข้นสูงมากรวมท้งคล่นลมแรง จึง

และเรือหลวงประแส มี พลเรือตรี ไพโรจน์ สันติเวชซกุล มีทางเลือกว่าจะปีนเขา หรือจะว่ายนาไปซ่งอันตราย





เปนผ้บงคบหมเรอฝก ขาพเจ้าไดลงฝกในเรอหลวงท่าจน ส�าหรับนักเรียนมาก กว่าจะไต่เกาะเสร็จก็เกือบ ๐๙๐๐










เรือจอดเทียบท่าเรือเสือซ่อนเล็บ ๓ วัน วันพฤหัสบดีท ่ ี ท�าให้การออกเรือไปสงขลาช้ากว่าเวลาที่ก�าหนด ในการ

๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ก็ออกเรือเดินทางไปสัตหีบ ไต่เกาะครั้งต่อไป ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ควรจะเป็นวันท่ออกเรือ”
ระหว่างการเดินทางได้ฝึกการหาโมเมนตัม และดิวิเอชั่น


แล้วเข้าจอดท่ท่าเรือแหลมเทียน ต่นเช้าก็ฝึกว่งทนจาก


ท่าเรอแหลมเทยนผ่านโรงพยาบาลอาภากรเกยรตวงศ์



ตลาดสัตหีบ หมู่บ้านกองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการ
ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง สนามบินอู่ตะเภา แล้ววนกลับ
ท่าเรือ ซ่งเป็นระยะทางท่ไกลพอสมควร ทาให้ นนร.








บางนายว่งหลดจากแถว บางนายกเปนลม ตอนชวงบาย

มีการฝึกป้องกันความเสียหาย โดยการใช้หน้ากากป้องกัน

แก๊สพิษ (OBA) และฝึกดบไฟขณะเรือจอด รวมทงการเรียน


การสอนตามตารางฝึกจนถึงเวลานอน ต่นเช้าอีกวัน เป็น





การฝึกกระเชียงทนท รร.ชมพลฯ ยศ.ทร. ซ่งชุดของ
ผู้เขียนใช้เวลา ๒ ชั่วโมง ๓๐ นาที เช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๘ ภาพที่ ๒๙ การน�าเรือเข้าเทียบ



กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ฝึกว่ายนาข้ามเกาะ ช่วงบ่ายข้นไป





ฝึกการส่อสารท่กองการฝึก กองเรือยุทธการ ในหัวข้อ หลังจากน้นก็ออกเรือ มีการยิงอาวุธเป้าพ้นนา

การใช้วิทยุโทรศัพท์ทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ต่อเป้า “หินฉลาม” และเป้าอากาศยาน มีการฝึกสถานี



ซ่งเคยฝึกมาบ้างแล้วในช้นปีท ๓ ภาคปลายปี และช้นปีท ๔ รับ - ส่งส่งของในทะเล การฝึกพ่วงจูง การฝึกเก็บคนตกนา










ภาคกลางปี ต่นเช้าอีกวันหนึ่งเป็นการฝึกประจาสถานีรบ ด้วยเรอใหญ่ และการฝึกดาราศาสตร์ (ดภาพท ๓๐



และป้องกันความเสียหาย แล้วได้ก็เรียนวชาการแปรขบวน ดาวเย็นและดาวเช้า) จนวันอาทิตย์ท ๒๕ กุมภาพันธ์





ท้ง Single Multiple และ Circular อีกวันหนึงก็เป็นการ พ.ศ.๒๕๓๓ เรือจอดทอดสมอท่สงขลา ปล่อยให้นักเรียน




ว่งข้นเขากระโจมไฟแหลมปู่เจ้า สักการะเสด็จเต่ย แล้วกลับ ทัศนศึกษา ๑ วัน จากน้นก็ออกเรือเดินทางมุ่งหน้าไป

มาเรียนวิชาการน�าเรือ “การกลับล�าในที่แคบ และการ กรุงจาการ์ตา การฝึกหัดศึกษาส่วนใหญ่ของ นนร.




น�าเรือเข้าเทียบ (ดูภาพที่ ๒๙ การน�าเรือเข้าเทียบ) และ ช้นปีท ๓ และ ๔ ก็คือการศึกษาในเร่องเดินเรือ
ผูกทุ่น ส่งสาคัญคือ กระแสน้าและกระแสลม จากน้น ดาราศาสตร์ (นักเรียนนิยมเรียกกันว่า “วัดแดดวัดดาว”)






เป็นการฝึกเข้าเทียบจริงโดยใช้ เรือ ต.๑๕ เรือ ต.๑๘ เพราะต้องวัดตลอดเวลาต้งแต่ต่นนอนตอนเช้าจนกระท่ง


และ เรือ ต.๙๒ การเข้าเทียบควรท�ามุมไม่เกิน ๔๕ องศา ดวงอาทตย์ตกดน รอจนท้องฟ้ามดจนเหนดาวเย็นข้น




จากท่า การเล็งควรเล็งตรงกลางท่าค่อนไปทางปลายท่า ชัดเจนจึงจะวัดได้ แล้วนาผลการวัดดาวมาคานวณหา



การฝึกโดยให้ นนร. ฝึกทีละคน ซึ่งก็ฝึกได้ดีพอสมควร” ท่เรือในทะเล การฝึกภาคในทะเลแม้จะมีความลาบาก

วันรุ่งข้นก็มีการฝึกวิชาการนาเรือเข้าเทียบอีกวัน วันท ่ ี แต่หากคิดดูอีกทีก็มีคนไม่มากนักท่จะได้มีโอกาสอย่างน ้ ี



นาวิกศาสตร์ 27
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



อย่างการนอนในเรือ เรือหลวงท่าจีนแม้จะจัดให้นักเรียน เข้าร่องนา แล้วเข้าเทียบท่าเรือ Tungjung Priok ก่อนเข้า
นอนในห้องกะลาส แต่ส่วนหน่งก็ไม่ได้นอนในห้องกะลาส ี จะต้องแบร่งทุ่นเขียว (ด้านขวา) ได้ ๑๙๐ แล้วถือเข็ม






ช่วงท่เรือเดินในทะเลหลายวัน ในเวลาท่คล่นลมสงบพวกเรา ๑๗๗ – ๑๘๐ เข้าร่องน�้า ข้อสังเกตคือ หัวเรือจะตรงกับ
ชอบหอบผ้าใบ หมอน และผ้าห่มมานอนท่ดาดฟ้าเรือ หอควบคุมสถานีน�าร่องบนฝั่ง จากนั้นก็เข้าเทียบท่าแล้ว




เช่น ท่ใต้หรือข้าง ๆ ป้อมปืน หรือดาดฟ้าท้ายเรือ สาหรับ ก็ปล่อย นนร. ข้นบกทัศนศึกษาเป็นเวลา ๓ วัน โดยมีของ


ผู้ท่มีประสบการณ์แล้วจะไม่นอนด้านหลังปล่อง เพราะ ท่นักเรียนนายเรือนิยมซ้อเป็นของท่ระลึกมากท่สุด









ต่นมาจะพบว่ามีข้เถ้าตกอยู่ตามหน้าตามตัวจานวนมาก ก็คือ “ต้นกล้วย” ท่ทาจากไม้ มีหลายขนาดท้งต้นเล็ก
ถ้าไม่มีประสบการณ์ก็ต้องโดนก่อนแล้วจึงจะจาได้ ก็เป็น ต้นใหญ่ จนถึงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ ก็อออกเรือ

เร่องสนุกสนานทีเดียว ข้อดีของการนอนบนดาดฟ้าอีก เดินทางไปเมองโคตาคินาบาร ประเทศมาเลเซย ในระหวาง






อย่างหนึ่ง คือ เราจะได้มองดูดาวบนท้องฟ้าอย่างชัดเจน การเดินทางก็มีการฝึกต่าง ๆ เช่น ประจาสถานีรบ การฝึก

และสวยงาม ดาวเหล่านั้นเหมือนจะอยู่ใกล้ ๆ เรานี่เอง การส่อสาร (NAVCOMEX) ท้งธงประมวล โคมไฟ ธงสองมือ

และท่ามกลางดวงดาวเราจะได้ยินเสียงเคร่องจักรของเรือ “ในวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ มีการเปลี่ยนเวลาจาก

และเสียงคล่นลมผสมผสานกันไป นอนฟังจนหลับไปจนเช้า ๐๐๐๑ เป็น ๐๑๐๑ ตามเวลาประเทศมาเลเซีย โดยการ





ต่นข้นมาก็รีบพบเคร่องนอนเก็บ แล้วปฏิบัติตามตารางต่อไป เปล่ยนเวลาจะใช้ ZT (Zone Time) เทียบจากเวลาท่เมือง


กรีนีช ประเทศอังกฤษเป็นหลัก เช่น ของไทยเวลาจะ
มากกว่าท่กรีนิช + ๗ แต่ท่เมืองโคตาคินาบารู จะมากกว่า




กรินีช + ๘ ซ่งเวลาเหล่าน้มีผลในการคานวณวิชาดาราศาสตร์

ดวย” วนพฤหสบดท ๘ มนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ เรอกเขาเทยบ











ท่าเรือโคตาคินาบารู ในการเทียบเรือครั้งนี้ได้บันทึกว่า
“การเข้าโดยให้หัวเรือเราตรงกับเรือหลวงประแส ประมาณ
เข็ม ๑๗๐ เมื่อหัวเรือซบ ก็ใช้เครื่องจักรขวาถอยหลังเพื่อ

ให้ท้ายเรือแนบ ซ่งผู้การท่านเทียบเรือได้ดีมากจริง....การ

ออกเรือ ขวาเดินหน้าเบาเพ่อให้ท้ายเรือผลักออก เม่อท้าย

ออกแล้วก็ถอยหลงท้ง ๒ เคร่อง จนเลยท่นแดง เสรจแล้ว





ปั่นเรือโดยใช้ขวาถอยหลัง ซ้ายเดินหน้า หางเสือขวาหมด
จนเรือสามารถตั้งล�าได้” โคตาคินาบารูเป็นเมืองท่าของ
รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ต้งอยู่บนเกาะราบวน มีสินค้า





ส่งออกท่สาคัญ ได้แก่ ไม้ ซ่งมองเห็นกองไว้ท่ท่าเรือน ้ ี
เป็นจานวนมาก เรือจอดท่น่มีการปล่อยให้ประชาชน



มาชมเรือ และมีงานเลี้ยงบนเรือหลวงสุรินทร์ ในคืนวันที่

๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ จากน้นก็ออกเรืออีกครั้งหน่ง

จุดหมายปลายทางคือ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
ภาพที่ ๓๐ ดาวเย็นและดาวเช้า
ระยะทางประมาณ ๖๐๑.๗ ไมล์ทะเล (ประมาณ ๑,๑๑๔
วันศุกร์ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ หมู่เรือฝึกเดินทาง กิโลเมตร) ความเร็วในการเดินทาง ๑๒ นอต แผนที่ที่ใช้
ถึงปากร่องน�้า มีน�าร่องขึ้นมาบนเรือหมู่ แล้วก็เริ่มน�าเรือ ในการเดินเรอ ประกอบด้วยหมายเลข ๗๖๒๖ ๒๑๑๑

นาวิกศาสตร์ 28
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


๒๑๑๒ ๙๖๗ ๓๘๐๗ ๒๖๖๑บ ๙๗๐ และ ๓๔๘๗ นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๕ ภาคกลางปี



การเดินทางใช้เวลาประมาณ ๓ วัน เรือเข้าเทียบท่าเรือ การฝึกคร้งน้เป็นการฝึกภาคทะเลระยะส้นเพียง ๗ วัน


ที่ South Harbor of Manila กรุงมะนิลา ปล่อยขึ้น เท่าน้น “วันอาทิตย์ท่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ เป็นวันแรก

ทัศนศึกษากรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ต้งอยู่ ในการฝึกภาคทะเลปฏิบัติของนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๕
บนเกาะมินดาเนา สภาพเป็นเมืองเก่า ของแปลกตาก็คือ พวกเราออกจากอาคารกราบพัก ๕ กองการฝึก กองเรือ
รถจิปนี่ คล้าย ๆ รถบรรทุกย่อส่วนที่ใช้เป็นรถเมล์ ไปที่ ยุทธการ มาลงเรือเล็ก เพื่อไปขึ้นเรือหลวงประแส เวลา


Rizal Park (ดูภาพที่ ๓๑ ค่าเข้าชมและตั๋วรถเมล์) ไปดู ๑๓๐๐ ก็ข้นเรือเรียบร้อย ภาคน้เป็นการฝึกภาคทะเล
Port Santiago (ที่คุมขังนักโทษ) และ CASA Manila ของชั้นปีที่ ๕ โดยเฉพาะ โดยให้ นนร. ชั้นปีที่ ๕ ท�าการ
Museum (บ้านพักสร้างด้วยไม้ของ Rizal มีทั้งห้องนอน แทนนายทหาร” วันท ๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ เวลา



ห้องครัว ห้องอาหาร) ซ่งท้งสองแห่งเป็นโบราณสถาน ๐๙๐๐ เรือออกจากท่าเทียบเรือเกาะพระ ขีดเข็มตรง






เก่าแก่ท่เก่ยวข้อง Rizal ผู้นาชาวฟิลิปปินส์สมัยน้นท่ต่อส ู้ ไปเกาะแรด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้ นนร. ได้ฝึก
กับสเปนในการเรียกร้องเอกราช ได้มีโอกาสข้นรถราง ทาเดินเรือดาราศาสตร์แต่ว่าไม่สามารถทาได้ เน่องจาก







ไฟฟ้า ซ่งขณะน้นไทยยังไม่มีรถไฟฟ้า “ข้าพเจ้า...ได้ข้นรถราง สภาพอากาศปิดจึงต้องเปล่ยนทิศทางการเดินเรือด้วย



