The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติ พระอนุสาวรีย์ พระตำหนัก ศาลพระรูป ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงค์ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2022-01-06 03:19:33

ประวัติ พระอนุสาวรีย์ พระตำหนัก ศาลพระรูป ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงค์ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์

ประวัติ พระอนุสาวรีย์ พระตำหนัก ศาลพระรูป ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงค์ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์

ประวัติ พระอนุสาวรีย์ พระต าหนัก ศาล พระรูป

ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์


กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

ค าน า




พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์
เมื่อครั้งพระองค์ท่านยังมีพระชนม์ชีพอยู่ได้ทรงทุ่มเทพระวรกาย และความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่เพอพฒนา

ื่
กิจการทหารเรือให้เจริญก้าวหน้า ส่งผลให้กองทัพเรือในสมัยต่อมามีความเข้มแข็ง มั่นคง สามารถป้องกัน
การรุกรานจากศัตรูจากภายนอกได้อย่างแท้จริง จนกล่าวได้ว่าทัดเทียมนานาอารยประเทศ ชื่อเสียงและ
เกียรติภูมิของราชนาวีไทยได้รับการยอมรับกันทั่วไป บรรดาทหารเรือไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันต่างให้

ความเคารพและเทิดทูนพระองค์ท่านทรงเป็นองค์บิดาของทหารเรือไทย
เพอร าลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะกรรมการประวัติศาสตร์กองทัพเรือ
ื่
จึงได้ด าเนินการรวบรวม ประวัติพระอนุสาวรีย์ พระต าหนัก ศาล พระรูปของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ

พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ ที่ได้จัดสร้างขึ้นในหน่วยงานของกองทัพเรือ
เพื่อใช้ส าหรับสืบค้นข้อมูลและศึกษาประวัติความเป็นมาของสถานที่แต่ละแห่งในรูปแบบและแนวทางเดียวกัน
โดยจัดหมวดหมู่ของสถานที่ ตามแนวทางของการจัดส่วนราชการของกองทัพเรือ


คณะกรรมการประวัติศาสตร์กองทัพเรือ

๑๙ มกราคม ๒๕๖๔

ก – ๑


พระประวัติ

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์



พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ (ต้นราชสกุล

อาภากร) ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ นับล าดับราชสกุลวงศ์
เป็นพระองค์ที่ ๒๘ มีพระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์” ประสูติในพระบรมมหาราชวัง

เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๓ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๓ ค่ า เดือนอาย ปีมะโรง จุลศักราช ๑๒๔๒

เวลา ๑๕ นาฬิกา ๕๗ นาที และทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์ที่ ๑ ในเจ้าจอมมารดาโหมดธิดาเจ้าพระยา
สุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) พระองค์ทรงมีพระกนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระมารดา ๒ พระองค์ คือ

พระองค์เจ้าหญิงอรองค์อรรคยุพา (สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์) และพระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์
การศึกษา
เมื่อเสด็จในกรมฯ ยังทรงพระเยาว์ ทรงได้รับการศึกษาชั้นแรกในพระบรมมหาราชวังในโรงเรียน

ซึ่งเรียกว่า โรงเรียนราชกุมาร มีพระยาอศรพนธุ์โสภณ (หม่อมราชวงศ์ หนู อศรางกูร) เป็นพระอาจารย์และ


ทรงศึกษาภาษาอังกฤษกับ Mr.Morant ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ ทั้งนี้ได้ทรงศึกษาอยู่จนทรงโสกันต์
ในปี พ.ศ.๒๔๓๖ เมื่อเสด็จในกรมฯ ทรงมีพระชนมายุได้ ๑๓ พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศองกฤษ พร้อมกับพระบาทสมเด็จ

พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ซึ่งในขณะนั้น ทรงด ารงพระอสริยศักดิ์เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ

เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทาราวดี โดยมีเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์ เปีย มาลากุล)
เมื่อครั้งมีบรรดาศักดิ์เป็น พระมนตรีพจนกิจเป็นพระอภิบาล ได้เสด็จออกจากกรุงเทพฯ โดยเรือหลวง
มกุฎราชกุมาร ล าที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๓๖ ไปยังสิงคโปร์ ต่อจากนั้นได้โดยสารเรือเมล์ชื่อ

“ออลเดนบูร์ก” (Oldenburg) ไปถึงเมืองตูริน ในอตาลี เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๖ แล้วเสด็จโดยทางรถไฟ
ไปยังกรุงปารีสและลอนดอน ตามล าดับ ในชั้นแรกเสด็จในกรมฯ ได้เสด็จประทับร่วมกับพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ “ไบรตัน” และ “แอสคอต” เพอทรงศึกษาภาษาและวิชาเบื้องต้นและได้เคยตามเสด็จ
ื่
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ที่พระราชวังวินด์เซอร์
ตลอดจนตามเสด็จไปทัศนศึกษาทั้งในองกฤษและประเทศในยุโรป จนกระทั่งถึงวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๘

เสด็จในกรมฯ จึงเสด็จไปเข้าโรงเรียนส่วนบุคคลส าหรับกวดวิชา เพอเตรียมเข้าศึกษาในโรงเรียนนายเรือ
ื่
องกฤษต่อไป โรงเรียนที่ทรงไปกวดวิชานี้มีชื่อว่า The Linnes ตั้งอยู่แขวงกรีนิช ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ

กรุงลอนดอน มีมิสเตอร์ ลิตเติลจอห์น (W.T.Littlejohn) เป็นผู้ปกครองและครูใหญ่ ผลการศึกษานี้

พระอภิบาลได้ทรงกราบบังคมทูลรายงานว่า “ส่วนความรู้ภาษาองกฤษในพระองค์ดีขึ้นตามธรรมดา
แต่กระบวนวิชาทหารเรือชั้นต้นก็วิ่งขึ้นเร็วตามสมควร แต่การเล่นการแข็งแรง เช่น ฟตบอล เป็นต้น นับว่าเป็น

ชั้นยอดของโรงเรียน เกือบว่าไม่มีใครอาจเข้าเทียบเทียม”

ก – ๒



ในขณะที่เสด็จในกรมฯ ทรงเป็นนักเรียนนายเรืออยู่ที่ประเทศองกฤษนั้น ประจวบกับ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐ เสด็จในกรมฯ
ทรงขอลาทางโรงเรียนมารับเสด็จพระบรมชนกนาถ โดยเข้าร่วมกระบวนเสด็จที่เกาะลังกา จึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้ทรงฝึกการเดินเรือในเรือพระที่นั่งมหาจักรี ล าที่ ๑ ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บังคับการเรือ
คือ กัปตันค ามิง และได้ทรงถือท้ายเรือพระที่นั่งมหาจักรี ล าที่ ๑ ด้วยพระองค์เอง เพอทรงแสดงความสามารถ
ื่
ให้ปรากฏแก่พระเนตรสมเด็จพระบรมชนกนาถ รวมเวลาฝึกประมาณ ๖ สัปดาห์
หลังจากเสด็จในกรมฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเรือพระที่นั่งมหาจักรี
ล าที่ ๑ แล้ว สมเด็จพระบรมชนกนาถ ทรงมีพระราชปรารภกับเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีว่า


“ชายอาภากรนั้นอธยาศัยเป็นคนซื่อมาแต่เดิม เป็นผู้สมควรแก่วิชาที่เรียนอยู่แล้ว ไม่เป็นคนที่มีอธยาศัยที่จะ
ใช้ฝีปากได้ในกิจการพลเรือน แต่ถ้าเป็นการในหน้าที่อันเดียวซึ่งช านาญ คงจะมั่นคงในทางนั้น แลตรงไปตรงมา
การที่ได้ไปพบคราวนี้เห็นว่าอธยาศัยดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก” เสด็จในกรมฯ ได้ตามเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถ


ไปในเรือพระที่นั่งฯ จนถึงประเทศอตาลี เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นบกแล้ว
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์ทรงฝึกการเดินเรือกับเรือพระที่นั่งมหาจักรี ล าที่ ๑ ไปจนถึงองกฤษ


แล้วจึงทรงศึกษาวิชาการทหารเรือต่อไป เมื่อทรงสอบความรู้เทียบขั้นสุดท้ายของนักเรียนนายเรือองกฤษ

ได้ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว พระองค์ก็พร้อมที่จะทรงรับการฝึกในเรือรบองกฤษต่อไปตามที่กระทรวงทหารเรือองกฤษ

ตอบรับไว้
กระทรวงทหารเรือองกฤษได้จัดให้เสด็จในกรมฯ ทรงฝึกงานในกองทัพเรือภาคเมดิเตอร์เรเนียน

ในเรือประจัญบาน Revenge เป็นเวลา ๓๐๕ วัน ในเรือใบฝึก H.M.S.Cruiser เป็นเวลา ๖๓ วัน ในเรือลาดตระเวน
Hawke เป็นเวลา ๒๐ วัน และในเรือประจัญบาน Ramillics เป็นเวลา ๓ วัน เวลาที่ทรงรับการฝึกในทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน ตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๔๐ จนถึงวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๒ ขณะที่ทรงเป็น

นักเรียนท าการฯ ประจ าเรือ Revenge เสด็จในกรมฯ ทรงต้องเป็นผู้บังคับบัญชาทหารที่ยกพลขึ้นบกไปปราบ
การจลาจลบนเกาะครีต (Crete) ทั้ง ๆ ที่พระองค์มีพระชนมายุเพยง ๑๘ พรรษา และทรงเล่าให้ พลเรือตรี

พระยาหาญกลางสมุทร (บุญมี พนธุมนาวิน) ฟงว่า “เมื่อเป็นนักเรียนท าการนายเรือในราชนาวีองกฤษ ได้มีโอกาส



ขึ้นท าการปราบจลาจลที่เกาะครีต เป็นเวลาราว ๓ เดือน ต้องนอนกลางดิน กินกลางทราย หนาวก็หนาว
ในสนามรบต้องนอนกับศพที่ตายใหม่ ๆ และบางคราวซ้ ายังอดอาหารต้องจับหอยทากมาทอดเสวยกับหัวหอม
ศพที่ถูกยิงที่ท้องนับว่าเหม็นร้ายกาจ ถึงจะเป็นศพที่ตายใหม่ ๆ ก็ตาม” เมื่อทรงสอบความรู้ได้รับ
ประกาศนียบัตรส าหรับการเดินเรือ การปืน และการจักรไอน้ าแล้ว ได้ทรงสอบวิชาการเรือ ส าหรับนายทหารที่
จะเป็นนายเรือเอก ได้รับประกาศนียบัตรชั้นที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๒ และทรงได้รับค าชมเชย

จากผู้บังคับการเรือว่า ประพฤติ “ดีมาก” และทรงสนพระทัยในการงานดีมาก
เสด็จในกรมฯ ทรงศึกษาวิชาเดินเรือที่วิทยาลัยทหารเรือ กรีนิช ในระหว่างวันที่ ๒๑ พฤษภาคม
พ.ศ.๒๔๔๒ ถึงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๒ ทรงสอบได้ประกาศนียบัตรชั้นที่ ๒ แล้วทรงศึกษาวิชาการ
น าร่องต่อไปจนถึงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๒ ทรงสอบได้ประกาศนียบัตรชั้นที่ ๒ หลังจากนั้น ได้

ทอดพระเนตรกิจการสร้างตอร์ปิโด สร้างปืนใหญ่ และสร้างเรือรบในบริษัทเอกชน จึงนับว่าทรงได้รับความรู้
และประสบการณ์ด้านวิชาทหารเรืออย่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในสมัยนั้น

ก – ๓



หลังจากทรงส าเร็จการศึกษาวิชาการทางด้านทหารเรือจากประเทศองกฤษแล้ว ก็เสด็จกลับประเทศไทย

โดยทางเรือ ปรากฏรายละเอยดในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ความว่า “ได้เสด็จกลับมาลงเรือเมล์เยอรมันชื่อ
“เบเยน” ที่เมืองเยนัว เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๙ วันที่ ๗ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๙

ถึงเมืองสิงคโปร์ หลวงภักดีบรมนารถและหลวงสุนทรโกษา ได้ออกไปรับเสด็จ ได้เสด็จพกอยู่ที่เมืองสิงคโปร์
คืนหนึ่ง รุ่งขึ้นวันที่ ๘ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๙ ได้เสด็จลงเรือเมล์ชื่อ “สิงคโปร์” ออกจากเมืองสิงคโปร์
ต่อมาวันที่ ๑๑ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๙ เวลาทุ่มเศษถึงปากน้ า โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ
กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพทยลาภพฤฒิธาดา และ พระยาสีหราชเดโชไชย

หลวงประดิยัตินาวายุทธ น าเรือสุริยมณฑล ออกไปคอยรับเสด็จอยู่ในที่นั้น แล้วทรงเรือไฟมาขึ้นที่เมืองสมุทรปราการ

ทรงรถไฟจากที่นั้นมาถึงสเตชั่นวัวล าพองเวลายามเศษ แล้วเสด็จทรงรถต่อไป พระบาทสมเด็จ
ื่
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชด าเนินโดยรถพระที่นั่ง เพอเสด็จไปรับพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้า
อาภากรเกียรติวงศ์ ที่สเตชั่นรถไฟ พอเสด็จถึงแล้ว พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในรถพระที่นั่ง ที่ถนนเจริญกรุง แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๑๒ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๙ เวลาสองทุ่มเศษ โปรดเกล้าฯ ให้มีการเลี้ยง
พระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานเป็นพระเกียรติแก่พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
ที่พลับพลาสวนดุสิตด้วย

เสด็จในกรมฯ จึงนับเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์แรกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ที่ได้เสด็จไปทรงศึกษาเกี่ยวกับวิชาการทหารเรือยังต่างประเทศ ทั้งนี้เพราะพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชด าริว่า กิจการทหารเรือไทยเท่าที่ได้เป็นอยู่ขณะนั้น ต้องอาศัย

ชาวต่างประเทศเป็นผู้บังคับบัญชาการเรือและป้อมอยู่เป็นอนมาก จึงไม่สู้จะมีความมั่นคงเท่าใดนัก ดังจะเห็นได้
จากเหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖) เป็นตัวอย่างอนดี ฉะนั้นจึงนับว่าเป็นพระราชด าริที่เหมาะสมในการส่ง

พระราชโอรส ไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือในครั้งนี้
ทรงรับราชการทหารเรือ
หลังจากที่เสด็จในกรมฯ เสด็จกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๓ จึงได้รับ

พระราชทานยศเป็นนายเรือโท (เทียบเท่านาวาตรีในปัจจุบัน) ทั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จะให้เป็น
ผู้บังคับการเรือปืนที่ก าลังจัดซื้อคือ เรือหลวงพาลีรั้งทวีป หรือ เรือหลวงสุครีพครองเมือง ล าใดล าหนึ่ง ในขั้นแรก
ทรงรับราชการ ในต าแหน่ง “แฟลคเลบเตอร์แนล” (นายธง) ของผู้บัญชาการกรมทหารเรือ คือ พระเจ้าน้องยาเธอ
ื่
กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เพอทรงเป็นที่ปรึกษาในกิจการทหารเรือ และทรงปฏิบัติราชการต่าง ๆ ที่ทรง
ได้รับมอบหมาย พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงให้เสด็จในกรมฯ ไปส ารวจการป้องกันล าน้ า
เจ้าพระยา และพระองค์ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายงานของเสด็จในกรมฯ แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๓ โดยละเอียด ทรงริเริ่มก าหนดแบบสัญญาณธงสองมือและโคมไฟ
ตลอดจนเริ่มฝึกพล “พลอาณัติสัญญาณ” (ทัศนสัญญาณ) ขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ ทหารเหล่าทัศนสัญญาณ

จึงเป็นทหารเรือรุ่นแรกที่เสด็จในกรมฯ ทรงฝึกสอนและประทานก าเนิด ทหารเหล่าทัศนสัญญาณจึงเป็นปฐมศิษย์
ของเสด็จในกรมฯ และเป็นทหารเรือรุ่นแรกหรือชุดแรก ที่ทรงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ทรงพอพระทัยในการ
ปฏิบัติงานของเสด็จในกรมฯ มาก ทรงยกย่องว่าทรงมีความรู้จริง และมีความกระตื้อรือร้นที่จะท างาน

