พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศพิพัฒน
ื
บทความ“เล่าเรื่องเมืองไทย” เป็นเร่องราว ได้โปรดให้สร้างพระราชวังนี้ขึ้น ภายหลังจากที่ทรงกอบกู้
ื
่
ิ
ื
่
ทางประวัติศาสตร์ วรรณคดี ประสบการณ์ และสิ่งละอัน เอกราชให้ชาตไทย เมอปี พ.ศ. ๒๓๑๐ เพอใช้เป็น
ี
ื
ี
�
พันละน้อย ท่ผู้เขียนเขียนข้น โดยนาข้อมูลจากหนังสือต่าง ๆ ท่ประทับและว่าราชการ เม่อทรงสถาปนากรุงธนบุร ี
ึ
มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว และได้เคยส่งไปตีพิมพ์เผยแพร่ เป็นราชธานีพร้อมกับปรับปรุงป้อมวิไชยเยนทร์และ
ในนิตยสารต่าง ๆ หลายเล่ม เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นป้อมวิไชยประสิทธิ์ ต�าแหน่งที่ตั้งของ
์
้
ื
ี
ั
ั
ี
ื
็
ต่อมาได้พิจารณาเหนว่าควรจะนาเร่องราวต่าง ๆ พระราชวงหลวงนมความส�าคญทางยุทธศาสตร เน่องจาก
�
ั
ี
ี
�
ท่เขียนไว้มารวบรวมและตีพิมพ์เป็นเล่มจึงได้จัดทา มีป้อมปราการท่ม่นคง สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล
ั
ั
ั
เป็นหนังสือ จ�านวน ๓ เล่ม ๗๐ เรื่อง โดยกองบัญชาการ อีกท้งยงใกล้กบเส้นทางคมนาคมและเส้นทางการเดินทัพ
กองทัพไทยได้สนับสนุนการจัดพิมพ์ จ�านวน ๒ ครั้ง และ ที่ส�าคัญด้วย
ั
ได้แจกจ่ายให้กบสถานศกษาต่าง ๆ ทวประเทศ แต่ อาณาเขตของพระราชวังเดิมในสมัยสมเด็จ
ึ
ั
่
ี
้
ั
ั
ิ
้
่
่
้
ี
ื
ิ
้
ไม่เพียงพอกับความต้องการ ดังน้น เม่อนิตยสาร พระเจาตากสนมหาราชนน มพนทตงแตป้อมวไชยประสิทธ ์ ิ
ั
ื
ึ
ึ
�
นาวิกศาสตร์ซ่งเป็นนิตยสารสาคัญของกองทัพเรือจะนา � ข้นมาจนถึงคลองเหนือวัดอรุณราชวราราม (คลองนครบาล)
เรื่องต่าง ๆ มาตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ผู้เขียนจึงมีความยินดี โดยรวมวัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม) และวัดท้ายตลาด
ี
ั
เนื่องจากเห็นว่าเรื่องต่าง ๆ จะเป็นการอ�านวยประโยชน์ (วัดโมลีโลกยาราม) โดยวัดท้งสองน้ไม่มีกุฏิพระและ
ื
�
ให้ผู้อ่าน ท้งท่เป็นทหารเรือ ครอบครัว และบุคคลภายนอก ไม่มีพระภิกษุจาพรรษา ต่อมาเม่อพระบาทสมเด็จ
ี
ั
ึ
ไม่มากก็น้อย พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จข้นครองราชสมบัต ิ
ในท้ายท่สุด ผู้เขียนขอกราบขอบพระคุณ ครูบาอาจารย์ ได้ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งพระนคร โดยสร้าง
ี
ึ
ี
จากสถานศึกษาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนอ�านวยศิลป์ พระบรมมหาราชวังข้นเป็นท่ประทับ พระราชวังกรุงธนบุร ี
่
ึ
ั
้
ั
ั
ื
้
โรงเรียนเตรียมทหาร และ โรงเรียนนายเรือ จงได้ชอว่า พระราชวังเดิม ตงแต่บดนน
้
ู
ู
้
ื
�
ี
่
่
ิ
ทประสทธประสาทวชาความรใหผเขยนเพอนาเรองราวตาง ๆ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรง
ี
ิ
้
์
ิ
่
่
ื
�
ี
ี
มาถ่ายทอดให้ผู้อ่าน อย่างไรก็ด หากมีข้อคิดเห็นหรือ กาหนดเขตวังให้แคบกว่าเดิมโดยให้วัดทั้งสองท่กล่าวแล้ว
ื
ื
ข้อเสนอแนะ กรุณาแจ้งให้ผู้เขียนทราบด้วย เพ่อน�า อยู่ภายนอกพระราชวัง และเน่องจากพระราชวังกรุงธนบุรี
ั