ไฟฟ้า เสียค่าโดยสาร ๓.๕ Peso โดยต๋วจะใช้เหรียญกลม การขีดเข็มจากเกาะแรดย้อนกลับมาท่เกาะช้างและ
หยอด แล้วเดินข้นไปรอรถราง เม่อมาถึงจะจอดให้คนลง เกาะกูด จังหวัดตราด แล้วเดินเรือต่อไปถึงสงขลาจึง


เพียงช่วครู่ แล้วว่งต่อคล้าย ๆ รถเมล์ แต่รถไม่ติดเลย มีความ สามารถฝึกทาเดินเรือดาราศาสตร์ได้ นอกจากการฝึกทา





สะดวก รวดเร็ว ข้าพเจ้าคิดว่ากรุงเทพฯ น่าจะท�าบ้าง” เดินเรือดาราศาสตร์แล้ว มีการฝึกหน้าท่นายทหารต่าง ๆ
เช่น ตร. นกว. ตห. นสส. และ นวต. ซึ่ง นนร. ชั้นปีที่ ๕





เม่อสาเร็จการศึกษาก็ต้องมาทาหน้าท่เหล่าน จนเรือมา


จอดสงขลา ในวันท ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ ก็ส้นสุด


การเขียนในสมุดจดหมายเหตุ ส่วนวันที่เหลือก็คือ วันที่
๖ – ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ เข้าใจว่าเป็นการเดินทาง

กลับมาท่ฐานทัพเรือสัตหีบแล้วก็จบการฝึกภาคทะเล

และเป็นการจบการเขยนสมดจดหมายเหตประจาตว




นนร. ตั้งแต่ชั้นปีที่ ๑ ถึงชั้นปีที่ ๕ ของผู้เขียน
ท้งน้การฝึกภาคทะเลในแต่ละช้นปีของ รร.นร. ม ี





จุดมุ่งหมายท่แตกต่างกัน ต้งแต่ข้นแรกท่เป็นผู้ปฏิบัต ิ





และรอฟังคาสงอย่างเดียว จนถึงขนสดท้ายท่ต้องเป็น




ผู้คิดและสั่งการได้เอง โดยเมื่อเป็น นนร.ชั้นปีที่ ๑ และ


ช้นปีท ๒ จะต้องได้รับการฝึกให้เป็นลูกมือในลักษณะ





“ตาด หฟัง” หน้าท่หลักคือ ทาตามคาส่งให้ดีท่สุด คาว่า




ภาพที่ ๓๑ ค่าเข้าชมและตั๋วรถเมล์ “ตาดู” หมายถึง ดูในสิ่งที่จะต้องท�าหน้าที่ เช่น สถานี



จนถงวนเสารท ๑๗ มนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ เรอออกเวลา เทียบเรือมีหน้าท่ประจาเชือก ก็ต้องดูเชือกว่าอยู่เชือก







๑๔๐๐ เดินทางไปบรูไน ซ่งเป็นท่น่าเสียดายว่าการเขียน เส้นไหน ดูเชือกว่าตึงหรือหย่อน มีรอยขาดหรือไม่ หาก

สมุดจดหมายเหตุในภาคนี้ได้สิ้นลงเพียงเท่านี้ ทาหน้าท่ประจาลูกตะเพรา ก็ต้องคอยดูลูกตะเพราหัว



นาวิกศาสตร์ 29
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔




ลูกตะเพรากลางลา หรือลูกตะเพราท้ายเรือ หากทาหน้าท ่ ี จากห้องเคร่อง ฟังการรายงานจากห้องศูนย์ยุทธการ

ู่
ถือท้ายถือพังงาอย ต้องดูว่าถือเข็มได้ตรงหรือไม่ เม่อได้รับ ฟังการรายงานจากยามเรดาร์ ฟังการรายงานจากจ่ายาม




ค�าสั่งหางเสือขวาแล้ว หัวเรือไปทางขวาหรือไม่ หางเสือ ส่งท่ปากต้องส่ง เช่น ส่งให้หาท่เรือ ส่งถือเข็มเรือ




กินนาหรือไม่ หากทาหน้าท่ยามตรวจการณ์ ต้องคอยด ู ส่งความเร็วเรือ ส่งตรวจสอบเป้าหัวเรือ เป้ากราบซ้าย




ความเรียบร้อยของกล้องสองตาและเข็มทิศ เป็นต้น และเป้ากราบขวา สั่งจ่ายามให้ตรวจสอบลูกยาม และ



คาว่า “หูฟัง” หมายถึง ฟังคาส่งจากหัวหน้าโดยตรง ความเรียบร้อยของเรือ สั่งเวรวิทยุให้ติดต่อสื่อสาร และ
บริเวณนั้น ๆ เช่น ถ้าปฏิบัติหน้าที่เป็นประจ�าเชือกต้อง สมองคิด เช่น ในระหว่างรับผิดชอบเข้ายาม ๔ ช่วโมง


ฟังคาส่งว่าให้เข้าเชือก หะเบส หะเรีย เก็บเชือกให้ตึง คิดว่าทาอย่างไรจะทาการเดินเรือให้ปลอดภัย เรือต้อง










หกคอ ตง ปล่อยเชอก แล้วกปฏบัตตาม เป็นตน เม่อเปน ถือเข็มอะไรบ้าง เปลี่ยนเข็มกี่ครั้ง หาที่เรือได้ด้วยวิธีไหน


นนร. ชั้นปีที่ ๓ ๔ และ ๕ นอกจากจะ “ตาดู หูฟัง” บ้าง ความเร็วเรือควรเป็นเท่าไร หากคนตกน�้าจะต้องท�า

ยังต้อง “ปากสั่ง สมองคิด” โดย นนร. ชั้นปีที่ ๓ จะเริ่ม อย่างไร หากหางเสือไม่กินนาจะต้องทาอะไร หากพบเป้า




ได้รับการฝึกให้ปฏิบัติหน้าท เช่น หัวหน้าเชือก จ่ายาม ท่หัวเรือจะต้องทาอย่างไร ท้งน้การสร้างเหล็กในคน




ยามวิทย ยามเรดาร์ ประจาโต๊ะพล็อต ผู้ช่วยนายยาม ให้กับ นรจ. และ นนร. ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะ คือ ควรมี


เรือเดิน ยกตัวอย่าง เมื่อเป็นหัวหน้าเชือก เมื่อได้ยินเสียง การจัดท�าสมุดบันทึกประจ�าตัวให้กับ นรจ. และ นนร.
นกหวีดให้หะเบสก็ต้องสั่ง (ปากสั่ง) ให้ นนร. ชั้นปีที่ ๑ อย่างน้อย ๒ เล่ม ส�าหรับ นรจ. เล่มที่ ๑ คือ สมุดบันทึก

และ ๒ ท่ประจาเชือกหะเบส ขณะหะเบสก็ต้องสังเกต สมรรถภาพร่างกาย เร่มใช้ต้งแต่รับราชการจนกระท่ง ั



(สมองคิด) ว่าเชือกที่ก�าลังหะเบสนั้นตึง หรือหย่อนมาก เกษียนอายุราชการ และเล่มที่ ๒ คือ สมุดบันทึกวิชาชีพ


เกินไปหรือไม่ เพ่อป้องกันอันตรายท่จะเกิดจากเชือกขาด เฉพาะทาง เช่น นรจ. เหล่าโซนาร์ บันทึกช่วโมงการเข้ายาม

หรือเชือกมาพันแขนขาของนักเรียน และเมื่อเป็น นนร. ปฏิบัติหน้าท่เป็นจ่ายามโซนาร์ หรือ นรจ. เหล่าวิทย ุ


ชั้นปีที่ ๔ และ ๕ ได้รับหน้าที่ให้เป็นนายเรือเดินก็ต้องมี บันทึกช่วโมงการเข้ายามวิทย หรือพรรคกลิน บันทึก





หน้าท่ส่งการท้งในสะพานเดินเรือ และการปฏิบัติท้งหมด ชั่วโมงการฝึก ปคส. ส�าหรับ นนร. เล่มที่ ๑ คือ สมุด









ขณะท่เรือเดิน ขอยกตัวอย่างเม่อคร้งเป็นนายทหาร บนทกสมรรถภาพร่างกาย เร่มใช้ตงแต่รบราชการจน

ประจาเรือออกฝึกภาคปฏิบัติกลางปีของ นนร. ในประเทศ กระทั่งเกษียนอายุราชการ และเล่มที่ ๒ คือ สมุดบันทึก

ขณะผู้เขียนเข้ายามเป็นนายทหารยามเรือเดิน (คร้งละ ๔ วิชาชีพเฉพาะทาง เช่น บันทึกช่วโมงการเป็นนายยาม

ช่วโมง) ได้สอนให้ นนร. ช้นปีท ๓ (เข้าหน้าท่ผู้ช่วย เรือเดิน บันทึกช่วโมงการเข้ายามเคร่องส่งจักรหรือ













นายยามเรือเดิน) และ นนร. ช้นปีท ๔ (เข้าหน้าท่นายยาม เคร่องไฟฟ้า บันทึกช่วโมงการเข้ายามเรดาร์ บันทึก

เรือเดิน) ท่กาลังปฏิบัติหน้าท่อยู่สะพานเดินเรือพร้อมกับ ช่วโมงการฝึก ปคส. สาหรับสมุดบันทึกวิชาชีพเฉพาะทาง





ผู้เขียน ให้เข้าใจค�าว่า “ตาดู หูฟัง ปากสั่ง สมองคิด” เร่มใช้เม่อรับราชการจนถึงเม่อไม่ได้อยู่ปฏิบัติงานในเรือ



โดยถามว่าขณะเข้ายามอยู่น้มีการ “ตาดู หูฟัง ปากส่ง แล้ว


สมองคิด” อะไรบ้าง? ส่งท่ตาต้องด เช่น ดูหัวเรือและรอบ ๆ ส�าหรับเรือฝึกที่ผู้เขียนได้ลงเรือฝึก ได้แก่ เรือหลวง



เรือ ดูท่เรือ ดูเข็มทิศ ดูเรดาร์ ดูเคร่องหย่งนา ดูข้อมูล อ่างทอง เรือหลวงพงัน เรือหลวงสีชัง เรือหลวงปิ่นเกล้า





พยากรณ์อากาศ ดูไฟ ดูสภาพอากาศ คล่น ลม เมฆ ดูเรือ เรือหลวงประแส (๒ ครั้ง) เรือหลวงท่าจีน (๒ ครั้ง) แบ่ง

และสิ่งปลูกสร้างในทะเล เป็นต้น สิ่งที่หูต้องฟัง เช่น ฟัง เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ได้แก่ เรือหลวงอ่างทอง




เสียงวิทย ฟังการรายงานเข็มเรือ ฟังการรายงานเคร่องส่ง ั เรือหลวงพงัน และเรือหลวงสีชัง ซ่งปัจจุบันปลดประจาการ

จักร ฟังการรายงานจากยามตรวจการณ์ ฟังการรายงาน แล้ว ๒ ลา คือ เรือหลวงพงัน และเรือหลวงอ่างทอง สาหรับ

นาวิกศาสตร์ 30
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔




เรือหลวงอ่างทองท่ประจาการอยู่ปัจจุบันเป็นลาท่ต่อ ที่ส�าคัญ” ของนักเรียนทหาร และนายทหารนักเรียนทุก







ขึ้นใหม่อีกชุดหนึ่งคือ ชุดเรือฟริเกตเก่า ได้แก่ เรือหลวง หลกสตร คร อาจารยในโรงเรยนตาง ๆ ควรจะมการอบรม

ประแส เรือหลวงท่าจีน และเรือหลวงปิ่นเกล้า ซ่งสมัยน้น และฝึกทบทวนความรู้ก่อนท่จะเปิดหลักสูตร เพ่อให้





พวกเรา นนร. เรียกว่าเป็น “เรือครู” ปัจจุบันก็ปลดระวาง การฝึกอบรมของนกเรยนเป็นไปในแนวทางเดยวกน









ประจาการไปแล้วทุกลา อาจมีผู้สงสัยว่าทาไมช่อเรือ บรรลุวัตถุประสงค์ท่ต้งไว้ได้เป็นอย่างดี เช่น ฝ่ายวิชาการ
เป็นชื่อเกาะบ้าง แม่น�้าบ้าง จึงขอเล่าเรื่องการตั้งชื่อเรือ สถาบันวิชาการทหารเรือช้นสูง (ฝวก.สรส.) เคยเปิด

สักนิดหน่อยว่า กองทัพเรือได้มีระเบียบกองทัพเรือว่าด้วย หลักสูตรการเพ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้กับ



การต้งช่อเรือปี พ.ศ.๒๕๒๗ เช่น เรือฟริเกต ให้ต้งช่อ นายทหารท่จบการศึกษามาจากต่างประเทศ ก่อนท่จะทา �





ตามแม่นาสายสาคัญ ยกตัวอย่าง เรือหลวงประแส หน้าท่สอน หรือคุมสัมมนาในหลักสูตรต่าง ๆ ของสถาบัน



เรือหลวงท่าจีน เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงบางปะกง วิชาการทหารเรือช้นสูง อีกตัวอย่างหน่ง ฝ่ายวิชาการ








และเรือหลวงสายบุร เรือดานา ให้ต้งช่อตามผู้มีอิทธิฤทธ ์ ิ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ร่วมกับสถาบันสอนภาษา AUA




ในนิยาย หรือวรรณคดีเก่ยวกับการดานา ซ่งไทยเคยมีมาแล้ว เปิดหลักสูตรทบทวนภาษาอังกฤษให้กับนายทหารท่จะ



ในอดีต จ�านวน ๔ ล�า ได้แก่ เรือหลวงมัจฉานุ เรือหลวง ท�าให้หน้าท่เป็นครูสอนหลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ



วรณ เรอหลวงสนสมทร และ เรอหลวงพลายชมพล สองภาษา (ดูภาพท ๓๒ ประกาศนียบัตรการอบรม











เรือทุ่นระเบิด ให้ต้งช่อตามสมรภูมิท่สาคัญ เช่น การเพ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและการอบรม
เรือหลวงถลาง เรือหลวงบางระจัน เรือหลวงหนอง ภาษาอังกฤษ) หรือ (ภาพที่ ๓๓ การเปิดอบรมหลักสูตร
สาหร่าย และเรือหลวงดอนเจดีย์ สาหรับเรือยกพลข้นบก เพิ่มประสิทธิภาพครูปกครอง กนร.รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.)