ก – ๔


ในวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๔๓ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เสนาบดี
กระทรวงกลาโหม และรั้งต าแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ได้กราบถวายบังคมลาไปตรวจราชการทหารเรือ
ในจังหวัดชายทะเลฝั่งตะวันออก และทรงมอบหมายให้เสด็จในกรมฯ ท าการแทน
ในวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๔๔ เสด็จในกรมฯ ได้รับพระราชทานยศเป็นนายเรือเอก (เทียบเท่า

นาวาเอกในปัจจุบัน) และได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสชวาในเรือ
พระที่นั่งมหาจักรี ล าที่ ๑ ในระหว่างวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๔๔ ถึงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๔๔
ครั้นต่อมาในวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๔ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรองผู้บัญชาการ
กรมทหารเรือ และในวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๔๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศเสด็จในกรมหลวงฯ

จากนายนาวาเอกเป็นนายพลเรือตรี และยังคงด ารงต าแหน่งรองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ครั้นในวันที่ ๑๐
พฤศจิกายน ในปีเดียวกันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
เสด็จในกรมฯ กับการศึกษาของทหารเรือ

ในขณะที่ นายเรือเอก หม่อมไพชยนต์เทพ (หม่อมราชวงศ์ พณ สนิทวงศ์) ได้กราบถวายบังคมทูล
ขอพระราชทานลาออกจากต าแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ปรากฏว่าในระยะนั้นเป็นช่วงที่การศึกษาของ


นักเรียนนายเรือไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร นายพลเรือโท สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟากรมขุนนครสวรรค์วรพนิต
ทรงเห็นว่ามีความจ าเป็นจะต้องรับจัดการศึกษาของโรงเรียนนายเรือให้เจริญขึ้น จึงได้ทรงหารือกับ
ื่
เสด็จในกรมฯ และกราบบังคมทูลจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๘ เพอปรับปรุง
หลักสูตรของโรงเรียนนายเรือ คณะกรรมการประกอบด้วย

๑. นายพลเรือตรี พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอดมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
เป็นประธานกรรมการ
๒. นายเรือเอก หม่อมไพชยนต์เทพ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ นายเรือเอกผู้ช่วย พระบรมวงศ์เธอ

พระองค์เจ้าวิบูลย์พรรณรังสี ผู้บังคับการกองโรงเรียนนายเรือเป็นองค์กรรมการ
๓. นายเรือตรี คอน เปรียญ เป็นเลขานุการ
จากการปรับปรุงหลักสูตรใหม่ครั้งนี้ เสด็จในกรมฯ ได้ทรงฝึกสอนนักเรียนนายเรือด้วยพระองค์เอง

โดยเสด็จไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าและเสด็จกลับในตอนค่ าทุกวัน เมื่อการปรับปรุงโรงเรียนนายเรือ
ได้ผลสมความมุ่งหมายแล้ว ทางราชการก็จะให้ นายเรือเอก หม่อมไพชยนต์เทพ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ
ปกครองต่อไป แต่นายเรือเอก หม่อมไพชยนต์เทพ มีความประสงค์จะลาออก ดังนั้นในวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๘
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายเรือเอก หม่อมไพชยนต์เทพ

ออกจากราชการตามที่ได้กราบบังคมทูลลา และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จในกรมฯ ทรงท าการ
ในต าแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ
เมื่อเสด็จในกรมฯ ทรงท าการในต าแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือแล้ว ก็ทรงปรับปรุงการศึกษา
ของโรงเรียนนายเรือให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยโปรดให้สร้างโรงเรียนช่างกลขึ้นอกโรงเรียนหนึ่ง

เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๙ โดยแยกศึกษาวิชาคนละสาขากับนักเรียนนายเรือ เว้นแต่วิชาอย่างเดียวกัน นักเรียนนายช่างกล
เหล่านี้ได้รับสมัครจากนักเรียนนายเรือ ที่สมัครจะเรียนวิชาช่างกลนั้นเอง ในระยะแรก ๆ นั้นปรากฏว่าสถานที่
ฝึกงานภาคปฏิบัติของนักเรียนยังไม่มี เสด็จในกรมฯ โปรดให้สร้างโรงงานขึ้น โดยสั่งหม้อน้ า เครื่องจักร
มาจากที่ต่าง ๆ พอที่จะประกอบเป็นโรงงานย่อม ๆ ขึ้น

ก – ๕


นอกจากจะมีการศึกษาในชั้นเรียนแล้ว เสด็จในกรมฯ ยังโปรดให้นักเรียนนายเรือฝึกหัดภาคปฏิบัติ
ื่
เพอให้นักเรียนมีความช านิช านาญที่จะเป็นนายทหารเรือชั้นเยี่ยม โดยโปรดให้กรมยุทธโยธาทหารเรือ
สร้างเสาธงขึ้นหนึ่งเสาตามแบบในเรือทูลกระหม่อม ประกอบด้วยพรวน ๓ ชั้น พร้อมด้วยเครื่องประกอบ
และเชือก เสา เพลา ใบ ทรงหัดให้นักเรียนขึ้นเสา และประจ าพรวน กางใบ ม้วนใบ ลดพรวนลงดิน เอาพรวน

เข้าติดที่ ถอดเสาท่อนบนลง เอาเสาท่อนบนขึ้น สิ่งเหล่านี้ต้องท าด้วยความระมัดระวังและล าบากมาก
ื่

นอกจากนั้น ทรงจัดให้มีเรือกระเชียงไว้ฝึกหัดตีกรรเชียงแล่นใบด้วย และให้พมพแบบผูกเชือกขึ้นไว้เพอเป็น

ตัวอย่างในการเรียนผูกเชือกแบบต่าง ๆ ด้วย
ื่
ในทางด้านการกีฬา เสด็จในกรมฯ ได้ทรงขอครูมาจากกระทรวงธรรมการ เพอมาสอน บาร์คู่ บาร์เดี่ยว
ื่
และห่วง เพอให้นักเรียนฝึกหัดจนได้ผลเป็นอย่างดียิ่ง เพราะปรากฏว่านักเรียนมีสุขภาพดีและแข็งแรงขึ้น

เป็นอนมาก และทุกวันพฤหัสบดีตอนบ่าย ทุกคนต้องท าความสะอาดเรียบร้อยทุกอย่าง เช่น เตียงนอน
เครื่องสนาม หม้อข้าว หีบเสื้อผ้า ตลอดจนเล็บ ฟัน เป็นต้น
ในปี พ.ศ.๒๔๔๙ เสด็จในกรมฯ ได้ทรงน านักเรียนนายเรือทั้งหมด ไปฝึกหัดทางทะเลด้วยเรือยงยศ



อโยชฌิยา เรือล านี้เป็นเรือกลไฟขนาดกลาง มีเสาใบพร้อม แต่ทรงให้ติดพรวนชั้นต่ าขึ้นอกเป็นพเศษ และได้ให้
นักเรียนขึ้นเสา ลงเสา กางใบ ถือท้าย ใช้เข็มทิศ ทิ้งดิ่ง และการเรือทุกชนิด เวลาใดที่มีคลื่นจัด เรือล านี้
ก็จะโคลงจึงท าให้นักเรียนพากันเมาคลื่นไปตาม ๆ กัน แต่ทรงฝึกให้บรรดานักเรียนทั้งหลายหายเมาคลื่น

โดยให้ขึ้นลงเสาจนชิน เพราะทรงถือว่า “ทหารเรือต้องเมาคลื่นไม่เป็น”การไปฝึกครั้งนี้ได้ไปทาง

ภาคตะวันออกของอาวไทยจนถึงจังหวัดจันทบุรี ราวหนึ่งเดือนจึงกลับ ภายใต้การบังคับบัญชาของพระองค์ท่าน
ปรากฏผลว่าบรรดานักเรียนมีความคล่องแคล่วและเข้มแข็งในการเดินเรือเป็นอย่างยิ่ง
ในปี พ.ศ.๒๔๕๐ เสด็จในกรมฯ ได้ทรงน านักเรียนนายเรือ และนักเรียนนายช่างกลประมาณ ๑๐๐ คน
ไป “อวดธง” ที่สิงคโปร์ ปัตตาเวีย ชวา และเกาะบิลลิทัน โดยเรือหลวงมกุฎราชกุมาร ล าที่ ๑ ในการเดินทาง

ไปต่างประเทศครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก และเสด็จในกรมฯ ทรงเป็นผู้บังคับเรือเอง พร้อมด้วยนักเรียน
และทหารประจ าเรือ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยทั้งสิ้น เสด็จในกรมฯ ได้ทรงแบ่งเจ้าหน้าที่ประจ าเรือดังนี้
๑. ผู้บังคับการเรือ

๒. ผู้ช่วยผู้บังคับการเรือ (คือต าแหน่งต้นเรือในปัจจุบัน)
๓. ยกกระบัตร (คือฝ่ายพลาธิการ)
๔. แพทย์
๕. นายทหารประจ าเรือ เช่น ต้นหน ต้นปืน เป็นต้น

๖. หัวหน้าช่างกล (คือต้นกล) และต าแหน่งช่างกล มีรองต้นกลและนายช่างกล
ในการออกฝึกและอวดธงยังต่างประเทศครั้งแรกนี้ ทรงบัญชาการฝึกนักเรียนนายเรือด้วยพระองค์เอง
ให้รู้จักชีวิตของการเป็นทหารเรือโดยแท้จริง เป็นผู้เชี่ยวชาญการปฏิบัติการต่าง ๆ ในเรือ รู้จักหน้าที่ตั้งแต่
พลทหารจนถึงนายทหาร นักเรียนนายเรือได้ฝึกอย่างจริงจัง เผชิญทั้งภัยธรรมชาติ ทั้งการฝึกของพระองค์

ดังจะกล่าวให้ทราบเพียงบางส่วน เช่น ในระหว่างที่เรือแล่นจากสิงคโปร์ เรือได้แล่นลัดช่องทางเดินเรือระหว่าง

เกาะแก่งมาหลายวัน ขณะที่แล่นอยู่ในระหว่างเกาะเล็ก ๆ ๒ ข้าง ปรากฏมีคลื่นลูกใหญ่ซัดเรือท าให้เรือเอยงไป
เอียงมา เสด็จในกรมฯ ซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ท้ายเรือรีบเสด็จขึ้นไปบนสะพานเดินเรือ ทรงเปลี่ยนเข็มเบนหัวเรือ
และลดฝีจักรเรือ รับสั่งให้ทางห้องเครื่องจักรระวังเครื่องให้พร้อมเพรียงที่สุด ขณะนั้นภายในเรือเกิดการ

ก – ๖



โกลาหลชั่วขณะหนึ่ง แต่ด้วยพระสติปัญญาอนสุขุมของพระองค์ และทรงพจารณาสั่งการต่าง ๆ ตลอดจน


อธิบายให้นักเรียนและทหารในเรือมิให้ตื่นเต้นหรือหวาดกลัวจนเกินไปจนท าอะไรไมถูก จึงทรงหาทางปลอดภัย
ให้แก่เรือได้ เรือหลวงมกุฎราชกุมาร ล าที่ ๑ จึงได้แล่นไปโดยสวัสดิภาพจนเข้าช่องลิงกา (LINGA STRAIT)
เพื่อทอดสมอ และท าพิธีข้ามเส้นอิเควเตอร์

ขณะที่เรือหลวงมกุฎราชกุมาร ล าที่ ๑ ทอดสมอที่สิงคโปร์ นักเรียนนายเรือได้รับเชิญให้ไปดูการ
ซ้อมรบของทหารองกฤษ ซึ่งมีทหารประมาณหนึ่งร้อยคน แต่งกายพรางตาเพอให้ข้าศึกเห็นเป็นป่าหญ้าคา

ื่
โดยเอาหญ้าคาเสียบไว้บนหมวกบ้างบนบ่าบ้าง ฝ่ายทหารองกฤษจะเป็นฝ่ายเข้าตีอกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นแขกซิก


มีจ านวนประมาณ ๒ กองร้อย นักเรียนนายเรือต่างได้รับค าสั่งให้แยกย้ายกันดูไว้เป็นตัวอย่าง
เมื่อเรือหลวงมกุฎราชกุมาร ล าที่ ๑ กลับมาถึงชุมพรและจอดทอดสมอ เจ้าเมืองชุมพรพร้อมด้วย
ข้าราชการและราษฎรพากันมาเฝ้าเสด็จในกรมฯ ได้รับสั่งให้ท าการฝึกยกพลขึ้นบก โดยให้แบ่งนักเรียนนายเรือ
ออกท าการประลองยุทธ์ ทรงสั่งให้ควบคุมการฝึกอย่างเข้มแข็ง นักเรียนได้ท าการฝึกซ้อมการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ
อย่างว่องไวและเข้มแข็ง เป็นที่พอพระทัยของเสด็จในกรมฯ เป็นอย่างมาก บรรดาข้าราชการและประชาชน

ที่ได้เห็นต่างพากันชื่นชมยินดีและสรรเสริญเสด็จในกรมฯ ว่าทรงพระปรีชาอย่างยิ่งในการฝึกฝนอบรมนักเรียน
นายเรือ เพื่อให้เป็นนายทหารที่เข้มแข็งในอนาคต

ส าหรับการประลองยุทธ์ทางบกนี้ ยังได้ทรงให้มีการประลองยุทธ์อก ที่บางพระ วิธีการของพระองค์
คือ ทรงแบ่งทหารออกเป็น ๒ กอง ก่อนออกฝึก ๗ วัน ทรงบัญชาการฝึกความอดทนของทหาร โดยให้ใส่
เครื่องสนามครบ เอาทรายใส่หลังแทนข้าวสาร วันแรกใส่ข้าวสาร ๑ ทะนาน วันต่อ ๆ ไปเพมขึ้นวันละทะนาน
ิ่
จนถึง ๗ ทะนาน และให้ฝึกทั้งเช้าและเย็น ทั้งนี้เพอให้ก าลังทหารอยู่ตัว ในระหว่างการฝึกยังได้ทรงสอนวิธี
ื่
หุงข้าวและหาอาหารในป่าด้วย กองทหารที่แบ่งออกเป็น ๒ กอง นั้น จะแยกกันตั้งค่ายตามจุดของตน
โดยจะสร้างเป็นหอคอยมีก าแพงล้อมรอบท าด้วยไม้ไผ่ และมีกองรักษาการณ์ตลอดเวลา เมื่อเริ่มออกท าการ

ประลองยุทธ์ต่างฝ่ายก็จะเดินทางไปยังจุดที่หมาย พบกัน ณ ที่ใดก็เริ่มยิงต่อสู้กัน โดยใช้กระสุนซ้อมยิง
จนกระทั้งถึงเวลาพกรบก็เลิกรากัน ต่างฝ่ายต่างกลับไปยังค่ายของตนเพอพกผ่อน เสด็จในกรมฯ รับสั่งให้


ื่
ท าลายป้อมค่ายเสีย แล้วยกไปตั้งที่จุดใหม่ แล้วท าการรบอีกดังนี้ถึง ๓ ครั้ง

นอกจากการประลองยุทธ์ทางบกแล้ว ยังได้ทรงจัดให้มีการประลองยุทธ์ทางทะเลอกด้วย
ทั้งนี้ก็เนื่องจากทรงมีพระประสงค์จะให้เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ได้มีการฝึกหัดให้มีความช านาญและมีพระประสงค์
จะเห็นความสามารถของเจ้าหน้าที่ด้วย ทรงให้ฝึกหัดหลายอย่าง เช่น ฝึกหัดเตรียมรบ หัดทิ้งลูกดิ่ง หัดตีกรรเชียง
หัดสละเรือใหญ่ เป็นต้น