ั
�
�
ี
ั
มาปรับปรุงและแก้ไขต่อไป ทั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาดใด ๆ มีความสาคัญในทาเลท่ต้ง จึงทรงแต่งต้งพระราชวงศ์ช้นสูง
ี
ผู้เขียนขอน้อมรับแต่เพียงผู้เดียว ท่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยมาประทับหลายพระองค์
็
ั
่
ี
พระราชวังเดิม สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพเรือ ภายหลงจากทสมเดจพระเจ้าน้องยาเธอ
ิ
ี
พระราชวังเดิมเป็นพระราชวังหลวงของสมเด็จ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศม กรมพระจักรพรรดิพงษ์ ส้นพระชนม์
ั
้
พระเจ้าตากสินมหาราช ต้งอยู่ริมฝั่งแม่นาเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้
�
ั
ี
บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ในพ้นท ๆ เคยเป็น พระราชทานพระราชวังเดิมให้เป็นท่ต้งโรงเรียนนายเรือ
ื
ี
่
�
ั
่
ี
ี
ึ
ั
ท่ต้งของป้อมวิไชยเยนทร์ท่สร้างข้นในสมัยสมเด็จ ต้งแต่วันท ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๓ ตามคาขอ
ี
พระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ของพระยาชลยุทธโยธินทร์ ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
24 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๔ ประจำ�เดือน เมษ�ยน ๒๕๖๒
ั
ี
ั
ื
ี
ในขณะน้น แต่ทรงมีพระราชดาริว่า “แต่ของท่ปลูกสร้าง รัชกาลท ๕ เม่อคร้ง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
่
�
ี
มาแต่เดิม ซ่งควรจะรักษาให้คงไว้มีบางอย่าง คือท้องพระโรง เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศม กรมพระจักรพรรดิพงษ์ ได้รับ
ึ
�
และตาหนักเก๋งของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ และ พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังเดิม
ศาลเจ้าตาก ศาลศีรษะปลาวาฬ ของเหล่านี้ให้ซ่อมแซม ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๔ - ๒๔๔๓ โดยมีพระดาริให้สร้างศาล
�
ึ
รักษาให้คงอยู่ตามเดิม” หลังปัจจุบันข้นแทนศาลหลังเดิมท่มีสภาพชารุด
ี
�
ื
กองทัพเรือในสมัยเม่อยังมีฐานะเป็นกรมทหารเรือ ทรุดโทรม
ได้ซ่อมแซมดัดแปลงและต่อเติมตาหนักและเรือนพัก
�
เป็นกองบังคับการโรงเรียนนายเรือ อาคารเรียน และ
อาคารนอนของนักเรียน
ี
�
สาหรับอาณาเขตโรงเรียนนายเรือขณะท่ได้รับ
ั
่
ู
้
ุ
้
้
็
พระราชทานจากพระบาทสมเดจพระจลจอมเกลาเจาอยหวนน
ั
ื
้
ี
่
็
ื
่
ี
ู
่
่
ื
จะเป็นพนทรปสเหลี่ยมผนผ้าเลกๆ ตอมาเมอ พลเรือเอก
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
�
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด หรือเสด็จในกรมฯ ดารง
ิ
์
�
ตาแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ จึงได้โปรดเกล้าฯ
ี
ั
ิ
่
ื
ี
ให้ซอทดนเพมเตมเพอเป็นสถานทเล่นกฬาของนกเรยน
่
่
ิ
่
ื
ี
ี
้
ิ
นายเรือด้วย รูปแบบของศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ั
ี
โรงเรียนนายเรือต้งอยู่ท่พระราชวังเดิมตลอดมา เป็นอาคารทรงไทยท่มีการผสมผสานรูปแบบ
ี
จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๘๗ ได้ย้ายไปอยู่ที่สัตหีบชั่วคราว สถาปัตยกรรมตะวันตก ในบางส่วนหลังคาอาคารเป็นทรงไทย
ั
่
ี
ื
ในช่วงสงครามโลกคร้งท ๒ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ มีมุขลดสามด้าน มุงด้วยกระเบ้องดินเผาสีส้มอมเหลือง
่
ี
�
ั
�
ได้ย้ายไปอยู่ท ตาบลเกล็ดแก้ว อาเภอสัตหีบ เช่นกัน หน้าจ่วประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์และนาคสะดุ้ง
ื
ี
ั
ี
ั
้
ี
ก่อนจะย้ายมาต้งท่จังหวัดสมุทรปราการ เม่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ทาดวยไมสักทาสแดง ผนงหนาบันเปนฝากออิฐฉาบปูนเรยบ
็
่
�
้
้
กองทัพเรือได้ดัดแปลงแก้ไขอาคารเดิมของ ไม่ปรากฏลวดลายตกแต่ง ตัวอาคารยกพ้นสูง มีใต้ถุนด้านล่าง
ื
็
โรงเรียนนายเรอท่พระราชวงเดม เปนแบบทรงไทยใช้เปน จากหลักฐานการสารวจทางสถาปัตยกรรมและโบราณคด ี
ี
ิ
็
ั
�
ื
ท่ต้งกองบัญชาการกองทัพเรือมาต้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ เม่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ พบว่าศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ื
ั
ั
ี
ุ
ื
ึ
่
ี
้
็
้
ั
ั
ปจจบนอาคารหลงนใชเปนททาการของผบญชาการทหารเรอ หลังปัจจบันสร้างซ้อนทับลงบนฐานของอาคารอีกหลังหนง
ั
ุ
ี
�
้
ู
่
ั
ี
โบราณสถานท่ยังปรากฏอยู่ในพระราชวังเดิม ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นศาลหลังเดิม
ี
้
ในปัจจุบันน คือ ส่งปลูกสร้างท่พระบาทสมเด็จ ภายในศาลประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จ
ี
ิ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้อนุรักษ์ไว้ ได้แก่ ท้องพระโรง พระเจ้าตากสินมหาราชประทับยืน และทรงพระแสงดาบ
ึ
�
พระตาหนักเก๋งคู่ พระตาหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขนาดประมาณเท่าคร่งของพระองค์จริง ในศาลของ
�
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และป้อมวิไชยประสิทธ ิ ์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จะเป็นท่ประดิษฐานของ
ี
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เจ้าแม่ทับทิมด้วย ทั้งนี้ บนผนังระหว่างเจ้าแม่ทับทิมจะ
ี
ั
ต้งอย่ทางทศเหนือของอาคารเก๋งค่ และต้งประชิด มอกษร ๔ แถว เป็นภาษาจน โดย ๒ แถวด้านนอก
ู
ั
ิ
ี
ั
ู
็
�
กาแพงพระราชวังทางด้านทิศตะวันออก ศาลสมเดจ เป็นอักษร สแดง แปลความได้ว่า “ชายฝั่งยาวเหยียดช่วยเรือ
ี
ึ
พระเจ้าตากสินมหาราชหลังปัจจุบัน สร้างข้นในสมัย เข้าฝั่งอย่างปลอดภัยคอยส่งสัญญาณเตือนภัยถึงผู้คน
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๔ ประจำ�เดือน เมษ�ยน ๒๕๖๒ 25
�
ี
ั
(คาสรรเสริญเจ้าแม่ทับทิม)” ๒ แถวใน เป็นอักษร - พระท่นั่งองค์ทิศใต้ ต้งอยู่ทางทิศใต้ของพระท่น่ง
ั
ี
ึ
ี
ั
สีทอง แปลได้ว่า “ถึงวาระจากไปเหลือไว้ซ่งนามพร้อม องค์แรก เรียกกันว่า พระท่น่งขวาง เป็นส่วนพระราชมณเฑียร
ี
ั
ผลงานระบือ ได้ก่อร่างสร้างบัลลังกจอมกษัตริย หรือพระราชฐานช้นกลางอันเป็นท่ประทับส่วนพระองค์