(landing ship) เรือระบายพล (landing craft) เรือส่ง ก่อนการฝึกภาคสาธารณะ นรจ. ใหม่ หรือการให้คร ู
ก�าลังบ�ารุง เรือน�้ามัน (oiler) เรือน�้า เรือลากจูง (harbor ในกองการศึกษาเขียนแผนการสอนในวิชาท่ตนเอง

tug) และเรือล�าเลียง ตั้งตามชื่อเกาะ เช่น เรือหลวงช้าง รับผิดชอบ การจัดทาคู่มือการสวนสนามในภาคสาธารณ



เรือหลวงพงัน เรือหลวงลันตา เรือหลวงสีชัง เรือหลวง ศึกษา การจัดทาคู่มือการแสดงแฟนซีดริล และการจัดทา

สุรินทร์ เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงจุฬา เรือหลวงสมุย คู่มือการสวนสนามเรือกระเชียง เพ่อให้ครูรุ่นหลังได้นา �

เรือหลวงสัตกูด ไปใช้ได้ต่อไป กเป็นแนวทางสร้างเหล็กในคนให้กบ


จากที่ได้เขียนมาพอสรุปได้ว่าเป็นการ “สร้างเหล็ก คร อาจารย์ และนายทหารปกครองของกองทัพเรือได้

ในคนให้กับ นรจ. และ นนร.” ให้มีคุณสมบัตินายทหารเรือ หรือเม่อคร้งรับราชการอยู่ในเรือ เม่อมีโอกาสนาเรือเขา





ไทย และค่านิยมหลักของ ทร. เป็นเรื่องส�าคัญอย่างยิ่ง เทียบท่าเรือแหลมเทียน หรือการนาเรือเก็บทุ่นหมายเขต


อีกส่วนหน่งท่ช่วยในการสร้างเหล็กในคนก็คือ “ครู ท้งทวนนาและตามนา ก็ได้ฝึกให้นายทหารพรรคนาวิน






อาจารย์” ของ ทร. จากประสบการณ์ท่ผ่านมาคร อาจารย์ ประจาเรือ เช่น ตร. นกว. ตห. และ นสส. นาเรือเข้าเทียบท่า



ในโรงเรียนโดยท่วไปจะถูกเปรียบเปรยเหมือน “เรือจ้าง” ทิ้งสมอ เก็บคนตกน�้า หรือเก็บทุ่นหมายเขต ไม่ว่าจะเป็น






ท่มีหน้าท่ส่งลูกศิษย์ข้นฝั่งแล้วก็จบ ส่วนคร อาจารย์ ในการฝึกยทธวธีกองเรอทนระเบดประจาป การฝึกยุทธวิธ ี


ุ่




ของกองทัพเรือมักจะถูกเปรียบเปรยเหมือน “เป็นช่าง ของกองเรอยทธการ การฝกรวม/ผสม Cobra Gold การฝก




ปั้นหม้อ มีหน้าที่ปั้นหม้อให้ออกมาให้ดีให้ได้” ไม่ว่าจะ ร่วมผสม CARAT การออกปฏิบัติราชการ ทรภ.๑ และ ทรภ.๒
เปรียบเปรยเป็นอะไรก็ตามครู อาจารย์ ถือเป็นคน หรือ การออกปฏิบัติราชการในหมู่เรือรักษาการณ์ไกลกังวล
ทรัพยากรมนุษย์ท่ควรจะได้รับการ “สร้างเหลกในคน การออกเรือสารวจและรวบรวมข้อมูลทางยุทธการ กองเรือ



ให้กับครู อาจารย์” ด้วยเหมือนกัน เพราะครู อาจารย์ ทุ่นระเบิด ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างเหล็กในคน
ในหลักสูตรต่าง ๆ ของกองทัพเรือถือเป็น “แบบอย่าง ให้กับคนประจ�าเรือ
นาวิกศาสตร์ 31
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

ภาพที่ ๓๒ ประกาศนียบัตรการอบรมการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและการอบรมภาษาอังกฤษ

































ภาพที่ ๓๓ การเปิดอบรมหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพครูปกครอง กนร.รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.


นาวิกศาสตร์ 32
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



สรุป “ปรบพฤติกรรม” ขั้นที่ ๒ “การสร้างจตสานกความเป็น


ทหารเรือทุกนายถือเป็นทรัพยากรท่สาคัญของ ทหาร” ขั้นที่ ๓ “การสร้างความภาคภูมิใจในความเป็น






กองทัพเรือ ท่จาเป็นต้องสร้างให้มีเหล็กในคน เช่น ทหาร” และข้นท ๔ “การสร้างอุดมการณ์ในการรับราชการ

คุณสมบัตินายทหารเรือไทย ๕ ประการ ได้แก่ มีความร ู้ ในกองทัพเรือ” รวมท้งการฝึกภาคปฏิบัติทางใช้การในทะเล

เป็นผู้นาทางทหาร มีความซ่อสัตย์และความจงรักภักด ี ของ นรจ. และยกตัวอย่างการสร้างเหล็กในคนจากการ



เป็นสุภาพบุรุษ และมีความละเอียดรอบคอบไม่ประมาท ฝึกภาคทะเล ท่ได้บันทึกไว้ในสมุดจดหมายเหตุประจาตัว





และค่านิยมหลักของกองทัพเรือ (SAIL) ได้แก่ ความเป็น นักเรียนนายเรือของผู้เขียน ต้งแต่เป็น นนร. ช้นปีท ๑ ถึง





ชาวเรือ ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี ความเป็นผู้มี ช้นปีท ๕ รวมจานวน ๘ ภาค รวมท้งประสบการณ์ในการ


คุณธรรม จริยธรรม และความเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ รับราชการท่ผ่านมา นอกจากน้การสร้างเหล็กในคนไม่ได้
และความเป็นผู้นา โดยการสร้างเหล็กในคนควรจะสร้าง มีความจาเป็นเฉพาะนักเรียนทหารเท่าน้น แต่การสร้าง






ต้งแต่เม่อเร่มต้นการเข้ามารับราชการในกองทัพเรือ เหล็กในคนให้กับคร อาจารย์ ก็มีความสาคัญเช่นเดียวกัน





ยกตัวอย่างได้จากหลักสูตร นรจ. ที่เข้ารับการศึกษาที่ ท้งน้เพ่อให้กาลังพลของกองทัพเรือ มีความพร้อมในการ

รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. ระยะเวลาประมาณ ๒ ปี ได้มีการ ปฏิบัติหน้าท่และภารกิจ ตามท่ได้รับมอบหมายให้สาเร็จ



จัดทาแผนพัฒนา นรจ. ๔ ข้นตอน ได้แก่ ข้นท ๑ ลุล่วงด้วยดีตลอดไป





“เหล็กในคน ต้องสร้าง ตั้งแต่เริ่ม
สะสมเพิ่ม ความแกร่งกล้า ทีละน้อย
ส�าคัญกว่า สร้างตอนปลาย ได้แต่คอย
กว่าจะได้ ใช้สอย ไม่ทันการ
เหล็กในเรือ ส�าคัญ หมั่นถูขัด
คอยขจัด สนิมร้าย ไม่ให้กร่อน
ช่วยพยุง เรือไว้ คนได้นอน
บ้านคลายร้อน แสนสุขเรา เหล่าชาวเรือ
เหล็กในคน เหล็กในเรือ ดั่งเช่นดาบ
ควรหมั่นลับ ให้คม อย่ารู้เบื่อ
รู้ส�านึก ร่วมกัน ทหารเรือ
ค�้าจุนเจือ เพื่อชาติ ราชนาวี”
ที่มา
๑. แผนพัฒนา นรจ. ๔ ขั้นตอน กองนักเรียน โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
๒. การจัดการความรู้ โรงเรียนนายเรือ เข้าถึงได้จากเว็บไซด์https://rtnakm.com/
๓. เว็บไซด์ www.wikipedia.com
๔. เว็บไซด์ www.sites.google.com
๕. สัตหีบแชนแนล สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซด์ www.youtube.com
นาวิกศาสตร์ 33
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

สุภาพบุรุษทหารเรือหายไปไหน





พลเรือเอก ไพศำล นภสินธุวงศ์




























“พึงระลึกไว้ว่า พวกเธอต้องเป็นชาวเรือ เป็นนายทหารเรือ และพวกเธอไม่สามารถเป็น
นายทหารเรือที่ดีได้หากไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
Lord Nelson กล่าวอบรมบรรดานักเรียนนายเรือที่ฝึกปฏิบัติงานบนเรือของเขา




“ไม่มีทางเพียงพอเลย ท่นายทหารเรือมีแค่ความสามารถ...เขาควรเป็นสุภาพบุรุษด้วย





ซ่งอย่บนรากฐานของศิลปศาสตร มีมารยาทท่ดีงาม สุภาพเรียบร้อย มีอัธยาศัยท่ละเอียดอ่อน มีจิตสานึก

แห่งเกียรติยศที่งดงามที่สุด”
John Paul Jones บิดาแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ
น�ำเรื่อง เป็นนายทหารเรือส่งไปจากกองทัพเรือ ท่านเหล่าน้น

ผมได้ร่วมเครือนาว ต้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๗ ภายหลังจาก มีความเป็นสุภาพบุรุษ แตกต่างไปจากนายทหารอื่น ๆ




จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร เหตุผลหนึ่งที่ผม ในช่วงเวลาท่เป็นนักเรียนช้นใหม่ท่โรงเรียนนายเรือ







เลือกเป็นทหารเรือ เน่องจากมีความประทับใจจาก จาได้ว่านักเรียนช้นปีท่ห้า ซ่งทาหน้าท่เป็นพ่เล้ยง ส่งหน่ง ึ





นายทหารปกครองของโรงเรียนเตรียมทหาร ในส่วนท ี ่ ท่พวกเราช้นใหม่ได้รับการอบรมกรอกหูอยู่บ่อยคร้งว่า


นาวิกศาสตร์ 34
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔





ทหารเรือเป็นสุภาพบุรุษ เสียดายท่ผมอยู่ท่น่นเพียง - ราชบัณฑิตยสถานให้นิยามว่า “ชายท่มีกิริยาวาจา

เดือนเศษ ก็ถูกเรียกข้นจากเรือฝึกในขณะท่กาลังเตรียมการ เรียบร้อย รู้จักกาลเทศะ และมีคุณธรรม”


เพ่อออกฝึกต่างประเทศ ผมต้องเตรียมตัวเพ่อไปศึกษาต่อ - ตามคตินิยมของสังคมไทยตรงกับคาว่า “ชายชาตรี”




ที่โรงเรียนนายเรือสหพันธรัฐเยอรมนี เลยขาดการซึมซับ หมายถึง ผู้ชายท่มีนิสัยใจคอ และกิริยามารยาทสมกับ
การฝึกอบรมตามแบบฉบับของทหารเรือไทย ผมกลับไป ความเป็นชาย ซึ่งมีลักษณะของสังคมไทยประการต่าง ๆ

รับราชการอีกคร้งท่น่นในตาแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียน เช่น เป็นผู้มีเกียรต เช่อถือได้ เป็นท่ไว้วางใจแก่สตรีได้






นายเรือเพียงปีเดียว ได้เห็นว่าหลักสูตรการศึกษารวมทั้ง ทุกโอกาส รักษาสัจจะ ไม่เอาเปรียบผู้ท่ด้อยกว่า หรือ



การฝึกไม่ได้สอดคล้องกับการทางาน เม่อจบการศึกษาแล้ว อ่อนแอกว่า เป็นต้น
ไม่ได้ทาให้เป็นนายทหารเรืออาชีพ ท่น่าเสียดายมาก - พจนานุกรม Oxford Learner’s Dictionary




ท่สุดคือ มีโอกาสอยู่ท่น่นเพียงปีเดียว ไม่มีโอกาสท่จะ อธิบายว่า “ผู้ชายที่สุภาพ มีการศึกษาดี มีมารยาทดีเลิศ




วางแผนพัฒนาหลักสูตร น่เป็นตัวอย่างหน่งของความ และมีความประพฤติดีเสมอ”

ไม่มีประสิทธิภาพของการบริหารกาลังพลของกองทัพเรือ - Cambridge Dictionary ให้นิยามว่า “ผู้ชายท ่ ี


ท่บรรจุคนให้เป็นผู้บัญชาการส่วนใหญ่ ๑ ปี ซ่งทามาร่วม สภาพ มความประพฤติดต่อผ้อนโดยเฉพาะต่อสตร ี







๒๐ กว่าปีแล้ว หรือชายที่ก�าเนิดจากสังคมชั้นสูง



ระยะหลังของการรบราชการในกองทพเรอ ผมไมค่อย - พจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ของอังกฤษ อธิบายว่า





ได้ยินการกล่าวขานเร่องทหารเรือเป็นสุภาพบุรุษท้งใน “กลางศตวรรษท่ ๑๒ สุภาพบุรุษคือ ชายท่เกิดใน

กลุ่มคนของกองทัพเรือและคนภายนอก ทาให้อดคิด ครอบครัวท่ดี” และยังขยายความต่อไปว่ามาจากผู้ด ี



ไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรข้นจึงได้เปล่ยนไปในทางลบ บรรพบุรุษ โรมันและขุนนางกรีกโบราณ จากคาว่า Gentleman

ทหารเรือได้สร้างทุนทางสังคม (Social Capital) ท่ดีงามไว้ อาจมาจากภาษาฝร่งเศส ซ่งอังกฤษได้นามาใช้ในศตวรรษ





ท�าไมคนรุ่นหลังจึงไม่รักษาให้อยู่ในสภาพเดิม หรือท�าให้ ที่ ๑๘ โดยในภาษาอังกฤษหมายถึง “คนท่มีฐานะสูง