นับว่าได้ทรงฝึกหัดทหารเรือและนักเรียนนายเรือ ให้มีความช านาญในการรบและปฏิบัติการด้วย
ความเข้มแข็ง และอดทนอย่างแท้จริง โดยที่พระองค์ได้ทรงบัญชาการฝึกด้วยพระองค์เองอย่างใกล้ชิด
เป็นต้นว่าช่วยลากเชือกวิ่งในเวลาชักเรือโบต และขนถ่ายของจากเรือใหญ่ แม้แต่วิธีปฏิบัติในเรือเกี่ยวกับ
การอาบน้ า หรืออาหารก็ทรงปฏิบัติเช่นเดียวกับทหารอน ๆ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทหารทั้งหลายย่อมเห็นใน
ื่
พระอตสาหะและความห่วงใยของพระองค์ที่มีต่อบรรดาทหารทั้งหลาย ทหารเหล่านั้นจึงรักและเคารพ

ในพระองค์ท่านอย่างยิ่งประดุจว่า พระองค์ทรงเป็นองค์บิดาแห่งทหารเรือทั้งหลาย

ก – ๗


การออกฝึกนี้ นอกจากจะท าให้นักเรียนนายเรือได้รู้จักปฏิบัติการจริง ๆ ทางทะเลแล้ว ยังทรงน า

สิ่งใหม่ ๆ มาสู่วงการทหารเรืออก คือ แต่เดิมเรือรบของไทยทาสีขาว พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนสีเรือ

มกุฎราชกุมาร ล าที่ ๑ ให้เป็นสีหมอกตามแบบอย่างเรือองกฤษ และต่อมาเรือรบทุกล าของไทยก็ทาสีหมอกมา
จนทุกวันนี้

เสด็จในกรมฯ ทรงปลูกฝังความรักชาติให้กับนักเรียนนายเรือ
เนื่องจากประเทศไทยถูกรุกรานทางทะเลจากประเทศฝรั่งเศส กรณีเหตุการณ์การรบที่ปากแม่น้ า
เจ้าพระยา ร.ศ.๑๑๒ ท าให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนไปบางส่วน พร้อมกับเสียเงินค่าท าขวัญ พร้อมทั้ง
จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ถูกยึดเป็นประกัน เสด็จในกรมฯ ทรงเจ็บแค้นพระทัยเป็นอย่างมาก จึงทรงให้

นักเรียนนายเรือสักค าว่า “ร.ศ.๑๑๒ ตราด” ไว้ที่หน้าอกทุกคนรวมทั้งพระองค์ท่านด้วย เพอเป็นเครื่องจดจ า
ื่
และหาหนทางที่จะแก้แค้นต่อไป
ต่อจากการสักแล้ว เสด็จในกรมฯ ทรงแต่งเพลงฮะเบสสมอ และอน ๆ ซึ่งมีอยู่หลายบทด้วยกัน
ื่
เพื่อให้นักเรียนนายเรือร้องปลุกใจให้กล้าหาญและรักชาติให้สมกับเป็นทหารเรือไทย

นอกจากนั้นเสด็จในกรมฯ โปรดให้สร้างเรือน้ าตาลขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๙ ซึ่งเป็นเรือจ าลองมีค าว่า
“ธนบุรี ร.ศ.๑๑๒” ที่หัวเรือ ตั้งไว้บนบก เพอให้นักเรียนนายเรือชั้น ๔ ชั้น ๕ ฝึกแก้อตราผิดของเข็มทิศ
ื่

ื่
เพอเวลาน าเรือออกท้องทะเลลึกได้โดยเข็มไม่ผิด และให้ได้เห็นทุกวัน เป็นการเตือนใจให้หาทางแก้เผ็ด

และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ เช่น ร.ศ.๑๑๒ เกิดขึ้นอก และที่ทรงใช้ชื่อว่า “น้ าตาล” เพราะน้ าตาลแก้รสเผ็ดได้
หรืออีกนัยหนึ่งเป็นเรือที่ลอยน้ าไม่ได้ (เช่นเดียวกับน้ าตาล)
เสด็จในกรมฯ ทรงตั้งกองดับเพลิง
นอกจากทรงใฝ่พระทัยในด้านการศึกษาของนักเรียนนายเรือแล้ว เสด็จในกรมฯ ทรงด าริว่า ส าหรับ
การช่วยเหลือราษฎรในด้านการดับเพลิงนั้น ควรจะให้นักเรียนนายเรือได้มีการฝึกการช่วยเหลือราษฎร

ท าการดับเพลิง เพราะมีเรือสูบน้ าและเรือกลไฟเล็ก ซึ่งขึ้นอยู่กับกรมเรือกลอยู่แล้ว และมีหน้าที่ดับเพลิง
ดังนั้นเมื่อเกิดเพลิงไหม้ที่ใด เรือกลไฟจะท าหน้าที่ลากจูงเรือสูบน้ าไปท าการดับเพลิงเป็นประจ า เสด็จในกรมฯ
จึงทรงตั้งกองดับเพลิงของทหารเรือขึ้น โดยมีกองต่าง ๆ ดังนี้

๑. กองถัง
๒. กองขวาน
๓. กองผ้าใบกันแสงเพลิง
๔. กองรื้อและตัดเชื้อเพลิง

๕. กองช่วย
๖. กองพยาบาล

ต่อมาจึงได้เพิ่มกองสายสูบขึ้นอกกองหนึ่ง ในการนี้ได้ทรงจัดให้นักเรียนนายช่างกลท าหน้าที่ร่วมกับ
ื่
ื่
นักเรียนอน ๆ และเพอความช านาญให้มีการเปลี่ยนกันไปบ้างตามความสามารถของนักเรียน นอกจากนั้น
เสด็จในกรมฯ ทรงฝึกหัดการดับเพลิงให้กับทหารและนักเรียนนายเรือด้วยพระองค์เอง ในสมัยนั้นมักจะเกิด
เพลิงไหม้บ่อย ๆ เสด็จในกรมฯ จะเสด็จไปบัญชาการดับเพลิงด้วยพระองค์เองเสมอ ๆ โดยไม่ทรงถือพระองค์
และจะลงมือปฏิบัติด้วยพระองค์เอง เพอเป็นแบบอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยความกล้าหาญ ดังเช่นใน
ื่
ต้นเดือน ธันวาคม ร.ศ.๑๑๙ (พ.ศ.๒๔๔๓) เกิดเพลิงไหม้ที่ต าบลบ่อนหัวเม็ด ทางด้านวัดบพิตรพมุข เสด็จในกรมฯ


ก – ๘


ื่
ทรงปีนหลังคาแล้วท าการรื้อ เพอจะตัดต้นไฟด้วยพระองค์เอง จนถึงกับประชวรพระวาโย ๒ ครั้ง
พลตรี กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และรั้งต าแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ได้ถวาย
ื่
รายงาน ขอพระราชทานบ าเหน็จ เพอเป็นเยี่ยงอย่างแก่นายทหารและพลทหารในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จ

พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงชมเชยในความอตสาหะและความกล้าหาญ แต่ยังไม่ทรงเห็นด้วย
ที่จะพระราชทานรางวัล เพราะในครั้งนั้นยังไม่เคยมีรางวัล และอกประการหนึ่งการที่จะพระราชทาน

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นรอง ก็ไม่เหมาะสมกับเสด็จในกรมฯ ดังนั้นพระองค์ทรงให้นับไว้บวกกับความดี ซึ่งจะ
มีในภายหน้าที่จะได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงต่อไป
ครั้งถึงสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๓ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงเห็นความส าคัญของกิจการทหารเรือ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา“กรมทหารเรือ” ขึ้นเป็น


กระทรวงทหารเรือ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ จอมพลเรือ สมเด็จเจ้าฟาบริพตรสุขุมพนธ์


กรมพระนครสวรรค์วรพนิต ทรงด ารงต าแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือและในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ศกเดียวกันนี้
ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จในกรมฯ ซึ่งขณะนั้นก าลังทรงด ารงต าแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ
อยู่ให้ด ารงต าแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีกระทรวงทหารเรืออกต าแหน่งหนึ่ง ครั้นถึงวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๔

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระองค์ออกจากราชการอยู่ชั่วระยะหนึ่ง รวมเวลา
ที่เสด็จในกรมฯ ทรงรับราชการครั้งแรก ๑๑ ปี

เสด็จในกรมฯ – จเรทหารเรือ
เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นาย พลเรือตรี พระเจ้าพยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอดมศักดิ์ กลับเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ

ี่
ในต าแหน่งจเรทหารเรือ เนื่องจากประเทศไทยได้เข้าร่วมสงครามโลกและทหารเรือยังขาดผู้มีความสามารถจริง ๆ
อยู่ขณะนั้นและต่อมาในวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๐ เสด็จในกรมฯ ได้รับพระราชทานยศเป็นนายพลเรือโท


เมื่อทรงเข้ารับราชการด ารงต าแหน่งจเรทหารเรือ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พทธศักราช ๒๔๖๐ แล้ว
งานส าคัญที่ทรงท าในโอกาสแรก คือ ในวันที่ ๓ สิงหาคม เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ได้ให้เสด็จในกรมฯ
ทรงเป็นผู้ตรวจอาวุธของเชลยที่ยึดได้

เสนาธิการกระทรวงทหารเรือ
ครั้นวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เสด็จในกรมฯ พนจากต าแหน่ง

จเรทหารเรือ ทรงด ารงต าแหน่งเสนาธิการทหารเรือ
ื้
เมื่อเสด็จในกรมฯ ทรงด ารงต าแหน่งเสนาธิการทหารเรือนั้น ในปี พ.ศ.๒๔๖๓ ได้ส ารวจพนที่บริเวณ
ื้
สัตหีบ เสด็จในกรมฯ ทรงมีความเห็นทางด้านยุทธศาสตร์ว่า สมควรใช้พนที่บริเวณต าบลที่สัตหีบ สร้างเป็นที่มั่น
ส าหรับกิจการทหารเรือขึ้นตามชายฝั่งและเกาะต่าง ๆ ในอาวสัตหีบ เพราะท าเลเหมาะแก่การสร้างเป็นฐานทัพเรือ

ตามพระราชประสงค์ในด้านการป้องกันฐานทัพ ได้ทรงให้ความเห็นไว้ว่าควรสร้างป้อมตั้งปืนใหญ่ขนาดตั้งแต่
๑๖ นิ้วลงมา จนถึง ๔.๗ นิ้ว และปืนยิงเครื่องบินด้วย โดยพร้อมขึ้นไว้บนยอดเกาะต่าง ๆ ในอาวสัตหีบ

นอกจากนี้ควรสร้างป้อมวางปืนใหญ่ชนิดต่าง ๆ เพอป้องกันการส่งทหารยกพลขึ้นบกของข้าศึกด้วย
ื่
ส่วนสถานที่ท าการจะต้องสร้างสิ่งต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาล โรงทหาร โรงงาน สถานีเรือปืนทะเล การประปา
การคมนาคมการสุขาภิบาล ฯลฯ ดังนั้น ในวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๕ เสด็จในกรมฯ ในฐานะเสนาบดี
กระทรวงทหารเรือ ได้มีลายพระหัตถ์ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานที่ดินที่สัตหีบ เพอเป็นกรรมสิทธิ์แก่กระทรวง
ื่
ทหารเรือ ดังลายพระหัตถ์ดังนี้ คือ

ก – ๙


ที่ ๒/๒๔๖๕

๐๑๔๕๕ กรมเสนาธิการณ์ทหารเรือ
วันที่ ๖ กันยายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๕
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ตามหลักของยุทธศาสตร์ทางทหารเรือ ซึ่งกล่าวถึงฝึกหัดบ ารุงความช านิช านาญในทางทะเล

ก็ย่อมยึดถือการอยู่ทะเลเป็นการใหญ่ ตลอดถึงการรวมทัพก็ดี ย่อมจะยึดถือไชยภูมิที่เหมาะในเขตร์นั้น
ที่จะท าการเป็นถานทัพได้เป็นหลักอีกส่วนหนึ่ง จึงท าให้นายทหารพรรคนาวินทั้งสิ้นแม้แต่เป็นชาวต่างประเทศ

ก็ย่อมเห็นด้วยพร้อมกันว่า ส าหรับประเทศสยามมีอยู่แห่งเดียว ที่ควรเป็นหลักเช่นนี้ได้ ก็คือที่อาวสัตหีบ
ซึ่งมีคุณแลโทษดังต่อไปนี้

คุณ
๑. อยู่เป็นสถานกลางของอ่าวสยาม
๒. เป็นต้นทางของ VITAL POINT คือ แม่น้ าเจ้าพระยา ดังแผนที่ A
๓. น้ าลึกพอที่จะเป็นอ่าวเรือใหญ่หรือที่ฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโด

๔. มีเกาะต่าง ๆ เป็นที่ก าบังส าหรับเล็ดลอดออกกระท าการยุทธวิธีด้วยเรือเล็กได้สะดวก
๕. ที่บนบกไม่ได้ตกเป็นสิทธิ์ขาดของผู้หนึ่งผู้ใด โดยทรงพระมหากรุณาให้เทศาภิบาล
หวงห้ามไว้ เป็นพระคุณแก่ทหารเรืออย่างยิ่ง
๖. ทางบกมีทางติดต่อกับรถไฟสายปราจิณได้สะดวกไม่ต้องกลัว ISOLATION

๗. โดยข้อ ๖ นั้นเอง อาจติดต่อกับก าลังการทางทหารบก แลเป็นปีกหนึ่งของกองทัพบก
ฝ่ายตะวันออกได้สะดวก
๘. เป็นที่ฝึกหัดทางทะเลได้ตลอดทั้งสองมรสุม โดยเป็นที่ก าบังมิดชิด

โทษ
๑. ในเวลานี้ยังไม่มีที่ขงน้ าจืด

๒. ในเวลานี้ยังกันดารด้วยเสบียงอาหาร
๓. ในเวลานี้ยังห่างจากคมนาคมกับกรุงเทพฯ คือยังไม่มีรถไฟ
๔. ถ้าจะให้เป็นที่มั่นจะเปลืองค่าป้อมและเครื่องป้องกัน ในข้อนี้ไม่ว่าที่ใดที่เป็นถานทัพแล้ว

ต้องป้องกันทั้งสิ้น
๕. ในชั้นต้นนี้จะจัดเป็นถานทัพยั่งยืนไม่ได้ โดยไม่มีทุนพอที่จะสร้างในเร็ววัน
๖. เวลานี้ความไข้ชุกชุมมาก เพราะเป็นที่รกร้างโดยไม่มีใครจะถากถาง เพราะจะยึดเป็น

กรรมสิทธิ์ของตนไม่ได้

ก – ๑๐


ต่อมาในวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๕ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน
ที่ดินที่สัตหีบให้แก่กองทัพเรือ เพื่อจัดตั้งเป็นฐานทัพเรือต่อไป ดังพระราชกระแสดังนี้ คือ

รับวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๕

นาม กรมหลวงชุมพร ที่ ๒/๒๔๖๕ ลงวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๕
๐๑๔๕๕
ใจความเรียนพระราชปฏิบัติ เรื่อง จัดตั้งสัตหีบเป็นฐานทัพเรือ...............................................................
................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

พระราชกระแส หมายเหตุ


การที่จะเอาสัตหีบเป็นฐานทัพเรือนั้น ตรงตาม ทูลเกล้าฯ ถวายวันที่
ความปรารถนาของเราอยู่แล้ว เพราะที่เราได้สั่งหวงห้าม ๑๕ กันย์ ๖๕ พระราชทานมา

ที่ดินไว้ก็ด้วยความตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้น , แต่เมื่อเห็นว่า ๑๖ กันย์ ๖๕

ยังไม่ถงเวลาที่จะเป็นฐานทัพเรือ และไม่อยากให้โจทย์
กันวุ่น , จึงได้กล่าวไว้ว่าจะต้องการที่ไว้ท าวัง , ส าหรับ
เผื่อจะมีผู้ขอรับจองฝ่ายเทศาภิบาลจะได้ตอบไม่อนุญาตได้
โดยอ้างเหตุว่า “พระเจ้าอยู่หัวต้องพระราชประสงค์”

เมื่อบัดนี้ทหารเรือจะต้องการที่นั้นก็ยินดีอนุญาตให้.
(สั่งไปทางมหาดไทยด้วย)
(พระนาม) ราม ร.