ื
ด้วยความกล้าหาญ นามกระเดองไปแดนไกล ของพระมหากษัตริย์
่
(ค�าสรรเสริญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช)”
อาคารต�าหนักเก๋งคู่ริมประตู
อาคารท้องพระโรง เก๋งจีน ๒ หลังคู่น้เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน
ี
ั
อาคารท้องพระโรงเป็นอาคารทรงไทย ผงอาคาร ระหว่างสถาปัตยกรรมแบบจีนและแบบไทย ตัวอาคาร
รูปตรีมุข วัสดุมุงหลังคาเป็นกระเบ้องดินเผาสีส้ม ในปัจจุบันเป็นตึกก่ออิฐถือปูนช้นเดียวยกพ้น หลังคา
ั
ื
ื
ชนิดหางเหล่ยมไม่เคลือบส ด้านจ่วประดับด้วยช่อฟ้า ทรงจ่วแบบจีน เก๋งคู่หลังเล็ก (หลังใน) ต้งขนาน
ี
ั
ี
ั
ั
ึ
ใบระกา หางหงส์ และนาคสะดุ้ง สร้างข้นในราวปี กับ เก๋งคู่หลังใหญ่ (หลังนอก) ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ
ี
พ.ศ. ๒๓๑๐ พร้อมกับการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธาน ี หลังจากท่กองทัพเรือได้เข้ามาใช้พ้นท่แล้ว
ื
ี
อาคารท้องพระโรง ประกอบด้วยพระที่นั่งสององค์เชื่อม ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๔๗ – ๒๔๖๕ ได้ใช้อาคารหลังนี้
ต่อกัน ได้แก่ เป็นท่ต้งหน่วยงานต่าง ๆ ของโรงเรียนนายเรือ และ
ี
ั
- พระท่น่งองค์ทิศเหนือ เรียกว่า ท้องพระโรง ท้ายสุดในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ก่อนการซ่อมบูรณะไม่ม ี
ี
ั
ิ
ี
ื
อยทางทศเหนอใชเปนทออกขนนางตรงกลางมเสาไมกลม การใช้งานแต่อย่างใด ปัจจุบันมีการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว
่
ู
็
้
้
ุ
่
ี
ี
๒ แถว ๆ ละ ๘ ต้น เรียกว่า ในประธาน เป็นท่รอ อาคารต�าหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
รับเสด็จของขุนนางขณะเข้าเฝ้า ทางทิศใต้ยกพ้นสูง อาคารตาหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
�
ื
ึ
เรียกว่า มุขเด็จ ใช้เป็นท่ประทับของพระมหากษัตริย์ สร้างข้นเม่อคร้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
ี
ื
ั
ขณะเสด็จออกว่าราชการ ขณะดารงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
�
ี
กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ประทับอยู่ท่พระราชวังเดิม
ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๓๖๗ - ๒๓๙๔
อาคารตาหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
�
เป็นสถาปัตยกรรมท่มีรูปแบบตะวันตกหรือเรียกว่า
ี
“ตึกแบบอเมริกัน” และหากพิจารณาทางด้านประวัติศาสตร์
ี
�
สถาปัตยกรรมอาจถือได้ว่าอาคารน้เป็นตาหนักแบบ
ตะวันตกหลังแรกที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
26 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๔ ประจำ�เดือน เมษ�ยน ๒๕๖๒
รูปแบบโดยท่วไปของอาคารตาหนักเก๋งสมเด็จ ป้อมวิไชยประสิทธิ์
�
ั
ั
พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นตึกก่ออิฐถือปูน ๒ ช้น หลังคาทรง ป้อมนี้เดิมชื่อ ป้อมวิไชยเยนทร หรือป้อมบางกอก
ั
ปั้นหยา มีหน้าจ่วปีกนก ๒ ด้าน บริเวณช้นบนของตาหนัก สร้างข้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดย
ั
�
ึ
เป็นส่วนที่ประทับ กั้นเป็นห้องต่าง ๆ ด้วยผนังไม้ พื้นที่ เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์กราบบังคมทูลแนะนาให้สร้างข้น
�
ึ
ั
ี
ช้นล่างสันนิษฐานว่าคงจะใช้เป็นท่อยู่ของคนรับใช้ พร้อมกับป้อมทางฝั่งตะวันออกของแม่นาเจ้าพระยา
�
้
ี
ั
ึ
รวมท้งเป็นส่วนเตรียมงานถวายรับใช้ในบางกรณ ในตอนแรก ซ่งต้งอยู่บริเวณระหว่างวัดพระเชตุพนกับปากคลองตลาด
ั
�
�
้
สร้างอาคารผนังภายในและภายนอกก่ออิฐฉาบด้วยปูนด�า แล้วให้ขึงสายโซ่อันใหญ่ขวางลานาตลอดถึงกันท้งสอง
ั
้
ื
�
ขัดขาวแบบโบราณ ส่วนผนัง เพดาน พระแกล (หน้าต่าง) ฟากลานา เพ่อป้องกันข้าศึกทมาทางทะเล สมเด็จ
�
่
ี
ั
และพระทวาร (ประตู) รวมท้งส่วนประกอบตกแต่ง พระนารายณ์มหาราชทรงเห็นชอบด้วยและได้โปรดเกล้าฯ
ี
ื
อาคารอ่น ๆ ท่เป็นไม้ทาด้วยสีเขียวแก่ท้งหมด ให้เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์เป็นแม่กองก่อสร้างป้อม
ั
�
ั
สีเขียวน้เป็นสีท่นิยมใช้สาหรับตาหนักหรืออาคารในสมัยน้น จนแล้วเสร็จในระหว่างปี พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑
ี
ี
�
ั
ั
ี
่
็
่
ั
ั
หลงจากทสมเดจพระปิ่นเกล้าเจ้าอย่หวได้รบ ตอมาในสมยสมเดจพระเพทราชา มการรบระหวาง
็
ี
่
ู
บวรราชาภิเษก ได้ทรงย้ายไปประทับ ณ พระบวรราชวัง ทหารกรุงศรีอยุธยากับทหารฝร่งเศส เน่องจากทาง
ื
ั
ี
ี
�
พระตาหนักหลังน้ได้เป็นท่ประทับของพระราชวงศ์ ฝ่ายไทยต้องการขับไล่ฝรั่งเศสออกจากกรุงศรีอยุธยา ใน
หลายพระองค์ และพระราชวงศ์พระองค์สุดท้ายท่ประทับ การรบคร้งน้นป้อมทางฝั่งตะวันออกได้รับความเสียหายมาก
ี
ั
ั
คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศม ี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ร้อลง เม่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ื
ื
็
ั
กรมพระจกรพรรดิพงษ์ ต่อมาหลังจากท่พระบาทสมเดจ ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทยและสถาปนากรุงธนบุร ี
ี
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชวัง เป็นราชธานีได้ทรงสร้างพระราชวังหลวงในบริเวณ
ี
ั
ให้จัดต้งเป็นโรงเรียนนายเรือตามท่กล่าวแล้ว ได้ม ี ป้อมวิไชยเยนทรพร้อมกับทรงปรับปรุงป้อมน้ และ
ี
การปรับปรุงอาคารตาหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้ามหาราช พระราชทานนามใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ว่าป้อมวิไชยประสิทธ ์ ิ
�
เพ่อใช้เป็นสถานททาการของกองทัพเรอหลายหน่วย ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของป้อมวิไชยประสิทธ ิ ์
ื
�
ี
ื
่
จนถึงปัจจุบันจึงได้มีการอนุรักษ์ไว้ ในปัจจุบันเป็นป้อมก่ออิฐฉาบปูน มีกาแพง ๒ ช้น ขนานกัน
�
ั
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๔ ประจำ�เดือน เมษ�ยน ๒๕๖๒ 27
ุ
ี
็
ั
�
ก่อเป็นรูปแปดเหล่ยม เฉพาะกาแพงช้นในมีหอคอยกลม สมเดจพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตรนต์รัศม ี
ื