ดีข้นอีก ความน่าเสียดายน้เองทาให้ผมใคร่นาเสนอเก่ยวกับ ในสังคม” อยู่บ่อย ๆ แต่บางคร้งจากัดอยู่เฉพาะชาย



สุภาพบุรุษทหารเรือ เช่น ประวัติความเป็นมา ลักษณะ ที่มีตราประจ�าตระกูล (Coat of arms)
ของสุภาพบุรุษตามความคิดของชาวตะวันตก บางสาเหต ุ ความหมาย Gentleman ในภาษาอังกฤษ เริ่มแรก

ท่ทาให้คนในกองทัพเรือเหินห่างจากความเป็นสุภาพบุรุษ ยังบอกถึงลักษณะพิเศษว่าเป็นชายในตระกูลสูงท่ม ี


ทหารเรือ และสุดท้ายจะโยนปัญหาการฟื้นฟูเร่องดังกล่าว ความประพฤติสอดคล้องกับลักษณะของพวกอัศวิน

ให้เป็นภาระหน้าทแก่คนร่นใหม่ของกองทพเรอ ซงควร (Chivalry) และคริสต์ศาสนา









ด�าเนินการต่อไปหากเห็นว่าเป็นสิ่งส�าคัญและจ�าเป็น - Urban Dictionary ให้คานยามทค่อนข้าง


ร่วมสมัยว่า “สุภาพบุรุษ คือ ชายท่ไม่ต่นกลัวต่อแรงบังคับ


อย่ำงไรที่เรียกว่ำเป็นสุภำพบุรุษ จากภายนอก เขาพูดความจริงและหนักแน่น เขาท�าในสิ่ง
หากถามใครสักคนว่าความหมายของสุภาพบุรุษ ที่ถูกต้อง แม้ว่าไม่เป็นที่นิยมของสังคม เขามีบุคลิกภาพ

คืออะไร ดูเหมือนว่าคนเหล่าน้นพอจะเข้าใจ แต่ถ้าซักลงไป เข้มแข็งอย่างชัดเจนขณะปรากฏตัว เขาไม่เป็นคนแข็งกร้าว




ในรายละเอียดอาจต้องคิดอยู่ช่วระยะเวลาหน่ง ท้งน ี ้ แต่มีความเช่อม่น เขาไม่ขาดเพ่อน คาว่า Gentle มิได้





เพราะความหมายของสภาพบรษค่อนข้างกว้าง และม ี หมายความว่าอ่อนแอ แต่มีความเช่อม่น และทรงพลัง



หลายประการสุดแล้วแต่จะลงลึกขนาดไหน เรามาด ู ในตัว และไม่ท�าให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัดในขณะที่อยู่ใกล้เขา”
ความหมายจากแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้กันครับ
นาวิกศาสตร์ 35
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔




จากคานิยามท่ยกมาเป็นตัวอย่าง สุภาพบุรุษม ี ในอุดมการณ์คือ การกาเนิดรัฐ (state) ซ่งต่อมา



ความหมายหลากหลายมาก น่าสนใจท่ว่าความหมาย ถูกกระตุ้นด้วยการเปล่ยนแปลงอันเกิดจากเทคโนโลย ี
ในปัจจุบันต่างจากยุคเร่มแรกมากพอสมควรอย่าง ของการทาสงคราม ดินปืนทาให้บรรดาพวกสุภาพบุรุษ






เห็นได้ชัด แต่ไม่ใช่เร่องแปลก เพราะเป็นความเปล่ยนแปลง หรือพวกอัศวินกลายเป็นพวกล้าหลัง สมัยท่รบกัน

ที่สอดคล้องกับสภาพของสังคมที่เป็นพลวัต (Dynamic) บนหลังม้าทหารราบเร่มทวีความสาคัญ บรรดาทหาร




โดยเฉพาะเร่องราวท่เก่ยวกับประวัติของคา (นิรุกติศาสตร์) ของพวกขุนนางจึงไม่สามารถสู้รบกับทหารของกษัตริย์ได้


เนองจากทหารของกษัตริย์ได้รับการติดอาวุธท่ดและ



เรื่องรำวของ “สุภำพบุรุษ” ในอดีต ทันสมัย ดังนั้นกษัตริย์จึงไม่จ�าเป็นต้องพึ่งพวกขุนนางที่
ในที่นี้จะกล่าวของอังกฤษเป็นหลัก ใน Britannica คอยรับใช้กษัตริย์ ต่อมาจึงอาศัยระบบราชการเป็นหลัก



Encyclopedia บอกถึงความเป็นมาของ “สุภาพบุรุษ รวมท้งการจัดการเพ่อให้เกิดความม่นใจในการระดม

อังกฤษ” ซึ่งพอสรุปดังนี้ : ค�าว่า Gentle มาจากภาษา สรรพกาลัง เพ่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรบสูงข้น


ละติน Gentiles หมายถึง ตระกูลเดียวกัน ตลอดของ น่นคือสาเหตุท่ขุนนางถูกลดบทบาทและอานาจลง



ศักราชสมัยใหม่ ชายท่เกิดในตระกูลสูง ตระกูลขุนนาง แล้วส่งผลให้กษัตริย์กับพวกขุนนางเร่มแยกห่างกัน




มักได้ช่อว่าเป็น Gentleman แต่ความประพฤต ิ ต่อมาในศตวรรษท ๑๗ กษัตริย์ไม่ได้เป็นผู้นาหน่วยทหาร


ในอุดมการณ์ของความเป็นสุภาพบุรุษเปล่ยนแปลง ในการสู้รบ แต่ยังได้ใช้วิธีการจ้างคนอื่นท�างานในรัฐบาล






ค่อนข้างรวดเรวนับต้งแต่ศตวรรษท ๑๖ ถึง ๑๘ แต่ และอาจให้รางวัลตอบแทนโดยแต่งต้งให้เป็นขุนนาง

ท้งน้แก่นของความเป็นสุภาพบุรุษหาได้เปล่ยนไปมากนัก โดยต�าแหน่ง




ย้อนกลับไปจากยุคกลางจนถึงศตวรรษท ๑๖ การเข้ารับราชการในราชสานักจาเป็นต้องม ี


ค�าว่า Gentleman ผู้คนเน้นไปที่นักรบที่เป็นทหาร ซึ่ง ความเป็นสุภาพบุรุษ โดยเฉพาะจรรยาบรรณของพวก
เป็นบ่อเกิดหลักของพวกขุนนาง พวกผู้ดี สุภาพบุรุษต้อง อัศวิน เช่น การมีวินัยในตนเอง การเพียบพร้อมด้วย


เข้ารับการฝึกทหารในการใช้อาวุธ และการปะทะกันแบบ กรยามารยาททด เป็นต้น สภาพบรษแตกต่างจากผ้อน











ใช้กาลังป้องกันตัว แต่เม่อว่างจากการรบสุภาพบุรุษ ท่วัฒนธรรม และความประพฤติมากกว่าเป็นทหาร

จึงออกล่าสัตว์ หรือแข่งขันกีฬา การกระท�าแบบใช้ความ และลักษณะทางการเมือง
รุนแรงเป็นที่ยอมรับในหมู่ประชาคมของพวกเขา ซึ่งเป็น ธรรมชาติของความเป็นสุภาพบุรุษได้เปลี่ยนแปลง





คนในตระกลสง โดยเฉพาะเมอการกระทานนเพ่อปกปอง อีกคร้งในศตวรรษท ๑๘ อันมีผลมาจากความเป็นจริง











เกียรติยศของตน ดานเศรษฐกจ หรอเศรษฐกจแบบทุนนยม เดมสภาพบรษ








กษัตริย์ก็เป็นสุภาพบุรุษเช่นกัน ซ่งพระองค์ยึดมั่น มีรายได้จากท่ดินและจากรัฐบาล แต่คร้งน้พวกเขาต้องทา �


ต่อจรรยาบรรณ (Code of Conduct) ของความเป็น ธุรกิจของตนเองเพ่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจทุนนิยม
สุภาพบุรุษ และยังเป็นสมาชิกพระองค์แรกของกลุ่ม หรือ แต่ขณะเดียวกันยังคงสภาพชนช้นสูงของสังคม แต่การ


เป็นหน่งท่ทรงอิทธิพลสูงสุด ตลอดศตวรรษท ๑๖ กษัตริย์ ปรบตวขององกฤษเนองจากการเรยกร้องความเสมอภาค












ได้รับการคาดหวังว่าเป็นผู้นาของทหารในการรบ หรือ ของสังคม ย่อมส่งผลกระทบต่อความสาคัญท่เคยมีต่อ

ในการล่าสัตว์และแข่งขันกีฬา แต่เมื่อถึงศตวรรษที่ ๑๘ สุภาพบุรุษ กระน้นก็ตามความรุ่งเรืองของอังกฤษสมัย

บทบาทด้านการต่อสู้ของสุภาพบุรุษเริ่มลดน้อยลง ดังน้น พระนางวิกตอเรีย สุภาพบุรุษอังกฤษยังคงได้รับการ

สุภาพบุรุษในอุดมการณ์จึงห่างจากการเป็นนักรบไป ยอมรับจากสังคมอย โดยพวกเขาไม่ต้องทางานหาเล้ยงชีพ

ู่

ปัจจัยหลักของการเปล่ยนผ่านของสุภาพบุรุษ เนื่องจากมีที่ดินจ�านวนมากอย่างเหลือเฟือ
นาวิกศาสตร์ 36
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



ควำมส�ำคัญและอิทธิพลของจรรยำบรรณของอัศวิน สาคัญสูงสุด รองลงมาคือ ให้ความเคารพต่อผู้อ่น การเป็น
สภาพบรษมใช่สภาพ หรอเออเฟื้อเฉพาะต่อสตร แต่ยง ั










หมายถึงผู้ท่อาวุโสหรือสูงวัยกว่า และแม้กระท่งเด็ก

นอกจากนั้นยังประกอบด้วย ไม่เห็นแก่ตัว เห็นอกเห็นใจ

ผู้อ่น มีความตระหนักว่าชีวิตของเขาเกิดมาเพ่อคนอ่น


มีความกล้าหาญ ต้องช่วยเหลือสตรีเสมอ จะไม่ครอบง�า
หรือบีบบังคับเธอ กระตุ้น และให้ก�าลังใจเธอ เป็นต้น

ลักษณะของสุภำพบุรุษ
ในยุคปัจจุบันความเป็นสุภาพบุรุษแตกต่างจากอดีต

ในยุคเร่มต้นท่เป็นอัศวิน โดยมีสาเหตุหลักเกิดจากการ


เปล่ยนแปลงของสภาพสังคม กระน้นก็ตามแก่นของ

ความเป็นสุภาพบุรุษส่วนใหญ่มิได้เปล่ยนแปลงมากนัก

จนมีนยสาคญท่จะกล่าวต่อไปน้เป็นการรวบรวม





เรียบเรียงจากข้อมูลของฝ่ายตะวันตกเกี่ยวกับคุณสมบัติ
ที่พึงประสงค์
- สุภาพบุรุษ คือ ผู้ให้ความเคารพผู้อื่น ข้อนี้ตรงกับ
ปรัชญาของเต๋า ซ่งเล่าจ้อกล่าวไว้ว่า “เคารพต่อผู้อ่น





แล้วเขาจะเคารพเรา” ข้อน้มีความสาคัญมาก ผู้อ่นหมายถึง


คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นเพศหรือวยใด การแสดงออก
เช่น กล่าวขอบคุณทุกคนท่ทาประโยชน์ให้ ปฏิบัติต่อ




ในยุคกลางความเป็นสุภาพบุรุษอังกฤษได้รับ ผู้อ่นอย่างท่เราต้องการให้เขาปฏิบัติต่อเรา แม้เป็น
อิทธิพลจากจรรยาบรรณของพวกอัศวิน (Code of เรื่องเล็กน้อยไม่ส�าคัญมากนักก็ตาม

the Knights) ซ่งพวกอัศวินทุกคนของกษัตริย์ Arthur - สุภาพบุรุษ เป็นคนใจกว้างรับฟังความคิดเห็นท ่ ี


ต้องสาบานตน ในค�าสาบานนั้น เช่น ปกป้องผู้ที่อ่อนแอ แตกต่างได้ คนส่วนใหญ่ท่ประสบความสาเร็จในหน้าท ่ ี





และผู้ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ เช่อฟังต่อผู้มีอานาจ การงาน ต้องไม่ละเลยข้อนโดยเฉพาะกบผ้ทด้อยกว่า






เหนอกวา พดจรงเสมอ มความสภาพ เปนตน จรรยาบรรณ เช่น ผู้ใต้บังคับบัญชา การรับฟังความเห็นของผู้อ่น ทาให้







ของพวกอศวนอย่เหนอกฎการรบ เป็นระบบศลธรรม เราได้รอบรู้ปัญหากว้างขวางข้น และเป็นประโยชน์






จรรยาบรรณ บางข้อยังคงเป็นหลักการของสุภาพบุรุษ ต่อเราด้วย ต้องตระหนักว่าเราเองมิใช่ผู้รอบรู้ทุกอย่าง
ในปัจจุบันท่ยึดถือกันอย่างเหนียวแน่น แต่บางข้ออาจ และท�าอะไรถูกต้องเสมอ


เข้มงวดน้อยลง หรือบางข้ออาจถูกละเลย ทั้งนี้เกิดจาก - สุภาพบุรุษ เป็นคนรักษาคาพูด การรักษาสัจจะ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมตามที่ได้กล่าวแล้ว เป็นเรื่องจ�าเป็น และส�าคัญมากส�าหรับสุภาพบุรุษ คนที่




ลักษณะของสุภาพบุรุษอังกฤษท่สืบเน่องมาจาก ไม่มีสัจจะทาให้ผู้น้นขาดความเคารพนับถือจากผู้อ่น




อิทธิพลของอัศวิน มีลักษณะเด่นซ่งเป็นชายท่สุภาพ เป็นการบ่อนทาลายตัวของเขาเอง คุณสมบัติข้อน ้ ี