การจัดซื้อเรือหลวงพระร่วง

ในปี พ.ศ.๒๔๕๗ ข้าราชการทั้งหลาย พากันส านึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ

พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ปรึกษากันในอนที่จะแสดงความจงรักภักดี กตัญญูกตเวที บรรดาข้าราชการ
มีความเห็นว่าเป็นการจ าเป็นที่จะต้องมีการป้องกันราชอาณาจักรทางทะเล จึงเห็นพองกันว่าควรจะได้มีการช่วยกัน

ออกทุนทรัพย์คนละเล็กละน้อย เพื่อรวบรวมซื้อหรือสร้างเรือรบถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ื่
สักล าหนึ่ง ในการด าเนินการจัดหาเงินทุนนี้ เพอความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะดวก จ าเป็นต้องตั้งเป็น
สมาคมขึ้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบ และได้พระราชทานชื่อสมาคมที่จัดตั้งนี้ว่า

“ราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยาม” และทรงรับเป็นองค์อปถัมภ์สมาคม พร้อมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์
ส่วนพระองค์สมทบด้วย ส าหรับเรือที่จะจัดซื้อนี้ได้รับพระราชทานนามว่า “เรือหลวงพระร่วง”

ก – ๑๑



เสด็จในกรมฯ ทรงได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงพเศษออกไปจัดสรรหา
ื้
ซื้อเรือในภาคพนยุโรป พระองค์ได้เสด็จเสาะแสวงหาอยู่หลายประเทศ จึงได้ทราบพบเรือพฆาตตอร์ปิโดของ

บริษัท ทอร์นิครอฟท์ แห่งประเทศอังกฤษ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า “เรเดียนท์” ทรงพิจารณาเห็นว่าเป็นที่เหมาะแก ่
ความต้องการของกองทัพเรือ และเป็นเรือที่เพงต่อขึ้นใหม่ จึงได้ทรงชี้แจงมายังกรรมการราชนาวีสมาคม
ิ่
ซึ่งคณะกรรมการของสมาคมก็มีความเห็นชอบด้วย
เสด็จในกรมฯ ทรงเป็นผู้บังคับการเรือหลวงพระร่วงเอง พร้อมด้วยนายทหารเรือไทยและ
ื่
จ้างเจ้าหน้าที่อน ๆ ซึ่งเป็นทหารเรือองกฤษ น าเรือจากประเทศองกฤษเข้ามาถึงกรุงเทพฯ ปรากฏพระเกียรติยศ



เป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทย สามารถเดินเรือทะเลได้ไกลถึงเพยงนี้ จึงถือเป็นเกียรติประวัติของราชนาวีไทย
และเป็นการปรากฏพระเกียรติคุณแห่งเสด็จในกรมฯ เรือหลวงพระร่วงได้เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทย
เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๓ การต้อนรับและการสมโภชเรือหลวงพระร่วง ได้เป็นไปอย่างมโหฬารและ

เอกเกริกอย่างยิ่ง ในพระราชด ารัสของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชทานเลี้ยง
เนื่องในการฉลองเรือหลวงพระร่วง ณ ศาลาสหทัยสมาคม เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๓ ได้ทรงกล่าวถึง

พระเกียรติคุณของเสด็จในกรมฯ ในการน าเรือหลวงพระร่วงมาสู่ประเทศไทยว่า “ส่วนกรมชุมพร ข้าพเจ้าได้
กล่าวแล้วว่าเป็นนายทหารเรือไทยคนแรก ที่น าเรือรบไทยมาจากต่างประเทศได้ตลอด และที่ยากมากปานใด
ในการน ามานั้น ท่านทั้งหลายคงจะพอเดาเอาได้ เมื่อทราบว่าบรรดาลูกเรือนั้น เป็นชาวต่างประเทศทั้งนั้น

และที่น ามาได้โดยสวัสดิภาพ ก็แสดงให้เห็นได้ว่าเป็นผู้ช านาญทะเลจริง นับว่าสมควรที่จะได้รับความชอบใจ
ของข้าพเจ้าและท่านทั้งหลาย”
เสด็จในกรมฯ ทรงปฏิบัติราชการสืบมา ได้รับพระราชทานเลื่อนยศจาก นายพลเรือโทขึ้นเป็น
นายพลเรือเอก เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระอสริยศักดิ์

เลื่อนจาก“กรมหมื่น” ขึ้นเป็น “กรมหลวง” เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๓

ในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๖ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เสด็จในกรมฯ ทรงด ารง
ต าแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ

เสด็จในกรมฯ ทรงด ารงต าแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือเพยงไม่กี่วันเท่านั้น ได้กราบบังคมลา
ื่
ราชการออกไปตากอากาศเพอพกผ่อนรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ ๑ ๗ เมษายน พ.ศ.๒ ๔ ๖ ๖ ทั้งนี้

เพราะเสด็จในกรมฯ ทรงมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ และประชวรพระโรคภายในอยู่ด้วย ทางกระทรวงทหารเรือ
ได้สั่งให้กระบวนเรือที่ ๒ จัดเรือหลวงเจนทะเล ถวายเป็นพาหนะ และกรมแพทย์ทหารเรือ ได้จัดนายแพทย์
ประจ าพระองค์ ๑ นาย พร้อมด้วยพยาบาลตามเสด็จไปด้วย เสด็จในกรมฯ ได้เสด็จออกจากกรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๖ ได้เสด็จไปประทับอยู่ที่ด้านใต้ปากน้ า เมืองชุมพร ซึ่งเป็นที่ทรงจองไว้จะท าสวน
ขณะที่ประทับอยู่ที่จังหวัดชุมพรนี้ ก็เกิดเป็นพระโรคหวัดใหญ่เนื่องจากถูกฝน ทรงประชวรอยู่เพยง ๓ วัน

ก็สิ้นพระชนม์ ที่ต าบลหาดทรายรี ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๖ สิริพระชนมายุได้ ๔๔ พรรษา
ในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๖ เรือหลวงเจนทะเล ได้เชิญพระศพจากจังหวัดชุมพรมายัง

กรุงเทพฯ และมาพักถ่ายพระศพลงสู่เรือหลวงพระร่วง ที่บางนา ต่อจากนั้น เรือหลวงพระร่วงได้น าพระศพเข้า
มายังกรุงเทพฯ และน ามาประดิษฐานไว้ที่วังของพระองค์ท่าน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงบ าเพญพระราชกุศลพระราชทาน จนถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๖ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้อัญเชิญพระศพไปพระราชทานเพลิง ณ พระเมรุท้องสนามหลวง

ก – ๑๒


พระอิสริยศักดิ์
นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
๕ ตุลาคม ๒๔๓๙ นักเรียนนายเรือ
๒๓ มิถุนายน ๒๔๔๓ นายเรือโท เทียบเท่ายศ นาวาตรี ในปัจจุบัน

๓ พฤษภาคม ๒๔๔๔ นายเรือเอก เทียบเท่ายศ นาวาเอก ในปัจจุบัน
๕ พฤษภาคม ๒๔๔๗ นายพลเรือตรี
๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๔๗ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
๓๐ ธันวาคม ๒๔๖๐ นายพลเรือโท

๒๓ เมษายน ๒๔๖๓ นายพลเรือเอก
๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๖๓ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

ต าแหน่งหน้าที่ราชการ

ทรงรับราชการในต าแหน่งต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ตามหลักฐานที่ปรากฏ
ราชองครักษ์พิเศษ ๓ พฤษภาคม ๒๔๔๔
รองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ๑๖ กันยายน ๒๔๔๔

รองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ๒๕ ตุลาคม ๒๔๔๘
ท าการในต าแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ๑ มีนาคม ๒๔๔๘
รวมกองรองผู้บัญชาการและกรมยุทธศึกษา เป็นกองเดียวกัน เรียก กรมยุทธศึกษา ๑ มิถุนายน ๒๔๙๙
ผู้ช่วยเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ๒๓ ธันวาคม ๒๔๕๓
(ยกฐานะกรมขึ้นเป็นกระทรวงทหารเรือ/ราชกิจจาฯ เล่ม ๒๗ หน้า ๒๒๔๓ วันที่ ๒๕ ธันวาคม ร.ศ.๑๒๙)

เสด็จออกประจ าการชั่วระยะหนึ่ง ๑๔ เมษายน ๒๔๕๔
จเรทหารเรือ ๑ สิงหาคม ๒๔๖๐
เสนาธิการทหารเรือ ๑๕ มกราคม ๒๔๖๐

เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ๒๗ กันยายน ๒๔๖๑
รักษาการต าแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ๑๓ ตุลาคม ๒๔๖๕
ท าการแทนเจ้ากรมยุทธโยธา ๑๓ ธันวาคม ๒๔๖๕
เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ๑ เมษายน ๒๔๖๖

ก – ๑๓


ราชการพิเศษ
ตามเสด็จประพาสเกาะชวาในหน้าที่ราชองครักษ์ประจ าพระองค์ ๕ พฤษภาคม – ๒๔ กรกฎาคม ๒๔๔๔
ผู้บัญชาการกองเรือฝึกภาคทะเล ประจ าปี ๒๔๔๖
ท าการแทนผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ๑๘ - ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๔๗

ผู้บัญชาการกองเรือพิเศษตามเสด็จพระราชด าเนิน-
ประพาสพระราชวังบางปะอิน ๘ มิถุนายน ๒๔๔๗
ท าการแทนผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ๑๐ - ๑๖ ตุลาคม ๒๔๔๘
ประธานกรรมการด าริจัดการศึกษาโรงเรียนนายเรือ ๒ มกราคม ๒๔๔๘

ท าการแทนผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ๑๖ - ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๘
พระอาจารย์โรงเรียนนายเรือ ตั้งแต่ ๒๔๔๘
ท าการแทนผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ๓๑ ตุลาคม - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๔๙
๓๑ ธันวาคม - ๑๗ มกราคม ๒๔๔๙

๒๖ มีนาคม ๒๔๔๙-๑๗ พฤศจิกายน ๒๔๕๐
ข้าหลวงพิเศษไปราชการในประเทศยุโรปพร้อมนายทหารเรือ
๕ นายเพื่อซื้อเรือรบ (เรือพระร่วง) ๑๖ มีนาคม ๒๔๖๒ – ๑๑ ตุลาคม ๒๔๖๓

ผู้บัญชาการกองเรือฝึกภาคปืนใหญ่ ๑๕ มกราคม ๒๔๖๓
ผู้บัญชาการเรือฝึกหัดกระบวนศึก ๘ เมษายน ๒๔๖๔
ผู้บัญชาการกระบวนเรือเสด็จพระราชด าเนินประทับแรม
ณ จังหวัดสมุทรปราการ ๗ พฤษภาคม ๒๔๖๕
ผู้บัญชาการทั่วไปในการยิงเป้าปืนใหญ่ที่ป้อมพระจุลฯ ๑ มีนาคม ๒๔๖๔

ผู้อ านวยการกระบวนเสด็จพระราชด าเนินประทับแรม
ณ จังหวัดสมุทรปราการ ๑๖ มีนาคม ๒๔๖๔
เสด็จตรวจราชการกระบวนเรือรักษาการณ ์


ณ ที่ประทบหาดเจ้าส าราญ ๒๔ เมษายน – ๑ พฤษภาคม ๒๔๖๕
เสด็จตรวจราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ๒๒ - ๒๘ พฤษภาคม ๒๔๖๕
ต่อจากนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรี และนายกองโทเสือป่า

ก – ๑๔


เครื่องราชอิสริยาภรณ์

ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นบ าเหน็จความชอบ ดังต่อไปนี้

ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ๕ มกราคม ๒๔๓๕
เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา ๒๔๓๖
ปฐมจุลจอมเกล้า ๒๑ กันยายน ๒๔๔๐
เหรียญดุษฎีมาลาเข็มศิลปวิทยา ๒๓ กรกฎาคม ๒๔๔๓

มหาจักรีบรมราชวงศ์ ๒๑ กันยายน ๒๔๔๓
ประถมจุลจอมเกล้าวิเศษ ๒๑ กันยายน ร.ศ.๑๑๙ (๒๔๔๓)
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๕ ชั้นที่ ๒ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๔
มงกุฎสยามชั้น ๑ มหาสุราภรณ์ ๑๗ มกราคม ๒๔๔๗

เข็มเงิน เสด็จประพาสยุโรป ๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๕๐
เข็มพระชนมายุสมมงคลชั้น ๑ ทองค าลงยา ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๒
เหรียญบุษปมาลากาไหล่ทอง ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๒
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๖ ชั้นที่ ๒ ๓๐ มกราคม ๒๔๕๓

เข็มข้าหลวงเดิม ๑๔ สิงหาคม ๒๔๕๔
มหาโยธินรามาธิบดี ๒๓ กรกฎาคม ๒๔๖๑
ประถมาภรณ์ช้างเผือก ชั้นที่ ๑ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๖๑

เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๖ ชั้น ๑ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๔
ตรารัตนวราภรณ์ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๖๔
เหรียญจักรมาลา ๑๓ มีนาคม ๒๔๖๕
เหรียญราชินี
นพรัตน์ราชวราภรณ์


เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ


“ดันเนบรอกชั้นที่ ๑” จากพระเจ้ากรุงเดนมาร์ค เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๕
ตราเซนต์มอรีสและเซนต์ลาซาร์ ชั้นที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๐

ก – ๑๕


พระโอรส และพระธิดา

นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีพระโอรสเกิดแก่หม่อมเจ้าทิพยสัมพนธ์


พระชายา พระธิดา จอมพลเรือ สมเด็จพระราชปิตุลาบรมวงศาภิมุข เจ้าฟากรมพระยาภาณุพนธุวงศ์วรเดช

๒ พระองค์ คือ
๑. พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา
๒. พลอากาศโท หม่อมเจ้ารังษิยากร อาภากร

พระโอรสและพระธิดา อันเกิดแก่หม่อม ดังรายพระนามต่อไปนี้
๑. หม่อมเจ้าหญิง จารุพัตรา อาภากร
๒. หม่อมเจ้าหญิง ศิริมาบังอร (อาภากร) เหรียญสุวรรณ
๓. หม่อมเจ้า สมรบ าเทอง อาภากร

๔. หม่อมเจ้าหญิง เริงจิตรแจรง อาภากร
๕. พันเอก หม่อมเจ้าด าแคงฤทธิ์ อาภากร
๖. พลเรือเอก หม่อมเจ้าครรชิตพล อาภากร
๗. หม่อมเจ้ารุจยากร อาภากร


-----------------------------------------


ที่มา ประวัติผู้บัญชาการทหารเรือ เล่ม ๑ พ.ศ.๒๓๙๔ – พ.ศ.๒๔๙๔ กรมยุทธการทหารเรือ
หมายเหตุ ก่อนปี พ.ศ.๒๔๘๔ ประเทศไทยใช้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่

สารบัญ



เรื่อง หน้า

ค าน า
พระประวัติ ก
สาระสังเขป
สารบาญ

๑. ส่วนบัญชาการ ๑
๑.๑ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ (กพร.ทร.)
- พระอนุสาวรีย์ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ๒
๑.๒ กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ (สสท.ทร.)

- พระอนุสาวรีย์ โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ป้อมพระจุลจอมเกล้า (รร.สสท.ทร.) ๕

- พระอนุสาวรีย์ สถานีวิทยุกระจายเสียงจากทหารเรือ ๕ พทยา (สทร.๕ พัทยา) ๘
๒. ส่วนก าลังรบ ๑๒
๒.๑ กองเรือยุทธการ (กร.)