ทรงสอบสองหลังน่งบนกาแพงตรงมุมด้านทิศเหนือและ กรมพระจักรพรรดิพงษ์ ส้นพระชนม์ เม่อวันท ่ ี
ั
�
ิ
ึ
ี
ทิศใต้หลังจากท่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๕ และไม่มีการสร้างข้นมาใหม่อีก
ี
�
พระราชทานวังเดิมให้กองทัพเรือในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ แต่ได้นากระดูกปลาวาฬมาเก็บรวมไว้ท่ศาลสมเด็จ
ป้อมวิไชยประสิทธ์จึงอยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ พระเจ้าตากสินมหาราชเท่านั้น
ิ
ี
ื
ี
ื
เร่อยมาจนถึงปัจจุบัน กองทัพเรือได้ติดต้งปืนใหญ่โบราณ พ้นท่พระราชวังเดิม นับเป็นพ้นท่เก่าแก่และเป็น
ั
ื
สมัยรัชกาลที่ ๑ จ�านวน ๑๒ กระบอก ตรงบริเวณเชิงเทิน พระราชวังของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซ่งทรง
ึ
ั
�
ของกาแพงช้นนอก บริเวณเดียวกันทางด้านตะวันออก กอบกู้เอกราชจากพม่า รวมท้งเป็นท่ประทับของ
ั
ี
ั
ื
ึ
ั
มีปืนใหญ่ ๔ กระบอก ติดต้งเพ่อยิงสลุต (ท�าความเคารพ) พระมหากษัตริย์อีก ๒ พระองค์ เม่อคร้งยังไม่ได้ข้นครองราชย์
ื
ในพิธีสาคัญต่าง ๆ บริเวณทางเข้าป้อมทางทิศตะวันตก คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และ
�
ี
่
ื
ตรงกาแพงช้นใน ติดต้งเสาธงเพ่อชักธงราชนาว และ พระบาทสมเดจพระปิ่นเกล้าเจ้าอยหว ต่อมาเมอลนเกล้า
้
ั
ู่
�
ื
็
ั
ั
ธงต�าแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ รัชกาลท ๕ ได้พระราชทานท่ดินและอาคารให้เป็นสถานท่ตง
ี
่
ั
้
ี
ี
ื
ื
ี
�
ในการขุดสารวจพ้นท่ระหว่างศาลสมเด็จ ของโรงเรียนนายเรือ เม่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ ซ่งถือว่าเป็น
ึ
�
พระเจ้าตากสินมหาราช และพระตาหนักเก๋งคู่หลังเล็ก รากฐานและกาเนิดของกองทัพเรืออย่างสมบูรณ์
�
ั
ระหว่างการบูรณะคร้งปัจจุบัน ได้พบฐานอาคารทรง และเป็นกองบัญชาการกองทัพเรือในเวลาต่อมา
�
สี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง ๔.๕ เมตร ยาวประมาณ ๙ เมตร ยังความปลาบปลื้มและสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ
�
ทาให้สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็นอาคารศาลศีรษะปลาวาฬ ต่อกองทัพเรือและทหารเรืออย่างหาท่สุดมิได้
ี
ึ
ี
ั
ี
ั
ิ
ิ
ึ
ซ่งบันทึกไว้ว่า เป็นเก๋งจีนช้นเดียวคล้ายศาลเจ้าจีน ท้งน จึงนับเป็สถานท่ศักด์สิทธ์ของกองทัพเรือ ซ่งจะต้อง
้
ู
ภายในเก๋งมีกระดกปลาวาฬ ศาลนได้พังลงมาในวันท ่ ี ดูแลรักษาไว้เพ่อเป็นไปตามพระราชปณิธานและ
้
ื
ี
พระมหากรุณาธิคุณต่อกองทัพเรือสืบต่อไป
อ้างอิง
๑. แผนกประวัติการทหารเรือ กองประวัติศาสตร
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ, พระราชวังเดิม
๒. มูลนิธิอนุรักษโบราณสถานในพระราชวังเดิม
๓. ข้อมูลจาก คุณวุฒิ สุมิตร รองราชเลขาธิการ
๔. พระราชวังเดิมและวังในกรุงเทพฯ
(พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๕๒๕), ม.ร.ว.แน่งน้อย ศักดิ์ศรี,
ณพศร กฤตติกากุล, ดรุณี แก้วม่วง : มิถุนายน ๒๕๒๕
28 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๔ ประจำ�เดือน เมษ�ยน ๒๕๖๒