รักษาคาพูด มีสไตล์ท่ดีงาม แม้ว่าสไตล์มิใช่ลักษณะ เป็นท่ต้องการแทบทุกคนในวงการต่าง ๆ แม้กระท่ง
นาวิกศาสตร์ 37
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔





ลูกเสือท่ยึดถือ “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” ตลอดจนศีล และยังคงเป็นส่งท่พึงประสงค์สาหรับความเป็นสุภาพบุรุษ
ข้อ ๔ ของศีลหลัก ๕ ข้อ เขาชอบช่วยเหลือสุภาพสตรี ผู้สูงวัย และแม้กระทั่งเด็ก
- สุภาพบุรุษ ต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่าง เขาสนทนาด้วยวาจาสุภาพตลอดเวลา ไม่ด่าทอผู้ใด





การหลงตัวเอง (Ego) กับความเชื่อมั่นในตัวเอง (Self – ไม่พดจาก้าวร้าว เขาต้องหลกเลยงการพดถงตนเอง

confidence) สองสิ่งที่กล่าวนี้หากไม่ระมัดระวังอาจท�า จนมากเกินไป จะทาให้ผู้ร่วมสนทนาเกิดความอึดอัด

ให้สูญเสียความเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งนี้ เพราะเส้นแบ่งของ และมองเขาเป็นคนโอ้อวดคุยโว เขาเป็นคนใจกว้าง
สิ่งทั้งสองนี้บางมากจนบางครั้งแยกไม่ออก ความเชื่อมั่น ให้เกียรติต่อผู้ร่วมสนทนาโดยเฉพาะสุภาพสตรี


ในตนเองหมายถึง ศรัทธาในความสามารถของตนเอง - เอ้อเฟื้อต่อสตร สุภาพบุรุษต้องให้เกียรต ิ


แต่ Ego แตกต่างออกไปอย่างส้นเชิง Ego เป็นการกระทา สุภาพสตรีในทุก ๆ กรณี เช่น เปิดประตูรถ หรือประตู





โดยมุ่งหวังหาประโยชน์แก่ตนเอง ซ่งอาจไม่ต้งอยู่บน อาคารให้ ลุกข้นยืน เล่อนเก้าอ้ให้สตรีน่ง และเล่อน




ความถูกต้อง Ego หรืออัตตาในระดับพอดีเป็นสิ่งจ�าเป็น เก้าอ้ออกเม่อเธอลุกจากโต๊ะ เวลาเดินบนฟุตบาทด้วยกัน


เช่น ความทะเยอทะยาน หรือความมุ่งม่น แต่หากสูง สุภาพบุรุษควรเดินด้านท่ติดกับถนน เม่อมีการใช้ร่ม


เกินไปมากเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี ต้องกางร่มให้สภาพสตร ในการสนทนาหลีกเล่ยงเรอง





- สุภาพบุรุษมักคิดบวกในหลาย ๆ กรณ การคิดบวก ท่เธอไม่สนใจ หรือไม่อยากฟัง ไม่ดูถูกสตรีแม้เป็นการ

ท�าให้เขาเป็นคนที่ไม่มองโลกในแง่ร้าย ท�าให้คนรอบข้าง ล้อเล่น เม่อไปรับประทานอาหารร่วมกันในภัตตาคาร



อยากอยู่ใกล้ นอกจากน้นคนคิดบวกจะมีสุขภาพจิตท่ด ี หรือโรงแรม สุภาพบุรุษเป็นผู้จ่ายเงิน เม่อจะแยกจากกัน

ไม่เครียด มีโอกาสประสบความสาเร็จมากกว่าคนท่คิด สุภาพบุรุษต้องส่งเธอให้ถึงบ้าน


เชิงลบ คนคิดบวกมักมองปัญหาเป็นโอกาส ในขณะท ี ่ - สุภาพบุรุษมีความกล้าหาญ คุณสมบัติข้อน้ของ

คนคิดลบมักสร้างโอกาสเป็นปัญหา สุภาพบุรุษเป็นหัวใจสาคัญ นับต้งแต่ยุคอัศวิน ความกล้าหาญ


- สุภาพบุรุษมีความสุภาพอ่อนโยน ลักษณะข้อน ้ ี มีสองประการ ได้แก่ ความกล้าหาญทางกายภาพ เช่น
ของสุภาพบุรุษด�ารงคงอยู่ตลอดกาล นับตั้งแต่ยุคอัศวิน กล้าหาญในการต่อสู้ กล้าท�างานหนัก และเสี่ยงอันตราย













นาวิกศาสตร์ 38
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



เป็นต้น อีกประการเป็นความกล้าหาญทางศีลธรรม การได้รับเชิญไปรับประทานอาหารท่บ้านเพ่อน


หรือจริยธรรม (Moral Courage) คือ คนท่กล้าพูดกล้าทา � หรือคนรู้จักถือว่าเป็นกิจกรรมสาคัญอย่างหน่ง ตาม












ในส่งทถกตอง แม้จะเส่ยงต่อการถูกตาหน หรออาจทาให ้ มารยาทแล้วเม่อเราจะไปต้องโทรบอกให้เจ้าภาพทราบ

ผ้อนไม่สบายใจ ทงนเพอรกษาหลกการและประโยชน์ เพ่อให้เขามีเวลาเตรียมตัว และควรแจ้งให้เขาทราบว่าเรา











ของส่วนรวม จะไปถึงตรงเวลาหรือไม่ หากบังเอิญมีเหตุให้ถึงช้าควรแจ้ง

- สุภาพบุรุษต้องรู้จักดูแลตนเองท้งในด้านความ ให้เขาทราบด้วย การเป็นแขกควรมีอะไรติดไม้ติดมือ

สะอาดของร่างกาย เส้อผ้า หน้า ผม แต่มิใช่มาก ไปด้วย ซ่งข้นอยู่กับโอกาส ความสัมพันธ์ และสถานการณ์






เกินไปจนดูเป็นคนสาอาง เขาต้องระวังไม่ให้มีกล่นปาก หากตดสนใจไม่ถก การให้ช่อดอกไม้กเป็นทนยมให้กน









และกล่นกาย ซ่งเป็นท่น่ารังเกียจต่อผู้ใกล้ชิด นอกจาก โดยท่วไป ในระหว่างเวลาท่เป็นแขก สุภาพบุรุษไม่ควร






ความสะอาดแล้วเสอผ้าต้องไม่คบ หรือหลวมเกินไป แสดงอาการน่าเบ่อออกมา เพราะจะทาให้เจ้าภาพอึดอัด


รวมท้งสีของเส้อผ้าต้องเหมาะกับกาลเทศะ พยายาม หากเห็นว่าบรรยากาศเร่มน่าเบ่อ สุภาพบุรุษควรนาเสนอ





รักษาความสะอาดของรองเท้า รวมท้งรองเท้าต้องให้ กิจกรรมท่น่าสนใจ ท้งสาหรับแขกและเจ้าภาพ การสนทนา







เข้ากับเคร่องแต่งกายด้วย เม่อสวมสูทไปงานท่เป็น อย่างมีอารมณ์ขันเป็นสิ่งท่ควรกระทา สุภาพบุรุษควร


ทางการ ควรสวมรองเท้าหนังผูกเชือกแทนรองเท้าคัทชู สังเกตว่าควรจะราลาเจ้าภาพเวลาใด นอกจากแสดง


- สุภาพบุรุษต้องเป็นคนละเอียดรอบคอบ เป็นคน การขอบคุณสาหรับงานเลี้ยงท่ได้รับตอนจะจากกันแล้ว


รักครอบครัว (Family Man) เป็นผู้นาครอบครัวท่ด ี การส่งจดหมาย หรือการ์ดขอบคุณอีกครั้งใน ๒ - ๓ วัน

นาครอบครัวไปสู่ความถูกต้อง ร่วมกับภรรยาในการแก้ไข ถัดมาเป็นสิ่งที่พึงกระท�า


ปัญหา เป็นท่พ่งของภรรยาและครอบครัวท้งทางกาย - สุภาพบุรุษกับการสนทนา แม้สุภาพบุรุษเป็นบุคคล


และทางใจ สร้างครอบครัวให้อบอุ่นและซ่อสัตย์ต่อ ท่มีความสง่า ดูดีอยู่เสมอ แต่การพูดอาจช่วยเสริมคณค่า






ภรรยา ซ่อสัตย์ในท่น้หมายถึง ไม่ผิดทานองคลองธรรม ของเขา หรอในทางกลบกนอาจทาลายได หากการพดจา







หรือเรื่องชู้สาว ของเขาไมเหมาะสมกับสภาพที่เขาก�าลังเผชิญอยู ดังนั้น


- สุภาพบุรุษไม่แก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรง แม้เขา สุภาพบุรุษท่ได้รับการศึกษาอบรมมาดีจึงต้องระมัดระวัง

จะมีร่างกาย และฝีมือเหนือกว่าคู่ขัดแย้ง เขาต้องตระหนัก ในการสนทนา เช่น ไม่พูดจาลามก ให้โอกาสผู้อ่น








ว่าความรุนแรงไม่สามารถแก้ได้ทุกปัญหา การใช้ความ ได้พดบ้าง การรบฟังความคดเหนของผ้อน นอกจาก






รุนแรงไม่ใช่วิสัยของสุภาพบุรุษ ความรุนแรงในท่น้รวมท้ง ั เป็นมารยาทท่ดีแล้วยังได้รับประโยชน์ในส่งท่คนอ่นพูด


วาจาด้วย โดยเฉพาะต่อสุภาพสตรี ดังท่ท่านดาไล ลามะ กล่าวว่า “ขณะท่เราพูดเราถ่ายทอด

- สุภาพบุรุษต้องโอบอ้อมอารีต่อทุกคนเม่อมีโอกาส ประสบการณ์ของเรา แต่เม่อเราฟังเราได้รับประสบการณ์






มีค�าพังเพยของพวกยุโรปว่า “Chivalry Is Not Dead” เพมเติม” หรอสุภาษิตไทย “พูดไปสองไพเบ้ย น่งเสีย





อศวนไมมวนตาย หมายถง คนทเปนสภาพบรษตามแบบ ตาลึงทอง” แต่ก็ใช่ว่าไม่พูดอะไรเลยตลอดการสนทนากัน










ของอัศวินจะไม่หายไปจากโลก เขาเกิดมาเพ่อคนอ่น - สุภาพบุรุษควรพูดให้น้อยเก่ยวกับตนเอง เพราะ



น่าจะใกล้เคียงกับภาษิตของไทย “คนดีไม่มีวันตาย” จะทาให้คู่สนทนารู้สึกอึดอัดแม้จะเป็นเร่องท่ดีก็ตาม

- เม่อสุภาพบุรุษเป็นแขกรับเชิญ เม่อได้รับเชิญจาก นอกจากไม่พูดคาหยาบแล้ว สุภาพบุรุษไม่กล่าวคาสบถ






เพ่อนหรือคนรู้จัก เป็นธรรมเนียม (ของชาวตะวันตก) เพราะการพูดเช่นน้นนอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังลด
ที่แขกต้องเตรียมการ และแนวทางปฏิบัติ แตกต่างจาก คุณค่าของผู้พูดอีกด้วย อย่างไรก็ดีหากในวงสนทนาม ี
คนไทยบ้าง ผู้หญิง สุภาพสตรีร่วมด้วย การระมัดระวังในส่งท่แสดง


นาวิกศาสตร์ 39
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔








ในทางลบพึงตระหนักให้มากขึ้น จากฝ่ายตะวนตก ตงแต่สมยรชกาลท ๔ เป็นต้นมา
เม่อมีการโต้แย้ง หรือโต้เถียงกันไม่ว่าจะเป็นเร่อง ท่กล่าวขานกันอีกยุคหน่งคือ สมัยท จอมพล ป.











สาคัญ หรือเร่องเล็กน้อยก็ตาม ส่งสาคัญท่สุภาพบุรุษต้อง พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนปัจจุบันแทบไม่มี
หลีกเลี่ยงคือ การลงไม้ลงมือ เขาควรระงับอารมณ์ตั้งแต่ ข้อโต้แย้งว่าสังคมไทยถูกครอบงาจากชาติตะวันตก







เรมแรก การโต้เถยง หรอทะเลาะกนไม่มประโยชน์ จนเปลี่ยนไปมากจากอดีต







ทงสองฝ่าย สงสาคญทสดสภาพบรษต้องหลกเลียงคอ น่าสนใจท่มีนักเขียนคนสาคัญช่อ ศรีบูรพา (กุหลาบ











การโต้เถยงกับสุภาพสตร แม้ว่าเขาเป็นฝ่ายถูกก็ตาม เพราะ สายประดิษฐ์) ได้กล่าวแต่ค่อนข้างกากวมถึงลักษณะ



การโต้เถียงกับสุภาพสตรีส่งผลในทางลบต่อบุคลิกของเขา ของสุภาพบุรุษระหว่าง “คนดี” กับ “ผู้ดี” ซึ่งคล้ายกับ
ยังมีประเด็นปลีกย่อยท่อาจไม่สาคัญนักท่สุภาพ ความคิดของพวกตะวันตกโดยเฉพาะอังกฤษท่กาเนิด





บุรุษพึงกระท�า และพึงละเว้น เช่น สุภาพบุรุษตอนเร่มแรกจากพวกขุนนาง หรือผู้ด ซ่ง








- เป็นคนตรงต่อเวลา และเชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นพวกอัศวนสมยเดมมาจากตระกลผ้ด ี

- หลีกเล่ยงการใช้โทรศัพท์ในบางโอกาส โดยเฉพาะ คนช้นสูง ส่วนคนดีน้นเป็นคุณสมบัติของพวกอัศวิน



สถานที่ห้ามใช้ ในส่วนความคิดของศรีบูรพาน้น “สุภาพบุรุษคือ คนท ่ ี
- ไม่โยนความผิดให้ผู้อื่นเมื่อเขาเป็นผู้กระท�า เกิดมาเพื่อผู้อื่น เป็นคนเสียสละ”
- ต้องมีมารยาท สุภาพ ซ่งสาคัญเท่าเทียมกับ