๒.๑.๑ กองบัญชาการ กองเรือยุทธการ (บก.กร.)
- พระอนุสาวรีย์ กองเรือยุทธการ ๑๕
๒.๑.๒ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร.กร.)
- พระอนุสาวรีย์ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ๑๗

๒.๑.๓ กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ (กทบ.กร.)
- พระอนุสาวรีย์ กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ ๒๒
๒.๒ ทัพเรือภาค
๒.๒.๑ ทัพเรือภาคที่ ๑ (ทรภ.๑)

- พระต าหนัก ฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ ๑ ๒๓
- พระต าหนัก ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะช้าง ๒๕
- อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง อ าเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ๓๒

๒.๒.๒ ทัพเรือภาคที่ ๒ (ทรภ.๒)
- พระอนุสาวรีย์ แหลมสนอ่อน ทะเลสาบสงขลา ๓๔
- พระอนุสาวรีย์ สถานีเรือสมุย ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ ๒ ๓๖
๒.๒.๓ ทัพเรือภาคที่ ๓ (ทรภ.๓)
- พระอนุสาวรีย์ กองบัญชาการ ทัพเรือภาคที่ ๓ ๔๐

- พลับพลาที่ประทับ สวนสาธารณะสะพานหิน ๔๒
- พระอนุสาวรีย์ ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ ๓ ๕๐
๒.๓ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.)

๒.๓.๑ กรมรักษาความปลอดภัย หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (กรม รปภ.นย.)
- พระอนุสาวรีย์ กรม รปภ.นย. ค่ายกรมหลวงชุมพร สัตหีบ ๕๓

๒.๓.๒ กรมทหารราบที่ ๒ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (กรม ร.๒ พล.นย.)
- พระอนุสาวรีย์ กรมทหารราบที่ ๒ พล.นย. (กระบี่) ๕๖

๒.๓.๓ กรมทหารราบที่ ๓ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (กรม ร.๓ พล.นย.)
- พระอนุสาวรีย์ ค่ายจุฬาภรณ์ กรม ร.๓ พล.นย. (นราธิวาส) ๕๘
๒.๓.๔ กรมทหารปืนใหญ่ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (กรม ป.พล.นย.)
- พระรูป สวนอาภากร บก.กรม ป.พล.นย. ๖๐

๒.๓.๕ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กรมทหารปืนใหญ่ กองพลนาวิกโยธิน
หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (พัน ปตอ.กรม ป.พล.นย)
- พระอนุสาวรีย์ พัน ปตอ. กรม ป.พล.นย.(ระยอง) ๖๒
๒.๓.๖ กองพันรถสะเทินน้ าสะเทินบก กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

- พระอนุสาวรีย์ กองพันรถสะเทินน้ าสะเทินบก พล.นย. ๖๔
๒.๓.๗ กองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (พัน ลว.พล.นย.)
- ศาลพระรูป พัน ลว.พล.นย. (ทุ่งโปรง) ๖๘
๒.๓.๘ หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน (ฉก.ทพ.นย.)

- พระอนุสาวรีย์ ฉก.ทพ.นย. (ค่ายเทวาพิทักษ์) ๗๐
๒.๔ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.)
- พระต าหนักฯ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อ.สัตหีบ จวชลบุรี ๗๒

- พระอนุสาวรีย์ พัน.สอ.๑๑ กรม สอ.๑ สอ.รฝ. ต.ส านักทอน อ.บ้านฉาง จว.ระยอง ๗๙

- พระอนุสาวรีย์ พัน.สอ.๑๒ กรม สอ.๑ สอ.รฝ. ต.บางพระ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ๘๑
- พระอนุสาวรีย์ ศฝท.ศฝ.สอ.รฝ. (เกล็ดแก้ว) ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี ๘๓
- พระอนุสาวรีย์ สอ.รฝ. อ.บ้านฉาง จว.ระยอง ๘๕
- ศาล กองพันต่อสู้อากาศยานที่ ๒๒ อ.ท้ายเหมือง จว.พังงา ๙๐

- ศาล หมู่รักษาความปลอดภัยปากน้ าประแส ต.ปากน้ าประแส อ.แกลง จว.ระยอง ๙๓
๒.๕ ฐานทัพเรือสัตหีบ (ฐท.สส.)
๒.๕.๑ กองบัญชาการ ฐานทัพเรือสัตหีบ (บก.ฐท.สส.)

- พระอนุสาวรีย์ หน้า บก.ฐท.สส. ๙๘
๒.๕.๒ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ
- พระอนุสาวรีย์ หมอพร โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ๑๐๓
๒.๕.๓ กองช่างโยธา ฐานทัพเรือสัตหีบ (กชธ.ฐท.สส.)

- พระรูป ศาล กชธ.ฐท.สส. ๑๐๕
๒.๕.๔ ท่าเรือทุ่งโปรง การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ (ททป.กทส.ฐท.สส.)
- พระต าหนัก ท่าเรือทงโปรง การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ๑๐๘
ุ่
๒.๕.๕ สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

- พระอนุสาวรีย์ สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ๑๑๐
- ศาล สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ๑๑๓
๒.๕.๖ หาดนางร า – นางรอง ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
- ศาล หาดนางร า – นางรอง ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ๑๑๕

๒.๕.๗ เขาแหลมปู่เจ้า อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

- ศาลฯ เขาแหลมปู่เจ้า อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ๑๑๘
๒.๖ ฐานทัพเรือกรุงเทพ (ฐท.กท.)


- พระอนุสาวรีย์ กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอทยาน ๑๒๒
- พระอนุสาวรีย์ พระนิเวศน์ ๑๒๗
- พระอนุสาวรีย์ กองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ ๑๒๙
- พระอนุสาวรีย์ ป้อมผีเสื้อสมุทร ฐานทัพเรือกรุงเทพ ๑๓๑

- ศาล เรือนจ าฐานทัพเรือกรุงเทพ ๑๓๕
๒.๗ กรมสารวัตรทหารเรือ (กรม สห.ทร.)
๒.๗.๑ กรมสารวัตรทหารเรือ (กรม สห.ทร.)
- พระอนุสาวรีย์ กรมสารวัตรทหารเรือ ๑๓๗

๒.๗.๒ กองพันสารวัตรทหารเรือที่ ๒ กรมสารวัตรทหารเรือ (พัน สห.ทร.ที่ ๒ กรม สห.ทร.)
- ศาล กองพันสารวัตรทหารเรือที่ ๒ กรมสารวัตรทหารเรือ ๑๔๑
๓. ส่วนยุทธบริการ ๑๔๓
๓.๑ กรมช่างโยธาทหารเรือ (ชย.ทร.)

- พระอนุสาวรีย์ บก.ชย.ทร. ๑๔๔
๓.๒ กรมสรรพาวุธทหารเรือ (สพ.ทร.)
๓.๒.๑ พระอนุสาวรีย์ บก.สพ.ทร.บางนา ๑๔๗

๓.๒.๒ พระอนุสาวรีย์ บก.สพ.ทร. สัตหีบ ๑๔๙
๓.๓ กรมพลาธิการทหารเรือ (พธ.ทร)
- พระต าหนัก บก.พธ.ทร ๑๕๓
๓.๔ กรมแพทย์ทหารเรือ (พร.)
๓.๔.๑ กรมแพทย์ทหารเรือ (พร.)

- พระรูป อาศรมหมอพร กรมแพทย์ทหารเรือ ๑๕๔
๓.๔.๒ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
- พระต าหนัก ศาล พระรูป รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ๑๕๗

๓.๕ กรมการขนส่งทหารเรือ (ขส.ทร.)
- พระอนุสาวรีย์ กองบังคับการ กรมการขนส่งทหารเรือ ๑๕๙
๓.๖ กรมอุทกศาสตร์ (อศ.)
- พระต าหนัก อาเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ๑๖๒

- พระอนุสาวรีย์ กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เขตบางนา กรุงเทพฯ ๑๖๕
- พระอนุสาวรีย์ สถานีอุทกศาสตร์หัวหิน อ าเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๑๖๙
- ศาล สถานีวัดความสั่นสะเทือน กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ จังหวัดเชียงใหม่ ๑๗๒
๓.๗ กรมสวัสดิการทหารเรือ (สก.ทร.)

- พระต าหนัก อาคารที่พกอาศัยส่วนกลาง ทร.สุขสวัสดิ์ ๒๖ ๑๗๔

- พระต าหนัก ศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือบางพระ ๑๗๖
- พระต าหนัก ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงทหารเรือโยทะกา ๑๗๘

- พระต าหนัก อาคารที่พกอาศัยส่วนกลาง ทร.บุคคโล ๑๘๐
- พระอนุสาวรีย์ อาคารที่พักอาศัยส่วนกลาง ทร.พระสมุทรเจดีย์ ๑๘๒


- ศาลฯ อาคารที่พกอาศัยส่วนกลาง ทร. บางนา ๑๘๕
๔. ส่วนการศึกษาและวิจัย ๑๘๗

๔.๑ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ยศ.ทร.)
๔.๑.๑ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต าบลศาลายา อ าเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
- พระอนุสาวรีย์ บก.ยศ.ทร. ๑๘๘
๔.๑.๒ โรงเรียนพันจ่า (รร.พจ.ยศ.ทร.)

- พระรูป โรงเรียนพันจ่า (พนที่พทธมณฑล) ๒๐๑
ื้

- พระรูป โรงเรียนพันจ่า (พนที่สัตหีบ) ๒๐๓
ื้
๔.๑.๓ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.
- ศาล พลับพลาที่ประทับ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. ๒๐๔

๔.๒ โรงเรียนนายเรือ (รร.นร.)
- พระรูป โรงเรียนนายเรือ (สมุทรปราการ) ๒๐๗
๔.๓ ส านักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ (สวพ.ทร.)
- พระอนุสาวรีย์ สวพ.ทร. ๒๐๙

๕. หน่วยเฉพาะกิจ ทร. ๒๑๑
๕.๑ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ๑๘๒ (ฉก.นย.๑๘๒)
- ศาล ต าบลหาดเล็ก อ าเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ๒๑๓

- อนุสาวรีย์ ที่พักสงฆ์หาดทรายแดง ต าบลหาดเล็ก อ าเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ๒๑๕
๕.๒ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามล าแม่น้ าโขง
๕.๒.๑ นรข.เขตนครพนม
๕.๒.๑.๑ สน.เรือบ้านแพง
- พระอนุสาวรีย์ สถานีเรือบ้านแพง ๒๑๗


๕.๒.๑.๒ สน.เรือนครพนม
- พระอนุสาวรีย์ บก.นรข. ๒๑๙
๕.๒.๑.๓ สน.เรือธาตุพนม
- พระต าหนัก สน.เรือธาตุพนม ๒๒๒
- พระอนุสาวรีย์ สน.เรือธาตุพนม ๒๒๔

๕.๒.๑.๔ สน.เรือมุกดาหาร
- พระอนุสาวรีย์ สน.เรือมุกดาหาร ๒๒๖
- ศาล สน.เรือมุกดาหาร ๒๒๘

๕.๒.๒ นรข.เขตเชียงราย
- พระอนุสาวรีย์ บก.นรข. ๒๒๙
๕.๒.๒.๑ สน.เรือเชียงของ
- พระอนุสาวรีย์ สน.เรือเชียงของ ๒๓๑

๕.๒.๓ นรข.หนองคาย
๕.๒.๓.๑ สน.เรือเชียงคาน
- ศาล สน.เรือเชียงคาน ๒๓๓

๕.๒.๓.๒ สน.เรือสังคม

- พระอนุสาวรีย์ สน.เรือสังคม ๒๓๕
๕.๒.๓.๓ สน.เรือหนองคาย
- พระอนุสาวรีย์ บก.นรข. เขตหนองคาย ๒๓๗
- ศาล บก.นรข. เขตหนองคาย ๒๓๘

- ศาล บก.นรข. เขตหนองคาย ๒๓๙
๕.๒.๓.๔ สน.เรือรัตนวาปี
- พระอนุสาวรีย์ สน.เรือรัตนวาปี ๒๔๒
๕.๒.๓.๕ สน.เรือโพนพิสัย

- ศาล สน.เรือโพนพิสัย ๒๔๔
๕.๒.๓.๖ สน.เรือบึงกาฬ
- ศาล สน.เรือบึงกาฬ ๒๔๕
๕.๒.๔ นรข.เขตอุบลราชธานี

- พระอนุสาวรีย์ ศาล นรข.เขตอุบลราชธานี ๒๔๗
๕.๒.๔.๑ สน.เรือ เขมราฐ
- พระอนุสาวรีย์ สน.เรือเขมราฐ ๒๕๐

๕.๒.๔.๒ สน.เรือโขงเจียม
- พระต าหนัก สน.เรือโขงเจียม ๒๕๒
คณะกรรมการประวัติศาสตร์กองทัพเรือ ๒๕๔
คณะผู้จัดท า ๒๕๖


………………………………………………

สาระสังเขป





ประวัติ พระอนุสาวรีย์ พระต าหนัก ศาล พระรูป


ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์

กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

- ๑ -


๑. ส่วนบัญชาการ



๑.๑ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ (กพร.ทร.)
- พระอนุสาวรีย์ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ (กพร.ทร.)
๑.๒ กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ (สสท.ทร.)
- พระอนุสาวรีย์ โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ป้อมพระจุลจอมเกล้า (รร.สสท.ทร.)


- พระอนุสาวรีย์ สถานีวิทยุกระจายเสียงจากทหารเรือ ๕ พทยา (สทร.๕ พัทยา)

- ๒ -


๑.๑ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ (กพร.ทร.)

พระอนุสาวรีย์
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

ที่ตั้ง กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

























หน่วยรับผิดชอบ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
หน่วยด าเนินการ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

๑. วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
ื่
- เพอเป็นปูชนียสถานของหน่วย เป็นศูนย์รวมจิตใจของก าลังพล เนื่องจากพระองค์ท่าน
ทรงเป็นองค์บิดาของทหารเรือไทย จักได้เป็นอนุสรณ์เตือนจิตให้ยึดมั่นในความดี และปฏิบัติหน้าที่
อย่างเต็มความสามารถดังที่พระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติมา

- เพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีวางพวงมาลาในวันอาภากร
๒. ประวัติความเป็นมา
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๓ กรมสวัสดิการทหารเรือ ย้ายที่ตั้งหน่วยมา ณ เลขที่ ๒๐๐ ถนนมหาราช


แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งต่อมาได้มีการสร้างศาลและอญเชิญพระรูป
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ มาประทับ



ร่วมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เดิม ๕ องค์ ประกอบด้วย ศาลเจ้าพอท่าช้าง เจ้าพอวังหลัง เจ้าแม่ชาววัง เจ้าแม่สนมเอก
และเจ้าพระยาดาบชัย จนกระทั่งในปี พ.ศ.๒๕๓๖ สมัยที่ พลเรือตรี อธิคม ฮุนตระกูล เป็นเจ้ากรมสวัสดิการทหารเรือ
ในขณะนั้น ได้ปรับปรุงศาลให้สูงขึ้น และพัฒนาพื้นที่ให้เหมาะสมสวยงามยิ่งขึ้น

ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ได้ย้ายที่ท าการมาอยู่แทนกรมสวัสดิการทหารเรือ

มีการประกอบพธีบวงสรวงในโอกาสส าคัญ ๆ มาโดยตลอด และเมื่อ พลเรือตรี ประพฤติพร อกษรมัต

เป็นเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในขณะนั้น ได้ปรับปรุงศาลให้มีภูมิทัศน์ที่สง่างามและสมพระเกียรติ

โดยได้เรียนเชิญหม่อมราชวงศ์ จิยากร เสสะเวช ประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร มาเป็นประธานพธีบวงสรวงศาล
ในวันอาภากร เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕

- ๓ -



ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๕๘ สมัยที่ พลเรือโท จุมพล ลุมพกานนท์ เป็นเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ื่
ในขณะนั้น ได้มีการเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสมทบทุนเพอจัดตั้งพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ บริเวณภายในกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

เพอเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อองค์พระบิดาของทหารเรือไทย และเพอความเป็นสิริมงคล
ื่
ื่
ของหน่วย โดยได้มีการประกอบพิธีเปิดพระรูป เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘
๓. รายละเอียด และลักษณะของพระอนุสาวรีย์
รูปแบบขององค์พระรูป
- ท่ายืน ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือเต็มยศ ความสูงของพระรูป ๑.๔๐ เมตร

ขนาดที่จัดสร้าง
- เป็นพระรูปหล่อสัมฤทธิ์
- ประดิษฐานบนแท่นหินแกรนิตขนาดกว้าง ๒.๐๐ เมตร ยาว ๓.๐๐ เมตร สูง ๒.๘๐ เมตร
ประติมากร

- แบบส าเร็จจากโรงหล่อ
สถานที่ประดิษฐานและพิธีอัญเชิญพระรูป
- เลขที่ ๒๐๐ ถนนมหาราช เขตพระนคร กรุงเทพฯ

- พิธีอัญเชิญขึ้นประดิษฐานเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘
งบประมาณการก่อสร้าง
- ใช้งบประมาณจากผู้มีจิตศรัทธาบริจาค
ระยะเวลาการก่อสร้าง
- ประมาณ ๔ เดือน

สถานที่ประดิษฐานและพิธีเปิดพระรูป
- กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เลขที่ ๒๐๐ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
กรุงเทพฯ และพิธีเปิดพระรูป เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๙ นาฬิกา ๑๙ นาที

- ๔ -


ภาพถ่าย






















๔. การติดต่อ / ประสาน

ที่ตั้ง : ถนนมหาราช เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๒๕ โทรสาร : ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๒๕
Website : www.civil.navy.mi.th E-mail : -

Facebook : www.facebook.com/navalcivil

- ๕ -


๑.๒ กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ (สสท.ทร.)