ความกล้าหาญ (Theodore Roosevelt)
- ไม่ล่วงเกินเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น
- ไม่ท�าร้ายความรู้สึกของสุภาพสตรี
- ต้องรู้จักค�าว่า “Lady First”
- ไม่แสดงตนว่าเป็นคนรู้ดีทุกเรื่อง
- รักษามาตรฐาน และค่านิยมของความเป็นสุภาพ
บุรุษให้สูง
- เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน

- ให้อภัยผู้อ่น อย่าปล่อยให้เรื่องร้าย ๆ กัดกร่อน
จิตใจตนเอง
- ไม่ว่าร้ายต่อผู้อื่น ควรปรารถนาดีต่อผู้อื่น
- กล้ารับผิด
- รักษาเกียรติยศและช่อเสียงของตน เป็นคนไม่

เสแสร้ง เป็นตัวของตนเอง

ตามท่กล่าวมาข้างต้นน้น เป็นการสรุปความเป็นมา

และลักษณะของสุภาพบุรุษในความคิดของชาวตะวันตก



อาจมคนต้งคาถามว่าสังคมไทยต้งแต่ในอดีตมีการกาหนด










หรอบอกเล่าเกยวกบความเป็นสภาพบรษบ้างหรอไม่ คนรุ่นเก่าคงรู้จักหนังสือ “สมบัติของผู้ดี” (ส่วนมาก











ผมได้ค้นหาในช่วงเวลาส้น ๆ ได้ทราบอย่างไม่ชัดเจนนักว่า นยมเรยกว่า สมบตผ้ด ซงเขยนในสมยรชกาลท ๖




สงคมไทยได้เรมเปลยนแปลงมากโดยได้รบอทธพล โดยเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบด เรียบเรียง








นาวิกศาสตร์ 40
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

ในปี พ.ศ.๒๔๕๕ เป็นหลักปฏิบัติ ๑๐ ประการ เกี่ยวกับ ดังกล่าวให้แก่พวกเขา ดูจะไม่เป็นการยุติธรรม ถ้าจะหา

กายจริยา วจีจริยา และมโนจริยา ของความเป็นผู้ ผู้รับผิดชอบก็ควรเป็นผู้ใหญ่ท้งในอดีตและปัจจุบัน

ประพฤติด โดยความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะท่เคยบวช จึงจะเป็นธรรม









และจาพรรษาทสวนโมกขพลาราม คดว่าหนงสอสมบต ิ นายทหารรุ่นใหม่ขาดการปลูกฝัง อบรม ส่งสอน




ผ้ดคงได้รบอทธพลจากพทธศาสนา โดยเฉพาะจาก เก่ยวกับความเป็นสุภาพบุรุษท้งในขณะศึกษาอยู่ใน




พระวินัยของภิกษุที่เป็นเสขิยวัตร ซ่งเป็นวัตรปฏิบัต ิ โรงเรียนนายเรือ และในสถานการศึกษาช้นสูงของ


ด้านมารยาทที่ภิกษุพึงตระหนัก ในการส�ารวมกาย วาจา กองทัพเรือ แม้ในหลักสูตรของโรงเรียนต่าง ๆ ไม่ม ี



และใจ โดยเฉพาะเม่อปรากฏอยู่ในชมชน ในเสขยวตร หัวข้อวิชาดังกล่าว แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยให้ม ี

แบ่งเป็น ๔ หมวด ได้แก่ หมวดสารูป หมวดโภชนปฏิสังยุต การบรรยายพิเศษโดยบุคคลท่มีช่อเสียง และเป็นตัวอย่าง


หมวดธรรมเทศนาปฏิบัติสังยุต และหมวดปกิณกะ ท่สังคมยอมรับ เราควรตระหนักว่าการปลูกฝังให้คน


แม้ในหนังสือสมบัติผู้ดีขาดรายละเอียดเก่ยวกับ เป็นสุภาพบุรุษต้องใช้เวลา มิใช่จะส�าเร็จเพียงชั่วข้ามคืน












ความเป็นสภาพบุรษ เน่องจากเป็นหนงสือใช้สอนกลบุตร และทสาคญต้องกระทาอย่างต่อเนอง และแพร่หลาย
กุลธิดา แต่หากเทียบเคียงกับลักษณะของสุภาพบุรุษ แม้ในหน่วยต่าง ๆ ที่มิใช่หน่วยศึกษา


ในปัจจุบัน มีหลายข้อท่สอดคล้องกันแม้จะไม่ชัดเจน คงไม่มีคนโต้แย้งว่า ในสังคมท่ยึดถือวัตถุนิยม





โดยตรงก็ตาม แต่ก็สามารถนามาปฏิบัติเพ่อความเป็น เป็นเหตุหน่งท่ทาให้คนในสังคมเห็นแก่ตัว ซ่งเป็นปัจจัยร้าย





ผู้มีความสุภาพ มีอัธยาศัย มีความซ่อสัตย์สุจริต ท่ทาลายความเป็นสุภาพบุรุษท่ต้องเสียสละ เอ้อเฟื้อ


ไม่เห็นแก่ตัว เป็นต้น น่าเสียดายท่ผู้รับผิดชอบเก่ยวกับ เผื่อแผ่ต่อผู้อื่น

การศึกษาของไทยไม่ให้ความส�าคัญ ขาดแรงจูงใจสาหรับนายทหารในการดารงชีวิต


และการปฏิบัติงาน เรามักจะเห็นแผ่นป้ายแสดงวิสัยทัศน์

ท�ำไมควำมเป็นสุภำพบุรุษจึงเลือนหำยไปจำกกองทัพเรือ และนโยบายเฉพาะหน้า หรือนโยบายเร่งด่วนของผู้นา


และสังคมไทย กองทัพเรือเป็นประจาเม่อมีการเปล่ยนผู้นาใหม่ แต่ใน


หากกล่าวว่าสุภาพบุรุษไม่เหลือ หรือปรากฏใน สิ่งที่กล่าวนั้นไม่เคยปรากฏเกี่ยวกับสุภาพบุรุษ เป็นสิ่งที่







ปัจจบน กจะเป็นการกล่าวทเกนจรง แต่ตามความร้สก ชี้ให้เห็นว่าเราให้ความส�าคัญเรื่องนี้น้อยลง


ของผม สุภาพบุรุษค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อเปรียบเทียบ อาจมีคนโต้แย้งว่า ในค่านิยมกองทัพเรือปรากฏ
กับนายทหารเรือรุ่นเก่า หรือประมาณคร่งศตวรรษท ่ ี เก่ยวกับสุภาพบุรุษอยู่แล้ว ในหัวข้อความเป็นผู้ม ี


ผ่านมา เป็นความเห็นส่วนตัวครับ หลายท่านอาจไม่เห็นด้วย คุณธรรม จริยธรรม และความเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ






ไมเปนไรครบ เพราะทกคนมอสระทางความคด ไมจาเปน แต่ก็ขาดรายละเอียดคุณลักษณะของสุภาพบุรุษ









ต้องคิดเหมือนกัน ทหารเรอ และทนาสงสยคอ สภาพบรษทหารเรอแตกตาง








“เย ธัมมา เหตุปัปพวา เตสัง...” แปลอย่างง่าย ๆ จากสุภาพบุรุษโดยท่วไปของสังคมไทยอย่างไร ทานอง

ว่า ผลย่อมเกิดจากเหตุ เป็นหัวข้อธรรมที่พระอัสชิกล่าว เดียวกันกับ “นักรบชาวเรือ” ต่างจากนักรบโดยท่วไป





กบสารบตร (ตอนยงไม่ได้บวช) จนสารบตรนยน์ตา อย่างไร ซงระยะหลังคานมกพบบ่อย ๆ ผมเคยถาม













เหนธรรม ทยกข้อธรรมนมาเพอชวนผ้อ่านตามไปด ู นายทหารรุ่นใหม่หลายคนแต่ไม่ได้รับค�าตอบ






สาเหตุบางประการ ท่เหตุใดความเป็นสุภาพบุรุษของ ผู้อ่านบางท่านอาจพอจาได้ว่าเม่อประมาณ ๓๐ -
นายทหารเรือจึงลดน้อยลงไป ก่อนอ่นเราไม่ควรตาหน ิ ๔๐ ปีท่ผ่านมา กองทัพเรือได้จัดทา “คุณสมบัต ิ






นายทหารรุ่นใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ การโยนความอ่อนด้อย นายทหารเรือไทย” ซ่งประกอบด้วยคุณสมบัติสาคัญ
นาวิกศาสตร์ 41
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

๕ ประการ มีข้อที่ ๔ “เป็นสุภาพบุรุษ” มีรายละเอียด
ที่เป็นแก่นส�าคัญอีก ๔ ข้อย่อย โดยความคิดเห็นส่วนตัว





แม้คุณสมบัติท่กาหนดในข้อท ๔ ไม่ครอบคลุมลักษณะ
ของสุภาพบุรุษตามความคดของฝ่ายตะวันตกก็ตาม

แต่ถือว่าท่กาหนดไว้น่าจะเพียงพอในระดับหน่ง หากรวม




เข้ากับคุณสมบัติข้ออ่น ๆ น่าจะเพียงพอสาหรับสุภาพ

บุรุษของนายทหารเรือ
น่าเสียดายอย่างย่งท่ในระยะหลังแทบจะหาด ู


ได้ยาก ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้เคยปรากฏมาแล้ว นี้เป็น
ข้อเท็จจริงชัดเจนว่าผู้ใหญ่ในกองทัพเรือ และนายทหารเรือ
โดยท่วไปไม่ได้ให้ความสาคัญ ผมรู้สึกประทับใจคณะ




กรรมการทได้กาหนดคณสมบตของนายทหารเรอ





มีความคิดลึกซ้งและละเอียดรอบคอบ ซ่งต่างจากคณะ


กรรมการท่กาหนดค่านิยมของกองทัพเรือ พ.ศ.๒๕๕๓


ท่เน้นรูปแบบ (SAIL) มากกว่าเน้อหา (ผมเคยเขียน


วิพากษ์ค่านิยมของกองทัพเรือเมื่อราว ๕ ปีที่แล้ว)








เมอกล่าวถงคณสมบตของนายทหารเรอไทย สงท ่ ี

ไม่ควรมองข้ามประการหน่งคือระบบอาวุโส กองทัพเรือ


ได้จัดทาทาเนียบอาวุโสมานานแล้ว ซ่งคงได้รับแบบอย่าง อาจเรียกกันว่า ระบบ Fast Track ซ่งเป็นส่งท่ด ี







จากราชนาวีอังกฤษ ท Her Majesty’s Stationary สาคัญอยู่ท่ว่าคนท่เป็นผู้พิจารณาต้องเป็นคนท่ยึดถือ





Office ได้จัดพิมพ์ The Navy List (มักนิยมเรียกสั้น ๆ ระบบคุณธรรมประกอบด้วย ลาพังการพิจารณาของ
ว่า The List) ทุกปี เพื่อใช้ในการพิจารณาการโยกย้าย ผู้บังคับบัญชาท่แม้ขัดกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่

และอื่น ๆ ท�าเนียบอาวุโสส�าหรับทหารเรือมีความส�าคัญ แต่คงต้องยอมรับ เพราะเป็นอานาจและความรับผิดชอบ


มาก เช่น เมื่อเรือหลวงแล่นผ่านกันในระยะใกล้ เรือที่มี ของผู้บังคับบัญชา แต่การว่งเต้นต่างหากท่ไม่สมควร

ผู้บังคับการเรืออาวุโสต�ากว่าต้องทาความเคารพเรือท่ม ี เกิดขึ้น เพราะนอกจากท�าลายระบบอาวุโสแล้ว ยังขาด




ผู้บังคับการเรืออาวุโสสูงกว่า สาหรับลาดับอาวุโสของ ความเป็นสุภาพบุรุษอีกด้วย สุภาพบุรุษต้องไม่เห็นแก่ตัว

นายทหารเรือดูได้จากท�าเนียบอาวุโสของกองทัพเรือ และยึดถือความถูกต้อง
ความเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือกับความอาวุโส
เดิมยึดถือกันอย่างเหนียวแน่น จนเป็นท่กล่าวขาน สุภำพบุรุษในสนำมรบ

ในเชิงบวกจากสังคม แต่ปัจจุบันระบบอาวุโสยังคงปรากฏอย ู่ นายพลเอกห้าดาว Mac Arthur กล่าวว่า





ทว่าในทางปฏิบัติบางคร้งถูกทาลายโดยการว่งเต้น หรือ “ในการทาสงครามไม่มีอะไรมาทดแทนชยชนะได้”
ระบบอุปถัมภ์บ้างในบางกรณ จริงอยู่การโยกย้ายข้าราชการ คู่ต่อสู้จึงต้องรบกันอย่างสุดชีวิต การอ่อนฝีมือให้ข้าศึก





ให้มีตาแหน่ง ยศสูงน้น ตามหลักการบริหารงานบุคคล จึงแทบจะแยกหาดูได้ยาก แต่กระน้นก็ตามนักรบท่เป็น

ไม่ใช่คานึงเฉพาะอาวุโสเพียงอย่างเดียว ความสามารถ สุภาพบุรุษย่อมหาโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ

ความรู้ และอ่น ๆ ควรนามาประกอบพิจารณาด้วย เมื่อมีโอกาส

นาวิกศาสตร์ 42
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


ในการรบระหว่างรัสเซีย - ญ่ปุ่น ค.ศ.๑๙๐๕ ท ี ่ เป็นคนขวานผ่าซาก หรือกระด้าง พวกเขารู้คุณค่า


ซูซิมา กองเรือของรัสเซียถูกทาลายอย่างย่อยยับ ประเพณ และพิธีการ และเหนืออ่นใดพวกเขาเป็น




และยอมจานนต่อกองเรือญ่ปุ่นในท่สุด นายพลเรือ “คนที่มีชื่อเสียงในทางที่ดี”
โรซห์ เคสท์ เวนสกี แม่ทัพเรือรัสเซียได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่นายพลเรือ โตโก ส่งตัวเขาไปรบการรักษาพยาบาล ส่งท้ำย
ที่ญี่ปุ่น ต่อมานายพลเรือ โตโก ได้ไปเยี่ยมแล้วกล่าวกับ จากข้อเขียนน้หากผู้อ่าน และโดยเฉพาะผู้รับผิดชอบ


แม่ทัพเรือรัสเซียอย่างน่าประทับใจว่า “ไม่มีส่งใดท ่ ี เห็นความสาคัญของความเป็นสุภาพบุรุษของ



นักรบจะต้องอายเม่อพ่ายแพ้อย่างมีเกียรต นักรบน้น นายทหารเรือไทย คงไม่เกินความสามารถท่จะฟื้นฟ ู



ต้องประสบกับสองอย่างเท่าน้น แพ้ หรือชนะ สาคัญ และเรียกความเป็นสุภาพบุรุษกลับคืนมา แต่ประเด็น








อยู่ท่ว่าเราได้ทาหน้าท่ของเราแล้ว ท่านได้ทาหน้าท ี ่ สาคัญอยู่ท่ผู้นา และผู้ใหญ่ในกองทัพเรือ ตลอดจนบรรดา





ของท่านอย่างดีเย่ยม แม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าพเจ้า นายทหารเรอมความตระหนกในประเดนทยกขนมา





ขอคารวะท่านด้วยความจริงใจ” น่เป็นตัวอย่างหน่ง หรือไม่เพียงใด ต้นทุนทางสังคมท่บรรพบุรุษทหารเรือ


ของสุภาพบุรุษนักรบ สะสมไว้แม้จะร่อยหรอลงไป แต่คนรุ่นปัจจุบันยังม ี
แต่สาหรับคากล่าวของ Lord Nelson ท่ว่า โอกาสสะสมให้คนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์ต่อไป แม้ต้องใช้



“Gentlemen, when the enemy is committed to เวลาบ้างก็ตาม
a mistake we must not interrupt him too soon” สาหรับข้อเสนอแนะน้นผมได้กล่าวไปบ้างเล็กน้อย





ดูน่าจะกากวมว่าเขาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่ แล้วแต่ยังคงไม่เพียงพอ ควรคิดและจัดทาเพ่มเติม
แต่หากดูจากชีวประวัติของเขาแล้ว น่าจะมีความหมาย กาหนด “คุณสมบัติของสุภาพบุรุษทหารเรือไทย” อย่างท ี ่








เป็นบวก เคยทา “คณสมบตนายทหารเรอไทย” แสดงไวในทตาง ๆ



สาหรับกองทัพเรือไทย แม้นายทหารเรือจะขาด เช่น ในห้องอาหารของกองบัญชาการกองทัพเรือ

ประสบการณ์ในการรบ แต่การศึกษาประวัติศาสตร์ ในห้องโถงนายทหาร (wardroom) ของเรือ ท่สถานศึกษา
สงคราม อาจพอช่วยให้เป็นสุภาพบุรุษในสนามรบได้ ในห้องประชุม หรือสโมสรของหน่วยต่าง ๆ ในวารสาร



ในระดับหน่ง ท่สาคัญคือ พวกเขาควรได้รับการปลูกฝัง ต่าง ๆ ของกองทัพเรือ เป็นต้น


ตั้งแต่ยามสงบอย่างเพียงพอ เพื่อว่าเมื่อมีโอกาสพวกเขา การฟื้นฟ “ความเป็นสุภาพบุรุษ” ท่ได้เลือนหายไป

จะได้น�ามาใช้ถูกกาลและเทศะ ไม่ต้องใช้งบประมาณมาก เพียงแต่ตระหนักว่าเป็นเร่อง
กองทัพเรือสหรัฐอเมรกา กล่าวอย่างกว้าง ๆ ส�าคัญและจ�าเป็น อนึ่งล�าดับความส�าคัญของเหล่าทัพที่



ในหนังสือ เร่อง Naval Ceremonies, Customs กองทัพเรือเป็นลาดับสุดท้ายตามโลกแห่งความเป็นจริง





and Tradition ว่า : เป็นการยากท่ให้นิยามคาว่า ซ่งส่อมวลชนได้ช้ให้เห็นบางโอกาสน้น เราต้องยอมรับ




“สุภาพบุรุษ แต่เป็นส่งท่ฉลาดท่สุภาพ และเป็นส่งท่โง่ เพราะพวกเขาแสดงจากความรู้สึก (ต่างจากการเรียง



เม่อหยาบคาย พร้อมกับยกตัวอย่างนักรบท่มีช่อเสียง ล�าดับของทางราชการ) การฟื้นฟู หรือเรียกกลับศรัทธา



ในอดีตทั้งของอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา เช่น Suffren, ในประเด็นน้อาจเป็นส่วนหน่งท่พอช่วยเยียวยาได้บ้าง


Jervis, Howe. Nelson, Perry, Lawrence, … Halsey, แม้ต้องใช้เวลา
Nimitz และ King ต่างก็เป็นสุภาพบุรุษ แม้ว่าบางคน
นาวิกศาสตร์ 43
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

พลเรือเอก ไพโรจน์ แก่นสาร






“การคิดเชิงบวก” (Positive Thinking) นับเป็น อะไรทานองน้น พ้นฐานความคิดความเช่อเช่นน้ช่วยให้




ปัจจัยสาคัญประการหน่งในการดาเนินชีวิตของแต่ละคน คนเรามีกาลังใจท่จะต่อสู้ และฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ









มส่วนสร้างทกข์สขให้กบชวตจตใจของเราได้ตลอดเวลา นาพาตนและหมู่คณะ ให้ผ่านพ้นความทุกข์ยากท้งหลาย





ซ่งจะมีผลต่อความเจริญ หรือความเส่อมท้งในด้านส่วนตัว ไปได้อย่างมีก�าลังใจเข้มแข็ง
และสังคมทุกระดับทีเดียว หลักแห่งการคิดเชิงบวก ความคิดเชิงบวกเป็นเรื่องที่สร้างและพัฒนาได้


มีมากมายมหาศาล และสามารถรังสรรค์ให้เกิดข้นได้ การท่คนเราจะมกาลงใจสร้างเสริมความคดเชงบวก








ถ้าเรารู้หลกการทถูกต้อง บางคนอาจมีคณลกษณะน ี ้ ให้กับตนเองเป็นเบ้องต้นน้น จาเป็นต้องมีความรู้ซ้ง







เป็นทุนเดิมติดตัวมาแต่เล็กแต่น้อยก็นับเป็นความโชคด ี ถึงคุณค่าของความคิดเช่นน ซ่งมีอยู่มากมาย อาท ิ


ของท่าน การพัฒนาต่อยอดก็สามารถท�าได้ง่ายกว่า ความสุขสงบทางใจของตนเอง การมีสติปัญญาสูงสามารถ


คนท่วไป ในทางกลับกันคนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบัน แก้ปัญหาท่มีความซับซ้อนและคลุมเครือได้ และการเป็น

มักมองโลกในแง่ร้ายมากกว่าการมีความคิดบวก อาจเป็น คนน่าคบหา คนส่วนใหญ่อยากร่วมทางานด้วย อยู่องค์กรใด

เพราะการได้รับความกดดันจากสภาพแวดล้อมด้านต่าง ๆ ก็สามารถสร้างความเจริญได้เป็นอย่างด เพียงแค่น้ก ็



ท่กาลังเปล่ยนแปลงไปในทางท่เส่อมทรามลง ผู้คน นับว่าความคิดเชิงบวกมีคุณค่ามหาศาลแล้วใช่ไหมครับ




จานวนมากไร้ ศีล ขาดธรรม จึงเบียดเบียนกันมากข้น ความสุขสงบทางใจมิใช่เร่องท่จะสรรค์สร้างกันได้





กว่าแต่ก่อน ความเอ้อเฟื้อเผ่อแผ่กันมีน้อยลง เราจึง โดยง่ายในสังคมปัจจุบัน เพราะความเป็นไปในโลกทุกวันน ้ ี

อยู่ร่วมกันด้วยความระแวง ขาดความไว้เน้อเช่อใจกัน มีความผันผวนปรวนแปรอยู่ตลอดเวลา ก่อให้เกิดกิเลส

มากขึ้นทุกท ผู้ท่คิดเชิงบวก หรือมองโลกในแง่ดีก็มักจะถูก รบกวนจิตใจให้ว้าวุ่นแทน ไม่มีวันว่างเว้น เช่น ความโลภ



หลอกลวง หรือเอารัดเอาเปรียบ ดังน้น เราจึงจาเป็นต้อง ความโกรธ และความหลง หรืออกุศลมูล ๓ อันหมายถึง





มีความรอบคอบสูงในการสร้าง และใช้ความคิดเชิงบวก รากเหง้าของบาปทงปวง ซงถกหล่อหลอมมาจากลทธ ิ



หากจะมีการต้งคาถามว่าความคิดเชิงบวกคืออะไร วัตถุนิยมและบริโภคนิยม คนส่วนใหญ่มุ่งสร้างความเจริญ



คงหาคาตอบชัด ๆ มาอธิบายกันได้ไม่ง่ายนัก แต่คนท่วไป ทางวัตถุด้วยเทคโนโลยีท่ทันสมัยต่าง ๆ ก่อให้เกิด

คงมีความเข้าใจในภาพกว้างร่วมกันว่า คือการมองโลก ความเส่อมทรามลงทางด้านจิตใจ ในขณะเดียวกัน










ในแง่ด มีความหวัง ความศรัทธา เชื่อว่าความเลวร้าย หรือ ความร้รกสามัคคและเอ้ออารต่อกนในหม่มนษย์ นบวน


ู่





สภาพอันไมพงปรารถนาต่าง ๆ จะไม่ดารงอยยาวนานนก เลือนรางจางหายลงทุกท คนท่วไปเห็นวัตถุสาคัญกว่าคน


ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส ทุกปัญหาต้องมีทางแก้ไข การพ่งพาอาศัยกันมีไม่มากเช่นแต่ก่อน ความหลงวัตถ ุ

นาวิกศาสตร์ 44
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔





และการบริโภคท�าให้คนเราต้องท�างานหนักขึ้น เพื่อให้มี ดงทยกตวอย่างไว้บ้างแล้วข้างต้น โดยเฉพาะในการ
รายได้เพียงพอต่อการดารงชีพ ความเครียดจาก ทางานร่วมกันในองค์กรภาคเอกชน หรือด้านธุรกิจและ



ความกดดัน การพลัดพรากก็เกิดตามมา นามาซ่งการ อุตสาหกรรม การมีความคดบวกเป็นเร่องจาเป็นอย่างย่ง





มองในแง่ลบและแง่ร้าย หาความสุขสงบทางใจได้ สาหรับพนักงานทุกระดับ นับเป็นปัจจัยสาคัญท่ม ี






ยากย่ง ดังนั้น หากเราสามารถสร้างความคิดบวกข้นมาได้ ผลต่อประสิทธภาพและประสทธผลในการประกอบการ







จะได้ด้วยวิธีใดกตาม ซงจะมีคาแนะนาในตอนท้าย ๆ ขององค์กร อันจะน�าไปสู่ความส�าเร็จตามเป้าหมายและ




ของบทความน ชีวิตจิตใจของเราก็มีความสุขสงบมากข้น วิสัยทัศน์ท่กาหนดไว้ นอกจากน้นเราควรตระหนักรู้ถึง


การมีสติปัญญาสูงย่อมเป็นท่ปรารถนาของทุกชีวิต พิษภัยของความคิดเชิงลบ หรือการมองโลกในแง่ร้ายด้วย













แต่กเป็นเรองทีเรมกนได้ยากยงนก โดยเฉพาะในหม่ ู ซ่งมีอยู่มากมาย อาท การแตกแยกความสามัคค ี









ผ้มองโลกในแง่ร้าย หรอมความคดเชงลบเป็นพนฐาน ในหมู่คณะ ไม่สามารถทางานร่วมกันเป็นทีมท่เข้มแข็งได้





นาพาให้สตปัญญาตนตาทรามลง เมอจาเป็นต้อง อยู่ร่วมกันแบบตัวใครตัวมัน มีความหวาดระแวง





แก้ปัญหาใด ๆ ก็จะมองเห็นแต่อุปสรรคมากกว่าหนทางสาเร็จ และอิจฉาริษยากัน นามาซ่งความขัดแย้งท่ไม่น่าเกิด

ส่วนผู้ท่มีความคิดบวกน้นมักจะมีความม่นใจว่า ผลเสียย่อมตกแก่องค์กรโดยรวม ผลประกอบการ






“ทกปัญหาย่อมมทางแก้ไข” ถงแม้จะส�าเร็จได้ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตา ความเจริญก้าวหน้า






เพียงบางส่วนก็ยังด ช่วยผ่อนหนักให้เบาคลายลงได้ ในอาชีพของแต่ละคนก็ย่อมจะตกตากว่าท่ควรจะเป็น
พวกเขาจะใช้ความคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical ความผูกพัน (Emgagement) และความจงรักภักด ี
Thinking) และความคิดสร้างสวรรค์ (Creativity) (Loyalty) ต่อองค์กรก็มีน้อยตามไป ในที่สุดก็มักลงเอย




เพอเสาะแสวงหาวธแก้ปัญหา อาจใช้ความคดนอก ด้วยการเปล่ยนงานไปเร่อย ๆ อยู่ท่ไหนไม่ค่อยยาวนานนัก




กรอบนอกตาราช่วย ในท่สุดก็มักจะประสบความสาเร็จ เม่อเราตระหนักรู้ในคุณค่าของความคิดเชิงบวก และ





พบหนทางคลี่คลายปัญหาอย่างคาดไม่ถึง พิษภัยของความคิดเชิงลบ ย่อมมีกาลังใจในการสร้างสรรค์
ข้อดีอีกประการหน่งของผู้มีนิสัยคิดบวก คือ นสยของโลกในแง่ดให้กบตวเองก่อนเป็นเบองต้น