พระอนุสาวรีย์
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

ที่ตั้ง โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ป้อมพระจุลจอมเกล้า








































หน่วยรับผิดชอบ กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ
หน่วยด าเนินการ กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ
๑. วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
เนื่องจากพระอนุสาวรีย์พระองค์เดิมที่ได้จัดสร้างมาเป็นเวลานานช ารุด ดูไม่สง่างามสมพระเกียรติ

พระองค์ท่าน เพื่อเป็นการแสดงความส านึกในพระมหากรุณาธิคุณ เทิดพระเกียรติ และเผยแพร่พระเกียรติคุณ

“องค์บิดาของทหารเรือไทย” ให้แผ่ไพศาล อกทั้งยังเป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นที่สักการบูชา
ของก าลังพลกองทัพเรือและประชาชนทั่วไป
๒. ประวัติความเป็นมา

ในปี พ.ศ.๒๕๖๓ พลเรือโท อรัญ น าผล เจ้ากรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ
ในขณะนั้น มีด าริให้ปรับปรุงหรือจัดสร้างพระอนุสาวรีย์เสด็จเตี่ยองค์ใหม่ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและสง่างาม
กว่าเดิม จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดสร้างพระอนุสาวรีย์รูปหล่อจ าลองและเหรียญที่ระลึก พลเรือเอก
ื่

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ ขึ้นเพอรับผิดชอบ
ในการด าเนินการ

- ๖ -


ื่
เพอให้การจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ครั้งนี้ เป็นที่รับรู้และได้รับความร่วมมือจากบรรดาศิษย์เก่ามากขึ้น
นาวาเอก สงัด อยู่อาศรม ประธานชมรมศิษย์เก่าชาวสื่อสารได้หารือกับ นาวาเอก จีระวัฒน์ อภิภัทรชัยวงศ์

ผู้อานวยการโรงเรียนสื่อสารฯ ร่วมกันจัดงาน “รวมพลคนสื่อสาร” โรงเรียนสื่อสารฯ ทั้งนี้เนื่องจากไม่ได้
มีการจัดงานมาหลายปี แต่ยังเป็นการให้ศิษย์เก่า ผู้บังคับบัญชาและผู้ที่เคยรับราชการในกรมสื่อสารทหารเรือ



และกรมการสื่อสารฯ ได้กลับมาพบปะสังสรรค์กันอกครั้ง อกทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ศิษย์เก่าได้มีส่วนร่วม
ในการจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ในครั้งนี้ จึงมีการจัดงาน “รวมพลคนสื่อสาร” ขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
บรรดาศิษย์เก่าจึงได้ร่วมกันระดมทุนและบริจาคเงินในการจัดสร้างอกทางหนึ่งด้วย

การจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ครั้งนี้ คณะกรรมการได้ด าเนินการจัดหารายได้จากการสร้างพระรูปจ าลอง

และเหรียญที่ระลึก โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาได้เช่าบูชาโดยทั่วกัน ซึ่งในการจัดสร้างมีขั้นตอนกระบวน



การที่ละเอยด พถีพถัน มีการด าเนินการอย่างสมบูรณ์และครบถ้วน ตั้งแต่การออกแบบพระรูปจ าลอง
และเหรียญเพอให้ได้แม่แบบออกมามีความงดงามและประณีต ทั้งได้น าพระรูปจ าลองและเหรียญที่ระลึก
ื่
ไปให้เกจิอาจารย์ที่อาราธนาไปประกอบพธีในวันงานและไม่สามารถเข้าร่วมพธีได้ ท าการอธิษฐานจิต


เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน ให้เป็นที่แพร่หลายและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของก าลังพล
กรมการสื่อสารฯ ข้าราชการกองทัพเรือ รวมทั้ง ประชาชนที่ศรัทธาทั่วไป กรมการสื่อสารฯ จึงได้จัดสร้าง
พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์

จากด าริของ พลเรือโท อรัญ น าผล เจ้ากรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ ในขณะนั้น


โดยมีการประกอบพธีเททองหล่อพระรูป ณ โรงเรียนสื่อสารฯ อาเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ



เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ พระครูพพฒน์อโนมคุณ (หลวงพอนัส) เจ้าอาวาสวัดอาวใหญ่

จังหวัดตราด เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมี พลเรือโท อรัญ น าผล เจ้ากรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ
ในขณะนั้น เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒


พระครูวิจิตรธรรมรัตน์ (หลวงพอขวัญชัย) เจ้าอาวาสวัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี และ พลเรือโท อรัญ น าผล
เจ้ากรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ ในขณะนั้น โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒


กระท าพธีเบิกเนตร โดย พระภาวนาวิสุทธิโสภณ (หลวงพอสุรศักดิ์) เจ้าอาวาสวัดประดู่ พระอารามหลวง

เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมกับพธีอญเชิญพระรูปขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระอนุสาวรีย์

โดย พลเรือโท อรัญ น าผล เจ้ากรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ ในขณะนั้น
และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒ เวลา ๑๑ นาฬิกา ๓ นาที พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์
ผู้บัญชาการทหารเรือ ในขณะนั้น เป็นประธานในพธีเปิดพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ

ื่
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ เพอเป็นที่สักการบูชาของก าลังพลกองทัพเรือ

ประชาชนทั่วไป และเป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวทางจิตใจเป็นต้นมา
๓. รายละเอียดของพระรูป
มิติพระรูปหล่อขนาด ๑ เท่าครึ่ง ความสูง ๒.๙๙ เมตร น้ าหนัก ๙๙๙ กิโลกรัม ประดิษฐานบนแท่น

ื้
ื้
ฐานคอนกรีตปูด้วยหินแกรนิต ความสูง ๔.๓๙ เมตรจากระดับพนดิน มีพนที่ในการก่อสร้างแท่นฐาน
ลานอเนกประสงค์คอนกรีตพิมพ์ลายสนามหญ้า รวมทั้งหมด ๒,๓๓๒ ตารางเมตร

- ๗ -


พระรูปจ าลองแบบต่าง ๆ
๑. พระรูปหล่อองค์ใหญ่ ขนาด ๑ เท่าครึ่ง ความสูง ๒.๙๙ เมตร น้ าหนัก ๙๙๙ กิโลกรัม
ประดิษฐาน ณ โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการ
๒. พระรูปหล่อองค์เล็ก ขนาด ๑๑๙ เซนติเมตร

๒.๑ ประดิษฐานที่กองบัญชาการกรมการสื่อสาร อาคาร ๔ ชั้น ๓ พระราชวังเดิม
๒.๒ ประดิษฐานที่กราบพัก นักเรียนจ่า โรงเรียนสื่อสาร
๒.๓ ประดิษฐานที่สถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือ ๘ พิษณุโลก
- งบประมาณการก่อสร้าง

- ๖,๕๘๘,๘๙๙ บาท
- ระยะเวลาการก่อสร้าง
- เริ่มด าเนินการมาตั้งแต่ปี เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒
- ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒

- พิธีเปิดพระอนุสาวรีย์ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒
ภาพถ่าย




















๔. การติดต่อ / ประสาน
ที่ตั้ง : พระราชวังเดิม กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : ๐ ๒๔๗๕ ๗๘๖๕ โทรสาร : -
Website : - E-mail : -

Facebook : -

- ๘ -


พระอนุสาวรีย์
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

ที่ตั้ง สถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือ ๕ พัทยา เขาทพพระยา (สทร.๕ พัทยา)














































หน่วยรับผิดชอบ กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ
หน่วยด าเนินการ สถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือ ๕ พัทยา
๑. วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง


- เพ่อเป็นการเทิดพระเกียรติ เผยแพร่พระเกียรติคุณ และแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อ

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์
ให้เป็นที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป


- เพ่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของทหารเรือทั้งในและนอกราชการ รวมทั้งประชาชนที่เคารพ เลื่อมใส
ศรัทธาในพระองค์ท่าน ที่ได้มาสักการบูชา เนื่องจากพระองค์ท่านทรงเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย”
อีกทั้งจักได้เป็นอนุสรณ์เตือนจิตใจให้ผู้ที่เคารพ เลื่อมใสศรัทธาในพระองค์ท่านยึดมั่นในความดี และปฏิบัติหน้าที่
อย่างเต็มความสามารถดังที่พระองค์ท่านทรงได้ปฏิบัติมา

- ๙ -


- เพอเป็นสถานที่ประกอบพธีบ าเพญกุศลและบวงสรวง เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ คือ
ื่


วันที่ ๑๙ ธันวาคม ของทุกปี และเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ หรือ วันอาภากร คือ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม
ของทุกปี
๒. ประวัติความเป็นมา

นาวาโท ทูน เนตรมุกดา และ นาวาโท พชัย สุวรรณวิสูตร นายทหารพนราชการ สังกัดกองทัพเรือ


ได้เล็งเห็นว่า เมืองพทยา เป็นเมืองชายทะเล ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจ านวนมาก

ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กอปรกับประชาชนบางส่วนประกอบอาชีพทางทะเล และทั้งสองท่านยังเห็นว่า
ในเมืองพทยายังไม่มีพระอนุสาวรีย์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์

กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ ซึ่งเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” และเป็น “พระบิดาของชาวเรือ”

โดยทั่วไป จึงมีความปรารถนาที่จะจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ขึ้น จึงได้ท าหนังสือเรียน พลเรือเอก ประเจตน์ ศิริเดช
ผู้บัญชาการทหารเรือ ในขณะนั้น เรื่อง การจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ เพอเป็นที่เคารพสักการะของบรรดามวลชน
ื่

ทั้งหลาย อีกทั้งเป็นการประกาศพระเกียรติคุณของพระองค์ท่านให้เป็นที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป โดยพจารณา
ื้

เห็นว่าพนที่ของกองทัพเรือบริเวณเขาทัพพระยา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือ ๕ พทยา
เป็นที่ที่สามารถมองเห็นเมืองพทยาได้อย่างชัดเจน และเป็นช่องทางผ่านเข้า - ออก ของการเดินเรือ

มีความเหมาะสม
ในการนั้น พลเรือเอก ประเจตน์ ศิริเดช ผู้บัญชาการทหารเรือ ในขณะนั้น ได้กรุณาแต่งตั้ง
คณะกรรมการจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ โดยมอบหมายให้ พลเรือเอก วิญญาณ สันติวิสัฏฐ์ รองผู้บัญชาการ
ทหารเรือ เป็นประธานกรรมการจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก ปรีชา สงวนเชื้อ เป็นที่ปรึกษาของ

คณะกรรมการจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ ร่วมกับคุณกนก บุญโพธิ์แก้ว ผู้อานวยการกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
ื้
และอาจารย์เสวต เทศน์ธรรม อาจารย์คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งได้เดินทางไปส ารวจพนที่
ื่
เพอพจารณาความเหมาะสม เกี่ยวกับที่ตั้งและขนาดของพระอนุสาวรีย์ สรุปว่าเห็นควรสร้างพระอนุสาวรีย์

ื้
ขนาด ๒ เท่าของพระองค์จริง โดยปรับแต่งพนที่ให้เหมาะสมกับขนาดของพระอนุสาวรีย์ เนื่องจาก
ื้
บริเวณที่จะก่อสร้าง มีลักษณะเป็นเนินยอดเขาพนที่จ ากัด ท าให้ต้องใช้งบประมาณการในการปรับแต่ง
พื้นที่ค่อนข้างสูง
หลังจากคณะกรรมการจัดสร้างพระอนุสาวรีย์ ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดสร้างแล้ว

จึงมีมติให้จัดสร้างพระอนุสาวรีย์ดังกล่าว โดยเชิญชวนชาวเมืองพทยาเข้าร่วมเป็นกรรมการ และมีส่วนร่วม
ในการจัดสร้างโดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง ทั้งทางภาครัฐและเอกชน โดยสนับสนุนงบประมาณ

ื่
ในการปรับแต่งถนนที่ขึ้นบนยอดเขาทัพพระยา เพอส่งเสริมให้บริเวณที่ก่อสร้างพระอนุสาวรีย์เป็นสถานที่
ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของเมืองพัทยาด้วย
กองทัพเรือ ได้ท าหนังสือทูล หม่อมเจ้ารุจยากร อาภากร พระโอรสของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
ื่
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ เพอขอประทานอนุญาตจัดสร้างพระอนุสาวรีย์

และได้รับประทานอนุญาต เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๗ ต่อจากนั้น กองทัพเรือ ได้เสนอแบบ

ของพระอนุสาวรีย์ ให้คณะกรรมการพจารณาการสร้างพระอนุสาวรีย์ กรมศิลปากร พจารณาและ

ได้รับความเห็นชอบ เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๗ และ กองทัพเรือ ยังได้ท าหนังสือขอพระราชทาน

พระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพตร
ให้จัดสร้างพระอนุสาวรีย์โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๘

- ๑๐ -


๓. รายละเอียดของพระรูป
รูปแบบของพระรูป
พระรูป เป็นแบบยืนบนฐานวงกลม อยู่บนเรือรบจ าลอง หันพระพกตร์ออกทะเลไปทางทิศเหนือ

สวมเครื่องแบบทหารเรือเต็มยศตามแบบของประเทศอังกฤษ วัสดุเป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ สร้างโดยสถาปัตยกรรม

ของกรมศิลปากร
ขนาดที่จัดสร้าง
ความสูงขนาด ๒ เท่า ของพระองค์จริง คือ ๓.๔๔ เมตร (๑ เท่า ของพระองค์จริง คือ ๑.๗๒ เมตร)
ประติมากร

อาจารย์ เสวต เทศน์ธรรม อาจารย์คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
งบประมาณการก่อสร้าง

๘,๐๗๕,๕๑๕.๖๐ บาท (แปดล้านเจ็ดหมื่นห้าพนห้าร้อยสิบห้าบาทหกสิบสตางค์) โดยเป็นเงิน
งบประมาณที่ได้จากผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค และเงินที่ได้จากการจัดกิจกรรมต่าง ๆ

ระยะเวลาการก่อสร้าง
- เริ่มด าเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๗ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดสร้างพระอนุสาวรีย์
เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๗



- ประกอบพธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันองคารที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๘ เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๙ นาที
โดยมี พลเรือเอก ประเจตน์ ศิริเดช ผู้บัญชาการทหารเรือ ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ขณะทรงด ารง
พระราชอสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี) เสด็จพระราชด าเนินมา

ทรงเปิดพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์

เมื่อวันศุกร์ที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๙ เวลา ๑๑ นาฬิกา ๔๕ นาที

ภาพถ่าย

- ๑๑ -




























๔. การติดต่อ / ประสาน

ที่ตั้ง : เขาทพพระยา ต าบลหนองปรือ อ าเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

โทรศัพท์ : ๐ ๒๔๗๕ ๗๖๗๙ โทรสาร : ๐ ๒๔๗๕ ๗๖๗๙
Website : www.voiceofnavy.com E-mail : [email protected]
Facebook : เสียงจากทหารเรือ 5 พัทยา

- ๑๒ -


๒. ส่วนก าลังรบ



๒.๑ กองเรือยุทธการ (กร.)
๒.๑.๑ กองบัญชาการ กองเรือยุทธการ (บก.กร.)
- พระอนุสาวรีย์ กองเรือยุทธการ
๒.๑.๒ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร.กร.)