ความน่าคบหา เป็นท่ต้อนรับของหมู่คณะ และองค์กร และพยายามโน้มน้าวให้ผู้ร่วมงานเห็นคล้อยตาม






ต่างๆ อันเป็นผลสืบเน่องมาจากความสงบเยือกในจิตใจ เพ่อการทางานร่วมกันเป็นทีมท่เข้มแข็ง ซ่งมีคาแนะนา



และความเป็นผู้มีสติปัญญาสูง อยู่ท่ใดก็มักสร้างความสุข บางประการดังต่อไปนี้


ความเจริญให้กับสังคมน้น เพราะเป็นคนมีทัศนคติท่ดีต่อ ๑. สร้างเสริมปัญญาของตนให้มีความเข้มแข็ง
ปวงชน รักการให้การช่วยมากกว่าการเอารัดเอาเปรียบ แกร่งกล้า รู้เห็น และเข้าใจทุกอย่างถูกต้องตรงตาม



ผู้อื่น เห็นประโยชน์ส่วนรวมมความสาคญเหนอกว่า ความเป็นจริง

ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง รักความถูกต้องเป็นธรรม

ย่อมเป็นท่ช่นชอบ และต้อนรับจากทุกสังคมอย่างแน่นอน

เราสร้างความคิดบวกกันได้อย่างไร
ประการแรก เราต้องมีความตั้งใจจริง มีความมุ่งมั่น






ในการสร้างคุณลกษณะเช่นนให้มีขนในชวิตจิตใจของเรา

และน�ามาใช้จนเคยชินกลายเป็นนิสัยประจาตัว ด้วย



เห็นว่าเป็นเร่องท่ดีท่มีคุณค่าท้งต่อตนเองและสังคม

นาวิกศาสตร์ 45
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


สติ คือ ความระลึกได้ในความคิด และการกระท�า และนิสัยใจคอซ่งถูกหล่อหลอมมาจากประสบการณ์




ของตนตัวอยู่ท่ไหนใจก็อยู่ท่น่น ไม่ปล่อยใจให้พล้งเผลอ ในชีวิตของตน ถ้าแต่ละคนเพียรพิจารณาตนเอง



เหม่อลอยไปสู่อดีตและอนาคต ย่งเราทาใจให้อยู่ท่ไหน และผ้ร่วมงานสร้างประโยชน์ตนเองส่วนรวมได้อย่าง






ใจก็อยู่ท่น่น ไม่ปล่อยใจให้พล้งเผลอเหม่อลอยไป เตมท ทางานร่วมกนเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ






สู่อดีตความสว่างทางปัญญาก็เกิดตามมา คือความรู้ และประสทธผลสูง ในส่วนทพบว่าเป็นจดด้อย


ความเข้าใจในปรากฏการณ์ต่าง ๆ อย่างชัดตรงความ ท้งของตนเองและ ผู้ร่วมงานน้น ถ้าทุกคนม ี


เป็นจริง เช่น รู้บาปบุญคุณโทษ ความมีประโยชน์ และความ ความใจกว้างพอก็ย่อมพัฒนาให้แข็งมากขึ้นได้
ไร้ประโยชน์ของการกระทาท้งหลายท้งของตัวเราเอง ๓. ยึดหลักพรหมวิหาร ๔ ในการด�าเนินชีวิต



และผู้อ่น พระพุทธองค์ท่านทรงแบ่งปัญญาของคน


ู้

ออกเปน ๓ ระดับ ได้แก่ สุตมยปัญญา (ความร ความจา)
จนตมยปญญา (ความคด ความเข้าใจ) และภาวนามยปัญญา




(ความรู้แจ้งเห็นจริงท่เกิดจากการลงมือทา) ซ่งปัญญา


ทุกระดับสามารถสร้างเสริมได้ด้วยตัวของเราเองโดยการ

เจริญสต หรือความระลึกได้กับสภาวะปัจจุบันของตน
อยู่เสมอ และหาโอกาสภาวนาด้วยวิธีต่าง ๆ ตามค�าสอน

ของครูบาอาจารย์ท่ตนนับถือ เช่น การเจริญพุทธมนต์

การเดินจงกรม และการน่งสมาธ ซ่งเรียกรวม ๆ ว่า



การเจริญกรรมฐานน่นเอง อันประกอบด้วย

สมถกรรมฐาน (การทาให้จิตสงบ) และวิปัสสนากรรมฐาน อันประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา
(การท�าให้เกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง) “เมตตา” คือ ความรัก ความปรารถนาดี อยากเห็น

๒. ค้นหาคุณค่าท่แท้จริงของตนเองและผู้ร่วมงาน ทุกชีวิตมีความสุข
แต่ละคน “กรุณา” คือ ความสงสาร เห็นใจ พยายามช่วยให้
ผู้อื่นพ้นทุกข์
“มุทิตา” คือ ความพลอยยินดีในความสุขความเจริญ
และความส�าเร็จของผู้อื่น ไม่รู้สึกอิจฉาริษยาผู้ใด
“อุเบกขา” คือ การวางใจเป็นกลาง ไม่มีลาเอียง

รักความถูกต้องเป็นธรรม และยอมรับความจริงท่เกิดข้น


อันเป็นผลจากการกระท�าของตน


ผู้ใดม “พรหมวิหาร ๔” เป็นหลักธรรมประจาใจแล้ว

ย่อมมีนิสัยคิดบวก มองโลกในแง่ด เห็นคุณค่าของชีวิตผู้อ่น


ทางานร่วมกันเป็นหมู่คณะได้ราบร่น มีปัญหาน้อย พร้อม

เผชิญอุปสรรคต่าง ๆ ร่วมกัน ด้วยความเอ้อเฟื้อเก้อกูลกัน



อันจะนามาซ่งความรู้รักสามัคค เป็นพลังท่เข้มแข็งใน




ด้วยความจริงท่ว่าทุกคนต่างมีจุดเด่นจุดด้อย การบริหาร และการพัฒนาองค์กรให้มีความเจริญ และ
ต่าง ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ความสามารถ ความส�าเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป
นาวิกศาสตร์ 46
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔




๔. ยึดหลัก “อิทธิบาท ๔” ในการท�างานทั้งปวง ติเตียนความเห็นของผู้อ่นไปเร่อย ๆ ทางานร่วมกับใคร
ก็มักมีปัญหาเป็นที่รังเกียจของสังคม เราจึงควรพยายาม



ละท้งนิสัยชอบตาหนิติเตียนผู้อ่น ซ่งจะช่วยเพ่มพลังคิด


บวกให้ตนเอง
๖. ท�างานเพื่อ ยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็น
เป้าหมายหลัก







คุณธรรมข้อน ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ
และวิมังสา ซึ่งมีความหมายโดยสรุปดังนี้
“ฉันทะ” คือ ความยินดีพอใจ รักและผูกพันใน
งานที่ตนท�า

“วิริยะ” คือ ความพากเพียร ลงมือทาอย่าง

สม�่าเสมอ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง คนเราส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีความเห็นแก่ตัวมากข้น
“วิมังสา” คือ การใคร่ครวญด้วยเหตุผล วิเคราะห์ จะคิดหรือทาอะไรก็มักนึกถึงประโยชน์ของตนเป็นท่ต้ง







และประเมินผลงานท่ได้ทามา มีข้อบกพร่องท่ควรแก้ไข ซ่งมักใช้วิธีท่ไม่ตรงไปตรงมา ใช้ความรู้ความสามารถ






ปรับปรุงหรือไม่ รวมท้งโอกาสสาเร็จเหนือคนท่วไป ในทางทผิดทานองคลองธรรม เป็นการทาลายพลง






ก่อให้เกิดความม่นใจในการแก้ปัญหาท้งปวง ซ่งเป็นส่วนหน่ง แห่งความคิดบวกของตนโดยไม่รู้ตัว หากเรายึดหลัก



ของการคิดเชิงบวกนั่นเอง การทางานให้ความร่วมมืออย่างเต็มกาลัง ผลงานของ
๕. ละทิ้งนิสัยชอบต�าหนิติเตียนผู้อื่น องค์กรย่อมมีประสิทธิผลสูง ก่อให้เกิดกาลังใจและ







ทศนคตทถกต้องในการทางาน ซงช่วยเพมพลงความ





คิดบวกให้แต่ละคนได้อีกทางหนึ่ง



๗. ยึดม่นในหลักธรรมคาสอนของศาสดาท่ท่าน
นับถือเป็นแนวทางในการท�างาน
ผู้คนจานวนมากในปัจจุบันมีนิสัยชอบจับผิด และโต้


แย้งความคิดผู้อ่น ไม่ว่าใครจะเสนอความคิดเห็นอะไรก ็

สามารถหาข้อตาหนิได้เสมอ โดยอาจสาคัญผิดคิดไปว่า



เป็นการแสดงความสามารถท่เหนือกว่า ซ่งแท้จริงแล้ว
มิใช่เช่นน้นเลย คนช่างติส่วนใหญ่มักมีปมด้อย ขาด







ความมนใจทจะเสนอความคดของตนเอง จงใช้วธตาหน ิ



นาวิกศาสตร์ 47
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



ผู้นาไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตามมักเป็นผู้ท่มีสติปัญญา (Artificial Intelligence : AI) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง






สงกว่าคนทวไป คาสอนของท่านผ่านการพสจน์มาแล้ว (Internet of Things : IoT) เคร่องพิมพ์สาม









อยางยาวนาน เปนสจธรรมทนาไปปฎบัตแลวบงเกดผลจรง มิต (3D - Printer) ยานไร้คนขับ และ FINTECH







จงเป็นทยอมรบนบถอของมหาชน โดยเฉพาะคาสอน (Financial Technology) นวัตกรรมเหล่าน้ก่อให้เกิด








ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่ท่านมิได้กะเกณฑ์ ผลกระทบท้งด้านบวกและลบต่อวิถีชีวิตของ
ให้เราเช่อ แต่ให้นาไปพิจารณาด้วยเหตุผลและลงมือ คนในยุคปัจจุบันและอนาคต ความเปล่ยนแปลงท ี ่




ปฏิบัติตาม ประจักษ์ในผลลัพธ์ด้วยตนเอง แล้วจึงค่อยเช่อ เกิดข้นอย่างพลิกผัน และกลืนกินเทคโนโลย ี

นับจากวันตรัสรู้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณของพระองค์ท่าน ยุคก่อน ๆ ไปแล้วมากมาย เรียกว่าเกิด Technological
ผ่านพ้นไปกว่า ๒,๖oo ปีแล้ว ยังไม่มีค�าสอนใดผิดพลาด Disruption จาเป็นท่ทุกคนจะต้องศึกษาติดตามให้รู้


คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงเลย เพราะท่านมิได้ เท่าทันตามศักยภาพของตน ซ่งจะช่วยเสริมสร้างพลัง



ทรงคิดข้นเอง ล้วนเป็นกฎเกณฑ์ของความจริงท่มีอยู่ คิดบวก และความมั่นใจในการท�างานให้สูงยิ่งขึ้น


ตามธรรมชาติท่ทรงค้นพบในคืนวันเพ็ญ เดือน ๖ น้น ๙. มั่นใจในผลจากการท�าความดีของตน
จึงทรงนามาย่นย่อเรียบเรียงให้ง่ายต่อความเข้าใจ

ของคนท่วไป ซ่งมีสติปัญญาแตกต่างกัน ความศรัทธา



เลอมใสในหลกธรรมคาสอนขององค์ศาสดา หรอแม้แต่




ครบาอาจารยทแตละคนนบถอ และนามาประพฤตปฏบตตาม















อย่างสมาเสมอ ย่อมนามาซ่งความสะอาด สว่าง สงบ

ของจิตใจ คือ การมีสติปัญญาสูงนั่นเอง รู้เห็น และเข้าใจ
ความเป็นไปต่าง ๆ ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง นับเป็น
การสร้างเสริมพลังคิดบวกได้อย่างดียิ่ง
๘. ศึกษาและติดตามความเปล่ยนแปลงใน “กฎแห่งกรรม” เช่น ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว นับเป็น

โลกยุคปัจจุบัน หลักการส�าคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา การกระท�า ค�าพูด

หรือแม้ความคิดของคนเรา ย่อมมีผลท่คู่ควรตามมาเสมอ


จะช้าหรือเร็ว หนักหรือเบาเพียงใด ข้นอยู่กับปัจจัยอ่น ๆ
บางประการ แต่แน่นอนก็คือ ผู้กระท�าไม่มีวันหลบเลี่ยง

ผลกรรมท่ตนก่อไว้ได้พ้น เพราะทันทีท่เราก่อกายกรรม


วจีกรรม และมโนกรรม จิตเราจะบันทึกไว้ท้งหมดไม่มีวัน


ลบเลือน จนกว่าจะมีการชดใช้ท่สาสม หากเราคิดช่ว
พูดช่ว และทาช่ว ก็จะต้องรับผลท่เรียกว่า “อกุศล









วบาก” วนใดวนหนึง อาจในชาตนหรอในชาตต่อ ๆ






ไปก็ได้ในทางกลับกัน การคิดด พูดด และทาด ี


กาลังอยู่ในโลกยุค ๔.o หรือการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก็จะก่อให้เกิด “กุศลวิบาก” หรือผลท่ดีแก่ผู้น้นใน




ครั้งที่ ๔ ซึ่งมี Digital Technology Computer และ อนาคต ดังน้น ถ้าเราเป็นผู้ท่ใช้ชีวิตอย่างถูกทานอง




Internet เป็นปัจจัยพื้นฐานในการสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ คลองธรรม สร้างบญกศล และความดงามต่าง ๆ





ข้นทางานแทนคนอย่างหลากหลาย อาท ปัญญาประดิษฐ์ อย่างสมาเสมอ จงม่นใจได้ในผลดีท่จะตอบสนองเรา


นาวิกศาสตร์ 48
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


Click to View FlipBook Version