- พระอนุสาวรีย์ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ
๒.๑.๓ กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ (กทบ.กร.)
- พระอนุสาวรีย์ กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ
๒.๒ ทัพเรือภาค

๒.๒.๑ ทัพเรือภาคที่ ๑ (ทรภ.๑)
- พระต าหนัก ฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ ๑
- พระต าหนัก ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะช้าง

- อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง อ าเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด
๒.๒.๒ ทัพเรือภาคที่ ๒ (ทรภ.๒)
- พระอนุสาวรีย์ แหลมสนอ่อน ทะเลสาบสงขลา
- พระอนุสาวรีย์ สถานีเรือสมุย ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ ๒
๒.๒.๓ ทัพเรือภาคที่ ๓ (ทรภ.๓)

- พระอนุสาวรีย์ กองบัญชาการ ทัพเรือภาคที่ ๓
- พลับพลาที่ประทับ สวนสาธารณะสะพานหิน
- พระอนุสาวรีย์ ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ ๓

๒.๓ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.)
๒.๓.๑ กรมรักษาความปลอดภัย หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (กรม รปภ.นย.)
- พระอนุสาวรีย์ กรม รปภ.นย. ค่ายกรมหลวงชุมพร สัตหีบ
๒.๓.๒ กรมทหารราบที่ ๒ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (กรม. ร.๒ พล.นย.)

- พระอนุสาวรีย์ กรมทหารราบที่ ๒ พล.นย. (กระบี่ )
๒.๓.๓ กรมทหารราบที่ ๓ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (กรม. ร.๓ พล.นย.)
- พระอนุสาวรีย์ ค่ายจุฬาภรณ์ กรม ร.๓ พล.นย.นราธิวาส
๒.๓.๔ กรมทหารปืนใหญ่ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (กรม ป.พล.นย.)

- พระรูป สวนอาภากร บก.กรม ป.พล.นย.
๒.๓.๕ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กรมทหารปืนใหญ่ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
(พัน ปตอ.กรม ป.พล.นย)
- พระอนุสาวรีย์ พัน ปตอ.กรม ป.พล.นย.(ระยอง)

๒.๓.๖ กองพันรถสะเทินน้ าสะเทินบก กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
- พระอนุสาวรีย์ กองพันรถสะเทินน้ าสะเทินบก พล.นย.

- ๑๓ -


๒.๓.๗ กองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (พัน ลว.พล.นย.)
- ศาลพระรูป พัน ลว.พล.นย.(ทุ่งโปรง)
๒.๓.๘ หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน (ฉก.ทพ.นย.)
- พระอนุสาวรีย์ ฉก.ทพ.นย. (ค่ายเทวาพิทักษ์)

๒.๔ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.)
- พระต าหนัก สอ.รฝ. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี
- พระอนุสาวรีย์ พัน.สอ.๑๑ กรม สอ.๑ สอ.รฝ. ต.ส านักท้อน อ.บ้านฉาง จว.ระยอง
- พระอนุสาวรีย์ พัน.สอ.๑๒ กรม สอ.๑ สอ.รฝ. ต.บางพระ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี

- พระอนุสาวรีย์ ศฝท.ศฝ.สอ.รฝ. (เกล็ดแก้ว) ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี
- พระอนุสาวรีย์ สอ.รฝ. อ.บ้านฉาง จว.ระยอง
- ศาล กองพันต่อสู้อากาศยานที่ ๒๒ อ.ท้ายเหมือง จว.พังงา
- ศาล หมู่รักษาความปลอดภัยปากน้ าประแส ต.ปากน้ าประแส อ.แกลง จว.ระยอง

๒.๕ ฐานทัพเรือสัตหีบ (ฐท.สส.)
๒.๕.๑ กองบัญชาการ ฐานทัพเรือสัตหีบ (บก.ฐท.สส.)
- พระอนุสาวรีย์ หน้า บก.ฐท.สส

๒.๕.๒ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ
- พระอนุสาวรีย์ หมอพร โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ
๒.๕.๓ กองช่างโยธา ฐานทัพเรือสัตหีบ (กชธ.ฐท.สส.)
- ศาลฯ กชธ.ฐท.สส.
๒.๕.๔ ท่าเรือทุ่งโปรง การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ (ททป.กทส.ฐท.สส.)

- พระต าหนัก ท่าเรือทุ่งโปรง การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ
๒.๕.๕ สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
- พระอนุสาวรีย์ สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

- ศาล สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
๒.๕.๖ หาดนางร า – นางรอง ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
- ศาล หาดนางร า – นางรอง ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ
๒.๕.๗ เขาแหลมปู่เจ้า อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

- ศาล เขาแหลมปู่เจ้า อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
๒.๖ ฐานทัพเรือกรุงเทพ (ฐท.กท.)
- พระอนุสาวรีย์ กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน
- พระอนุสาวรีย์ พระนิเวศน์

- พระอนุสาวรีย์ กองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ
- พระอนุสาวรีย์ ป้อมผีเสื้อสมุทร ฐานทัพเรือกรุงเทพ
- ศาล เรือนจ าฐานทัพเรือกรุงเทพ

- ๑๔ -


๒.๗ กรมสารวัตรทหารเรือ (กรม สห.ทร.)
๒.๗.๑ กรมสารวัตรทหารเรือ (กรม สห.ทร.)
- พระอนุสาวรีย์ กรมสารวัตรทหารเรือ (กรม สห.ทร.)
๒.๗.๒ กองพันสารวัตรทหารเรือที่ ๒ กรมสารวัตรทหารเรือ (พัน สห.ทร.ที่ ๒ กรม สห.ทร.)

- ศาล กองพันสารวัตรทหารเรือที่ ๒ กรมสารวัตรทหารเรือ

- ๑๕ -



๒.๑ กองเรือยทธการ (กร.)
๒.๑.๑ กองบัญชาการ กองเรือยุทธการ (บก.กร)


พระอนุสาวรีย์

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ที่ตั้ง กองบัญชาการ กองเรือยุทธการ

































หน่วยรับผิดชอบ กรมกิจการพลเรือน กองเรือยุทธการ

หน่วยด าเนินการ กรมกิจการพลเรือน กองเรือยุทธการ
๑. วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
- เพอเป็นปูชนียสถานของหน่วย เป็นศูนย์รวมจิตใจของก าลังพล เนื่องจากพระองค์ท่านเป็น
ื่
องค์บิดาของทหารเรือไทย จักได้เป็นอนุสรณ์เตือนจิตให้ยึดมั่นในความดี และปฏิบัติหน้าที่

อย่างเต็มความสามารถดังพระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติมา
- เพอให้ประชาชนทั่วไปที่เคารพนับถือในพระองค์ท่าน รวมถึงก าลังพลของกองเรือยุทธการ
ื่
ได้มีโอกาสมาสักการบูชา

- เพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีต่าง ๆ
๒. ประวัติความเป็นมา

จัดสร้างขึ้นเมื่อวันพธที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ขึ้น ๖ ค่ า เดือน ๗ ปีขาล จากด าริของ
พลเรือเอก ศุภกร บูรณดิลก ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ในขณะนั้น แล้วเสร็จสมบูรณ์ และอญเชิญพระรูป

ขึ้นประดิษฐานเป็นการถาวร ณ พระอนุสาวรีย์แห่งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ขึ้น ๑๐ ค่ า

เดือนอ้าย ปีขาล เวลา ๙ นาฬิกา ๑๙ นาที โดยมี พลเรือเอก ณรงค์ เทศวิศาล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี

- ๑๖ -


๓. รายละเอียด
- ขนาดองค์พระรูป สูง ๑.๖๘ เมตร
- ฐานขององค์พระรูป กว้าง ๒๙ x ๒๙ นิ้ว สูง ๙ นิ้ว

- พิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓
- ท าพิธีเปิด เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓
- สถานที่จัดตั้ง บริเวณหน้ากองบัญชาการกองเรือยุทธการ
ภาพถ่าย
















































๔. การติดต่อ / ประสาน

ที่ตั้ง : ต าบลสัตหีบ อ าเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
โทรศัพท์ : ๐ ๓๘๔๓ ๙๔๗๙ โทรสาร : ๐ ๓๘๔๓ ๙๔๗๙
Website : - E-mail : -

Facebook : -

- ๑๗ -


๒.๑.๒ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร.กร.)

พระอนุสาวรีย์
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

ที่ตั้ง กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ



























หน่วยรับผิดชอบ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ

หน่วยด าเนินการ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ
๑.วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
- เพอเป็นสถานที่เคารพสักการบูชา เป็นศูนย์รวมความรักความศรัทธาความสามัคคี และเป็นที่
ื่
ยึดเหนี่ยวจิตใจของก าลังพลกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ
- เพอแสดงความกตัญญูกตเวที ในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อกองการบินทหารเรือ
ื่
กองเรือยุทธการ เป็นล้นพ้น
๒. ประวัติความเป็นมา
สืบเนื่องจากกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ได้ก่อตั้งขึ้นซึ่งมีประวัติศาสตร์อนยาวนาน

เกือบศตวรรษ แต่กว่าที่จะพฒนามีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาอารยประเทศมาจนถึงทุกวันนี้

ก็เพราะบรรพบุรุษของกองการบินทหารเรือ ต่างได้เสียสละทุ่มเททุกอย่าง ทั้งแรงกายแรงใจ แม้กระทั่งเลือดเนื้อ
และชีวิตยอมถวายเป็นราชพลี หากจะเอ่ยนามของบรรพชนผู้เสียสละเหล่านั้น คงไม่สามารถกระท าโดยง่ายนัก

แต่พวกเราในฐานะอนุชนรุ่นหลัง ขอสดุดีวีรกรรมอนกล้าหาญ และคุณงามความดีเหล่านั้นที่ท่านทั้งหลาย

ได้ร่วมกันสร้างสมและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นด ารงไว้ซึ่งเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และขอนอบน้อมเทิดทูนด้วย
ความเคารพยิ่ง

- ๑๘ -


ในปี พ.ศ.๒๕๓๙ พลเรือตรี ทวีชัย เลียงพบูลย์ ในขณะนั้น ผู้บัญชาการกองการบินทหารเรือ

กองเรือยุทธการ ได้ปรารภกับนาวาเอก พรชัย ผุดเหล็ก ผู้อานวยการศูนย์ซ่อมอากาศยาน ในขณะนั้น ดังนี้

“กองการบินทหารเรือ ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๖๘ มีอายุจนถึงปัจจุบันเกือบหนึ่งศตวรรษและเป็น
หน่วยก าลังรบหลักของกองเรือยุทธการ ความส าคัญของการบินและการซ่อมบ ารุงอากาศยาน ความส าเร็จของ

ื่
ภารกิจจะต้องท าให้ดีที่สุด การฝึกองค์บุคคลและองค์วัตถุ เพอเตรียมความพร้อม จ าเป็นต้องได้รับความ

ร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย อกทั้งวิถีชีวิตในการท างานต้องเสี่ยงภัยอนตรายรอบด้าน และมักจะเกิดอบัติเหตุ


และอุบัติการณ์บ่อยครั้ง เป็นเหตุให้นักบินและเจ้าหน้าที่ช่างเสียขวัญและก าลังใจ การรวมจิตใจของข้าราชการ
ทหาร และลูกจ้างทุกคน นับเป็นความส าคัญอย่างยิ่งยวด สมควรก่อตั้งพระอนุสาวรีย์ของกรมหลวงชุมพรไว้
ภายในกองการบินทหารเรือ เพอเป็นศูนย์รวมความรักความศรัทธา ความสามัคคี และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ื่
ของก าลังพล รวมทั้งเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีในพระองค์ท่าน ที่ได้สร้างคุณงามความดีไว้ให้แก่
กองทัพเรือไทยเป็นอเนกประการ จนได้รับการยกย่องว่าเป็น องค์บิดาของทหารเรือไทย โดยเฉพาะทรงมี
พระมหากรุณาธิคุณต่อกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ เป็นล้นพ้น”

กล่าวคือ เสด็จในกรมฯ เมื่อครั้งด ารงต าแหน่งเสนาธิการทหารเรือ และเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ
เป็นประธานในที่ประชุม โดยพระองค์ได้ทรงเสนอที่ประชุมว่า “สมควรเริ่มตั้ง กองบินทะเลขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๖๕
โดยใช้สัตหีบเป็นฐาน (ฐานทัพ) และควรเริ่มตั้งต้นซื้อเครื่องบินทะเลเพยง ๒ ล าก่อน กับควรให้นาวาเอก

พระประดิยัตินาวายุทธ (ศรี กมลนาวิน) ซึ่งก าลังดูงานอยู่ในยุโรปขณะนี้ ดูระเบียบการจัดเครื่องบินทะเลไว้
ด้วย ส าหรับนักบินนั้น ควรคัดเลือกนายทหารที่เหมาะสมไปฝากฝึกหัดบินที่กรมอากาศยานทหารบก”

ต่อมาเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๔ จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟากรมพระยา

ภานุพนธุวงศ์วรเดช จเรทหารทั่วไป ผู้ทรงก ากับราชการกระทรวงทหารเรือ เป็นประธานในที่ประชุม
โดยพระองค์ได้โปรดเกล้าฯ มีรับสั่งในเรื่อง “ให้ก่อตั้งกองบินทะเล” ทั้งนี้ เพอสานต่อพระปณิธานของเสด็จในกรมฯ
ื่
ต่อไป ดังนั้น กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ จึงได้ยึดถือเอาวันที่ ๗ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคล้าย
วันสถาปนาหน่วยงานตราบจนทุกวันนี้
กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ได้เริ่มก่อสร้างพระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ ในปี พ.ศ.๒๕๓๙

โดยให้ นาวาเอก พรชัย ผุดเหล็ก (พลเรือโท ณัฐพงศ์ ศรีลาธนาตย์) ผู้อานวยการศูนย์ซ่อมอากาศยาน

ในขณะนั้น เป็นแม่งานก าหนดสถานที่ก่อสร้างบริเวณทางออกก่อนถึงประตูใหญ่ประมาณ ๕๐๐ เมตร
ื้
เป็นพนที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งแท่นฐานพระอนุสาวรีย์ ออกแบบโดยกรมวิศวกรรมโยธาทหารเรือและพระรูป


จ าลองออกแบบโดยกรมศลปากร ร่วมกบกองการบินทหารเรือ มีขนาดหนึ่งเท่าครึ่งของพระองค์จริง ประทบยืน

ทรงชุดทหารเรือเต็มพระยศ สวมพระมาลา ขณะเดียวกันได้ท าคู่ขนานไปพร้อมกับขออนุมัติก่อสร้าง
พระอนุสาวรีย์ต่อกองทัพเรือ และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถูกต้อง ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ื่

ว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ และจ าลองพระพทธรูปส าคัญ พ.ศ.๒๕๒๐ เพอเป็นที่ระลึกในการสร้าง
พระอนุสาวรีย์ ท่านผู้บัญชาการกองการบินทหารเรือ ได้มีด าริให้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคลส าหรับ

ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ในเมตตาบารมีของพระองค์ท่าน และมีไว้สักการบูชาหรือติดตัว รายละเอยดวัตถุมงคล
โดยก าหนดประกอบพิธีต่าง ๆ ตามล าดับดังนี้

- ๑๙ -





















- เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๙ เวลา ๘ นาฬิกา ๙ นาที กองการบินทหารเรือ


กองเรือยุทธการ ได้ประกอบพธีวางศิลาฤกษ์ โดยมี พลเรือเอก ประเจตน์ ศิริเดช ผู้บัญชาการทหารเรือ ในขณะนั้น
ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี




















- เมื่อวันเสาร์ ที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๙ ประกอบพธีมังคลาภิเษก ณ พทธสถานกองการบิน
ทหารเรือ กองเรือยุทธการ โดยมีพระธรรมราชานุวัฒน์ (หลวงเตี่ย วัดพเชตุพนฯ) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ

พลเรือตรี ทวีชัย เลียงพบูลย์ ผู้บัญชาการกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ในขณะนั้น เป็นประธาน
ฝ่ายฆราวาส

- ๒๐ -



- เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๙ เวลา ๑๔ นาฬิกา ๙ นาที ประกอบพธีเททองหล่อ

พระรูปจ าลองขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง โดยมี พลเรือตรี ทวีชัย เลียงพบูลย์ ผู้บัญชาการกองการบินทหารเรือ

กองเรือยุทธการ ในขณะนั้น ได้กรุณาเป็นประธานในพธี พร้อมด้วยพระญาติในราชสกุลอาภากรร่วมในพธีเททอง


โดยเชิญโหรพราหมณ์แห่งส านักพระราชวัง (พราหมณ์ศิริพงศ์ วัชโรทัย) เป็นเจ้าพธี ในการบวงสรวงอญเชิญ

ดวงพระวิญญาณของพระองค์ท่านสถิตสถาพรเป็นมิ่งขวัญ ณ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ใช้สถานที่
ประกอบพิธีบริเวณฝั่งตรงข้ามพุทธสถานภายในกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ



























- เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๑ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ได้ประกอบพธี


อญเชิญพระรูปจ าลองกรมหลวงชุมพรฯ ออกจากพทธสถาน กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ
เพื่อไปประดิษฐานบนแท่นพระอนุสาวรีย์ โดยมี พลเรือตรี วัฒนพงศ์ วีราสา ผู้บัญชาการกองการบินทหารเรือ
กองเรือยุทธการ ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี
















- เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๑ เวลา ๑๐ นาฬิกา ๒๐ นาที กองการบินทหารเรือ
กองเรือยุทธการ ได้ประกอบพธีอญเชิญพระรูปจ าลองกรมหลวงชุมพรฯ ขึ้นบนแท่นพระอนุสาวรีย์


โดยมี พลเรือเอก นิตย์ ศรีสมวงษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี
- เมื่อวันพธที่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ เวลา ๑๓ นาฬิกา ๒๙ นาที กองการบินทหารเรือ


กองเรือยุทธการ ได้ประกอบพธีเปิดพระอนุสาวรีย์ โดยมี พลเรือเอก สุวัชชัย เกษมศุข ผู้บัญชาการทหารเรือ
ในขณะนั้น ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี

- ๒๑ -


การก่อสร้างพระอนุสาวรีย์ ใช้เงินงบประมาณรวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๕ ล้านบาท ซึ่งได้จากผู้มีจิตศรัทธา

บริจาคทุนทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง รายได้จากการให้เช่าบูชาวัตถุมงคล รวมทั้งรายได้จากการจัดกิจกรรมพเศษของ
กองการบินทหารเรือ ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ ๒ ปีเศษ จากผลความส าเร็จลุล่วงด้วยดี
ตามวัตถุประสงค์ทุกประการดังกล่าวนั้น อาจกล่าวได้ว่าเกิดจากบุญบารมีของพระองค์ท่าน พลังความศรัทธา

ของข้าราชการ พลทหาร ลูกจ้าง กองการบินทหารเรือทุกนาย ตลอดจนได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและ
ภาคเอกชนเป็นอย่างดียิ่ง จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย
ื้
อนึ่ง พระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ ที่ตั้งเป็นสัญลักษณ์โดดเด่น สง่างามสมพระเกียรติ อยู่ในพนที่
กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ นี้เป็นสิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานเชิดชูเกียรติของพระองค์ท่าน

ล าดับที่ ๒๓๐ ในประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมความรัก ความศรัทธา ความสามัคคีของก าลังพล
กองการบินทหารเรือทุกนาย แม้เชื้อพระวงศ์ ทุกพระองค์ที่ได้เสด็จด าเนินมายังพนที่กองการบินทหารเรือ
ื้
ต่างคงถวายการสักการบูชาทุกครั้งเสมอมา ยังความปลื้มปิติยินดีให้แก่ชาว “บินนาวี” ยิ่งนัก
๓. รายละเอียด

-
๔. การติดต่อ / ประสาน
ที่ตั้ง : เลขที่ ๗๐ หมู่ ๒ ต าบลพลา อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

โทรศัพท์ : ๐ ๓๘๒๔ ๕๑๙๔ โทรสาร : -
Website : http://www2.fleet.navy.mi.th/ E-mail : -

- ๒๒ -



๒.๑.๓ กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยทธการ (กทบ.กร.)
พระอนุสาวรีย์

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ที่ตั้ง กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ



























หน่วยรับผิดชอบ กองเรือยุทธการ
หน่วยด าเนินการ กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ
๑. วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
- เป็นที่เคารพสักการบูชาของก าลังพลในสังกัด และประชาชนผู้สนใจทั่วไป

๒. ประวัติความเป็นมา
กองทัพเรือเป็นผู้จัดสร้าง เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๘ หลังจากนั้น พลเรือเอก ธีระ ห้าวเจริญ
ผู้บัญชาการทหารเรือ ในขณะนั้น ได้แจกจ่ายให้หน่วยต่าง ๆ ในกองทัพเรือ ร่วมมือร่วมใจกัน


สร้างพระอนุสาวรีย์ รวมทั้งกองเรือทุ่นระเบิดในปี พ.ศ.๒๕๔๓ พธีเปิด เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๖
หลังจากสร้างฐานขึ้นใหม่ โดยมี พลเรือเอก วิชัย ยุวนางกูร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ในขณะนั้น
เป็นประธานในพิธี
๓. รายละเอียด

- พระอนุสาวรีย์ ขนาดสูง ๓๙ นิ้ว ท าด้วยโลหะส าริดรมด า อริยาบถพระรูปยืน ฉลองพระองค์
เครื่องแบบทหารเรือและทรงพระมาลา
๔. การติดต่อ / ประสาน

ที่ตั้ง : ๕๗ หมู่ ๕ ถนนสุขสวัสดิ์ ต าบลแหลมฟ้าผ่า อาเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๒๙๐
โทรศัพท์ : ๐ ๒๔๗๕ ๖๕๑๗ โทรสาร : ๐ ๒๔๗๕ ๖๐๕๓
Website : http://www2.fleet.navy.mi.th/ E-mail : -
Facebook : https://www.facebook.com/MineSquadron/

- ๒๓ -


๒.๒ ทัพเรือภาค
๒.๒.๑ ทัพเรือภาคที่ ๑ (ทรภ.๑)

พระต าหนัก

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ที่ตั้ง ฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ ๑
































หน่วยรับผิดชอบ ฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ ๑

หน่วยด าเนินการ ฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ ๑
๑. วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
-
๒. ประวัติความเป็นมา

พระต าหนัก พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์

แห่งนี้เริ่มจัดสร้างขึ้น เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ โดย นาวาเอก สรายุทธ สุขรมย์ ผู้บังคับการ
ฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ ๑ ในขณะนั้น เป็นผู้ตั้งใจริเริ่มการจัดสร้างขึ้นแท่นพระต าหนักหลังเดิม

ื่
ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าอาคาร กองบังคับการฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด เพอเป็นการน้อมร าลึก
ถึงพระมหากรุณาธิคุณของเสด็จในกรมฯ และเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้กับก าลังพลทหารเรือ ยึดมั่น
ในการท าความดี ตลอดจนเป็นที่สักการบูชาของเหล่าทหารเรือ และบุคคลทั่วไป ที่เดินทางเข้ามาภายใน

กองบังคับการฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด การสร้างพระต าหนักนี้ ได้รับความร่วมมือร่วมใจอนดี
ื่
จากทุกภาคส่วนในการร่วมระดมทุนทรัพย์ เพอเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างจนส าเร็จลุล่วงสมความตั้งใจ
เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๗ โดยมี พลเรือโท วีระพันธ์ สุขก้อน ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑ ในขณะนั้น
เป็นประธานในพิธีฉลองสมโภชพระต าหนักหลังใหม่แห่งนี้

- ๒๔ -


๓. รายละเอียด
ภาพถ่าย






















































๔. การติดต่อ / ประสาน
ที่ตั้ง : ทัพเรือภาคที่ ๑ อ าเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด
โทรศัพท์ : ๐ ๓๙๕๑ ๘๕๑๙ ภายในกองทัพเรือ ๗๑๕๓๙ โทรสาร : -

Website : - E-mail : -
Facebook : https://www.facebook.com/MineSquadron/

- ๒๕ -


พระต าหนัก
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ที่ตั้ง ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะช้าง





















หน่วยรับผิดชอบ ทัพเรือภาคที่ ๑
หน่วยด าเนินการ ทัพเรือภาคที่ ๑
๑. วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง

- เพอเป็นปูชนียสถานและศูนย์รวมจิตใจของก าลังพลของหน่วย อนเนื่องจากพระองค์ท่าน

ื่
ทรงเป็นองค์บิดาของทหารเรือไทย จักได้เป็นอนุสรณ์เตือนจิต ให้ยึดมั่นในความดีและปฏิบัติหน้าที่
อย่างเต็มความสามารถดังที่พระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติมา ดังค าในตราประจ าราชสกุลอาภากร “กยิราเจ กยิราเถนัง”
ท าสิ่งไร ควรท าจริง

ื่
- เพอเป็นการน้อมร าลึกถึงพระกรุณาธิคุณและเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน
ตลอดจนเป็นที่สักการบูชาของข้าราชการทหารเรือและประชาชนทั่วไป
ื่
- เพอเป็นสถานที่ประกอบพธีส าคัญของหน่วย ได้แก่ วันยุทธนาวีเกาะช้าง (๑๗ มกราคม ของทุกปี)

วันคล้ายวันประสูติ (๑๙ ธันวาคม ของทุกปี) วันอาภากร (๑๙ พฤษภาคม ของทุกปี) และส าหรับหมู่คณะ
ที่มาดูงานศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะช้าง อ าเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
๒. ประวัติความเป็นมา
เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ คณะกรรมการจัดสร้างพระต าหนัก ได้ร่วมประชุมหารือ

ในการจัดสร้างพระต าหนัก ที่ประชุมได้ก าหนดแนวทางในการด าเนินการ โดยแบ่งการด าเนินการหลัก ๆ คือ
ก าหนดรูปแบบของพระต าหนัก และแนวทางในการจัดหาทุนสร้างพระต าหนัก พร้อมพระรูปหล่อจ าลองของ
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศกดิ์ ซึ่งในเรื่องรูปแบบ



ของพระต าหนักนั้น คณะกรรมการจัดสร้างพระต าหนัก เห็นพองให้กองช่างโยธา ฐานทัพเรือสัตหีบ
เป็นผู้ด าเนินการในการออกแบบพระต าหนัก โดยสามารถออกแบบแล้วเสร็จ เมื่อวันพฤหัสบดีที่
๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ โดยมี นาวาโทหญิง จันทร์รุ่ง มนต์วิเศษ เป็นสถาปนิกออกแบบและคณะกรรมการ
ื่
จัดสร้างพระต าหนัก ได้มีข้อตกลงให้มีการด าเนินการจัดสร้างวัตถุมงคล และเหรียญที่ระลึก เพอหาทุนในการ
จัดสร้างพระต าหนัก โดยมีมติจัดสร้างวัตถุมงคล ได้แก่ รูปหล่อจ าลองพระพทธชินราช หลวงปู่ศุข

วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท และเสด็จในกรมฯ ความสูงเท่าพระองค์จริง ประดิษฐานในพระต าหนัก

- ๒๖ -


พร้อมเหรียญที่ระลึกให้เช่าส าหรับผู้ที่มีจิตศรัทธา ระหว่างด าเนินการได้มีผู้ที่มีจิตศรัทธาในเสด็จในกรมฯ
ร่วมสมทบทุนอีกเป็นจ านวนมาก อาทิเช่น นางอภิณะฎา ใสไหม และคณะได้ร่วมสมทบทุนเป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท
เพื่อใช้ในการเททองหล่อพระรูปจ าลอง ขนาดเท่าพระองค์จริง ที่จะน าไปประดิษฐานที่พระต าหนัก นอกจากนี้


เมื่อวันองคารที่ ๑๒ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ทัพเรือภาคที่ ๑ ร่วมกับจังหวัดตราด ได้จัดพธีทอดผ้าป่าสามัคคี
ณ ฐานส่งก าลังบ ารุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ ๑ โดยมี พระครูสังฆกิจบูรพา (หลวงปู่บัว ถามโก)
เจ้าอาวาสวัดศรีบูรพาราม จังหวัดตราด เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑ เป็นประธาน

ฝ่ายฆราวาส นางสาวเบญจวรรณ อานเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ ร่วมพธี

ทอดผ้าป่าสามัคคจัดสร้างพระต าหนัก ซึ่งได้เงินสมทบทุนอีกเป็นจ านวนเงิน ๑,๑๒๒,๒๓๒ บาท

ส าหรับองค์พระรูปหล่อจ าลองของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
ื่
กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ นั้น ทัพเรือภาคที่ ๑ ได้เสนอขออนุญาตราชสกุลอาภากร เพอจัดสร้าง


พระรูปหล่อจ าลองขนาดเท่าพระองค์จริง เมื่อวันองคารที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ และได้รับอนุญาต
เมื่อวันอังคารที่ ๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ ส่วนการขออนุมัติแบบต าบลที่การก่อสร้างพระต าหนัก ทัพเรือภาคที่ ๑
ได้เสนอกองทัพเรือ เพอขออนุมัติแบบต าบลที่งานก่อสร้างพระต าหนัก และได้รับอนุมัติจากกองทัพเรือ
ื่
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔
เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ ได้จัดให้มีพธีเททองหล่อองค์พระรูปหล่อ ณ โรงหล่อ

ยงค์เจริญการช่าง อ าเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยมี พลเรือตรี ทวีป สุขพินิจ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑
ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๙ นาฬิกา ๑๙ นาที คณะกรรมการจัดสร้างพระต าหนัก
ได้ก าหนดให้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์พระต าหนัก โดยมี พลเรือโท ฆนัท ทองพล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑

ในขณะนั้น เป็นประธานในพธี และเรียนเชิญราชสกุลอาภากรโดย หม่อมราชวงศ์จิยากร (อาภากร) เสสะเวช

ประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากรใน พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์

กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ ร่วมเป็นเกียรติในพธี พร้อมกับข้าราชการ ประชาชน และส่วนราชการใน

จังหวัดตราด

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ คณะกรรมการจัดสร้างพระต าหนัก ได้ประกอบพธีอญเชิญ

พระรูปหล่อจ าลอง มาประดิษฐานชั่วคราว ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑ โดยมีผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑
เป็นประธานในพิธี

เมื่อวันพธที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔ อญเชิญพระรูปหล่อจ าลอง พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ


พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ จากแท่นประดิษฐานชั่วคราว ณ กองบัญชาการ

ทัพเรือภาคที่ ๑ อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ไปประดิษฐาน ณ พระต าหนัก บริเวณศูนย์รักษาความปลอดภัย
ทางทะเล กองทัพเรือ เกาะช้าง อาเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด พร้อมจัดงานฉลองสมโภชและจัดงานเปิดพระต าหนัก

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔

- ๒๗ -


๓. รายละเอียด
รูปแบบ
พระรูปหล่อจ าลองขนาดเท่าพระองค์จริง (รมด า) ถอดพระมาลา
ขนาด

ความสูง ๑๗๒ เซนติเมตร
ประติมากร
นาวาโทหญิง จันทร์รุ่ง มนต์วิเศษ
งบประมาณการก่อสร้าง

ใช้งบประมาณจากผู้มีจิตศรัทธาบริจาค
ระยะเวลาการก่อสร้าง
ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔
รูปภาพการด าเนินกิจกรรม


ภาพถ่ายพิธีเททองหล่อองค์พระรูปหล่อ ณ โรงหล่อยงค์เจริญการช่าง อาเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ โดยมี พลเรือตรี ทวีป สุขพนิจ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑
ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี


Click to View FlipBook Version